● เล่ห์รักฤดูร้อน ●
ยกที่ 23 – Catch me if you can
“ผมจองนอนริมหน้าต่างนะ กู๊ดไนท์เฮียหมาบ้า!”
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของเขาก่อนจะทิ้งน้ำหนักลงบนเตียง อากาศกำลังน่านอน ฟูกนุ่มและผ้าห่มผืนใหญ่ เสียงเอ็นในหัวเข่าดีดดังกร๊อบประสานกับกล้ามเนื้อซึ่งกรีดร้องให้ระงมทั่วร่างคงเป็นยานอนหลับชั้นดี
คิมหันต์หลับตา ขยับตัวในท่าที่สบาย และควรหลุดไปอีกโลกซึ่งไร้สิ่งรบกวนหรือเรื่องกังวลในเวลาอันใกล้ ทว่าอะไรที่วนเวียนอยู่ในหัวกลับคอยดึงเขาให้อยู่กับความเป็นจริงแม้ร่างกายต้องการพักผ่อนออกขนาดนี้
ตกลงเขามาทำอะไรที่หัวหิน?เด็กหนุ่มผ่อนลมหายใจเข้าออกเชื่องช้า ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา สามภพทำตัวประหลาดจนต่อให้พยายามมองข้ามก็ยังคอยจะจับสังเกตได้อยู่เรื่อย แน่นอนว่ายังโหด บ้าพลัง อมพะนำเรื่องนั้นนู้นนี้เหมือนเดิม แต่มีบางสิ่งต่างออกไปแน่นอน อะไรสักอย่างที่ไม่แย่ ..แต่ก็ไม่เรียกได้ว่าดีในความเห็นเขา
คิมหันต์จัดว่าเป็นเด็กฉลาด ..ในหลาย ๆ ความหมาย เรื่องเรียนอาจสู้ปิ่นหยกผู้เป็นเพื่อนรักไม่ได้ แต่ความช่างสอดรู้สอดเห็นและเวลาที่ใช้ไปกับการวุ่นวายเรื่องชาวบ้านก็ตอบแทนเขาด้วยความสามารถในการจับสังเกตบางอย่าง ถึงแม้พฤติกรรมสามภพช่วงหลังมานี้อาจไม่ต้องการคุณสมบัติที่ว่าในการดูให้ออกเลยด้วยซ้ำ
สายตา ท่าทาง วิธีพูด สามภพทำเหมือน...ชอบ? หรืออย่างน้อยก็มีความรู้สึกคล้าย ๆ อย่างนั้นกับเขา ใกล้เคียงกับเวลาอาทิตย์มองปิ่นหยกก่อนที่ทั้งสองคนจะแทบประกาศให้โลกรู้ว่าเป็นคนรักกัน (ความจริงอาจเป็นอาทิตย์พยายามประกาศคนเดียว)
เด็กหนุ่มขยับตัวอีกนิดหน่อย ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงคอ บางทีเขาควรหยุดความฟุ้งซ่านด้วยการนับแกะช่วยในการนอนหลับ แม้คิดว่าเมื่อบ่ายจะนับมามากพอแล้ว ได้ยินเสียงประตูซึ่งกั้นระหว่างตัวห้องพักและระเบียงเลื่อนเปิด จากนั้นก็ปิดลงช้า ๆ ขณะที่เขายังนอนนิ่งงันอยู่เช่นเดิม หรี่ตามองเงาตะคุ่มของชายหนุ่มผู้ร่วมห้องอีกคนเดินไปปิดไฟจนหมด เหลือไว้แต่เพียงแสงสลัวสีส้มจากหลังประตูห้องน้ำซึ่งแง้มเอาไว้เล็กน้อยให้พอมองเห็น
