(ต่อ)
“อืม” ผมกดรับสายไอ้เวฟก่อนจะเอนตัวพิงกับราวกระเบียง ลมเย็นๆตอนกลางคืนทำให้รู้สึกเย็นสบายกว่าความเย็นที่ได้จากแอร์ภายในห้อง
[เดี๋ยวคืนนี้พวกกูจะไปที่ Halo มึงจะไปด้วยไหม] เบอร์ที่ขึ้นโชว์เป็นเบอร์ของไอ้เหนือแต่คนพูดกลับเป็นไอ้เวฟ
“ไม่รู้” ผมไม่ค่อยชอบเที่ยวกลางคืนเท่าไหร่ แต่ก็ไปบ้าง ไม่เหมือนไอ้พวกนี้ มันไปแทบทุกวัน
[เฮ้ย! มาดิ ผ่อนคลายซะบ้างมึงอะ ประมาณสักสามทุ่มกว่าๆแล้วกันมึง คืนนี้ยาวๆ] ไอ้เวฟยังคงรบเร้าผมไม่เลิก
“อืม” ตัดรำคาญเลยตกลงไปก่อนจะวางสายแล้วเดินเข้าห้อง
สาเหตุที่ผมไม่ค่อยชอบออกไปเที่ยวกลางคืนเป็นเพราะว่าถ้าผมกลับคอนโดแล้วจะรู้สึกขี้เกียจที่จะออกไปไหนมาไหนก็แค่นั้นแหละไม่มีอะไรมาก อย่างเช่นตอนนี้ที่ผมต้องเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำและแต่งตัวออกไปเจอไอ้พวกนั้น ถ้าผมได้นอนพักอยู่ที่ห้องมันน่าจะดีกว่า แต่ช่างมันเถอะ ไหนๆก็ตกปากรับคำไปแล้ว ออกไปผ่อนคลายบ้างก็ดีเหมือนกัน
กว่าจะถึงเวลานัดผมก็เปิดทีวีดูฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ จนเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น บางทีไอ้พวกนั้นอาจจะโทรมาตาม แต่ผมกลับคิดผิดเมื่อเห็นเบอร์ที่โทรเข้า ผมขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนจะกดรับสาย
“ฮัลโหล”
[พี่ปืนนน มารับผมหน่อยยย] น้ำเสียงยานๆฟังดูแล้วไม่เหมือนปกติ
“ฮัลโหล นี่นาย” ผมพยายามเรียกเขาเพราะเสียงดูอ้อแอ้แปลกๆ
[อึก ปล่อยนะ! พี่ปืนน มารับผมหน่อย ผม...อื้อ! อย่าเข้ามา] คนปลายสายตวาดดังขึ้นก่อนจะมีเสียงคนอื่นแทรกเข้ามา ผมว่ามันเริ่มมีอะไรไม่ถูกต้องแล้วแหละ
“นายอยู่ไหน” ผมถามเสียงเข้ม แค่ฟังดูก็รู้ว่าไอ้นี่คงจะเมาเข้าให้แล้ว ว่าแต่ไอ้งานเฟรชชี่ไนท์นี่มันมีแอลกอฮอล์ด้วยเหรอวะ
[ผม...อยู่หน้าหอปาชุม อึก คณะ เอ้! บอกว่าอย่ายุ่งงายย!]
