= 2 = “พวกมึงมากันนานหรือยัง” เดินเข้าไป แบม โจ๊ก กนกถึงก่อนแล้ว หันไปยิ้มให้น้องหนุ่ยกับไอ้เถื่อนเขม
ที่ยักคิ้วตอบผมเท่ๆ
“ก่อนหน้ามึงสักครู่” แบมเป็นคนพูด
“แล้วมึง..คิดไงลงเรียน” หันไปถามไอ้เขม จังหวะน้องหนุ่ยคุยอยู่กับบอลลูน
“กูเตรียมแอดฯ แสวงหาความรู้เพิ่มให้แน่น มันแปลกหรือไงบูตัส” มันตอบกวนตามสไตล์
“ไม่แปลกหรอก สายอาชีพก็แอดฯได้ มึงลงคอร์สไหน”
“ฟิสิกซ์ คณิตฯ วิทย์” ไอ้ห่านิ..คอร์สเดียวกับผมเลย
“อย่าบอกเริ่มสิบโมง ห้องxxx” ผมถาม มันยักคิ้วเดาะลิ้นกวนๆ
“คอร์สนั้นแหละ” กะแล้วเชียว
“มึงจงใจเปล่าเนี่ยะ เลือกคณะอะไร” นั่นสิ มันแกล้งหรือเปล่า
“วิศวะ” ลืมไปมันเรียนช่างกลโรงงาน หันไปมองน้องหนุ่ย เริ่มชักสีหน้าให้แล้ว คงเห็นผมคุยกับไอ้เขมไม่เลิก
“น้องหนุ่ยจะไปไหนก่อนหรือเปล่า” ชวนคุยเสียหน่อย
“ไปเดินดูหนังสือเพลงกับไอ้บอล” น้องยิ้มแล้ว กว่าจะเข้าเรียนพวกน้องมีเวลาเหลือเป็นชั่วโมง
“ครับ..” ผมยิ้มตอบ
“เที่ยงกินข้าวด้วยกันนะ” น้องชวน
“ได้ครับ” หันไปมองบอลลูน ถามผ่านสายตากินด้วยกันหรือเปล่า
“เดี๋ยวพวกไอ้เอก ไอ้วิทย์มากินด้วย” บอลลูนเหมือนรู้ กลับบอกจำนวนคนที่จะเพิ่มแทน
แสดงว่ายกก๊วน ถึงน้องไม่คุยกับไอ้เขม แต่อย่างน้อยสองคนนี้ก็ไม่แขวะกันเหมือนเคย
“จองโต๊ะด้วย คนเยอะช่วงเที่ยงกลัวไม่มีที่นั่ง” แบมเสนอแนะ
“เดี๋ยวผมกับหนุ่ยแวะจอง” บอลลูนรับปากเป็นธุระ จากนั้นเราต่างแยกย้าย ได้เวลาพวกผมเข้าเรียนแล้ว
ไอ้ห่าเขมเกาะเป็นเหาฉลามนั่งแหมะข้างผมเฉย ปกติเป็นแบม ผม โจ๊ก กนก เรานั่งเรียงกัน ตอนนี้เลยคั่นโจ๊กกับกนก
ไปเรียบร้อย เพราะมันเสียบแทนที่โจ๊ก ดีหน่อยตุ๊ดซ่ากับทอมแสบคุยกันแล้ว แสดงว่าโจ๊กหายโกรธทอมแสบ
กะแล้วมันโกรธได้ไม่นาน แค่กนกอ้อนขอโทษเสียหน่อย ขี้คร้านจะโกรธลง...