คิมหันต์รอดูว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะทำอะไรต่อ ร่างสูงยืนจด ๆ จ้อง ๆ อยู่ได้ครู่หนึ่งก็เดินตรงเข้ามาใกล้ทั้งที่เตียงตัวเองอยู่อีกฝั่งสำหรับกรณีที่สามภพคิดจะนอนเลยโดยไม่อาบน้ำ
เขานอนนิ่ง หรี่เปลือกตาลงแต่ไม่ได้ปิดสนิทเสียทีเดียว หายใจเข้าออกเนิบนาบเหมือนกับกำลังหลับลึก อาจมีอะไรดี ๆ ให้เห็นหากอีกฝ่ายเข้าใจว่าตัวเองเป็นคนเดียวที่รู้สติอยู่ตอนนี้
“..หลับง่ายจังวะ” เสียงทุ้มพึมพำ
เห็นได้ชัดว่าเขาแกล้งหลับได้เนียนทีเดียวเงาซึ่งทอดลงมาขยับตามเมื่อเจ้าของเงาย่อตัวลงคุกเข่าข้างเตียง คิมหันต์เกือบสะดุ้งหนีเมื่อมืออีกฝ่ายยื่นมาเกลี่ยเส้นผมออกจากใบหน้าเขาแผ่วเบา บอกตัวเองว่าเย็นไว้...นิ่งก่อน หายใจเข้าออกช้า ๆ อย่าให้มีพิรุธ ตัดสินใจปิดตาลงสนิทด้วยกลัวจะเผลอออกอาการหลุกหลิกให้จับได้ มาถึงขั้นนี้แล้วเขาคงทนความสงสัยไม่ไหวหากไม่ได้รู้ว่าสามภพตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ตอนเขาหลับ หรือความจริงคือแค่แสดงทีท่าว่าหลับ
“ไอ้เด็กเบื๊อกเอ๊ย”
นั่นปะไร มีแอบด่า แต่ร่องรอยความเอ็นดูซึ่งเจืออยู่ในน้ำเสียงก็ชวนให้คิดว่าถ้อยคำต่อว่านั้นช่างน่าสงสัย ทว่ามีเวลาให้ได้คิดมากไม่นานนัก เมื่อบางสิ่งสัมผัสกับริมฝีปาก พร้อมกับชื่อเรียกตัวเขาเองแผ่วเบาลอยมาถึงหูท่ามกลางความมืดมิดหลังเปลือกตา
“คิม”
เขาใจสั่นกับเสียงกระซิบนั้น รู้สึกว่าใกล้เหลือเกิน ยิ่งมองไม่เห็นก็ยิ่งนึกหวั่น แต่กลับไม่กล้าแม้แต่จะหรี่ตาขึ้นดู ทุกอย่างช่างน่าสงสัยพอกับน่ากลัว...กลัวว่าอะไรบางอย่างจะเป็นดังเขานึกระแวง เกิดเป็นวงจรบ้าบอคอแตกที่เสียงหนึ่งคอยตะโกนในหัวให้ลุกขึ้นมาโวยวายกับอีกฝ่ายว่าหยุดได้แล้ว เล่นบ้าอะไรตอนคนอื่นหลับ! ขณะที่อีกเสียงภายในกลับรั้งตัวเองไว้ให้นอนนิ่งสงบรอดูต่อจนถึงที่สุดว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
บางอย่างที่แตะอยู่กับริมฝีปากเขาขยับเชื่องช้า ลากแผ่วระไปจนถึงมุมปาก ตอนนี้แน่ใจแล้วว่าคงเป็นปลายนิ้ว เขาไม่ควรตื่นเต้น ทว่าสัมผัสอ้อยอิ่งเช่นนั้นชวนให้ใจเต้นโครมครามยากควบคุมได้อย่างเหลือเชื่อ ทั้งที่แตะอยู่เพียงอึดใจก่อนจะถูกดึงออก กลับต้องใช้ความพยายามสุดชีวิตเพื่อจะหายใจด้วยจังหวะสม่ำเสมอเช่นเดิมโดยไม่แสดงให้อีกฝ่ายรู้ว่าตื่นอยู่
ทุกสิ่งเงียบงัน มืดมิด และว่างเปล่า ทิ้งไว้เพียงความสงสัยซึ่งยังไม่กล้าและไม่อยากฟันธง
จบแล้ว?
