ผืดคาดจากที่ผมคิดไว้ ไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อว่าไอ้คนที่ดูดีพร้อมไปหมดสักทุกอย่างแบบไอ้ดิวมันจะเล่นกีฬาได้ห่วยสิ้นดี อย่าว่าแต่มันจะโยนลูกลงห่วงเลยครับ โอกาสที่มันแย่งลูกจากมือผมเกือบจะเป็นศูนย์
“มึงอ่อนว่ะ” ผมว่ามัน พลางยิ้มน้อยๆ เอาเป็นว่าไอ้คนตรงหน้าโดนผมเล่นงานซะเหงื่อโชก ไม่นับท่าทางตลกของมันที่แย่งลูกในมือของผมไม่ได้ นึกทีไรยังคลกไม่หาย
“ก็มึงเก่งไง” ไอ้ดิวว่าพลางหัวเราะเบาๆ เสื้อเชิ้ตที่มันใส่มาชุ่มเหงื่อ ก่อนจะวิ่งไปเก็บลูกที่ผมโยนลงห่วงไปเมื่อครู่ “ไปพักกันเถอะ”
ผมพยักหน้า รู้สึกอยากจะนอนแผ่ไปกับพื้นเสียจริงๆ พอหยุดเคลื่อนไหวก็เหมือนร่างกายก็หมดแรงเอาดื้อๆ ผมเดินมานั่งพร้อมกับไอ้ดิวที่นั่งดื่มน้ำอยู่ ผมหยิบผ้าขนหนูผืนเดิมมาเช็ดหน้าอีกครั้ง
“อนุญาตให้นอนตักได้เอาป่ะ” ไอ้ดิวว่า แต่ไม่ทันที่ผมได้ค้านอะไร มันก็ดึงตัวผมที่กำลังหมดแรงนอนลงบนตักมัน ผมที่ตกใจปนประหลาดใจกำลังจะลุกขึ้น แต่แรงดันที่กดตรงหัวไหล่กลับยืดร่างของผมไว้ไม่ให้ขยับไปไหน
นี่ขนาดมึงเพิ่งออกกำลังมานะเนี่ย... แรงเยอะชิบหาย
“ไม่เอา!” ผมร้องบอกพร้อมกับฝืนตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง แต่ดูท่าว่าจะยาก
“อย่าเรื่องมากดิ อยู่นิ่งๆ”
ผมถอนหายใจออกมา ในเมื่อไอ้คนบังคับมันแรงเยอะกว่าก็ขี้เกียจจะดิ้นรนแล้วครับ ผมรู้สึกตะขิดตะขวงใจไม่น้อยที่ต้องมานอนหนุนตักผู้ชายแบบนี้ ผมหยิบผ้าขนหนูที่ถือไว้มาปิดหน้าตัวเองพร้อมกับหลับตาลง
“เหงื่อออกเต็มเลย” เสียงไอ้ดิวที่ดังขึ้น ทำให้ผมตอบรับในลำคอ ความเงียบและความเหนื่อยล้าที่ออกกำลังกายไปหลายชั่วโมงแบบแทบจะไม่หยุดพัก ไม่นับหมอนจำเป็นตอนนี้ถึงมันจะไม่ได้นุ่ม แต่ก็สบายอยู่พอสมควร ผมลืมตาอีกครั้ง เมื่อรู้สึกได้ว่าผ้าขนหนูที่ชุ่มน้ำของผมหายไป
“เดี๋ยวเช็ดให้” ว่าจบไอ้ดิวมันก็เอาผ้าขนหนูมาเช็ดที่คอของผมก่อนจะเลื่อนไปที่ใบหน้า พร้อมกับนัยน์ตาของผมที่สบกับนัยน์ตาสีดำสนิทที่กำลังมองมาเช่นเดียวกัน ผมกลั้นหายใจเล็กน้อย เมื่อบรรยากาศรอบตัวมันเปลี่ยนไป
“ไอ้ดิว” ผมพูดออกมาเบาๆ ให้ตายเถอะ! ทำไมหัวใจผมถึงได้เต้นแรงขนาดนี้ด้วยนะ
“หืม?” ไอ้ดิวรับคำก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาบางๆ โดยที่มือยังไม่หยุดเคลื่อนไหว ทั้งๆที่มีผ้าขนหนูสัมผัสอยู่บนผิวหน้า ทว่าผมกลับรับรู้ได้ถึงปลายนิ้วอุ่นที่ไล้ผ่านไปอย่างแผ่วเบา
“ไม่ต้องแล้ว มึงทำให้กูเริ่มขนลุก” ผมบอก พร้อมกับจับมือของมันให้ออกห่างจากใบหน้า พร้อมกับรับรู้ได้ถึงความร้อนที่จู่โจมเข้ามาอีกครั้ง
