▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」  (อ่าน 270284 ครั้ง)

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :z2:

มันจะดี หรอ ??

ออฟไลน์ sam3sam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-4
“พี่เขตต์ครับ...เป็นผู้หญิงของธรณ์นะครับ”
 ถามแบบนี้ถ้าไอ้พี่เขตต์ยอมนี่.. บอกอารมณ์ไม่ถูกเลยวะ o22

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
พี่เขตต์บอกน้องธรณ์ไปสิคับว่า โอเค!!  5555555+  :laugh:

ออฟไลน์ pare_140

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-6
เป็นผู้หญิงของธรณ์น่ะ โอ้ยยเขินนน

ออฟไลน์ Pumpkin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
               “พี่เขตต์ครับ...เป็นผู้หญิงของธรณ์นะครับ”
คำพูดนี้ทำเอาเราหงายเงิบไปเลย เกือบพ่นน้ำแหนะ ดีนะกลืนลงไปทัน  :m20:
ถึงแม้ธรณ์จะชอบแพ้ทางพี่เขตต์  แต่ถ้าให้ธรณ์รุกแล้วพี่เขตต์รับมันคงจะฮาน่าดูเลยเนอะ
เราแอบหวัง ถึงแม้มันอาจจะลมๆแล้งๆ 555

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
คุนเขตแดนโหมดหวาน น้ำตาลยังอาย
พอรู้ว่าเค้ามีใจให้ รุกหนักเลย

ออฟไลน์ Renze

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-25
“ รักคืนรัง ”

ชินดนัยและชนวีร์


               ท่ามกลางความเงียบสงัดของยามค่ำคืน แม้แต่ห้องนอนของบ้านพักทหารหลังเล็กก็มีเพียงเสียงหริ่งหรีดเรไรจากด้านนอก มันคงจะสงบสุขเหมือนที่เป็นมาค่อนคืน และสองคนที่นอนกอดกันก็คงจะหลับฝันดี ถ้าเพียงแต่...

               ครืด...ครืด...

               ชายหนุ่มร่างสูงขยับตัวออกจากอ้อมกอดที่รัดแน่น ราวกับจะกดเขาจมลงสู่อ้อมอกอุ่น มือควานหาโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่สั่นครืดคราด พอเจอก็หยีตาสู้แสงไฟจากโทรศัพท์ เผลอนิ่วหน้าเล็กน้อยเพราะถูกปลุกกลางดึก ก่อนจะกดรับสายอย่างงัวเงีย

               (ชิน...ไม่ได้อยู่ที่เรือนเล็กหรือลูก)

               เสียงคุณหญิงผู้เป็นแม่ ที่โทรทางไกลมาจากต่างประเทศดังมาตามสาย ชินดนัยขยับจะก้าวลงจากเตียง เพราะเกรงว่าเสียงสนทนาจะปลุกอีกคนที่กำลังนอนหลับด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่แค่ขยับตัวเพียงนิดเดียว อ้อมแขนแข็งแรงก็ยื่นมาโอบรัดรอบเอวเขาอย่างหวงแหน จนต้องยอมจำนนอยู่ที่เดิม

               “ผม...มาค้างที่บ้านพักของพี่ครับ”

               แม้จะรู้ดีว่าผู้เป็นพ่อแม่ไม่ได้ระแคะระคายความสัมพันธ์พิลึกพิลั่นที่ผิดธรรมชาติ แต่ชินดนัยก็ยังเกรงและกลัว กลัวว่าซักวันถ้าผู้เป็นพ่อแม่รู้เข้า ทุกสิ่งทุกอย่างคงพังทลาย ลูกชายคนเดียวของท่านนายพลรักกับผู้ชายด้วยกันเอง แถมยังเป็นคนที่มีศักดิ์ตามกฎหมายเป็นพี่ชายเสียอีก น่าขายหน้าน้อยเสียเมื่อไหร่ ยามเอ่ยถึงอีกคนจึงต้องเอ่ยด้วยความระมัดระวังเหมือนคนที่มีชนักปักหลัง

               (อ้อ...อยู่กับตาวีร์นี่เอง ความจริงน่าจะพากันมานอนบ้าน บ้านเราสบายกว่าบ้านพักที่กรมนะลูก)

               “ไม่เป็นไรครับแม่ ผมมาค้างแค่คืนเดียวเอง พอดีพรุ่งนี้พี่เขาต้องลงพื้นที่เลยชวนผมมาค้าง”

               ถือว่าเขาไม่ได้ปดผู้เป็นแม่ เพราะสาเหตุที่ชินดนัยมาค้างบ้านพักที่กรม ก็อย่างที่เอ่ย พรุ่งนี้คนที่นอนอยู่ข้างกายจะต้องออกปฏิบัติการ บางทีก็กินเวลาไม่กี่วัน บางทีก็เป็นสัปดาห์ หนักหน่อยก็เป็นเดือน และทุกครั้งที่จากไป ก็จะต้องทิ้งความกังวลใจให้เขาดูต่างหน้าอยู่เสมอ

               เขาเกิดเป็นลูกทหาร แม้จะไม่ได้เป็นทหาร แต่ก็คุ้นชินกับวิถีชีวิตแบบทหาร ตอนเด็กเคยกอดแม่ สมัยที่ต้องนั่งรอพ่อกลับจากปฏิบัติการ เหตุผลที่เขาเลือกที่จะไม่เป็นทหาร ส่วนหนึ่งก็เพราะคำขอร้องของแม่ แม่ที่เคยเฝ้ารอพ่อด้วยความเป็นห่วงและกระวนกระวาย แม่ที่ไม่อยากต้องเฝ้ารอเขาด้วยความเป็นห่วงเวลาที่ออกปฏิบัติการ เพราะแม่บอกว่า...


               ‘แม่มีลูกชายอยู่สองคน เป็นทหารไปแล้วเสียคน ชินอย่าเป็นอีกคนเลยนะลูก’


               อาจจะเป็นคำพูดที่ฟังดูเห็นแก่ตัว แต่มันก็คือเรื่องจริงของคนข้างหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...หัวอกของคนเป็นแม่ เขาเองก็เข้าใจเป็นอย่างดี รู้ดีว่าตนเองกระวนกระวายแค่ไหน ทุกครั้งที่คนข้างกายต้องลงพื้นที่ โชคดียังพอติดต่อกันได้ บางครั้ง...ติดต่อกันไม่ได้เป็นอาทิตย์ บางคราวที่หายเข้าป่าไปก็ไม่มีข่าวคาว ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร กว่าจะอุ่นใจก็ตอนที่อีกคนแบกร่างโทรมๆกลับมายืนอยู่ตรงหน้า

               (บอกตาวีร์ด้วยนะลูก ถ้าเสร็จงานแล้วกลับมาหาพ่อแม่บ้าง แล้วก็ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองลูกของแม่ให้ปลอดภัยกลับมาด้วย)

               ใช่ว่าจะมีแต่ชินดนัยคนเดียวที่เป็นห่วง คุณหญิงเองก็ไม่ต่างกัน แม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกันโดยกำเนิด แต่ความรักและผูกพันที่บ่มเพาะมานาน เธอจึงเอ่ยปากบอกคนอื่นว่ามีลูกชายสองคนได้อย่างสนิทใจ

               “ครับ เดี๋ยวผมจะบอกพี่ให้”

               ชินดนัยกดวางสายโทรศัพท์ไป ก่อนจะนั่งมองหน้าจอที่มืดดับอย่างเหม่อลอย เขาเองก็มีเรื่องที่ต้องคิดมากมาย นอกจากเรื่องของเพื่อนรักอย่างธรณ์แล้ว เรื่องของตัวเองก็หนักหนาไม่ต่างกัน

               “คุณแม่โทรมาใช่ไหม” เสียงทุ้มเอ่ยอยู่ข้างหลัง พร้อมกับอ้อมแขนที่รั้งตัวเขาลงนอนเคียงข้าง

               “ผมทำพี่ตื่นหรือเปล่า”

               “เป็นทหาร ถ้าหลับลึกก็แย่สิ ต้องรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา แค่นายขยับตัวฉันก็ตื่นแล้ว”

               “เป็นทหารนี่ก็ลำบากเหมือนกันนะ”

               ชินดนัยปล่อยตัวให้นอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนที่อบอุ่น เหมือนทุกคืนก่อนที่อีกคนจะลงพื้นที่ ที่เขามักจะพาตัวเองมาเก็บเกี่ยวความอบอุ่น ราวกับว่ามันจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้อยู่ด้วยกัน เพราะในความแน่นอนมักมีความไม่แน่นอนอยู่เสมอ ไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร


               “ถ้าทุกคนคิดแบบนี้ก็แย่สิ ภูมิใจหน่อยสิที่ฉันเป็นทหาร เป็นทหารของประชาชน เป็นคนของแผ่นดิน”

               “แต่บางที...ผมก็อยากให้พี่เป็นแค่คนธรรมดาสำหรับผม”



               อ้อมกอดแข็งแรงกระชับแน่นเข้า สายตาที่ชินกับความมืดของชินดนัยมองตรงไปยังเครื่องแบบสีเขียวที่แขวนรออยู่ เขาถอนหายใจออกมาช้าๆ เขาไม่ค่อยได้หลับสนิทเท่าไหร่นัก ทุกครั้งที่อีกคนต้องลงพื้นที่ ที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือ มันเป็นความห่วงและกังวลที่อัดแน่น ไม่สามารถเปิดเผยออกไปให้ใครรู้ได้

               “คราวนี้พี่ต้องไปกี่วัน”

               “ยังไม่รู้เลย คราวนี้ถูกเรียกไปที่กองกำลังนเรศวร”

               แค่ชื่อที่หลุดออกมา ก็ทำเอาชินดนัยต้องมุ่นหัวคิ้วเข้าหากัน ก่อนจะหันมามองคนที่นอนกอดเขาอยู่ อีกฝ่ายเพียงแค่นอนหลับตา เขารู้ว่าทุกประสาทสัมผัสของคนข้างตัวยังตื่นอยู่

               “ยาเสพย์ติดใช่ไหม”

               “อืม...มีข่าวว่ามันจะขนเข้ามาทางด่านแม่สอด”

               “สัญญาได้ไหม...ว่าจะไม่ตาย”

               ชินดนัยรู้ ว่ามันเป็นคำสัญญาที่เอาแต่ใจ แต่เขาก็ขอสัญญาจากนายทหารหนุ่มทุกครั้งที่ลงพื้นที่ อย่างน้อยเขาจะได้อุ่นใจ ว่าอีกฝ่ายจะรอดชีวิตกลับมาหาเขา


               ...แม้ไม่อาจอยู่ด้วยกัน ขอแค่อย่าตายจากกันก็เพียงพอ...


               “ไม่รู้หรือไง ว่ายังไงฉันก็ต้องกลับมาหานายอยู่ดี นอนเถอะ อย่าคิดมากเลย น่าจะชินได้แล้วนะ”

               ชินดนัยอยากจะเถียงออกไป ต่อให้ชนวีร์ต้องลงพื้นที่อีกกี่ร้อยพันครั้ง เขาก็ไม่มีทางชินเด็ดขาด

               “ไม่อยากให้ผ่านคืนนี้เลย”


เหมือนท้องฟ้าเป็นใจให้ฉัน
โปรยหยาดฝนชโลมชีวัน ชุบชีวิตให้มีสีสัน
รักที่เหมือนมีเพียงในฝัน คงไม่มีตัวตนอะไร
แล้วฝันนั้นที่มัวก็ใส
แล้วในคืนนี้ก็มีเพียงเรา ใต้หมู่ดาว
เธอกอดฉันไว้ หนาวก็พลันอุ่นกาย
ไม่อยากให้ผ่านคืนนี้รู้ไหม ขอให้มีเพียงเราได้ไหม
ฉันและเธอและภาษาใจ ให้นานเท่านานอย่างนี้
ไม่อยากให้ผ่านคืนนี้รู้ไหม ทุกนาทีที่ใจฉันไหว
ฉันและเธอทุกลมหายใจ
แต่แล้วทำไม...ต้องจากฉันไป

[* ไม่อยากให้ผ่านคืนนี้ :: The SiS]


               “นอนเถอะ...สัญญาว่าจะกลับมา”

               มันเป็นเรื่องยาก ที่จะรับปากในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่ชนวีร์ก็พยายามจะทำให้ได้อย่างที่ปากพูดทุกครั้ง ถึงกลับเป็นไม่ได้ ก็จะพาร่างกายกลับมา ไม่ใช่แค่คนรอที่เครียด คนไปก็ห่วงข้างหลังเสมอ

               แค่ความรักที่เป็นความลับก็อึดอัดและลำบากพอแล้ว ช่วงเวลาที่ต้องจากกันยิ่งทรมานจนแทบคลั่ง ทุกครั้งที่เจอกัน จึงอยากจะเก็บเกี่ยวความรู้สึกดีๆเอาไว้ให้ได้มากที่สุด เก็บเอาไว้เผื่ออนาคต...เพื่อวันที่เราต้องห่างกันไกล

               ทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน เขาเรียกร้องเอาจากชินดนัยทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะทันทีที่แยกจากกันไป เมื่ออยู่ในสนามรบ เขาต้องตัดทุกเรื่องราวออก แค่แผ่นดิน แค่ประชาชนที่สำคัญ แค่ศัตรูที่ต้องนึกถึง ไม่มีเวลามาคิดเรื่องส่วนตัว ทุกเวลาคือความเป็นตาย

               หากพลาด...คือจบ!! หากรอด...นั่นหมายถึงเขามีโอกาสกลับมากอดคนที่รัก


====================


               ชินดนัยยืนมองคนที่กำลังตรวจเช็คความเรียบร้อยของลูกกระสุนและอาวุธคู่ใจ ทุกครั้งที่ต้องรอคอย มันเป็นการรอคอยที่เต็มไปด้วยความกลัว กลัวว่าซักวัน...คนที่ไปจะไม่กลับมา

               “พี่ไม่ลืมอะไรแล้วนะ”

               คนที่สวมชุดทหารเต็มยศ เพราะต้องเข้าไปรายงานตัวก่อนปฏิบัติงาน เงยหน้ามามองเจ้าของคำถาม เขาลุกขึ้นรั้งอีกคนมากอดไว้หลวมๆ

               “ขอเครื่องรางได้ไหม”

               รอยยิ้มบางๆผุดที่ริมฝีปาก เพราะรู้ดีว่าเครื่องรางที่อีกคนพูดถึงคืออะไร เขาปลดกระดุมเครื่องแบบนายทหารออกสองเม็ด ก่อนที่ริมฝีปากจะจรดลงบนเนินอก รับรู้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจ ขบเม้มจนกลายเป็นรอย แต่ไม่ว่าจะทำให้เป็นรอยชัดเจนขนาดไหน มันก็หายไปก่อนที่อีกคนจะกลับมาทุกที

               “กว่าพี่จะกลับมาก็ไม่เหลือรอยแล้ว”

               นายทหารหนุ่มไม่ได้ตอบอะไร กอดอีกคนไว้แน่น ซึมซับทุกความอบอุ่นในวันนี้ ก่อนจะคลายวงแขวนออกอย่างแสนเสียดาย แต่ภารกิจและหน้าที่ต้องมาก่อน เลือกที่จะเดินบนทางสายนี้แล้วก็ต้องแยกแยะให้ออก

               ชินดนัยเดินออกมาส่งชนวีร์ที่รถจี๊ป พอออกมานอกบ้านพัก ก็ไม่สามารถทำอะไรประเจิดประเจ้อได้อีกแล้ว ทุกความรู้สึกได้แต่ส่งผ่านทางสายตา ให้อีกคนรับรู้ด้วยหัวใจ

               “ดูแลตัวเองดีๆนะ แม่ฝากบอกว่า...ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองพี่ให้ปลอดภัยกลับมา”

               “บอกแม่ด้วยว่า...ฉันรักแม่”

               เป็นเรื่องปกติและเป็นสิ่งที่ต้องทำ ทุกครั้งที่ต้องออกไปทำงาน บอก...เพราะไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสกลับมาบอกอีกหรือเปล่า


               “และฉัน...รักนายมากนะชินดนัย”


               ชินดนัยยิ้มก่อนจะเดินแยกไปที่รถของตัวเอง รถจี๊ปคันใหญ่ขับตามรถของชินดนัยออกมานอกกรม แยกย้ายกันไปตามทางของแต่ละคน กลับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริง ที่ทุกชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ไม่รู้เมื่อไหร่ที่จะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันอย่างที่ใจต้องการ หรือว่า...อาจจะไม่มีวันนั้น ทุกวันนี้ที่ยังได้อยู่ด้วยกัน ก็แค่ใช้ความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องมาบังหน้า

               ทางมืดมน แต่ตราบเท่าที่อีกคนยังเป็นแสงสว่าง ก็ไม่เคยคิดจะย้อนกลับ

               แต่บางที...ภาระหน้าที่ก็ต้องมาก่อนหัวใจ



====================


๐ จะมีคนเอาระเบิดปาไหมเนี่ย มีคนเปิดเพลงที่ลง เลยนั่งเขียนซะเลย อารมณ์ชั่ววูบมาก
๐ พี่เขตต์ยังคิดไม่ออกว่าจะตอบธรณ์ยังไง มาหน่วงเบาๆกับชินก่อนละกันเนอะ
๐ ความจริงคู่นี้ก็มีพล็อตแล้วค่ะ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเขียนดีไหม เขียนอีกก็ดราม่าอีก
๐ ตอนหลักยังไม่ได้เขียนเลย นอกจากงานจะยุ่ง ยังเขียนไม่ออกอีกต่างหาก สารภาพผิด Y_Y
๐ ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามานะคะ อยากเขียนเรื่องคุณทหารมากๆ แต่ข้อมูลไม่แน่นพอ


ออฟไลน์ andaseen

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 742
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-1
 :sad4: คู่นี้น่าสงสารมากอ่ะ อุปสรรคหนักหนาสาหัสมาก แต่สุดท้ายอยากให้สมหวังนะ :z3:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
ขอให้ปลอดภัย :call: :call:

ออฟไลน์ pharm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
คู่พี่น้อง :haun4: รอ  :impress2:

และรอคนเขียนด้วย o13

 :bye2:


gngane

  • บุคคลทั่วไป
ต้องปลอดภัยนะ

เครื่องรางขลังมาก

อย่างนี้ต้องรอดนะคะนักเขียน...

