♣Maybe...รักนี้อาจเป็นนาย♣
บทที่ 30
Forgive me my weakness, but I don't know why.
ผมเดินลงมาจากห้องนอน รู้สึกว่าตัวเองยังเมาขี้ตาอยู่เลย ตื่นมาแล้วไม่เจอแมทผมก็เลยเดินลงมาข้างล่างเพราะท้องร้อง แมทนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น ฟังออกหรือไงกัน แต่ช่างเถอะ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน บ้านจะได้ไม่เงียบจนเกินไป
“ง่วงก็ขึ้นไปนอนต่อไป ตื่นลงมาทำไม” แมทลูบหัวผมที่ทิ้งลงบนตักแมทเบาๆ ผมส่ายหน้าช้าๆก่อนจะหลับตาลงและหลับไปอีกรอบ เมื่อคืนกว่าจะได้หลับก็เข้าเช้าวันใหม่เข้าไปแล้ว
เพราะอะไรนะเหรอ พี่ปืนพยายามจะลากผมไปนอนด้วยให้ได้ ส่วนแมทก็ไม่ยอม เถียงกันไปเถียงกันมา สุดท้ายพี่ปืนก็ยอมกระแทกเท้าเดินเข้าห้องนอนรับแขกไปแบบงอนๆ
ตื่นมาอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงคนคุยกัน เป็นเสียงเบาๆ แต่ก็พอจะจับน้ำเสียงได้ว่าคนสองคนกำลังเถียงกันอยู่ และถ้าทำไม่ผิด ตอนนี้ในบ้านมีแค่ผม แมท และ...พี่ปืน
“มึงจะลุกไหม” เสียงนี้เป็นเสียงพี่ปืนครับ
“กูลุกต้นหอมมันก็หล่นสิ โง่หรือไงมึง” นี่เสียงแมทแน่นอน ใกล้ซะขนาดนี้
“มึงจะกวนตีนกูอีกนานไหมวะ!” พี่ปืนขึ้นเสียงหน่อยๆ แต่ก็ปรับเสียงให้ต่ำลงเมื่อแมทส่งเสียงชู่เบาๆ แปลว่าอย่าเสียงดัง จากนั้นก็มีมือมาลูบที่หัวผมช้าเป็นการกล่อม
อยากจะบอกเหลือเกินว่าไม่ต้องกล่อมแล้ว เถียงกันขนาดนี้คงจะหลับต่อลงหรอกนะ -_-!
“มึงจะเสียงดังทำไมวะ เดี๋ยวต้นหอมตื่น” แมทตำหนิพี่ปืน ผมนอนหลับตาฟังสองคนเถียงกันไปมา ก็สนุกดีนะครับ แต่ให้แค่เถียงนะ อย่าต่อยกันเป็นพอ ><
เพราะแรงและขนาดตัวของสองคนนี้ผมคงห้ามไม่ไหวจริงๆ
“มึงอย่าให้กูหมดความอดทนนะ ทีใครทีมันมึง” เสียงพูดจบลงตามมาด้วยเสียงเท้ากระแทกพื้น พี่ปืนคงออกไปจากห้องนั่งเล่นแล้ว
ผมค่อยๆลืมตาขึ้น กระพริบตาอยู่สองตามทีเพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสง แมทก้มมองผมยิ้มๆ ผมเองก็ยิ้มให้ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง
“นอนสบายไหม” แมทถาม
“สบายมากกกก”
“แต่พี่เมื่อยขาโครต” แมทหุบยิ้มฉับ ผมหันไปค้อนวงโตก่อนจะทุบไปที่ต้นขาแมทหลายๆที
“นวดให้แล้ว หายกัน!” แค่นี้ทำมาเป็นบ่น โธ่เอ้ย ลูกผู้ชายซะเปล่า
ผมลุกเดินขึ้นห้องนอนไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าหนาๆ แต่พอเปิดประตูห้องจะลงไปข้างล่างก็เจอพี่ปืนยืนจังก้าทำหน้าโหดอยู่หน้าห้อง แมทไปไหนเนี่ย รีบมาช่วยน้องเร็ว! จะโดนฆ่าหมกห้องหรือเปล่าก็ไม่รู้
ฮืออ น่ากลัว T^T
“ต้นหอม” พี่ปืนเดินเข้ามาหาผมเรื่อย ผมเลยต้องเดินถอยหลังกลับเข้าห้องไปเรื่อยๆ
“คะ ครับ” ผมตอบรักตะกุกตะกัก ยื่มมือไปดันตัวพี่เขาไว้ไม่ให้เดินเข้ามาใกล้มากไปกว่านี้ ดวงตาเยวยาวจับจ้องผมไม่วางตา แฝงไปด้วยความจริงจังและดุดัน ผมหันไปมองทางอื่นไม่กล้าสบตา ยิ่งมองหัวใจก็ยิ่งเต้นแรง
