มีไม่บ่อยเท่าไหร่หรอกนะครับที่ผมจะแยกตัวกับไอ้กี้แบบนี้ เพราะธรรมดาผมเป็นพวกติดเพื่อนอยู่แล้ว คราวนี้เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ ในเมื่อเพื่อนซี้ของผมเปลี่ยนไปผมเองก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วย ยิ่งมีไอ้ดิวเป็นคู่ดูโอแบบนี้ด้วย ขืนไปตามลำพังพร้อมกับมันสองคน ผมคงต้องสติแตกในวินาทีใดวินาทีหนึ่งแน่นอน
“แสดงว่ามึงว่าง” ไอ้ดิวถามย้ำ
“อืม มีอะไรวะ”
ตอนนี้พวกเราเดินมาถึงรถอีโคคาร์สีดำมันวาวจนน่าเอาเหรียญขูดแล้วล่ะครับ ตั้งแต่วันแรกที่มันขับรถยุโรปราคาหลักล้านมา ผมก็อดห่วงสภาพของมันขึ้นมาไม่ได้ เนื่องจากต้องจอดด้านนอกของโรงเรียน ถ้าเกิดใครว่างจัดไปทำร้ายมันฆ่าเวลาเข้า ผมเสียดายเงินที่ต้องมาดูแลซ่อมแซมโดยใช่เรื่องครับ ผมเลยบอกให้มันเอารถธรรมดามาแทนน่าจะดีกว่า ถึงแม้คันที่มันเอามาใหม่จะราคาเกินครึ่งล้านก็ตามที
เอาน่า... อย่างน้อย มันก็เป็นอีโคคาร์ ประหยัดน้ำมัน รักษาสิ่งแวดล้อมแล้วกันล่ะครับ...
ไอ้ดิวเปิดประตูด้านหลัง พร้อมกับวางกระเป๋านักเรียนของผมกับของมันเอาไว้ ผมเดินเข้าไปนั่งทีนั่งข้างคนขับ ก่อนเจ้าของรถจะ
นั่งประจำที่แล้วปิดประตู ใบหน้าได้รูปหันมามองผมเล็กน้อยก่อนจะสตาร์ทรถ ไม่นานน้ำเสียงทุ้มที่แสนคุ้นเคยก็ดังขึ้น
“งั้นไปเที่ยวกันไหม”
:|– ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: …
ถึงผมจะบอกว่าไม่อยากไป เพราะอยากกลับบ้านไปเล่นเกมมากกว่า แต่ในเมื่อคนขับรถมันไม่ยอมไปส่งผมที่บ้าน แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงได้ล่ะครับ ขี้คร้านจะเรื่องมากนั่งรถกลับเองก็ดูขาดทุนยังไงก็ไม่รู้ ตอนนี้ผมเลยต้องมาอยู่กลางห้างสรรพสินค้าชื่อดัง แต่ไม่ใช่ที่เดียวกับห้างสรระสินค้าใกล้โรงเรียนหรอกนะครับ วันนี้มันขับพาผมมาไกลกว่านั้นเล็กน้อย
“แล้วจะมาทำอะไรวะ” ผมถามขึ้นอย่างสงสัย
ธรรมดาเวลากลุ่มของผมมาเที่ยวกัน ก็จะมาหาอะไรกินบ้าง ร้องคาราโอเกะกันบ้าง หรือไม่ก็หาหนังดูสักเรื่องเพื่อฆ่าเวลา ผมไม่เคยมาเที่ยวกับไอ้ดิวแค่สองคนมาก่อนเลยครับ ถ้ามากันไม่ครบทีมอย่างน้อยก็ต้องมีไอ้กี้ร่วมอยู่ด้วยเสมอ
“อยากกินอะไรหรือเปล่า” ไอ้ดิวถามผม