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
คนแต่งขอร้องอย่างนึง คู่นี้อย่าจบเศร้านะคะ

แค่อ่านตอนนี้ก็อยากจะร้องไห้ละ สงสารทั้งคู่เลยอ่ะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ G-NaF

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
กลับมาอย่างปลอดภัยนะครับ  :กอด1:

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
การที่ต้องปกปิด ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองมันก็ยากอยู่แล้ว ด้วยความเป็นชาย ด้วยการเป็นพี่น้อง
และอีกด้วยภาระกิจที่ต้องกระทำหน้าที่  :เฮ้อ:
เอานะ ยังไงอุปสรรคที่ขวางกันอยู่ ก็น่าจะผ่านมันไปได้ ด้วย  :n1: กันและกัน
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ  :กอด1:

ออฟไลน์ So_Da_Za

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-3
ต้องกลับมาอย่างปลอดภัยอยู่แล้ว
 :call: :call:

ออฟไลน์ ~มือวางอันดับ1~

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
 :m15: น่าสงสารอ่ะ

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
ดูเจ็บปวดและลำบาก แต่ก็เป็นความรักที่สวยงามนะ
ชอบเครื่องรางที่หน้าอกมาก ซึ้งอ่ะซึ้ง
มีแฟนเป็นทหารห่วงเนอะ ขอให้ปลอดภัย

 :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
สงสารคู่นี่อะ

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
ชลวีร์ต้องปลอดภัยกลับมาหาชินดนัยนะ

ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1057
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
:sad4: อย่ามาทำให้ใจสั่นนะ
สงสารชินจังเลย ต้องรอคนรับกลับมาไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตาย :dont2:

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
คู่นี้แบบได้กลิ่นมาม่าโชยมาเลย
ท่าจะอุปสรรครักเยอะ

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
ขอให้พี่วีร์ปลอดภัยกับมาหาคนรักแล้วกัน ^^

ส่วนพี่เขตต์ก็ต้องรอลุ้นต่อไปว่าเฮียจะตอบจะได๋

ออฟไลน์ Renze

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-25
“ รักคืนรัง ”

ตอนที่ 16


               “ธรณ์อยากรุกพี่เหรอครับ”


               ถ้อยคำถามหลุดออกมาจากริมฝีปากหยัก ดวงตาคมพราวระยับท่ามกลางความมืด ที่มีเพียงแสงสีส้มอ่อนจากโคมดวงเล็กส่องมาบริเวณระเบียง

               นอกจากคำถามจะฟังดูกวนโมโห ดวงตาพราวระยับนั่นยังทำเอาธรณ์ อิสรพัฒน์รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กน้อย ประสบการณ์อันโชกโชนที่ผ่านมาของตนเองแทบจะกลายเป็นติดลบ ยามเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับเขตแดน เกียรติณรงค์ ผู้ชายที่ธรณ์เคยนึกค่อนขอดว่าคงจะทำแต่งานจนเป็นสมรรถภาพทางเพศเสื่อม

               เขตแดนปลดมือธรณ์ที่จับคางเขาอยู่ออก แล้วก็ปล่อยมือของธรณ์เป็นอิสระ ดวงตาคมทอดมองธรณ์อย่างนึกเอ็นดู อดีตเพลย์บอยตัวฉกาจสำหรับคนอื่น ยามอยู่ต่อหน้าเขาก็เหมือนแค่เด็กวัยรุ่นธรรมดา ที่บางทีก็น่าเอ็นดู แต่บางทีก็...

               “อื๊อ...”

               เขตแดนเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง เมื่อจู่ๆเพลย์บอยตัวฉกาจก็เคลื่อนหน้าเข้ามาจนชิด ก่อนจะฉกริมฝีปากลงมาด้วยความรวดเร็ว ริมฝีปากของธรณ์ประกบแนบแน่นอยู่กับริมฝีปากเขา รับรู้ถึงความนุ่มนวลที่เฝ้าคิดถึงอยู่เสมอ คนที่ริอาจเดินเกมส์รุกขบเม้มจนคนอายุมากกว่าต้องยอมเผยอปากออก แล้วสัมผัสอุ่นร้อนก็สอดแทรกเข้ามาไล่ต้อนเขาเสียเกือบจนมุม


               เขตแดนยอมรับเลยว่า...ธรณ์จูบเก่งจนน่ากลัว!!


               วูบหนึ่งที่เขตแดนรู้สึกหงุดหงิด เมื่อต้องมาคิดหาคำตอบว่า ริมฝีปากที่กำลังแนบสนิทชิดกับริมฝีปากของเขา เคยผ่านริมฝีปากคนอื่นมากี่คนแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดจนอยากจะลบทุกร่องรอย ลบทุกสัมผัส ลบเลือนทุกภาพความทรงจำของธรณ์กับคนอื่น

               เขตแดนดึงธรณ์เข้ามาชิด จนรับรู้ถึงแรงสะท้อนที่แผ่นอก เขาช่วงชิงจังหวะพลิกกลับมาเป็นฝ่ายคุมเกมส์ บดริมฝีปากลงกับปากของธรณ์แนบแน่น จนรู้สึกถึงแรงทุบที่หน้าอกเพราะอีกคนจวนเจียนจะขาดใจ ถึงยอมผละออกมามองตากันคล้ายจะหยั่งเชิง ก่อนที่เขตแดนจะแกล้งถามซ้ำ

               “จะรุกพี่เหรอครับ...”

               ธรณ์กำลังจะพยักหน้า แต่พอเหลือบตาดูเห็นสภาพของตนเองก็ต้องเบิกตากว้าง ตอนแรกเขาเป็นฝ่ายรุกเข้าหาเขตแดนก่อน แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าเขากำลังถูกเขตแดนกอดอยู่ ธรณ์ขยับจะดันตัวเองออกจากอ้อมแขนของเขตแดน แต่อ้อมกอดที่เห็นว่าหลวมๆ กลับแข็งแรงเสียจนเขาต้องยอมจำนนอยู่ที่เดิม

               “พี่เขตต์...” ธรณ์เรียกชื่อคนที่นั่งทำตาพราวเสียงขุ่น

               “ครับ?”

               “ไหนบอกว่าจะให้ผมเป็นฝ่ายรุกยังไงล่ะ”

               “อย่ามาตู่ครับธรณ์ พี่แค่ถามว่าอยากรุกพี่เหรอ ไม่ได้แปลว่าจะให้ธรณ์รุกพี่”

               คราวนี้คนที่ถูกกอดเอาไว้เลยดันเจ้าของอ้อมกอดออกเต็มแรง แต่ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นยืน ก็ถูกเขตแดนรั้งกลับเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดหลวมๆเหมือนเดิม ปลายนิ้วของเขตแดนไล้ไปตามเรียวปากที่แดงเจ่ออย่างอ่อนโยน แม้จะเป็นสัมผัสที่แผ่วเบา แต่ก็ทำเอาหัวใจของใครบางคนสะท้านด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้น

               ริมฝีปากหยักทาบทับลงมาอีกรอบ ไม่รีบร้อน ไม่เร่งเร้า มีแต่ความนุ่มนวลและอ่อนโยน จนธรณ์เคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสที่เขตแดนมอบให้ ได้แต่ปล่อยตัวอยู่ในอ้อมกอดที่โหยหามาตลอดอย่างเต็มใจ ไม่อยากจะคิด ไม่อยากจะนึกถึงอะไรอีก ขอแค่นี้...แค่อ้อมกอดที่เป็นของเขา

               “ให้พี่ดูแลธรณ์นะ...”