“รออยู่นั้น อย่าไปไหน”ผมสั่งก่อนจะคว้ากระเป๋าตังค์ กุญแจรถและโทรศัพท์ออกจากห้องทันที เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย แล้วอยู่ๆเมาได้ยังไง
ผมรีบขับรถไปที่มหาวิทยาลัยทันที คอนโดผมก็ใช่ว่าจะใกล้กับมหาวิทยาลัย เลยค่อนข้างใช้เวลาพอสมควร พอเข้ามาในมหาวิทยาลัยแล้วผมก็ขับตรงไปที่คณะอักษรศาสตร์ทันที พอจอดรถได้ผมก็รีบวิ่งไปที่หอประชุมที่อยู่ด้านใน ผมรู้สึกร้อนนุมไปหมด หวังว่าต้นหอมจะไม่เป็นอะไรเพราะเท่าที่ฟังจะโทรศัพท์และคือ...เมา...กับ...ไปมีเรื่องกับใครเข้า
“ต้นหอม!” ผมตะโกนเรียกชื่อคนที่กำลังตามหาเสียงดัง ภาพที่เห็นคือเด็กนั่นกำลังถูกผู้ชายคนหนึ่งยื้อให้เดินตาม ผมรีบปรี่เข้าไปพักไอ้เวรนั่นออกก่อนจะดึงตัวต้มหอมที่ทรงตัวเองไม่ได้มาอยู่ข้างหลัง
“พี่ปืน” เสียงเรียกสั่นนิดๆด้วยความกลัว
“มึงเป็นใคร!” ไอ้หน้าปลาจรวดนั่นชี้หน้าว่าผม บริเวณด้านหน้าหอประชุมมีคนอยู่ไม่กี่คน สงสัยจะอยู่ที่ชั้นสองกันหมดถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
“กูเป็นใครไม่ใช่เรื่องของมึง!” ผมพูดเสียงดัง มันกัดฟันกรอดก่อนจะพุ่งเข้ามาดึงตัวต้นหอม ดีที่ผมไวกว่าเลยถีบมันเข้าให้อีกรอบ ทำให้ไอ้เวนนั่นล้มลงไปกับพื้น ผมจะเข้าไปซัดมันสักทีแต่ติดที่ต้นหอมกอดแขนผมไว้แน่น
“อย่ายุ่งกับคนของกู!” ผมตวาดกร้าว มันมองหน้าผมอย่างโกรธแค้น
“ของมึงเหรอ! ต้นหอม! บอกพี่มาว่าต้นหอมเป็นอะไรกับมัน” ไอ้นั่นหันไปตะโกนใส่ต้นหอมแทน แรงกอดที่แขนผมแน่นขึ้น ต้นหอมตัวสั่นมากกว่าเดิมๆทำให้ผมต้องดึงเข้ามากอดไว้
“ไม่ต้องกลัว” ผมปลอบเบาๆ รู้สึกใจหายกับท่าทางแบบนี้ของต้นหอม
“ต้นหอม พี่บอกให้พูดไง!” ไอ้นั่นยังโวยวายไม่เลิก
“ต้มหอมเป็นแฟนพี่เขา พี่อย่ามายุ่ง!” ไอ้เด็กนี่หันหน้าออกจากอกผมไปตะโกนใส่ไอ้หน้าปลาจรวดนั่น ผมยกยิ้มมุมปากเยาะเย้ยมัน
“กูขอเตือน ไม่ว่ามึงจะเป็นใคร อย่ามายุ่งกับคนของกูอีก ไม่งั้นมึงไม่ตายดีแน่” ผมพูดเสียงแข็งก่อนจะชี้หน้ามันเมื่อมันทำท่าจะเดินเข้ามา
“พี่ไม่ยอมแค่นี้หรอกนะต้มหอม! เราเป็นของพี่ จำไว้!” มันพูดอย่างหัวเสีย ผมไม่สนใจลากเด็กนี่ไปที่รถทันทีด้วยความหงุดหงิด ต้นหอมก็ไม่ยอมปล่อยตัวผม เกาะแน่นยังกะลูกแพนด้า เปิดประตูรถได้ผมก็ยัดต้นหอมเข้าไปนั่งในรถก่อนจะเดินไปขึ้นที่ฝั่งคนขับ
ปัง!