“ดีครับ/ดีค่ะ..บลาๆๆ” ผมมึนหัวไปหมด นึกว่าโต๊ะที่บอลลูนจองจะมีแค่พวกเรา ที่ไหนได้ตอนนี้ล่อเข้าไปจะยี่สิบ
เพิ่มน้องผู้หญิงที่ลงติวคอร์สเดียวกับบอลลูนมาอีกเป็นสิบ
โต๊ะเราในร้านส้มตำแซ่งแซ่ไปด้วยนกกระจอกที่คุยอย่างกับกลัวไม่ได้เจอกันอีก เหตุการณ์นี้ลำบากโจ๊ก
แต่ปลื้มปิติสำหรับกนก เพราะโจ๊กมีน้องหน้าตาน่ารักใสแบ๊วออกอาการสนใจมัน ในขณะที่กนกก็หม้อน้องคนสวยอีกคน
เป็นที่เปรมปรีด์ เหมือนมันจะมีชีวิตชีวาเสียเหลือเกิน
ไอ้เขมก็มีน้องผู้หญิงชวนมันคุยไม่หยุด บอลลูนแทบไม่ต้องพูดถึง ซ้ายขวาประกบไปแล้วสอง น้องเอก
น้องวิทย์มีเป็นคู่ น้องหนุ่ยนั่งข้างผม แบมมันเฉย สวยตัวแม่ได้รับความสนใจจากน้องๆไม่น้อย หน้ามันสวยในขณะที่เป็นตุ๊ด
น้องๆพากันตื่นเต้น เข้าใจว่าหนึ่งในกลุ่มเราเป็นแฟนแบม พอรู้ว่าไม่มีเลยโล่งตามกันเป็นแถว กลัวเจอแจ็คพ็อต
กลับมาลัลลาเฮฮาอย่างมีเป้าหมาย เทคแคร์ดูแลชวนคุยเป็นคู่
และแล้วผมก็กลายเป็นตัวดึงดูดความสนใจ หลังจากนั่งหัวลีบคุยกับน้องหนุ่ยกระทั่งอาหารมาลง
ความแมนแข่งกันระหว่างสองหนุ่มต่างวัย ต่างสายเรียนและต่างสถาบัน ดันเสือกรู้จักมักจี๋กันตั้งแต่เด็ก...?
“อ่ะบูตัส..น่องไก่ทอดร้านนี้อร่อย ลองชิมดู..เชื่อกู” ไอ้เขมเริ่มก่อน
“คอหมูย่างอร่อยกว่า ทั้งนุ่มทั้งหวาน บูกินคอหมูเถอะ” น้องหนุ่ย
“น่องไก่อร่อย คอหมูอ้วนนะมึง” ไอ้เขมทับใส่
“น่องไก่กินมากเป็นโรคเก๋า คอหมูอร่อย อย่างบูแค่นี้ไม่อ้วนหรอก น้ำหนักเพิ่มอีกนิดกำลังดีเลยล่ะ”
น้องหนุ่ยยิ้มตาหยี่ไม่ยอมลดลาวาศอกทุกสายตาชำเลืองดูผมเป็นระยะ หลังสองหนุ่มเอาชนะกันเหมือนเด็กๆ
“บู..เอาจานมา” เสียงบอลลูน ผมงง..? แต่ก็ยื่นจานที่มีทั้งน่องไก่กับคอหมูย่างให้
“ตำผลไม้ ลองชิมดู” น้องพูดสั้นๆ ตักตำผลไม้วางโป๊ะบนน่องไก่กับคอหมูย่างท่ามกลางสายตาอึ้งค้างเจ้าของ
รวมทั้งสายตาสาวๆที่ใคร่รู้ คงสงสัยว่าทำไมหนุ่มพวกนี้ถึงอยากให้ผมกินนั่นนี่ บอลลูนจ้องผมนิ่ง ประมาณให้รู้ว่า
คำแรกในโต๊ะผมต้องกินของใครก่อน เหมือนที่บ้านน้องมักตักให้ผมเป็นการประเดิม
“ขอบใจ” ผมตักตำผลไม้เข้าปาก ก่อนเคี้ยวกลืนสบตาบอกน้องตามมารยาท น้องหนุ่ยนิ่งเงียบ ไอ้เขมนิ่งขรึม
ผมค่อยฉีกน่องไก่ออกเป็นชิ้นพอคำ ชำเลืองมองหน้าไอ้เขมเห็นมันกลับมายิ้มพราว ผมยังไม่กินหันไปแบ่งคอหมู
ให้ได้ชิ้นพอคำ น้องหนุ่ยยิ้มร่าเลยเชียว
ทั้งคู่ต่างลุ้นว่าผมจะตักชิ้นไหนเข้าปาก นอกจากสองคนนี้ยังแอบเห็นโจ๊ก กนก แบม บอลลูน
และคนที่เหลือเหลือบมองกันเงียบๆ ผมทำเฉย ก่อนจะใช้ส้อมเขี่ยทั้งน่องไก่ที่ฉีกแบ่งกับคอหมูใส่ในช้อนเดียวกัน
แล้วยกเข้าปากเคี้ยวตุ่ยๆ ไม่สนฟ้า ‘กูกินพร้อมกันเสียเลย’ เชอะ..บังคับดีนัก!
