Lesson 14
( Show Part )
ผมลุกออกมาจากโรงอาหารด้วยอารมณ์ที่สามารถฆ่าคนได้ ผมรู้สึกหงุดหงิดมากๆ ไม่รู้ทำไมผมมีอาการบ้าๆนี้ก็ตอนที่เห็นไอ้ผู้ชายคนนั้นมันเข้ามาคุยกับไอ้คิม แต่แค่นั้นไม่เท่าไร ไอ้เหี้ยนั่นมันขอเบอร์ไอ้คิม ไอ้คิมก็ให้ ผมกลัวว่าตัวเองจะควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่เลยต้องลุกเดินหนีมานี่แหละ ผมเดินๆอยู่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“เออ ว่าไง” ผมกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์
“มึงเป็นเหี้ยอะไร” ไอ้วินถามผม
“เปล่า กูไม่ได้เป็นไรแค่เซ็งๆ”
“มึงแน่ใจหรอ หึงเมียอ่ะดิ”
“เมียเหี้ยอะไร!!!” ผมตะคอกใส่โทรศัพท์ทันควัน มึงก็รู้ดีเกินไอ้วิน
“อื้ม เย็นนี้ไปร้านพี่โก้กับกูด้วยล่ะแค่สองคนนะ”
“เออ กูกำลังกลุ้มเหมือนกัน”
เย็นวันนั้นผมกับไอ้วินก็มานั่งที่ร้านของพี่โก้แค่สองคนโดยไม่บอกใครเพราะเหมือนไอ้วินมันคงจะคุยอะไรกับผม และถ้าผมเดาไม่ผิดละก็ ต้องคุยเรื่องไอ้คิมแน่นอน
“เอ้าชนแก้วดิ” วินพูดบอกผม
“อืม” ผมขานแล้วดื่มต่อ ตั้งแต่มาถึงผมก็กระดกเหล้ายังกับน้ำเปล่า
“มึงเครียดอะไรของมึง แดกยังกับเททิ้ง”
“ไม่รู้เว้ย กูหงุดหงิดบอกไม่ถูก”
“หึหึ เรื่องคิมใช่หรือเปล่า”
“ไม่ใช่เว้ย” ผมตวาดมัน
“ไอ้ปากแข็ง กูเคยบอกมึงแล้วนะถ้ามัวแต่ฟอร์มหมามันจะคาบไปแดก” มันพูดถึงขนาดนี้แล้วผมคงต้องสารภาพบอกมันสินะ
“กูไม่รู้ว่ะ กูไม่รู้ใจตัวเอง กูไม่ชอบเวลาเห็นมันคุยกับผู้ชายคนอื่น กูหงุดหงิด ลึกๆกูก็แอบเป็นห่วงมัน กูยังงงตัวเองเลยว่ากูเป็นอะไร” ผมระบายบอกมันทั้งหมดเลยครับความรู้สึกที่มีอยู่ในใจ
“หึ” มันพูดในลำคอแค่นั้น
“อะไร”
“มึงรู้ไหม อาการที่มึงเป็นอยู่นะ ก็เหมือนกับตอนที่กูชอบเฟียร์ใหม่ๆแต่ไม่รู้ตัวเองนั้นแหละ”
“…” เอ่อ พูดไม่ออก ผมเนี่ยนะชอบไอ้คิม
“อะไรวะ พูดไม่ออกเลยหรอแค่นี้ ยอมรับความจริงสิวะ” มันพูดแล้วหัวเราะ
“กูไม่ขำ...ไม่หรอกกูอาจจะแค่คิดเรื่องมันมากไปหน่อยเท่านั้นเองเดี๋ยวพอกูหาอะไรทำได้คงไม่ต้องคิดมาก หรืออย่างมากกูอาจะแค่หลงมันก็ได้” ผมปฏิเสธความรู้สึกตัวเองทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ
“เอาเถอะมึง ท่ามากระวังจะอดแดก ฮ่าๆๆๆ” ชิ ไอ้วินหัวเราะหาพ่อมึงหรอ แต่ช่างมันเถอะตอนนี้ผมสร่างเลยครับ เลยแยกกันที่ร้านเลยไอ้วินก็ไม่เมาเท่าไรเพราะมันไม่ค่อยได้กิน มีแต่ผมนั่งกระดกเป็นบ้านเป็นหลัง
( Kim Part )
“คิมไปสยามกันไหม” เฟียร์ถามขึ้น ตอนนี้ผมอยู่ห้องนั่งเล่นแหละครับ
“ไปทำไรอ่ะ” ผมถาม
“ว่าจะไปดูของน่ะ ไปช่วยเลือกหน่อยสิ”
“อื้ม ไปก็ไปสิแล้วบอกพี่วินหรือยัง” ผมถามเฟียร์