เขาเข้าใจผิดมหันต์เสียงเนื้อผ้าเสียดสีบอกให้รู้ว่ามีการเคลื่อนไหวข้างเตียง ก่อนบางสิ่งจะแนบลงบนริมฝีปากเขาอีกครั้ง
บางสิ่งซึ่งร้อนกว่า.....นุ่มกว่า....และอ่อนโยนกว่าปลายนิ้วเมื่อครู่มากนัก
....ใช่หรือ?ลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดลงบนใบหน้านั้นไม่ใช่ของเขาแน่นอน และอะไรซึ่งคลอเคลียอยู่บนปลายจมูกก็อยู่ในตำแหน่งที่สอดคล้องกันอย่างยากจะปฏิเสธ
เชี่ย! จูบ!?อยู่ดี ๆ มาแอบจูบคนอื่น!!!!!!เด็กหนุ่มหายใจติดขัด พยายามนิ่งแล้วแต่ไม่ไหวจริง ๆ สามภพถอนใบหน้าออกห่างไปแล้วหากประเมินจากลมร้อนซึ่งหายตามไปด้วย มือใหญ่ลูบศีรษะเขานุ่มนวลอยู่อีกสองสามครั้งก่อนจากไปพร้อมกับความเงียบ
คิมหันต์ตัวแข็งทื่อในความมืด ขนาดรู้สึกว่าโดนยุงจากไหนไม่รู้กัดเข้าที่ขาซึ่งโผล่พ้นผ้าห่มยังไม่กล้าขยับตัว ได้แต่นอนนิ่งบริจาคเลือดแก่สัตว์โลกฉวยโอกาส หากมันจะไปตามเพื่อนมันมาทั้งโขยงเพื่อลุยบุฟเฟ่ต์เลือดเกาหลี(รู้แล้วว่าไทย-จีน แต่ขอคิดไปเองบ้างอะไรบ้าง)คงโคตรกำไร เด็กหนุ่มพยายามสุดชีวิตจะหายใจให้เบาที่สุดพร้อมกับระงับเสียงตูม ๆ ในอกไปด้วย เขานึกแล้วว่ามันมีอะไรแปลก ๆ สามภพจึงได้ชอบมายุ่มย่ามก่อกวนนักหนา เผลอทีไรมีถึงเนื้อถึงตัวตลอด ขนาดเขาเองถูกมองว่าเป็นพวกสกินชิพยังรู้สึกว่าระยะหลังมันชักเยอะผิดปกติ
ตัวโกงเผยไต๋ออกมาแล้ว และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว ขอเอาชื่อคุณปู่...เอ้อ...มีแต่อากง...แต่ก็นั่นแหละ! เป็นเดิมพัน
ไอ้พี่ภพเป็นเกย์! และที่สำคัญ..
