อร๊ายยยย!!!! อยากจะกอดคนเม้นท์ คนอ่าน กำลังใจ แง่คิด ข้อเสนอแนะฯลฯ
มากมายจนอึ้งพูดไม่ออก เดี๋ยวจะติดต่อหลังไมค์ ขอชื่อที่อยู่
มอบโปสเตอร์ภาพขาวดำ ใครไม่รู้จะเอาไปทำอะไร แปะหน้าห้องน้ำในห้องน้ำก็ได้
เผื่อตอนทำธุระส่วนตัวจะสะดวกราบรื่น..ฮี่ๆๆๆๆ!!!
หลายคนเขียนยาวมาก เปรียบนิยายได้เป็นตอนกันเลยเชียว
บางคนมาสั้นๆ แต่เจ็บลึกสะอึกใน ตอนอ่านนั่งทำตาปริบๆ บอกย้ำกับตัวเอง
'กูไม่กล้าดองนิยายเลยโว้ย!' ง่ะ! กลัวทั้งเจ้ากรรมนายเวร
กลัวทั้งคำสาปแช่ง อร๊ากกก!! ขนหัวลุก ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ บรื๊ออออ!!!
เอาเป็นว่า คนเขียนเข้าใจกฎเกณฑ์เนื้อหาและความเป็นไพรเวทของบอร์ดนี้นะคะ
ถึงจะมีคู่ชายหญิง แต่ไม่ได้อัพรายละเอียดลงลึกจนดูเป็นเด่นเกินเนื้อหาและคู่หลัก
สำหรับแฟนๆ Boyslove สบายใจได้ คอนเซ็บของนิยายในเล้าเป็ด ยังคงชายรักชาย
ไม่ได้สร้างกระแส หรือคาดหวังทำความแปลกใหม่ แหวกแนวอะไรเลยจริงๆ
แค่มันคือพล็อตเรื่องแต่เริ่มแรก หากไม่ถูกไม่ควรหรือไม่เป็นที่ต้องตาต้องใจ
สะกิดความรู้สึกผู้หนึ่งผู้ใด ก็กราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย ด้วยจิตคารวะ ไม่มีเจตนาล่วงละเมิด
หรือหากเหลือทน รับไม่ได้ กดกากบาทมุมบนขวามือออกไปก็ได้นะคะ ไม่ถือโทษโกรธกันค่ะ
ทั้งนี้ความผิดพลาดทุกประการ ผู้เขียนขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียว
ปล.เป็นตอนที่กระทู้คึกคัก ได้ไอเดียและแนวคิดมากมายจริงๆ ไฟโหมกระพือพรึ่บๆ ประหนึ่งมีปีกโผบิน
ชักรั่วแล้ว กำลังวางโครงเรื่อง เหยี่ยวหัวใจ ดันจะรั่วตามพี่พรตอีก..กรรม!My..Love
Part 62
[Special Balloon]100% ใครไม่ได้อ่าน 50% กลับไปอ่านที่หน้า 179“ว่าไงหนุ่ย” รับโทรศัพท์ไอ้หนุ่ย หลังสัญญาณดัง
พัชรกำลังเลือกรองเท้าอยู่ในร้าน ผมปลีกตัวออกมาคุยข้างนอก
[มึงอยู่ไหน]
“ในห้างxxxx..ตกลงมีอะไร ให้รถบูหรือยัง”
[อืม..ให้แล้ว อยู่ชั้นไหนวะ]
“ถามทำไม ทำอย่างกับจะมา”
[ไปกันกี่คน] ไอ้นี่มาแปลก
“สองคน พัชรแค่มาช็อปปิ้ง”
[เหอๆ..มึงทนไม่นานหรอก ตกลงร้านไหนชั้นไหน กูได้รู้เพื่อนยังรอดปลอดภัย
