บทที่ 4
“ น้องผมเป็นอะไรไปครับคุณอานพ ” ทันทีที่มาถึงภายในห้อง วัฒน์ก็เป็นคนถามขึ้นมา เพราะคุณหมอที่ตรวจเนย์นั้นเป็นอาของเขาเอง
“ คือสาเหตุที่พอจะเป็นไปได้คือ คนไข้อาจจะเกิดอาการอาหารเป็นพิษก็ได้ครับ แต่..... ” แล้วคุณหมอก็หยุดพูดเพียงเท่านั้น
“ แต่อะไรคะคุณหมอนพ หรือว่าเป็นโรคร้ายแรงอะไร ”
“ ไม่ใช่โรคร้ายแรงหรอกครับ แต่เรายังไม่แน่ใจว่าจะใช่หรือเปล่าแค่นั้นเองครับ ”
“ ใช่ ใช่อะไรคะคุณอา ”
“ คือ คงต้องตรวจอย่างละเอียดอีกทีนะครับ เพราะว่าไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเลย คงต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้ามาตรวจอีกทีครับ ”
“ นี่ ลูกฉันป่วยเป็นอะไรเหรอคะ บอกหน่อยได้หรือเปล่า ”
“....ตอนนี้เราสงสัยว่าคนไข้ กำลัง...........”
...
ห้องพักผู้ป่วย
ตอนนี้ทุกคนก็ได้กลับออกมาหลังจากที่เข้าไปพบหมอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และสีหน้าของทุกคนที่เดินออกมาก็ราวกับว่าไร้ซึ่งวิญญาณอย่างไรอย่างนั้น พะแพงและแวนเป็นคนที่เข้ามาถึงภายในห้องก่อน ตามด้วยพี่เวย์ พี่วัฒน์ และพี่เมย์ซึ่งเดินเคียงเข้ามากับคุณแม่ของเธอเอง ซึ่งม่านที่คอยอยู่กับเนย์เองก็ไม่อาจรู้ได้ว่าภายในห้องตรวจนั้นมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เขาเองก้อยากจะถามเหมือนกันว่า เพื่อนของเขานั้นเป็นอะไร แต่เพียงแค่จะอ้าปากถามเพื่อนอีกสองคนที่เดินเข้ามาก่อน เพื่อนกับบอกว่า
“ เอาไว้เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังทีหลัง ตอนนี้อย่าเพิ่งถามอะไร ” ม่านเองก็ทำท่าจะโกรธเพื่อนที่รู้อะไรมาแต่ไม่ยอมบอก แต่ก็ต้องหยุดเอาไว้เพียงเพราะเห็นพี่ชายของเพื่อนเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ในใจก็นึกเกรงว่า หากตนถามอะไรออกไปนั่นอาจจะเป็นการพาตัวเองเดินทางไปสู่นรกก็เป็นได้ ดังนั้นก็เอาไว้ถามกับเพื่อนสองคนนั้นทีหลังก็ได้
เนย์ ซึ่งตอนนี้ยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงยังคงไม่รับรู้ถึงสภาวะแรงกดดันต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเลย เพราะทุกคนหลังจากที่ออกมาจากห้องตรวจแล้ว ก็เอาแต่นั่งเงียบกัน ไม่มีใครพูดจาคำใดๆ ออกมาจากปากเลย ม่านเองตอนนี้รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกเลย เพราะเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเพื่อนของตัวเอง จนทำให้ม่านเองนั้นทนไม่ไหว ต่อสภาวการณ์เช่นนี้