แรงจนหน้ากลัว
“เมื่อไหร่จะหายงอน พี่ง้อแล้วไง” ไม่มีท่าทีเล่นๆเลยสักนิด ผมหลุบตาต่ำ จะบอกยังไง ผมน่ะไม่ได้โกรธพี่ปืนเขาแล้ว แค่พี่ตามมาหาถึงนี่ ความขุนเคืองทุกอย่างก็หายไปหมด แต่พี่ผมโกรธคือโกรธตัวเองมากกว่าที่ใจไม่แข็งพอ และผมก็แค่อยากให้พี่ปืนรู้ว่าผมไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
จริงอยู่ที่ว่าผมชอบพี่ปืนก่อน เป็นคนตามจีบตามตื้อให้พี่ปืนคบด้วย ผมเริ่มก่อนเองทั้งนั้น แต่เมื่อวันนี้เวลานี้ ผมคิดว่าเราใจตรงกัน ผมก็อยากจะรับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่าย อยากรู้ว่าผมสำคัญกับเขาขนาดไหน รักมากไหม ถ้าพี่ปืนและผมคิดเหมือนกัน ผมก็อยากจะเป็นคนสำคัญที่สุดเหมือนที่พี่ปืนเป็นเช่นกัน ก็แค่นั้น
ผมก็แค่อยากรู้ว่าตอนนี้เราเดินด้วยกัน ไม่ได้มีใครคนใดคนหนึ่งเดินตามหน้าหรือถอยหลัง ก็เท่านั้นเอง
“ผมไม่ได้งอนเสียหน่อย”
“แต่ก็ไม่ยอมคุยกันดีๆ เมื่อคืนก็ให้พี่นอนคนเดียว” พี่ปืนทำหน้าบึ้ง ผมกลั้นยิ้มเอาไว้ ไม่บ่อยหรอกที่จะเห็นพี่ปืนทำสีหน้าอื่นๆ
แล้วนี่จะขยับเข้ามาใกล้อีกทำไมเนี่ย จะรวมร่างกันได้อยู่แล้วนะ
“ใจร้ายเกินไปแล้วนะ” พี่ปืนตัดพ้อ
“ใครกันแน่ที่ใจร้าย ต้นหอมหรือพี่” ผมแกล้งตีหน้าขรึม ยกมือขึ้นกอดอก
“พี่ก็ขอโทษแล้วไง” พี่ปืนว่าเสียงเบาเหมือนเด็กทำความผิด แต่ก็ไม่ยอมหยุดเดินเข้าหาผม นี่ตัวผมจะติดผนังแล้วนะ!
“ละ ลงไปข้างล่างกันเถอะครับ” ผมรีบปลีกตัวออกมาจากห้อง อันตรายเกินไปถ้าต้องอยู่กันสองคน ยิ่งพี่ปืนทำหน้าหงอยเดินตามต้อยๆแบบนี้ ผมนี่อยากจะหันไปกระโดดกอดให้แน่นเสียจริงๆ
แต่ไม่ได้ ตอนนี้ยังเร็วเกินไป ผมต้องอดทนให้มากกว่านี้
“แมท~”
เกาะติดแมทไว้ก่อนครับ ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมสู้รบกับพี่ปืน ถ้าลองพี่แกมาออดอ้อนอีกสักหน่อย ผมจะต้องยอมหมดทุกอย่างไม่มีเหลือแน่ๆ เบื่อตัวเองจริงๆครับ คนอะไรช่างใจง่ายเสียจริง =_=^!
“มีอะไร” แมทเลิกคิ้วถาม ผมส่ายหน้าทันที
“เปล่าหรอก นี่ๆ ไปเที่ยวกันเถอะ ขี้เกียจอยู่บ้านอ่ะ”
หางตาผมแอบเห็นพี่ปืนลงมาจากบ้าน จากนั้นก็เดินกลับเข้ามานั่งในห้องนั่งเล่น ผมกับแมทนั่งบนโซฟาตัวยาว ส่วนพี่ปืนนั่งที่โซฟาตัวเดียว นั่งลงปุ๊บพี่เขาก็เอาแต่จ้องผมไม่พูดไม่จา แมทเองก็มองพี่ปืนเหมือนกัน แอบเห็นแมทกระตุกยิ้มที่มุมปาก นี่ถ้าพี่ปืนน็อตรุดขึ้นมาผมไม่ช่วยนะ อยากหาเรื่องเองทำไม
ผมยังจำวันที่พี่ปืนกระทืบไอ้พี่เฟรมครั้งก่อน ผมยังสยองไม่หาย นี่ขนาดผมมีสติบ้างไม่มีสติบ้างยังจำได้ขนาดนี้ อีกอย่าง หลังจากวันนั้นพี่เวฟเคยเล่าให้ฟังว่าพี่ปืนซัดกับไอ้พี่เฟรมไปอีกหน แต่พี่ปืนเขาไม่ได้บอกอะไรผมเลยไม่ถาม เพราะในใจก็คิดว่าดีเหมือนกัน ไอ้พี่เฟรมมันจะได้ไม่ต้องมายุ่งกันผม