“บอกไว้แล้ว พี่โชว์ก็จะไปด้วย”
“หรอ อืมๆ” ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้วว่าใครจะไปบ้าง
ตอนนี้เราก็ก้าวเท้าเข้ามาในสยามแล้วครับ ผู้คนพลุกพล่านเยอะแยะไปหมด ผมไม่ชอบมาในเมืองก็เพราะอย่างนี้แหละ มันดูวุ่นวาย ผมสังเกตได้ว่ามีสายตาของผู้หญิงและผู้ชายหลายคนจ้องคุณโชว์กับพี่วินยังกับจะกลืนกิน ส่วนผมกับเฟียร์ทำไมมีแต่ผู้ชายมองหว้า ไม่มีผู้หญิงมองเลย
“ก่อนซื้อของไปกินไอติมกันเฟียร์อยากกิน” เฟียร์ชวนพวกเรา
“อื้มอยากกินก็ไปดิป่ะ” พี่วินพูดจบเฟียร์ก็จูงมือผมเดินนำลิ่วพร้อมกับหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส
ตอนนี้เรานั่งกินไอติมกันอยู่ ผมนั่งกินไปได้สักพักนึงก็มีคนมาสะกิดที่หลังผม ผมหันไปตามแรงสะกิดก็เจอกับคนที่สะกิดผม.......เต้นั้นเอง
“อ้าวเต้ มาทำอะไรหรอ” ผมถามตามมารยาท
“มาซื้อของน่ะ ว่าแต่คิมล่ะมาทำอะไรหรอ”
“เรามาเลือกของเป็นเพื่อนๆน่ะ” ผมตอบไป ตอนนี้ในวงไอติมผมเงียบแล้วฟังบทสนทนาของผมกับเต้อยู่ครับ
“อ๋อ งั้นเดี๋ยวคิมไปช่วยเราดูของหน่อยได้ไหมอ่ะ” เอ่อ แล้วหน้าที่อะไรของผมเนี่ย
“เอ่อ...ก็ได้” พูดจบผมก็ลุกขึ้น
“เฟียร์จะไปดูของอะไรโทรหาเรานะเดี๋ยวตามไป” ผมบอกทิ้งท้ายไว้แล้วเดินตามเต้ไป เต้พาผมมาดูอะไรก็ไม่รู้เสื้อผ้า ของสารพัดอย่างแต่ผมดูออกว่าเต้ กำลังจะจีบผมอยู่ ผมไม่ได้โง่เขลาเบาปัญญาขนาดจะดูไม่ออก แถมมีการจะซื้อเสื้อคู่ให้อีก แต่ผมก็ปฏิเสธไป
( Show Part )
หงุดหงิดผมอยากกลับบ้านจริงๆตอนนี้ทำไมไอ้คิมยอมไปกับไอ้เหี้ยเต้นั่นง่ายจังไปสนิทสนมกันตอนไหนวะ
“เป็นอะไรหน้าเครียดเชียวมึง”
“เปล่า” ผมตอบเสียงแข็ง
“เปล่าเหี้ยอะไร เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย สงสัยหึงเมียละสิ”
“อย่ากวนตีนกูขอร้อง เดี๋ยวมึงจะเจ็บตัว”
“พี่วินรักเฟียร์ชอบเฟียร์ก็บอกมาสิ มัวแต่เก็บไว้คนเดียวระวังจะไม่ได้อะไรเลย” โถไอ้เฟียร์กูไม่รู้เลยว่ามึงน่ะ พูดเหน็บกู
“อย่างงี้แหละเฟียร์ พี่มันพวกฟอร์มจัด เดี๋ยวฟอร์มมากๆเดี๋ยวพี่ก็อดได้เฟียร์เองแหละ” ไอ้วินก็นะตามน้ำไหลไปนู้น
“พอๆ พวกมึงทั้งคู่แหละ พอเลยก่อนที่กูจะหมดความอดทน” ผมพูดเสียงแข็งตอนนี้โมโหมากๆ ไม่ได้โมโหมันสองคน แต่โมโหไอ้คิม
“อะไรพี่โชว์ เฟียร์พูดกับพี่วิน ร้อนตัวทำไม” เฟียร์หันมาพูดกับผมแล้วยิ้มๆ
“เออๆ กูน่ะมันกินปูนร้อนท้อง กูกลับบ้านก่อนล่ะ” พูดจบผมก็ลุกกลับบ้านทันที
( Kim Part )
ตอนนี้ผมแยกกับเต้เรียบร้อยแล้วครับประจวบเหมาะที่เฟียร์โทรตามไปดูของพอดี เฟียร์พาผมไปช่วยเลือกเสื้อผ้า ผมเลยได้ติดไม้ติดมือมาเหมือนกัน ส่วนคุณโชว์ก็กลับไปตั้งแต่กินไอติมเสร็จแล้ว แล้วเค้ามาทำไมวะมาแค่นี้แล้วกลับ