มีแผนไปที่ไหนต่อหรือเปล่า] ซักซะละเอียดเลย
“เห็นว่าซื้อรองเท้าเสร็จ จะไปกินxxx ทำไงได้ไม่มีวิธีดีกว่านี้นี่หว่า
ยังดีเพื่อนพัชรไม่ตามมากรี๊ดกร๊าดให้หนวกหู” เธอบอกอยากเดทส่วนตัว
[เหรอ..มีอะไรไม่ชอบมาพากล รีบโทรหากูนะมึง]
“ทำเหมือนกูไก่อ่อน”
[มึงไม่อ่อน แต่กำลังจะโดนไก่แดก เกิดเล่นไม่ซื่อใช้ยาขึ้นมาล่ะ
อย่าประมาทตกม้าตายมีให้เห็นมาแล้ว พี่ต้นเป็นตัวอย่างนะเว้ย]
“อืม..กูจะระวัง มีอะไรอีกไหม..บูอยู่กับใคร”
[บูเหรออยู่แถวนี้แหละ แค่นี้ก่อน] ตัดสายเฉย
ผมยืนเซ็งก่อนได้ยินเสียงเรียกจากในร้าน
“บอลช่วยพัชรดูหน่อยสิ รุ่นนี้ใส่แล้วเป็นไง” สิ่งที่น่าเบื่อสุดๆ
“ก็ดีครับ” ตอบส่งๆ
“ไม่อ่ะ พัชรว่าสีนี้สวยกว่า บอลว่าไหม” แล้วจะถามไปทำไม
“อืม..สวยดี”
“เหรอ..แต่สีนี้รุ่นนี้ก็โอนะ” ปวดประสาทเงียบไม่ตอบ ไปๆมาๆเธอเลือกคู่แรก
“บอลหิวไหม” ถ้าบอกว่าไม่ คงลากผมตระเวนซื้อนั่นนี่โน้นต่ออีก
“อืม”
“ถ้างั้นไปกินxxx เสร็จแล้วดูหนังสักรอบ” กะเอาให้คุ้มเลย
ท่าเดินเชิดหน้าภูมิใจที่มีผมหิ้วของพะรุงพะรัง เป็นความพึงพอใจของเธอมั้ง
ยิ่งมีสายตามากมายมองมาเธอยิ่งเดินเหมือนจะลอยเข้าไปใหญ่
นิสัยคุณหนู ผมเบื่อผู้หญิงแบบนี้เต็มทน
“รับอะไรดีครับ” บริกรยื่นเมนูให้ หลังได้ที่นั่งเรียบร้อย
“บอลทานอะไรคะ”
“แล้วแต่พัชร ผมอะไรก็ได้” ใจอยากกลับไปกินกับบู
หน้าบ้องแบ๊วตาโตปากเล็กเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ
ดูน่ารักเจริญหูเจริญตากว่าคนนั่งตรงข้ามอีก
“ถ้างั้นพัชรสั่ง บลาๆๆ” เธอล่อสั่งมาเต็มโต๊ะ
“กินหมดหรือครับ”
“ฮิฮิ..กินไม่หมดก็ช่าง บอลเป็นเจ้ามือขอล้มทับหน่อยสิคะ”
หูตาแพรวพราวจงใจหว่านเสน่ห์ ยิ่งดูยิ่งไม่ชอบ ใช่ผมหมดรสนิยมเรื่องผู้หญิง
ความจริงสาวๆที่ไม่ต้องสวยมาก แต่ดูดีมีเสน่ห์ทั้งกิริยาคำพูด
ยังน่าคบหาน่ามองกว่าคนที่เข้ามาด้วยเจตนาแบบนี้ตั้งเยอะ
ต่อให้พวกเธอมีดีแค่ไหน คงต้องให้ไปเจอคนที่พร้อมจะรักและดูแลพวกเธอ
ดีกว่าหวังอะไรจากผม ชีวิตนี้คงให้หัวใจใครไม่ได้หรอกครับ เจ้าของหัวใจผมมีเป็นตัวเป็นตน..
