● เล่ห์รักฤดูร้อน ●
ยกที่ 14 – มากกว่าใกล้ แต่ไม่ใช่จูบ
หายนะบังเกิดแล้ว!คิมหันต์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกเป็นเป้าหมายของกองทัพแมลงสาบ เริ่มจากวินาทีที่สามภพประกาศคำว่า
‘หนึ่งหมื่นบาท’ ออกมา จนกระทั่งเขาเดินลงจากเวทีด้วยสภาพเครื่องรวนไปเล็กน้อย ไม่มีใครสู้ราคาสักคน (แหงสิ ใครมันจะบ้าอย่างนั้น)
เด็กหนุ่มไม่ดีใจสักนิดที่กำลังจะได้ส่วนแบ่งเป็นค่าตัวตั้งสามพันบาท มันอาจพลาดตั้งแต่เขายกมือบอกณิชาผู้เป็นหัวหน้าห้องตอนประชุมแล้วว่าอยากลงประมูลด้วย ทั้งที่อุตส่าห์บวกลบคูณหารเตรียมการไว้ล่วงหน้า แต่กลับมาเสียท่าตรงลืมใส่ค่าสัมประสิทธิ์ความบ้าจากคนอย่างสามภพลงในสมการซึ่งคิดว่าคำนวณไว้ดิบดีนี่เอง
บทสัมภาษณ์ระหว่างพิธีกรกับสามภพเมื่อตอนอยู่บนเวทีดำเนินไปด้วยบรรยากาศอึมครึม ผิดกับตอนพูดคุยกับอันนาพี่สาวคนสวยซึ่งมาประมูลน้องชายตัวเองไป(โดยไม่ยอมแสดงสถานะว่าเป็นพี่)ก่อนหน้านี้ลิบลับ เพื่อนร่วมห้องสาวผู้รับหน้าที่เป็นพิธีกรคงจับสังเกตได้เช่นกันจึงดูรวบรัดตัดความบทสนทนาเสียเหลือเกิน ท่าทางคงอยากไล่พวกเขาซึ่งแอบแยกเขี้ยวใส่กันแง่ง ๆ ลงจากเวทีแทบแย่ก่อนจะพากันทำงานล่ม เจ้าหล่อนไม่ถามไถ่อะไรให้มากเรื่องแล้วรีบอันเชิญคู่กรณีทั้งสองหลบไปอยู่ด้านหลัง จากนั้นจึงเร่งประกาศรายชื่อคนถัดไป
“ไง” อีกฝ่ายเอ่ยทักขึ้นก่อน “ไม่เจอกันนาน”
แม้เนื้อหาคล้ายเป็นคำทักทายฉันท์มิตร แต่ท่อนแขนซึ่งถือวิสาสะมาพาดอยู่บนไหล่เด็กหนุ่มเสียเต็มน้ำหนัก พร้อมกับมือใหญ่ที่รวบไว้หลวม ๆ บนต้นคอนั้นราวกับจะประกาศว่าหากคิดหนีหรือตุกติกมีหวังคงโดนจับหักคอ ช่างดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย
“คิดถึงอะดิ” คิมหันต์กะยักไหล่กวนประสาท แต่พบว่าทำไม่ได้เพราะติดแขนหนัก ๆ พาดอยู่ หนักฉิบหาย นี่แขนคนหรือท่อนซุง แถมหลังก็คอยจะโดนเบียดดันอยู่ตลอดเวลา ท่าทางอย่างกับตำรวจคุมตัวผู้ต้องหา ไม่รู้คราวนี้ไปหงุดหงิดมาจากขุมไหนอีก
“อืม คิดถึงมาก” สามภพเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน จงใจสื่อความหมายในเชิงประชดประชันแล้วโอบท่อนแขนแน่นขึ้นไปอีก หากใครสักคนสะดุดบนขั้นบันไดตอนนี้อาจได้กลิ้งหลุน ๆ ลงไปทั้งคู่เพราะเกาะกันแน่นเหลือเกิน โอเค..พูดใหม่ก็ได้...เพราะเขาเกาะเด็กแสบนี่ไว้แน่นเหลือเกินต่างหาก “ร้ายนะไอ้เด็กเวร”
