● เล่ห์รักฤดูร้อน ●
ยกที่ 34 – น้ำตาลใกล้มด
“..คิม หยุดก่อน”
เขาร้องปราม เสียงเบากว่าที่ตัวเองคาดไว้
ตามทฤษฎีแล้ว เขาควรห้ามให้หนักแน่นกว่านี้ แต่ในทางปฏิบัติกลับเป็นเรื่องยากเย็นเต็มทนหากพิจารณาร่วมกับสถานการณ์ คิมหันต์ไม่เพียงแต่ถนัดยั่วโมโหเท่านั้น เรื่องยั่วจนเขาอยากทำตามสัญชาตญาณด้วยการจับฟัดให้แหลกคามือเสียตรงนี้ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน
เด็กหนุ่มหัวเราะแผ่วเบา แทนที่จะหยุดกลับยิ่งเบียดตัวเองเข้ามาแนบชิดกว่าเก่า ไอร้อนจากร่างซึ่งทาบทับอยู่บนตัวแทบหลอมเอาความยับยั้งชั่งใจละลายหายไปหมด แม้แต่แอร์ในรถที่เปิดไว้เย็นเฉียบก็ไม่ช่วยให้ดีขึ้นเท่าไรนัก
“ทำไมล่ะ?” คิมหันต์กรีดยิ้ม ก่อนจะแนบริมฝีปากลงบนปลายคางเขา พรมจูบงก ๆ เงิ่น ๆ ตามสันกรามไล่ขึ้นมาจนถึงใบหู “ชอบผมไม่ใช่หรือ?”
สามภพขมวดคิ้วแน่น ความอดทนร่อยหรอลงอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กแสบตรงหน้าไปเอาวิธีแบบนี้มาจากไหน ดูท่าทางก็รู้ว่าคงไม่ได้เชี่ยวชาญนัก แต่น่าแปลกที่พอเป็นคิมหันต์เขากลับรู้สึกเหมือนจะขาดใจกับอาการพวกนั้นให้ได้
“เมาแล้วไอ้ตี๋”
เขากลั้นใจเอามือประคองใบหน้าอีกฝ่ายแล้วดันออกห่าง คิมหันต์ทำหน้ายุ่งพร้อมกับเอียงคอมองมาทางเขา นัยน์ตาเชื่อมเยิ้มส่งอารมณ์ตัดพ้อกลับมา
“เฮียแม่งป๊อดว่ะ”
ยังมีหน้ามาพูดอย่างนี้อีก ไม่ได้ดูสภาพตัวเองบ้างเลย พูดจบก็หัวเราะชอบอกชอบใจ เลิกชายเสื้อเขาขึ้นสูงจนมากองอยู่บนอก พอเห็นว่าติดแขนจนดึงขึ้นสูงกว่านั้นไม่ได้อีกจึงหันมาป้วนเปี้ยนกับขอบกางเกงเขาแทน ให้ตายเถอะ คิดว่าคนเรามันจะมีความอดทนได้สักเท่าไรกัน
“อยากเสียตัวรึไง?”
ชายหนุ่มถามเสียงเข้ม แต่คิมหันต์กลับเลิกคิ้วอย่างท้าทาย ครู่หนึ่งก็ก้มลงไปพยายามแกะกระดุมบนขอบกางเกงเขาทุลักทุเล แต่ไม่สำเร็จเพราะติดเข็มขัดค่อนข้างแน่นหนา เจ้าตัวทำท่าฟึดฟัดอยู่หนึ่งอึดใจแล้วขยับตัวหาท่านั่งให้ถนัดกว่าเดิม เห็นได้ชัดว่าสนใจคำเตือนของเขาที่ไหน
จังหวะที่กำลังขยับตัวเก้ ๆ กัง ๆ กระเป๋าสตางค์ของเด็กหนุ่มซึ่งเหน็บไว้ที่กระเป๋ากางเกงด้านหลังก็โดนดันขึ้นมาจนทำท่าจะหล่นแหล่มิหล่นแหล่ คนเป็นเจ้าของไม่ได้รู้เรื่องเลยสักนิด มัวแต่ง่วนอยู่กับเอวเขาอยู่นั่น ขยับตัวอีกเพียงครั้งเดียวหลังจากนั้นมันก็ร่วงลงมาหล่นตุบอยู่บนเบาะ
“??”
