♣Maybe...รักนี้อาจเป็นนาย♣
บทที่ 44
I’m so crazy because of you, just only you can make me crazy baby
Special Matt & Ramin # part 8:
[Ramin talks]
“มิน...” มันเรียกชื่อผมแล้วก็ยกมือค้างกลางอากาศ เห็นแบบนั้นผมก็เลยทำหน้าไม่ถูก เพราะรู้ว่ามันจะให้ผมนอนกอดมัน
“มิน...เร็ว” ไอ้แมทเร่งอีก เวลาที่มันง่วงแล้วดูมึนๆบอกตามตรงเลยว่ามันดูน่ารักปนเซ็กซี่มากอ่ะ ผมเลยต้องปิดโน๊ตบุ๊คของมันแล้วเดินไปล้างเท้าในห้องน้ำก่อนจะขึ้นเตียงไปนอนกอดไอ้แมทไว้
“ง่วงแล้วทำไมไม่นอนวะ” ผมบ่นมัน ดูก็รู้ว่าจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ แต่ก็ยังจะฝืนตั้งแต่สี่ทุ่มนี่ก็เถียงคืน ผมรู้แหละว่ามันรอผม แต่ผมทำงานอยู่ ถึงกำหนดส่งจะไม่ใช่ใกล้ๆนี้ แต่ถ้าว่าผมก็จะทะยอยทำสะสมไปเรื่อยๆ เพราะผมต้องทำงานพิเศษด้วย เลยไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ วันไหนไปทำงานวันนี้ก็ตัดออกไปได้เลย ไม่มีแรงจะทำอะไรหรอกครับ หัวถึงหมอนก็สลบเหมือบแทบจะทันที
“กูรอมึง” มันพูดเสียงยานๆ ผมกอดมันเอาไว้จนไม่นานมันก็หลับไป ผมลูบหัวไอ้แมทเบาๆ ผมมันนุ่มมือมาก เพราะไม่เคยไปทำอะไรกับผมเลย
“ที่หลังไม่ต้องรอกูก็ได้ กูไม่หนีไปไหนหรอกน่า” ผมกระซิบบอกคนที่หลับไปแล้วก่อนจะหอมแก้มมันเบาๆ ไอ้แมทขยับตัวนิดๆแล้วก็นิ่งไปเหมือนเดิม
ไม่มีวันไหนที่มันไม่เหนื่อย ไม่รู้ว่ามันจะทำอะไรเยอะแยะ หรือจะพูดให้ถูกก็คือ พ่อมันสั่งงานอะไรเยอะแยะมากมายขนาดนั้นกันก็ไม่รู้ สงสารมันเหมือนกันนะครับ แต่ผมก็ภูมิใจในตัวมัน ไม่น่าเชื่อว่าผมจะมีแฟนเก่งขนาดนี้
กูโคตรรักมึงเลยว่ะแมท!
วันต่อมามันไปส่งผมที่คณะแล้วมันก็ขับรถไปที่คณะมัน ผมเดินไปยังโต๊ะประจำใต้ต้นไม้ใหญ่ มีเพื่อนของผมนั่งอยู่ก่อนแล้ว
“ใครมาส่งมึงวะ” เกรซ เพื่อนผู้หญิงหนุ่งเดียวในกลุ่มถามตั้งแต่ผมยังไม่ทันหย่อนตูดนั่งเลยด้วยซ้ำ
“เพื่อนกู”
ผมเลือกที่จะบอกไปแบบนั้น ไม่ใช่ว่าผมอายที่จะคบมันหรอก แต่ผมไม่รุ้ว่าคนอื่นจะมองผมยังไง ยิ่งถ้าเป็นเพื่อนสนิทแล้วด้วย ผมกลัวว่ามันจะเป็นเหมือนคราวนั้น ผมไม่อยากเสียเพื่อนไป เลยเลือกที่จะเก็บเรื่องผมกับไอ้แมทไว้เป็นความลับ น้องจากต้นหอม พี่ปืนและเพื่อนพี่เขาก็ไม่มีใครรู้เรื่องที่ผมคบกับไอ้แมท พี่ที่ร้านก็ไม่รู้ เพราะเวลามันไปรับผมมันจะรออยู่ในรถ ผมก็แค่บอกทุกคนไปว่าเพื่อนมารับ เหมือนจะมีคนสงสัย แต่ผมก็วางตัวเนียนไม่หลุดพิรุธออกไปให้ใครจับได้ บวกกับหลังๆมานี่ไอ้แมทไม่ค่อยไปรับผมที่ร้านเท่าไหร่เพราะมันยุ่งมาก ทั้งเรื่องเรียน งานในคณะมันและงานที่บ้านมัน ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเข้าใจมัน
