“ รักคืนรัง ”
ตอนที่ 9
ร่างสูงกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาตามทางเดินของโรงพยาบาล มีชายหนุ่มคนสนิทเดินตามหลังมา นางพยาบาลและญาติผู้ป่วยหันมามองเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้ากลับ เพราะแทบจะเป็นเรื่องปกติที่เห็นเป็นประจำอยู่ทุกวัน ที่ญาติของผู้ป่วยมีอาการร้อนรน
ธรณ์วิ่งมาเกาะเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ หยาดเหงื่อซึมออกมาตามไรผม เพราะความรีบร้อนของเจ้าตัว แต่สิ่งเดียวที่เพลย์บอยหนุ่มสนใจคือ...
“รบกวนช่วยเช็คทีครับ ผู้ป่วยที่ชื่อเขตแดน เกียรติณรงค์...” เอ่ยยังไม่ทันจบประโยคดี คนสนิทหนุ่มที่วิ่งกระหืดกระหอบมาอยู่ด้านข้างก็รีบร้องบอก
“คุณเขตต์อยู่ที่ห้องฉุกเฉินครับ”
“ห้องฉุกเฉินเดินตรงไป แล้วเลี้ยวซ้ายสุดทางเลยนะคะ” นางพยาบาลประจำเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์รีบบอกทางทันที
พอรู้คำตอบแล้ว ธรณ์ก็พึมพำขอบคุณ ก่อนจะผละออกมาจากเคาน์เตอร์ เป้าหมายของชายหนุ่มคือห้องฉุกเฉิน ช่วงขาที่ยาวก้าวพรวดด้วยความรวดเร็ว ทำเอาเวธน์ที่เพิ่งเดินตามมาทันถึงกับปาดเหงื่อ ก่อนจะรีบเดินตามเจ้านายทันที
อาการร้อนรนผิดวิสัยของธรณ์ สร้างความประหลาดใจแก่เวธน์ไม่มากก็น้อย ตลอดทางจากโรงแรมมาถึงโรงพยาบาล แม้ธรณ์จะไม่ได้เอ่ยปากเร่งเขา แต่ท่าทีกระวนกระวายของผู้เป็นเจ้านายอีกคน ก็บังคับเวธน์ให้ต้องเร่งความเร็วของรถยนต์
ด้านคนที่มีอาการร้อนรนกระวนกระวาย ก็นึกโทษโรงพยาบาล ที่ช่างสร้างห้องฉุกเฉินได้ห่างไกลเหลือเกิน พอเดินมาจนเห็นป้ายห้องฉุกเฉิน ชายหนุ่มก็ถามนางพยาบาลเวรอีกรอบ จนมั่นใจว่าผู้ที่อยู่ในห้องฉุกเฉินคือเขตแดนแน่นอน ธรณ์ก็เปิดประตูเข้าไปอย่างที่วิสาสะทันที
“พี่เขตต์!!” นานแค่ไหนกัน ที่เขตแดนไม่ได้ยินสรรพนามที่คุ้นเคยหลุดออกมาจากริมฝีปากของธรณ์ สิบปีหรือเปล่า เขตแดนก็คร้านที่จะนับ แต่พอได้ยินคำเรียกขาน ที่คิดว่าชาตินี้จะไม่ได้ยินอีกแล้ว หัวใจของชายหนุ่มก็เต็มตื้นขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ยิ่งเอี้ยวตัวหันมาเห็นอาการเบิกตากว้างของธรณ์เต็มสายตา เขาก็ยอมรับอย่างเห็นแก่ตัวเลยว่า...
