Lesson 20
( Kim Part )
ผมหอบสังขานของตัวเองที่แทบจะล้มทั้งยืนเดินออกมาจากห้องด้วยความรวดเร็ว เพราะหากผมอยู่ต่ออีกสักนิดผมจะต้องร้องไห้อีกแน่ๆ วันนี้เป็นวันที่สมาชิกทุกคนกลับมาที่บ้านแล้วซึ่งกลับมาช้ากว่ากำหนดเกือบสองเดือนแหนะ
“ป้าน้อย หวัดดีครับ” ผมกล่าวทักทายเมื่อเห็นแม่บ้านที่หายไปนาน
“หวัดดีจ๊ะ คุณคิม นี่ป้าซื้อของมาฝากคุณคิมด้วยนะ”
“จริงหรอครับ แต่ทีหลังไม่ต้องก็ได้ครับเปลืองเปล่าๆ” ผมบอก
“แหม่ของฝากเล็กๆน้อยๆค่ะ ไม่ต้องคิดมาก แล้วนี่คงยังไม่ได้ทานอาหารเช้าสินะ เดี๋ยวป้าทำให้นั่งรอก่อนนะคะ”
“ป้าไม่ต้องหรอกครับเดี๋ยวผมทำเอง ป้ามีอะไรทำก็ไปทำอย่างอื่นเถอะครับ” ผมบอกแล้วเปิดตู้เย็นเพื่อหาวัตถุดิบทำอาหาร ผมทำผัดผักอย่างเดียวเพราะในตู้เย็นแทบจะไม่เหลืออะไรแล้ว
“คิม” มีเสียงเรียกชื่อผม
“...” ผมไม่ตอบและไม่หันไปมอง
“หิวจังเลย...”
“เคล้งงงงงง” ผมวางช้อนแล้วลุกพรวด เดินเอาจานไปล้างแล้วเดินออกมาจากห้องอาหารโดยไม่สนใจใครอีกคนเลย ผมยังไม่อยากเห็นหน้าเค้า....ตอนนี้
ผมขึ้นไปห้องตัวเองอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปมหาลัยตอนนี้ใกล้สอบแล้วผมไม่อยากขาด ถึงร่างกายในตอนนี้จะไม่เอื้ออำนวยก็เถอะ ผมเดินออกมาจากห้องก็พบกับใครอีกคนที่อยู่หน้าประตู
“...” ผมไม่พูดอะไรแล้วเดินเบี่ยงๆหลบมา
“จะไปไหน” พี่โชว์ยื่นมือมาจับผมไว้
“…” ผมไม่พูดแล้วแกะมือของเค้าออกไป
“ถ้าจะไปมหาลัยเดี๋ยวค่อยไปพร้อมกัน”
“…” ผมไม่ตอบเค้าแล้วก็เดินออกมาจากบ้านเพื่อไปขึ้นแท็กซี่ที่หน้าหมู่บ้าน
ตอนนี้ผมอยู่มหาลัยแล้วครับผมเดินมาที่โรงอาหารก็เจอเฟียร์นั่งอยู่คนเดียว ผมจึงเดินเข้าไปทักทายเฟียร์หน่อย
“เฟียร์ ทำไมมานั่งคนเดียวล่ะ” ผมถาม
“อ่อ คนอื่นยังไม่มาน่ะ นี่พี่วินก็ไปส่งงานกับอาจารย์อยู่เลย เราเลยมานั่งรอนี่แหละ แล้วคิมมาคนเดียวหรอ” เฟียร์พูดแล้วก็ชะเง้อดูไปทางข้างหลังผม
“อื้มเราก็ต้องมาคนเดียวสิ จะให้มากับใคร” ผมตอบเสียงแข็งขึ้นนิดหน่อย เฟียร์นิ่งไปแปปนึง
“มีอะไรหรือเปล่าคิม” เฟียร์ถามผมด้วยความเป็นห่วง
“เปล่าหรอก” ผมตอบเร็วปรื้อ
“คิมโกหกไม่เนียนเลยนะ” เฮ้อ สุดท้ายก็โดนจับได้
“ไม่มีอะไรหรอกเราเครียดน่ะ ก็อีกเดือนเดียวจะสอบแล้วนี่” ผมตอบแถไปเรื่อย
“หรอ” เฟียร์ตอบ แต่ผมดูหน้าก็รู้แล้วยังไงเฟียร์ก็ไม่เชื่อผมแต่ไม่อยากจะถามต่อมากกว่า ผมนั่งคุยกับเฟียร์ได้สักพัก พวกพี่ส้มพี่แป้งก็เริ่มทยอยมาร่วมวงสนทนา
“อ้าว สองหนุ่มมานั่งคุยอะไรกันจ๊ะ” พี่ส้มทัก
“หวัดดีครับพี่ ผมนั่งรอพี่วินน่ะ” เฟียร์กับผมยกมือไหว้แก
“หรอ มันไปไหนล่ะ” พี่แป้งชิงถามก่อนครับ
“เห็นบอกต้องไปส่งงานให้อาจารย์ก่อนนะครับ”
“อ๋อ งานวันที่มันหยุดไปเที่ยวนั้นแหละ สมน้ำหน้าอยากไปไม่ชวน อิอิ” พี่ส้มพูด
“เออนี่ แล้วไอ้โชว์ล่ะคิม”
“ไม่รู้ครับ” ผมตอบแล้วเมินหน้าหนี จะมาถามผมทำไมตัวไม่ได้ติดกัน
“อ้าว ทะเลาะกันหรอ”
“เปล่าครับ จะทะเลาะกันเรื่องอะไร” ผมตีหน้าซื่อๆ
“หรอ ไม่ทะเลาะก็ไม่ทะเลาะ” พูดจบพี่ส้มก็นั่งลง พวกเราก็นั่งคุยกันไปได้สักพักพวกพี่เกียร์ พี่ฟ้า พี่วิน ก็เริ่มมากันแล้ว เราก็คุยกันสนุกสนานเฮฮาไปได้อีกพักนึงคนที่ผมไม่อยากเจอที่สุดก็โผล่หน้ามา