แล้วก็จริงกับ มันหายไปไม่กลับมาให้ผมเห็นอีกเลย
“เออ ว่าจะถามตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ไอ้หมอนี่มันเป็นใคร” แมทหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดก่อนจะส่งรูปที่ผมถ่ายคู่กับพี่เซนตอนไปเดินเที่ยวมาให้ดู ผมร้องอ๋อก่อนจะบอก
“พี่เซน เขาเป็นเจ้าของร้านขนมที่อยู่ข้างๆออฟฟิศพ่อ พอดีวันที่ผมแวะไปเล่นที่ออฟฟิศพ่อ ผมก็แวะไปกินขนม พี่เขาเห็นว่าต้นหอมยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนก็เลยอาสาพาไปเที่ยว แค่นี้แหละ” ต้องเล่าให้กระจ่างไว้ก่อนครับ ไม่งั้นแมทจะถามซักไซ้ไม่หยุด และดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแมทคนเดียวที่ให้ความสนใจเรื่องของพี่เซน แต่ยังมีพี่ปืนอีกคน
ผมเห็นพี่เขาขมวดคิ้วตอนผมเล่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะลงรูปให้พี่ปืนเห็น แต่ว่าผมว่างจนไม่มีอะไรทำเลยลงรูปเล่นๆแค่นั้น
แต่ท่าทางแบบนีเขาเรียกว่าหึงหรือเปล่านะ >//<
“อืม แล้วตกลงจะไปเที่ยวไหน” แมทถาม ผมนิ่งคิด สายตาคอยมองพี่ปืนเป็นระยะๆ
“ไปสวนลุกชอมบูกร์ น้องอยากไป”
ที่นี่เป็นสวนสาธารณะที่เขาว่ากันว่าสวยงามมากๆ มาถึงที่แล้วผมก็อยากจะไปเที่ยวดูสักครั้ง
“อืม ก็ได้ งั้นรอก่อน ขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแปบ” แมทลุกขึ้นเดินขึ้นห้องไป ห้องนั่งเล่นก็เลยเหลือแค่ผมกับพี่ปืนสองคน พี่ปืนย้ายมานั่งข้างๆผม ผมมองรายการอะไรสักอย่างในทีวีอย่างจดจ่อ ราวกับว่าฟังเข้าใจ แต่เปล่าเลย ผมแค่หาที่วางสายตาต่างหาก
“พี่ไปด้วยได้ไหม” พี่ปืนถาม ผมหัวขวับไปมอง ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองสักนิด
เมื่อกี้พี่เขาถามความเห็นผมเหรอ นี่ใช่ตัวจริงหรือเปล่า คนอย่าพี่ปืนถ้าอยากไปใครจะห้ามได้ ไม่มีความจำเป็นต้องขอเลยสักนิด
แต่อย่างว่า พี่ปืนมีความผิดอยู่ จะทำอะไรบุ่มบ่ามก็คงไม่เหมาะ ผมคิดว่างั้นนะ
“ตามใจพี่สิ พี่อยากไปก็ไป” ผมว่า พี่ปืนถอนหายใจออกมา แต่ก็ลุกขึ้นไปบนบ้าน
ผมขอโทษ พี่อย่าเพิ่งหมดความอดทนเลยนะ ผมแค่อยากแน่ใจจริงๆว่าผมก็เป็นคนสำคัญสำหรับพี่เหมือนกัน
หลังจากที่แต่ละคนแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็นั่งรถแท็กซี่มาที่สวนลุกชอมบูกร์ที่ล้อมรอบพระราชวังลุกซอมบูร์ก พี่เซนบอกว่าชาวปารีสคลั่งไคล้สวนสาธารณะใจกลางเมืองแห่งนี้มากๆ
ลานกว้างสุดลูกหูลูกตาเหมาะสำหรับนั่งดูผู้คนเดินไปเดินมา ผมเดินนำไป ผม พี่ปืนและแมท ต่างก็มีกล้องคนล่ะตัว พี่ปืนมาลงมาจากรถก็เหมือนจะลืมผมไปเสียสนิท เดินไปถ่ายรูปนู่นนี่นั่น แทบจะไม่สนใจใครสักนิดนอกจากกล้องในมือ
ถ้าเปรียบผมเป็นเมียหลวง ไอ้กล้องตัวนั้นก็คงเป็นเมียน้อยดีๆนี่เอง! =_=!!!