เป็นการเจ็บตัวที่คุ้มค่าที่สุดของเขตแดน เกียรติณรงค์ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวร้ายของเขตแดนจะทำให้หัวใจของชายหนุ่มชุ่มชื่นอยู่ไม่นานนัก เพราะเมื่อธรณ์เห็นชัดว่าอะไรเป็นอะไร ก็เหมือนเจ้าตัวจะสลัดคราบ
‘น้องธรณ์’ และกลับมาเป็น ธรณ์ อิสรพัฒน์คนเดิมทันควัน
“คุณไม่ได้บาดเจ็บอะไรหรือ”
เขตแดนนิ่วหน้า ธรณ์ใช้สายตาคู่ไหนของตัวเองมองกัน ถึงเห็นว่าเขาไม่ได้บาดเจ็บ ชายหนุ่มยกมือข้างขวาที่มาผ้าพันแผลพันอยู่ให้ดูแทนคำตอบ ส่วนถ้อยคำอธิบายก็ตกเป็นหน้าที่ของนายแพทย์เวร
“โดนลวดบาดครับ แต่ไม่ร้ายแรงอะไรมาก หมอฉีดยากันบาดทะยักและทำแผลเรียบร้อยแล้ว ยังไงก็หมั่นดูแลทำความสะอาดแผล แล้วอาทิตย์หน้ารบกวนมาเช็คอีกทีนะครับ”
“แค่โดนลวดบาด...” ธรณ์พึมพำกับตัวเอง
“ครับ โดนลวดบาดครับ ยังไงเดี๋ยวรับยาและชำระเงินที่ด้านหน้าเลยนะครับ ผมขอตัวก่อนครับ” นายแพทย์เวรเอ่ยก่อนจะเดินออกจากห้อง
“เวธน์ ไปจัดการเรื่องยากับจ่ายเงินที เดี๋ยวฉันตามออกไป” เขตแดนเอ่ยสั่งคนสนิทที่ตามเข้าเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ แต่คาดว่าคงเพิ่งมีตัวตนในสายตาของเขตแดนและธรณ์ เวธน์พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปอีกคน ปล่อยให้เจ้านายสองคนอยู่ด้วยกันตามลำพัง
ธรณ์ อิสรพัฒน์นั่งแปะลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ เดินเหินรวดเร็วจากลานจอดรถมาถึงห้องฉุกเฉินร่วมกิโลเมตร เพิ่งจะมารู้สึกล้าจนแข้งขาพลันหมดเรี่ยวหมดแรงก็ตอนนี้เอง ชายหนุ่มไม่รู้จะโทษใครได้ นอกจากโทษตัวเอง แค่ได้ยินว่าอีกฝ่ายประสบอุบัติเหตุและบาดเจ็ด เขารีบหุนหันจะมา จะมาโกรธคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็ใช่ที่ ควรจะดีใจต่างหาก ที่อีกฝ่ายยังปลอดภัยดี
ใช่ว่าธรณ์จะไม่รู้ตัว ว่าเมื่อครู่เผลอเรียกเขตแดนออกไปด้วยสรรพนามเช่นไร ขณะที่ตรงดิ่งมายังห้องฉุกเฉิน เขาคิดเพียงแค่ว่า คนที่เปรียบเสมือนครอบครัวของเขา เหลือแค่คุณสงครามกับเขตแดนเท่านั้น เขาไม่อยากจะสูญเสียใครไปอีก เขายอมรับว่าเป็นห่วงเขตแดน อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เป็นคนใกล้ชิดคุ้นเคย แต่ก็เสียหน้าอยู่พอสมควร ที่แสดงอาการแตกตื่นให้เขตแดนเห็น
“ฉันไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ”
“ก็ดี...” ธรณ์ไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไรได้มากกว่านี้อีก
“แล้วคุยกับทางโรงแรมเรียบร้อยดีหรือเปล่า”
“เรากลับไปคุยกันที่บ้านดีไหม ผมว่าคุยกันที่นี่คงไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่” ธรณ์เอ่ยพลางกวาดสายตามองรอบด้าน คล้ายจะย้ำเตือน ว่าเขาและเขตแดนยังคงอยู่ในห้องฉุกเฉิน