สามภพเอี้ยวตัวขึ้นมองตาม จากที่เห็นเพียงแวบหนึ่งว่ามีอะไรสักอย่างร่วงลงจากกระเป๋ากางเกงของคิมหันต์ ขณะที่มือของเขาก็ยังคว้าข้อมือเด็กหนุ่มไว้มั่น กลายเป็นเหมือนเขากำลังพยายามปกป้องอธิปไตยตัวเองสุดตัว สถานะดูกลับกันอย่างไรบอกไม่ถูก
กระเป๋าหนังสีดำกางแผ่บนเบาะ อะไรบางอย่างกระเด็นหลุดออกมาจากช่องเก็บของ เป็นสิ่งที่ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกประหลาดหากผู้ชายจะพกมันไว้กับตัว แต่พอคิดว่ามันเป็นของคิมหันต์ก็ทำเขาหงุดหงิดใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
“คิม”
เขาเลื่อนมือขึ้นมาล็อคไว้ที่ไหล่สองข้างของเด็กหนุ่ม กระชากทีเดียวอีกฝ่ายก็ตัวลอยหวือจากที่ซุกอยู่กลับขึ้นไปนั่งบนตักเขาพร้อมส่งสีหน้างงงวยใส่ ก่อนเขาจะหยิบซองถุงยางอนามัยเจ้าปัญหาขึ้นมาโบกระหว่างพวกเขาอย่างคาดโทษ
“นี่ของเราหรือ?”
คิมหันต์มองตามของในมือเขาแล้วยักไหล่ แม้ไม่ได้ตอบรับ แต่การไม่เถียงก็เป็นคำตอบชัดเจน
“ทำไมต้องพก? ใช้กับใคร?” เขาถามเสียงแข็ง “ปกตินอนกับผู้หญิงด้วยหรือ?”
เด็กหนุ่มถอนหายใจ กลอกตาหน่าย ๆ แล้วทำท่าจะโผเข้ามากอดเพื่อเบี่ยงเบนประเด็น แต่โดนเขาเอามือยันไว้ก่อน
“ตอบ”
“ยุ่งอะไรด้วย”
“คิมหันต์!”
ทำไมบรรยากาศช่างเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้หนอ?
“เจ้ใหญ่ให้พกผมก็พก!” คิมหันต์ยอมตอบมาจนได้ด้วยน้ำเสียงรำคาญใจ “เคยเรียนปะ เพศศึกษาน่ะ!?”
“พกเฉย ๆ ใช่ไหม?” เขายังเซ้าซี้ไม่เลิก รู้ทั้งรู้ว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็ยังมัวอารมณ์เสียอยู่นั่น นี่มันน่าหงุดหงิดเหลือเชื่อจริง ๆ “เคยใช้หรือยัง”
เด็กหนุ่มเม้มปากแน่น พวงแก้มขึ้นสีแดงจัด หลังจากจ้องเขาด้วยสายตาต่อว่าต่อขานครู่หนึ่งก็เสมองไปทางอื่นพร้อมกับบ่นหงุงหงิง “ยังมีหน้ามาถาม! เพราะพี่นั่นแหละ..นิสัย!”
สามภพไม่เข้าใจที่เด็กหนุ่มพูดสักนิด ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดท่ามกลางความเงียบซึ่งเขาใช้เป็นเครื่องมือกดดันให้อีกฝ่ายจำนนจนต้องขยายความต่อ
“กลับจากหัวหิน...เจ้ใหญ่เห็นรอยที่คอ” คิมหันต์กระซิบเสียงเบาหวิว พร้อมกับที่ผิวหน้ายิ่งเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มขึ้นอีก “หาว่าผมไปทำอะไรกับผู้หญิง...”
ชายหนุ่มเอียงคอตามเพื่อจะมองหน้าอีกฝ่ายให้ชัดขึ้น ขณะที่สมองก็คิดตามคำพูดของคนตรงหน้า พอเริ่มเดาเรื่องราวได้ราง ๆ ก็เกิดกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่เสียอย่างนั้น
“ไม่ขำนะเว้ย!” ไอ้ตัวแสบโวยลั่น ดิ้นดุกดิกจนหลุดจากที่ถูกเกาะกุมอยู่แล้วก้มลงมากระชากคอเสื้อเขาไว้ในมือ “ผมโดนจับอบรมยาวเหยียดเพราะพี่คนเดียว!”