จะไปว่ามันได้ยังไงล่ะครับ มันเคยบอกให้ผมเลิกทำงานเพราะมันจะไม่มีเวลามารับส่งผม แต่ผมก็ยังดื้อแพ่งจะทำให้ได้ ผมไม่คิดอะไรมากอยู่แล้ว ผมเป็นผู้ชาย กับอีแค่ทำงานดึกดื่นๆมันไม่ใช่ปัญหาหรอก ก่อนจะเจอมันก่อนจะเป็นแฟนกันผมก็มาทำงานที่ร้านนี้อยู่ก่อนแล้ว ไปกลับเองตลอดโดยที่ไม่มีใครไปรับไปส่งก็ไม่เห็นจะมีอะไรเกิดขึ้น
“เพื่อนคนไหนว่ะ ว่างๆพามารู้จักบ้างดิ เห็นมาส่งมึงหลายรอบแล้ว” เกรซมันยังทำหน้าสงสัยไม่หาย ส่วนไอ้แน๊กก็มองหน้าผมแล้วก็หลบตา ทำแบบนี้ตั้งแต่ผมมาแล้ว มันเป็นอะไรของมัน หรือว่ามันจะรู้เรื่องผมกับไอ้แมทแล้ว คิดแล้วผมก็ยิ่งร้อนรนสิครับ
“เออ เดี๋ยววันหลังกูจะพามันมาให้รู้จัก มันเป็นเพื่อนกูตอนมอปลายน่ะ สนิทกัน แต่มันเรียนช้ากว่ากูปีหนึ่งเลยห่างกันไปพัก”
“เออ เรียนคณะอะไรวะ” เกรซถามต่อ คราวนี้มันดูไม่สงสัยอะไรแล้ว ดูเหมือนว่าผมจะมาถูกทาง ถ้ายิ่งทำเปมือนปกปิดไม่อยากให้พวกมันเจอกัน มันจะยิ่งสงสัย ผมเลยบอกไปว่าเดี๋ยวพามาให้รู้จัก มันจะได้รู้สึกว่าไม่มีอะไรจริงๆ
“วิศวะ” ผมตอบสั้นๆ แย่งขนมในมือไอ้แน็กมากิน มันไม่ได้ว่าอะไร มองหน้าผมเหมือนงอน อ๊ะ ไอ้นี่ เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย เดี๋ยวหลับตาเดี๋ยวงอน ผมไปทำอะไรให้มันวะ
“หึ มิน่าล่ะ ดุอย่างกับหมา” ไอ้แน็กมันพูดเหมือนไม่ชอบไอ้แมท แต่ก็คงไม่แปลก เจอไอ้แมทกี่ครั้งๆ ไอ้นั้นก็ทำหน้าโหดตลอด ไม่แปลกที่ไอ้แน๊กจะกลัว
“มึงเคยเจอเหรออิแน๊ก!” เกรซทำหน้าตกใจ ไอ้แน๊กพยักหน้าแล้วหันมาทำตาขวางใส่ผม หรือมันจะงอนเรื่องเมื่อคืนวะ มันบอกว่าให้ผมไปรับมันที่บ้านด้วย พ่อแม่มันกลับมาบ้านได้ไม่กี่วันก็บินไปทำงานอีกแล้ว มันไม่อยากนอนคนเดียวเลยจะมานอนบ้านผม แต่ไอ้แมทบอกไว้แล้วว่าจะให้ผมไปนอนบ้านมัน ผมเลยไม่ไปรับไอ้แน๊กมานอนด้วย แต่ผมบอกมันแล้วนะ ไม่ใช่ปล่อยให้รอเก้อเสียเมื่อไหร่
“ไอ้แน๊ก เป็นอะไรของมึง โกรธกูหรือไง” ผมถามเมื่อทนไม่ไหวกับอาการของไอ้แน๊ก
“เปล่า กูจะไปโกรธอะไรมึง” มันไม่ยอมสบตาแถมยังทำปากยื่นปากยาว นี่ขนาดไม่โกรธนะหน้ามึงยังงอขนาดนี้ ถ้ามึงโกธรกูหน้ามึงไม่งอเป็นม้วนฟิมล์เลยหรือไงไอ้ห่า
“ดีๆไอ้แน๊ก เมื่อคืนกูไม่ว่างไปรับมึง หัดนอนคนเดียวบ้างเถอะมึง”
“เออ กูก็ไม่ได้ว่าอะไรนิ”
“เหรอ แต่หน้ามึงนี่งอยิ่งกว่าจวักคดข้าวเสียอีก” ผมเหน็บแนมมัน ไอ้แน๊กเลยยื่มมือมากระชากหนังหัวผมจนเกือบหงายหลัง
“พอเลยพวกมึง ทะเลาะกันเป็นเด็กไปได้ มึงยังไมเลิกกลัวผีอีกเหรอวะไอ้แน๊ก”
“มันเลิกกลัวได้ที่ไหนวะ มึงเลิกกลัวไส้เดือนได้ไหมล่ะ” ไอ้แน๊กย้อนกลับบ้าง
“อย่าพูด! แค่ชื่อกูก็ขยะแขยงแล้ว!!”