“นึกว่าพี่จะรู้นานแล้วเสียอีก” เด็กหนุ่มเปลี่ยนจากพยายามยักไหล่เป็นลอยหน้าลอยตาแทน ซึ่งก็พบว่าทำได้ไม่ถนัดอีกเช่นกันเมื่อยังมีมือวางอยู่บนลำคอเช่นนี้ ต่อด้วยเสียงยียวนน่าเตะย้ำให้เจ็บใจเล่นทั้งที่อายุห่างกันแค่สามปี “ความรู้สึกช้าสมเป็นลุง”
ชั่วขณะหนึ่งที่สามภพฟังแล้วเกิดสงสัยในคำพูดของคิมหันต์ ด้วยไม่แน่ใจความหมายว่า
‘ความรู้สึกช้า’ ซึ่งถูกเอ่ยออกมานั้นหมายถึงเรื่องที่เขาบอกคิดถึง(ประชดน่ะ)หรือที่พูดกล่าวหาว่าอีกฝ่ายร้ายกันแน่
บ้าแล้ว!ชายหนุ่มเอาศอกกดเบา ๆ ลงไปกลางกลุ่มผมสีทองด้วยความหมั่นไส้ตัวต้นเหตุความคิดประหลาดที่คอยจะผุดขึ้นมาโดยไม่ได้รับเชิญ อย่างไรเสียก็ต้องหมายถึงอย่างที่สองเพื่อเป็นการเถียงเขาอยู่แล้ว คิมหันต์ตอบโต้ด้วยการเอาศอกถองสู้ แต่นั่นไม่ได้กระทบกระเทือนเขาสักนิด ตรงกันข้ามกลับทำให้เจ้าตัวเดินเป๋จนเกือบได้กลิ้งหล่นลงจากบันไดจริง ๆ เสียอีกหากไม่มีแขนเขาคล้องที่คอเอาไว้ก่อน มัวแต่ขัดแข้งขัดขากันอยู่เช่นนี้จึงกินเวลานานเกินจำเป็นไปมากพอดู กว่าจะทุลักทุเลมาถึงโต๊ะสำหรับจัดการรายละเอียดเรื่องเอกสารและเงื่อนไขการประมูลได้
เด็กหนุ่มยืนทำหน้าบูดอยู่ข้างหัวหน้าห้องสาวแว่น มองเธอกับสามภพตกลงเรื่องเงินกันเคร่งขรึม หนึ่งหมื่นบาท กระเป๋าแฟบเลยสิ สมน้ำหน้า อยู่ในอารมณ์สะใจชั่ววูบจนลืมนึกไปสนิทว่าตัวเองนั่นแหละที่ควรระวังไว้เพราะชายหนุ่มคงไม่ทิ้งเงินหมื่นให้เสียเปล่าแน่นอน
จ่ายสดเสียด้วย!คิมหันต์เหล่มองจนตาแทบหลุดอยู่แล้ว เด็กมหา'ลัยบ้าอะไรเก็บเงินสดเป็นหมื่นในกระเป๋า แถมดูดี ๆ แล้วนั่นเป็นธนบัตรใหม่เอี่ยมทั้งหมดเหมือนเพิ่งกดออกมาจากตู้เอทีเอ็มเลยด้วยซ้ำ ทำอย่างกับเตรียมการจะมาเสียสตางค์อย่างนั้น......แหละ....?
ไม่ใช่มั้ง?“ปกติพี่พกเงินเป็นหมื่นเลยเหรอวะ” คิมหันต์ทำหน้าใสซื่อ แม้รู้ดีว่าภาพลักษณ์ใสซื่อเริ่มไม่ค่อยเหลือแล้ว ลองถามหยั่งเชิงพลางเอาไหล่ไปกระแซะเบียดอย่างไม่เจียมสังขาร สามภพหันมามองเขาสีหน้ากึ่งรำคาญ ส่วนอีกกึ่งหนึ่งนั้นดูไม่ออกว่าอารมณ์ไหนแน่ ไม่ยอมตอบอะไรสักคำจนณิชาเรียกขอดูบัตรประชาชน
“.....”
“เอ่อ..” เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองด้วยทีท่าลังเลใจเมื่ออีกฝ่ายไม่มีปฏิกิริยาตอบรับอะไรสักอย่าง ลองพูดอีกครั้งเผื่อว่าชายหนุ่มจะได้ยินไม่ชัด “ขออนุญาตดูบัตรประชาชนหน่อยค่ะ”
สามภพยังยืนนิ่งอยู่เช่นเดิม พยายามคงสีหน้าขรึมไว้แต่คล้ายจะทำได้ไม่ดีนัก คิมหันต์หรี่ตาอย่างจับผิด และความคิดบางอย่างเกี่ยวกับบัตรประชาชนก็ทำเด็กหนุ่มแทบกลั้นหัวเราะไม่ไหว หลุดเสียงกระแอมค่อกแค่กในลำคอออกมาแทนสองสามครั้งให้กับใบหน้าซึ่ง...เขาคิดว่าเห็น...รอยสีแดงจาง ๆ ปรากฏบนสองข้ามแก้มของชายหนุ่ม
“พี่ยังไม่ลบหนวดแมวนั่นอีกหรือ?” คิมหันต์กระซิบ ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมล้อเลียน ได้รับเสียงฮึดฮัดกลับมาจากสามภพบอกให้รู้ว่าตัวเองเดาถูกทางแล้ว “ชอบก็ไม่บอก ผมได้ทำบนใบขับขี่ให้ด้วย”
“คิมหันต์”
“หรืออยากได้ไว้บนบัตรนักศึกษามากกว่า?”
“ไอ้คิม!”“อ่า พี่คะ...ขอดูบัตรประชาชนนิดเดียวค่ะ” มันตลกปนน่าสยองตรงที่ณิชาผู้ไม่เข้าใจสถานการณ์ก็ยังยืนยันจะทำงานของเธออย่างเคร่งครัด “ไม่รบกวนเวลานานค่ะ”
“พี่ครับ” เด็กหนุ่มเอาบ้าง พยักพเยิดด้วยสีหน้าจริงจัง เกิดจะพูดเพราะเรียบร้อยขึ้นมาเสียอย่างนั้นหากไม่ติดเรื่องน้ำเสียงประโยคหลังฟังดูเย้ยหยันพิกล “เอาให้เพื่อนผมดูสิครับ”
สามภพจ้องอีกฝ่ายเขม็ง ดึงแขนคิมหันต์ซึ่งกำลังถอยห่างแต่ช้าไปนิดหน่อยให้ถลาเข้ามายืนใกล้ ๆ มืออ้อมไปโอบต้นแขนเด็กหนุ่มอีกฝั่งไว้มั่นแล้วก้มหน้าไปส่งสายตากดดันเป็นเชิงขู่ แต่นั่นใช้ได้ผลกับคิมหันต์ที่ไหน แม้คิ้วเด็กหนุ่มจะขมวดน้อย ๆ แสดงอาการเจ็บจนเขาต้องคลายแรงบีบลง แต่สีหน้ายียวนนั่นไร้ร่องรอยว่ารู้สึกสำนึกแม้สักนิด ยิ่งหากพิจารณาร่วมกับถ้อยคำหลังจากนั้นด้วยแล้ว..
“หรือความจริงพี่เป็นต่างด้าว?"
มันน่าไหมล่ะ!? "ไหนร้องเพลงชาติให้ผมฟังหน่อยเร็ว”
คิมหันต์ไม่ลืมทำตาใสปิ๊งประหนึ่งเป็นแค่คนนอกไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ก่อนจะโดนโบกแบบยั้งมือ
...ยั้งมือ? คิมหันต์หดคอหนี แต่นั่นน่าแปลกใจทีเดียวที่สามภพยอมอ่อนข้อให้เขา อาจจะโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตามแต่ นึกดูก็หลายครั้งแล้ว ตั้งแต่ตอนเกือบกลิ้งหล่นบันได เมื่อครู่ที่บีบแขนไว้แน่นแต่แล้วก็คลายออกตอนเขาเริ่มทำหน้านิ่ว แล้วยังที่ฟาดฝ่ามือลงมาด้วยความแรงแค่เหมือนจะลูบหัวไอ้ตูบนี่อีก...
“หุบปากไป!”
ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิดตัวเองเต็มทนที่พลาดแล้วพลาดเล่าให้ไอ้เด็กตี๋หัวทองเจ้าเล่ห์ตรงหน้า เขาน่าจะหาอะไรมาลบหนวดแมวนั่นทิ้งทันทีที่เห็น แต่ตอนนั้นกลับมัวแต่หัวฟัดหัวเหวี่ยงรีบรุดมายังหอประชุม..แถมยังผิดแห่งอีกต่างหาก
มาถึงก็พบว่าเกือบไม่ทันเสียแล้ว เหมือนจะจับตัวการได้ก็ยังอุตส่าห์มีไอ้ตี๋เล็กซึ่งเดาว่าคงเกี่ยวข้องอะไรสักอย่างกับคิมหันต์มาสู้ราคาให้ขยับขึ้นทีละนิดละหน่อยจนน่ารำคาญ สุดท้ายเพื่อจบความน่าหงุดหงิดทั้งหลายแหล่ทิ้งจึงได้เพิ่มราคาขึ้นไปถึงสองเท่า สิริรวมหนึ่งหมื่นบาทถ้วน กระเป๋าเบาโหวงในระยะเวลาสั้นนิดเดียว หากทางบ้านหรือสามพลผู้เป็นพี่ชายรู้เข้าคงโดนบ่นไปอีกเป็นเดือน เป็นอันว่าลืมเรื่องจะลบหนวดแมวไปชั่วขณะจนถึงตอนโดนเรียกดูบัตรนี่เอง
ชายหนุ่มใช้เวลาอีกนิดหน่อยพิจารณาคิมหันต์ตั้งแต่หัวจรดเท้า หากประเมินแบบไร้อคติ(ซึ่งต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวด) วันนี้เจ้าเด็กหัวทองเรียกว่าดูดี...อาจจะถึงขั้นดีมากเลยทีเดียว ผมสีสว่างปัดซ้ายป่ายขวาเป็นทรงอะไรไม่รู้แต่ก็ดูรับกับใบหน้าและผิวขาวละเอียดของเจ้าตัว เครื่องแต่งกายแทนที่จะเป็นชุดนักเรียนกลับเป็นชุดไปรเวทแบบที่มักเห็นนายแบบตามนิตยสารวัยรุ่นสวมใส่ รูปร่างสันทัดและท่ายืนกวน ๆ..
"เขินหรือพี่ชาย~?" คงยิ่งดูดีมากทีเดียวหากคิมหันต์จะหัดสงบปากสงบคำและหยุดยั่วโมโหเขาเสียที
เห็นเขาไม่ทำอะไรเด็กหนุ่มจึงยิ่งหน้าระรื่น ไม่รู้ลืมไปแล้วหรือยังว่าตัวเองติดหนี้ยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่เขาจ่ายเงินหมื่นนั่นไป ว่าแต่จะเอาตัวอีกฝ่ายไปทำอะไรสามภพยังไม่ได้คิดไว้เลยด้วยซ้ำ
"พี่คะ" เด็กสาวย้ำอีกครั้ง “บัตรประชาช—”
ทว่ายังพูดไม่ทันจบ สิ่งที่เธอต้องการก็ถูกยื่นมาวางบนโต๊ะเสียก่อน
ในสภาพคว่ำหน้า“จุ๊ ๆ ทำไมทำอย่างนี้เนี่ย” คิมหันต์โคลงศีรษะ...เอาอีกแล้ว อย่าให้ได้ปริปากพูดเชียว “มา..เดี๋ยวผมจับหงายให้นะ”
“หยุด!” สามภพรีบตะปบข้อมือเด็กหนุ่มเอาไว้ และณิชาคงไม่สามารถประหลาดใจมากไปกว่านี้ได้อีก ถัดจากอันนาผู้หญิงสวยแต่แปลก ก็เป็นสามภพ..ผู้ชายหล่อแต่ประหลาด งานโรงเรียนใหญ่ส่งท้ายระดับมัธยมศึกษาครั้งใดจะน่าจดจำไปกว่าปีนี้ไม่มีอีกแล้ว
คิมหันต์เลิกคิ้ว ส่งรอยยิ้มกว้างเจิดจ้าซึ่งเขาไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก เพราะปกติสามภพมักเจอแต่อาการกระตุกมุมปากแฝงเล่ห์ หรือไม่ก็รอยยิ้มใสซื่อจอมปลอมที่บรรจงประดิษฐ์ขึ้นแบบให้ผู้เห็นรับรู้ได้ว่าจงใจเสแสร้งมากกว่า
“โอเค” เด็กหนุ่มใช้มืออีกข้างแกะมือเขาออก ก่อนจะยกขึ้นทั้งสองในระดับศีรษะเป็นเชิงยอมจำนน แต่นั่นก็ดูรู้ว่าปั้นแต่งขึ้นมาอยู่ดี “บัตรพี่...ผมให้พี่เปิดเอง”
แต่ไม่ทันแล้ว..
ณิชาหยิบมันพลิกขึ้นมาดูเรียบร้อย“.....”
หัวหน้าห้องสาวแว่นผู้นี้อย่างน้อยก็นับว่ามีมารยาทมากทีเดียว เธอไม่เอ่ยปากถามอะไรออกมาสักคำ ไม่มีแม้แต่เสียงหัวเราะเล็ดลอดให้ได้ยินแม้แต่น้อย ทว่าไหล่ของเด็กสาวที่เริ่มสั่นหงึก ๆ และริมฝีปากซึ่งเม้มแน่นอย่างพยายามเก็บกลั้นอาการเต็มที่ทำสามภพแทบมุดดินหนีได้แล้ว
ผิดกับคิมหันต์ลิบลับ เด็กหนุ่มส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างสุดกลั้น ยิ่งเห็นดวงหน้าคมคายของอีกฝ่ายออกอาการโกรธก็ไม่ใช่อายก็ไม่เชิงยิ่งนำพาให้หมดแล้วซึ่งความยับยั้งชั่งใจ จนไม่กี่วินาทีต่อมาจึงได้รู้ว่าเขาไม่ควรเลยจริง ๆ
“คิมหันต์”
เสียงเย็นเยือกแบบนั้นของสามภพอีกแล้ว เหมือนตอนที่เขาปล่อยยางรถอีกฝ่ายครั้งแรก น้ำเสียงเช่นนี้น่ากลัวกว่าตอนโวยวายเยอะทีเดียว
“ครับผม” เขาเอ่ยรับเรียบร้อยทว่ากลับยิ่งทำให้ฟังดูกวนประสาท ขาพาตัวเองถอยออกมาสองสามก้าวโดยสัญชาติญาณ และให้ตายสิ เขาคิดว่าพวกสัญชาติญาณหรือลางสังหรณ์อะไรเทือกนี้ของเขามันเชื่อได้จริง ๆ นะ
ควับ!!“โอ๊ะ!!!” นั่นปะไร! มือใหญ่เกือบตะครุบตัวเขาไว้ได้แล้ว แต่เชื่อเถอะว่าหากเป็นความไวในขณะที่ยังมีสติดีอยู่ไม่ใช่ว่าเผลอตัว เรื่องหลบหลีกเขาก็ไม่เลวนักหรอกจึงเอาตัวรอดมาได้จนโตป่านนี้
“อ๊ะ ๆ ๆ”
คิมหันต์ส่ายหน้า ยังไม่วายโบกนิ้วชี้ไปมาเป็นเชิงท้าทายซึ่งเป็นนิสัยเสียที่แก้ไม่หายเอาจริง ๆ โดยเฉพาะเมื่อเอามาใช้กับคนที่การตอบสนองได้ใจอย่างสามภพ เด็กหนุ่มกระโจนแผล็วออกห่างจากตรงนั้นอีกนิดหน่อย ไม่มีเวลาสนใจสายตางุนงงของณิชาเมื่อสามภพหันไปคว้าบัตรประชาชนตัวเองคืนมายัดใส่กระเป๋าสตางค์ ยังไม่ทันได้เก็บลงกระเป๋ากางเกงให้เรียบร้อยก็รีบออกตัวตามเขามาทันที
แล้วเขาจะรออะไรอีกล่ะ
ก็หันหลังโกยอ้าวน่ะสิ!“คิม! พี่เขาจ่ายเงินแล้ว” ณิชาตะโกนตามหลังเพื่อนหนุ่มผมทองซึ่งถลาออกไปไกลลิบด้วยความเร็วเหลือเชื่อ “นายอย่าเบี้ยวนะ!”
เด็กหนุ่มกลอกตาขณะที่ขาสองข้างก็ยังซอยยิบประหนึ่งเป็นนักวิ่งสี่คูณร้อย(ความจริงตอนกีฬาสีก็เคยลงแข่งอยู่ ได้เหรียญทองเสียด้วย) รับปากกับเธอในใจว่าจะพยายามแล้วกัน
“หยุดนะเว้ย!” ชายหนุ่มร้องเสียงดังไล่หลัง น้ำลายฟูมปากหรือยังนี่ “อย่าให้จับได้นะไอ้เด็กเวร!”
“จับได้แล้วจะทำไมครับเฮีย?” เขาตะโกนตอบ เหลือบมองด้านหลังก็พบว่าระยะห่างเริ่มขมวดเข้ามาจนน่าใจหาย ขายาวนี่หว่า โคตรขี้โกงเลย
“มีจัดหนักแน่ไอ้เด็กคิม!”ให้ตาย..ขู่แบบเดียวกับที่เขาขู่สมบูรณ์ไม่มีผิด แต่สีหน้าโหด ๆ อย่างนั้นนี่สิ เขาจะมีชีวิตได้ถึงสอบติดคณะทันตแพทยศาสตร์อย่างที่ตั้งใจไหม?
สามภพยังโวยอะไรสักอย่าง แต่คิมหันต์ขี้เกียจฟังแล้ว
หรือจะเบี้ยวดีวะ?.
.
.
.
.
.
คิมหันต์ส่งเสียงหอบหนักหน่วง นี่เกินร้อยเมตรอย่างที่เคยวิ่งแข่งขันแล้วแน่นอนดูจากอาการซี่โครงบานขนาดนี้
เขาอาจได้เปรียบนิดหน่อยตรงรูปร่างเหมาะแก่การแทรกตัวซอกแซกทางนั้นทางนี้มากกว่า คิดว่าไม่นานสามภพคงเบื่อจนเลิกไล่ตามไปเอง ใครจะไปนึกว่าตั้งพักใหญ่แล้วยังกัดไม่ปล่อย แถมทำท่าเกือบจะโดนจับได้ก็สองสามรอบ อยากตัดขายาว ๆ คู่นั้นทิ้งสักสิบยี่สิบเซนติเมตรช่วงขาจะได้สูสีกันสักหน่อย มัววิ่งหนีกันอยู่อย่างนี้เขาคงได้หมดแรงเองแน่นอน
เอาละ!เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก หยุดวิ่งกะทันหันแค่ตรงนั้น
เหนื่อยฉิบหาย! พอกันที!จากนั้นก็หมุนตัวกลับไปยืนหอบรอให้สามภพตามมาจนทันในที่สุด
“!??”ท่าทางเช่นนั้นสร้างความประหลาดใจให้สามภพถึงกับชะงักตามไปด้วยทีเดียว แต่ก็อย่างว่า คิมหันต์แทบไม่เคยหยุดทำเขาประหลาดใจ และครั้งนี้ก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าเจ้าตัวจะมาไม้ไหนอีก
“...ผม...เ..หนื่...อ..ย...แ..ล้..ว...” เด็กหนุ่มพูดไปก็หอบไป ผมเผ้าที่จัดไว้อย่างดีร่วงลงแปะข้างแก้มใสจากเม็ดเหงื่อที่ซึมขึ้นมา ใบหน้าแดงซ่านทั้งจากอากาศร้อนและระยะทางที่ออกแรงโกยอ้าวมาไกลโข สภาพอนาถจนชายหนุ่มเกือบเผลอใจสงสารแล้วเชียว
“...พี่..ตา..ม..มา..ทำไม..วะ!?”