บอกว่าห้ามขำก็ใช่ว่าจะหยุดกันได้ง่าย ๆ เขาทำตัวปวกเปียกยอมโดนกระชากคอเสื้อแต่โดยดี ไม่ขยับหนีสักนิดตอนคิมหันต์ก้มหน้าลงมาใกล้ แถมยังคิดอยู่ในใจว่าจะใกล้กว่าเดิมก็ไม่ว่าอะไร ทำตัวแบบนี้ช่างน่าเอ็นดูจนคล้ายจะอดใจไม่ไหว “ไม่บอกไปล่ะว่ารอยนั้นไม่ใช่ของผู้หญิง” พูดจบก็ยังหัวเราะอยู่ในลำคอจนคนฟังทำหน้ามู่ทู่อย่างขัดใจ
“พี่แม่งแย่!” เด็กหนุ่มร้องครวญ ก่อนจะซุกหน้าลงตรงซอกคอเขาแล้วกัดมาได้เต็มปากเต็มคำ
“!?” “หัดโดนซะบ้าง” คิมหันต์ร้องขู่แง่ง ๆ กัดซ้ำลงไปที่เดิมอีกครั้งจนเขาสะดุ้ง จากนี้คงเห็นเป็นรอยชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัย ทำเสร็จแล้วยังเอานิ้วมาลูบตรงรอยฟันแล้วทำหน้าพออกพอใจที่เห็นเป็นรอยแดงเด่นขึ้นบนผิว จากนั้นจึงย้ายไปบริเวณอื่นจนเกือบทั่วลำคอ ซึ่งคงให้ความรู้สึกดีกว่านี้หากคิมหันต์จะแยกออกระหว่างกัดกับจูบ และจำได้ว่าที่เขาเคยทำกับตัวเองนั้นไม่ใช่เอาแต่ฝังเขี้ยวลงไปแบบนี้
“ไอ้ลูกหมา!” เขาเริ่มโวย นิดหน่อยไม่เท่าไร แค่เจ็บ ๆ คัน ๆ เท่านั้น แต่พอโดนซ้ำไปซ้ำมาก็เริ่มรู้สึกว่านี่มันดูประหลาดเกินไปแล้ว แม้ไม่เถียงว่าถึงเจ็บแต่ออกจะรู้สึกดีอยู่ก็เถอะ “หยุดงับซะที”
“พี่ยังทำผมได้เลย!” อีกฝ่ายเถียงฉอด ๆ
“พี่ไม่ได้กัดอย่างนี้”
“พี่กัด!”
“พี่จูบ”
เหลือเพียงเสียงเพลงแผ่วเบาในรถ แต่ระหว่างพวกเขากลับเกิดความเงียบอันน่าขัดเขินขยายตัวขึ้นใหญ่โต ถ้อยคำที่เถียงกันอยู่นั้นช่างไร้สาระและน่าอายจนไม่น่าเอ่ยได้เต็มปากเต็มคำ แต่ทั้งสองคนก็พูดออกไปแล้วด้วยความพลั้งเผลอ ไม่มีใครส่งเสียงสักคำนับจากนั้น มีเพียงสายตาที่สบกันนิ่ง ไร้การเคลื่อนไหวจนราวกับว่าในรถนั้นหลุดออกจากกระแสเวลาปกติของโลกไปแล้ว
"ลืมแล้วหรือไง" เป็นเขาเองที่เริ่มพูดขึ้นก่อน ทั้งแหบและเบาจนแทบไม่ได้ยิน
ครู่ใหญ่กว่าคิมหันต์จะขยับตัวจากเดิมเล็กน้อย สายตาจับจ้องตรงมายังเขาอย่างเหม่อลอย นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนดูวาววับเหมือนมีอะไรฉ่ำเยิ้มเคลือบอยู่ ใบหน้าเคลื่อนเข้ามาใกล้เชื่องช้าราวกับเจ้าตัวกำลังตกอยู่ในภวังค์ซึ่งคงไม่ต่างจากเขานัก ก่อนเปลือกตาของเด็กหนุ่มจะปิดลงเมื่อริมฝีปากของพวกเขาแตะกันแผ่วเบา
"...."
สัมผัสนุ่มนิ่มบนเรียวปากนั้นอ่อนหวานจนแทบละลายให้ได้ อุณหภูมิอุ่น ๆ จากเนื้อตัวที่แนบกันอยู่เรียกร้องให้เขาเอื้อมมือไปตระกองกอดร่างเด็กหนุ่มแล้วกระชับอ้อมแขนแน่นเข้ามาอีก คิมหันต์ส่งเสียงครางผะแผ่วขณะที่ยังพยายามโฉบอยู่ที่ริมฝีปากเขากล้า ๆ กลัว ๆ อย่างอ่อนประสบการณ์ ปลายนิ้วขยุ้มอยู่กับเส้นผมเขาเสียแน่น ถึงจะแสดงท่าทีเร่งเร้าด้วยการบดเบียดเข้ามาดูดเม้ม ทว่ากลับไม่กล้าแม้แต่จะส่งปลายลิ้นแทรกในจูบ ทำเพียงแต่เล็มไล้อยู่ด้านนอกอย่างเรียกร้อง และความอดกลั้นของเขาก็ดูคล้ายว่ากำลังถึงที่สุดแล้วจริง ๆ ทั้งในด้านกายภาพและความรู้สึก
“..คิม...” สามภพกระซิบเสียงแหบพร่า สุ้มเสียงหลังจากนั้นถูกกลืนหายไปในจูบ ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นตอบสนองกับรสสัมผัสตะกรุมตะกราม ประคองท้ายทอยคิมหันต์ไว้ด้วยมือเดียว เพื่อผลักให้อีกฝ่ายขยับไปในทิศทางที่จะลิ้มรสหวานบนเรียวปากได้ลึกล้ำเข้าไปอีก