หน้าพวกเขาจะยิ้มก็ไม่ใช่จะเศร้าก็ไม่เชิง ผมแค่ไม่ต้องการให้พวกเขามาแข่งกันด้วยเรื่องแบบนี้
หลังงัดข้อเอาผมเดิมพันมาแล้วครั้งหนึ่ง จะไม่ยอมให้เล่นกับความรู้สึกอีกต่อไปแล้ว
มื้อนั้นผ่านไป ด้วยการที่สองหนุ่มไม่มีใครบริการผมอีก ตักกินเองบรรยากาศกลับมาจับคู่เหมือนเดิม
เว้นเสียแต่น้องหนุ่ยที่คุยกับผมตลอด โดยมีไอ้เขมคอยสอดและแทรกไม่ยอมตกซีน
“มึงลำบากใจไหม” โจ๊กมันถาม เรายืนหน้าห้องน้ำ เบรกออกมาระหว่างรออาจารย์เปลี่ยนชั่วโมง
“เรื่อง...” ผมรู้มันหมายถึงอะไร แต่ทำเป็นไม่เข้าใจ
“เรื่องหนุ่ยกับไอ้เขม” ว่าแล้วต้องเรื่องนี้
“ไม่รู้สิ ไม่อยากให้เป็นแบบนี้” บอกตามที่คิด
“ถ้างั้นมึงควรแสดงจุดยืนให้ชัดเจน” มันแนะนำ
“แบบไหน” ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
“มึงบอกเป็นแฟนน้องหนุ่ย แต่พวกกูดูแล้ว มึงยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำตรรกะของคำว่าแฟน มันต้องแชร์อะไรกันบ้าง” ผมเงียบ..?
“ถ้ามึงไม่มีความรู้สึกที่จะรักน้องหนุ่ยเกินน้องชาย มึงควรพูดกับน้องมันตรงๆ หมดเวลาลองแล้ว
ก่อนมันจะวุ่นวายลำบากใจกันไปกว่านี้”
“แล้วไอ้เขมล่ะ” ผมถามต่อ
“ตัดรำคาญมึงก็บอกมันไปตรงๆ เว้นเสียแต่มึงชอบไอ้เขม”
“กูไม่ได้ชอบ เป็นเพื่อนพอได้ ดูไปมันไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ถ้าไม่ติดป่วนจีบกูก็คงดี” พูดตามที่รู้สึก
“งั้นก็ขอให้มันเป็นเพื่อนดีที่สุด” สรุปผมต้องคุยแล้วสินะ
“ตกลง” ผมรับปากโจ๊ก มันตบไหล่กอดคอพากลับเข้าห้องเรียน
[ดีใจจัง..บูโทรหาหนุ่ยครั้งแรก] ปลายสายแสดงชัด ว่าดีใจจริงๆ ฟังดูร่าเริงเกินเหตุ หลังผมพูดในสิ่งที่ตั้งใจ
ไม่รู้น้องหนุ่ยจะร่าเริงหรือเปล่า นึกแล้วก็เผลอถอนหายใจยาว
[อ้าว!..ทำไมเงียบครับ] น้องคงเห็นผมไม่ตอบ
“หนุ่ย..เราคบกันนานแค่ไหนแล้ว” ลองถามดู ที่จริงผมรู้คำตอบ
[สองเดือนกว่า..ถามทำไม? จะชวนฉลองเหรอ] น้องน่ารักเสมอ แต่ผมให้ความรู้สึกแบบที่น้องต้องการไม่ได้