“กูไม่มีตัง” ผมตอบกลับ ต้องออกตัวก่อนครับ เพราะยังไม่อยากเสียเงินก้อนใหญ่ตั้งแต่ต้นเดือน ผมเคยบอกไปแล้วใช่ไหมครับว่า ผมได้เงินแบบรายเดือน แถมกู้ยิมไม่ได้อีกต่างหาก อย่างที่รู้กันล่ะครับว่า เพื่อนของผมแต่ละคนมันเป็นพวกมีเงินเหลือกินเหลือ
ใช้ เข้าร้านอาหารแต่ละทีผมก็ได้แต่น้ำตาตกในกับราคาของมัน
“เดี๋ยวเลี้ยงเอาเปล่า”
ผมหันไปมองคนพูดเล็กน้อย อย่างคนที่เริ่มเห็นแก่กินฟรี คนอย่างไอ้ดิวไม่เข้าร้านธรรมดาอยู่แล้วครับ ถ้ามันบอกจะเลี้ยงนั่นหมายความว่าผมจะได้กินอาหารราคาแพงและไม่ต้องเสียเงินเลยสักบาท
“จะดีเหรอ” ผมทำท่าคิดเล็กน้อย จะให้รีบตอบไปทันทีก็ดูจะเสียฟอร์มไปเสียหน่อย เดี๋ยวมันหาว่าผมเห็นแก่กินฟรีครับ
“มึงน่ะดีอยู่แล้ว ส่วนกูนี่แหละที่ไม่ดีเพราะต้องเสียเงินเพิ่ม” ไอ้ดิวว่าต่อ ก่อนจะยิ้มมาให้ผม ผมชักสีหน้าใส่มัน ก่อนจะจำใจพยักหน้าอย่างเต็มใจเล็กน้อย
เห็นแก่ที่มึงแสดงตัวว่าอยากเลี้ยงนะ กูถึงไม่อยากปฏิเสธ...
ไอ้ดิวพาผมไปที่ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติครับ อาหารหลากหลายประเภทที่วางไว้ไม่ต่างจากเครื่องประดับของร้านที่ทำให้ผมตาพร่า ก่อนจะตาโตขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นขนมหวานมากมายถูกจัดอย่างสวยงาม งานนี้หวานหมูเสร็จโจรแน่นอนครับ
“น้ำลายหกแล้วมึง”
เสียงของไอ้ดิวที่แซวผม ทำให้ผมต้องรีบหุบปากของตัวเองลง ก่อนจะส่งสีหน้าไม่พอใจใส่มัน พนักงานของร้านพาพวกเราเข้าไปยังโต๊ะด้านใน
“มีเวลาหนึ่งชั่วโมงสี่สิบห้านาทีนะคะ” พนักงานสาวหันมาบอกพร้อมกับรอยยิ้ม ทันทีที่เธอเดินจากไป ผมก็ไม่รอช้าที่จะลุกขึ้นไปหยิบจานที่ทางร้านจัดวางไว้เพื่อไปตักอาหารทันที ผมก็ได้แต่นึกขอโทษแม่ที่ผมเห็นแก่ของกินราคาแพงจนไม่ยอมกลับไปทานข้าวเย็นที่บ้านนั่นแหละครับ
หวังว่าแม่จะไม่โกรธ... เพราะลูกคนนี้ไม่ต้องเสียเงินสักบาท
ผมมองดูรอบๆอยู่ครู่หนึ่งเพื่อสำรวจ ถึงแม้ผมจะเป็นคนไทยและรักในเชื้อชาติไทยมากแค่ไหน แต่งานนี้ผมคงต้องข้ามซุ้มอาหารไทยไปหาอาหารญี่ปุ่นที่ทำกินเองที่บ้านไม่ได้ก่อนล่ะครับ อีกทั้งสีสันของมันที่กำลังล่อตาล่อใจของผมในตอนนี้
พี่ปอกำลังจะไปหาแล้วครับซาชิมิจัง!
