ร่างพิทที่ถูกสิงนั้นเดินตัวแข็งทื่อไปยังทะเล พิทกรอกตาไปมาหวังจะเรียกให้คนช่วย แต่ไม่มีใครเลย
เท้าที่เหยียบย่ำผืนทรายนั้น บัดนี้จมอยู่ในน้ำที่เย็นเฉียบ พิทรู้ตัวว่าเขาต้องตายแน่ๆ เชือกที่หลวงพ่อให้มายังคล้องอยู่ที่มือ แต่เขาไม่มีเรี่ยวแรงจะเอื้อมไปกระตุกมัน
เขาหมดใจที่จะดิ้นรน อย่างไรเสียวันนี้วันพรุ่งพิทก็ต้องตายด้วยน้ำมือของนาง จะตายเสียแต่วันนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความหวาดระแวง
แต่อย่างน้อยก่อนที่จะตาย ขอให้เขาได้รู้เสียทีเถิดว่าเหตุใดนางนาคตนนี้ถึงได้ผูกอาฆาตเขามากมายขนาดนี้
“เรายอมตาย แต่ก่อนตาย ขอให้เราได้รู้สักทีเถอะว่าเราไปทำอะไรให้” พิทนึกในใจ
สิ้นคำถามนั้น ร่างของพิทก็หยุดกึกกลางทะเล น้ำทะเลเอ่อท่วมขึ้นมาถึงหน้าอกเขาแล้วบัดนี้
“ได้” นางนาคตอบสั้นๆ
ก่อนที่ภาพบางอย่างที่ลางเลือนจะเกิดขึ้นในมโนจิตของพิท จากนั้นไม่นานภาพที่เต็มไปด้วยหมอกควันนั้นก็ค่อยๆชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุด พิทก็พบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ริมแม่น้ำสายใหญ่สายหนึ่ง
พิทมองไปรอบๆ บริเวณนั้นปกคลุมไปด้วยป่าสีเขียวครึ้ม ท้องฟ้ายามนั้นสีแดงฉานราวกับเลือดนก เขาพบว่าตัวเองหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
หลังจากนั้นไม่นานหญิงสาวที่งดงามนางหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นจากแม่น้ำสีมรกต หล่อนมีใบหน้าที่นวลผ่องราวกับพระจันทร์เดือนแรม ผมยาวดำสนิทนั้นไม่ต่างจากสายน้ำยามค่ำคืน
อาภรณ์ที่หญิงคนนั้นใส่ก็วิจิตรงดงามเต็มไปด้วยลายเลื่อมและอัญมณีระยิบระยับปกคลุมเรือนร่างที่อ้อนช้อยเหมือนภาพวาด
หล่อนค่อยๆเยื้องย่างขึ้นมาจากน้ำ ทันทีที่อยู่เหนือน้ำร่างกายที่เปียกก็กลับแห้งสนิทราวปาฎิหารย์
หญิงผู้นั้นมองหาอะไรบางอย่าง หล่อนมองไปรอบๆทันทีที่หล่อนหันไป เสียงนกที่ร้องก็จะเงียบ แม้แต่ใบไม้ก็หยุดไหว ลมที่พัดก็สงบนิ่ง
สายตาของนางยังคงเหม่อหาใครบางคน พิทนั้นยังคงแอบมองอยู่ห่างๆ ไม่กล้าจะออกไป
หญิงผู้นั้นเริ่มเดินใกล้ฝั่งขึ้นมาทางพิท เขากำลังจะก้าวถอยหลัง แต่ยังไม่ทันที่จะเหยียบพื้น ท้องฟ้าที่เคยสงบนิ่งก็กลับระส่ำระส่าย ใบไม้ไหวแรงจนหลุดร่วง น้ำในแม่น้ำกระฉอกกระเด็นเป็นวงกว้างเหมือนเฮลิคอร์ปเตอร์กำลังร่อนลง
เสียงฟ้าคำรามดังครืนๆ ทันใดนั้นพิทก็ได้ยินเสียงร้องของอะไรบางอย่างดังก้องทั่วฟ้า เขาเงยหน้าขึ้นไปมอง
“นก” นกตัวใหญ่ที่บินอยู่เหนือแม่น้ำนั้นกางปีกสยายจนบดบังพระจันทร์สีเลือดนั้นจนมิด
“ไม่ใช่นก นั่นมัน มัน...พญาครุฑ” พิทอ้าปากค้าง
พิทมองไม่เห็นรูปร่างสัตว์ประหลาดนั้นอย่างชัดเจน อาจเป็นเพราะพระจันทร์ที่มืดมิดแล้วนั้นทำให้เห็นเพียงแค่เงา
แต่เพียงแค่เงาเท่านั้นก็ทำให้พิทถึงกับลมแทบจับ
หญิงสาวผู้นั้นกรีดร้องเรียกสติพิทกลับมา หล่อนเงยหน้ามองนกยักษ์ตนนั้นอย่างหวาดกลัว ก่อนจะหันซ้ายหันขวาเหมือนยังคงหาอะไรบางอย่างอย่างมีความหวัง