               ธรณ์กระชับอ้อมกอดแน่นแทนคำตอบ ซึมซับทุกความอบอุ่นที่ถูกถ่ายทอดผ่านมาทางอ้อมกอดของเขตแดน ไม่ใช่อ้อมกอดของพี่เขตต์คนเก่า เพราะพี่เขตต์คนนี้ไม่ได้เห็นธรณ์เป็นแค่น้องชายอีกต่อไป อ้อมกอดที่มีให้จึงอุ่นกว่าเดิม อุ่น...จนไม่อยากให้ปล่อย


ไม่รู้ว่าทุกอย่างระหว่างเราสองคน...เปลี่ยนไปเมื่อไหร่
แต่รู้ว่ากลายเป็นความสุขที่เข้ามา...อยู่แทนความเหงาในหัวใจ
เมื่อก่อนฉันยังเคยค้นหาคำตอบ...ว่าจะมีบางคนเกิดมาเพื่อฉันไหม
แล้วก็ได้เข้าใจ...วันนี้เมื่อฉันมีเธอ

[คำตอบของหัวใจ - Potato]


====================


               หลังจากนอนกอดกันจนหลับปุ๋ย ธรณ์ก็งัวเงียตื่นมาอีกทีตอนสาย ตื่นมาก็เหมือนเช้าวันก่อน เขตแดนที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วกำลังจัดของอยู่ พอหันมาเห็นคนที่นั่งหัวฟูอยู่บนเตียง รอยยิ้มก็ปรากฏอยู่บนดวงหน้าคมด้วยความเอ็นดู ก่อนจะถือวิสาสะเดินมาจูบปากคนที่เพิ่งตื่นเบาๆ เรียกอาการตาสว่างจากคนที่กำลังงัวเงียทันที

               “ฮื๊อ...พี่เขตต์...”

               ถึงจะอยากประท้วงก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะคนที่อุกอาจมาขโมยจูบแรกของวัน เดินกลับไปเก็บของต่อแถมยังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี จนคนถูกปล้นจูบแต่เช้านึกหมั่นไส้ โยนหมอนตามหลังไป แล้วก็รีบคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำก่อนที่อีกคนจะทันเดินมาเอาคืน

               ตอนที่ธรณ์เดินออกมาจากห้องน้ำ เขตแดนก็กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ข้าวของน้อยนิดที่มาแวะซื้อเอาระหว่างทางก็เก็บเรียบร้อยแล้ว ธรณ์เหลือบตามองคนที่ทำเป็นวางมาดอ่านหนังสือพิมพ์แล้วก็ย่นจมูก เห็นมาดนิ่งๆ วันๆเอาแต่นั่งทำงาน ใครเลยจะรู้ว่าความจริงแล้วเจ้าเล่ห์ขนาดไหน

               เมื่อคืนทำเขาอายไม่พอ ตื่นเช้ามาก็ยังทำเขาอายอีก อย่านะ...อย่าให้ใครมาเห็นธรณ์ อิสรพัฒน์ตอนนี้เลย ให้เขตแดนได้เห็นคนเดียวเถอะ ธรณ์ที่ไร้เขี้ยวเล็บและพิษสงแบบนี้ คิดๆแล้ว เพลย์บอยหนุ่มก็นึกอยากเอาคืนคนที่ทำเป็นนั่งเก๊กอยู่เหมือนกัน

               “ตกลงพี่เขตต์เป็นเกย์จริงๆด้วยสินะ”

               คำถามจากคนที่ยืนเช็ดผมอยู่ ทำเอาเขตแดนที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ต้องรีบเงยหน้ามามอง เห็นแววตาของคนถามก็รู้ทันทีว่าอีกคนอยากจะเอาคืน

               “ก็เป็นกับธรณ์คนเดียวนั่นแหล่ะ”

               นอกจากลูกกระสุนดอกแรกที่ยิงออกไปจะไม่เข้าเป้า ยังถูกยิงสวนกลับมาให้ธรณ์ไปต่อไม่ถูก พอคลำหาลิ้นของตัวเองเจอแล้ว เลยต้องรีบสวนกลับทันควันก่อนที่เขตแดนจะทำคะแนนนำ

               “ก็ว่าแล้ว...เห็นไม่เคยมีแฟน ไม่เคยยุ่งกับใคร ที่แท้ก็เป็นเกย์นี่เอง”


               “ไม่รู้ว่าจะเรียกเกย์ได้หรือเปล่านะ เพราะบังเอิญว่าผู้ชายที่พี่ชอบดันมีแค่ธรณ์คนเดียวน่ะสิ”


               ถ้ากระสุนลูกแรกถูกยิงสวนกลับมา ลูกที่สองคงเรียกว่าทะลุเข้ากลางอกของธรณ์ ให้ได้เกิดอาการโลหิตสูบฉีดทั่วหน้า นี่ใช่ไหมที่เขาว่ากันว่า พวกนิ่งๆมักจะหมัดหนัก แทบจะทำเขาน็อคเลยทีเดียว แต่คนอย่างธรณ์ อิสรพัฒน์เสียอย่าง ลองส่งกระสุนออกไปอีกซักลูกจะเป็นไรไป

               “อย่าบอกนะว่าผมเป็นคนทำให้พี่เขตต์เป็นเกย์”

               “ไม่รู้เหมือนกัน เพราะตอนเด็กๆก็ชอบวิ่งตาม โตมาก็ชอบเรียกร้องความสนใจ รู้สึกตัวอีกที...ก็ปล่อยให้คลาดสายตาไม่ได้แล้ว ทำให้พี่เป็นเกย์แล้ว รับผิดชอบด้วยนะครับ”

               คราวนี้โดนเต็มๆเลย ดวงตาวิบวับของเขตแดนที่บอกให้ธรณ์รับผิดชอบ มันสื่อความนัยมากมายซะจนคนที่ตั้งใจว่าจะเอาคืน ต้องเป็นฝ่ายกระดากอายเสียเอง ไม่ต้องเสียเวลาตีความ ไม่ต้องคิดไปเอง แค่มองตาคนที่พูดน้อยต่อยหนัก ธรณ์ก็รู้ซึ้งถึงความหมายที่อีกคนต้องการบอกเป็นอย่างดี สุดท้ายเมื่อไม่รู้จะเอาตัวรอดอย่างไร ก็ต้องใช้ลูกไม้เก่าๆ

               “ผมหิวแล้ว ไปกินข้าวดีกว่า”

               เขตแดนเองก็ไม่คิดจะรั้งคนที่อ้างว่าหิว แค่เห็นหน้าขาวๆนั่นซับสีเลือด ก็พลอยทำให้เขาอารมณ์ดีได้ตลอดวันแล้ว ถ้ารู้ว่าเวลาธรณ์เขินแล้วจะน่ามองขนาดนี้ เขตแดนอยากจะทำให้ธรณ์เขินซักวันละร้อยรอบ


====================


               ทางโรงแรมเตรียมบุฟเฟ่ต์แบบอเมริกันเอาไว้สำหรับแขกที่มาพัก คนที่ไม่พิสมัยอาหารฝรั่งอย่างเขตแดนเลยนั่งจิบกาแฟกับขนมปัง ผิดกับธรณ์ที่เจริญอาหารเป็นปกติ จนคนร่วมโต๊ะนั่งมองเพลิน ตักมากี่อย่างต่อกี่อย่างก็หายวับเข้าปากธรณ์เสียหมด เหมือนคนถูกมองเองก็จะรู้ตัว เลยเอ่ยปากถามแก้กระดาก

               “พี่เขตต์กินแค่ขนมปังกับกาแฟอยู่ท้องเหรอ เอาอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวผมไปตักมาเผื่อก็ได้”

               เขตแดนก็อยากจะตอบรับไมตรีของธรณ์ แต่ไม่ได้รู้สึกอยากกินอะไรจริงๆจังๆ เลยต้องส่ายหน้าปฏิเสธ

               “ไม่ต้องหรอก พี่ไม่ค่อยชอบอาหารฝรั่ง นั่งดูธรณ์กินก็อิ่มแล้ว กินซะอร่อยเชียว”

               “เดี๋ยวก็หิวกลางทางหรอก”

               “ไม่เป็นไร ยังไงเดี๋ยวเราก็ต้องแวะตลาดหนองมนกันอยู่แล้ว รู้จักหรือเปล่า...ข้าวหลามหนองมนน่ะ ของโปรดธรณ์เลยนะ”

               พอพูดถึงข้าวหลาม คนที่นั่งกินข้าวอยู่ก็ถึงกับวางช้อนทำตาวาวทันที นอกจากจะดีใจที่จะได้กินข้าวหลามของโปรดแล้ว ยังดีใจที่เขตแดนยังจำได้ว่าธรณ์ชอบกินข้าวหลามมากแค่ไหน แถมคนความจำดียังอุตส่าห์ย้ำให้ธรณ์ดีใจเพิ่มว่า...