“..อือ..” คิมหันต์ไม่ขัดขืนสักนิด แค่เขาออกแรงที่ฝ่ามือและปลายนิ้วเพียงเบา ๆ เด็กหนุ่มก็เอนศีรษะตามอย่างว่าง่าย สองมือเลื่อนลงจากศีรษะมาคล้องไว้รอบต้นคอเขา กดจูบซ้ำ ๆ เข้าหาอย่างรักใคร่ หรือไม่ก็คงเป็นอะไรคล้าย ๆ อย่างนั้นที่ฉายในดวงตาหรี่ปรือฉ่ำเยิ้ม
“กอดผม” ไอ้ตัวแสบเอ่ยคำสั่งเอาแต่ใจด้วยเสียงสั่นพร่า ซุกหน้าลงกับซอกคอเขาเหมือนเป็นลูกแมว ขยับตัวเข้าแนบชิดจนแทบจมหายไปในอกเขา “..รักผม”
หัวใจคล้ายว่าเริ่มทำงานไม่เป็นปกติ เดี๋ยวก็เต้นรัวจนแน่นไปหมด และอีกประเดี๋ยวก็คล้ายจะหยุดเต้นไปเลยตรงนั้น เขาไม่รู้คิมหันต์ตั้งใจจะทำอะไร ตอนนี้ยังมีสติครบถ้วนสมบูรณ์ดีแค่ไหน แล้วนี่เป็นแค่พูดเพ้อเจ้อหาสาระไม่ได้หรือเป็นความจริงที่เจ้าตัวกำลังรู้สึกอยู่ เรื่องเหล่านั้นดูเหมือนเป็นปริศนาที่หาข้อสรุปไม่เจอ และเขาเองก็ช่างบ้าที่ถูกยั่วโดยคนที่เคยสบประมาทไว้เองว่าเป็นแค่เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมจนคล้ายจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมดแม้ในขณะที่เขาเหวี่ยงร่างคิมหันต์อย่างแรงจนเด็กหนุ่มพลิกตัวลงไปนอนหงายอยู่บนเบาะ โดยตัวเขากลับมาเป็นฝ่ายคร่อมร่างนั้นไว้ใต้ร่างของตัวเอง
“ไม่มีใครรักหรือไง?”
แม้จะถามอะไรใจร้ายอย่างนั้น แต่ท่าทีกับไปคนละทางกับสิ่งที่พูด สามภพลูบผมอีกฝ่ายอ่อนโยน เอานิ้วเกลี่ยแผ่วเบาให้เส้นผมสีทองละเอียดพ้นหน้าผาก แรงดึงดูดบางอย่างบนดวงหน้าเกลี้ยงเกลาของเด็กหนุ่มทำให้เขาเคลื่อนใบหน้าตัวเองเข้าหาเชื่องช้า สายตาจับจ้องอยู่บนริมฝีปากสีชมพูสดซึ่งดูเจ่อขึ้นมาน้อย ๆ หลังจากแลกจูบกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“อยากให้รักหรือ?” เขากระซิบ สุ้มเสียงแหบแห้งจนแปลกหูตัวเอง จมูกโด่งดุนดันเบา ๆ บนปลายจมูกคิมหันต์ ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดกับไปมาทำเขาแทบคลั่ง “แล้วทำตัวให้น่ารักหรือเปล่า?”
คิมหันต์หัวเราะลอย ๆ ผงกศีรษะขึ้นจนปากเจ้าตัวชนกับปากเขา พึมพำอย่างหลงตัวเองในจูบ แม้สิ่งที่พูดก็ดุคล้ายจะมีส่วนจริงอยู่มากทีเดียว “ผมทำตัวน่ารักกว่าพี่เยอะ”
ข้อนั้นเขาไม่ปฏิเสธ คิมหันต์น่ารัก ซึ่งเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ตัวเองเกิดความรู้สึกเช่นนี้ได้ แต่ก็ยังปากหนักเกินกว่าจะพูดเหมือนที่เคยเป็นมาตลอด
“งั้น ๆ ละ” ชายหนุ่มส่ายหน้า เอ่ยอะไรอย่างอื่นเป็นการกลบเกลื่อน “ก็แค่ไอ้ตี๋น้อยอ่อนหัด”
ดูท่าทางแล้วคิมหันต์คงไม่ชอบใจคำตอบนัก ฟังจบก็จัดการส่งบททดสอบหนักหนาสาหัสมาให้อีกระลอกด้วยการผลักอกชายหนุ่มออกเต็มแรง ก่อนจะตามมากระชากชายเสื้อเขาแล้วดึงขึ้นสูง พยายามจะถอดมันออกทุลักทุเล เด็กหนุ่มพ่นลมออกจมูกด้วยความหงุดหงิดเมื่อเห็นว่ามันมาติดอยู่กับไหล่ซ้ายของเขาอย่างดื้อดึง ทั้งทึ้งทั้งเขย่าเหมือนตั้งใจเอาให้ขาดคามือให้ได้ แย่หน่อยตรงที่เสื้อเขาใช่ว่าจะหนามากนัก ปล่อยคิมหันต์กระชากอยู่อย่างนี้ท่าทางคงได้ขาดวิ่นจริง ๆ ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าเป็นแน่ ที่สุดแล้วจึงต้องโอนอ่อนด้วยการหดแขนอย่างเนียน ๆ ให้อีกฝ่ายดึงเสื้อออกจากตัวจนได้
เด็กหนุ่มทำหน้าพอใจผลงานอยู่เพียงแวบหนึ่ง จากนั้นขยับมาเพ่งเป้าหมายไปยังเป้าจริง ๆ ของเขาอย่างใจกล้า
“เฮ่ย! หยุด!”