“เปล่า..บูอยากบอก ตั้งแต่เริ่มคบกันจนถึงตอนนี้ หนุ่ยจำได้ไหมที่บอกลองคบกันดูก่อน” ผมหยุดเว้นระยะ
น้องเงียบ..ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว
“อืม..บูต้องการพูดอะไร” น้องถามเสียงเบาหวิว ผมกลั้นหายใจถึงเวลาที่ต้องพูดแล้วสิ
“คือ..บูคิดกับหนุ่ยเกินกว่าน้องไม่ได้” พูดแล้วก็นิ่ง รอฟังน้องหนุ่ยจะว่ายังไง น้องเงียบแต่ผมรู้ว่าน้องยังไม่วางสาย
เราต่างคนต่างเงียบ ผมเลือกวิธีโทรบอกเพราะขี้ขลาด ไม่กล้าเจอหน้าพูดตรงๆ คิดว่าคงพูดไม่ออก ครั้งแรกเริ่มคบกัน
ก็ผ่านคนกลางคือบอลลูน คุยผ่านโทรศัพท์ อยากเปลี่ยนความสัมพันธ์ผมก็อาศัยโทรศัพท์อีก ไม่กล้าเอาเสียเลยจริงๆ..!
“แค่นี้ใช่ไหมที่อยากบอก” นานพอสมควร แต่ผมรู้สึกมันนานมาก กว่าน้องหนุ่ยจะยอมเอ่ยปาก น้ำเสียงอู้อี้เล็กน้อย
ถ้าให้เดาคงแอบร้อง กว่าจะเอ่ยปากกลับมาได้
“อืม..ไม่อยากให้หนุ่ยเสียเวลากับบู เข้าใจใช่ไหม” ผมพยายามใช้น้ำเสียงนุ่มนวลที่สุด
“มันเป็นไปไม่ได้เลยหรือ” น้องถามเสียงสั่น น้ำตาผมร่วงแผละไปแล้วตอนนี้ เศร้าชะมัด..ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ
ผิดที่ผมปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น จนล่วงเลยมาขนาดนี้ ผมเองแหละที่ไม่ดีพอ..?
“คือ..บู..” เป็นไปได้ไหม ผมตอบไม่ได้ ติดอยู่ในคอ ที่มั่นใจคือผมไม่ได้รังเกียจน้องหนุ่ย แต่ก็ไม่นึกรักแบบฉบับ
นิยามความรัก ห่วง..คิดถึง อยากเห็นหน้าอยากอยู่ด้วย สิ่งเหล่านี้ผมไม่รู้สึก แค่รู้สึกดีมันไม่พอกับความรักที่น้องมีให้
รังแต่จะเห็นแก่ตัว รั้งน้องให้เสียเวลาเปล่า เสียโอกาสที่น้องจะเจอคนที่ดีกว่าซึ่งเหมาะกับน้อง ผมควรหักดิบ
ถึงจะดูโหดร้ายบ้าง แต่ผมต้องทำ ตามคำแนะนำที่โจ๊กพูด ก่อนผมจะตัดสินใจโทรหาน้องหนุ่ย
‘ไม่รักก็ต้องใจแข็ง บอกเลิกเด็ดขาด ให้น้องมันเจ็บตอนนี้ดีกว่า ให้มันเจ็บเจียนตายในวันหน้า’
“หนุ่ยเข้าใจแล้วล่ะ พอจะบอกได้ไหม ใครที่ได้ใจบูไป” จู่ๆน้องก็สูดน้ำมูก แล้วถามประโยคนี้ ผมอึ้ง..