“ โอ๊ย...นี่จะเงียบกันอีกนานไหมพวกมึง..กูอึดอัดจะแย่อยู่แล้วนะ...บอกอะไรให้กูรู้หน่อยเถอะ ” ม่านหันมาพูดกับเพื่อนสองคน พลางจับแขนของเพื่อนเขย่าไปมา ราวกับว่าถ้าหากพวกมึงไม่พุด แขนมึงหลุดแน่
“ กูบอกแล้วไง...เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ” แวนหันมากระซิบใส่เพื่อนที่ตอนนี้ทำหน้าราวกับเด็กถูกขัดใจ
“ มึงบอกว่าเดี๋ยว...นี่เดี๋ยวมาตั้งนานแล้วนะ น่านะ...บอกกูเหอะ ” ม่านเองยังคงไม่ยอม ยังหันไปส่งสายตาน่าสงสารให้พะแพงอีกคนหนึ่งด้วย พะแพงเองก็คงขี้เกียจที่จะพูดด้วย จึงเดินเข้าไปห้องน้ำ ม่านเองพอเห็นดังนั้นก็แสดงอาการไม่พอใจออกมา อมลมจนแก้มป่องแล้วเดินกระมิดกระเมี้ยน กระทืบเท้าเบาๆ มานั่งข้างๆ เพื่อนตนเอง จนลืมไปว่าอีกข้างหนึ่งนั้นมีพี่ชายของเพื่อนตนนั่งอยู่ด้วย ด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ที่เพื่อนไม่ยอมบอก ม่านเองจึงนั่งกระแทกโซฟาไปแบบแรงๆ และนั่นก็ทำให้สะเทือนไปถึงพี่เวย์ด้วย จึงทำให้พี่เวย์ตวัดสายตาหันมามองม่านอย่างขวางๆ ม่านเองก็คงจะรับรู้ถึงกลิ่นไอของความอำมหิตที่ลอยมากระทบกับแขนจนถึงกับทำให้เสียวสันหลังอย่างรุนแรง เมื่อรู้ดังนั้นแล้วม่านเองจึงค่อยๆ สงบอารมณ์ตัวเองแล้วหันไปมองพี่เวย์พร้อมกับส่งรอยยิ้มที่บอกได้ว่า “ ผมขอโทษครับ ” แต่นั่นคงจะไม่เป็นผลเท่าใดนัก เมื่อเขายิ้มให้แบบนั้นแล้วแทนที่พี่เวย์จะอารมณ์ดีขึ้นมาสักนิด แต่นั่นกลับทำให้พี่เวย์สูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่พร้อมกับระบายออกมาอย่างรุนแรง จนทำให้ทุกคนในห้องหันมามองเป็นสายตาเดียวกัน ม่านเองพอเห็นแบบนั้นแล้วก็กระเถิบถอยห่างไปหาเพื่อนตน แต่คงจะถอยออกไปช้าเกินไป เมื่อม่านขยับตัว พี่เวย์เองก็ลุกพรวดขึ้นมา พร้อมกับเดินมาจับแขนของม่านไว้พร้อมกับออกแรงบีบ จนทำให้ม่านเองทำหน้ามุ่ยถึงแม้จะไม่เจ็บมากนักแต่ก็พอรู้ถึงแรงอารมณ์ที่ส่งมาตามแขน
“ อยากรู้นักใช่ไหม?....ได้เดี๋ยวจะบอกให้ฟัง...แต่...นายเองก็ต้องตอบคำถามฉันมาเหมือนกัน ” พี่เวย์ว่าพลางดึงเพื่อนน้องชายตัวเองให้ลุกขึ้นมาตามแรงของเจ้าตัว ซึ่งไม่เพียงแต่ม่านเท่านั้นที่ตกใจ ทุกคนที่อยู่ในห้องเองก็ตกใจเหมือนกัน รวมทั้งพะแพงเองที่เดินออกมาจากห้องน้ำ