แม่งจ้องจะงาบเขาด้วย!เสียงเอี๊ยดอ๊าดเพียงเบา ๆ จากบานประตูห้องน้ำทำเด็กหนุ่มสะดุ้ง ห้องมืดลงทันทีเมื่อประตูซึ่งเป็นช่องทางส่งผ่านมาของแสงสว่างหนึ่งเดียวปิดลงก่อนเสียงน้ำจากฝักบัวจะดังขึ้น เขาเริ่มจากหรี่ตาก่อน รอจนสายตาปรับตัวคุ้นชิน แน่ใจไม่มีใครจึงเบิกตากว้างลุกพรวดพราดขึ้นมานั่งตัวงอ ยกมือขึ้นกุมอกเสื้อขณะที่หดขาเข้าหาตัวจนเกือบขดเป็นก้อนกลม
“...งานเข้าแล้ว”คิมหันต์ส่งเสียงครวญอู้อี้กับหัวเข่า แค่ทะเลาะต่อยตีกันไปวัน ๆ ก็วุ่นวายจะแย่ ยังมาสร้างปัญหาให้มันอีนุงตุงนังยิ่งขึ้นด้วยการทำเกย์ใส่อีก น่าแปลกที่เวลาแบบนี้เขากลับนึกถึงปิ่นหยก ไอ้เพื่อนงกปัญญานิ่มซึ่งมีแฟนเป็นผู้ชาย กับคำสาปแช่งของมันให้เขาตายตกตามไปด้วยการมีแฟนเป็นผู้ชายด้วยอีกคน และแย่มากที่ดันมานึกถึงเรื่องนั้นขึ้นได้หลังจากเสียจูบให้ไอ้พี่เพี้ยนไปหนึ่งครั้ง เรียกความทรงจำเรื่องระหว่างเขากับสามภพย้อนกลับมาแล้วยิ่งน่าสะพรึง หวังว่าก่อนหน้านั้นตอนเขาหลับบนรถบ้าง ตอนอีกฝ่ายมาค้างคืนที่บ้านบ้างคงไม่มีเรื่องแบบเดียวกันเกิดขึ้นมาก่อน
แล้วไอ้ที่กอด ๆ ฟัด ๆ ตลอดมานั่นก็คิดไม่ซื่อด้วยหรือเปล่า? ไม่นับที่เขาเผลอเริ่มก่อนเองตามนิสัยเกาะแกะอันทำให้เคยโดนสาวตบหน้าหันมาแล้วครั้งหนึ่งอีก เด็กหนุ่มนั่งเค้นเรื่องราวตั้งแต่แรกพบจนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังนึกไม่ออกว่ามารักมาชอบกันได้ตอนไหน หรือบางทีอาจไม่ได้ชอบ แต่แค่จะ.....พอเถอะ ขนลุก ยิ่งนึกยิ่งพาลสติแตก
ครู่ใหญ่ต่อมาลูกบิดประตูห้องน้ำก็ส่งเสียง
‘แกร๊ก’ และคิมหันต์สะดุ้งโหยงอีกแล้ว ขวัญเอ๊ยขวัญมา รีบดึงตัวเองตอนยังควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่านี้ให้กลับมาทำหน้าที่อีกครั้ง จะขี้ตื่นไปไหน โชคดีที่ก่อนประตูถูกเปิดออกเขายังรีบล้มตัวลงนอนแกล้งทำเป็นหลับต่อได้อย่างเฉียดฉิว แม้ผ้าห่มหลุดร่วงลงไปไกลเกินกว่าจะดึงมาคลุมให้เรียบร้อยได้ทันเวลา
เงียบ...เงียบเกินไปแล้วแต่เขารู้สึกได้ว่ามีการเคลื่อนไหวบางอย่าง ดูจากเงาซึ่งทอดลงมาให้เห็น แย่จริงที่เมื่อครู่ตอนล้มตัวลงนอนดันหันหลังให้ประตูห้องน้ำ เลยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำอะไรอยู่ มีเพียงเงาดำเลือนรางบอกให้รู้ว่าร่างสูงเดินเข้ามาใกล้เตียงเขาเงียบเชียบอีกแล้ว
เวรละสิ... คิมหันต์ใจเต้นโครมครามแทบเด้งออกมานอกอก เมื่อกี้จูบ คราวนี้จะโดนทำอะไรไหม? เทียบแรงกายกันแล้วห่างไกลจากคำว่าสูสีไปหลายโยชน์ หากเกิดอะไรขึ้นเขาไม่มีทางสู้ไหวแน่นอน ควรหนีเลยหรือเปล่า ตอนนี้อาจยังทัน หากปล่อยให้เข้ามาใกล้อีกจนถึงตัวน่ากลัวจะไม่รอด
เด็กหนุ่มลืมตาโพลง หันหลังให้ศัตรูซึ่งเขากำลังทำอยู่เป็นเรื่องไม่ควรอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อเสียงฝีเท้าขยับเข้ามาใกล้ แม้เบาหวิวแต่ยังได้ยินชัดเจนในความเงียบ เงายาวของอีกฝ่ายซึ่งทาบลงบนตัวเขาวูบไหวเมื่อร่างนั้นขยับ และเด็กหนุ่มคิดว่าการนอนนิ่งอย่างนี้เป็นเรื่องงี่เง่าสิ้นดี เขาเหลือบมองไปยังปลายเตียงซึ่งเป็นที่เปิดโล่งเตรียมกระโจนหนี ก่อนจะ....