“เห็นไหมล่ะ ที่มึงยังเลิกกลัวไม่ได้เลย แล้วนับอะไรกับกูวะ”
หลังเลิกเรียนวันนี้ผมไม่ต้องไปทำงานที่ร้าน แต่ไอ้แน๊กให้ผมมาซื้อของเป็นเพื่อนมัน ไอ้แมทยังไม่เลิกเรียน เห็นว่าวันนี้มันเลิกดึก
“มึงจะซื้ออะไร” ผมถามไอ้แน๊ก เดินวนมาหลายรอบแล้วแต่มันยังตัดสินใจไม่ได้สักทีว่าจะซื้อของขวัญอะไรให้แม่ พอไอ้แน๊กพูดถึงวันเกิด ผมก็เลยฉุกคิดขึ้นได้ว่าไอ้แมทเกิดวันที่เท่าไหร่
ตายห่า! ใกล้แล้วนี่ว่า อาทิตย์หน้านี่เอง
หรือจะพูดให้ถูกคือวันนี้วันพฤหัส วันเกิดไอ้แมทวันอังคาร อีกกี่วันว่ะ...อีกห้าวัน! โอ๊ยย ดีนะนึกเร็ว ไม่งั้นมันงอนผมแน่ๆ ผมจะซื้ออะไรให้มันดีวะเนี่ย
“กูไม่รู้วะ มึงช่วยคิดหน่อยดิ” ไอ้แน๊กพูดเสียงเหนื่อยๆ ทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้ ผมนั่งลงข้างๆมัน ของกูเองยังคิดไม่ได้เลย แล้วผมจะรู้ไหมว่ามันควรจะซื้ออะไรดี
“แม่มึงชอบอะไรล่ะ” ผมถามมัน เดินมาจะร่วมสองชั่วโมงแล้วยังไม่ได้อะไรสักอย่าง
“ไม่รู้ดิ กูไม่ค่อยได้คุยกับแม่หรอก เลยไม่รู้ว่าเขาชอบอะไร”
ไม่รู้ว่าคนพูดคิดอะไรกับประโยคนั้นหรือเปล่า แต่คนฟังอย่างผมถึงกับสะอึก รู้สึกผิดที่เมื่อคืนปล่อยให้มันอยู่บ้านคนเดียว ผมรู้แค่ว่ามันกลัวผีมาก ไม่ชอบอยู่คนเดียว แต่ไม่รู้ว่ามันมีปมอะไรนอกจากนี้หรือเปล่า ถึงทำให้มันไม่กล้าที่จะอยู่คนเดียวเลย ขอบตาดำคล้ำและอิดโรยของมันทำให้รู้ว่าเมื่อคืนมันคงไม่ได้นอน ผมแย่เกินไปหรือเปล่าที่เมื่อคืนผมนอนหลับอย่างมีความสุข แต่กลับปล่อยให้มันทรมานทั้งคืนน่ะ
“ทำการ์ดดิ เขียนการ์ดให้แม่มึงก็พอแล้วมั้ง อยากบอกอะไรเขาก็บอก เขาคงดีใจที่ได้เห็น” ผมคิดว่าคงมีอหลายอย่างที่มันอยากจะบอกแม่มันบ้างแหละ
“งั้นเหรอวะ แต่กูทำไม่เป็น” มันพูดสีหน้าดีขึ้น
“อืม เดี๋ยวกูช่วยทำ คืนนี้ไปนอนกับกูไหมล่ะ” ผมเอ่ยชวนโดยที่ไม่ต้องรอให้มันขอ สงสารมันครับ ไอ้เด็กน้อยเอ้ย
“จริงนะ กูไปนอนได้จริงนะ”
“แหม ดีใจขึ้นมาทันตาเลยนะมึง”
“ก็มึงอ่ะ ได้เพื่อนเก่าแล้วลืมเพื่อนใหม่อย่างกู”