“ ทำอะไรนะเวย์? ไปดึงแขนน้องแบบนั้นได้อย่างไร...น้องเจ็บนะแบบนั้น ” คุณแม่เองว่าให้ลูกชายที่ทำกริยาแบบนั้นอกมา แต่ดูเหมือนว่าพี่เวย์เองจะไม่สนใจนักแต่กลับออกแรงดึงให้ม่านตามออกมา แต่คงออกแรงมากไปหน่อยประกอบกับที่ม่านเองยังไม่ทันได้ตั้งตัว จึงทำให้ม่านเซถลาเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของพี่เวย์ พี่เวย์เองที่ตั้งหลักได้แล้วก็พาม่านเดินออกไปด้านนอก
“ นี่ตาเวย์...จะพาน้องไปไหนนะ? ” คุณแม่ถามขึ้นเพราะลูกชายตนพาเพื่อนของลูกชายคนเล็กออกไปแบบนั้น
“ แถวนี้แหละครับ...ไม่ต้องห่วงครับแม่...ผมไม่ทำอะไรหรอก มีเรื่องจะคุยกับเจ้าเด็กนี่นิดหน่อย ” เวย์ตอบแม่ออกไปแบบนั้น แต่ม่านเองกลับไม่ได้รู้สึกเหมือนที่พี่เวย์พูดซักนิด นั่นจึงทำให้ม่านออกแรงขืนเพื่อพาตัวเองออกจากอ้อมแขนของอีกคนที่ตัวใหญ่กว่า และนั่นก็ทำให้พี่เวย์เองหมดความอดทน จึงจำต้องย่อตัวลงพร้อมกับช้อนร่างของม่านขึ้นมาแล้วจับพาดบ่าเดินออกไป และนั่นก็ทำให้คนที่อยู่ในห้องตกใจเพราะไม่คิดว่าเวย์ จะทำแบบนั้น แต่กว่าที่ทุกคนจะหายจากอาการตกใจ เวย์เองก็แบกม่านเดินมาถึงที่ชั้นจอดรถเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าตลอดทางที่แบกม่านมา ม่านเองก็ทั้งร้องทั้งตะโกนให้คนช่วยด้วย แต่ทุกคนที่เห็นเพียงสายตาของเวย์เท่านั้นก็พากันหลบหลีกเปิดทางให้ซะอย่างนั้น
“ พี่เวย์...ปล่อยเลยนะ เวียนหัวแล้วนะ ” ม่านเองทั้งแหกปากตะโกน ทั้งทุบหลังพี่เวย์ ทั้งดิ้น แต่กลับไม่สร้างความสะเทือนให้กับร่างที่ใหญ่กว่าได้เลย ซ้ำร้ายพี่เวย์เองกลับหมุนตัว ซ้าย-ขวา ทำให้ม่านเองเกิดอาการเวียนหัว และหุบปากลงไปได้
พอเดินมาถึงรถที่จอดอยู่ เมื่อเปิดประตูอีกฝั่งแล้ว เวย์เองก็วางร่างของม่านที่ตอนนี้ยังยืนไม่ได้นักลงบนเบาะ แล้วอ้อมมาฝั่งคนขับแทน และทำการล็อครถเอาไว้ และทันทีที่ม่านหายเป็นปกติ ม่านก็เริ่มโวยวายใส่พี่เวย์อย่างไม่นึกกลัว ทั้งที่ก่อนหน้านั้นกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
“ พี่เวย์ทำแบบนี้ทำไม...รู้ไหมว่าคนอื่นเขาเวียนหัวนะ แล้วนี่พามาที่นี่ทำไม ที่รถนี่...ไหนพี่บอกว่าจะพาออกมาคุยแถวนอกห้อง แล้วพามาที่นี่ทำไม...โอ๊ย รู้ไหมนี่ว่าคนอื่นเขาก็เจ็บเป็นเหมือนกันนะ ทั้งลาก ทั้งบีบ ทั้งแบก นึกอยากจะทำอะไรก็ทำหรือไงนี่ ” ม่านเองหันไปว่าพี่เวย์อย่างยาวเหยียดก่อนจะพักหายใจแล้วต่อประโยคอีก