เขารีบท้วง คว้าหมับที่ข้อมืออีกฝ่ายไว้รวดเร็วก่อนคิมหันต์จะทำได้สำเร็จตามความตั้งใจของเจ้าตัว ใช่ว่าเขาจะห่วงเรื่องที่เด็กหนุ่มดูพยายามเหลือเกินกับการจะเปลื้องผ้าเขาให้ได้ แต่หากพวกเขายังมัวชะล่าใจ ปล่อยเหตุการณ์ดำเนินต่อไปเช่นนี้ แนวโน้มเรื่องคิมหันต์อาจมีอันต้องเสียตัวอย่างเป็นทางการบนรถก็ดูมีความเป็นไปได้สูงจนน่าตกใจ “เมาหนักแล้วไอ้เบื๊อก”
เด็กหนุ่มมุ่นคิ้ว มองค้อนใส่เขาวงใหญ่ สะบัดมืออย่างเอาแต่ใจ แต่จะให้สู้เรื่องแรงนั้นยังห่างไกลจากกำลังกายของเขาเยอะ เมื่อเห็นว่าเอาแรงเข้าว่าไม่ได้ผลก็ฮึดฮัดอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้วิธีอย่างอื่นที่อัตราสำเร็จพุ่งกระฉูดเหลือเชื่อ
“ไม่ชอบผมหรือ?” ประเด็นไม่ได้อยู่แค่คำพูด แต่น้ำเสียงเว้าวอนและสายตาออดอ้อนของเด็กหนุ่มนั่นแหละที่ทำเขามือไม้อ่อนยวบ
คิมหันต์ยิ้มกริ่มอย่างมึน ๆ เมื่อพบว่าเขามีท่าทีคล้อยเคลิ้มไปกับน้ำคำตัวเอง เห็นเขาชะงักไปพร้อมกับแรงที่มือเริ่มคลายลงก็ถือโอกาสสะบัดจนหลุด ย้ายมือตัวเองมาเกาะไว้กับไหล่เขาแล้วโถมใส่ทั้งตัวจนเซไปอีกฝั่ง แผ่นหลังกระแทกเข้ากับประตูรถก่อนจะค่อยเอนตัวลงตามร่างของเด็กหนุ่มที่ถ่ายน้ำหนักเข้าหา
“ยอมผมเถอะ” เด็กหนุ่มจ้องเขาตาแป๋วเป็นเด็กน้อย คลี่ยิ้มละมุนพร้อมส่งสำเนียงออเซาะ “...เป็นของผม..”
สามภพเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ มือเกาะอยู่กับส่วนโค้งแถวเอวอีกฝ่ายพร้อมกับออกแรงน้อย ๆ ดันเอาไว้ไม่ให้เข้ามาใกล้ในระยะอันตรายมากไปกว่านี้ มีอุปสรรคใหญ่คือรอยยิ้มน่าเอ็นดูนั่นที่คอยจะทำเขาหมดแรงอยู่เรื่อย
คิมหันต์เป็นเด็กแปลก ข้อนั้นเขารู้ดี แต่บางทีก็คิดว่าออกจะเข้าใจยากเกินไปหน่อย โดยเฉพาะตอนที่มาอ้อนให้คนอื่นเป็นของตัวเองในขณะที่ทำท่าน่าปล้ำขนาดนี้
ยังไม่ทันได้วิเคราะห์อะไรไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ เข็มขัดเขาก็เสียท่าให้คิมหันต์เรียบร้อย คราวนี้เผลอแผล็บเดียว เจ้าตัวถือโอกาสรีบจัดการปลดมันออกด้วยความว่องไว อาศัยเรียนรู้จากความผิดพลาดครั้งก่อนที่ทำไม่สำเร็จได้อย่างน่านับถือ เพียงแต่ออกจะผิดที่ผิดเวลาไปหน่อย
ปลายนิ้วเด็กหนุ่มโฉบผ่านส่วนอ่อนไหวใต้ร่มผ้า ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือเปล่า แต่พอรวมกับใบหน้าแดงซ่านของคนทำและนัยน์ตาหรี่ปรือเย้ายวนยามมองมา ก็ทำเขาร้อนวูบวาบแถวท้องน้อยจนแทบสติแตก สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรล่วงเกินอีกฝ่ายดูจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขาตอนนี้เสียแล้ว นี่เรียกว่าอยู่ในสถานะชวนจิตหลุดสุด ๆ ไปเลย
“ดูดิ..” เด็กหนุ่มหัวเราะร่วน แก้มแดงน่าจูบอยู่ห่างจากริมฝีปากเขาแค่นิดเดียว ยื่นหน้าไปอีกหน่อยก็จะสัมผัสกันอยู่แล้วแต่กลับทำไม่ได้ เห็นเขาทำสีหน้าลำบากใจเจ้าตัวก็ยิ่งยิ้มกริ่ม พร้อมกับชี้ชวนให้ดูอะไรที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเขาอยู่แต่แรก “ตรงนี้พี่แข็งแล้ว”
“คิม” สามภพสูดลมหายใจเข้าลึก หัวใจส่งเสียงกระหึ่มอยู่ในอก พอกับสิ่งที่ตื่นตัวอยู่เบื้องล่างอย่างห้ามไม่อยู่ “ถ้าไม่หยุด..พี่ไม่รับประกันนะว่—”
เขาพูดไม่ทันจบก็ต้องขมวดคิ้ว กัดฟันแน่นจนกรามขึ้นเป็นสัน เจ้าเด็กใจกล้ายื่นมือเข้ามากอบกุมส่วนแข็งขืนของเขาเอาไว้ ลูบแผ่วเบาตรงส่วนปลายเป็นเชิงหยอกเย้ายิ่งกระพือให้อารมณ์กระเจิดกระเจิง และเพียงคิมหันต์ขยับนิ้วมือพลิ้วไล่ไปตามท่อนเอ็นร้อนผ่าวอีกแค่ครั้งเดียว เส้นความอดทนสุดท้ายของเขาก็ขาดสะบั้น
“!?” เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง สีหน้าตื่นตะลึง ริมฝีปากสั่นระริกขยับเป็นคำพูดแผ่วเบาฟังไม่ได้ศัพท์ จากนั้นก็เรียกชื่อเขาออกมาเสียงเบาหวิว ไหล่สองข้างของคิมหันต์ถูกยึดไว้แน่นแล้วดันจนไปจนมุมกับประตูรถ ขณะที่เขาระบายลมหายใจหนักหน่วงผ่านริมฝีปาก ไม่ผ่อนแรงที่มือตัวเองสักนิดแม้ตอนที่เด็กหนุ่มเริ่มดิ้นรนอยู่ต่อหน้า
“พี่เตือนแล้วใช่ไหม?” ชายหนุ่มเค้นเสียงผ่านลำคอออกมายากเย็น จ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็งด้วยนัยน์ตาวาวโรจน์
คิมหันต์หอบออกมาน้อย ๆ พร้อมกับพยายามสะบัดตัวอีกครั้งอย่างไร้ผล มือข้างหนึ่งของเขาย้ายไปโอบรอบคอของเด็กหนุ่มเพื่อตรึงไว้กับกระจกหน้าต่าง ไม่รู้ว่าเพราะมือเขาใหญ่ หรือเพราะลำคอคิมหันต์เพรียวเกินไป เพราะแค่มือเดียวก็โอบไว้ได้เกือบรอบ
“...พี่จะทำอะไร”
เด็กหนุ่มถามเสียงสั่น คางเชิดขึ้นเล็กน้อยเพื่อหนีมือเขาทำให้มองดูว่าโอหังอยู่ในทีแม้ไม่ได้ตั้งใจ พยายามปัดป่ายแขนสองข้างมาทางเขาด้วยอาการร้อนรน โดยเฉพาะเมื่อตระหนักได้ว่าการกระทำเช่นนั้นไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดกับตัวเอง
สามภพไม่ตอบคำถาม มืออีกข้างที่ยังว่างของเขาเลื่อนไปที่เอวเด็กหนุ่ม อ้อมไปด้านหลังแล้ววางเปะปะลงบนสะโพก ลากฝ่ามือลงไปเรื่อยบนกางเกงพอดีตัวของอีกฝ่าย แนบไปกับผิวเนื้อร้อน ๆ ใต้เนื้อผ้า รู้สึกได้ชัดเจนว่าทั้งร่างคิมหันต์กระตุกพร้อมกับเสียงลมหายใจที่ขาดห้วง เมื่อเขาเลื่อนปลายนิ้วไปตามส่วนโค้งบนบั้นท้ายแน่นตึง
“..พ..พี่...อ๊ะ!?”