“ฮ่าๆๆ ใครจะลืมมึงลงครับลูกชาย” ผมขยี้หัวมันก่อนจะลุกไปที่ร้ายขายเครื่องเขียนชั้นนำ หาซื้อของไปทำการ์ดให้แม่ไอ้แน๊ก ผมเองก็จะซื้อไปทำให้ไอ้แมทเหมือนกัน และจะทำเสื้อให้มันด้วย ผมเรียนนิเทศฯ เรื่องออกแบบไม่เป็นสองรองใครอยู่แล้ว
ได้ของที่ต้องการเสร็จเราก็กลับไปเอาของที่บ้านไอ้แน๊ก ทีนี้เลยเอารถมันออกมาขับด้วย แล้วก็เหมือนเดิม ผมเป็นคนขับ ส่วนเจ้าของรถนั่งมองวิวข้างทางสบายอารมณ์ นี่ตกลงผมเป็นเพื่อนมัน เป็นพ่อมันหรือเป็นคนขับรถของมันกันแน่วะ
พอถึงบ้านผมก็ตามสเต็ปเดิมครับ มันวิ่งลงจากรถเข้าบ้าน ไม่แม้แต่จะช่วยผมขนของที่ซื้อมา เดินเข้าบ้านก็เห็นมันอ้อนแม่ผมอยู่
“ให้มันน้อยๆหน่อยนะมึง นั่นแม่กู” ผมแขวะมัน แต่มันกลับหน้าทำกวนใส่ผม
“ไปว่าเพื่อน ออกจะน่ารักขนาดนี้ มาเป็นลูกแม่เลยไหม” แม่ผมก็ไอ้ท้ายมันตลอด ไอ้ผมก็หมาหัวเน่าไปสิครับ
“เป็นครับแม่ แน็กไม่ดื้อไม่ซนด้วย!”
เอาเข้าไป พอกันทั้งแม่ทั้งเพื่อน ผมขึ้นห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ไอ้แน๊กวิ่งตามาติดๆ ผมยังไม่ได้โทรหาไอ้แมทเลยนี่ว่า ว่าแล้วก็โทรหามันหน่อย เดี๋ยวมันจะเป็นห่วงแล้วมาอาละวาดถึงบ้าน
“มึง กูถึงบ้านแล้วนะ”
[อืม กินข้าวยัง] มันถามเสียงเบา คาดว่าคงเรียนอยู่
“ยังไม่ได้กิน เดี๋ยวลงไปกิน มึงเรียนอยู่ใช่ไหม งั้นแค่นี้แล้วกัน กูไม่กวนแล้ว” ผมรีบบอก
[อืม เรียนเสร็จจะโทรหา] มันบอกแล้วสายก็ตัดไป
ไอ้แน๊กที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วมองผมเหมือนสงสัย ผมโยนโทรศัพท์ไปบนเตียงแล้วก็เดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำบ้าง ออกมาเจอไอ้แน๊กกำลังดูโทรศัพท์ผมอยู่
“มึงทำอะไร” ผมรีบเข้าไปแย่งโทรศัพท์จากมือมัน ไอ้แน๊กหน้าเสีย
“กะ กู...คือ...กูแค่เห็นมันสั่นเลยหยิบขึ้นมาดู แต่ยังไม่ได้ดูเลยนะ!” มันอธิบายหน้าตื่น ผมกดดู ข้อความยังไม่ได้ถูกอ่าน เป็นไอ้แมทส่งมา ผมกดอ่านทันที
-ขี้เกียจเรียนโคตรๆ แต่ดูคิดถึงมึงโคตรๆ-
ไอ้เลี่ยนเอ้ย!