“ แล้วไหนที่บอกว่าอยากรู้อะไรจะบอก ไหน ไม่เห็นจะบอกอะไรเลย แล้ว...” ยังไม่ทันที่จะพูดจบ เวย์เองก็หันหน้ามาหาพร้อมกับเค้นเสียงแข็งใส่
“ เงียบได้หรือยัง...ถ้าไม่เงียบฉันจะทำให้เงียบเอง...” พีเวย์ว่า แล้วก็หันมองม่านที่ตอนนี้หน้าทั้งคู่ห่างกันไม่ถึงหนึ่งฟุต และนั่นก็ทำให้เวย์เองสะดุดกับอะไรบางอย่าง และพร้อมกับความคิดแวบหนึ่งที่แล่นเข้ามาในสมอง และก็ปรากฏรอยยิ้มที่มีเพียงมุมปากเล็กๆ เท่านั้นที่ทำให้ม่านไม่สังเกตเห็น
“ เพราะถ้าหากนายไม่เงียบ...ฉันจะทำให้เงียบด้วยไอ้นี่...” พี่เวย์ว่าเสียงเบา แล้วก็โน้มหน้าลงไปหาม่านที่ตอนนี้ถอยหนีใบหน้าของตนอยู่ จนไปติดกับกระจกรถฝั่งที่ม่านเองนั่งอยู่ ม่านจึงไม่สามารถขยับหนีไปทางไหนได้เลย
ย้อนกลับมาที่ห้องพักผู้ป่วย (มึงย้อนมาทำไม)
รู้สึกเหม็นกลิ่นยาเอามากๆ เลยครับตอนนี้ นี่ละมั้งที่ทำให้ผมไม่ค่อยที่จะชอบโรงพยาบาลสักเท่าไหร่ เพราะมาแต่ละทีเดินไปทางไหนก็มีแต่กลิ่นยา ซ้ายก็คนป่วย ขวาก็คนเจ็บ มีแต่สิ่งที่ไม่จรรโลงจิตใจเอามากๆ เอ...ว่าแต่ที่นี่โรงพยาบาลอย่างนั้นเหรอ แต่เท่าที่ผมพอจำได้ ครั้งสุดท้ายก็นอนซบอยู่บนไหล่ของไอ้แวนนี่นา แล้วนี่ผมเป็นอะไร? ถึงได้มานอนอยู่ที่โรงพยาบาล แล้วใครพามาละ คิดแบบนั้นแล้วก็เลยลืมตาตื่นขึ้นมา มองตรงไปเห็นหลอดไฟและเพดานห้องสีขาว มองไปอีกฝั่งเห็นวิวด้านนอกผ่านหน้าต่างกระจกออกไป แล้วหันกลับมามองอีกด้านหนึ่ง แม่ พี่เมย์ พี่วัฒน์ พะแพง และก็ไอ้แวน กระจายกันนั่งอยู่ตามโซฟาบ้าง เก้าอี้บ้าง ยืนบ้าง
“ แม่...พี่เมย์ พี่วัฒน์...แวน พะแพง ” ผมก็เรียกชื่อเรียงตัวไปจนครบ และทุกคนก็หันมาตามเสียงที่ผมเปล่งออกไป แม่เป็นคนแรกที่เดินมาหาก่อน ตามด้วยพี่เมย์ซึ่งพี่วัฒน์เดินเคียงมาด้วยกัน ส่วนไอ้แวนกับพะแพงเองตอนแรกก็ทำท่าจะลุกมา แต่คงเพราะเห็นแม่กับพี่ผมเดินมาหา พวกนั้นจึงนั่งลงไปเหมือนเดิม
“ เป็นไงบ้างลูก หือ...” แม่เป็นอะไรพูดอย่างกับว่าผมป่วยเป็นอะไรอย่างนั้นแหละ แล้วยังมือนี่อีก ลูบหัวผมเบาอยู่ๆ พี่เมย์เองก็เดินมาจับมือผมกุมเอาไว้ พี่วัฒน์เองก็โอบไหล่พี่เมย์ไว้เหมือนกัน
“ รู้สึกเป็นไงบ้างละเนย์...ตอนนี้นะ ” พี่เมย์ถามออกมา รู้สึกไงนะเหรอ?