“แล้วอย่างอื่นลุกด้วยหรือเปล่า” ไอ้ดิวถามหน้าตาย
“ทะลึ่ง! แล้วมึงเล่นอะไรเนี่ย” ผมพูดพลางขมวดคิ้ว ไอ้ดิวมันหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยื่นหน้ามาใกล้จนปลายจมูกโด่งแทบชนกัน ทั้งๆที่อยากจะถลึงตาใส่อีกฝ่ายหรือไม่ก็ผลักหน้ามันออกไปไกลๆ แต่ร่างกายกลับบังคับให้ผมหลับตาลงแทน
“ง่วงหรือเปล่า นอนก่อนก็ได้” เสียงของไอ้ดิวที่ดังขึ้น พร้อมกับลมหายใจร้อนที่รดอยู่ที่ใบหน้าของผม ก่อนผมจะตัวแข็งทื่อ เมื่อรับรู้ได้ถึงสัมผัสเบาๆที่หน้าผากของตัวเอง ผมลืมตาขึ้นแทบจะทันที ก่อนจะรีบหลับตาลงอีกครั้ง เมื่อริมฝีปากของอีกฝ่ายไล่มาที่เปลือกตา
มึงกำลังทำอะไรกับกูเนี่ยไอ้ดิว!
“ไอ้ดิว” ผมรุ้สึกว่าเสียงของผมสั่นเล็กน้อย บ้าชะมัด! ทำให้ผมรู้สึกใจสั่นขึ้นมาแบบนี้ได้ล่ะเนี่ย ไม่นับความร้อนในร่างกายที่ทำงานดีจนผมอดจะโมโหไม่ได้
“หลับตาลงแปบนึงเถอะ”
ราวกับโดนร่ายมนตร์ ทั้งๆที่ใจของผมยังเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่เปลือกตากลับไม่กล้าขยับเปิดตามคำพูดนั้น ไม่รู้นานเท่าไหร่ที่หัวใจของผมกลับมาสงบลงอีกครั้ง พร้อมกับสติที่หลุดลอยไปสู่ความฝัน
:|– ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: …
ผมลืมตาตื่นอีกครั้งอย่างงัวเงีย ก่อนจะเบิกตาโพลง เมื่อพบว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน ผมลอบมองไปยังอีกคนที่กำลังนั่งเล่นเกมในมือถือไม่ได้สนใจมาที่ผมเลยสักนิด หัวคิ้วเข้มนั่นขมวดกันเล็กน้อยพร้อมกับรัวนิ้วลงบนหน้าจอมือถือไม่หยุด ก่อนสายตาคมนั่นจะมองลงมาเมื่อรับรู้ว่าผมกำลังมองอยู่
“เย็นแล้วกลับกันเถอะ” ไอ้ดิวว่า ผมรู้สึกแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าประโยคแรกที่ได้ยินมันจะพูดแบบนี้
“มึง...” ผมพูดค้างไว้แค่นั้น ก่อนจะเม้มริมฝีปากตัวเองไว้แน่น พร้อมกับเรื่องก่อนหน้านี้ที่ย้อนกลับเข้ามาในห้วงความทรงจำอีกครั้ง ทั้งๆที่อยากจะถามออกไปตรงๆ แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่กล้าพูดออกไป
“มัวแต่มองหน้ากูอยู่ได้ เมื่อยเหมือนกันนะ” ไอ้ดิวบ่นออกมา ผมชักสีหน้าเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้น แสงสีส้มของดวงอาทิตย์ลอดผ่านมาทางหน้าต่าง ทำให้โรงยิมกว้างที่เงียบสงบถูกทาด้วยสีส้มอ่อนจางๆ
“มึง..”. ผมรวบรวมความกล้าอีกครั้ง เอาไงเอากัน เพราะตอนนี้ผมก็งงกับตัวเอง สับสนกับท่าทางของมันนเต็มที “มึงเล่นตลกอะไรกับกูอยู่หรือเปล่าวะ”