ผมปิดประตูเสียงดังทำเอาคนในรถสะดุ้ง ผมขับรถออกโดยไม่พูดอะไร ผมกำลังหงุดหงิดอย่างมาก ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผมขับรถไปเรื่อยๆพลางระงับอารมณ์ตัวเองให้เย็นลง อารมณ์ร้อนๆที่พุ่งขึ้นตั้งแต่เห็นไอ้เวรนั่นพยายามจะลากต้มหอมแล้ว ยิ่งนึกยิ่งโมโหแบบบอกไม่ถูก นี่ผมเป็นอะไรไปวะ
‘พี่ไม่ยอมแค่นี้หรอกนะต้มหอม! เราเป็นของพี่’
ของมึงเหรอ...ของกูต่างหาก!
“พี่ปืน....พี่โกรธผมเหรอ”
“...”
“พี่โกรธผมเหรอ”
“...” ผมยังคงเงียบกับคำถามที่ได้รับ
“พี่...”
“เงียบ!” ผมดุเข้าให้ ทำให้ต้มหอมสะดุ้งก่อนจะมองผมอย่างตัดพ้อ ผมจัดการเลี้ยวรถจอดที่ข้างทางทันทีก่อนจะระบายลมหายใจออกมา ต้นหอมก้มหน้าไม่เงยหน้ามามองผม ทำท่าเหมือนเด็กทำผิดแล้วถูกจับได้
“ผมขอโทษ” เสียงเบาหวิวดังขึ้น
“เฮ้ออ...ไหนพูดมาสิทำไมเมาแบบนี้” ผมถามอย่างใจเย็น
“ผมไม่ได้เมานะ” แก้มแดงขนาดนี้ยังไม่เรียกว่าเมาแล้วจะให้เรียกว่าอะไรวะ
“ไปเอาเหล้าที่ไหนกิน” ผมไม่คิดว่าในงานจะมีนะ
“รุ่นพี่แกล้ง ผมไม่รู้นี่ว่ามันใส่ลงไปอ่ะ”
ผมส่ายหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน จากที่เจ้าตัวบอกผมครั้งก่อนคือไอ้เด็กนี่มันเพิ่งจะอายุสิบเจ็ด พวกพี่แม่งไม่รู้หรือไงวะ เล่นอะไรกันไม่รู้เรื่องเลย ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะว่าไง
ไม่รู้ว่าตอนนี้สีหน้าผมเป็นแบบไหน แต่มันทำให้คนตัวเล็กหน้าหงอยลงกว่าเดิมอีก
“ช่างเถอะ จะกลับบ้านใช่ไหม” ผมถาม ไหนๆเรื่องก็ผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไป
“ไม่กลับได้ไหม”
“ไม่กลับแล้วจะไปไหน”
“ไปคอนโดพี่...คืนนี้ผมนอนด้วยนะ”
“...”
“พี่ปืน ให้ผมนอนด้วยนะ”
แล้วผมก็ขับรถกลับคอนโด ไอ้เหนือโทรมาตามผมก็ปฏิเสธว่าไม่ไปแล้ว พอมันรู้ว่าผมอยู่กับต้นหอมด้วยก็หว่านล้อมจะให้ผมพาเด็กนี้ไปด้วย แต่ผมหมดอารมณ์จะเที่ยวแล้วเลยกดตัดสายแม่งไปเลย
ผมเพิ่งได้สังเกตุต้นหอมชัดๆเมื่อเข้ามาอยู่ในลิฟต์ ไม่น่าเชื่อว่าเด็กนี่จะดูดีมากๆในชุดสูทสีขาวทั้งตัวแบบนี้ วันที่ไปลองที่ร้าน ผมก็ไม่ได้ใส่ใจดูเท่าไหร่เพราะเหนื่อยและอีกอย่างวันนั้นเขาไม่ได้ผูกเน็คไท แต่วันนี้มันจัดเต็มมากทั้งเสื้อผ้าหน้าผม ตอนเดินเข้าคอนโดนี่มีแต่คนมอง มันเหมือนกับ...เทวดาในชุดสีขาว แต่สงสัยผมจะมองมากไปหน่อย เลยทำให้ต้นหอมหันมามอง