“ขอโทษที ถ้าอย่างนั้นก็กลับกันเถอะ”
ธรณ์ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เขาเป็นฝ่ายเดินนำเขตแดนออกมาก่อน วันนี้เขาไม่ได้โดนเขตแดนต้อนให้จนมุมแต่อย่างไร แต่เป็นตัวเขาเองนั่นแหล่ะ ที่พาตัวเองเข้ามาอยู่ในมุม จนไม่มีโอกาสปัดป้องหรือเปิดโอกาสให้ตัวเองแม้แต่น้อย
====================
ตอนที่เขตแดนและธรณ์เดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน เวธน์ก็รับยาและจัดการจ่ายเงินเรียบร้อย แต่พอคนสนิทหนุ่มหันมาเห็น เขาก็ลากธรณ์ไปหานางพยาบาล จนธรณ์ต้องถามด้วยความสงสัย
“มีอะไรหรือเปล่าคุณเวธน์”
“ผมจะให้คุณธรณ์มาฟังวิธีทำความสะอาดแผลและข้อควรระวังครับ”
“แล้วทำไมผมต้องฟังด้วยล่ะ” ธรณ์เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“คุณธรณ์อยู่บ้านเดียวกับคุณเขตต์ จะได้ช่วยดูแลคุณเขตต์ยังไงครับ”
ธรณ์พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ แต่แค่รับรู้เท่านั้น เขาไม่ได้เข้าใจอะไรเลยซักนิด ชายหนุ่มขยับปากจะปฏิเสธ แต่เขตแดนก็เอ่ยเสียงเรียบเสียก่อนว่า
“นายฟังนั่นแหล่ะถูกแล้ว จะได้กลับไปบอกป้าอุ่นถูก ว่าต้องทำแผลให้ฉันยังไง”
เหตุผลของเขตแดนฟังดูเข้าท่ามากกว่าของเวธน์ ธรณ์เลยยอมยืนฟังนางพยาบาลอธิบายวิธีทำแผล และข้อห้ามตลอดจนข้อควรระวังอย่างสงบ
พอเสร็จเรียบร้อย ธรณ์ก็เตรียมจะเดินตามเวธน์ไปที่รถ ถ้าเกิดเขตแดนไม่ใช้มือซ้าย ที่ยังปกติอยู่รั้งธรณ์เอาไว้เสียก่อน เพลย์บอยหนุ่มหันมาเลิกคิ้วใส่ด้วยความสงสัย เขตแดนเลยต้องยกมือข้างขวาให้ดู
“ฉันจะขับรถกลับเองได้ยังไง”
เวธน์ก็รู้งานเป็นอย่างดี ชิ่งหนีไปเสียก่อน ปล่อยให้ธรณ์ก้มลงมองมือขวาของเขตแดน ก่อนจะแบมือมาตรงหน้า แล้วเอ่ยเสียงเรียบ
“ขอกุญแจด้วยครับ”
เขตแดนกระตุกยิ้มออกมา ก่อนจะล้วงกุญแจรถจากกระเป๋ากางเกงมาหย่อนใส่มือธรณ์ เห็นธรณ์เดินนำลิ่วไปที่ลานจอดรถ เขตแดนก็ต้องทักท้วง
“รู้ว่าฉันจอดรถไว้ที่ไหนหรือ”
ฟังคำของเขตแดนแล้ว ธรณ์ถึงได้ยอมผ่อนฝีเท้าลง ก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัย
“แล้วตอนขามาคุณขับมายังไงล่ะ”
“ผู้จัดการโรงงานขับรถมาส่ง แล้วฉันก็ให้เขานั่งแท็กซี่กลับไปแล้ว”
ธรณ์ไม่ได้เอ่ยตอบรับอะไร เขาปล่อยให้เขตแดนเดินนำมาจนถึงรถที่จอดอยู่ เปิดประตูให้อีกฝ่ายขึ้นไปนั่ง ก่อนที่ตัวเองจะอ้อมไปฝั่งคนขับ ขับรถออกมาซักพัก เขตแดนจึงเกริ่นบทสนทนาที่ยังค้างคาอยู่
“ตกลงนายไปคุยกับทางโรงแรมมาเป็นยังไงบ้าง”
“ถ้าถามผม ผมก็บอกได้เลยว่าดีมาก แต่คงต้องรอให้คุณไปดูอีกที ว่าเขาทำออกมาได้ถูกต้องและตรงใจคุณหรือเปล่า”
“ทำไมต้องถูกใจฉัน ทำไมถึงไม่ถูกใจนาย”
“ผมเห็นคุณควบคุมซะยิ่งกว่างานตัวเองเสียอีก เลยกลัวว่าถ้าผิดพลาดตรงไหน เดี๋ยวคุณจะไม่พอใจ”
เขตแดนไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่ก็รู้ดีว่าที่เขาเอาจริงเอาจังกับงานเลี้ยง ก็เพราะว่าเป็นงานเปิดตัว ธรณ์ อิสรพัฒน์ ชายหนุ่มผู้ที่น้อยคนนักจะมีโอกาสเห็นหน้าค่าตา ที่ผ่านมาก็รู้จักผ่านตัวหนังสือของกรอบข่าวซุบซิบที่ขยันประโคมลงข่าววันเว้นวัน แม้ว่าเจ้าตัวจะอยู่ไกลถึงอีกซีกโลก จนไม่รู้ว่าต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับบริษัทคู่ค้าอีกซักเท่าไหร่กัน พวกเขาถึงจะเชื่อมั่นในตัวว่าที่ประธานบริษัทคนใหม่
พอคิดถึงข่าวฉาวของคนที่กำลังขับรถอยู่ เขตแดนก็พลันนึกถึงเรื่องที่คาอยู่ในใจขึ้นมาได้ เขาหรี่ตามองธรณ์ ที่ยังคงจ้องมองถนนเบื้องหน้า ก่อนจะหลุดคำถามที่ตนเองสงสัยออกไป
“เมื่อคืนนายไม่ได้นอนที่บ้าน”
คราวนี้ คนชะงักกับเป็นธรณ์ ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนเหมือนจะวนเวียนกลับเข้ามาในหัว และสถานที่เกิดเหตุก็ไม่ใช่ที่ไหนไกลเลย รถคันที่เขากำลังขับแทนเจ้าของอยู่นี่ไงล่ะ ที่เกิดเหตุให้เขาต้องถ่อออกจากบ้านไปหาชินดนัยกลางดึก เพื่อพิสูจน์ให้รู้แจ้งเห็นจริงไปว่า เขาไม่ได้ชอบผู้ชาย เขาไม่ได้เป็นเกย์ แต่เขตแดนต่างหากที่ผิด ผิดที่จูบเก่งเกินไปจนธรณ์เผลอรู้สึกดี
“ผมไปนอนบ้านชินดนัย”
นาทีนี้ เขตแดนก็ไม่รู้ว่า ระหว่างให้ธรณ์บอกเขาว่าไปนอนค้างกับผู้หญิงซักคน หรือบอกว่าไปนอนค้างกับชินดนัย อย่างไหนจะทำให้เขารู้สึกแย่น้อยกว่ากัน
“วันหลังก็บอกคนที่บ้านไว้หน่อย ตอนเช้าพอไม่เจอนาย จะได้ไม่มีใครตกใจอีก”
“ขอโทษที ผมเองก็ลืมไป”
ธรณ์จะรู้ซักนิดไหม ว่าตอนเช้าที่เขาตื่นมาแล้วไม่พบอีกฝ่าย แถมป้าอุ่นเรือนก็มารายงานว่ารถไม่อยู่ เขตแดนถึงกับกระวนกระวาย ก่อนจะปลอบใจตัวเองว่า ธรณ์เองก็อาจจะไปเที่ยวกลางคืนเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ บางทีการกลับมาคราวนี้ของธรณ์ ก็ทำให้เขตแดนรู้ว่า อีกฝ่ายมีอิทธิพลกับตัวเขามากกว่าที่เขาคาดคิดเสียอีก
====================
“ตายจริง! คุณเขตต์ไปโดนอะไรมาคะนั่นน่ะ” ป้าอุ่นเรือนอุทานออกมาด้วยตกใจ ทันทีที่เห็นเขตแดนเดินเข้ามาในบ้านพร้อมผ้าพันแผลที่มือขวา
“โดนลวดที่โรงงานบาดนิดหน่อยเองครับ ไม่เป็นอะไรมากแล้ว”
“แล้วนี่ไปหาหมออะไรมาเรียบร้อยหรือยังคะ”
“เรียบร้อยแล้วครับ”
ธรณ์ที่เดินตามหลังเขตแดนเข้ามา เห็นอาการของป้าอุ่นเรือนก็นึกขัน อยากจะบอกป้าอุ่นเรือนว่า คนที่ป้าอุ่นเรือนนึกห่วงและยืนถามไถ่อาการอยู่นี่ เขาอายุจวนเจียนจะสามสิบอยู่แล้ว ยังมีอะไรต้องห่วงอีก
“ป้าอุ่นไปเตรียมอาหารเถอะครับ ผมหิวแล้วล่ะ”
พอป้าอุ่นเรือนได้ยินว่าคุณธรณ์ของเธอหิวแล้ว ก็เลยยอมรามือจากเขตแดน ก่อนจะกระวีกระวาดเข้าครัว แต่ไม่วาย กำชับให้ธรณ์และเขตแดนไปอาบน้ำอาบท่ากันให้เรียบร้อยเสียก่อน เพราะเสร็จแล้วจะได้พอดีกับที่เธอเตรียมอาหารเย็นเสร็จ