“อ่านี่ก็เย็นแล้ว ผมกลับก่อนดีกว่านะครับ” ผมบอกสองคนนั้น
“เดี๋ยวพี่ไปส่งดีกว่าไหม” พี่วินพูดเสนอขึ้น
“ไม่ต้องหรอกพี่เกรงใจ นั่งแท็กซี่แหละถึงเหมือนกัน”
“อ่ะแล้วแต่ กลับดีๆล่ะ”
“ครับ ไว้เจอกันครับ” ผมบอกลาแล้วเดินมาขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้านทันที เมื่อมาถึงบ้านก็เกือบหกโมงเย็นแล้ว ผมเลยเดินขึ้นมาที่ห้องเพื่อเอาของมาเก็บ แต่เมื่อเข้ามาถึงในห้องก็ต้องตกใจ
“เง้อ คุณโชว์เข้ามาทำอะไรในห้องผมครับ” ผมถามคุณโชว์
“นี่มันบ้านกู แล้วไงล่ะวันนี้สนุกมากไหมล่ะมีผู้ชายมาชวนไปเลือกของด้วยนิ” คุณโชว์พูดถามผมแต่สายตาดุดันเหลือเกิน
“เอ่อ..มันไม่มีอะไรสักหน่อยก็แค่เพื่อนกัน” ผมตอบคุณโชว์
“หรอแค่เพื่อนก็ดี บอกให้มันรู้ด้วยว่ามันไม่มีสิทธิ์ ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม”
“ผมไม่เข้าใจที่คุณพูด แต่คุณไม่มีสิทธิ์มาบังคับผมเหมือนกัน” ผมตอบด้วยอารมณ์ที่เริ่มร้อนขึ้นตอนนี้ไม่รู้ทำไม อยู่ๆก็ของขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ
“ทำไม มึงกับไอ้เหี้ยเต้นั่นเป็นอะไรกันแน่ เป็นเพื่อน เป็นแฟน หรือว่าเป็นผัวล่ะ” ปรี๊ดดด ผมเหมือนถูกเหยียบหน้ากลางสี่แยกนี่ดูถูกผมมากไปแล้ว
“ปล่อยผม ผมเจ็บนะ!!!” แขนผมทั้งสองข้างถูกใครอีกคนจับไว้แน่นตอนนี้เค้าเหมือนคนบ้าที่ขาดสติ
“ไม่!!! จนกว่าจะตอบคำถามกูมา”
“จะเป็นอะไรก็ช่าง แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรที่มาบังคับผม คุณนั้นแหละเป็นอะไรกับผมกันแน่ แค่เพื่อนได้เป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้” ผมว่าไปอย่างเหลืออดเมื่อถูกบังคับมากๆ ตอนนี้คุณโชว์กัดฟันแน่น แล้วก้มมาประกบปากผมทันที
“อื้อ อ่อย” ผมบอกคุณโชว์
“…” คุณโชว์เงียบแล้วระดมจูบผมไปทั่วหน้า แต่ผมพยายามหลบแล้วกระทืบเท้าไปหนึ่งทีแล้วผลักคุณโชว์ออกไป
“โอ้ยยยยยย” เสียงคุณโชว์ร้องลั่นเมื่อโดนผมกระทืบเท้า
“คุณโชว์อย่ามาลุ่มล่ามกับผมนะ ผมไม่ยอมให้คุณทำแบบนั้นกับผมอีกแน่ๆ” ผมบอกไปทั้งที่ตัวสั่น
“หึ ฤทธิ์มากนักรึไง งั้นเจอนี้” พูดจบคุณโชว์ก็พุ่งเข้ามาล็อกคอผม
“แค่กๆ ปล่อยผมนะ อื้อ” ผมรู้สึกมีผ้าอะไรมาปิดจมูกแต่ผมกลั้นหายใจไว้ แต่ไม่นานก็ต้องหลุดหายใจออกมาเพราะความเหนื่อย ผมรู้สึกตัวเองชา ไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ ร่างกายผมโอนเอนไปตามการกระทำของคุณโชว์อย่างว่าง่าย ผมรับรู้ทุกอย่างรู้สึกตัวแต่ไม่สามารถบังคับร่างกายได้ตามต้องการ
“หึหึ หมดฤทธิ์แล้วสินะ เรามาสานต่อกันดีกว่า”