               “สมัยก่อนนะ เด็กบางคนชอบกินแต่กะทิ แล้ววิ่งเอาข้าวเหนียวมาให้พี่กิน ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ยังเป็นอยู่หรือเปล่า”

               ธรณ์เกาหัวแก้เก้อทันที รู้สึกว่าความจำของเขตแดนจะดีเกินไปแล้ว ไม่อยากจะบอกหรอกว่า ถึงเดี๋ยวนี้เขาก็ยังชอบกินแต่กะทิอยู่ดี สมัยก่อนตอนเป็นเด็ก คุณสงครามมักจะเตรียมข้าวหลามเอาไว้ให้ธรณ์เสมอ เพราะรู้ดีว่าเด็กชายธรณ์โปรดปรานมากแค่ไหน แต่ปัญหามันดันอยู่ที่ว่า เด็กชายธรณ์เขาชอบกินแต่กะทิ พอตักกะทิเข้าปากจนหมด ก็หอบกระบอกข้าวหลามที่เหลือ วิ่งโร่เอาข้าวเหนียวไปให้พี่เขตต์รับผิดชอบ
               
               “ไม่รู้ล่ะ ถ้าซื้อข้าวหลามมาพี่เขตต์ต้องช่วยผมกินข้าวเหนียวด้วยนะ”

               “แล้วพี่เคยไม่ตามใจธรณ์ด้วยเหรอ”

               คำตอบคือไม่เลย ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ถึงเด็กชายเขตแดนจะบ่นเรื่องข้าวหลามที่เหลือแต่ข้าวเหนียว แต่ธรณ์ก็เห็นอีกฝ่ายจ้วงเข้าปากจนหมดกระบอก จนบางทีธรณ์ยังนึกว่า พี่เขตต์คงจะชอบกินข้าวเหนียวน่าดู หารู้ไม่ว่าเขตแดนไม่ได้ชอบกินข้าวเหนียว แต่ไม่อยากเห็นเด็กบางคนทำหน้าเบะ เพราะอยากกินกะทิ แต่ไม่มีคนกินข้าวเหนียวให้ แล้วถ้ากินกะทิเพียงอย่างเดียว ก็ไม่พ้นว่าจะต้องถูกผู้เป็นพ่อดุเอาแน่ๆ

               “เดี๋ยวผมจะซื้อเยอะๆเลย อยากรู้ว่าจะตามใจกี่กระบอก”

               เขตแดนหัวเราะออกมาก่อนจะลูบหัวธรณ์เบาๆ ต่างคนต่างก็รู้ดีว่าความสุขที่ไขว่คว้าหามานาน สุดท้ายกลับอยู่ใกล้ๆ...เพียงแค่หยุดเอื้อม ไม่ต้องดิ้นรนอะไรมากมายให้ลำบาก

               เขตแดนนั่งรอให้ธรณ์ไปตักอาหารจานสุดท้ายมา พอธรณ์มาถึงเขาก็เลยลุกขึ้น เห็นอีกฝ่ายมองมาด้วยความสงสัยเลยต้องรีบเฉลยออกมา

               “เดี๋ยวพี่ไปจัดการเช็คเอาท์ห้องพักก่อน ถ้ากินเสร็จแล้วก็ตามมาที่รถเลยนะ เราจะได้ไม่เสียเวลา”

               ลับร่างของเขตแดนแล้ว ธรณ์ก็หันมาสาละวนกับอาหารที่เพิ่งตักมาพูนจาน กินเสร็จก็จะได้รีบตามเขตแดนไปที่รถ ไม่อยากจะกินเยอะเท่าไหร่ เพราะยังไงก็ต้องเก็บท้องไว้สำหรับข้าวหลามของโปรดอีก

               คนที่กำลังนั่งกินอาหารเช้าอย่างอารมณ์ดีไม่ได้รู้ตัวเลยว่า ภาพความสนิทสนมระหว่างเขากับเขตแดนเมื่อครู่ ไม่สิ! ต้องเรียกว่าตั้งแต่เข้าพักถึงจะถูก ได้ตกอยู่ในสายตาของใครบางคนตลอด

               “คุณเขตแดนกับคุณธรณ์จะเดินทางกลับกรุงเทพฯวันนี้ครับ ตอนนี้คุณเขตแดนกำลังทำเรื่องเช็คเอาท์อยู่ คุณผู้หญิงจะกลับเลยไหมครับ”

               ดวงตาเรียวหลังแว่นกันแดดสีเข้มปรายตามองคนพูดคล้ายจะตำหนิ

               “กลับสิ! ลูกชายฉันไม่อยู่ แล้วฉันจะอยู่ไปทำไม”

               “ครับ เดี๋ยวผมจะบอกให้คนของเราเตรียมรถไว้ครับ”

               “เดี๋ยวก่อน! คอยดูแลสองคนนั้นอย่าให้คลาดสายตาเด็ดขาดเลยนะ”

               ร่างระหงของสตรีที่ดูสาวสะพรั่งกว่าอายุจริง แต่งกายด้วยชุดเดรสลายดอกสีสด สวมหมวกปีกกว้างกับแว่นกันแดดจนดูกลมกลืนกับบรรดานักท่องเที่ยว ดวงตาหลังแว่นกันแดดสีเข้มยังคงจับจ้องไปยังชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตามลำพัง

               ที่กลับมาเหยียบประเทศไทย ก็เพราะธุระส่วนตัว แต่กลับมาเจอลูกชายคนเดียวเข้า ตอนแรกก็ไม่คิดว่าลูกชายคนเดียวจะมีรสนิยมที่ผิดปกติ แต่เท่าที่คอยจับตามองและยังส่งคนคอยตาม ดูยังไงก็ไม่ผิดแน่ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนที่มีให้กัน ยังไงก็ไม่มีทางเป็นแค่พี่น้อง

               ...เพราะคงไม่มีพี่น้องคนไหนจูบกัน...


====================


               พอขับรถออกมาจากรีสอร์ท เขตแดนก็พาธรณ์มาแวะที่ตลาดหนองมนตามที่บอก และจากประสบการณ์ที่เคยพาธรณ์เที่ยวตลาดน้ำแล้ว เขตแดนก็พอจะคาดเดาเหตุการณ์ได้เลาๆ ซึ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็ไม่ผิดไปจากที่เขตแดนคาดคิดซักเท่าไหร่

               ธรณ์ดูตื่นตาตื่นใจกับของที่วางขาย ตามประสาคนที่เพิ่งกลับมาจากเมืองนอก และไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปไหน เห็นอะไรก็อยากซื้ออยากได้ไปเสียหมด ยิ่งเจอกลยุทธ์การขายข้าวหลามของแม่ค้า ที่บางเจ้าก็บอกว่า 4 กระบอกแถม 1 กระบอกบ้างล่ะ บ้างเจ้าก็บอกว่า 7 กระบอก แถม 2 กระบอกบ้างล่ะ รู้ตัวอีกทีเขตแดนก็ต้องรีบเบรกธรณ์ ก่อนที่จะถือของกันไม่หวาดไม่ไหว

               “พอได้แล้วมั้ง ที่มีอยู่ก็กินแทบจะไม่หมดแล้ว” ไม่พูดเปล่า เขตแดนยังชูสองมือที่มีแต่ถุงบรรจุกระบอกข้าวหลามให้ธรณ์ดู

               “เอาน่าพี่เขตต์ ธรณ์ไม่ได้กินคนเดียวซะหน่อย เดี๋ยวฝากป้าอุ่น ฝากชิน ฝากคุณเวธน์ ฝาก...” ธรณ์ร่ายชื่อยาวจนเขตแดนต้องยกมือยอมแพ้ แต่ไม่วายแอบกัดนิดๆ

               “ฝากข้าวหลามนะ ไม่ใช่ข้าวเหนียว”

               “รู้แล้วครับ ข้าวเหนียวน่ะ ผมเก็บไว้ให้พี่เขตต์กินคนเดียวเลย”

               เขตแดนส่ายหน้าเบาๆอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ธรณ์ก็ยิ้มแป้น รอบข้างก็มีเสียงแม่ค้าพ่อค้าตะโกนเรียกลูกค้าเป็นระยะ ดูท่าแล้วเดี๋ยวธรณ์คงจะได้ซื้อต่อแน่ๆ

               “จะซื้อต่อก็ตามใจ แต่เดี๋ยวพี่เอาของไปเก็บที่รถก่อน ถือไม่ไหวแล้ว”

               “ให้ผมไปด้วยไหม”

               “ไม่ต้องหรอก ธรณ์รออยู่ตรงนี้แหล่ะ พี่ไปแปบเดียวเอง”

               ธรณ์ยิ้มรับ แล้วก็เลิกสนใจเขตแดน เพราะของกินตรงหน้ามันน่าสนใจกว่าอีก ข้าวหลามซื้อไปแล้ว พวกของแห้งก็ดูน่าสนใจเหมือนกัน ยิ่งแม่ค้าตะโกนเรียกว่า...