“ผมดูดีไหม” แล้วอยู่ๆก็พูดขึ้น ใบหน้าที่แดงระเรื่อจากฤทธิ์เหล้ายิ้มกริ่ม จนผมเผลอยิ้มตาม
"อืม”
“ดีจังที่พี่ปืนชอบ” แล้วต้นหอมก็หันหน้ากลับมองตรงไปที่ประตูลิฟต์จนประตูเปิดออก ต้นหอมเดินนำออกไป ยิ่งมองจากข้างหลังยิ่งดูดี ผมว่านะ ถ้าเป็นผู้ชายแมนเต็มตัวก็คงมีผู้หญิงเดินตามไม่ยากหรอก ถึงจะตัวเล็กแต่ก็สูงพอประมาณ น่าจะร้อยเจ็ดสิบหน่อยๆได้ ไม่ได้เป็นพวกเล็กแคระแกน
“จะอาบน้ำไหม” ผมถามทันทีที่เข้ามาในห้อง
“ไม่อาว เพิ่งใส่เอง ขอใส่ต่ออีกหน่อย” ต้นหอมพูดยิ้มๆก่อนจะเดินเซไปนั่งที่โซฟา ผมยืนจ้องนิ่งก่อนจะตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง
ถ้าไม่เป็นก็คงต้องสอน…สอนจนกว่าจะเป็น
“หืม พี่ปืนจะดื่มเหรอ เยอะจัง” ต้นหอมถามเมื่อผมวางกระป๋องเบียร์ลงบนโต๊ะโซฟาก่อนจะนั่งลงข้างๆ เสียงการ์ตูนดังมาจากทีวี เป็นแบบนี้ทุกที่ถ้าเด็กนี่มาที่ห้องผม ดูแต่การ์ตูนกับสารคดี แต่ผมชอบดูหนังมากกว่า เลยหยิบรีโมตเปลี่ยนช่องไปดูซีรี่ย์อเมริกันแทน
“ผมยังดูการ์ตูนอยู่นะ” ทำหน้าขัดใจ แต่ผมไม่สน นี่มันห้องผมผมมีสิทธ์ ผมจัดการเปิดกระป๋องเบียร์แล้วส่งให้ต้นหอม เด็กนั่นดูงงๆ ไม่ยอมรับไป
“รับไปเร็วๆ เมื่อย” ผมว่า
“ไม่เอา ไม่กิน” ต้นหอมส่ายหน้าพัลวัน
“กิน” ผมสั่งอีก
“ไม่” ต้นหอมยังคงไม่ยอม
“ลองกินดู กินให้เป็นจะได้ไม่ไปโดนมอมที่ไหนอีก”
“ผมไม่โดนมอมหรอก” ต้นหอมยังคงเถียงกลับ
“แล้ววันนี้มันอะไร เมาจนจะโดนลากไปอยู่แล้ว” ผมดุ
“ก็มัน...” ยังไม่ยอม
“กินซะ อย่าดื้อ” ผมสั่งเสียงเรียบให้รู้ว่าผมเอาจริงไม่ได้ล้อเล่น มันไม่ขำหรอกครับ ถ้าเกิดวันไหนโดนมอมขึ้นมา คงไม่พ้นตื่นมาอยู่บนเตียงคนอื่นในตอนเช้าแน่ๆ ถึงตอนนั้นจะมานึกเสียใจที่หลังก็ไม่ทันแล้ว สอนให้ดื่มเป็นไว้ก่อนก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร แล้วอีกอย่างเขาว่ากันว่าไอ้พวกนี้มันเป็นน้ำเปลี่ยนนิสัย บางคนกินแล้วบ้าพูดไม่หยุด กินแล้วยั่ว กินแล้วร้องไห้หรือกินแล้วอาละวาด อยากจะรู้ว่าหลังจากที่กินเข้าไปแล้วไอ้เด็กนี่จะเป็นยังไง จะได้รับมือถูก
ต้นหอมยอมรับกระป๋องเบียร์ในมือของผมไปถือ ผมเลยเปิดของตัวเองยกขึ้นดื่ม ตาก็มองไปที่ทีวีไม่ได้สนใจเด็กที่นั่งอยู่ข้างๆ
“อี้ ขมอ่ะ ไม่เห็นอร่อยเลย” ผมหันไปมอง ต้มหอมเบ้หน้าอย่างไม่สบอารมณ์ แต่พอโดนผมจ้องนิ่งๆก็ยกดื่มขึ้นอีก