ธรณ์เดินเลี่ยงขึ้นมายังห้องของตนเอง ชายหนุ่มอาบน้ำอาบท่าเสร็จ เพิ่งจะแต่งตัวเรียบร้อย ยังไม่ทันได้ทำอะไร เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ธรณ์ขมวดคิ้วก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้อง แล้วก็ต้องสงสัยยิ่งกว่าเดิม เมื่อเห็นเขตแดนยืนอยู่หน้าห้องพร้อมกับถุงยา
“ป้าอุ่นตั้งโต๊ะเรียบร้อยแล้วหรือครับ”
“เปล่า ช่วยหลบให้ฉันเข้าไปหน่อยได้ไหม”
แม้จะยังงุนงงและไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่ธรณ์ก็ยอมเบี่ยงตัวหลบให้เขตแดนเดินเข้ามา แล้วก็ยืนดูอีกฝ่ายเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ พร้อมกับถุงยาที่ถือมาด้วย ก่อนจะกวักมือเรียกธรณ์
“อะไรของคุณ”
“ทำแผลให้หน่อย ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ยังชื้นอยู่เลย” พร้อมกับคำตอบ เขตแดนก็ยื่นมือที่มือผ้าพันแผล ซึ่งเปียกชื้นให้ธรณ์ดูประกอบคำพูด
“เดี๋ยวผมไปเรียกเด็กมาทำให้” ธรณ์ตอบแล้วก็ทำท่าจะเดินออกจากห้อง ถ้าเขตแดนไม่เอ่ยท้วงเสียก่อน
“ก็แล้วทำไมจะต้องไปเรียกคนอื่นด้วย ในเมื่อคนอื่นเขาก็มีงานที่ต้องทำ ส่วนนายก็ว่างอยู่พอดี”
ธรณ์ถอนหายใจยาว ก่อนจะเดินมานั่งลงตรงข้ามเขตแดน คว้ามืออีกฝ่ายเพื่อแกะผ้าพันแผลออก แต่ผ้าพันแผลพอโดนน้ำ ก็ยิ่งหดตัวแน่น กว่าจะแกะออกจากมือของเขตแดนได้ ธรณ์ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร พอปลดผ้าพันแผลออกเรียบร้อย ธรณ์ก็ต้องเบิกตากว้าง เพราะแผลลวดบาดของเขตแดน มันลึกและใหญ่กว่าที่เขาคิดเสียอีก
“ทำไมคุณไม่บอกว่าโดนเยอะขนาดนี้”
“แผลแค่นี้ ไกลหัวใจ”
ธรณ์เหลือบตามองคนพูดด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาจัดการกับแผล แต่ถึงจะหมั่นไส้คนปากดีแค่ไหน ธรณ์ก็ไม่วาย...
“ถ้าเจ็บก็บอกละกัน ผมก็ไม่ใช่คนมือเบาซะด้วย”
คนที่ออกตัวว่าไม่ใช่คนมือเบาคงไม่รู้ตัวว่า ตัวเองทำแผลด้วยความเบามือ จนคนเจ็บมือถึงกับเผลอยิ้มออกมา เมื่อเห็นอาการระมัดระวังของอีกฝ่าย คล้ายกับกลัวว่าเขาจะเจ็บหรือจะแสบแผล
“คราวหลังคุณก็ระวังหน่อยละกัน” ธรณ์บอกเสียงเรียบ ก่อนจะหันไปเก็บอุปกรณ์ทำแผลใส่ถุงเหมือนเดิม เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ
“ช่วงนี้ฉันคงทำอะไรไม่ค่อยถนัด” เขตแดนเอ่ยเหมือนเปรยกับตนเอง จนธรณ์ที่ได้ยินเข้าด้วยความตั้งใจของเขตแดน เผลอเอ่ยกลับไปด้วยความปากไว
“ถ้ามีอะไรที่ผมพอช่วยได้ก็บอกมาละกัน ลงไปกินข้าวได้แล้วคุณ”
ถึงจะไม่ใช่คนใจดี แต่ธรณ์ก็ไม่ใช่คนใจร้าย ก็แค่เป็นห่วงตามประสาคนรู้จัก และไม่อยากเห็นอีกฝ่ายฝืนตัวเองจนแผลเปิดก็เท่านั้น
====================
[มีต่อนะคะ]