ฝนตกเทลงมาอย่างจนลั่นป่า แต่เขาก็ไม่ลดละที่จะพยายามปีนขึ้นไปเก็บสมุนไพรห้ามเลือดให้กับผากอง ต้นไม้ที่ลื่นเพราะน้ำฝนทำให้ยากที่จะยื้อไว้ แต่ศรีเมืองก็ยังพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะเก็บว่านนั้นให้ได้มากที่สุด
แต่แล้วจู่ๆเขาก็หยุดและเงี่ยหูฟังอะไรบางอย่าง มีบางอย่างกระตุ้นความรู้สึกพะวงในใจของเขา
“ฟึ่บ!!!” ทันใดนั้นเองจู่ๆก็มีพญาเหยี่ยวตัวใหญ่ตัวหนึ่งถลาบินมาเกาะกิ่งไม้ที่ศรีเมืองเหนี่ยวอยู่ เขาตกใจเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าพญาเหยี่ยวตัวนั้นไม่มีทีท่าตกใจกลัว ศรีเมืองจึงวางใจ
ระหว่างนั้นเองเขาสังเกตเห็นในอุ้งเล็บของพญาเหยี่ยวตนนั้น มีงูตัวหนึ่งกำลังขดเกลียวด้วยความเจ็บปวดเพราะกรงเล็บอันแหลมคมนั้น
มันดิ้นรนขดเป็นก้อนรัดแน่นเข้ากับขาของนก พญาเหยี่ยวกางปีกกว้างพยายามจะใช้จงอยปากจิก งูตัวนั้นก็หลบหลีกและสุดท้าย อาศัยช่วงเวลาที่เหยี่ยวพลั้งเผลอ มันอ้าปากกว้างและกัดเข้าที่ขาของพญานกอย่างแรงจนมันร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนพยายามสลัดงูตัวนั้นออก
จากที่พญานกเป็นฝ่ายได้เปรียบ บัดนี้กลับกลายเป็นงูตนนั้นที่กำลังกอดรัดมันและพยายามจะรัดให้แน่นขึ้นๆจนปีกของนกสะบัดไปมาด้วยความเจ็บปวด
ศรีเมืองจ้องภาพนั้นไม่วางตา เขาใจหวิวๆเหมือนจะขาดใจไปด้วย และทันใดนั้นเองมือที่กำลังยึดกิ่งไม้ก็อ่อนแรงลง เขาปล่อยมือและร่างของศรีเมืองก็ร่วงหล่นลงมากระแทกพื้นอย่างแรง
“โอย!!” ศรีเมืองร้องเบาๆ โชคดีที่เบื้องล้างปูหนาด้วยใบไม้แห้งที่ซับน้ำฝน ทำให้พื้นนั้นนุ่ม
“ท่านสวามิน” เขาเผลออุทานขึ้นมาด้วยความลืมตัว
ใช่แล้วสิ่งที่รบกวนจิตใจของเขา ทำให้เขาพะว้าพะวงในตอนนี้คือผากอง ชายผู้ที่เขาทิ้งไว้ตามลำพังในถ้ำนั้น
“หรือจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา” ศรีเมืองพูดพลางลุกขึ้นและเร่งฝีเท้ากลับถ้ำด้วยความร้อนใจ