“กินให้หมดกระป๋องด้วย” ผมสั่งทำให้ต้นหอมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แต่ก็ยอมยกขึ้นดื่มอีกครั้ง
แล้วผมก็นั่งดูหนังไปต่อ หันไปมองเด็กข้างๆบ้างเป็นระยะที่ดูสงบลงแล้ว จากที่ใส่เสื้อผ้าครบชุด ตอนนี้กลับเหลือแต่เสื้อเชิ๊ตที่ปลดกระดุมคอออกกับกางเกง ชายเสื้อก็เอาออกนอกกางเกง
“อึก...หมดแล้วครับ” ต้มหอมบอกเสียงเบา ผมหันไปมอง ตอนนี้หน้ากลมโตปรือหน่อยๆ แต่แก้มนี่แดงขึ้นกว่าเก่ามา แล้วอยู่ๆสิ่งที่ไม่คาดฟันก็เกิดขึ้นเมื่อได้เด็กนี้ขยับมาใกล้ผมก่อนจะปีนขึ้นมานั่งบนตักผม มองผมด้วยแววตาที่เศร้าสร้อย
“เป็นอะไร” ผมถาม มือก็รวบเอวต้นหอมเข้ามาชิดตัวเพราะเขาทำท่าจะเอนตกไปข้างหลัง
“ผม..ขอโทษ” พูดแล้วก็ซุกหน้าที่ซอกคอผม
ผมนั่งนิ่งปล่อยให้เขานั่งอยู่แบบนั้น ใบหน้าเศร้าๆนั้นเหมือนมีอะไรในใจแต่ไม่ยอมพูดออกมา ผมเองก็ไม่อยากถามมาก ถ้าเขาพอใจจะเล่าก็คงเล่าเอง พอเห็นเป็นแบบนี้ก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ ไม่ว่าจะเห็นกี่ครั้งผมก็ไม่ชอบใจเลยจริงๆกับท่าทางซึมเศร้าอย่างนี้ ยิ้มออกมาหรือจะพูดมากจนน่ารำคาญยังดีกว่าไอ้ท่าทางซึมๆแบบนี้
ต้นหอมดันตัวขึ้นจากคอผม มือเล็กๆนั่งจับใบหน้าผมไว้ ก่อนจะโน้มหน้าเข้ามากดจูบที่ปากของผม เฮ้ออ เชื่อเขาเลย...แบบนี้คงปล่อยให้ไปเมาที่ไม่ได้ ไม่งั้นคงไล่จูบชาวบ้านไปทั่วแน่ๆ
“อื้อ พี่ปืน” เสียงแหบพร่าดังขึ้นชิดริมฝีปากผม จากผู้ถูกกระทำผมเลยกลายเป็นฝ่ายกระทำนั่งเอง รสชาติของเบียร์ที่อยู่ในปากเล็กๆนั่นยิ่งกลายเป็นแรงกระตุ้นให้ผมจูบให้ลึกซึ่งยิ้งขึ้น ผมจูบอยู่นานก่อนจะไล้จมูกที่แก้มแดงระเรื่อนั่น แต่ผมได้ยินเสียงซะอื้นผมก็ผละตัวออกมองอย่างตกใจ
“อึก ฮือ” ท่ากัดปากแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลพรากมองยังไงก็เด็กน้อยชัดๆ นี่ผมมีแฟนหรือลูกวะ
“เป็นอะไรอีก”
“ฮึก ผมขอโทษ” นี่คงจะเป็นรอบที่สิบแล้วหรือเปล่าที่เขาพูดว่าขอโทษ
แบบนี้คงไปทำความผิดมา
“ขอโทษเรื่องอะไร” ผมถาม ต้มหอมก้มหน้าลงมาจุ๊บที่ปากผมแรงๆหลายทีจนผมเจ็บที่ปาก
“นี่ มันเจ็บนะ!” ผมดันตัวเขาที่พยายามจะจุ๊บที่ปากผมไม่เลิกแถมยังร้องไห้ไม่หยุด ไม่มีการสะอื้นแล้วแต่ปล่อยให้น้ำตาไหลไปเรื่อยๆแทน
“เขา...เขาจูบต้นหอมอ่ะ ต้นหอมไม่ชอบ ฮึก เลย” พูดจบก็พยายามจะเข้ามาจูบผมอีก แต่ผมกำลังอึ้ง
ไอ้เวรนั่น...!