“ทำไมถึงถามอย่างนั้น” ไอ้ดิวว่าพร้อมกับลุกขึ้นยืนเก็บมือถือลงใส่กระเป๋ากางเกงของตัวเอง “มึงคิดอะไรอยู่เหรอ”
“กูไม่รู้” ผมตอบไปอย่างที่ใจคิด “เพราะกูไม่รู้ไง ถึงได้ถามมึงแทน”
ไอ้ดิวถอนหายใจ ก่อนจะลูบหัวของผมเบาๆ เจ้าตัวย่อตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกับผมที่กำลังนั่งอยู่ ก่อนรอยยิ้มอ่อนโยนจะฉายชัดในสายตาของผม “มึงอย่ากังวลกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย ไว้จบกิจกรรมวุ่นๆพวกนี้เมื่อไหร่ มึงอาจจะรู้คำตอบก็ได้”
“อย่างนั้นเหรอ” ผมถามมันอย่างไม่แน่ใจ “แล้วที่มึงทำกับกูก่อนหน้านี้ล่ะ”
“อืม... อย่าใส่ใจมันเลย กูมันบ้าไปเอง ” ไอ้ดิวพูดพร้อมกับใบหน้าขาวของมันที่มีสีแดงระเรื่อขึ้นนิดๆ ผมหรี่ตามอง ก่อนมันจะยิ้มแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอีกครั้ง “ถ้ามึงไม่สบายใจก็ขอโทษแล้วกัน ลืมๆมันไปเถอะ”
มันลืมได้ที่ไหนกันเล่า... เจ้าบ้า! ผมชักสิหน้ายุ่ง อย่างไม่พอใจในคำตอบนั้นพร้อมกับไอ้ตัวดีที่ขยี้หัวของผมโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต
“เดี๋ยวไปกินไอติมกันไหม กูเลี้ยงเอง”
:|– ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: …
โรงเรียนที่เคยเงียบสงบในตอนนี้กำลังเต็มไปด้วยเสียงดนตรีและเสียงร้องของกองเชียร์ที่ดังไปทั่ว สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ของกีฬาสีแล้วครับ โดยวันกีฬาสีจริงๆจะมีในวันศุกร์นี้ ตอนนี้พวกกีฬาต่างๆ เริ่มทยอยแข่งกันให้วุ่นล่ะครับ
“ปอสู้ๆนะครับ”
“ขอบคุณครับพี่”
“นั่นรุ่นพี่คนนั้นไม่ใช่เหรอวะ” ไอ้กี้หันมาถามผม ผมได้แต่พยักหน้า ก่อนจะแนะนำพี่น็อตที่กำลังส่งยิ้มบางๆมาให้รู้จักกับไอ้กี้แล้วก็โต้งที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากผม โชคดีที่ตอนนี้ไอ้ดิวไม่อยู่ ไม่งั้นผมว่ามันต้องมีเรื่องขึ้นแน่ๆ เพราะไอ้ดิวมันแทบจะเรียกได้ว่าเกลียดหน้าพี่น็อตอย่างเปิดเผยเลยก็ว่าได้
เห็นได้จากเมื่อวานที่ผมบังเอิญเจอพี่เขาที่โรงอาหาร ซึ่งไอ้ดิวเองก็เดินมาต่อแถวซื้อข้าวด้านหลังผม มันมองพี่เขาตาขวาง ส่วนพี่น็อตแทนที่จะรีบเดินไป ก็มัวแต่ชวนผมคุยนั่นคุยนี่ไม่ได้นึกสนใจสายตาทิ่มแทง ผมจะบอกเองก็ไม่กล้า หนำซ้ำตบท้ายมาขอเบอร์โทรศัพท์ของผมไปซะอย่างนั้น นอกจากที่ผมจะทำอะไรไม่ถูกแล้ว ก็ดูเหมือนว่าไอ้ดิวเองก็หมดความอดทนแล้วเหมือนกัน ก่อนไอ้หน้ายิ้มจะยิ้มได้น่ากลัวขึ้นมาอีกขั้น พร้อมกับลากคอผมไปทางอื่น ไม่วายทิ้งท้ายให้ผมต้องปวดหัวหนักกับการประกาศตัวอันน่าตกใจ
“อย่ามายุ่งกับคนของผม!”