เมื่อเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะตามหาต่อ หล่อนจึงตัดสินใจวิ่งหนีลงน้ำอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ทันถึงแม่น้ำ ครุฑตนนั้นก็ร่อนลงมากางปีกกั้นขวางเอาไว้ นางตกใจถอยกรูดออกมาจนล้มลงกับพื้น
“สีปางตาล” พิทอุทาน ทันทีที่เห็นร่างของนางค่อยๆยืดยาวออก พร้อมทั้งเกล็ดเลื่อมลายสีเขียวมรกต
หญิงสาวที่พิทเห็นนั้นใช่สีปางตาลแน่นอน พิทจำร่างนั้นได้ ร่างที่ท่อนบนเป็นหญิงสาวแต่ท่อนล่างเป็นงูนั้นยังคงติดตรึงตาเขา
จากนั้นไม่นาน สีปางตาลก็กลายเป็นงูใหญ่โดยสมบูรณ์ หล่อนกลับหัวเลื้อยหนีมาทางพิท แต่ครุฑตนนั้นก็ยังคงต้อนนางเหมือนนางเป็นของเล่น
พิททั้งตื่นเต้นทั้งกลัว เขาไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เห็นภาพครุฑยุดนาคในตำนานปรัมปราด้วยตาสองตาเช่นนี้มาก่อน
อีกใจก็สงสารนางนาคตนนั้น แต่อีกใจก็กลัวเกินกว่าที่จะช่วยได้
สัตว์ทั้งสองตัวกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด เสียงคำรามดังก้องป่า ลมพัดราวกับพายุ ครุฑตนนั้นพยายามใช้จะงอยปากจิก แต่นาคก็ขู่ฟ่อพร้อมทั้งพ่นพิษใส่ ทั้งสองผลัดกันรุกผลัดกันรับ
จนในที่สุดนางนาคก็เพลี่ยงพล้ำถูกกรงเล็บครุฑขย้ำเข้าที่ลำตัวอย่างแรงจนนางร้องอย่างเจ็บปวด
นางนาคสะบัดร่างหลุดออกมาและตกลงพื้นเสียงดังลั่น ก่อนจะพยายามเลื้อยหนีอย่างน่าเวทนา
นางนาคเลื้อยตรงมาที่พิทอยู่ เขาทำอะไรไม่ถูก สัตว์ทั้งสองตัวนั้นใหญ่โตจนเขาดูเหมือนมดหนอน หากพวกมันเห็นเขาขึ้นมา คงไม่แคล้วต้องตกเป็นอาหารพญาครุฑนั้นไปด้วยอีกคน
เมื่อคิดได้เช่นนั้น พิทจึงตัดสินใจเดินก้าวถอยหลัง แต่ทันทีที่วางเท้าเขาก็เหยียบเข้ากับกิ่งไม้เห็นเสียงดังเป๊าะ
นางนาคได้ยินเสียงนั้น มันจองมามองที่ที่พิทยืนอยู่ สายตาประสานกัน ดวงตาสีเขียวมรกตนั้นมองลึกเข้าไปในความรู้สึกของ
พิท ดวงตาที่อ้อนวอนขอความช่วยเหลือ ดวงตาที่ร่ำร้องอยากมีชีวิตเพื่อพบเจอคนที่นางรัก และดวงตาที่สิ้นหวัง
พิทรับรู้ได้ แต่เขาทำอะไรไม่ได้ เขาช่วยนางไม่ได้
เลือดของนาคตนนั้นสาดแดงฉานไปทั่วพื้นจนไหลรินลงแม่น้ำ พญาครุฑเองก็ถูกเขี้ยวอันแหลมคมของนางกัดเข้าที่บั้นเอว มันบินขึ้นสูงก่อนจะสยายปีกอันมหึมาร่อนลงมาพร้อมเสียงร้องที่น่าสยดสยอง
นางนาคทุรนทุรายเลื้อยหนี แต่บาดแผลลึกนั้นทำให้นางเจ็บปวด แววตานั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ในที่สุดพญาสุบรรณก็ร่อนลงมาใช้กรงเล็บสีดำนิลขย้ำลงไปที่ลำคอของนาค ส่วนกรงเล็บอีกข้างนั้นจับท่อนหางไว้มั่น
เสียงพญานาคกรีดร้องอย่างเจ็บปวดและทุกข์ทรมานดังลั่นป่า
ในเสียงอลม่านนั้น พิทได้ยินเสียงหญิงสาวลอยเข้าในมโนจิต
“ท่านสวามิน ช่วยเราด้วย ช่วยสีปางตาลด้วย”
แต่ไม่ทันเสียแล้ว พญาครุฑได้พาร่างนั้นบินขึ้นไปเหนือท้องฟ้า ก่อนจะใช้กรงเล็บทั้งสองตรึงร่างนางจนตึง และใช้จะงอยปากสีแดงเพลิงนั้นจิกลงไปที่ลำคอ เสียงร้องของนางดังขึ้น ก่อนจะค่อยๆหรี่ลง