เจอแล้ว เขาชักมือออกจากกระเป๋ากางเกงคิมหันต์ ได้พวงกุญแจลายหมีพูห์ซึ่งมีลูกกุญแจห้อยอยู่สามดอกติดมือมาด้วย พอได้ของก็รีบปลดล็อคประตูรถแล้วผลักมันเปิดออกจนเด็กหนุ่มเกือบหงายหลัง หากไม่ติดว่าเขาเอื้อมไปประคองไว้ได้ทัน
“เฮียเพี้ยน!”
คิมหันต์ร้องลั่น มีแต่ความงงงวยอยู่บนสีหน้า
สามภพผลักเด็กหนุ่มเบา ๆ ให้ลงไปยืนเหวออยู่นอกรถ ส่วนเขารีบดึงกางเกงกลับเข้าที่อย่างลวก ๆ จากนั้นจึงตามลงไปพร้อมกุญแจซึ่งได้มาจากกระเป๋ากางเกงคิมหันต์ เมื่อเท้าเหยียบพื้นก็รีบดึงแขนเด็กหนุ่มที่ยังอ้าปากหวอไม่เข้าใจเหตุการณ์ให้เดินตามมาถึงรั้วบ้าน หยิบกุญแจขึ้นมาไขแม่กุญแจที่ประตูรั้วกุกกัก ดอกแรกนั้นหยิบผิด แต่พอลองครั้งที่สองก็ได้ยินเสียง
กริ๊ก ดังมาเข้าหูให้ชื่นใจ
“มานี่” เขาสั่ง และไม่เสียเวลารอให้คิมหันต์ทำตาม จัดการดึงแขนเด็กหนุ่มอย่างแรงจนตัวลอยหวือ ขาอีกข้างเขี่ยประตูรั้วแล้วถีบให้มันเปิดออก จากนั้นจึงผลักเจ้าของบ้านให้ถลาเกือบหน้าทิ่มเข้าไปในเขตรั้วบ้านตัวเอง ท่วงท่าราวกับกำลังส่งนักโทษเข้าคุก
โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวใหญ่เมื่อเห็นว่าคนที่เซถลาเข้ามาในรั้วเป็นเจ้าบ้านของตัวเองก็เดินส่ายก้นมารับ สามภพโบกมือทักทายมันเพียงหนึ่งครั้ง จากนั้นก็ถอยออกมานอกอาณาเขต ดึงประตูรั้วปิดอย่างรวดเร็วแล้วรีบล็อคกุญแจ หันไปกำชับกับดุ๊กดิ๊กว่า “ดูแลเจ้านายแกด้วย” จากนั้นก็โยนลูกกุญแจที่ขโมยมาซึ่ง ๆ หน้าลอยไปทางสนามหญ้าหน้าบ้าน หล่นอยู่ตรงไหนนั้นไม่มีใครมองเห็นชัดเจนเพราะมันถูกกลืนหายไปกับความมืดเรียบร้อย
“...อ...ไอ้พี่เพี้ยน...!” คิมหันต์ร้องตะกุกตะกัก อยากส่งเสียงบ่นแต่ยังไม่รู้จะบ่นเรื่องอะไรดี ได้แต่มองสามภพถอนหายใจหนัก ๆ อีกฝั่งรั้ว ก่อนชายหนุ่มจะยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเองอย่างอัดอั้นตันใจ
“ไอ้เด็กเวร” สามภพบ่นออกมาท่าทางงุ่นง่าน จ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกหลากหลาย มีอะไรอยากพูดอีกตั้งเยอะแยะแต่วันนี้คงต้องหยุดไว้ก่อน คุยกันทั้งสภาพอย่างนี้ต้องเผลอจับปล้ำเข้าจนได้แน่ ๆ เขาโคลงศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่าน หันหลังกลับแล้วสาวเท้าเร็ว ๆ จนเกือบกลายเป็นวิ่งกลับไปที่รถ พูดทิ้งท้ายโดยไม่ได้หันกลับมามอง
“ไว้หายเมาแล้วค่อยคุยกัน”
จากนั้นก็รีบออกรถจากตรงนั้นรวดเร็วราวกับกำลังหนีอะไรสักอย่าง