“ทำหน้าบึ้งๆ ไหนบอกอยากมาไง” แมทพลักหัวผมเบาๆ ก่อนจะกอดคอผมเดินเข้าไปข้างใน เราเดินไปเรื่อยๆจนถึงหน้าพระราชวังลุกซอมบูร์ก เข้าไปเที่ยวชมหนึ่งรอบ ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะดูทั่ว แต่ถือว่าคุ้มค่ามากๆ
ออกมาจากตัวพระราชวังลุกซอมบูร์ก เราก็ไปเดินเล่นรอบๆบริเวณของที่นี่ เมื่อกี้ได้ยินไกด์นำเที่ยวของคณะนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งบอกมาว่า ถ้าในช่วงฤดูร้อน คนปารีสเองชอบนอนอาบแดดรอบทะเลสาบทรงแปดเหลี่ยมหรือไม่แล่นเรือใบลำเล็กในส่วนของหนองน้ำเล่น
แต่ตอนนี้คงไม่มีใครเอาตัวเองออกจาเสื้อโค๊ดตัวหนาที่แสนอบอุ่มมาอาบความเย็นของฤดูหนาวหรอก
กล้องในมือผมที่นานๆจะได้ออกมาทำหน้าที่ของมัน วันนี้ก็ถือว่าคุ้มค่าแหละครับ เพราะผมถ่ายเยอะมากๆ เจอมุมไหนสวยก็ถ่าย และที่สำคัญ ผมแอบถ่ายพี่ปืนด้วย อย่าไปบอกเขานะ เก็บไว้เป็นความลับ
ที่นี่เขาจะมีม้านั่งไว้ให้นั่งหลายจุด เพราะเขาจะไม่อนุญาตให้นั่งบนพื้นหญ้า มันก็ดีอย่างเสียอย่างนะผมว่า แต่ทุกคนก็ดูปฏิบัติตามกฏดี ผมเดินไปนั่งพักที่ม้านั่ง แมทอยู่มุมหนึ่ง พี่ปืนอยู่มุมหนึ่ง ผมยิ้มนิดๆ ถ้าตอนนี้ผมไม่งอนไม่น้อยใจพี่ปืน เราอาจจะมาเที่ยวอย่างมีความสุขมากกว่านี้
แต่ตอนนี้ก็มีความสุขนะ เห็นพี่ปืนแบบนี้ก็ขำดีเหมือนกัน แต่ก็แอบกังวว่าพี่ปืนจะอดทนมากพอหรือเปล่า
“ไปเดินกับพี่ไหม” ไม่รู้พี่ปืนมายืนอยู่ตรงหน้าผมตั้งแต่เมื่อไหร่ มือแกร่งที่ยื่นมา ผมมองอย่างชั่งใจ
“ก็เดินด้วยกันอยู่นี่ครับ” ผมทำหน้ามึน ส่วนพี่ปืนก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ
“พี่อยากเดินแค่สองคน” ความหมายก็คือ ไม่อยากให้พี่แมทอยู่ด้วยนั่นเอง แต่เรื่องอะไรล่ะ แมทเป็นตัวช่วยของผมน่ะ
ผมไม่ตอบ แต่เดินไปหาแมทแทน หันกลับไปมองก็เห็นพี่ปืนกำลังยืนโมโหผมอยู่ ผมใจเสีย นี่ผมแกล้งพี่เขามากเกินไปหรือเปล่า ผมกลัวพี่เขาโกรธอ่ะ
แมทก็เหมือนจะรู้ว่าผมคิดว่าอะไร ปลอบเบาๆว่าไม่เป็นไร ทนอีกนิด ผมพยักหน้ารับเบาๆอนจะเดินไปดูจุดอื่นบ้าง จิตใจแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย อยากหันไปมองด้านหลังว่าพี่ปืนทำหน้ายังไงอยู่
กว่าสองชั่วโมงที่ผมเกาะติดแมทไม่ยอมให้พี่ปืนเข้าใกล้ พี่ปืนก็เว้นระยะห่าง แต่ยังคงจับจองมาที่ผมตลอดเวลา
“แปบนะ เดี๋ยวมา” แมทที่ยืนจ้องโทรศัพท์ตาเขม่งหันมาบอกผม
“ใครโทรมาเหรอ” ผมถาม
“เพื่อนน่ะ” แมทว่า ผมเลยปล่อยให้แมทไปคุยกับเพื่อนก่อน ส่วนตัวผมก็หาที่นั่ง แล้วนี่พี่ปืนหายไปไหนแล้วล่ะ เมื่อกี้ยังเดินตามอยู่เลย
“เอ่อ...Excuse me, Are you Thai.” นั่งอยู่คนเดียวดีๆก็มีคนมาทักผม ผมเงยหน้ามองงๆ ก่อนจะพยักหน้า
“Yes, I’m Thai” อีกฝ่ายยิ้มกว้าง ทิ้งตัวลงนั่งข้างผมโดยไม่ถามความยินยอมของผมเสียก่อน
“ดีจังเลยครับ มาเที่ยวเหรอครับ”
“ครับ” ผมตอบสั้นๆ
“แล้วมาคนเดียวหรือมากับใครเหรอครับ ผมก็มาคนเดียว เราไปเที่ยวด้วยกันไหม” เขาเอ่ยชวนอย่างมีน้ำใจ ผมว่าผมดูออกว่าเขาต้องการอะไร กำลังจะปฏิเสธแต่มีเสียงใครบางคนแทรกเข้ามาก่อน
“ไม่ นี่แฟนกู มึงรีบไสหัวไปเลยนะ!” พี่ปืนตวาดใส่ผู้ชายที่นั่งข้างผมเสียงดัง ผมรีบหันมองรอบข้างกลัวว่าจะมีใครหันมามองหรือเปล่า
“เอ่อ แฟนเหรอครับ” ผมหันมาถามผม ผมพยักหน้ารับ
“รู้แล้วก็รีบไปก่อนที่กูจะโมโห!”
เอาล่ะ พี่ปืนน็อตหลุดเต็มขั้นแล้ว แล้วอย่างต่อไปที่จะหลุดก็คือหัวผม
“เอ่อ ครับๆ ขอโทษครับ” ผู้ชายคนนั้นรีบเดินออกไปจากบริเวณ มองตามไปก็เห็นเขาเดินไปหาเพื่อนกลุ่มใหญ่ที่อยู่อีกมุมหนึ่ง ในบอกว่ามาคนเดียวไง
“มานี่เลยไอ้ตัวดี!” พี่ปืนดึงแขนผมอย่างแรง จนตัวผมเซลุกขึ้นจากม้านั่ง ผมตกใจมาก พี่ปืนไม่เคยทำผมแรงๆแบบนี้มาก่อน
“พี่ปืน เจ็บ” ผมร้องบอก
“เจ็บเหรอ ที่กับฉันนี่ไม่อยากคุย ไปอยากอยู่ด้วย ที่กลับผู้ชายคนอื่นนี่คุยได้ ทำไม หรือว่าเบื่อฉันแล้ว!!”