“นั่งด้วยสิ” หืม..?
“บู..” ได้แค่ครางชื่อ บูไม่รออนุญาตหย่อนตูดนั่งติดผมได้หน้ามึนมาก
กลับดูน่ารักท่าทางมึนๆอึนๆจนต้องกลั้นขำ พอจะเดาได้แฟนผมมาได้ยังไง
“เอ๊ะ!โทษนะ ต้องการความเป็นส่วนตัว” พัชรปฏิเสธอย่างมีเชิง
เธอคงพอจำหน้าบูได้ เคยเจอที่ลานจอดงานหมั้นพี่โจ๊ก บูเด่นไม่น้อยหน้าใครเสียด้วยสิ
“เหรอครับ..ไม่ได้ขอน้องสักหน่อย บอกแฟนพี่ต่างหาก
ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร ไปกันเถอะบอล” บูคว้ามือผมดึงลุกเฉย
ผมอยากจะขำก็ไม่กล้า ได้แต่ขบกรามกลั้นไว้เต็มที่ อยากดูให้ถึงที่สุด
ไม่เคยเจอซึ่งหน้าแบบนี้เหมือนกัน ดูบูจะทำยังไง
“เล่นตลกอะไรกัน..บอล” พัชรหน้าเจื่อนหันมาจ้องผมตาขวางรอฟังจากปากผม
“บูตัสแฟนผม” ต้องฝืนเก๊กสุดๆ เกือบหลุดขำพรืดแล้ว
บูทำเป็นเก่งแต่หน้าแดงหูแดงเถือก ส่วนพัชรหน้าซีดยิ่งกว่าไก่ไหว้เจ้าเสียอีก
“บอล..พัชรไม่ตลก คิดใช้วิธียอดฮิตมาทำให้พัชรเปลี่ยนใจเหรอ
อย่าหวังจะทำสำเร็จ ต้องการเล่นแบบนี้ตามใจนะ อย่าว่าพัชรไม่เตือนล่ะ”
เธอจิกตาวาววับ ผมนิ่งไม่โต้ตอบ อยากรู้บูจะทำยังไงมาถึงขั้นนี้
คงคิดอะไรมาเผื่อแล้วแน่ๆ ถึงได้โดดรับน้องออกมาถึงที่นี่
“ใครตลกครับน้อง บอลแฟนพี่แล้วน้องเป็นใคร รุ่นพี่ที่โรงเรียนแล้วไงครับ
มีอำนาจบารมีบังคับยืมควง สิ่งที่น้องกำลังทำต่างหากที่ตลก
ทำแบบนี้อย่าเผลอแอดฯเข้ามหา’ลัยxxx เชียวล่ะ
โดนยิ่งกว่าที่กำลังทำเป็นสองเท่า พี่ไม่ได้ขู่เลยนะ”
เอาจริงเหะ ไม่เคยเห็นเถียงผู้หญิงมาก่อน
“เอ๊ะ!..ตกลงเรื่องจริงหรือตั้งใจมาเซอร์ไพรส์..บอล”
เธอตวัดหางตาให้บู ก่อนหันมาคาดคั้นเอากับผม
“บูคือแฟนผม แนะนำไปแล้ว พัชรจะย้ำทำไมบ่อยครับ”
“บอลเป็นเกย์เหรอ ถึงมีแฟนเป็นผู้ชาย” ตาเธอเบิกโพลงอึ้งสุดขีดไปแล้วตอนนี้
“ถ้าพัชรจะคิดแบบนั้นคงไม่ผิด ผมมีคนรักเป็นผู้ชายคือบูด้วยสิ”
“ไปกันเถอะ” บูดึงผมลุก ไม่ลืมควักแบ็งค์พันสองใบวางไว้บนโต๊ะ