“เอ่อ พี่ๆขอตัวก่อนนะครับพอดีนึกขึ้นได้ว่ามีธุระน่ะ” ผมลุกขึ้นจากโต๊ะทันที
“เดี๋ยวคิมจะไปไหน” ผมรีบเดินออกมาจากตรงนั้นโดยมีอีกคนวิ่งตามมา
“เดี๋ยวก่อน อย่าหนีพี่สิ” พี่โชว์ฉุดมือผมไว้
“ปล่อย” ผมพูดเสียงนิ่งๆและพยายามแกะมือออก
“ไม่ปล่อยจนกว่าเราจะคุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
“เราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว” ผมพูดและสะบัดมือออกจนหลุด
“คิม” ผมหันไปตามเสียงเรียกของใครอีกคน......เต้
“ว่าไงเต้” ผมทักและยิ้มให้ตามมารยาท
“เย็นนี้ว่าไหม ไปกินข้าวกันนะ” เต้ชวนผม
“ไม่ว่างเย็นนี้คิมจะกลับบ้านเร็ว!!!” ไม่ใช่เสียงผมที่ตอบแต่เป็นเสียงของคนอื่น...คนที่คุณก็รู้ว่าใคร
“ได้สิเต้ งั้นเย็นนี้มารับเราหน้าคณะด้วยนะ” ผมตอบเต้ไป เต้ดูดีใจมาก
“ได้สิ เดี๋ยวเราโทรหานะ งั้นไปก่อนล่ะเดี๋ยวสายน่ะ”
“อื้ม แล้วเจอกัน” ผมโบกมือลา และเตรียมตัวเดินไปคณะตัวเองแต่ก็ถูกแรงของใครอีกคนฉุดไว้ที่เดิม
“พี่ไม่ให้ไป!!!” พี่โชว์พูดเสียงดัง
“…” ผมไม่ตอบและแกะมือเค้าออก แต่แกะยังไงก็แกะไม่ออก
“ปล่อยผมนะ คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับผม” ผมพูดเสียงดังขึ้นจนคนแถวนั้นเริ่มมองรวมถึงพวกเฟียร์ด้วย
“มานี่!!!” เค้าลากผมกลับมาที่โต๊ะตอนนี้ทุกคนกำลังมองมาที่ผมอย่างสงสัย
“ปล่อยผมสิ โอ้ยยย อะไรนักหนาจะยุ่งอะไรกับผมมากมาย คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับผมได้ยินไหม!!!” ผมพูดแทบจะตะโกนใส่หน้าและดูเหมือนอีกคนก็จะมีอารมณ์แล้วเหมือนกัน
“เฮ้ย มีอะไรค่อยๆพูดกัน ใจเย็นๆไอ้โชว์” พี่วินพูด
“อื้อ...อ่า...อ่อยอะ(อย่า..ปล่อยนะ)” อยู่ๆพี่โชว์ก็จูบผมกลางโรงอาหาร ท่ามกลางสายตาคนเกือบสองร้อยในโรงอาหาร ผมดิ้นคลุกคลักได้สักแปปนึงก็หลุดจากการรัดกุมของอีกฝ่าย
“เพี๊ยะ......” ผมตบหน้าพี่โชว์อย่างแรง
“สารเลว....พอใจ...ฮึก....หรือยังล่ะ” ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม ไม่คิดว่าเค้าจะทำกับผมแบบนี้ในที่สาธารณะได้ เค้าไม่นึกถึงใจผมบ้างเลย ผมวิ่งหนีออกมาจากตรงนั้นเร็วที่สุดเท่าที่เร็วได้
“เดี๋ยวคิม รอเราด้วย” เฟียร์ไล่ตามหลังผมมา ตอนแรกว่าจะเข้าเรียนตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์แล้ว ผมวิ่งมานั่งที่สระน้ำหน้าคณะซึ่งมีต้นไม้อยู่เยอะพอสมควรอากาศจึงไม่ร้อนกำลังดี ผมเลือกนั่งต้นที่อยู่ใกล้สระมากที่สุดเผื่อ น้ำในสระจะทำให้ผมสบายใจขึ้นบ้าง
“คิม ไม่เป็นไรนะ” เฟียร์ที่วิ่งตามผมมามีท่าทีหอบเหนื่อยไม่แพ้ผมเลย
“อืมไม่เป็นไรหรอก” ตอนนี้ผมหยุดร้องไห้แล้ว เพราะไม่รู้ว่าร้องแล้วจะได้อะไรขึ้นมา
“เราถามจริงๆนะ ตอนนี้คิมรู้สึกยังไงกับพี่โชว์” เฟียร์เริ่มเปิดฉากถามผม
“หึ ถ้าถามเราตอนนี้หรอ....ไม่รู้สิแต่เราไม่อยากเจอ ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากพูดคุย อะไรหลายๆอย่างมันทำให้เรารู้สึกแบบนั้น มันคงเป็นความเกลียดชังมั้ง” ผมตอบเฟียร์ไปแต่สายตาผมเหม่อมองน้ำสระ
“เราจะบอกอะไรให้เอาไหม”
“อะไรล่ะ”