น้องคงเข้าใจว่าผมรักใครอยู่สินะ
“ไม่มีหรอก บูไม่มีใคร” ผมรีบบอก ก่อนน้องจะคิดว่าผมบอกเลิกเพราะทรยศ ไปเจอคนอื่นแล้วมาขอเลิก
“บูไม่มีใคร ทำไมถึงขอเลิก..ไอ้เขมใช่ไหม” น้องถามเหมือนไม่เชื่อ แถมเดาส่งเดชอีกต่างหาก
“ไม่ใช่นะ เขมมันไม่เกี่ยว” ผมปฏิเสธ
“ถึงกับปกป้อง ยังบอกว่าไม่ใช่มันอีก” ไปกันใหญ่แล้ว
“เปล่านะ..หนุ่ยกำลังเข้าใจผิด” พยายามอธิบาย
“ไม่ต้องแก้ตัวแทนหรอก เพราะมันคนเดียว พอมันเข้ามาวุ่นวายบูก็บอกเลิกหนุ่ย ถ้าไม่ใช่มันจะเป็นใคร”
สงสัยยิ่งคุยคงไปกันใหญ่ น้องไม่ยอมฟังเหตุผล
“หนุ่ยจะคิดยังไงก็แล้วแต่ บูบอกได้แค่ว่าไม่เกี่ยวกับไอ้เขม ที่บูพูดกับหนุ่ยเพราะคิดมาดีแล้ว หวังว่าต่อนี้ไป
ความสัมพันธ์ของเรา บูให้ได้แค่พี่กับน้อง” ผมตัดบท น้องเงียบ ก่อนจะตัดสายไปเลย...
ผมโทรกลับสามสี่ครั้ง น้องไม่รับสายคงโกรธ ช่างเถอะปล่อยให้ใจเย็นกว่านี้ค่อยว่ากัน
ผมทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้แล้ว วันนี้พอแค่นี้ก่อนเถอะ
ยังเหลือไอ้เขมอีกคน แต่ชั่วโมงนี้ไม่มีอารมณ์จะโทรไปเคลียร์อีก เก็บแรงไว้ให้พร้อม พรุ่งนี้ค่อยเคลียร์ทีเดียว
สำหรับไอ้เขมคงไม่ต้องโทร มีเรียนติวพรุ่งนี้อีกวัน เลิกแล้วเคลียร์ต่อหน้าดีที่สุด
ไอ้เถื่อนเขมผมไม่ห่วงความรู้สึกเท่าน้องหนุ่ยเลย..กล้าคุยกว่า มันไม่มีอิทธิพลเท่าไหร่
“บอกเลิกไอ้หนุ่ยแล้วสินะ” พอเจอหน้าไอ้เขมมันเริ่มก่อนเลย แบมกับกนกมองผมเหมือนมีคำถาม
เว้นแต่โจ๊กที่มันรู้ก่อนแล้วจึงเฉย
“มึงรู้ได้ไง” ผมย้อนถามไป
“หึ..มันไม่มาเรียน กูไปรับแม่งต่อยกูเฉย” ก่อนมันชี้ให้ดูมุมปาก เพิ่งสังเกตมีรอยบ่วมแดงให้เห็น
“กะ..กูขอโทษแทนน้องมันด้วย มันเข้าใจผิด” ผมรีบออกตัวแทน ไม่คิดว่าน้องหนุ่ยจะเลือดร้อนเป็นกับเขาด้วย
“เข้าใจผิดอะไร..มันเข้าใจถูกแล้ว กูได้สวมเสียที” เวร!..คิดถูกแล้ว ที่ผมเก็บพลังมาเคลียร์ ฟังไอ้ห่าเขมมันพูดสิ
“มึงอย่าเล่นมาก..ห่าเขม” ผมแหวอย่างไม่สบอารมณ์
“ใครว่ากูเล่น กูเอาจริง” ยังไม่หยุดอีก
“พวกมึง กูขอเคลียร์กับไอ้ห่านี่หน่อยได้ป่ะ” หันไปบอกพวกโจ๊ก กนก แบม ที่นั่งเงี้ยมหูฟังเงียบๆ
พวกมันมองหน้าก่อนจะยอมลุกจากเก้าอี้ ทิ้งให้ผมกับไอ้เถื่อนเขมอยู่กันตามลำพัง เพื่อนผมมันน่ารักทุกคน
“อายทำไม เดี๋ยวก็ประกาศอยู่ดีเป็นแฟนกันแล้ว” ยังเล่นไม่เลิก