               “พ่อรูปหล่อ เอาปลาหมึกกับกุ้งแห้งไหมลูก เดี๋ยวป้าลดให้”

               ไหนๆป้าแกก็อุตส่าห์ชม จะปฏิเสธให้ป้าแกเสียน้ำใจก็ใช่เรื่อง ธรณ์เลยชะโงกหน้าเข้าไปดูที่แผงของป้าแก ไม่ต้องแปลกใจเลยว่า  พอเขตแดนกลับมาอีกทีเขาก็แทบอยากจะเอามือก่ายหน้าผาก

               “อะไรเนี่ย!” เขตแดนอุทานออกมา ก่อนจะมองถุงในมือธรณ์เป็นเชิงถาม

               “ปลาหมึกหนึ่งกิโล กุ้งแห้งครึ่งกิโล แล้วก็กล้วยฉาบอีกหนึ่งกิโลครับ”

               “รู้แล้ว แต่ซื้อมาทำไมเยอะแยะล่ะ”

               “ป้าเขาบอกว่าเก็บไว้ได้นาน เดี๋ยวผมให้ป้าอุ่นเอาไปทำยำปลาหมึกกับยำกุ้งแห้งก็ได้ ชิมไหม...อร่อยนะ” กุ้งแห้งตัวเล็กถูกยื่นมาจ่อปากให้เขตแดนอ้าปากรับไปเคี้ยวงับๆ

               กุ้งแห้งมันก็อร่อยจริงอย่างที่ธรณ์บอก โดยเฉพาะตอนที่มีคนมาป้อนถึงปาก

               แต่ให้ตายเถอะ...เขตแดนยังไม่รู้ว่าป้าอุ่นเรือนจะต้องทำยำปลาหมึกกับยำกุ้งแห้งกี่จานกัน กว่าปลาหมึกกับกุ้งแห้งที่ธรณ์ซื้อมาถึงจะหมด เผลอๆหน้าเขากับธรณ์อาจจะกลายเป็นปลาหมึกกับกุ้งแห้งไปก่อนแน่ๆ แต่เห็นหน้าคนช่างซื้อแล้วก็โกรธไม่ลง

               ขึ้นรถมา ธรณ์ก็แกะกล้วยฉาบมากิน ป้อนตัวเองบ้างป้อนเขตแดนบ้าง จนเขตแดนอดคิดไม่ได้ว่า กล้วยฉาบที่กินอยู่มันดูหวานกว่าปกติหรือเปล่า แต่ก็ไม่อยากจะแซวให้อีกคนอาย เดี๋ยวจะได้นั่งขับรถปากว่างๆ เพราะคนป้อนไม่ยอมป้อนต่อ

               ถ้าถามว่ามีความสุขไหม เขตแดนตอบได้เลยว่าความสุขมาก มากจนอยากจะหยุดเวลาเอาไว้นานๆ เหลือบตามองคนที่กำลังมีความสุขกับกล้วยฉาบก็ต้องคลี่ยิ้มออกมาบางๆ

               อยากให้ความสุข...อยู่กับเราสองคนตลอดไป


====================

[มีต่อนะคะ]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-01-2013 21:35:19 โดย Renze »

ออฟไลน์ Renze

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-25

               กลับมาจากพัทยา ก็ต้องกลับมาทำงานตามเดิม ธรณ์ก็ออกมาทำงานกับเขตแดนตอนเช้า ทางเดียวกัน ประหยัดน้ำมัน แถมยังลดมลภาวะอีก ก่อนจะแยกกันธรณ์ไม่ลืมที่จะบอกเขตแดนว่า

               “พี่เขตต์...ผมเรียกพี่เขตต์เฉพาะตอนที่เราอยู่กันสองคนก็พอนะ เรียกเวลาอยู่ที่ทำงาน เดี๋ยวลูกน้องไม่เคารพกันพอดี”

               “ตามใจครับ”

               ธรณ์กำลังจะเดินเลี่ยงไปที่ฝ่ายต่างประเทศแล้ว แต่เขตแดนก็เรียกธรณ์ไว้อีก พอคนถูกเรียกหันมาขมวดคิ้วเป็นเชิงสงสัย เขตแดนเลยบอกความต้องการของตนเอง

               “ตอนกลางวันมากินข้าวด้วยกันนะ”

               ธรณ์ทำหน้าเบ้ ก่อนจะส่ายหน้าไปมาเป็นเชิงปฏิเสธ

               “ไม่เอาหรอก”

               “ทำไมล่ะ”

               “ผมไม่อยากให้คุณเวธน์ซื้อมาให้กินบนห้องนี่นา เดี๋ยวผมพาไปกินเองดีกว่า”

               เขตแดนขมวดคิ้วอย่างสงสัย ว่าธรณ์จะพาเขาไปกินข้าวกลางวันที่ไหนกิน แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถามอะไร มาถึงบางอ้อเอาก็ตอนพักกลางวัน พอเขาเดินมาที่ฝ่ายต่างประเทศ ธรณ์ก็พาเขาลงลิฟต์ปะปนไปกับพนักงาน เรียกสายตาหลายคู่ให้มองมาอย่างเกรงๆ เพราะร้อยวันพันปี ไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นท่านประธานลงมากินข้าว ส่วนมากมักจะให้คนสนิทเป็นคนจัดการมากกว่า เขตแดนเห็นสายตาพนักงานก็นึกรู้ เลยต้องรีบออกปาก

               “พวกคุณทำตัวตามสบายเถอะ ถึงผมจะเป็นประธานบริษัท แต่ก็เป็นคนธรรมดาเหมือนพวกคุณนี่แหล่ะ”

               ธรณ์กลั้นหัวเราะเอาไว้ เพราะถึงเขตแดนจะบอกให้ทำตัวตามสบาย พนักงานบางคนก็ยังรู้สึกเกร็งๆอยู่ ก็ท่านประธานเขาเล่นแผ่รังสีออกมาเงียบๆแบบไม่รู้ตัว

               พอประตูลิฟต์เปิดออก ธรณ์ก็พาเขตแดนเดินตามคลื่นมนุษย์ไปยังตลาดนัดข้างบริษัท พอพนักงานเห็นท่านประธานเดินเข้ามาที่ตลาดนัด ก็ยิ่งเรียกความสนใจมากกว่าเดิม จนคนนำทางอดที่จะกระเซ้าไม่ได้ว่า

               “สงสัยท่านประธานต้องลงมากินข้าวข้างล่างบ่อยๆแล้วครับ พนักงานเขาจะได้ชิน”

               ธรณ์เดินนำเขตแดนเข้าไปในศูนย์อาหารอย่างคุ้นเคย จนคนที่เดินตามหลังอดนึกทึ่งไม่ได้ เขาทำงานมาก่อนธรณ์ ยังไม่เคยมีโอกาสได้มาใช้บริการศูนย์อาหารข้างบริษัท แต่คนที่เพิ่งเข้ามาทำงานไม่นานอย่างธรณ์ กลับชี้ให้เขาดูร้านโน้นร้านนี้ แถมยังแนะนำว่าอะไรเป็นอะไรอย่างคุ้นเคย

               “ร้านตามสั่งร้านนั้นก็อร่อยดีนะครับ ที่คราวก่อนผมซื้อข้าวผัดไปให้ท่านประธาน ตอนคุณเวธน์เขาไม่อยู่”

               “แล้วรู้ได้ยังไงว่าร้านไหนอร่อย ร้านไหนไม่อร่อย มาหลายครั้งแล้วเหรอ”

               “ผมก็อาศัยเดินตามคนอื่นเอาแหล่ะครับ เห็นร้านไหนคนเยอะก็กินร้านนั้นเลย”

               ร้านอาหารที่ธรณ์กับเขตแดนเลือกวันนี้เป็นร้านบะหมี่หมูแดง ต่างคนต่างสั่งบะหมี่หมูแดงพิเศษใส่เกี๊ยวมากันคนละชาม โดยไม่ลืมที่จะขอน้ำซุปแยกต่างหาก

               “วันหลังไม่ต้องให้คุณเวธน์เขาสั่งไปส่งบนห้องแล้วนะครับ มากินที่นี่กันดีกว่า มีตั้งหลายอย่าง ขนมหวานกับผลไม้ก็มี”