“กินแต่ของดิบๆ ระวังพยาธิเข้าไปอยู่ในท้องล่ะ” ไอ้ดิวทักผมทันที เมื่อเห็นผมตักพวกปลาดิบมาจานโต แถมด้วยน้ำซุปเต้าเจี๋ยวหอมอร่อย
“นั่นมันเรื่องของกู” ผมตอบกลับอย่างไม่สนใจ ก่อนจะหันไปดูของมันบ้าง ไอ้ดิวมันตักสปาเกตตี้กับขนมปังกระเทียมมากินครับ
ไอ้ดิวมองผมก่อนจะถอนหายใจออกมา “ที่พูดเนี่ยเป็นห่วงหรอก ถ้าวันไหนเกิดครีบงอกเหมือนปลาขึ้นมาจะทำยังไง”
“ไอ้บ้า มันจะเกิดอะไรแบบนั้นได้ยังไงกันเล่า!” ผมชักสีหน้าใส่ ก่อนจะหันมาสนใจเนื้อปลาสีสวยที่กำลังนอนรอให้ผมได้เชยชมอยู่
ไอ้ดิวหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะขโมยปลาดิบของผมไปกินหน้าตาเฉย ผมได้แต่มองดูเนื้อปลาสดที่หายไปต่อหน้าต่อตาอย่างมึนงง ก่อนจะเงยหน้ามามองโจรอุกอาจที่กล้าขโมยกันซึ่งๆหน้า
“มาแย่งกูทำไมเนี่ย”
“อยากรู้ว่าอร่อยตรงไหน เห็นสั่งกินบ่อย”
“อยากชิม มึงก็ไปหยิบมาเองสิวะ” ผมบอกด้วยความไม่พอใจ ไอ้นี่นิสัยเสียจริงๆ
“มึงอย่าใจแคบดิ แค่ชิ้นเดียวเอง” ไอ้ดิวว่า พร้อมกับยิ้มบางออกมา “ไม่เคยได้ยินเหรอว่า ต้องแย่งกันกินถึงจะอร่อยอ่ะ”
“นั่นมันเป็นคำพูดของคนที่อยากกินของชาวบ้านหรอกเว้ย” ผมบอกอย่างไม่พอใจ ไม่เห็นแก่ที่มื้อนี้มันเป็นเจ้ามือ ผมคงต้องเหวี่ยงใส่มัน เพื่อระบายความหงุดหงิดที่สะสมมาตั้งตเมื่อกลางวัน
“มึงก็ตักของกูไปกินดิ กูไม่หวงหรอก” ไอ้หน้ายิ้มเอ่ยขึ้น พร้อมกับเลื่อนจานสปาเกตตี้ผัดขี้เมากับจานใส่ขนมปังกระเทียมมาให้
“ขี้โกง มีงหยิบมาแต่อาหารพื้นๆ กูไม่อยากแย่งให้เสียเหงื่อหรอก” ผมบอก ก็ดูมันสิครับ อะไร! ขนมปังกระเทียม สปาเกตตี้ก็ที่ใกล้จะหมดแล้ว ไม่เห็นจะมีอะไรให้น่าแย่งเลย “ที่สำคัญถ้ากูอยากจะกินอะไรเดี๋ยวกูไปตักเอง ไม่ได้อยากแย่งมึงเลยสักนิด”
“ถึงจะบอกแบบนั้น แต่ก็แย่งกูไปเยอะแล้วนะมึงน่ะ” ไอ้ดิวว่าเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย เหมือนคนที่เหนื่อยหน่ายมากกว่าจะโกรธ ส้อมและมืดในมือถูกวางลง ก่อนไอ้ตัวดีจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาเท้าคางของตัวเองบนโต๊ะแทน
“แย่งอะไรของมึง กูยังไม่ได้แตะต้องอะไรเลยครับ” ผมโต้กลับ
“เฮ้อ แมลงปอเนี่ยน้า” ไอ้ดิวเว้นจังหวะ ก่อนจะถอนหายใจออกมา “จะให้พูดตรงๆก็อายอยู่เหมือนกันนะ” พร้อมกับใบหน้าได้รูปนั้นทอดมองผมอย่างตั้งใจ นัยน์ตาสีดำจ้องใบหน้าของผมไม่ละสายตา
“อายอะไร ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายอยู่แล้วเว้ย” ผมพูดอย่างท้าทาย ก่อนจะมองหน้ามันแบบไม่หลบสายตา“แล้วกูก็กล้าทำกล้ารับด้วย” คุณคงไม่รู้สินะว่า ผมน่ะคนจจริงนะครับ แค่ขี้ป็อดไปหน่อยเท่านั้นเอง เหอะๆ
“แน่ใจหรือเปล่าที่พูดออกมาน่ะ”
ผมหรี่ตามองไอ้หน้ายิ้มเล็กน้อย ไม่รู้ว่าไอ้ดิวต้องการจะบอกอะไรกับผมกันแน่ แต่เรื่องไปแย่งอะไรจากมันเนี่ย ผมไม่เคยทำแน่นอนครับ “แน่นอนอยู่แล้ว”