“ไม่ใช่นะ!”
มันเริ่มไม่สนุกแล้ว พี่ปืนเปลี่ยนคำเรียกแทนตัวเอง แถมใบหน้าก็มองอย่างโกรธจัด ผมไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้เลยสักนิด
“ไม่ใช่แล้วไง ก็เห็นอยู่ทนโท่!” พี่ปืนตวาดใส่ผม ผมสะดุ้ง น้ำตาแทบร่วง
“...” ได้แต่เม้มปากไม่กล้าพูดอะไรออกไป
“ดี แล้วเดี๋ยวจะได้เห็นดีกัน!”
“พี่ปืน ปล่อยผมนะ ผมเจ็บ!” พี่เขาปืนบีบแขนผมแรงมากอ่ะ ผมไม่กล้าบิดมือตัวเองออกเพราะมันจะต้องเจ็บมากกว่าเดิมแน่ๆ
“ฉันจะไม่ทนแล้วนะ บอกก่อนเลย!!!” พี่ปืนตวาดกร้าว คนรอบข้างหันมามองกันอย่างสนอกสนใจ แต่ดีที่พี่ปืนพูดภาษาไทยเลยไม่มีใครเข้าใจกัน
“ทนอะไร ปล่อยผมเถอะ ไม่โกรธแล้วก็ได้” ผมยอมลงให้ก่อน เพราะกลัวพี่ปืนมากเลยตอนนี้อ่ะ
“หึ สายไปแล้วเด็กน้อย วันนี้นายโดนดีแน่ๆ” พี่ปืนหยุดเดิน ก้มหน้าลงมาจนจมูกโด่งๆของพี่ปืนชนกับปลายจมูกผม
เอาล่ะ ถ้าผมไม่ตายวันนี้ก็ไม่รู้จะตายวันไหนอีกแล้ว
“ไม่นะพี่ปืน พี่จะพาผมไม่ไหน!” ผมโวยวาย พยายามจะมองหาแมทว่าอยู่แถวนี้หรือเปล่า แต่ก็ไม่มีวี่แววแม้แต่น้อย อะไรกัน ห่วงคุยโทรศัพท์มากกว่าน้องใช่ไหม!
เดี๋ยวกลับไปจะไล่ออกจากบ้านเลยไอ้พี่บ้า!!!
“รู้ไหม ว่าเด็กดื้อจะต้องถูกลงโทษยังไงบ้าง เตรียมตัวเตรียใจไว้ได้เลยที่รัก”
ไม่เอา ผมไม่อยากเป็นที่รักแล้ว
พ่อจ๋าแม่จ๋า ช่วยหนูด้วยยยย!!!
สุดท้ายก็ไม่มีใครช่วยผมได้ พี่ปืนลากผมขึ้นแท็กซี่ตรงกลับบ้านได้สำเร็จโดยไม่มีใครห้ามและห้ามได้ จ่ายเงินค่ารถเสร็จพี่ปืนก็ลากผมเข้ามาในบ้าน
“พี่ปืนจะทำอะไร” ผมถามเสียงสั่นเพราะความตกใจ
“ทำอะไร ทำให้นายเชื่องมั้ง!” พี่ปืนตอบกลับอย่างใส่อารมณ์
อยากจะบอกจังเลยว่าไม่ต้องทำหรอก แค่นี้ก็เชื่องจะตายอยุ่แล้ว =_=^
ตัวผมถูกดันจนหลังชนประตูบ้านก่อนมือทั้งสองข้างจะถูกตรึงไว้กับประตู ถ้าปากว่างผมก็อยากจะห้ามการกระทำอันอุกอาจของพี่ปืนอยู่หรอกนะ แต่ว่าปากผมถูกปากพี่ปืนปิดไว้เนี่ยสิ ผมจะทำยังไงดี
ริมฝีปากของผมถูกพี่ปืนเล็มเลียเหมือนกำลังละเลียดกินไอศกรีม ก่อนที่ลิ้นอุ่นๆ จะแทรกเข้ามาในปากเพื่อกอบโกยเอาความหวานไปเก็บไว้แต่เพียงผู้เดียว
แข้งขาผมอ่อนแรงไปหมด รสจูบที่ทั้งรุนแรงสลับยั่วยวน เร้าร้อนปนความอ่อนหวาน เรียกได้ว่าพี่ปืนงัดเอาทุกไม้ตายออกมาเพื่อลงโทษผมโดยเฉพาะ
“อื้ออ พะ...” ผมจะบอกว่าให้พอเพราะหายใจไม่ออก แต่พี่ปืนไม่สนใจเสียงทัดทานของผมเลย เอาแต่จูบผมลูกเดียว ผมก็เคลิ้มอยู่หรอก แต่ช่วยเว้นให้หายใจกันบ้าง เดี๋ยวขาดอากาศตาย
“พะ พี่จะ..จูบผมให้ตายเลยหรือไง!” เป็นนานกว่าพีเขาจะถอนริมฝีปากออก พูดได้ผมก็เลยต้องรีบพูด พูดไปก็สำลักอากาศไป ทุเรศตัวเองจริงๆ
“ไม่ได้จูบให้ตาย นายตายไปแล้วฉันจะจูบใคร”
เอิ่ม...ไปไม่เป็นเลยผม
พรึบ!