“พี่...อื้อ” ผมจัดการปิดปากต้มหอมทันที กวาดลิ้นเข้าไปในโพล่งปากนั้นราวกับจะล้างสัมผัสทุกอย่างจากไอ้เวรนั้นให้ผม ผมจูบอยู่นานหลายต่อหลายครั้งจนคนตัวเล็กร้องประท้วงในคอผมถึงได้ถอนจูบออก
“ยอมให้มันจูบทำไม” ผมถามเสียงเข้ม รู้สึกไม่ชอบใจเอามากๆ เหมือนมีกองไฟมาสุมอยู่ในอก
“ไม่ได้ยอม เขาจูบเอง ต้นหอม...อึก...ไม่ได้อยากให้เขาจูบ...สักหน่อย เพราะเมาเลยตั้งตัวไม่ทัน” น้ำเสียงสั่นติดหอบเหนื่อยเอ่ยตอบ ตากลมๆนั่นก็ปรือลงเหมือนจะยั่ว แต่ผมกำลังเซ็งเลยจับเอวต้นหอมยกออกจากตัววางไว้ข้างๆแทน แต่เด็กนี่กลับผวาเข้ากอดผมแน่น ผมพยายามแกะมือของต้นหอมออกแต่ก็ไม่เป็นผล
“อย่าให้มีคราวหลังอีก” ผมชี้หน้าคาดโทษ
“ไม่มีอีกแล้ว”
“ดี ถ้ามีอีกครั้งนายโดนดีแน่”
คงต้องให้กินบ่อยๆแล้วไอ้แอลกอฮอล์เนี่ย -_-^
อีกเรื่องคือ...ผมต้องรู้ไห้ได้ว่าไอ้เวรนั่นมันเป็นใคร
“ต้มหอม...บอกมาว่าไอ้นั่นมันเป็นใคร”
“...!”
========================================
ใช้เวลาอย่างยาวนานนนนนนนถึงหกชั่วโมงตั้งแต่เริ่มแต่งตอนนี้
ปล่าวหรอกกกกก พอดีเปิดไปเจอหนังที่อยากดูพอดีเลยยาวว ฮ่าๆๆๆ
โอ๊ยยยยย อยากจะแต่งให้มันจบไวๆจริงๆ แต่ความขี้เกียจมันเยอะเกินไป
นี่ก็ซัดช็อคโกแลตไปเยอะ แทบจะกินแทนข้าวได้เลย เกี่ยวกันไหม ความสุขทางใจ
เสร็จเรื่องนี้ต้องแยกร่างไปปั่นน้องเค้กต่อ อ๊ากกกกกก สับสน!!!
แต่เอาเถอะ สู้ๆ ย้ากกกกกกกก
ป.ล. ขอเม้นเยอะๆ ขอเม้นเยอะๆ