อย่างน้อยผมไม่มีนิสัยทิ้งภาระให้ผู้หญิง
“คงพอสำหรับค่าอาหารนะครับ” พูดจบหันหลังออกมาพร้อมบู
ทั้งที่มือเรายังจูงกันอยู่ ผมอยู่ในชุดนักเรียน คนน่ารักแก้มแดงหน้าขึ้นสีไปแล้วเรียบร้อย
ก้มหน้างุดจูงผมเดินไม่ยอมปล่อย อาศัยความกล้าไม่น้อยเลยนะนั่นที่ทำแบบนี้
ผมได้แต่อมยิ้มท่ามกลางสายตาที่มองพวกเราอย่างมีคำถาม
อาจจะคุ้นหน้าหากใครเคยเห็นผ่านตาในแม็กกาซีน
“หึหึ!..เป็นอันว่าแผนพัง” พอพ้นประตูผมแกล้งเปรยขำๆ
“จิ๊!..บอลมีความผิด ทำอะไรไม่ปรึกษา” ตากลมโตค้อนดุมาเชียว
“ไม่อยากให้บูไม่สบายใจนี่ครับ ยิ่งกำลังยุ่งๆอยู่ด้วย” พูดจากใจ
“ทำแบบนี้คิดเหรอบูจะสบายใจ..ไม่รู้สึกอะไร” ผมเงียบจนคำพูด
“บอล..” พัชรถือของพะรุงพะรังตามมาด้วยท่าทางรีบร้อน
“ตกลงที่รับปากจะยกเลิกใช่ไหม”
“ถ้าแฟนพี่ต้องควงน้องเป็นอาทิตย์ล่ะก็ พี่ตอบแทนเลยดีกว่า
ว่าพี่ไม่อนุญาต..ติ๊ต่างน้องมีแฟน แล้วมีคนมาขอยืมไปควงไม่ใช่ทั้งเพื่อนสนิท
เป็นใครไม่รู้จัก น้องทำใจยอมให้ยืมไหม” บูชิงตอบเสียเอง ผมยืนฟังนิ่งๆ
รู้สึกบูจะลืมอาย คงโมโหจนควันออกหูไปแล้ว
ถึงไม่สนใจสายตาคนเดินผ่านไปมาที่มองอย่างใคร่รู้
“ดี..เจอกันที่โรงเรียน” พูดจบเธอสะบัดหน้าหันหลังแยกออกไป
“เดี๋ยวสิ” เสียงพี่แบมโผล่มาจากข้างหลัง
ครบเซททั้งก๊วนเขาเลย แสดงว่ามากันแต่แรก แต่ไม่แสดงตัว
“ทำไมจะรุมตบเหรอ ไม่กลัวเป็นข่าวก็เอาสิ
ให้พ่อเล่นงานคืนแน่คอยดูสิ” พัชรหันมาเชิดหน้าใส่อย่างท้าทาย
“เหรอ!!!เรื่องกลัวเป็นข่าว สงสัยคงเป็นพ่อเธอมากกว่า
นายทหารยศใหญ่โตแม่เป็นคุณหญิง น่าจะไม่มีเวลาอบรมลูกสาวถึงได้นิสัยเสีย
ถ้าคลิปภาพและเสียงเผยแพร่ผ่านโลกออนไลน์
ลองใช้รอยหยักในสมองของเธอไปคิดดูเอาเอง ใครกันแน่ที่เสียชื่อ
เป็นพวกกูหรือมึงห๊ะอีชะนี” พี่แบมจิกตาสวยจ้องพัชรที่กำลังหน้าเสีย
หลังเห็นภาพและเสียงจากมือถือรุ่นดังในมือพี่แบมอัดไว้คมชัด