“นอนดิ้นอะไรอย่างนี้วะ”
แล้วผ้าห่มก็ถูกคลุมลงมาเบามือก่อนเขาจะทันได้ขยับตัวเสียงถอนใจยาวเหยียดข้างเตียงดังมาถึงหู คิมหันต์ได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ ตอนชายหนุ่มเดินไปดึงผ้าให้คลุมไปถึงปลายเท้าเขา แล้วยังหันไปก้มลงเก็บเสื้อผ้าใช้แล้วที่เขาเตะทิ้งไว้ปลายเตียงไปพับไว้บนเก้าอี้อีก (ขอบคุณความมืดและขอบคุณตาตี่ที่คงทำให้สามภพไม่ทันสังเกตว่าเขาลืมตาแป๋วอยู่ตรงนี้) เมื่อกี้เกือบพุ่งหลาวออกไปแล้วจริง ๆ ทว่าพอรู้ว่าอีกฝ่ายทำอะไรให้เขากลับหมดแรงเอาดื้อ ๆ เสียอย่างนั้น
“ฝันดี..ไอ้ตี๋เกรียน”เด็กหนุ่มไม่รู้สามภพคิดอะไรจึงพูดออกมาเช่นนั้น จับได้ว่าเขายังตื่นหรือเพียงแค่เอ่ยลอย ๆ ขึ้นมา รู้แต่ถ้อยคำนั้นส่งผลไม่ค่อยดีต่อสภาพจิตใจเขาเลย
อึดใจต่อมาทั้งห้องก็มืดสนิท ห้องน้ำปิดประตูไว้เรียบร้อย เสื้อผ้าใช้แล้วเมื่อตอนกลางวันถูกพับไว้เป็นระเบียบ ผ้าห่มคลุมขึ้นมาตั้งแต่ช่วงคอเขายาวไปจนถึงปลายเท้า และสามภพกลับไปนอนที่เตียงตัวเองเงียบ ๆ
“ฝันดี” เขาเพียงขยับปาก แค่ทวนคำ ไม่ได้ตั้งใจจะตอบกลับ และไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกไปถึงหูอีกฝ่ายแน่นอน
แต่ให้ตายเถอะ...หมาที่ไหนมันจะหลับลงวะ!.......................................................
......................
.
.
.
.
