Lesson 17
( Kim Part )
เมื่อคืนผมรีบข้ามานอนเพราะพรุ่งนี้ผมจะได้ไปมหาลัยสักที ไม่ค่อยอยากหยุดเพราะอาจารย์คณะผมนะ ชอบสอบย่อยเกือบทุกอาทิตย์ ทำให้ผมมีความกระตือรือร้นอยากมามหาลัยแบบถ้าไม่จำเป็นจริงๆจะไม่ขาดเด็ดขาด ตอนนี้ผมกำลังจะออกมาจากบ้านแต่ก็มีเสียงของใครอีกคนเรียกผมไว้ซะก่อน
“คิม เดี๋ยว” ผมหันไปกลับไปตามเสียง
“ว่าไงครับพี่โชว์”
“เดี๋ยวไปพร้อมพี่เลยดิ กำลังไปมหาลัยอะเปล่า”
“ใช่ครับ วันนี้พี่โชว์มีเรียนเช้าหรอ”
“เอ่อ...ไม่มีอ่ะ....เอ้อ แต่ว่าพี่ต้องเอางานไปส่งอาจารย์ก่อนน่ะ”
“งั้นรบกวนพี่โชว์ด้วยละกัน” พูดจบผมก็เดินขึ้นรถทันที
“ไม่รบกวนหรอก พี่เต็มใจ” หืม มาแปลกคนเราแค่ข้ามคืนจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยหรอเนี่ย ผมนั่งรถมาเรื่อยๆเราก็คุยกันมาเรื่อยเปื่อยตลอดทาง ผมรู้สึกว่าผู้ชายคนนี่ก็มีมุมที่อ่อนโยนบ้าง เพียงแต่พยายามเก็บความอ่อนโยนนั้นไว้
“ถึงแล้วให้ส่งที่ไหน”
“หน้าคณะเลยพี่โชว์ เดี๋ยวคิมต้องไปพบอาจารย์ก่อนน่ะ” ผมบอกพี่โชว์ไป
“อื้มๆ แล้วเดี๋ยวเที่ยงไปกินข้าวกับพวกพี่นะ”
“ทราบแล้วคร้าบบบบบ” ผมแกล้งกวนบาทาไปนิดๆ
“กวนเหรอ เดี๋ยวโดนไม่ใช่น้อย”
“อิอิ ไปละครับ” ผมโบกมือลาพี่โชว์ แล้วเดินเข้าไปพบกับอาจารย์เพราะผมมีปัญหาด้านการเรียนนิดหน่อยเลยจะปรึกษาอาจารย์หน่อย ผมคุยกับอาจารย์ได้สักพักก็ขอตัวไปเข้าเรียนก่อน วันนี้ผมชักไม่อยากจะเรียนสักเท่าไรเลย เพราะวันนี้ผมต้องมานั่งเรียนรวมกับคณะเศรษฐศาสตร์ เพราะมันทำให้ผมต้องเจอกับเต้น่ะสิ
“คิมเที่ยงนี้ไปกินข้าวด้วยกันนะ” เต้ชวนผม
“เอ่อ เรานัดกับพี่ไว้แล้วน่ะ โทษที” ผมตอบเบี่ยงๆ
“พี่โชว์หรอ ใช่เปล่า” เต้ถามผม
“อื้ม รู้ได้ไงอ่ะ” ผมถามอย่างสงสัย
“หึหึ เราเดาเอาน่ะ” เต้พูดจบก็เงียบไป อะไรหว่าอยากพูดก็พูดไม่อยากพูดก็ไม่พูด คนมันเป็นอะไรกันไปหมด
“เราถามนายจริงๆ นายเป็นอะไรกับพี่โชว์”
“พี่น้องกันไง” ถามแบบนี้ ผมไม่ทันตั้งตัวนะ ถึงจะเคย....กันก็เถอะ แต่เราผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ แล้วผมมานั่งคิดเรื่องนี้ทำไมเนี่ย
“แน่หรอว่าแค่ พี่กับน้องน่ะ” เต้ถามอย่างมีเลศนัย
“แน่สิ ทำไมหรอ”
“เปล่าๆ เราจะบอกว่า เราชอบคิม ถ้าคิมยังไม่มีเจ้าของเราจะจีบคิมนะ”
“เฮ้ยยยย เต้นายล้อเราเล่นหรือเปล่า” แกล้งตกใจไปงั้นแหละ การกระทำบ่งบอกซะขนาดนั้นใครดูไม่ออกก็บ้าแล้ว
“เปล่าเราพูดจริงๆ” เต้ย้ำว่าสิ่งที่เต้พูดเป็นเรื่องจริง
“เอ่อ...เราเป็นผู้ชายนะ เต้จะมาชอบเราได้ยังไง”
“เราไม่สนหรอก แต่ต่อจากนี้ไปเราจะจีบคิมนะ คิมคงไม่ว่าอะไรนะ”
“......” ผมไม่ตอบแต่ก้มหน้าก้มตาเขียนทำเป็นเขียนเลกเชอร์ ทั้งที่จริงๆแล้วผมไม่มีสมาธิกับการฟังอาจารย์สอนเลยสักนิด ผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรเต้หรอกนะ แต่ผมยังไม่พร้อมที่จะมีความรักในรูปแบบนี้เท่านั้นเอง