ตั้งแต่ผมเดินออกจากร้าน พัชรวิ่งตามออกมา พร้อมถ้อยคำที่เธอพูดทั้งหมด
“พวกแก..คิดแบล็คเมล์ฉันเหรอ”
“จุ๊ๆ..อย่าพูดแบบนี้สิครับ ฟังเหมือนพวกพี่รุมรังแกน้องยังไงไม่รู้
เอาอย่างนี้ในฐานะที่พี่เขมเป็นผู้ชายใจดี เห็นสตรีเป็นเพศเดียวกับแม่
แต่ไม่เหมาะเอามาทำเมีย เพราะเมียพี่ไม่ใช่สตรี แต่เป็นหนุ่มตี๋มีดีกว่าสตรีอย่างน้องเยอะ
พี่เขมแนะนำว่าน้องควรยุติพฤติกรรมเข้าข่ายบังคับขืนใจเพื่อนรุ่นน้องอย่างไอ้บอลมัน
ไม่อย่างนั้นพวกพี่ไม่รับปากเหมือนกันครับ ว่าน้องจะเจออะไรที่มากกว่าคลิปหรือไม่
เพราะเพื่อนพี่คนนี้มันน่ากลัวยิ่งกว่าผีอีเม้ยละครหลังข่าวเสียอีก”
พี่เขมพูดพาฮามาก พี่ต้นถึงกับกลั้นขำหน้าดำหน้าแดง พี่โจ๊ก พี่หนกก็ด้วย
ยิ่งไอ้หนุ่ยหน้าเขียวไปแล้วมันดันถูกพาดพิงตรงๆ โดยเฉพาะพี่แบมคนสุดท้าย
พี่เขมชี้นิ้วสะกิดไหล่ย้ำว่าคนที่น่ากลัวกว่าผีอีเม้ยคือใคร เล่นเอาพี่แบมอ้าปากพะงาบๆ ตาเขียวปั๊ด!
ส่วนพัชรถึงกลับหน้าถอดสีไปแล้วเรียบร้อย หลังพี่โจ๊กยักคิ้วให้เท่ๆ
ทิ้งทวนด้วยประโยคที่ทำให้พัชรหมดคำพูด ไม่สามารถโต้ตอบอะไรอีก
“พี่ว่า..ถ้าพ่อพี่รู้เรื่องนี้ท่านคงไม่อยู่เฉย ถึงหูพ่อแม่น้องทันทีครับ”
เธอหันหลังขวับเดินหนีไม่เหลียวหลัง คงรู้แล้วควรทำตัวยังไงหลังจากนี้
“ไอ้เขมไอ้เหี้ยนิ เปรียบกูให้มันดีกว่านี้หน่อย..จิ๊!”
พี่แบมแว้ดทันทีพอพ้นหลังพัชรไม่ทันไร
“เห้ย!..ผีอีเม้ยดังตายชัก ดังกว่าตัวนำของเรื่องอีก กูเปรียบไม่ดีตรงไหน
น้องเขาเห็นภาพโดยไม่ต้องนึกให้ลำบาก” พี่เขมแถได้กวนสุดๆ
“มึงสิไอ้ห่าผัวอีเม้ย หน้ากูดีกว่าผีอีเม้ยห่างเป็นโยชน์
เปรียบกูเป็นเมดูซ่าอย่างที่มึงแอบพูดลับหลัง
กูยังไม่โกรธเท่าลดเกรดเป็นผีอีเม้ยไอ้ระยำนิ” พี่แบมจิกตาใส่ไม่หยุด
“พี่แบม แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมครับ” ไอ้หนุ่ยแทรกขัด พาทุกคนงงไปตามๆกัน
“อะไรน้องหนุ่ย” พี่แบมเองยัง..งง?