มือถือเขาร้องเตือนด้วยเสียงปลุกแบบไร้รสนิยม เพียงแค่เลือกอะไรสักอย่างซึ่งมีติดเครื่องอยู่แล้วมาใช้ เอาที่มันหนวกหูจนนอนต่อไม่ไหวจะได้ตื่นเท่านั้นเอง
เช้าแล้ว เร็วฉิบหาย
สามภพเอื้อมมือไปตะครุบมันไว้แล้วกดปิดเสียงอย่างรวดเร็ว ไม่อยากให้ดังก่อกวนอยู่นานเพราะเดาว่าอีกคนคงยังไม่ตื่นแน่นอน ชะเง้อขึ้นมามองก็พบว่าจริงดังคาด คิมหันต์นอนคลุมโปงแน่นเชียว ผ้าที่ห่มไว้ให้ก็ยังอยู่ดีมีสุข ดูแล้วไม่เห็นจะนอนดิ้นสักเท่าไร แล้วทำไมเมื่อคืนตอนเขาออกจากห้องน้ำจึงได้เห็นว่าเตะผ้าเสียหลุดลุ่ยขนาดนั้นก็ไม่รู้
ชายหนุ่มทิ้งศีรษะกลับลงบนเตียงอีกครั้ง นอนแผ่เหยียดแขนขามองเพดานสีขาว ตอนนี้เจ็ดโมง นับดูก็เหลืออีกหกชั่วโมงจะครบกำหนดตามที่ตกลงกันไว้ หากบวกลบเวลาอาบน้ำแต่งตัวแถมเดินทางเข้าไปก็ยิ่งเหลือเวลาแค่นิดเดียว แล้วตอนนี้ไอ้ตัวแสบยังไม่ตื่นอีกต่างหาก ถ้าอีกฝ่ายเกิดทำฟอร์มนอนกินบ้านกินเมือง ตื่นสายตะวันโด่งถ่วงเวลา ลืมตาขึ้นอีกทีเที่ยงวันอย่างนี้ก็แย่กันพอดี
หันไปมองอีกครั้งก็ยังนอนนิ่งจริงเสียด้วย
“คิม!”
ไร้เสียงตอบรับ“ตื่นยัง?”
เงียบสนิทสามภพส่ายหน้า จะปลุกก็สงสาร ตัดสินใจปล่อยให้นอนต่ออีกสักหน่อย ส่วนเขาลุกขึ้นรื้อประเป๋า เตรียมตัวอาบน้ำจัดการในส่วนของตัวเองไปก่อน
เจ็ดโมงสี่สิบห้านาที เขาเดินออกจากห้องน้ำ คิมหันต์ยังคลุมโปงนิ่งงันอยู่ท่าเดิม
เอาเถอะ เขาส่ายหน้า ยังเช้าอยู่แถมเป็นวันอาทิตย์ อาจติดนิสัยตื่นสายเป็นธรรมดา
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งบนขอบเตียงตัวเอง คว้ารีโมทมากดไล่ดูแต่ละช่อง สุดท้ายก็จบที่รายการข่าวตอนเช้า นั่งเรื่อยเปื่อยจนเวลาผ่านไปอีกพักใหญ่ ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือก็พบว่าปาเข้าไปตั้งแปดโมงครึ่งแล้ว ส่วนคิมหันต์...
ยังคงนิ่ง...นิ่งสนิทไม่ไหวติงอยู่ใต้ผ้าห่ม
ควรตื่นได้แล้วมั้ง...?สามภพมุ่นคิ้ว ตกลงจะเล่นมุกนี้จริงหรือ หากไม่ปลุกตั้งใจจะตื่นบ่ายโมงหมดเวลาพอดีเลยหรือเปล่า เขาลุกขึ้นจากเตียง เดินตรงไปยังเป้าหมาย ทว่าระหว่างทางกลับสังเกตเห็นว่าอะไรบางอย่างผิดปกติ
เสื้อผ้าของคิมหันต์ที่เขาพับไว้บนเก้าอี้เมื่อคืนหายไปไหน?คงไม่ใช่ว่า...
คิัวเข้มยิ่งผูกเป็นปมแน่นขึ้นอีก เขากวาดสายตาไปยังตำแหน่งที่อีกฝ่ายวางกระเป๋าเป้เอาไว้ แล้วก็จริงดังคาด
กระเป๋าไม่อยู่ เร็วเท่าความคิด ชายหนุ่มแทบกระโจนไปที่เตียงคิมหันต์ กระชากผ้าห่มซึ่งยังคงรูปเดิมอย่างไรอย่างนั้นตั้งแต่เขาตื่นจนตอนนี้ ไม่มีกระดิกหรือเปลี่ยนท่าทางสักนิด บ้าฉิบ! เขาน่าจะเอะใจตั้งนานแล้ว
ใต้ผ้าห่มมีเพียงหมอนหนุนและหมอนอิงจากเก้าอี้นั่งนำมากองเรียงเป็นรูปร่างคล้ายคน ส่วนที่นอนนั้นเย็นเฉียบ
ไร้ร่องรอยอุณหภูมิกายของสิ่งมีชีวิตแม้แต่น้อย เอาแล้วไง!ชายหนุ่มรีบคว้ากระเป๋าสตางค์และกุญแจรถยัดใส่กระเป๋ากางเกง อีกมือกดมือถือโทรออกขณะที่รีบผลุนผลันออกจากห้อง เมื่อวานยังดี ๆ กันอยู่ วันนี้ก่อเรื่องอีกแล้ว เขาก็ใช่ว่าไปทำอะไรให้เสียหน่อย หากไม่นับเรื่องเมื่อคืนตอนที่อีกฝ่ายหลับไปแล้ว.....ไม่เห็นจะมี......อะ.....ไร........