ไอ้ดิวมองหน้าผมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่มันจะยกแก้วน้ำของมันมาดูดแล้วก้มหน้าลงเล็กน้อย ผมที่กำลังรอลุ้นว่ามันจะทำอะไรก็ได้แต่นั่งรออย่างสงสัย ครู่เดียวใบหน้าหล่อเหลาก็เงยหน้ามามองผมอีกครั้ง
“จะให้บอกจริงๆน่ะเหรอว่ามึงน่ะแย่งหัวใจของกูไปแล้ว” ไอ้ดิวพูดขึ้น ก่อนที่ผมจะเห็นผิวแก้มสีขาวถูกระบายเป็นสีแดงทีละน้อยรับ
กับแสงไฟสีส้มที่อยู่เหนือโต๊ะที่พวกเรานั่งกันอยู่ นัยน์ตาสีดำที่มีประกายบางอย่างทอดมองผมนิ่ง “ในเมื่อเป็นแบบนี้ มึงยังแน่ใจที่
จะรับผิดชอบชอบอยู่หรือเปล่า”
เอาล่ะครับ... ผมรู้แล้วว่าความจริงมันเป็นสิ่งไม่ตาย แต่ผมเองเนี่ยแหละที่จะตายแทน ไอ้บ้าเอ๊ย! ไครสั่งใครสอนให้พูดแบบนี้ ไหนมึงบอกไม่อยากพูด แล้วมึงพูดออกมาทำไม!
ผมได้แต่นั่งมองคนตรงหน้านิ่งราวกับต้องมนต์สะกด สมองที่เหมือนหยุดวิ่งไปชั่วครู่ไม่สามารถหยุดการทำงานของหัวใจและการสูบฉีดของเลือดในร่างกายที่ทำให้ผมร้อนจนแทบไหม้ เสียงตะเกียบที่หลุดจากมือเรียกสติของผมกลับมาอีกครั้ง ก่อนที่ผมจะหลุบตาลงแล้วคีบเนื้อปลามาจิ้มวาซาบิแก้อาย รสชาติเผ็ดซ่าวิ่งผ่านปลายลิ้นช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกายให้กลับคืนมา ผมเงยหน้าขึ้นพร้อมกับสายตาที่ฉายภาพผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งเท้าคางมองดูผมอยู่พร้อมกับรอยยิ้ม
“ยิ้มอะไรของมึง” ผมเม้มริมฝีปากแน่น แต่ยิ่งฝืนร่างกายของตัวเองมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้ว่ามันบังคับยากมากขึ้นทุกที
“ธรรมดาก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว” ไอ้ดิวว่า “สรุปแล้วจะไม่รับผิดชอบใช่ไหมเนี่ย”
“มึงอย่ามามั่ว กูจะอยากได้ของพรรค์นั้นไปทำไม” ผมตอบทั้งที่จิตใจยังไม่คงที่ ผมใช้มือจับตะเกียบแน่นขึ้น แต่ก็ยังไม่กล้าพอจะสู้หน้าอีกคนได้ในตอนนี้ นึกอยากจะลุกหนีไปเสียเฉยๆ นอกจากอาหารยังอยู่เต็มจานแล้ว ดูเหมือนร่างกายจะหมดแรงขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“จะอยากได้หรือไม่อยากได้ มึงก็เอาไปแล้ว” ไอ้ดิวว่าต่ออย่างไม่สนใจท่าทีของผม ก่อนใบหน้าหล่อเหลาที่ชวนให้สาวเหลียวหลังมองตามจะคลี่ยิ้มที่ผมขอนิยามว่ามันช่างเจ้าเล่ห์เสียจนใจสั่น “ถ้าหากมึงหามาคืนให้กูไม่ได้ ก็ต้องเอาของมึงมาแลกกับกูแทนเท่านั้น”
ไอ้บ้าเอ๊ย! ทำไมมึงต้องพูดประโยคแบบนี้ใส่กูด้วยสีหน้าแบบนั้นด้วยวะ
“เพ้อเจ้อแล้ว หุบปากแล้วกินไปเงียบๆเลยมึง” ผมตอบกลับ ทั้งที่รับรู้ได้ว่าปลายเสียงของตัวเองสั่น อยากจะลุกหนีแต่จิตสำนึกว่าเสียดายของกำลังตรึงร่างของผมให้อยู่ที่เดิมแทน ผมคงได้แต่ตั้งหน้าตั้งตากินเหมือนเมื่อครู่นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ได้แต่หวังว่าเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอยู่ในตอนนี้จะช่วยพัดลมร้อนออกจากร่างกายและจิดใจของผมได้
“อย่างที่กี้บอกมาเลย” จู่ๆไอ้ดิวก็เอ่ยขึ้น เรียกความสนใจจากผมได้ทันที ถึงแม้ว่าผมจะยังไม่กล้ามองหน้ามันได้ตรงๆ นี่ไอ้เพื่อนเลวนั่นแอบขายผมหรือไงวะ?