ไม่รู้ว่าคนฟังจะเข้าใจเป็นแบบไหน แต่ที่แน่ๆผมไม่กล้ามองหน้าไอ้ดิวแบบตรงๆได้อีกเลยหลังจากตอนนั้น เดิมก็เริ่มสู้หน้าไม่ติดเพราะท่าทางของมันที่ทำให้ผมรู้สึกอึดอัด ได้แต่หวังว่า เวลาที่ผ่านไป จะทำให้ผมกลับมาเป็นปกติได้อีกครั้ง
“ว่าแต่พี่อยู่สีเดียวกับผมเหรอครับ” ไอ้กี้เข้าไปคุยกับพี่น็อตตามประสาผู้ชายที่มีอัธยาศัยดีทั่วไป
“เปล่าหรอก แค่อยากมาเชียร์ปอเฉยๆ” พี่น็อตบอก ก่อนจะส่งยิ้มที่เรียกได้ว่าอ่อนโยนมาให้
ผมไม่ได้สนใจการสนทนาระหว่างไอ้กี้กับพี่น็อตอีก ตอนนี้รอบสนามมีกองเชียร์ของสีผมและสีคู่แข่งมานั่งล้อมรอบ เสียงกลองกับเสียงร้องเชียร์ดังระงมไปทั่ว แม้นี่ไม่ใช่การลงแข่งครั้งแรกในชีวิตของผม แต่ทุกครั้งที่ต้องลงสนามแบบนี้ผมก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้อยู่ดี
“ดูปอตื่นสนามนะ” โต้งพูดขึ้น
“อืม ตื่นเต้นอ่ะ” ผมพูดพลางขยับมือที่เริ่มชื้นเหงื่อของตัวเองไปมา
“ตั้งสติดีๆ” โต้งบอกพลางส่งยิ้มมาให้ ผมพยักหน้า เมื่อได้เวลาที่จะต้องลงสนาม ผมเดินไปแทกมือกับพวกเพื่อนๆที่มายืนเชียร์ แล้วเดินไปรวมกลุ่มกับนักกีฬาในทีม
ทั้งๆที่เสียงยังคงดังอยู่รอบตัวของผม แต่หูกลับได้ยินแต่เสียงรองเท้าที่เสียดสีไปมาบนพื้นซีเมนต์พร้อมกับเสียงลูกบาสที่กระเด้งอยู่ที่พื้นเป็นจังหวะ ผมเล่นอยู่ในตำแหน่งชู้ตติ้งการ์ดครับ แน่นอนว่าตำแหน่งนี้ถือเป็นตำแหน่งในการทำแต้มที่สำคัญทีเดียว ผมวิ่งไปดักรอลูกจากพี่ต้น ก่อนจะรีบโยนส่งไปให้ไอ้แซมเมื่อเห็นว่ามีช่องว่างพอที่จะทำคะแนนได้
ไม่นานเสียงรัวกลองอย่างยินดีก็ดังขึ้นจากฝั่งกองเชียร์สีของผม พร้อมกับไอ้แซมที่ยิ้มออกมาแล้วแทกมือกับผม ทว่าเวลาน่าดีใจผ่านไปไม่นาน ก่อนอีกฝ่ายจะทำคะแนนตามมา การแข่งขันเป็นไปอย่างสูสีครับ ก่อนจะได้เวลาพักครึ่ง ตอนนี้ทึมของผมตามอยู่เล็กน้อย
“ขอบใจว่ะ” ผมว่าพลางรับน้ำจากไอ้กี้ ตอนนี้ไม่เห็นพี่น็อตแล้วครับ ไอ้กี้บอกผมว่าพี่เขาต้องไปซ้อมเหมือนกันเลยอยู่จนจบเกมไม่ได้ ผมไม่ได้นึกใส่ใจนัก ไม่ใช่เพราะคำพูดของไอ้ดิวหรอกนะครับ แต่นิสัยผมเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ถ้าไม่สนิทหรือซี้กันจริงๆก็ไม่ค่อยได้สนใจหรอกครับ