“เฮ้ย! ทำอะไรอ่ะพี่ปืน!” ผมร้องโวยเสียงหลง อยู่ดีๆพี่ปืนก็จับผมพาดบ่าแล้วก็เดินขึ้นชั้นสอง เออดี ไม่ประเจิดประเจ้อ...ใช่ที่ไหนกันเล่า!
พอผมดิ้นพี่ปืนก็ตีที่ก้นผมดังเพี๊ยะ ทีนี้ล่ะน้ำตาเล็ดจริง เจ็บอ่ะ ฮืออออT^T
“พี่ตีผมทำไมอ่ะ”
“ตีเด็กดื้อ!” พี่ปืนพูดเหวี่ยงๆ เปิดประตูห้องนอนผมก่อนจะโยนผมลงบนเตียงไม่แรงมากนักเลยไม่เจ็บ แล้วก็หันหลังเดินกลับไปที่ประตูก่อนจะกดล็อค
ล็อคทำไม!?
ดูท่าสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ คงไม่ปลอดภัยถ้าผมยังอยู่บนเตียง กระเถิบๆตัวลงจากเตียงอีกฝั่ง แต่ขาผมถูกดึงไว้แล้วลากให้เข้าไปหาพี่ปืน กลายเป็นว่าตอนนี้ผมนอนคว่ำลงกับที่นอน
“พี่ปืน หนัก!” ตัวใหญ่กว่าผมตั้งเยอะยังจะมานอนทับผมอีก
“ทำไมเดี๋ยวนี้ดื้อนักนะ”
ผมดื้อมาตั้งนานแล้วเถอะ แต่แค่เก็บอาการเท่านั้นหรอก
“ผมก็เป็นอย่างนี้แหละ พี่ไม่พอใจก็เรื่องของพี่สิ” ปากเก่งไปก่อนครับ แต่ในใจนี่อีกเรื่องหนึ่งเลย
งับ!
“เจ็บนะ!”
กัดเข้ามาได้ที่หลังคอผม จะพลิกตัวหนีก็พลิกไม่ได้ พี่ปืนทั้งกัดทั้งขบเม้มไปทั่วบริเวณด้านหลังขอผม
“อ่ะ...พี่ปืน ผมหนัก” ตอนนี้อะไรก็ได้ครับ แต่ไม่ไหวแล้ว ตัวจะแบน!
“เรียกแทนตัวเองว่าหนูก่อนสิ แล้วจะลุก”
ห๊า!!!
“ไม่เอา” น่าอายจะตายไป ผมแค่แทนเวลาอยู่กับพ่อแม่บางครั้งเท่านั้น แล้วแต่อารมณ์ แต่กับคนอื่นผมยังไม่เคยแทนตัวเองว่าหนูเลยนะ ไม่เอาหรอก
“งั้นเหรอ” พี่ปืนพูดว่างั้นก่อนจะลุกออกจากตัวผม ผมทั้งถอดเสื้อโค้ทออกให้ด้วย ดีเหมือนกัน ก็ว่าทำไมอึดอัด ตอนนี้ผมเหลือแค่กางเกงยีนส์แล้วก็เมื้อแขนยาวผ้าหนาติดตัว
เฮ้อ ค่อยยังชั่วหน่อย รู้สึกโล่งขึ้นเยอะ แต่ยังไม่ทันได้หายใจหายคอ พี่ปืนก็พลิกตัวผมนอนหงาย แล้วถลกเสื้อที่ผมใส่อยู่ออกทั้งที ผมก็ได้แต่อึ้งนอนอ้าปากค้างมองพี่ปืนชำแระผม
“อย่านะ!” พี่เขาทำท่าจะแกะกระดุมกางเกงผม ผมก็ดิ้นหนีสิ จะอยู่เฉยๆทำไม
“อยู่เฉยๆ อย่าให้ฉันใช้กำลังนะ” พี่ปืนพูดขู่
“แล้วพี่จะถอดกางเกงผมทำไมล่ะ” หวิวเลยครับ เหลือแต่กางเกง
“แทนตัวเองว่าหนูสิ” พี่ปืนยังคงจะให้ผมเรียกแทนตัวเองว่าหนูให้ได้
“ทีพี่ปืนยังแทนตัวเองว่าฉันเลย” ผมย้อนบ้าง ไม่ได้ดูตัวเองเลยว่าไม่มีอะไรจะไปต่อรองกับพี่ปืนเขา มือซนๆของพี่ปืนลูบที่สีข้างผมแผ่วเบาๆ ผมสะดุ้งโหยง กัดฟันกั้นเสียงคราง
“ก็อย่าดื้อกับพี่สิครับ” ร่างหนาๆของพี่ปืนเคลื่อนขึ้นมาจนใบหน้าพี่เขาเสมอกับผม
“พี่...” คำพูดของผมก็ถูกกลืนหายลงไปในลำคอเมื่อริมฝีปากร้อนๆจูบผมอีกครั้ง
จูบซ้ำๆ บดเบียดความหอมหวานไปทั่วโพรงปากอย่างเชี่ยวชาญ ผมเหมือนเป็นก้อนน้ำตาลที่กำลังละลายเพราะจูบที่เร่าร้อนนี่ นี่ผมเป็นอะไรไป ทำไมถึงรู้สึกต้องการมากๆขึ้นแหละมากขึ้นไปอีก พอพี่ปืนละริมฝีปากออกผมก็เด้งตัวเข้าหาอย่างลืมตัว ได้ยินเสียงพี่ปืนหัวเราะเบาๆ แต่ผมไม่อยากสนใจอะไรแล้ว ผมอยากได้...จูบ