ผมยิ้มให้กับข้อความก่อนจะเงยหน้ามองไอ้แน๊กที่ยืนหน้าซีดก้มหน้าอยู่
“แล้วมึงเป็นอะไร กูยังไม่ได้ว่าอะไรเลย” ผมพูดขำๆ สงสัยจะกลัวผมด่าเรื่องที่มันหยิบโทรศัพท์ผมมาดู ผมยัดมือถือลงในกระเป๋ากางเกงขาสั้น ลงไปกินข้าวข้างล่าง
“อันนี้ต้องแปะตรงไหนวะ” ไอ้แน๊กยื่นกระดาษรูปเค้กมาผมดู เราซื้ออุปกรณ์ทำการ์ดมาหลายอย่าง จนคิดว่าไม่น่าจะใช้หมดในครั้งเดียว
“ติดตรงไหนก็ติดไปเถอะ เอาที่มึงชอบอ่ะ” ผมบอก แล้วก็ลงมือทำของตัวเอง มันปลายตามองการ์ดในมือผมนิดๆ
“มึงทำให้ใคร ให้แม่กูเหรอ” มันถาม
“เปล่า ทำให้เพื่อนกู” ผมบอกมัน กะว่าทำคร่าวๆไว้ก่อน เพราะอยากจะเอารูปผมกับมันมาติดด้วย แต่ยังไม่ได้ไปล้างเลย เห็นผมแมนๆแบบนี้ แต่ผมก็มีมุมหวานเหมือนกันนะจะบอกให้
“แมทอ่ะนะ”
“อืม”
ผมกับไอ้แน๊กนั่งทำการ์ดต่อ เหลือบไปมองมันก็เห็นมันกำลังตั้งใจทำการ์ดอยู่ ผมยิ้มเอ็นดู ทำไมพ่อแม่มันถึงใจร้ายนักนะ ถึงจะรู้ว่าที่ทำไปก็เพื่อหาเงินให้ไอ้แน๊กใช้อย่างสุขสบาย แต่พวกเขาจะรู้ไหมว่ามันต้องการคำว่าครอบครัวมากที่สุด ไม่ใช่เงินทอง
[Krrr Krrr]
ผมลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ที่ชาร์ตไว้ตรงหัวเตียง ไอ้แมทโทรมา ผมหันไปมองไอ้แน๊กที่มองผมอยู่ แต่มันก็หันกลับไปทำการ์ดตามเดิมไม่ได้สนใจอะไร
“ฮัลโหลมึง ถึงบ้านแล้วเหรอ” ผมถามเสียงเบา ปกติจะคุยเสียงดังกว่านี้ แต่คราวนี้ผมหรี่เสียงตัวเองให้เบาลง
[อืม มึงทำอะไรอยู่] มันถาม ผมค่อยโล่งอกหน่อยทั่นถึงบ้านอย่างปลอดภัย ก็ไม่ใช่มันคนเดียวหรอกครับที่เป็นห่วงผม ผมก็เป็นห่วงมันเหมือนกัน
“ทำการบ้าน” ผมโกหกมัน เรื่องอะไรจะบอกมันล่ะว่าทำของขวัญวันเกิดให้มันอยู่ งานนี้ต้องมีเซอร์ไพส์ครับ
[อืม มึงอยู่บ้านแน่ใช่ไหม]
“เออดิ ไม่ให้กูอยู่บ้านตัวเองแล้วจะให้กูไปอยู่ไหนวะ”
[เผื่อมึงจะไปนอนบ้านเพื่อนมึงไง]
“กวนตีน” ผมด่ามัน แต่ก็นะ ผมไม่ได้อยู่บ้านไอ้แน๊กหรอก แต่ไอ้แน๊กมันมาอยู่บ้านผมต่างหาก ถ้ามันรู้จะว่าไงบ้างวะ บอกมันดีไหม แต่บอกมันไปดีกว่า เดี๋ยวพี่ท่านมารู้ทีหลังเอาแล้วจะองค์ลง ยิ่งไม่ปกติเหมือนคนอื่นอยู่ด้วย
“มึง กูมีอะไรจะบอก” ที่ตัดสินใจพูดนี่ไม่ใช่ว่าไม่หวั่นนะครับ แต่ผมไม่อยากปิดบังมัน ขี้เกียจทะเลาะกัน เวลามันโมโหก็หมาบ้าดีๆนี่เอง
[อะไร] เสียงแม่งดุมาเชียว!
“คือว่าตอนนี้ กูอยู่กับ...”