               “ได้ แต่ธรณ์ต้องมากินกับพี่ทุกครั้งนะ”

               ธรณ์พยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปสั่งเกี๊ยวน้ำธรรมดามาเพิ่ม โดยไม่ลืมจะสั่งอีกชามให้เขตแดน เขตแดนมองยิ้มๆ เพราะรู้ดีว่าผู้ชายรูปร่างดีอย่างธรณ์นี่ถึงเวลาจะกินก็กินจุเอาเรื่องน่าดู

               พอกินเสร็จ ก็ได้เวลาแยกย้ายกันกลับไปทำงาน แต่ธรณ์ก็ไม่วายซื้อขนมจุกจิกติดไม้ติดมือมาอีก

               “ยังไม่อิ่มอีกเหรอไง กินแล้วเอาไปเก็บไว้ตรงไหนหมด”

               “ใครบอก ผมซื้อให้ตัวเองแล้วก็ให้ท่านประธานด้วยไงครับ”

               กลัวเขตแดนจะไม่เชื่อ ธรณ์เลยส่งอีกถุงให้เขตแดน แต่ไหงถุงของเขตแดนมันถึงได้เล็กอย่างกับลูกเมียน้อย นักธุรกิจหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ หากรอยยิ้มที่เกลื่อนไปทั่วใบหน้า ก็ทำเอาคนมองรู้ว่ากำลังอารมณ์ดี เป็นภาพที่ทำเอาพนักงานหลายคนมองแล้วเหลียวหลัง

               ท่านประธานที่เคยเห็นแต่มาดนิ่งๆขรึมๆ วันนี้กลับอารมณ์ดีราวกับเป็นคนละคน เดินผ่านพนักงานกี่คนต่อกี่คนก็ยิ้มให้ จนอดคิดไม่ได้ว่า ต้นเหตุที่ทำให้อารมณ์ดีขนาดนี้ ใช่คนที่เดินอยู่ข้างๆหรือเปล่า


====================


               “วันนี้ธรณ์ขับรถไปบริษัทเองนะ”

               เขตแดนเอ่ยออกมาระหว่างนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารตอนเช้า ทำเอาธรณ์ถึงกับเงยหน้ามาเลิกคิ้วด้วยความสงสัย เพราะทุกวันเขาก็ไปพร้อมกับเขตแดน จนเจ้ารถยนต์คันโปรดของตัวเองแทบจะน้อยอกน้อยใจ

               “พี่เขตต์จะไม่เข้าบริษัทเหรอ”

               “พอดีพี่มีธุระด่วนกระทันหัน เดี๋ยวจะไปที่แหลมฉบังกับเวธน์ วัตถุดิบที่เรานำเข้ามามีปัญหา”

               “เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ เสียหายยังไงหรือเปล่า”

               “เหมือนของที่มาถึงจะไม่ตรงตามที่เราสั่ง อาจจะต้องร้องเรียนไปทางโรงงานผู้ผลิตที่เราสั่งเข้ามา ถ้าเคลียร์กันเรียบร้อยก็คงไม่มีปัญหา ตอนนี้ของยังคาอยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบังเลย”

               ธรณ์พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ เขาเองถึงจะเรียนมาทางด้านธุรกิจโดยตรง แต่เมื่อเทียบประสบการณ์กับเขตแดนแล้ว นับว่าเขายังด้อยประสบการณ์กว่าเขตแดนหลายขุม ยังต้องเรียนรู้อีกมากนัก จนบางทีเขาก็คิดว่า การให้เขตแดนเป็นประธานบริษัทต่อไปเรื่อยๆอาจจะเหมาะสมกว่าเขา ที่เป็นลูกชายเจ้าของบริษัทเสียอีก

               ธรณ์ไม่ได้อย่ากปัดภาระความรับผิดชอบไปให้เขตแดน แต่ยิ่งทำงานไปเรื่อยๆ เขาก็ยิ่งรับรู้ด้วยตนเองว่า สิ่งที่เรียนรู้มาจากในตำราเทียบกับชีวิตจริงไม่ติดเลย เรื่องบางเรื่อง ตำราเรียนก็ไม่มีสอนเอาไว้ ต้องใช้การสั่งสมประสบการณ์เพียงอย่างเดียว ซึ่งสำหรับเขาแล้ว ประสบการณ์ที่มีคงยังไม่เพียงพอสำหรับการก้าวขึ้นมาเป็นประธานบริษัทอย่างแน่นอน

               พอเวธน์มารับเขตแดนแล้ว ธรณ์ก็เดินไปหยิบกุญแจรถของตนเอง คิดเล่นๆว่าอาจจะแวะไปหาชินดนัย เพราะช่วงหลังๆไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกัน เลยบอกป้าอุ่นเรือนว่าไม่ต้องเตรียมมื้อเย็นให้ ก่อนจะออกจากบ้านไปที่บริษัท

               มาถึงก็มานั่งสะสางเคลียร์งานที่คั่งค้างของตนเอง มีหลายสิ่งหลายอย่างที่รอให้เขาจัดการอยู่ บางทีเห็นงานของตนเองแล้วก็แอบท้อเล็กๆ แต่พอคิดว่าความรับผิดชอบของตนเองนับว่าเล็กน้อย เมื่อเทียบกับความรับผิดชอบของเขตแดน มันก็กลายเป็นเรื่องผลักดันที่อยากให้ธรณ์ทำทุกอย่างออกมาให้เต็มที่ ความจริงเขาควรจะขยันให้มากกว่าเขตแดนเสียด้วยซ้ำ เพราะนี่เป็นบริษัทของเขา

               พักกลางวัน ธรณ์ก็เดินลงลิฟต์มาเตรียมจะไปกินข้าวที่ตลาดนัดข้างๆบริษัทเหมือนทุกวัน แต่วันนี้พอลงลิฟต์มาไม่เท่าไหร่ ประชาสัมพันธ์คนสวยก็รีบเดินตรงเข้ามา

               “คุณธรณ์คะ รบกวนเวลาทางข้าวหน่อยได้ไหมคะ”

               “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

               “พอดีมีคนมาขอพบคุณธรณ์น่ะค่ะ ตอนนี้กำลังนั่งรออยู่ที่โซฟารับแขกค่ะ”

               ธรณ์ถอนหายใจออกมาเบาๆ คราวนี้จะเป็นลิซ่าหรือเจนจิราอีกล่ะ คงไม่น่าจะใช่คนอื่นล่ะมั้ง ชายหนุ่มสาวเท้าไปยังโซนรับแขก ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งหันหลังให้เขา

               “ขอโทษครับ เห็นประชาสัมพันธ์แจ้งว่าคุณมาขอพบผม”

               พออีกฝ่ายหันหน้ามา ธรณ์ก็มั่นใจว่าไม่ใช่หนึ่งในบรรดาคู่ควงของเขาแน่ๆ เพราะอย่างน้อย เขาก็ไม่เคยควงกับคนที่อายุแก่คราวแม่

               “ธรณ์ อิสรพัฒน์ใช่ไหม” คำถามเรียบๆดังออกมาจากริมฝีปากที่ถูกเคลือบไว้ด้วยลิปสติกสีแดงสด

               “ครับ ผมธรณ์ อิสรพัฒน์ ไม่ทราบว่าคุณมาติดต่อเรื่องอะไรครับ”

               “ฉันไม่มั่นใจว่าเธอจะรู้จักฉันหรือเปล่า แต่ฉันน่ะรู้จักเธอดีแน่ๆ บางทีเธออาจจะคุ้นชื่อฉันอยู่บ้าง เขมจิรา วาตานาเบะ อ้อ...แต่ถ้าเป็นเมื่อเกือบยี่สิบก่อนก็คงเป็น เขมจิรา เกียรติณรงค์”

               ไม่ผิดแน่!...คนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าธรณ์คือแม่บังเกิดเกล้าของเขตแดน


====================


               ตอนนี้ธรณ์กำลังนั่งอยู่ที่ร้านอาหารละแวกบริษัท กับผู้หญิงที่เป็นแม่ของเขตแดน เขตแดนคล้ายคุณสงครามมากกว่า แต่ก็มีเค้าหน้าของคุณเขมจิราอยู่บ้าง

               “พี่เขตต์ไม่ได้อยู่ที่บริษัทครับ พอดีเขาไปธุระ” ธรณ์ออกตัวก่อน เพราะเขาไม่มั่นใจว่าผู้หญิงที่หย่าร้างกับคุณสงครามไปเกือบยี่สิบปี มาปรากฏตัวต่อหน้าเขาด้วยสาเหตุอะไร