“ ก็...ตอนนี้ก็ดีอยู่นะ แต่ผมอยากกลับบ้านแล้วอ่ะ...เหม็นกลิ่นยาแล้ว ” ใช่แล้วตอนนี้รู้สึกเหม็นกลิ่นยาจนอยากจะอาเจียนออกมาเลยละ แต่ดูเหมือนว่ามันอยากจะออกมาจริงๆ และมันก็กำลังจะออกมาแล้ว
“ อุ๊บบ...อ๋อย ๆ ” เอามือปิดปากเกือบไม่ทันเท่าความคิด แล้วกระโดดลงจากเตียงวิ่งไปห้องน้ำเลย ดีนะที่ไม่ได้ให้น้ำเกลือด้วย ไม่อย่างนั้นเลือดกระฉูดแน่ พวกที่อยู่ในห้องต่างก็วิ่งตามมาดูอาการกันยกใหญ่ แม่เองเดินมาลูบหลังให้ ส่วนคนอื่นๆ นั้นทำอะไรผมไม่รู้ เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้มีเพียงชักโครกเท่านั้น
“ ใจเย็นๆ นะลูก...เอ้า เอาน้ำมาให้น้องทีสิ ”
“ เดี๋ยวผมไปเอามาเองพี่วัฒน์ พี่พาพี่เมย์มาข้างนอกเถอะครับ ” คงเป็นเสียงไอ้แวนที่มันพูด
“ เป็นยังไงบ้างลูก...ดีขึ้นรึยัง? ” แม่ถามแต่มือก็ยังคงลูบหลังให้ผมอยู่
“ มาแล้วครับ น้ำครับ น้ำ ” และก็มีแก้วน้ำยื่นมาให้ตรงหน้า ว่าแล้วก็รับมาบ้วนปาก แล้วก็ส่งคืนไปให้เหมือนเดิม แม่และพะแพงเองตอนนี้ก็พากันพยุง ซ้าย-ขวา ผมอยู่ เนื่องจากว่าพอลุกขึ้นแล้วก็เกิดอาการเข่าอ่อนอย่างช่วยไม่ได้
พยุงกันมาจนถึงเตียงพอนั่งลงแม่กลับบังคับผมให้นอนลงไป ทั้งๆที่ผมพยายามจะขัดขืนแกบ้างแล้ว แต่พะแพงเองก็ออกแรงช่วยด้วยนี่สิ ผมจึงจำต้องนอนลงไปอย่างเดิม แต่ตอนนี้ดีหน่อยที่พี่วัฒน์เอาหน้ากากอนามัยสมุนไพรที่มันมีกลิ่นหอมเปรี้ยวๆ มาให้ใส่ โดยแกบอกว่าไปขอมาจากอาหมอเมื่อกี้นี้เอง ซึ่งสิ่งนี้แหละที่พอจะทำให้ผมไม่รับรู้ถึงกลิ่นยาได้
“ แม่ เมื่อไหร่จะได้กลับอะ...ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วนะ ” ผมเริ่มอ้อนแม่แล้วครับตอนนี้ ซึ่งปกติผมจะต้องอ้อนพี่เวย์ แต่ตอนนี้ไม่รู้อยู่ไหน ถ้าหากให้อ้อนพี่เมย์ละก็ เหอะๆ มะเหงกชัวร์ๆ
“ อีกเดี๋ยวนะ รอให้หมอตรวจอีกครั้งเดียวก็ได้กลับแล้วละจ๊ะ ” แม่บอกมาอย่างนี้พร้อมกับเดินมากอดผมไว้ ทำไมรู้สึกว่าทุกคนดุจะเป็นห่วงผมเหลือเกินแถมยังมีสายตาแปลกๆ ที่ดูไม่รู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่กันแน่
“ นี่แม่ค่ะ อย่าเอาใจมันมากนักเลยค่ะ นี่แหละมันถึงเคยตัว ทำอะไรไม่รู้จักระวัง จนเกิดเรื่องจนได้ ดีนะไอ้เวย์มันออกไปก่อน ไม่อย่างนั้นละก็ คงได้เห็นคนแถวนี้เล่นบทดรามาน้ำตาแตกแน่ๆ ” ดูนั่นสิครับ เห็นไหมละพี่เมย์นะผมอ้อนแกไม่เคยได้สักที ได้ก็ได้แต่มะเหงกนี่แหละหลายทีด้วย ว่าแต่พี่เวย์ออกไปข้างนอกเหรอ แล้วแกออกไปไหนอะ