“เขม..มึงเลิกเล่นซักที ต่อนี้ไป..ขอร้องมึงอย่าเล่นกับกูแบบนี้อีก บอกตรงๆ ถ้ายังอยากให้กูคุยกับมึง เลิกคิดจีบกู”
ผมเอาจริง พูดไม่ติดเล่น จ้องมันไม่กะพริบ
“เฮ้ย!..พูดจริงดิ ไม่ปิ๊งป๊างหล่อ รวย เถื่อน สาวเหลียวแบบกูเหรอเป็นตุ๊ดแบบไหนของมึง หน้าอย่างกูมีแต่ตุ๊ดอยากได้”
หลงตัวเองเสียไม่มี ไม่ติดมันหล่อจริงผมคงอ้วกใส่หน้าไปแล้ว
“ฟัง!..กูเลิกกับน้องหนุ่ยเพราะไม่อยากให้น้องมันเสียเวลาเพราะกู ที่ผ่านมากูรู้สึกผิดพอแล้ว ไม่กี่เดือนกูก็จบ
ต้องไปต่อที่อื่น แทบจะไม่มีเวลาให้น้องมันเลย นั่นไม่สำคัญเท่ากูไม่ได้รู้สึกแบบคนรัก มึงเข้าใจไหม..เขม”
ผมจ้องหน้ามันจริงจัง มันเงียบไม่กวนกลับ ผมเลยพูดต่อ
“ส่วนมึง ที่กูขอร้องเพราะไม่อยากให้น้องหนุ่ยมันเชื่อและปักใจในสิ่งที่มันคิด ว่าเป็นเพราะมึงเข้ามาแล้วเรามีใจให้กัน
กูถึงบอกเลิกน้องมัน กูถึงขอร้องมึงเลิกเล่นกับกูแบบนี้เสียที ส่วนที่น้องหนุ่ยเข้าใจผิดมึง กูขอโทษแทน ตอนนี้น้องสภาพจิตใจ
ยังไม่พร้อม ไม่ยอมฟังเหตุผล กูพยายามบอกแล้วว่ามึงไม่เกี่ยว” ผมอธิบายให้มันรับรู้
“สำหรับมึงกูอาจไม่เกี่ยว ทีแรกกูคิดจีบมึงเล่นๆ ยั่วไอ้เก็กหน้าฝรั่งชอบแอ็คเบ่งหล่อน้องชายมึงแหละ
ไปๆมาๆไม่รู้ทำไมกูชักเริ่มรู้สึกว่ามึงน่าสนใจขึ้นมาจริงๆ เลยตั้งใจจีบเสียเลย กูรู้อยู่แล้วมึงไม่มีทางชอบไอ้หนุ่ยแบบนั้นหรอก
มันเด็กง่องแง่งไปตามประสา เอาหญิงเป็นหรือยังไม่รู้ เสือกจะมีเมียเป็นตุ๊ด แต่พอมึงมาพูดแบบนี้ กูนับถือน้ำใจมึง
ต่อไปนี้กูรับปากจะไม่ทำอย่างที่มึงขอ แต่เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ใช่ไหม” มันยิ้มให้ เป็นยิ้มที่หล่อมากในสายตาผมตอนนี้
อาจเป็นครั้งแรกที่เห็นมุมมีเหตุผล แลดูเป็นผู้ใหญ่ของไอ้เถื่อนเขม ปกติกวนได้โล่
“ขอบใจ กูไม่มีดีขนาดนั้นหรอก มึงเป็นเพื่อนกูเสมอ ยังไงขอโทษแทนน้องหนุ่ยด้วยนะ มึงอย่าโกรธเชียวล่ะ
เป็นไปได้ครอบครัวมึงสนิทกัน ช่วยดูน้องมันหน่อยได้ไหม กูไม่อยากให้มันเศร้าแล้วพานขาดเรียนแบบนี้ ไม่งั้นกูคงรู้สึกแย่”
ผมบอกตามความรู้สึก มันเอื้ยมมือมาตบไหล่ผมแปะๆ ก่อนจะวางมือไว้นิ่ง ยิ้มกวนตามสไตล์ แต่ผมกลับดูว่ามันเท่ล่ะ
“คิดมาก..ไม่โกรธหรอก เดี๋ยวกูจัดการเอง เด็กมันไม่เคยอกหัก เจอแค่นี้พาลไปทั่ว ปล่อยเป็นหน้าที่กูเถอะ”
ผมยิ้มให้มัน ก่อนสะดุ้งโหย่ง!