               “ฉันไม่ได้มาหาเขตแดน แต่ฉันมาหาเธอ”

               สิ่งที่เพิ่งได้ยิน ยิ่งทำเอาธรณ์งงหนักกว่าเดิม มาหาเขตแดนยังพอเป็นไปได้มากกว่ามาหาเขา เขาแทบไม่เคยรู้จักผู้หญิงตรงหน้าเลย นี่เรียกว่าเป็นการพบกันหนแรกเลยก็ว่าได้ เพราะตอนที่เขาเริ่มรู้จักกับเขตแดน คุณสงครามก็หย่ากับภรรยาแล้ว และก็ไม่เคยมีใครพูดถึงคุณเขมจิรา มีแต่ชื่อที่เขารับรู้มาจากเขตแดน

               “คุณมาหาผม มาหาผมทำไม”

               ผู้หญิงสูงวัยกว่ามองผู้ชายที่อายุคราวลูกอย่างประเมิน ไม่ว่าเธอจะดูตรงไหน ดูอย่างไร ตรงหน้าเธอก็คือผู้ชาย แถมยังเป็นผู้ชายที่ชื่อเสียงฉาวโฉ่ จนเธอไม่รู้ว่าลูกชายเธอนึกชอบไปได้อย่างไร แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่า ทั้งคู่ต่างก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน ถึงจะเป็นแม่ที่ไม่ได้เลี้ยงดูลูก แต่จะให้มายอมรับเรื่องที่มันวิปริตผิดเพศอย่างนี้ เธอก็คงไม่มีทางยอมให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอยเด็ดขาด

               “เธอกับเขตต์เป็นอะไรกัน” คำถามตรงๆถูกส่งออกมาแบบไม่มีอ้อมค้อม

               ธรณ์ชะงักไปเล็กน้อย ความสัมพันธ์ของเขากับเขตแดนในตอนนี้ ใจตรงกัน ต่างคนต่างรับรู้ความรู้สึก แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะนิยามความสัมพันธ์ของเรา เพราะมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน

               “ผมกับพี่เขตต์เป็นพี่น้องกัน”


               “พี่น้องที่ไหนเขาจูบกัน”


               ธรณ์ชะงัก ดวงตาเบิกนิดๆ ก่อนจะควบคุมตัวเองจนกลับมาเป็นปกติ เขาพยายามรักษาสีหน้าท่าทาง ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ติดต่อมาหาพี่เขตต์กับลุงครามเกือบยี่สิบปี จู่ๆก็มาปรากฏตัวต่อหน้าเขา ยังไงเขาก็ต้องระวังตัวไว้ก่อน ตราบเท่าที่ยังไม่รู้วัตถุประสงค์แน่ชัดของอีกฝ่าย แต่เรื่องที่อีกฝ่ายพูดมาก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย

               “คุณเอาอะไรมาพูด”

               ผู้หญิงตรงหน้าธรณ์แค่นยิ้มออกมาคล้ายจะเย้ยหยัน

               “ฉันพูดในสิ่งที่ฉันเห็น ที่พัทยา...เธอกับลูกชายฉันทำอะไรกัน อย่าคิดว่าไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น”

               ธรณ์นิ่งงัน เขาเคยคิดว่าตัวเขาเองไม่ต้องแคร์อะไรหรือใครที่ไหน เพราะเขามันตัวคนเดียว พ่อแม่ก็เสียไปหมดแล้ว แต่เขตแดนล่ะ เขตแดนที่ยังมีพ่อและมีแม่ อย่างน้อยธรณ์ก็ต้องนึกถึงหัวอกของคุณสงคราม ลุงครามของเขาจะว่าอย่างไรถ้ารู้เรื่อง

               “คุณกลับมา...เพื่อที่จะขอให้ผมเลิกยุ่งกับพี่เขตต์”

               ธรณ์ยอมรับว่า เขาเองก็เป็นคนเห็นแก่ตัว เขตแดนมีความสำคัญกับเขามากกว่าที่ตัวเขาเองจะจินตนาการได้ อ้อมกอดของเขตแดน ความอบอุ่นของเขตแดน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเขตแดนคือสิ่งที่ธรณ์ต้องการมาตลอด

               “ลูกชายฉันจะได้มีชีวิตอย่างคนปกติทั่วไป”

               “พี่เขตต์กับผม เราไม่ได้ผิดปกติ”

               มันไม่ใช่ความผิดปกติแน่ๆ การรักใครซักคนไม่ใช่เรื่องผิด ธรณ์เชื่อมั่นมาตลอด ถึงจะอยากพูดอะไรออกไป แต่อย่างไรเสีย ผู้หญิงตรงหน้าก็คือแม่ของเขตแดน แม้จะไม่รู้สึกสนิทใจด้วย แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ไปก้าวร้าวใส่อีกฝ่าย

               “ผมว่าคุณให้พี่เขตต์กลับมาก่อน แล้วเราค่อยมาคุยกันดีกว่าไหม”

               “ยังไงเธอก็จะไม่ยอมเลิกยุ่งกับลูกชายฉันใช่ไหม”

               “ผมอยากรอให้พี่เขตต์กลับมาก่อน มันไม่ใช่เรื่องของผมคนเดียว ผมขอตัวก่อนดีกว่า”

               “คุยเรื่องเขตต์ไม่รู้เรื่อง แล้วถ้าเป็นเรื่องของพ่อเธอล่ะ”

               คนที่กำลังจะลุกต้องเอี้ยวตัวกลับมามอง ไม่ต่างอะไรจากปลาที่ตะครุบเหยื่อ ให้คนอ่อยเหยื่อลอบยิ้มอย่างพึงพอใจ

               “ไม่อยากรู้เรื่องของพ่อเธอเหรอไง ฉันรู้เรื่องเขามากกว่าเธออีกนะ”

               บางทีธรณ์ก็ไม่นึกแปลกใจเลย ว่าทำไมคุณสงครามถึงได้หย่ากับผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขา มือเรียวล้วงหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ


               “พูดอย่างเดียวคงจะไม่เชื่อสินะ บังเอิญว่าฉันก็มีหลักฐานเสียด้วย รู้หรือเปล่า...เธอกับพ่อน่ะเหมือนกันไม่มีผิด พ่อเธอก็แย่งสามีฉันไป ส่วนเธอก็ยังจะมาเอาลูกชายฉันไปอีก วิปริตผิดเพศกันทั้งพ่อทั้งลูก!!”


               กระดาษแผ่นเล็กถูกเลื่อนมาตรงหน้า ธรณ์รับมาดูด้วยมืออันสั่นเทาก่อนจะนิ่งงัน

               เขาคิดผิดใช่ไหม...ที่ยอมเป็นฝ่ายทลายเกราะกำบังของตัวเอง จนใครต่อใครพากันเข้ามาเหยียบย่ำหัวใจที่บอบช้ำ ที่ผ่านมารู้ดีว่าที่ยึดเหนี่ยวของตนเองเหลือเพียงแค่เขตแดนกับคุณสงคราม แต่วันนี้เล่า...


               ความรักของคุณสงคราม...มันแอบแฝงด้วยความรู้สึกผิดอยู่หรือเปล่า

               แล้วอ้อมกอดอบอุ่นของเขตแดนเล่า...เคยมีอยู่จริงหรือเปล่า



TO BE CONTINUE


๐ เบียดเบียนเวลางานมาเขียน งานหนักมากเลยค่ะ หัวหมุนวันละหลายตลบ
๐ แฮ่...ตอนที่ทุกคนรอคอย กลัวคนอ่านจะเป็นเบาหวาน บริโภคความหวานกันแต่พอดีนะคะ
๐ จริงๆพล็อตชินดนัยแลดูจะดราม่ากว่าพี่เขตต์และน้องธรณ์ แต่เขียนออกวันละติ๊ด เดี๋ยวเอามาคั่นเวลาเป็นช่วงๆ
๐ เจอกันตอนหน้านะคะ ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงผู้พันชนวีร์ ผู้พันเขากินมาม่าชามโตเลยล่ะ
๐ ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ pharm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
เอาแล้วไง

ฮิ้ว คู่พ่อ คู่ลูก ลูกไม้หล่นใต้ต้นทีเดียว :jul3:

คุณแม่แรงมากบุกมาถึงบริษัทเลย 

จะได้รู้ว่าพ่อธรตายเพราะอะไรซักที รอรอนะจ๊ระ :L2:

ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3
โอ๊ย! แอบเครียดแฮะ!!

 :serius2: :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
อ่านช่วงแรกๆเขินม้วนเลยค่ะ พอมาเจอตอนจบนี่.......  :z3: :z3:
ยังหวานไม่สุดเลยนะคนเขียน ฮื่อออออออออ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด