● เล่ห์รักฤดูร้อน ●
ยกที่ 6 – คาหนังคาเขา
‘ความฉิบหายวายป่วงมีธรรมชาติคล้ายแมลงสาบ
หากคุณไปพบมันเข้าสักตัวในบ้าน พึงสังวรณ์ว่าใต้พื้นยังมีพวกมันอยู่อีกทั้งรัง’
- คิมหันต์ วานิชตระการกูล - (ซึ่งตอนนี้หลับเปรมอยู่)
คิมหันต์...ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์! สามภพเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน นั่งเปลือยท่อนบนสงบสติอารมณ์อยู่บนฝาชักโครกประหนึ่งเป็นรูปปั้น
The Thinker ของออกุสต์ โรแดง นึกถึงตัวต้นเหตุที่ป่านนี้ยังนอนกรนอยู่หน้าห้องน้ำหลังจากวางยาตัวเองแล้วมาขังเขาไว้ในนี้ด้วยสภาพโชว์เนื้อหนังเหลืออาภรณ์ติดตัวเพียงกางเกงในกับผ้าขนหนูหนึ่งผืน มองตัวเองแล้วให้อยากจับไอ้เด็กแสบนั่นไปทำปุ๋ยหมักชีวภาพเผื่อเจ้าตัวจะหัดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
“คิม!” เขาลองเรียกดูอีกครั้ง ลุกขึ้นเตะประตูไปอีกหนึ่งรอบ เพียงเพื่อพิสูจน์ว่าปาฏิหาริย์ไม่มีจริงซึ่งถูกยืนยันอย่างเจ็บแสบด้วยเสียง
‘....ฟี้.......’ แผ่วเบาเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
เปรมปริ่มนะ...ฝันหวานเลยสิเด็กเวร!
ชายหนุ่มเริ่มใช้เวลา(ที่คงมีอยู่อีกเหลือเฟือในนี้)สังเกตสภาพรอบตัว ในจำนวนบ้านหนึ่งร้อยหลังอาจมีสักหลังแขวนนาฬิกาไว้บนผนังห้องน้ำ แต่โชคร้ายตรงบ้านหลังนี้เป็นเก้าสิบเก้าหลังที่เหลือ บนผนังกระเบื้องสีครีมลายดอกไม้จึงมีเพียงจิ้งจกหนึ่งตัวโผล่หัวเยาะเย้ยอยู่แถวมุมเพดานก่อนจะผลุบหายไป ทิ้งเขาไว้กับทุ่งดอกไม้บนผนังและเครื่องสุขภัณฑ์สีขาวหน้าจืด
ด้วยเหตุนี้ เวลาผ่านไปนานเท่าไรจึงไม่อาจบอกได้ แต่เขารู้สึกเหมือนตัวเองใช้เวลาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเย็นเฉียบนี้มาราวค่อนชีวิตเต่าทะเล
"......"
"......................"
"....................................."
นี่มันนานเกินไปแล้ว!“คิมหันต์! ตื่นยังวะ”
ข้างนอกเงียบสนิท แม้แต่เสียงกรนก็หายไป
“ไอ้เด็กคิม!”‘....จุ๊ ๆ ๆ ๆ....’ จิ้งจกในห้องคล้ายจะร้องเตือนว่าอย่าส่งเสียงดังรบกวนคนหลับ และเขาขอบคุณอย่างสุภาพด้วยการเอาน้ำฉีดใส่มันไปทีหนึ่ง
“ขี้เซาเอ๊ยยย!!” ชายหนุ่มส่งฝ่าเท้าเตะระบายความหงุดหงิดใส่ประตู ได้แผลเล็บฉีกที่นิ้วก้อยเท้าซ้ายเป็นการตอบโต้เดาว่าหลังจากโดนเขาเตะไปหลายรอบมันคงชักทนไม่ได้ เล่นเอาต้องถอยกลับมาตั้งหลักด้วยท่ารูปปั้น
The Thinker ที่ฝาชักโครกอีกครั้งพร้อมกับเสียง
“..ซี้ดดด...” เริ่มหลอนว่าทั้งจิ้งจกหรือประตูของบ้านนี้ดูจะตั้งตนเป็นปรปักษ์เหมือนเจ้าของไม่มีผิด
เวลาผ่านไปอย่างไร้ความหมายด้วยระยะราวเต่าตัวเดิมมีหลาน สามภพเชื่อว่าเขาหลับและตื่น...ตื่นและหลับมาสามรอบเป็นอย่างน้อย กระจกฝ้าด้านบนบอกให้รู้ว่าฟ้าเริ่มสาง ผ่านไปจนได้หนึ่งคืนแบบทุลักทุเลและเย็นเยียบในพื้นที่จำกัด
ชายหนุ่มขยี้ตา ห่อไหล่ด้วยความหนาว เดินวนไปวนมาแล้วเตะประตูอีกครั้งโดยระวังนิ้วเท้าซ้ายไม่ให้ไปมีเรื่องกับอริเก่า ตะโกนเรียกชื่อเด็กหนุ่มเจ้าของบ้านหลายหนซึ่งไร้สัญญาณตอบรับ กระฟัดกระเฟียดอยู่สองสามอึดใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย กลับลงไปนั่งที่ฝาชักโครก จากนั้นก็วนการกระทำแบบเดิมตั้งแต่ขั้นตอนแรกใหม่เหมือนฉายหนังซ้ำ
จุดเปลี่ยนอยู่ตรงขั้นตอนกระฟัดกระเฟียดรอบที่สี่นั่นเอง แทนที่จะต่อด้วยสเต็ป
‘กลอกตาอย่างเหนื่อยหน่ายแล้วกลับไปนั่งครุ่นคิดบนฝาชักโครก’ เช่นสามรอบก่อน สามภพตัดสินใจว่าควรแก่เวลาปลดปล่อยตัวเองเป็นอิสระได้แล้วต่อให้ต้องพังประตูห้องน้ำบ้านคนอื่นก็เถอะ (ความจริงเขามาสงสัยตัวเองทีหลังอยู่เหมือนกันว่าบ้าทนอยู่ได้อย่างไรทั้งคืน) โดนขังอยู่ในนี้ตั้งแต่หัวค่ำยันเช้าโดยเจ้าของบ้านที่ดันมอมยาตัวเองช่างเป็นเรื่องงี่เง่าสิ้นดี
“คิม!!” สามภพลองส่งเสียงเรียก ตั้งใจให้โอกาสเผื่อว่าอีกฝ่ายตื่นแล้วแกล้งทำเป็นเบลอลืมเขาไว้ในนี้จะได้ไม่ต้องทำลายข้าวของ “ตื่นหรือยัง!? มาเปิดประตู”
....เงียบสนิท....ตื่นแล้วแกล้งฟอร์มหรือว่าเน่าเปื่อยโดนจุลินทรีย์ย่อยสลายไปเรียบร้อยก็ยังน่าสงสัย
“ไม่งั้นพี่จะพังออกไป”
ยังคงไร้เสียงตอบรับ ซึ่งหากเขารู้ว่าแก้วน้ำส้มที่คิมหันต์กระดกเข้าไปใส่ยาถึงสามเม็ดคงไม่เสียเวลายืนตะเบ็งให้เจ็บคอ
“.....”
ชายหนุ่มยักไหล่ สะบัดคอยืดเส้นยืดสายพร้อมกับหักข้อมือดังกร๊อบ ถอยออกไปตั้งหลักชิดผนังห้องน้ำอีกฝั่ง สายตาเพ่งเขม็งที่เป้าหมายเหมือนหมาป่าล่าเหยื่อ ซึ่งทั้งหมดนั้นคงดูเท่มากหากเจ้าตัวไม่ได้อยู่ในสภาพเกือบเปลือยโดยมีเพียงผ้าขนหนูหนึ่งผืนถ้วนพันไว้รอบเอว
“โทษพี่ไม่ได้นะ”.
.
.
.
.
คิมหันต์ไม่ได้หลับลึกเช่นนี้มานานแล้ว ครั้งสุดท้ายอาจเป็นตอนพี่สาวทั้งสองหัดให้ดื่มเหล้าเป็นคราวแรกในปาร์ตี้ไม่มีเทศกาลกันที่บ้าน วัสสานะบอกให้เขาดื่มเต็มที่(ความจริงเธอแทบจับกรอกปากเขาบางแก้วเสียด้วยซ้ำ) เอาให้เมาในบ้านซึ่งมีพวกเธอคอยดูแล เขาจะได้รู้ว่าตัวเองดื่มแค่ไหนแล้วไม่ไหว เผื่อถึงคราวจำเป็นโดยไร้คนอื่นที่ไว้ใจได้ก็ยังไม่เสียท่าเมาแอ๋ไม่รู้ตัว เท่านั้นไม่พอ..สิสิรพี่สาวคนรองยังใจดีถ่ายคลิปเด็กหนุ่มตอนสติสัมปชัญญะกำลังชุ่มแอลกอฮอล์ได้ที่ (มาเห็นทีหลังถึงกับเกินจะรับสภาพตัวเอง) หลับเป็นตายไปอีกเกือบวันเพื่อตื่นมาพบกับอาการเมาค้างอันชวนให้อยากระเบิดโรงงานผลิตเหล้าทั่วโลกทิ้ง หลังจากนั้นก็ไม่เคยเมาหนักจนกระทำตัวเยี่ยงในคลิปลับนั้นอีกเลย ซึ่งคงต้องขอบคุณพี่สาวสองคนซึ่งมองการณ์ไกลช่วยหัดและเตือนไปในตัว
เขาเคยเอาวิธีเดียวกับที่พี่สาวทำไปใช้กับเพื่อนรัก
‘ปิ่นหยก’ ชวนหมอนั่นดื่มเหล้า(พูดให้ชัดคือจับกรอกเหล้า) เอาให้ถึงลิมิต ซึ่งไม่ต้องใช้แรงมากมายเลยเพราะปิ่นหยกเมาง่ายเหลือเชื่อ และที่ช่วยเรียกความมั่นใจให้เขาขึ้นมานิดหน่อยคือไอ้เพื่อนรักเมาแล้วสภาพทุเรศกว่าเขาอีก ซึ่งเขาก็ใจดีแบบเดียวกับพี่สาวตัวเอง ช่วยถ่ายคลิปเอาไว้ยืนยันกับเจ้าตัวตอนหายเมาค้าง
กลับมาที่เดิม...หน้าประตูห้องน้ำร่างโปร่งของเด็กหนุ่มยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติง แผ่นอกกระเพื่อมขึ้นลงช้า ๆ ด้วยลมหายใจสม่ำเสมอ ตัดขาดประสาทสัมผัสทั้งห้าจากโลกภายนอก(และภายในห้องน้ำ)อย่างสิ้นเชิง จนช่วงรุ่งสางนั่นเองที่เริ่มมีสะดุ้งขึ้นมาลืมตาเบลอ ๆ กับเสียงกระแทกประตูและคำโวยวายซึ่งเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาแต่ไม่ได้จอดแวะแปลผลที่สมอง เขาเพียงแค่ลืมตาขึ้นมาเพื่อกะพริบตาสองสามครั้งแล้วจมดิ่งสู่โลกนิทราใบเดิม ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าได้ขังสิ่งมีชีวิตตัวตั้งเบ้อเริ่มที่ยังมีสติครบถ้วนไว้ในห้องน้ำซึ่งอาจทำให้โดนข้อหามีสัตว์ป่าไว้ในครอบครอง
เสียงกระแทกประตูดังรัวอีกครั้ง คิมหันต์เพียงแต่ขมวดคิ้วน้อย ๆ โดยไม่ได้ลืมตาจากนั้นก็หลับต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในห้องปิดล็อคซึ่งอยู่หลังบานประตูที่เขานอนแผ่อยู่เงียบสนิทคล้ายไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่ในนั้น เว้นแต่จะเงี่ยหูฟังดี ๆ (ซึ่งตอนนี้เขาไม่สามารถทำอย่างนั้นได้) อาจพอได้ยินเสียงหักนิ้วกร๊อบแกร๊บแว่วมาจากมือของชายหนุ่มที่ถอยไปตั้งหลักเสียชิดกำแพงอีกฝั่ง สายตาจับจ้องไปยังประตูด้วยความมุ่งมั่น
“โทษพี่ไม่ได้นะ” เสียงจากข้างในนั้นค่อนข้างชัดเจนทีเดียว
แต่คิมหันต์ก็ไม่ได้ยินอยู่ดี.
.
.
.
วัสสานะจอดรถไว้หน้าบ้าน ไอ้ดุ๊กดิ๊กมุดจมูกเสนอหน้าจากที่ว่างใต้รั้วทว่าเธอไม่เห็นแม้แต่เงาของเด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้าของ บีบแตรเรียกอยู่สองสามครั้งก็ยังไม่มีใครกระวีกระวาดมาเปิดประตูรั้วให้อย่างที่เคยเป็น สายตะวันโด่งป่านนี้แล้วคิมหันต์มัวทำอะไรอยู่
ปี๊นนนนน......ปี๊นนนนนนนน........เงียบฉี่.....หญิงสาวส่ายหน้าอ่อนใจ บ่นพึมพำออกมาขณะที่ก้าวขาลงไปไขกุญแจรั้วแล้วเข็นเปิดด้วยตัวเองในที่สุด “ปล่อยอยู่คนเดียวไม่ได้เลยหรือไงนะเด็กคนนี้”
ดันรั้วเปิดเรียบร้อยจึงเดินกลับขึ้นไปบนที่นั่งคนขับ นำรถเข้าไปจอดในโรงจอดรถแล้วดับเครื่อง ยังอดหัวเสียอยู่นิดหน่อยไม่ได้ที่เอารถมาเก็บขนาดนี้แล้วยังไม่เห็นวี่แววว่าน้องชายตัวแสบจะโผล่ออกมาจากบ้าน มีก็แต่เจ้าหมาขนทองตัวโปรดของคิมหันต์ที่ทำท่าระริกระรี้ใส่เธอ น้ำลายยืดหยดแหมะเต็มพื้นอย่างกับกำลังหิวเสียมากมายทั้งที่ปกติเจ้าของสุดรักคงจัดการมื้อเช้าให้เป็นที่เรียบร้อยแล้วแท้ ๆ
“อะไร ดุ๊กดิ๊ก” เธอส่งเสียงดุ “กินแล้วไม่ใช่หรือเรา? เดี๋ยวนี้ตะกละจริง ครีมนี่ก็ทำเสียหมาหมด”
หญิงสาวลูบหัวเจ้าหมาใหญ่ก่อนจะดันมันออกเบา ๆ สาวเท้าตรงไปยังบันไดซึ่งนำไปสู่ชานหน้าบ้าน ผ่านที่วางถาดอาหารประจำของไอ้ดุ๊กดิ๊กทว่ากลับไม่พบร่องรอยว่ามีการให้อาหารเกิดขึ้นตรงนี้ กวาดสายตาจนทั่วก็พบว่าถาดอาหารยังคว่ำอยู่บนชั้นวางบอกให้รู้ว่าเจ้าหมาอ้วนนี่ยังไม่ได้หม่ำมื้อเช้า มิน่าจึงได้ออกอาการหิวโหยผิดปกติ “อะไรกันเนี่ย”
เธอเลิกคิ้ว เริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลขณะที่ร้องเรียกยามขนทองประจำบ้านเข้ามาหาหลังจากเธอเทอาหารเม็ดสำหรับสุนัขลงในถาด “ดุ๊กดิ๊กมานี่มา เจ้านายแกมัวทำอะไรอยู่น่ะ”
ดุ๊กดิ๊กใส่เกียร์หมา(ใช่..มันเป็นหมา)โกยเข้าหาทันทีแบบไม่ต้องเอ่ยซ้ำ จมูกปากมุดหายไปในถาดอาหาร วัสสานะมองมันอยู่หนึ่งอึดใจก็หันหลังกลับไปยังจุดหมายเดิม เดินขึ้นบันไดไปยังชานหน้าบ้าน ยกมือขึ้นจับลูกบิดประตู
เพื่อจะพบว่าประตูหน้าบ้านยังล็อคอยู่นี่ยังไม่ได้เปิดบ้านเลยหรือ? ตกลงว่านอนตื่นสายโด่งขนาดนี้เชียว...?
“ครีม” เธอร้องเรียก แต่ไร้เสียงตอบรับ หญิงสาวใช้เวลาครุ่นคิดอยู่หน้าประตูบ้านตัวเองครู่หนึ่งก่อนจะรื้อกุญแจในกระเป๋าถือมาไขลูกบิดเปิดออกแล้วก้าวเท้าเข้าไปในบ้านซึ่งเงียบอย่างน่าประหลาดจนอดหวั่นวิตกขึ้นมาไม่ได้
“......”
วัสสานะเดินสำรวจในตัวบ้าน ผ่านโต๊ะอาหารซึ่งมีจานช้อนและแก้วน้ำอยู่สองชุด แก้วใบหนึ่งยังมีน้ำส้มอยู่เต็มส่วนอีกใบเหลือเพียงแก้วเปล่า กลางโต๊ะพบไข่เจียวมดขึ้นเป็นโขยง เดาว่าซากอาหารพวกนี้น่าจะถูกวางทิ้งไว้หลายชั่วโมงแล้ว คิมหันต์ถึงจะซกมกไปหน่อยแต่ปกติก็ไม่ได้เป็นถึงขนาดนี้ เกิดอะไรขึ้นกับน้องชายคนเล็กระหว่างที่เธอไม่อยู่?
หญิงสาววางกระเป๋าลงบนโต๊ะ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาไว้ในมือ กดเลือกเบอร์ของสถานีตำรวจในละแวกบ้านรอไว้แต่ยังไม่ได้โทรออก สายตามองหาอะไรที่พอจะเอามาใช้เป็นอาวุธได้เผื่อในสถานการณ์คับขัน ใครจะรู้ว่าน้องชายของเธอเพียงแค่ซกมกและเหลวไหลผิดปกติหรือว่าถูกโจรงัดบ้านจับตัวไปทำอะไรหรือเปล่า
หญิงสาวไม่รู้ตัวสักนิด...หน้าห้องน้ำถัดจากหัวมุมที่เธอยืนหันรีหันขวางอยู่ ความฉิบหายวายป่วงที่คิมหันต์เคยเปรียบเปรยว่าเหมือนแมลงสาบกำลังจะเกิด
"ฟู่วว....."หลังประตูซึ่งกั้นเขาไว้จากโลกภายนอกมาหนึ่งคืนเต็ม สามภพสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ กระโดดเหยาะ ๆ รวบรวมกำลังแล้วพุ่งตัวออกไปด้วยความเร็วสูงเหมือนกระสุนที่ถูกปล่อยออกจากปากกระบอกปืน ขณะที่คิมหันต์ยังนอนฝันหวานอยู่หน้าประตูห้องน้ำซึ่งกำลังจะถูกมนุษย์ร่างใหญ่ไหล่หนาเสื้อผ้าไม่มีเข้ากระแทก
โครม!!!!!!!แกร๊งงง!!“อึก!!”ประตูเหวี่ยงไปทาง หูโลหะ(และแม่กุญแจซึ่งห้อยอยู่)ไปทาง ผ้าขนหนูไปอีกทาง
แต่คน...ไม่ไปสักทางวัสสานะสะดุ้งสุดตัวเพราะเสียงที่ราวกับมีอุกกาบาตพุ่งตรงลงกลางบ้าน เธอวิ่งหน้าตาตื่นไปยังต้นเสียง เลยหัวมุมที่อยู่ระหว่างห้องน้ำและโต๊ะอาหาร มุมนั้นบดบังลานสายตาของหญิงสาวในตอนแรก ไม่เช่นนั้นเธอคงเห็นคิมหันต์นอนแผ่สงบนิ่งอยู่ตรงนี้เพียงลำพังตั้งแต่ก่อนที่บานประตูจะถูกแรงปะทะมหาศาลพุ่งใส่จนเหวี่ยงออกมาแกว่งร่องแร่ง ไม่ใช่ภาพซึ่งเกิดขึ้นหลังจากนั้นราวห้าวินาทีอย่างที่กำลังปรากฏอยู่ต่อหน้า
“......”
คิมหันต์ตื่นจนได้ด้วยเสียงสนั่นหวั่นไหวซึ่งเกิดขึ้นในระยะประชิด เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมาทั้งที่ยังงัวเงียจับต้นชนปลายไม่ถูก แสงสว่างแยงเสียตาพร่า รู้สึกว่าตัวเองถูกของแข็งอะไรสักอย่างฟาดจนกลิ้ง จุกแถวอกกับท้องเหมือนมีอะไรหนัก ๆ หล่นเข้าใส่อย่างแรง และน้ำหนักนั้นก็ยังไม่หายไปไหนจนกระทั่งเขากะพริบตาถี่รัวเรียกสติกลับเข้าร่างพอจะผงกขึ้นมอง สายตาส่งภาพตรงหน้าไปให้สมองช่วยตีความว่าเกิดอะไรขึ้น
“.....”