“พี่ด่าไอ้เขมเป็นผัวผีอีเม้ย ผมเป็นผู้ชายนะพี่
เปรียบผีอีเม้ยได้ยังไง น่าเกลียดตายชัก” แต่ละคนถึงบางอ้อ
พากันขำพรืดอย่างอดไม่อยู่ ไอ้ห่าหนุ่ยเล่นพูดหน้าตาย
“พรืดดด!!!..ฮะฮ่าๆๆ..ก๊ากก!!” เสียงหัวเราะดังกว่าใครคือพี่เขม
ทำเอาคนเดินไปมามองกลุ่มพวกเรากันใหญ่
“มึงจะขำเหี้ยไรไอ้เขม เพราะมึงทีเดียวประกาศกลางห้างไอ้เหี้ย
ขืนยัยพัชรเอากูไปโพนทะนา แม่งทั้งโรงเรียนได้เดินเอาปี๊บคลุมหัวนิ..สัด!”
ไอ้หนุ่ยบ่นหน้างอปากง้ำไปแล้ว
“ฮะฮ่าๆ..กูไม่ได้เอ่ยชื่อสักหน่อย มึงกินปูนร้อนท้องนี่หว่า
ตี๋ในที่นี้มีมึงคนเดียวของประเทศหรือไงวะ
เมียกูอาจเป็นหนุ่มฮ่องกงอิมพอร์ตมาเลยก็ได้ใครจะไปรู้..ฮะฮ่าๆๆ”
ยิ่งฟังพวกเรายิ่งขำท้องคัดท้องแข็งตามกัน
ลืมเรื่องก่อนหน้าหันมาขำเอาเป็นเอาตายแล้วครับ
“ไอ้เหี้ยเขม! พ่องมึง..ตี๋ตาตี่ในกลุ่มมีกูยืนอยู่คนเดียว
คนฟังคงไม่โง่มึงหมายถึงใครไอ้ห่า สีข้างเข้าแถไหลไปเรื่อย
นึกว่ากูไม่ทันความเจ้าเล่ห์ของมึงงั้นสิ เห็นเดือยตั้งแต่เด็กเหอะ
อ้าปากมากูมองทะลุไส้ติ่งมึงแล้วเขม” ไอ้หนุ่ยหน้าเขียวจวกใส่เป็นชุด
ยิ่งยั่วพี่เขมแกล้งหนักเข้าไปใหญ่ ส่วนพวกผมได้แต่ยืนไหล่สั่นขำกันไม่หยุด
พี่หนกถึงกับเอาผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาใหญ่
“แหนะ!..มึงสาวไส้ตัวเองให้พวกมันฟัง สารภาพหมดเปลือกแอบดูเดือยกูตั้งแต่เด็ก..
โว๊ะ!..ที่งี้ไม่อาย กูไม่เคยประจานกลางห้างเรื่องลับของเราเลยนะโว้ย
มึงเล่นคายออกมาหมด ใครหยิบมาพูดโทษกูไม่ได้ พวกมึงเป็นพยานด้วยไอ้โจ๊ก
ว่าไอ้ตี๋มันพูดให้พวกมึงได้ยินด้วยตัวเอง ไม่ใช่กูเลย” ไอ้หนุ่ยอ้าปากค้างไปแล้ว
หลังพี่เขมแกเล่นย้ำดื้อๆ ผมอยากสมน้ำหน้ามันเหมือนกัน
แต่ก็อดขำไม่ได้ กลายเป็นยกกันมาสร้างความฮา
“กูเป็นพยานมึงสองคนโคตรระยำ แม่งล่อกันตั้งแต่เด็ก
มึงก็ด้วย..แก่กว่าเป็นรุ่นพี่กลับไม่ปรามน้อง ดันเล่นด้วยเสียนี่
ถ้าพ่อแม่พวกมึงรู้มึงสองคนฟิชเจอริ่งกันตั้งแต่ขนยังไม่ขึ้น
กูว่าพวกท่านคงเป็นลมสลบ ฮะฮ่าๆ” พี่โจ๊กก็พาฮา