ไอ้ดิวไม่พูดต่อในทันที แต่หยิบแก้วน้ำผลไม้ปั่นมาดูดก่อน ผมเลิกคิ้วมอง ไอ้หน้ายิ้มที่ผิวแก้มยังคงแต้มด้วยสีแดงอ่อนๆก็ลดรอยยิ้มของตัวเองจนเหลืออยู่ตรงมุมปากเท่านั้น
“มึงอย่ามาลีลา” ผมบอก นึกรำคาญท่าทีของมันจนใจกระตุก นี่ถ้าผมเอาตะเกียบจิ้มตาที่พราวระยับของมันแก้เก้อเนี่ย จะมีใครไปฟ้องพ่อกับแม่มันไหมครับ ผมกลัวต้องมารับผิดชอบมันจริงๆ
“ใจเย็นดิ ทำไมต้องทำตาดุใส่ด้วย” ไอ้ดิวว่าพลางหัวเราะขึ้นมาเบาๆ “มันเคยบอกกูว่าแมลงปอเป็นพวกปากแข็ง ถ้าไม่จี้ให้จนมุมจะไม่พูดขึ้นมาเด็ดขาด”
ผมนั้งฟังพลางขมวดคิ้ว อย่างผมเนี่ยนะปากแข็ง? ไม่ทันที่ผมได้วิเคราะห์นิสัยของตัวเองตามมุมมองของเพื่อนต่อ ไอ้ดิวที่มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้ายังคงมองหน้าของผมอยู่ พร้อมกับน้ำเสียงทุ้มที่ดังขึ้นกระตุ้นการทำงานของหัวใจให้เต้นระรัวดังก้องจนหูอื้อ
“แล้วกูจะต้องทำยังไงมึงถึงจะยอมรับเหรอ แมลงปอ”
TBC :|– ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: …
Note :::เอาตอนนี้มาลงเร็วกว่าปกติ เพราะอยากลงในวันสิ้นโลก? นี่แหละค่ะ อิอิ (ไม่มีเหตุผลอะไรมากกว่านี้)
ตอนนี้น่าจะช่วยเรียกบรรยากาศของตอนก่อนๆขึ้นมาได้บ้างนั่นแหละ
ก็น้องดิวเค้าอ่ะ.... อิอิ

ขอบคุณที่ติดตามกันจนถึงตอนนี้ด้วยค่ะ
บวกแทนคำขอบคุณเช่นเคยจ้า
สามารถแนะนำติชมได้เหมือนเดิมนะคะ
ขอบคุณมากเลยค่ะ
ปล. แอบโฆษณาตอนหน้าเล็กน้อย อิอิ

ตอนหน้าจะมาลงในวันคริสต์มาสนะคะ เป็นตอนพิเศษที่เป็น side story ก็ว่าได้
ประเด็นคือ ตอนนี้น้องดิวเป็นคนเล่าเรื่องค่ะ
รับประกันความฟิน และความจุใจ!
เพราะคนเขียนสัมผัสมาด้วยตัวเองแล้ว อร๊ายยยย

ติดตามกันด้วยนะคะ