“ไอ้มิน กูขอใช้อันนี้หน่อยนะ”
จบกันไอ้ห่าดก!!!
ผมตวัดสายตามองไอ้แน๊กดุๆ รอให้กูพูดก่อนไม่ได้หรือไงวะ มึงจะพูดแทรกกูทำไมไม่ทราบ! แต่มันไม่สนใจก้มหน้าก้มตาทำการ์ดต่อไป เดี๋ยวปั๊ดไล่กลับบ้านเลยนิ!
[มึงอยู่กับใคร อยู่กับมันใช่ไหม!]
เอาแล้วไง พ่อกูอาละวาดแล้วครับ! T^T
“เออ ก็เมื่อกี้กูจะบอกมึงอยู่” นี่เสียงผมเหรอวะ หงอได้อีก แอบลอบถอนหายใจเบาๆ มันสวดผมยาวแน่ๆ เตรียมหูชาได้เลย
[ไหนมึงบอกว่าอยู่บ้านไง] เสียงไอ้แมทติดจะหงุดหงิดมากถึงมากที่สุด
“ก็อยู่บ้านไง แต่คืนนี้ไอ้แน๊กมานอนที่บ้านด้วย”
เพื่อนไม่ให้เป็นการรบกวนเพื่อนที่มาอยู่ร่วมห้อง ผมจึงเดินออกจากห้องเงียบๆลงไปคุยข้างล่างจะได้คุยสะดวกมากขึ้น แม่ผมกับยัยมุขขึ้นนอนกันหมดแล้ว
[แล้วทำไมมันต้องไปนอนบ้านมึงด้วย!]
“บ้านมันไม่มีใครอยู่เลยสักคน”
[…]
“แมท ไม่ไว้ใจกูเหรอ ไม่มีอะไรหรอกน่า กูกับมันเพื่อนกันนะ”
[รอกู เดี๋ยวกูไปหา]
“แมท! เดี๋ยว!”
ตู้ดดๆๆ
เชี่ยเอ้ย! วางไปแล้ว!
ผมกระแทกตัวลงกับโซฟา ก่อนมันจะวางสายผมได้ยินเสียงสตาร์ทรถ มันต้องมาหาผมแน่ๆ บ้านผมจะแตกไม่วะเนี่ย มันยิ่งโมโหร้ายอยู่ด้วย แต่ก่อนมันไม่เป็นแบบนี้นี่น่า ผมเคยคิดว่ามันเป็นคนใจเย็นนะ แต่วันนี้คงต้องคิดไหม ไอ้แมทมันเป็นคนเย็นนอกร้อนใน
มันน่ะ...ข้างในร้อนยิ่งกว่าลาวาเสียอีก!
เอี๊ยดดด!
ติ๊งต๋อง
มันมาแล้วครับ ผมเดินออกไปหามันที่หน้าบ้าน พอเปิดประตูให้มันเท่านั้นแหละ มันกระชากผมเข้าไปจูบทันที ตั้งตัวได้ผมก็ดิ้น นี่มันหน้าบ้านนะเว้ย! เดี๋ยวใครมาเห็นจะทำไง
“อื้อ..แมท พอ!” ผมทั้งร้องทั้งห้ามแล้วก็ทบไหล่มันแรงๆ แต่มันก็ไม่หยุด ยังระดมจูบผมไปเรื่อยจนผมต้องยอมมัน มันถึงได้ลดความบ้าลงจนจูบของมันอ่อนโยนลงจนรู้สึกได้
จุ๊บ~!
“ไอ้บ้า!” ผมด่ามันทันทีที่หยุดจูบผม แต่สีหน้าของมันยังเหมือนไม่พอใจ
“ก็บ้าก็เพราะมึงนั่นแหละ มีมึงคนเดียวที่ทำให้กูบ้าได้ขนาดนี้ รู้ไว้ด้วย!”