บนแผ่นอกเขา ศีรษะที่ปกคลุมด้วยกลุ่มผมสีดำยุ่งเหยิงของใครบางคนพาดอยู่บนนั้น จะพูดให้ถูกคือไม่ใช่แค่ศีรษะซึ่งพาดอยู่ แต่เป็นทั้งตัวต่างหาก และหากกล่าวแค่นั้น...คะแนนเต็มสิบอาจได้สักเจ็ด ถ้าให้บรรยายด้วยถ้อยคำซึ่งผ่านการประมวลผลเรียบร้อยแล้วหลังจากตื่นเต็มตาคงเป็น....ไอ้หมาบ้า...ชื่ออะไรนะ....อ้อ สามภพ....ในร่างเกือบเปลือย (ขอบคุณสวรรค์ที่ยังเหลือกางเกงใน)ทิ้งน้ำหนักทั้งตัวใส่เขาด้วยท่วงท่าซึ่งควรไปปรากฏอยู่ในหนังโป๊เกย์มากกว่าจะเกิดขึ้นหน้าห้องน้ำในบ้าน เชื่อมั่นว่าร้อยทั้งร้อยของคนที่เห็นอย่างนี้ต้องคิดว่าพวกเขากำลังเข้าด้ายเข้าเข็มอะไรสักอย่างแน่นอน วัดจากกลุ่มตัวอย่างสองคนคือตัวเขาเองที่เพิ่งตื่นและไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น กับหญิงสาวผู้เป็นพี่ใหญ่ซึ่งมือกดปุ่มโทรออกไปยังสถานีตำรวจเรียบร้อยโดยไม่ลืมจะส่งเสียงหวีดสติแตกระหว่างรอสาย ประสานไปกับเสียงน้องชายซึ่งอยู่ในภาวะจิตหลุดไม่แพ้กัน
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!”
“อร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!”
มหกรรมหวีดสยองของสองพี่น้องตรงหน้าดึงสติให้สามภพลุกพรวดขึ้นจากร่างเด็กหนุ่มข้างใต้ในที่สุด ก้มลงสำรวจตัวเองเพื่อจะพบสภาพทุเรศทุรังบัดซบจนความมั่นใจที่สั่งสมมาทั้งชีวิตร่วงดิ่งลงเหว ไม่รู้ควรทำอะไรก่อนระหว่างปิดปากไอ้เด็กหัวทองตรงหน้า วิ่งไปเอาผ้าขนหนูมานุ่ง หรืออธิบายกับหญิงสาวอีกคนที่ยืนกรี๊ดขณะที่โทรศัพท์ถูกยกขึ้นแนบหูซึ่งไม่รู้ว่าโทรเรียกตำรวจอีกหรือเปล่า
ข้อข้องใจของเขาได้รับคำตอบไวกว่าที่คิด เมื่อผู้เห็นเหตุการณ์หยุดหวีดเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่ามีคนรับสายเธอในที่สุด หญิงสาวตะโกนใส่โทรศัพท์ด้วยถ้อยคำอันทำให้เขาตระหนักได้ว่าอย่างแรกที่ควรทำคือแย่งโทรศัพท์จากมือเธอต่างหาก ไม่ใช่เรื่องไร้สาระอย่างที่มัวลังเลอยู่เมื่อครู่
“คุณตำรวจ!! มีผู้ชายโป๊โรคจิตกำลังจะปล้ำน้องชายฉันค่ะ!!!!!”“เฮ่ย!!!!!!??”แมลงสาบใต้พื้นบ้านยังรอสามภพอยู่อีกทั้งรัง- หมดยกที่ 6 -
===========================
สน.เดิม คุณตำรวจคงด่า โอย...เขียนแล้วเหนื่อย 5555
อันนี้รูปปั้น The Thinker ชื่อดังค่ะ
ขอให้นึกภาพเป็นพี่ภพนั่งบนฝาปิดโถส้วมแทน (ฮา) //เสื่อมเกิ๊น XD
ของแถมรีพลายถัดไป
พบกันตอนหน้า ขอบคุณมาก ๆ ทุกคอมเม้นต์ค่ะ *รวบกอดด*

ปล.ลูกเจี๊ยบแม่ไก่อัพตอนพิเศษวันคริสต์มาสไปแล้วค่ะ พอดีไปอยู่ในห้องนิยายจบแล้วเดี๋ยวไม่เห็น XD
♥ SPECIAL CHAPTER - Christmas in Love ♥
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33427.msg2242790#msg2242790