"!!?"สามภพเบิกตากว้าง ความน่าจะเป็นบางอย่างผุดขึ้นมาในหัวหรือตอนนั้นยังไม่หลับวะ!?เสียงเพลงรอสายเป็นภาษาเกาหลีอะไรสักอย่างที่ฟังไม่รู้เรื่อง เขาเอานิ้วจิ้มปุ่มเรียกลิฟต์รัว ๆ ราวกับว่าทำอย่างนั้นแล้วมันจะมาถึงเร็วขึ้น รอลิฟต์แล้วยังต้องลุ้นให้อีกฝ่ายรีบรับโทรศัพท์เสียที ลิฟต์ก็ช่างมาช้าไม่ทันใจเอาเสียเลย มัวแต่จอดชั้นโน้นชั้นนี้ ใจเขากระเด็นเลยลงไปถึงล็อบบี้โรงแรมแล้ว เห็นว่ามัวแต่รอคงไม่เข้าท่าแน่นอนจึงตัดสินใจหันหลังวิ่งลงบันไดแทน อยู่แค่ชั้นห้าใช้เวลาไม่น่าเท่าไรคงถึง หากอุปกรณ์อำนวยความสะดวกยังมัวช้าอยู่อย่างนี้ตัวเขาเองที่รีบกระโจนลงทีละสองสามขั้นบันไดต้องไวกว่าอยู่แล้ว
ขาสองข้างรีบก้าวเร็ว ๆ ขณะที่โทรศัพท์ยังคงแนบหูจนเพลงรอสายวนซ้ำท่อนเดิมอีกครั้งก็ยังไม่มีเสียงตอบรับจากเจ้าของเบอร์กระทั่งสายตัดไปเอง โทรไปใหม่อีกครั้งคราวนี้กลับโดนกดวางเสียดื้อ ๆ
“คิม!” ชายหนุ่มตะโกนใส่โทรศัพท์ซึ่งมีเพียงเสียง
ตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด.. สั้น ๆ น่าหงุดหงิดมาเข้าหู วิ่งลงมาถึงชั้นไหนก็ลืมนับ แต่ตรงหัวมุมมีป้ายเล็ก ๆ ที่บันไดบอกว่าเป็นชั้นสอง อีกแค่นิดเดียวจะถึงล็อบบี้ บางทีอาจได้รู้ว่าหายไปไหน แม้ความหวังดูจะริบหรี่หากพิจารณาจากระยะเวลาที่คิมหันต์ดอดออกไป ซึ่งอย่างน้อยที่สุดก็ก่อนเจ็ดโมงเช้าซึ่งเป็นเวลาตื่นของเขา ให้ตายเถอะ นี่ยังไม่ทันครบยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ จับตัวได้จะเล่นให้หนักเลยเชียว
เขาหยุดหอบที่เชิงบันได หลังจากเสียหลักไปนิดหน่อยตอนกระโดดลงมาทีเดียวห้าขั้นสุดท้าย พอเข้าช่วงสายผู้คนก็เริ่มขวักไขว่ กวาดตามองโดยรอบไม่พบวี่แววไอ้ตัวแสบที่ตัดสายเขาทิ้งแม้แต่น้อย สามภพกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังพนักงานต้อนรับซึ่งยืนอยู่ใกล้ที่สุด ร้องถามตั้งแต่ยังไม่ถึงตัวโดยพยายามเต็มเปี่ยมจะไม่ให้น้ำเสียงออกมาเป็นตะคอกจนฟังดูคุกคามเกินไปนัก