พูดมานี่คิดบ้างไหมว่ากูจะเขิน! >_<
“เฮ้อ กูหวงมึงมากนะมิน รู้ใช่ไหมครับ” มันดึงผมเข้าไปกอด คราวนี้ผมไม่ว่าอะไรมัน หนำซ้ำยังยกมือขึ้นกอดตอบมันด้วย
“อืม กูรู้”
“ห้ามนอนกอดมันเหมือนที่กอดกู ห้ามให้มันกิดมึงด้วย เข้าใจไหม!” ไอ้แมทกำชับเสียงเข้ม
“อืม รู้แล้วน่า”
“รู้แล้วๆ แต่มึงก็ยอมให้มันกอดทุกที”
อ้าว! ไอ้นี่...แล้วผมจะรู้ไหมครับว่าไอ้แน๊กมันจะกอดผมตอนไหน ตื่นมาอีกทีก็อยู่ในสภาพนั้นแล้ว ใช่ว่าผมเชิญชวนให้ไอ้แน๊กมากอดผมเสียเมื่อไหร่ล่ะ
“คืนนี้กูจะไม่ให้มันกอดแล้ว กูสัญญา” แต่ตามใจพี่เขาหน่อยครับ เดี๋ยวจะงอนเข้าไปใหญ่
“ไม่ใช่แค่คืนนี้ คืนต่อไปด้วย ทางที่ดีมึงอย่านอนกับมันดีกว่า”
ได้คืบจะเอาศอกจริงๆ
“ครับพ่อ สั่งจังวะ”
“กูไม่ใช่พ่อครับ กูจะเป็นผัวมึง โอเคนะ”
แม่งพูดออกมาได้หน้าตาเฉยไม่อายปากเลยสักนิด แต่คนฟังอย่างผมนี่หน้าร้อนฉ่าไปหมดแล้ว ผมพลักมันออกจากตัว ส่งสายตาคมกริบปรามมัน
“หึหึ มึงรู้อะไรไหม วันอังคารหน้าวันเกิดกู”
ผมมองมันงงๆปนตกใจเล็กน้อย แน่นอนว่าผมรู้ แต่ผมไม่บอกมัน เพราะผมกะจะทำเซอร์ไพส์ให้มัน แต่ผมไม่เข้าใจว่ามันจะมาบอกผมทำไมในตอนนี้
“ทำไม” ผมถามมัน ในใจนึกระแวงไปกับสีหน้าเจ้าเล่ห์ของมัน
“หึหึ ไม่ต้องหาของขวัญให้กูนะ เพราะของขวัญจากมึง กูมีอยู่แล้ว”
ยะ อย่าบอกนะว่ามันรู้แล้วว่าผมจะให้อะไรมัน! ไม่จริงใช่ป่ะ มันรู้ได้ไงอ่ะ!
“ขะ ของขวัญอะไร” ผมถามตะกุกตะกัก
“มึงไง”
“...!!!”
“เตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลย กูปล่อยมึงลอยนวลมานานแล้ว”
“เตรียมตัวอะไร!” ผมขึ้นเสียงกลบเกลื่อนความอาย เสียงหัวเราะเบาๆของไอ้แมทยิ่งทำให้ผมตื่นเต้นจนไม่เป็นตัวของตัวเอง มือไม้ไม่รู้จะวางไว้ตรงไหน อะไรๆก็ดูเกะกะไม่เป็นที่เป็นทาง
“เตรียมตัวเป็นของกูทั้งตัวและหัวใจไงล่ะที่รัก”
จุ๊บ!
มันจูบปากผมและดูดเน้นๆอย่างรวดเร็ว ความร้อนวิ่งพล่านไปทั่วใบหน้าผม
“คืนนี้นอนกับชู้รักมึงให้เต็มที่นะครับ ถึงทีของผมเมื่อไหร่ ผมจะ “เอา” คือให้สาสมเลย”
ไอ้แมทพูดทิ้งท้ายให้ผมได้อาย มันลวนลามผมต่ออีกนิดหน่อย แล้วมันก็กลับไป เป็นนานสองนานที่ผมได้แต่ยืนเอ๋อแดกอยู่หน้าบ้านคนเดียว มันว่าอะไรนะ...ชู้เหรอ?
เดี๋ยวเถอะมึง! ถ้ากูมีชู้จริงๆแล้วมึงจะหนาว!