“แล้วแกวิ่งหนีทำไม?” เขาย้อนถาม
คิมหันต์ทำหน้าปุเลี่ยน บ่นอะไรบางอย่างอีกนิดหน่อยแต่ถูกเสียงหอบกลบไปเกือบหมด ได้ยินเป็นคำ ๆ ไม่ปะติดปะต่อทำนองว่า
'ฆ่า' หรือไม่ก็
'ใครจะไปอยู่' แทรกในประโยคไม่ได้ศัพท์เหล่านั้น
“ทำเหมือนจะเบี้ยว” ชายหนุ่มกล่าวหาต่อ เรียกสีหน้าขัดใจจากเด็กหนุ่มขึ้นมาทันควัน
“ไม่เบี้ยวหรอกน่า” โกหกเห็น ๆ เมื่อกี้ยังตั้งใจจะเบี้ยวอยู่ทีเดียว “แต่พี่เลิกทำท่าเหมือนอยากเอาผมไปฆ่าก่อนได้ปะล่ะ”
สามภพขยับขาพาตัวเองเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มซึ่งยืนนิ่งรอเขาอยู่ ผู้คนรอบตัวมากมายเดินสวนไปมาแต่เขาไม่ทันได้สังเกต สายตาจ้องเขม็งไปยังไอ้ตัวแสบหนึ่งเดียวตรงหน้า คว้ากระเป๋าสตางค์ตั้งใจจะหยิบบัตรประชาชนเจ้าปัญหาขึ้นมาประกอบถ้อยคำคาดโทษ “นอกจากบัตรนี่แล้ว ยังเล่นลูกไม้อะไรไว้อีกหรือเปล่า?”
คิมหันต์ยกมุมปากขึ้นน้อย ๆ พอเริ่มหายเหนื่อยก็ดูฤทธิ์เยอะขึ้นมาอีกครั้ง “แล้วพี่คิดว่าไงล่ะ?”
“อย่ามาเล่นลิ้น”
“เปล่านี่”
คิมหันต์พูดจบก็แลบลิ้นยื่นออกมาแตะริมฝีปากตัวเองเป็นการล้อเลียนคำพูดเขา ทว่าที่น่าตกใจไม่ใช่เรื่องนั้น หากแต่เป็นการที่เขาคว้าไหล่ของเด็กหนุ่มไว้มั่นในมือโดยไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว เพียงชั่วพริบตาร่างตรงหน้าก็ถูกกระชากเข้าหาจนเกือบชิดแผ่นอกแกร่ง
คิมหันต์เบิกตากว้าง(อย่างน้อยก็กว้างที่สุดตั้งแต่เขาเคยเห็นมา) เมื่อพบว่าปลายลิ้นตัวเองที่ทำอวดดีส่งออกมาล้อเลียนอยู่เมื่อครู่สัมผัสเข้ากับอะไรบางอย่างที่.......นุ่มนิ่ม....?