“ไอ้ดิวมันโทรมาบอกว่า สงสัยจะได้มาดูตอนจบเกมวะ” ไอ้กี้ว่าต่อ ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะฟังพี่ต้นที่กำลังหาวิธีแก้เกมที่เป็นรองอยู่ในตอนนี้
ผมหยุดวิ่งพลางถือลูกไว้ สายตาสอดส่องไปรอบตัว ก่อนจะเด้งลูกบอลส่งให้พี่สนที่ยืนไม่ห่างกันมากนัก ผมรีบวิ่งตัดหน้าอีกฝ่าย เพื่อรับช่วงของลูกต่อ ในเสี้ยววินาทีที่มือของผมสัมผัสกับลูกบาสอีกครั้ง ผมก็กระโดดก่อนจะชู้ตลูกลงไปในห่วงอย่างรวดเร็วเหมือนแส้ที่ฟาดอากาศ
ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะยิ้มขึ้นเมื่อตัวเลขคะแนนในฝั่งของผมเพิ่มขึ้น ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจจะนิ่งนอนใจได้ คงเพราะแต้มที่สูสีทำให้ยากที่จะเดาว่าสุดท้ายเกมนี้ใครจะเป็นผู้ชนะ ตัวเลขบอกเวลายังคงวิ่งไปอย่างต่อเนื่องยิ่งเร่งให้เลือดในร่างกายสูบฉีดเร็วแรงกว่าเดิม
เสียงลมหายใจดังสะท้อนออกมา สอดรับกับเสียงเชียร์รอบสนาม ในจังหวะที่อีกฝ่ายเลี้ยงลูกผ่านเปิดโอกาสให้พี่เอที่วิ่งเข้ามาตัดลูกได้ ก่อนจะส่งมาให้ผมอีกครั้ง และแน่นอนว่าผมไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว ผมหมุนตัวหลบ ก่อนจะจำใจต้องส่งคืนให้พี่เออีกครั้ง เพราะไม่สามารถผ่านนักกีฬาคู่แข่งที่ประกบผมไม่ปล่อยได้
เวลาที่เคลื่อนผ่านมาพร้อมกับความกดดันที่เพิ่มมากขึ้น แต้มที่ตามอยู่สองแต้มไม่ใช่ว่าจะทำได้ในเวลาที่เหลือไม่ถึงนาทีแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครสนใจขีดจำกัดของเวลาเลยสักนิด เสียงรองเท้าที่ดังขึ้นและลูกบาสที่ถูกผลัดเปลี่ยนไปตามมือของนักกีฬาในสนามยังดำเนินอย่างต่อเนื่อง จนเข้าสู่ช่วงสิบวินาทีสุดท้าย พี่สนส่งลูกมาให้ผมอีกครั้ง หัวใจของผมเต้นรัว พลางหาวิธีส่งต่อเพื่อลดระยะการชู้ตให้สั้นลงกว่าเดิม
ราวกับโดนกำแพงกั้นไว้ ผมไม่สามารถพาลูกไปยังตำแหน่งที่ตั้งใจไว้ เวลาที่ลดน้อยลงเร่งให้ผมตัดสินใจ ผมตัดสินใจจะส่งคืนไปให้พี่ต้นที่หาทางมารับลูกอีกครั้ง ไม่ทันได้ออกแรง ร่างของอีกฝ่ายก็มาบังทางเอาไว้อีก ผมได้แต่สบถอยู่ในใจ ในเมื่อตอนนี้เหลือเวลาไม่ถึงห้าวินาทีด้วยซ้ำ
ในช่วงสามวินาทีสุดท้ายผมยังหาจังหวะจัดการลูบาสในมือไม่ได้ ดูเหมือนทุกคนจะถูกประกบ และอีกฝ่ายเองก็พร้อมจะรอให้เวลาหมดลงในช่วงที่ตัวเองยังเป็นต่อ หากผมสามารถทำแต้มได้จะขึ้นมาเสมอ แต่ถ้าให้ชนะต้องชู้ตสามคะแนนเท่านั้น