“ใจเย็นสิเด็กดื้อ” พี่ปืนเอ็ดขำๆก่อนจะพรมจูบที่ใบหน้าและเลื่อนลงมาที่คอ ผมสะดุ้งเมื่อคอถูกขบเม้มและดูดอย่างแรงจนแสบสะท้าน สันจมูกโด่งซุกไซ้และสูดดมกลิ่นกายเข้าปอดก่อนมือเย็นๆจะลูบไล้ปลุกเร้าอารมณ์บนตัวผม ผมแหงนหน้าขึ้นสูงก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเพราะผมรู้สึกว่าหายใจไม่ทั่วท้อง
และไม่รู้เมื่อไหร่ที่ตัวผมไม่เหลืออะไรติดตัวแม้แต่ชิ้นเดียว โดยที่อีกฝ่ายยังมีเสื้อและกางเกงครบ ขาดแต่เสื้อโค๊ตตัวใหญ่ที่หลุดออกไปตั้งนานแล้ว
“อ๊ะ!” ผมหลุดครางออกมาอย่างน่าอายเมื่อพี่ปืนใช้นิ้วสะกิดที่หัวนมผมเบาๆข้างหนึ่ง อีกข้างก็ใช้ปากทั้งเลียทั้งขบเม้ม จากเบาๆเริ่มหนักขึ้น ตัวผมร้อนวูบวาบในหัวสมองขาวโพลนไปหมด ได้แต่ปล่อยให้พี่ปืนสัมผัสจับต้องอย่างที่ไม่อาจห้ามปรามได้
พี่ปืนค่อยๆละหน้าจากหน้าอกก่อนจะจูบไล่ลงมาจนถึงสะดือ กดจูบลงบริเวณนั้นย้ำๆ ผมเกร็งท้องแขม่วด้วยความเสียว บางอย่างของผมตื่นตัวจนรู้สึกเจ็บและทุกข์ทรมาน ความรู้สึกบอกกับผมว่าผมต้องปลดปล่อยมัน ผมยกหัวขึ้นมอง ภาพตรงหน้าทำเอาผมอยากจะแทรกแผ่นดินหนี พี่ปืนเงยหน้าสบตาผม ริมฝีปากคลี่ยิ้มอย่างพอใจก่อนจะใช้มือประคองน้องชายตัวเล็กๆของผมไว้ในมือ
“อ๊ะ อ๊า!” ผมครางเสียงกระเส่า มือหนาขยับเบาๆ ผมเสียวจี๊ดไปถึงสมอง อ้าปากหายใจหอบเพราะรู้สึกหายใจหายคอไม่ทัน ยิ่งพี่ปืนเร่งเร้ามากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งจะขาดใจตายเสียให้ได้ มันทั้งทรมานทั้งรู้สึกสุขสมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ดีไหม” เสียงเข้มถามกระซิบข้างหู ผมนิ่งเงียบไม่ต้องเพราะอาย แค่นี้ก็อายจะแย่
ความเสียวซ่านวิ่งพล่านไปทั่วร่าง และสูงขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะแตะขีดสูงสุด แต่พี่ปืนดันหยุดมือเสียก่อน
“พี่...” ผมเรียกพี่ปืนเสียงระโหย ร่างกายไร้เรี่ยวแรง ส่งสายตาอ้อนวอนให้พี่ปืนช่วยผมที แต่พี่เขากลับลุกออกจากเตียงไปยืนมองผมนิ่ง อายก็อายแต่ผมไม่มีแรงจะคว้าอะไรมาปิดตัวเอง คือผมไม่ได้ต้องการอะไรแบบนั้น แต่ผมไม่อยากทรมาน
“อย่าไป...” พี่ปืนทำท่าจะเดินออกจากห้อง ผมผุดลุกขึ้นนั่งทันที น้ำตาค่อยๆไหลออกมาเพราะร่างกายยังไม่ได้ปลดปล่อย ร่างกายร้อนรุ่มไปหมด
“ไม่ให้พี่ไป ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่อยากให้พี่อยู่เนี่ยนะ”
อารมณ์ไหนของพี่ปืนกันนะ มันใช่เวลาไหมเนี่ย ฮือออ ผมทรมานจะตายอยู่แล้ว ผมลากผ้าห่มมาคลุมท่อนล่างไว้กันอนาจารก่อนจะลุกไปหาพี่ปืน รู้สึกหน่วงๆที่ท้องน้อยจนเดินลำบาก