เมื่อผมเรียนเสร็จในตอนเกือบเที่ยงๆ ผมก็เดินไปโรงอาหารของมหาลัยเพื่อไปกินข้าวกับพี่โชว์ เพราะพี่โชว์นัดผมไว้แล้ว แต่เมื่อมาถึงโรงอาหารผมมองไปที่โต๊ะประจำก็เห็นพวกเพื่อนพี่โชว์อยู่ก่อนแล้วผมจึงรีบเดินไปหาทันที
“พี่ๆ หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้ทุกคน
“อ้าว คิมมาแล้วนี่ๆเดี๋ยวคิมนั่งข้างเรานะ” เฟียร์ชี้มือไปที่ๆจะให้ผมนั่ง
“อื้ม แต่เราขอไปซื้อข้าวก่อนละกันนะ”
“อื้มรีบมาล่ะ”
ผมเดินดูตามร้านอาหารไปเรื่อยๆเพราะไม่รู้จะกินอะไรดี จนผมตกลงปลงใจเดินกลับไปซื้อสุกี้แห้ง เพราะไม่รู้จะกินอะไรจริงๆ ไม่ค่อยหิวเท่าไร เมื่อผมกลับมาที่โต๊ะผมก็อึ้งกับภาพที่เห็นตรงหน้า
“พี่โชว์กินนี่หน่อยนะคะ อ่ะนี่กิ๊ฟป้อนนะ”
“เฟียร์เขยิบนิดนึงดิ” ผมพูดกับเฟียร์ ตอนนี้รู้สึกไม่สบอารมณ์เลย
“อ่ะ คิมนั่งสิ” เฟียร์ขยับแล้วบอกให้ผมนั่ง
“มานานหรือยังอ่ะ” พี่โชว์หันมาถามผม
“อืม มาได้แปปเดียว” ผมตอบสั้นๆห้วนๆ ตอนนี้อารมณ์กำลังไม่ดีเอามากๆ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร สงสัยจะเป็นบ้าแล้วมั้ง พี่โชว์ก็ไม่ได้พูดอะไรกับผมอีกแต่หันไปคุยกับผู้หญิงที่ชื่อกิ๊ฟแทน
“เฟียร์ เราไปละนะ อิ่มละ”
“เห้ย อิ่มบ้าอะไรพึ่งนั่งเอง ไหนดูดิ โหยวุ้นเส้นในจานแทบไม่กระดิกเลย” ตอนนี้สายตาทุกคนหันมาสนใจที่ผมแล้ว
“เออนั้นดิ คิมกินไปอีกนิดเถอะ เดี๋ยวจะเป็นลมเอานะ” พี่ส้มบอกผม
“ผมไม่หิวอ่ะพี่ ขอตัวก่อนละกันนะ” ผมยิ้มฝืนๆแล้วเดินออกมาจากตรงนั้นทันที ฮ้วยยยยหงุดหงิดว่ะ ผมหนีมานั่งเล่นที่โต๊ะหินอ่อนหน้าคณะ ขณะที่ผมกำลังอ่านหนังสืออยู่ก็มีคนมานั่งตรงหน้าผม
“เฟียร์”
“ฮิฮิ ทำไมหนีมานั่งอ่านหนังสือคนเดียวล่ะ”
“ก็เปล่าหรอก เฟียร์ก็รู้คณะเราสอบย่อยเยอะ เลยอ่านเผื่อๆไว้น่ะ”
“อ้าวหรอ เราก็นึกว่าหวงอะไรซะอีก” หวง!!! หวงอะไรวะ?
“หวงอะไรอ่ะ เราไม่เข้าใจ” ผมถามกลับด้วยความงง
“ก็หวงพี่โชว์ไง”
“เฮ้ยๆๆ เข้าใจผิดละ เราจะไปหวงพี่เค้าทำไม” ผมตอบรัวและเร็ว
“ไม่หวงก็ไม่หวงสิ จะรีบร้อนตัวทำไม ตอบซะเร็วเชียวนะ” เฟียร์พูดแล้วมองหน้าผมอย่างจับผิด
“เอ่อ.....เอ้อ นี่ เฟียร์ไม่มีเรียนหรอ” ผมพยายามเฉไฉ
“ไม่มีแล้ววันนี้เรียนบ่าย นั่งรอพี่วินอยู่ แล้วคิมล่ะไม่มีเรียนแล้วทำไมไม่กลับบ้านล่ะหรือว่ารอใคร”
“เปล่าไม่ได้รอใครหรอก แต่ยังไม่อยากกลับบ้านน่ะ” ผมขี้เกลียดกลับบ้านจริงๆกลับไปก็ไม่มีอะไรทำ
“อ๋อ งั้นดีเลยนั่งเป็นเพื่อนเราก่อนนะ”
“อื้ม ก็เอาสิ” แล้วผมกับเฟียร์ก็คุยกันไปเรื่อยจนเกือบเลิกเรียนช่วงบ่าย แต่ขณะที่ผมกำลังคุยกันอยู่ก็มีเสียงเรียกผม
“คิม”