“บู!!!..ทำอะไรน่ะ” เสียงบอลลูน ลืมไปน้องเรียนช้ากว่าผม แต่เราแยกกันแล้วนี่ นึกไงถึงย้อนกลับมา
“ป่ะ..เปล่า” ผมบอกตะกุกตะกัก หลังเห็นสีหน้าเอาเรื่องของน้อง อาการแบบนี้ไม่ต้องเดา กำลังโมโหผมไฟลุก
“มิน่า..บอกเลิกไอ้หนุ่ย แบบนี้นี่เอง ตุ๊ดแม่ง...แรด..ร่าน” พูดจบไม่รอให้ผมได้แก้ตัว หันหลังเดินหนีดุ่มๆ
“เดี๋ยว!..” ผมจะขยับตาม แต่ไอ้เขมฉุดข้อมือไว้
“มึงไม่ต้องไปตอนนี้หรอก จะเข้าเรียนแล้ว” มันส่ายหน้าห้าม
“ห่าเขมปล่อย น้องกูกำลังเข้าใจผิด” ผมยื้อจะตามให้ได้
“ฟังกูบูตัส..มึงตามไปมันก็ไม่ฟังมึงหรอก เด็ก 15 ไม่ต่างอะไรกับไอ้หนุ่ยเลือดร้อน รอมันเย็นมึงค่อยเคลียร์”
บทไอ้เขมมันเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมา ก็สามารถเตือนสติผม พึ่งพาได้เช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้นบูตัส..” พวกแบมพากันกรูเข้ามาถาม..หน้าตาตื่น
“บอลเข้าใจกูผิดอ่ะมึง” ผมบอก
“เรื่องอะไรอีกว่ะ!” เป็นโจ๊กชิงแทรกขึ้นมา
“คงคิดว่ากูกับไอ้เขมคบกัน ถึงบอกเลิกน้องหนุ่ย” ผมแจงสั้นๆ
“มิน่า..สวนพวกกูยิ้มทักไม่ยอมทักตอบ หน้าเหมือนใครไปเหยียบหางเลยมึง ให้ตายน้องบอลกับมึงโคตรปวดหัวจริงๆ
ดวงแม่งอริกันหรือเปล่าเหอะ ไว้ว่างๆ เอาวันเดือนปีเกิดไปดูดวงหน่อยสิ” คราวนี้สวยตัวแม่มันสบถอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์
มันรู้เรื่องของผมกับบอลลูนดี
ผมไม่มีสมาธิเรียนเท่าที่ควร เจอน้องหนุ่ยเข้าใจผิดยังไม่หวั่นใจ เท่ากับบอลลูนคิดแบบเดียวกันอีก
น้องยิ่งฝังใจเรื่องตุ๊ดแรด มักมาก..ร่านตามนิสัยพวกตุ๊ดพวกกระเทยที่น้องเจอมา ประมาณว่าเห็นผู้ชายเป็นไม่ได้
ผมยิ่งลำบากใจเรื่องนี้อยู่ด้วย ไม่รู้ว่าปัญหานี้จะเคลียร์ได้ไหม...เฮ้อ!!!!
มาต่อให้ก่อน พรุ่งนี้ติดธุระกลัวไม่ว่างมาลง
ขอบคุณทุกเม้นท์ที่ตามกันเช่นเคยค่ะ บวก 1 ให้ทุกโพสฯ แทนการขอบคุณค่ะ
ตอนหน้าอาจมีคนเกลียดบอลลูนเข้าติ่งอีกแล้ว

พ็อตเรื่องมันมาแบบนี้นะคะ ตัวละครมีเหตุผลในการกระทำ
ต้องทำใจสักนิด ทุกชีวิตไม่ราบรื่นเสมอไป
กำลังใจดี หลังวันพ่อคนเขียนจะรีบปั่นหัวฟู มาต่อให้ไวๆ
Luk.