ต่อกันแบบนี้แล้วจะหยุดหัวเราะได้ไหมเนี่ยะ พี่ต้นโอบไหล่พี่แบมขำใหญ่แล้วตอนนี้
“ไอ้เหี้ยโจ๊กกูไม่ได้ล่อโว้ย! แค่เกือบไอ้ห่า ด่ากูเลี้ยงต้อยจะไม่เถียงสักคำ
นี่มึงยัดเยียดข้อหาให้กูเฉย” พี่เขมชี้หน้าพี่โจ๊กหัวฟัดหัวเหวี่ยง หลังพี่โจ๊กตีความไปแบบนั้น
“มึงไม่ล่อ แต่มึงล่อลวงกู ถ้าพลาดคงเสร็จมึงตั้งแต่ป.2 มีหน้าด่าพี่โจ๊กอีก
ไม่เพราะมึงเหรอทำให้กูเข้าใจผิดสิบกว่าปีโดนฟันแล้วตั้งแต่เด็ก”
ไอ้หนุ่ยก็บ้าฉิบหาย เถียงเอาชนะให้ได้
“ห๊ะ!มึงมันโง่เองนี่หว่า ยังไม่ทันเข้าไปสักหน่อย เสือกคิดกูได้แล้ว
มีหน้าโทษกูนะหนุ่ย สรุปนี่มึงไม่พอใจอะไรถึงเถียงกูฉอดๆ
เอาเป็นเอาตายพาขายขี้หน้าอยู่เนี่ยะ” พี่เขมเริ่มออกอาการหงุดหงิด แต่ไม่จริงจังนัก
“กูไม่พอใจแล้วไง จะเอากับกูไหมวะ! แค่มึงยอมรับที่พูดหมายถึงกู
ไม่ต้องแถตี๋ฮ่องกงเหี้ยไรนั้น แค่นี้มึงยังไม่กล้ายอมรับอีก
ดันถามไม่พอใจอะไรควายเอ้ย! กูไม่พอใจมึงชอบแถไปเรื่อยโว้ย!”
ไอ้หนุ่ยก็เอาใหญ่ เสือกท้าอีกต่างหาก ไม่ได้ดูน้ำหนักส่วนสูงตัวเองเลย
“ได้..กูเอามึงแน่ ไม่เอามึงแล้วจะให้กูไปเอาใคร มึงเป็นแฟนกูก็ต้องเอามึงสิ
มีมาท้ากูนะตี๋ พวกมึงช่วยเป็นพยาน มันบอกกูเอามันเองนะ ลองไม่ให้กูคืนนี้มึงโดนกูแน่” กรรม!
“ไอ้เขมมม!!!..ไอ้สาดดด!!” แล้วพี่เขมก็เผ่นแน่บ
ไอ้หนุ่ยไล่กวดไม่สนใจคนในห้างแม้แต่น้อย ปล่อยพวกผมยืนขำกลิ้งกันต่อไป
ก่อนพี่แบมจะเสนอให้หาอะไรกินในห้าง ผมต้องง้อที่รักบูตัสเขาหน่อย
งานนี้ถึงจะรู้บูไม่ได้งอนอะไรนัก แต่ผมก็ผิดเต็มๆไม่มีข้อแก้ตัวทั้งสิ้น
ซ้ำยังต้องขอบใจบูอย่างสุดซึ้ง ที่แสดงตัวหวงผมแบบนี้ ใช่ว่าไม่ชอบนะ
ออกจะชอบเอามากๆ ไม่รักก็บ้าแล้ว...บูตัสน้อย..หึหึ!
เหลืออีก 3 ตอนแล้วอ่ะ ฮืออออ!!!
จบไปอีกเรื่องแล้ว ขอบคุณมากๆน๊า
ที่ให้กำล้งใจกันมาตลอด ขอบคุณตัวอักษรที่มีค่า
ที่พวกคุณคนอ่านกลั่นจากใจ ให้คนเขียนได้รับรู้ความรู้สึก
แค่นี้เราก็ปลื้มแล้วอ่ะ
ดีใจจัง..มีเพื่อนๆที่น่ารักแบบนี้..อิอิ
Luk.