คิมหันต์มองตามจนรถของชายหนุ่มตะบึงออกไปพ้นสายตา ก่อนจะถอนหายใจยาวเหยียดอย่างอ่อนแรงกับสายลมหนาวที่โชยมาปะทะผิว ในหัวยังโคลงเคลงอยู่น้อย ๆ ตอนที่เขายืนนิ่งอยู่เช่นนั้น ไม่ถึงขั้นเมามายจนไม่รู้สติ ทุกอย่างที่ทำลงไปนั้นผ่านการไตร่ตรอง โดยถูกคัดกรองการกระทำด้วยระดับแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดอีกที เกิดเป็นความกล้าแบบที่เขาจะไม่มีวันทำเช่นนั้นแน่หากไม่ได้ดื่มเหล้าเข้าไป แต่คิมหันต์ในตอนนั้นก็ไม่ได้รู้ตัวสักนิดว่าก่อเรื่องน่าหนักใจกับอีกฝ่ายไปขนาดไหน
แต่อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าสามภพไม่ผิดสัญญาที่ให้ไว้ เด็กหนุ่มหันหลังเดินไปกลางสนามหญ้าตามทิศทางที่สามภพโยนกุญแจบ้านเขาเข้ามา มีไอ้ดุ๊กดิ๊กวิ่งเหยาะ ๆ ตามมาเป็นองครักษ์ ตอนกลางคืนเช่นนี้อาจหายากสักหน่อย แต่จะให้ปลุกวัสสานะมาเปิดประตูบ้านให้ก็ใช่ที่ มีหวังได้โดนบ่นยาวเปล่า ๆ แถมคราวหน้าอาจโดนสั่งห้ามไปร่อนเร่ที่ร้านเค้กอีกพักใหญ่ก็เป็นได้
“บัม อี มยอน แน เก ตา กา วา อา ชิม อี ตวี มยอน ซา ลา จวอ~”
คุณมาหาผมตอนกลางคืน แต่คุณก็หายไปในยามเช้า เด็กหนุ่มฮัมเพลงแผ่วเบา ก้มลงหรี่ตามองหาบนพื้นหญ้า สำหรับพวงกุญแจเล็ก ๆ ที่ระบุตำแหน่งตกลงมาได้ไม่แน่ชัด เป็นเรื่องยากทีเดียวกับการจะมองหามันใต้แสงสลัวจากดวงไฟที่เปิดทิ้งไว้เพียงไม่กี่ดวงเช่นนี้ แต่เขากลับรู้สึกอารมณ์ดีเกินกว่าจะหงุดหงิด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะยังคงสภาพอย่างนี้ได้หรือเปล่าตอนที่สร่างเมาแล้วนึกถึงเรื่องคืนนี้ขึ้นมา
แต่ตอนนี้เขายังไม่สร่างสักหน่อย
“แม อิล อี รอค เค ตก คัท อี นอ รึล โบ แนล ซุน ออบ นึน เด”
ผมไม่อาจปล่อยคุณไปได้เลย เพราะฉะนั้นถึงต้องงมหากุญแจอีกเกือบสิบห้านาที เด็กหนุ่มก็ยังครึ้มอกครึ้มใจ ร้องเพลงหงุงหงิงพลางนึกถึงคำแปลของเนื้อเพลงที่เริ่มร้องมั่วในบางท่อน แล้วก็ยังยิ้มไม่หุบอยู่นั่นเอง
“...ชิม จัง อี นัล ชิ คยอ มล แร นอ รึล ตา รา กา"
หัวใจมันสั่งให้ผมแอบตามคุณไป ท่อนต่อไปร้องว่าไงนะ?
"โค นอ รึล ดนซุมงืมงือ..ฮึมมม..อือ...จวอ โอ้ ~” เด็กหนุ่มเผลอยิ้มกว้าง สมองเบลอ ๆ ของเขาจำได้แค่คำแปลเท่านั้นแต่ก็ยังงึมงำดำน้ำไปเรื่อย ใจลอยไปถึงรถวีออสสีบรอนซ์ทองที่เพิ่งหายลับไปทางหัวมุม แม้จำท่อนนั้นไม่ได้แต่ก็จำความหมายได้ชัดเจน
แต่เมื่อคลาดสายตาเพียงแวบเดียว คุณก็หายไปราวกับเป็นเพียงความฝัน นี่ต้องกำลังฝันอยู่แหงเลย- หมดยกที่ 34 –
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ตี๋น้อยขี้แกล้ง แถมแกล้งแบบไม่เจียมตัวเอาซะเลย ดูดี ๆ เหมือนจะพยายามเสะเฮียด้วย โถ..เด็กน้อย (ฮา)
ขออภัยที่ค้างอย่างค่อนข้างน่าทรมานใจในตอนที่แล้วค่ะ รับสารภาพแต่โดยดี ดีกันเต๊อะ

ขอบคุณคนอ่านผู้น่ารัก *กอดฟัด* ของแถมรีพลายถัดไปค่า(เหมือนจะตกไปอีกหน้า?) ^o^