“เห็นเด็กผู้ชายผมทองถือเป้สีส้ม ตัวประมาณเท่านี้ไหม!?” เขาทำมือยกขึ้นประมาณระดับไหล่ตัวเอง จากนั้นก็ลดมือลงอีกเกือบคืบเพราะคิดว่าคิมหัต์เตี้ยกว่านั้น ให้ข้อมูลเพิ่มอีกนิดหน่อยแม้เรื่องหัวทองก็ค่อนข้างเด่นพอจะเป็นที่สังเกตและจดจำได้ไม่ยากอยู่แล้ว “หน้าตี๋ ตัวขาว ๆ ท่าทางกวนประสาท”
เธอพยักหน้าน้อย ๆ แม้จะผงะถอยหลังไปนิดหน่อยอาจเพราะตกใจท่าทางของเขา “เห็นค่ะ คนที่ตา..เอ่อ หยี ๆ?” ดูเหมือนเธอพยายามจะเลือกใช้คำให้ดูน่ารักมากกว่าตาตี่ “ทานอาหารเช้าเสร็จก็นั่งอยู่ที่โซฟานั่นคนเดียวอยู่ครู่ใหญ่ เพิ่งเดินออกไปได้สักพักนี่เองค่ะ”
ขนาดอยู่ในอารมณ์ร้อนรนเช่นนี้ยังอดรู้สึกขำขึ้นมานิดหน่อยไม่ได้ นอกจากเรื่องใจเย็นพอจะกินมื้อเช้าฟรีของโรงแรมก่อนแล้ว ยังตลกตรงที่คิมหันต์ท่าทางคงชอบเฟอร์นิเจอร์ประเภทโซฟาเอามากจริง ๆ
“ไปไหนรู้หรือเปล่า”
เธอชะงัก ท่าทีลังเลสงสัย เขาเลยต้องชี้แจงรายละเอียดก่อนจะถูกมองว่าเป็นคนบ้าตามฆ่าเด็กไปเสียก่อน "ผมมากับเขา..แล้ว..เอ่อ ทะเลาะกันนิดหน่อยเลยหนีไป นี่จะไปง้อ"
“..อ...อ้อ...ค่ะ" หญิงสาวมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ในหัวคงคิดว่าบอก ๆ ออกไปเถอะเขาจะได้เลิกทำแขกคนอื่นแตกตื่นเสียที "ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ แต่เห็นมาถามจะขึ้นรถตู้กลับกรุงเทพได้ที่ไหนแล้วก็เดินออกไปทางโน้น”
สามภพมองตามนิ้วของเธอซึ่งชี้ไปยังถนนด้านหน้าโรงแรม เอ่ยคำขอบคุณสั้นห้วนแล้วรีบพุ่งตัวออกไปท่ามกลางสายตางุนงงของพนักงานสาวและผู้คนโดยรอบ แต่เขาสนที่ไหน ตั้งแต่เจอไอ้ตี๋เกรียนเขาคิดว่าตัวเองถูกมองด้วยสายประหลาดเช่นนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว วิ่งไล่จับให้คนมองกันอีกสักรอบจะเป็นไรไป มีปัญญาหนีก็เอาเลย
แต่อย่าคิดว่าจะรอดนะไอ้ตัวแสบ!- หมดยกที่ 23 -
============================
เกือบดีแล้วเชียว ไก่(จิ้งจอก?)ตื่นหมดแล้วเฮีย 5555
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่าาาา *รวบกอด*

พบกันตอนหน้า ของแถมรีพลายถัดไป ค่ะ ^^