“ แม่ พี่เวย์ออกไปไหนอะ ทำไมไม่มาอยู่กับเนย์ละ ”
“ ชักจะติดพี่ใหญ่แล้วนะเรานะ หือ โตแล้วนะอะไรก็มีแต่พี่เวย์ พี่เวย์ ” นั่นไงพอโดนพี่เมย์เป่าหูหน่อยแกเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว ว่าแล้วก็หันไปมองไอ้สองตัวนั้นที่นั่งอยู่โซฟา แล้วส่งสายตาไปให้พวกมัน และไอ้แวนก็เป็นคนพูดออกมา
“ โน่น โดนพี่เวย์ลากออกไปข้างนอก ไม่รู้ตอนนี้กลายเป็นศพหรือยัง ” โอ้ว เกิดอะไรขึ้นละเนี่ยช่วงที่ผมหลับไป แหงนมองดูนาฬิกา ตอนนี้ก็บ่ายสามโมงแล้ว อืม ตอนที่โทรไปหาไอ้ม่านนั่นก็น่าจะซักประมาณ 11 โมงได้ ถ้าอย่างนั้น นี่ผมหลับไปสามชั่วโมงกว่าๆ เลยเหรอนี่
“ นี่ผมหลับไปตั้งสามชั่วโมงกว่าๆ เลยเหรอแม่ ”
“ น่าจะประมาณนั้นละจ๊ะ ” แม่ว่า แต่วันนี้แม่ขึ้นเหนือไปดูรีสอร์ทไม่ใช่เหรอ
“ แม่ขึ้นเหนือไม่ใช่เหรอ แล้วนี่ แม่มาได้ไงอะ ”
“ ออ พอดีตอนนั้นที่แวนโทรไปหาแม่นะ แม่อยู่ที่อยุธยานะจ๊ะ เลยแวะเข้าไปดูที่นั่นหน่อย ” อย่างนี้นี่เอง ยังไม่ทันได้ถามอะไรต่อ คุณหมอก็เดินเข้ามาพร้อมกับพยาบาลอีกคน แล้วเข้ามาถามนู่น ถามนี่ อย่างเช่น
“ หน้ามืด เวียนหัวบ้างหรือเปล่า ”
“ รู้สึกเหม็นอะไร บ้างไหม โดยเฉพาะอาหารที่ตัวเองเคยชอบ ”
“ อยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า ”
“ น้ำหนักเริ่มขึ้นบ้างไหม ”
ฯลฯ ที่คุณหมอถาม แล้วมันเกี่ยวอะไรละกับอาการของผม ทั้งๆ ที่อยากจะถามออกไปแต่กลับไม่มีใครฟังเลยนี่สิ ทุกคนก็เอาแต่หันไปฟังคุณหมอที่ตอนนี้กำลังบอกวิธีสังเกตดูอาการอะไร ยังไงก็ไม่รู้ แต่ที่ทำให้ผมไม่อยากจะได้ยินนี่สิ รู้สึกทำให้ไม่อยากไม่สบายอีกเลย
“ ถ้าอย่างนั้นคุณแม่ ก็พาน้องมาตรวจที่โรงพยาบาลทุกสัปดาห์เลยนะครับ แล้วพรุ่งนี้ก็มาอีกทีนะครับ ผมจะได้นัดให้เป็นกรณีพิเศษ ” นี่พรุ่งนี้ยังต้องมาอีกเหรอนี่ โอ๊ย อะไรเนี่ย
“ ค่ะ ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะ ”
“ ครับ ไม่เป็นไรครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวให้วัฒน์ไปรับยาที่เคาน์เตอร์เลยนะ ”
“ ครับคุณอา ” นี่กูยังต้องทานยาอีกเหรอนี่ แค่นึกถึงไอ้เม็ดกลมๆ นี่ก็ หยึย ไม่อยากคิดถึงเลย
“ เดี๋ยวให้พักอีกสักครึ่งชั่วโมงค่อยกลับไปก็ได้นะครับ ”