“!??”ผู้คนบางส่วนหันมาให้ความสนใจว่าพวกเขาทั้งสองกำลังแสดงท่าทางประหลาดอะไรอยู่ แต่เชื่อว่าทั้งหมดนั้นเร็วจนไม่น่ามีใครทันได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะแม้แต่ตัวเขาเองยังไม่แน่ใจเลยว่าเมื่อครู่นี้คืออะไรกันแน่ เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรเป็นพิเศษ คนเหล่านั้นก็พากันกลับไปสนใจกิจกรรมของตัวเองตามเดิม
เด็กหนุ่มยืนตัวสั่น ใจเต้นระรัวจนน่ากลัวว่ามันจะระเบิดทรวงอกเขาให้ได้ ลิ้นกลับมาอยู่ในปากตัวเองอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว และอย่างน้อยก็หวังว่าคงยังไม่ลืมวิธีออกเสียง ใบหน้าคมของอีกฝ่ายถอยกลับไปอยู่ตำแหน่งเดิมเหมือนเรื่องเมื่อครู่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง มือทั้งสองซึ่งคว้าไหล่เขาอยู่คลายออกขณะที่เจ้าของมือก็มีทีท่าตกใจไม่แพ้เขา
“....พี่...”คิมหันต์ไม่แน่ใจว่าชั่วพริบตานั้นลิ้นเขาไปแตะเข้ากับอะไร แต่เพียงคิดว่ามันโดนกับบางอย่างบนใบหน้าของชายหนุ่มร่างสูงซึ่งยืนจ้องตากันอยู่ก็เรียกความรู้สึกปั่นป่วนไปทั้งร่าง
“...ถ้ากวนตีนอีก”
สามภพยังไม่ชัดเจนนักในสิ่งที่ตัวเองต้องการพูด รู้แต่ควรทำลายบรรยากาศกระอักกระอ่วนอันทำให้ใจเต้นโครมครามไม่เป็นส่ำเช่นนี้ลงเสียที กลิ่นหอมอ่อน ๆ ซึ่งยังติดจมูกตอนที่ใบหน้าเกือบชิดกันเมื่อครู่นี้ให้ความรู้สึกประหลาดจนเริ่มกลัวกับบางสิ่งบางอย่างอันอยู่นอกเหนือการควบคุม เขาควรรีบจบมันเสีย แต่อะไรซึ่งควรจบมันได้ต้องไม่ใช่สิ่งที่กำลังจะออกจากปากอย่างห้ามไม่ทันนี้แน่นอน
“..คราวหน้าจะโดนหนักกว่านี้”เขาได้ยินเสียงลมหายใจเด็กหนุ่มขาดห้วง พร้อมกับที่ผิวหน้าซึ่งเพิ่งเริ่มหายแดงหลังจากออกแรงวิ่งมาตั้งไกลเปลี่ยนกลับเป็นสีระเรื่ออีกครั้งหนักกว่าเก่า ตาทั้งสองข้างยิ่งเบิกกว้างขึ้นกว่าเดิมอย่างไม่น่าเชื่อ คิมหันต์เซถอยหลังไปได้สักครึ่งก้าวแล้วก็สบถออกมาด้วยถ้อยคำประจำตัวทว่าเสียงอ่อนระโหยผิดปกติไปไกล
“..เชี่ย” เสี้ยววินาทีหลังจากนั้น ด้วยความไวราวกับการเดินทางของเสียง กระเป๋าสตางค์ในมือเขาถูกโฉบอย่างรวดเร็วไปอยู่ในมือเด็กหนุ่ม ไม่มีเวลาให้ได้ส่งเสียงขู่ ห้ามปราม หรือแม้แต่จะโวยวาย
คิมหันต์ขว้างมันลอยหวือออกไปอยู่เหนือผู้คนนับร้อยต่อหน้าต่อตาเจ้าของกระเป๋า“เฮ่ย!!!” ชายหนุ่มมองตามสมบัติชิ้นสำคัญของตัวเองค่อย ๆ ร่อนเตี้ยลงตามแรงโน้มถ่วงเหมือนกำลังดูภาพช้าจากกล้อง ก่อนกระเป๋าสตางค์ที่เริ่มเบาเพราะเพิ่งหมดเงินเป็นหมื่นจะหายลับไปท่ามกลางฝูงชนพลุกพล่าน
“คิม!”เจ้าของชื่อหันหลังวิ่งหนีไปในทิศทางตรงกันข้ามเรียบร้อยแล้ว- หมดยกที่ 14 –
=========================
อัพค่าาาา >w< ใกล้กันอีกนิด...อีกนิด...555
ลิ้นคิมหันต์ไปแตะโดนอะไร ให้จิ้นเอาได้ตามชอบใจ คนอ่านคิดว่าโดนตรงไหนก็ตามนั้นเลยค่ะ (ฮา)
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ *กอดดด* พบกันตอนหน้าน้าาาา ^o^

ของแถมอยู่รีพลายถัดไปค่ะ