ผมกลับขึ้นห้องหลังจากที่สงบสติอารมณ์ได้แล้ว ข้าวของเศษกระดาษสำหรับทำการ์ดวันเกิดเกลื่อนกระจายอยู่บนพื้นห้อง การ์ดยังทำไม่เสร็จดีแต่ไอ้คนทำกระโดดขึ้นเตียงนอนไปแล้ว นี่มันเพิ่งจะสามทุ่มกว่าเอง นอนเร็วไปไหมไอ้เด็กน้อย
“จะนอนแล้วทำไมไม่เก็บของให้เรียบร้อยวะ เห็นกูเป็นคนใช้เหรอไง” ผมบ่นไม่จริงจังนัก ลงมือเก็บซากของๆผมและของไอ้แน๊กที่ทำทิ้งไว้ให้เป็นที่เป็นทาง
ผมเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันก่อนนอน ยืนมองคนที่นอนเรียบร้อยหันหลังให้ผมในที่ของตัวเอง แปลกจังวะ...ปกติมันจะต้องกวนตีนผมด้วยการนอนตรงที่ผม แต่วันนี้ไม่ต้องรอให้ด่ามันก็นอนเป็นที่เป็นทางเรียบร้อย
แต่พอผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ไอ้คนที่นอนหลับอยู่ข้างๆก็ขยับตัวออกห่าง ด้วยความสงสัยผมเลยลุกขึ้นชะโงกหน้าไปดู
มันนอนร้องไห้!
“ไอ้แน๊ก เป็นอะไรวะ ร้องไห้ทำไม”
นี่คงไม่ใช่ว่าทำการ์ดให้แม่แล้วเกิดอาการดราม่าขึ้นมาหรอกนะ
“ฮึกฮืออ”
เยี่ยม! ยิ่งถามมันก็ยิ่งร้องไห้หนัก ผมลุกไปเปิดไฟ มันรีบเอาผ้าห่มคลุมโปงทันที ผมยื้อแย่งผ่าห่มกับมันแล้วผมก็เป็นฝ่ายชนะ เพราะไอ้แน๊กมันแรงน้อยกว่าผม ถึงผมจะไม่สูงเท่าไอ้แมท แต่ถ้าเทียบกับไอ้แน๊ก ผมดูแมนสมชายชาตรีขึ้นมาทันตา
“มึงอะไร บอกกูสิ”
ผมดึงตัวมันให้ลุกขึ้นนั่งคุยกันดีๆ ไอ้แน๊กปาดน้ำตาออกลวกๆ สะอื้นฮักอย่างน่าสงสาร น้ำตามันไหลออกมายิ่งกว่าเขื่อนแตกเสียอีก มันเป็นอะไรวะ ผมเริ่มใจไม่ดีแล้วนะ
ผมปล่อยให้มันร้องไห้รอมันพร้อมที่จะเล่า แต่จนแล้วจนรอดมันก็ไม่พูดไม่เล่าอะไรสักที จนผมเริ่มโมโห แม่งเป็นอะไรอีกวะ มีอะไรก็ไม่ค่อยจะพูด แล้วมันจะมีเพื่อนไว้ทำซากอะไร!
“แน๊ก กูเริ่มหมดความอดทนแล้วนะ! บอกมาว่ามึงเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม!”
“บะ บอกไม่ได้ ฮึก อืออ” มันส่ายหน้ายืนกรานที่จะไม่พูด
“โอเค กูไม่ดุมึงล่ะ ไหนบอกกูสิ เกิดอะไรขึ้น มีอะไรที่บอกกูไม่ได้” ต้องพูดดีๆกับมันครับ เหมือนตัวเองกำลังหลอกล่อเด็กยังไงยังงั้น
“กูอยากบอก ฮึก แต่...” มันเบะปากเตรียมจะปล่อยโฮอีกรอบ
“แต่อะไร” ผมยังคงคาดคั้นเอากับมัน ถ้าไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร ผมคงนอนไม่หลับแน่ๆ
“ถ้ากูพูด...ฮึก มึง...มึงต้องไม่เกลียดกูนะ” มันดูหวาดกลัวที่จะพูดมากๆ
“อืม กูไม่เกลียดมึงหรอก พูดมาสิ”
“จะไม่เลิกคบกูด้วยนะ” มันร้องขออย่างน่าสงสาร
“ครับ”
“กู...กูขอโทษ กูรักมึง”
“...!!!”
“ฮือออ กูรักมึง อย่าเกลียดกูนะ กูขอโทษกูไม่ได้ตั้งใจ”
บอกผมทีว่ามันไม่จริง!!!
.............................
# เอาแล้วไงล่ะ เป็นไงหนูมิน อยากรู้นัก นอนไม่หลับยิ่งกว่าเก่าอีก 5555

# อยู่กับแม่มีความสุขกันแล้ว ก็อ่านนิยายอย่างมีความสุขด้วยเนอะๆ