นี่ไม่ใช่การชู้ตสามคะแนนของผมครั้งแรก แค่ผมก็ต้องยอมรับว่าไม่ถนัดเอาเสียเลย ถึงแม้การซ้อมไปเมื่อวันก่อนจะช่วยเพิ่มความมั่นใจกับผมได้มาก อีกทั้งเกมครั้งนี้ผมก็โยนลูกสามคะแนนลงไปแล้วด้วย แต่ในสภาวะที่กดดันนั้น ผมชักไม่แน่ใจฝีมือของตัวเองขึ้นมาเสียอย่างนั้น
จู่ๆภาพของไอ้หน้ายิ้มที่ผุดความมาในหัวพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง เมื่อเห็นผมโยนลูกสามคะแนนลงสามครั้งรวด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าลูกที่สี่จะต้องลงด้วยนี่ ในช่วงสองวินาทีสุดท้าย ผมเลี้ยงลูกหลบคู่แข่งได้สำเร็จ ทว่าไม่มีเวลาพอที่จะวิ่งไปยังตำแหน่งที่โยนลูกได้สะดวก ผมตัดสินใจโยนลูกสามคะแนนอีกครั้งเพื่อทำแต้ม
ราวกับเป็นวินาทีดับจิต ผมมองตามวิถีของลูกที่พุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเวลาถอยหลังที่วิ่งเร็วไม่แพ้กัน เสียงนกหวีดดังขึ้นเมื่อตัวเลขหยุดลง พร้อมกับผมที่แทบจะหยุดหายใจ
TBC:|– ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: …

์
Note :::ในที่สุดก็ได้เวลามาลงแล้วจ้า ตั้งใจจะมาลงตั้งแต่เมื่อวาน แต่ว่ายังไม่เสร็จ เหอะๆ
เลยช้ากว่าที่คิดไว้ แต่ก็มากกว่าเดิมเล็กน้อย อิอิ
ช่วงนี้รักษาสุขภาพกันด้วยนะค่ะ เพราะคนเขียนเองก็นั่งพิมพ์ไปจิบน้ำเกลือไป จนตอนนี้เริ่มจะหายใจไม่ออก รู้สึกว่าไข้กำลังจะขึ้นแล้วค่ะ นึกว่าจะได้ลงสักอาทิตย์หน้าซะแล้ว

ตอนนี้พยายามให้ดิวแสดงออกมากขึ้น แต่ยากมากเหมือนกันค่ะ เพราะคอนเซปดิวคือโจรย่องเบาค่ะ แอบมาขโมยหัวใจแบบเงียบๆ ฮ่าๆ ส่วนพี่น็อตเนี่ย คงต้องรอดูต่อไปค่ะ
โดยรวมไม่อยากเร่งรัด เพราะอยากให้ความรักที่เกิดขึ้นเป็นไปแบบธรรมชาติค่ะ อาจจะไม่เร้าใจพอ ต้องขออถัยด้วยค่ะ แหะๆ
แถมท้ายตอนที่เรื่องเกีย่วกับกีฒาด้วย ไม่รู้ว่ามันใช้ได้หรือเปล่า แต่พยายามแล้วค่ะ ทั้งๆที่ไม่ค่อยมีความรู้ทางด้านนี้เลย ยังไงก็อย่าถือสากันเลยนะค่ะ
เพราะไม่ค่อยสบายไม่แน่ใจว่าเรื่องมันออกมามึนหรือเปล่า
หากพิมพ์ผิดก็ต้องขออภัยด้วยเช่นกันค่ะ อาจจะหลุดสายตาไปบ้าง
ขอบคุณสำหรับทถกกำลังใจ และยังติดตามเรื่องนี้ต่อ ยังไงช่วยติดตามตอนต่อๆไปด้วยนะค่ะ
+ คืนแทนคำขอบคุณนะค่ะ
สามารถแสดงความคิดเห็นหรือติชมได้เต็มที่เลยคะ ขอบคุณอีกครั้งคะ อือื