“ ค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ ” แล้วก็ตามมารยาทสักหน่อย ยกมือไหว้แกสักทีเผื่อจะได้ไม่ต้องมาอีก
แล้วยังไงละทีนี้ พอบอกว่าให้นอนผมก็นอนเลยนะสิครับ หลับไปเลยจนถึงเย็นโน่นแหละ แต่ไม่มีคนปลุกผมเลยสักคน พอผมตื่นขึ้นก็เข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวอะไรเสร็จ ก็พากันออกจากโรงพยาบาล แล้วไปทานข้าวเย็นที่ห้างแถวนั้นแหละครับแล้วถึงได้กลับบ้านสักที
“ เพราะถ้าหากนายไม่เงียบ...ฉันจะทำให้เงียบด้วยไอ้นี่...” พี่เวย์ว่าเสียงเบา แล้วก็โน้มหน้าลงไปหาม่านที่ตอนนี้ถอยหนีใบหน้าของตนอยู่ จนไปติดกับกระจกรถฝั่งที่ม่านเองนั่งอยู่ ม่านจึงไม่สามารถขยับหนีไปทางไหนได้เลย
เวย์โน้มใบหน้าลงมาหาม่านซึ่งตอนนี้กำลังหลับตาปี๋ แม้มปากแน่น ตัวเกร็งบนเบาะและนั่นก็ทำให้เวย์สามารถประกบริมฝีปากเข้าหากันได้อย่างงายดาย
ถึงแม้ในตอนแรกม่านจะรู้สึกเกร็งและกลัวมาก แต่พอผ่านไปสักพัก ม่านเองกลับอ่อนระทวยอยู่ภายใต้อ้อมกอดของพี่เวย์ ทั้งๆที่ตอนนี้ริมฝีปากของทั้งคู่ยังไม่ผละห่างออกจากกัน และคงเป็นเพราะอีกฝ่ายหนึ่งไม่เคยผ่านประสบการณ์แบบนี้มาก่อน จึงทำให้คนที่ผ่านประสบการณ์มาแล้วชักนำไปได้อย่างงายดาย
“ อือ...อืมม ” ม่านเองก็ครางในลำคอ และตอนนี้เองที่เผลอเผยอริมฝีปากออก ทำให้อีกคนสามารถส่งเรียวลิ้นเข้ามาเกี่ยวกระหวัดเรียวลิ้นของตนได้อย่างง่ายดาย
“ อืมมม...อึ....อือ ”
นอกจากการจูบที่ชักนำสติของม่านออกไปแล้ว ดูเหมือนว่าจะยังมีมืออีกมือหนึ่งที่คอยลูบไล้สัมผัส ผิวกายที่อยู่ภายใต้สาบเสื้อนั้นด้วย โดยที่อีกมือคอยประครองศรีษะเขาเอาไว้รองรับบทจูบนี้
“ อืม ” เวย์เองก็ครางออกมาไม่ต่างกัน เพราะนึกไม่ถึงเหมือนกันว่า อีกฝ่ายที่เหมือนจะไม่เคยผ่านเรื่องอย่างนี้มา แต่กลับสามารถทำให้ตนเองส่งเสียงแห่งความสุขออกมาได้ ซ้ำร้าย ทั้งริมฝีปากนี้ เรียวลิ้นนี้ กลับให้ความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายได้ รู้แต่เพียงว่า ตอนนี้ยังไม่อยากหยุด
“ ปี้ด ปี้ด ปี้ดดดด ” แต่แล้วก็มีเสียงของนกหวีดซึ่งคงเป็นยามที่คอยโบกรถให้ออกจากช่องที่จอดรถนั่นแหละ ที่ดังมาทำให้เรียกสติของทั้งสองกลับมาได้