“ใครบอกไม่อยากให้อยู่” ผมกอดพี่ปืน แต่พี่เขาไม่กอดตอบ
“แล้วที่ไม่คุยกับพี่มันหมายความว่ายังไง พี่เข้าใกล้ก็หนี” ผมก้มหน้าไม่กล้าสบตาดุๆของพี่ปืน
“พี่ปืน ผมเจ็บ ช่วยผมหน่อย” ผมร้องขอเหมือนคนหน้าไม่อาย แต่ผมทนไม่ไหวแล้วจริงๆ
“...” แต่พี่ปืนยังนิ่ง ผมเงยหน้าสบตาก่อนจะตัดสินใจอะไรบางอย่าง
“แมท!!!” ผมตะโกนเรียกชื่อแมทดังลั่นบ้าน ไม่รู้กลับมาหรือยัง แต่เรียกไว้ก่อน
“เรียกมันทำไม!!!” พี่ปืนจับตัวผมเขย่าไปมา
“ก็พี่ไม่ช่วยผม ผมไปให้แมทช่วยก็ได้!” ผมว่าประชด พี่ปืนกัดกรามแน่นด้วยความโมโห และคราวนี้เป็นอีกครั้งที่ผมคิดผิดที่ไปยั่วอารมณ์โมโหของพี่ปืน เพราะหลังจากนั้นพี่ปืนก็ทรมานผมหนักกว่าเก่า จับผมทุ่มลงเตียง ประกบจูบอย่างรุนแรง ลูบไล้ร่างกายผมทุกพื้นที่ อากาศหนาวเย็นแต่ผมกลับเหงื่อออกชุ่มไปทั้งตัว
มือหนาช่วยปลดปล่อยให้ผมไปถึงปลายทาง แต่พี่ปืนไม่หยุดอยู่แค่นั้น ยังสัมผัสผมอย่างต่อเนื่อง พี่เขาเล่นกับร่างกายผมทุกอย่างยกเว้นอย่างเดียวคือพี่เขาไม่ได้เข้ามาในตัวผม ผมได้แต่นอนตัวล้อนจ่อนให้พี่ปืนแสดงความเป็นเจ้าของอย่างเต็มที่ อารมณ์พุ่งขึ้นสูงและดิ่งต่ำลงจนเสียวหวิวไปทั้งร่างหลายต่อหลายครั้ง
“จำไว้ ว่าถ้าดื้อจะต้องเจอแบบนี้ อยู่กับพี่อย่านึกถึงผู้ชายคนอื่น เข้าใจไหมครับ”
จนพี่ปืนพอใจถึงได้หยุด
“แฮกๆ” ผมนอนหอบพิงอกพี่ปืนโดยมีพี่ปืนกอดไว้ข้างหลัง รู้สึกเพลียจนอยากจะหลับ
“อย่าทำกับพี่แบบนี้อีกนะ พี่ไม่ชอบ อย่าเมินพี่ หายโกรธพี่ได้ไหมครับ” เสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยนทำให้ผมใจอ่อนยวบ พี่ปืนจูบที่หน้าผากผมเบาๆ รู้สึกอบอุ่นไปทั้งใจ
“ผมไม่ได้โกรธพี่หรอกนะ ไม่ได้งอนด้วย ผมก็แค่น้อยใจ บางทีผมอาจจะไม่สำคัญมากพอที่พี่จะนึกถึง ช่วงเวลาที่พี่ไม่ยอมแม้แต่จะรับสายผม รู้ไหมว่าผมเจ็บแค่ไหน ถึงเรื่องมันจะผ่านมาแล้ว แต่แค่นึกถึงผมก็รู้สึกแย่ขึ้นมาอีก พี่ปืนคิดว่าผมควรจะทำยังไงดี”
ผมบอกความในใจออกไปทั้งหมด มันก็แค่ความน้อยใจเท่านั้น ยังไงผมก็รักพี่ปืนมาก มากจนเกินจะถอนตัวแล้ว
“พี่ขอโทษ ต่อไปพี่จะไม่ทำอีกแล้ว พี่สัญญา” พีปืนเอ่ยชิดใบหูผมแล้วก็จูบซับฝังคำพูดบนใบหูผมเบาๆ
“....”
“ยกโทษให้กับความอ่อนแอของพี่ได้ไหม ให้อภัยพี่ได้หรือเปล่า” น้ำเสียงวิงวอนที่ฟังแล้วเศร้าจับใจทำให้ผมใจอ่อน พยักหน้ากับอกพี่ปืน
ยอม...ผมยอมทุกอย่างแล้ว
“หนูง่วง” ผมบอกเบาๆ มือที่ลูบหลังผมหยุดกึก ไม่รู้ว่าพี่ปืนจะทำหน้ายังไง แต่ผมอายโครตๆเลย
“อยากอาบน้ำก่อนไหมครับ” พี่ปืนถามอย่างใจดี ผมส่ายหน้า ไม่ไหวแล้วครับ แรงไม่มี
“หนูอยากนอน” ผมซุกหน้าลงกับหน้าอกพี่ปืน สติค่อยๆเลยเลือนหายทีละนิดๆ
“รักนะครับเด็กดื้อ”
“รักพี่ปืนเหมือนกัน”
อ่านข้างล่างด้วยนะคะ เดี๋ยวตกข่าวสารอะไรๆ