หลังจากที่ได้สติกลับคืนมาแล้ว ทั้งสองก็ผละออกจากกัน ม่านเองนั่งเงียบหอบหายใจอยู่ โดยที่ไม่หันมามองเวย์ เวย์เองก็เหมือนกัน ตอนนี้กำลังนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ แล้วยกมือขึ้นเสยผมตัวเองไปทีสองที แล้วหลังจากที่ทั้งสองนั่งเงียบมานานนับสิบนาที เวย์ก็ออกรถตรงกลับไปยังบ้านของตน ตลอดทั้งเส้นทางที่เดินทางมาด้วยกันทั้งสองต่างก็นิ่งเงียบไม่ได้พูดจาอะไรกันเลย จนกระทั่งรถมาจอดอยู่ที่หน้าบ้านนั่นแหละ เวย์ถึงได้เป็นคนเอ่ยปากเรียกสติของม่านกลับคืนมา
“ เข้าไปรอเนย์ในบ้านก่อน ตามมาสิ ” พูดเพียงแค่นั้นแล้วเดินนำหน้าไป
ม่านเองก็เพียงพยักหน้าแล้วเดินตามไปเงียบๆ โดยไม่ทันได้สังเกตเลยว่า ณ ตอนนี้พี่เวย์เองได้เดินขึ้นมายังชั้นสอง ซึ่งมีห้องของเขาอยู่ เวย์เองก็หันกลับมามองแต่ม่านกลับไม่ได้สนใจยังคงเดินตามไปอยู่ ตอนนี้ม่านเองกำลังคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรถ นึกถึงรสจูบและสัมผัสที่ไม่เคยได้รับมาก่อน
“ กริ๊ก ” และความคิดเขาก็หยุดชะงักลงเพราะได้ยินเสียงลงกลอนประตู พอมองดูรอบๆ อีกทีกลับพบว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนห้องหนึ่ง ซึ่งไม่น่าใช่ห้องของเนย์ และพอหันหลังกลับมาก็ได้รู้ว่าห้องนอนนี้เป็นของ
“ พี่เวย์...” พูดได้แค่นั้นก็ผงะถอยหลังไป เพราะอีกคนยืนประชิดรออยู่แล้ว แต่เพียงถอยหลังไปเท่านั้นก็ชนเข้ากับขอบเตียงทำให้ล้มลงไปนอนแผ่อยู่บนเตียงของอีกฝ่าย เวย์เองก็กระโดดมาคร่อมทับอีกฝ่าย พร้อมกับมือซ้ายที่รวบแขนทั้งสองข้างของม่านเอาไว้เหนือหัว แล้วท้าวแขนขวากันเอาไว้อีกที ทำให้ตอนนี้ม่านตกอยู่ในอาการที่ตกใจอย่างมาก
“ พะ..พี่..พี่เวย์ จะ จะทำอะไร นะ...” แม้แต่เสียงที่ออกมายังสั่นตะกุกตะกัก แถมหัวใจยังเต้นแรงอีกด้วยซ้ำ และประโยคที่ออกมาจากปากของอีกฝ่าย ทำให้ม่านถึงกับตาตา อ้าปากค้างไปเลยทีเดียว
“ หึ...ก็ทำเรื่องที่เรา...ทำค้างกันเอาไว้ตอนอยู่ในรถนะสิ ” เอ่ยขึ้นโดยที่ริมฝีปากตนห่างจากริมฝีปากอีกฝ่ายเพียงนิดเดียวเท่านั้น
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------->
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------->
ตอนที่แล้วรู้สึกว่าไอ้ตัวนี้
กับ
มันจะออกมาเยอะจริงๆ ฮ่าๆๆ
แต่หวังว่าในตอนนี้มันคงจะออกมาเยอะกว่าเดิม
555555
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------>
คงไม่ต้องถามกันแล้วใช่มั้ย
คงค้างกันสุดๆ ว่าแล้วก็เหลียวซ้ายแลขวา................วิ่งหลบ ทั้ง
ทั้ง
เจอกันตอนหน้าจ๊ะ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------->