“นายไม่ควรทำอะไรประเจิดประเจ้อในที่สาธารณะ”
ถ้าซื้อล็อตเตอรี่แล้วถูก ธรณ์คงกลายเป็นมหาเศรษฐีที่รวยจากการเสี่ยงโชคแน่นอน พอชายหนุ่มก้าวขึ้นมานั่งบนรถ และคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว เขตแดนก็เอ่ยปากออกมาทันที
“อะไรล่ะ ที่คุณเรียกว่าประเจิดประเจ้อ” ธรณ์ย้อนถามกลับ
“ที่นายยืนหอมแก้มกับนางแบบคนนั้น ยังไม่เรียกว่าประเจิดประเจ้ออีกหรือยังไง” เขตแดนตวัดเสียงตอบอย่างหงุดหงิด
แม้จะบอกตัวเองซ้ำเป็นพันเป็นล้านครั้ง ว่าเขาจะต้องควบคุมอารมณ์ อย่าให้ความโกรธมาอยู่เหนือเหตุผล แต่สุดท้ายมันก็เข้าอีหรอบเดิม ที่พอเป็นเรื่องของธรณ์ อิสรพัฒน์ทีไร เขตแดน เกียรติณรงค์ก็พลอยต้องสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองทุกที
“แค่เอาจมูกมาชนแก้มกัน ฝรั่งเขาก็ทักทายกันแบบนี้ คุณจะซีเรียสทำไม” ธรณ์เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ สำหรับเขา มันเป็นเรื่องเล็กน้อยจนไม่น่าเอามาเป็นประเด็นเสียด้วยซ้ำ
“ฉันคงต้องย้ำให้นายฟังอีกรอบ ว่าที่นี่คือกรุงเทพฯ ไม่ใช่นิวยอร์กที่นายเคยอยู่ วัฒนธรรมมันต่างกัน”
“สำหรับผมมันก็เป็นแค่การทักทาย หรือว่าคุณมีอารมณ์ ถ้าถูกหอมแก้ม”
“อย่ายั่วโมโหฉัน ธรณ์ อิสรพัฒน์” เขตแดนเอ่ยเสียงดุลอดไรฟัน
“ผมไม่ได้ยั่วโมโหคุณ ผมก็แค่พูดไปตามความจริง ว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับการหอมแก้มใครหรือถูกหอมแก้มเสียหน่อย”
ธรณ์อาศัยจังหวะที่เขตแดนหยุดรถลงหน้าคฤหาสน์ ชายหนุ่มยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ปลดเข็มขัดนิรภัยออก ก่อนจะยึดไหล่ของเขตแดนเอาไว้ แล้วโน้มตัวไปกดจมูกตัวเองลงกับแก้มสาก เสร็จแล้วจึงผละห่างออกมาเล็กน้อย
“เห็นไหม บอกแล้วว่าผมไม่ได้คิดอะไร ให้หอมแก้มคุณแบบเมื่อกี้ก็ได้”
ถ้าธรณ์จะสังเกตซักนิด ชายหนุ่มคงจะเห็นว่ามือที่จับพวงมาลัยของเขตแดนเกร็งแน่น คล้ายกับเจ้าตัวกำลังข่มอารมณ์อยู่
“ฉันเตือนนายแล้วนะ ว่าอย่าทำตัวเหมือนอยู่ที่นิวยอร์ก”
“ผมไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนซะหน่อย”
“นั่นมันตรรกะห่วยๆของนาย ถ้านายจะยืนยันว่าไม่ได้คิดอะไร กับการเที่ยวไปหอมแก้มคนโน้นคนนี้ แล้วบอกว่าเป็นการทักทาย แล้วถ้าแบบนี้ล่ะ...”
ธรณ์กำลังจะเอ่ยปากถามว่าแบบไหนกัน ริมฝีปากที่เอ่ยสั่งสอนเขา ก็ทาบทับลงมาด้วยความรวดเร็ว ชนิดที่ไม่เปิดโอกาสให้ตั้งตัวหรือปัดป้องใดๆทั้งสิ้น เพลย์บอยหนุ่มเบิกตากว้าง เมื่อสำนึกได้ว่ากำลังถูกอีกฝ่ายกระทำอย่างอุกอาจ
ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจจะขัดขืน แต่พอเขตแดนสอดลิ้นเข้ามาในริมฝีปากของธรณ์ เพลย์บอยหนุ่มก็เหมือนกับถูกผีห่าซาตานเข้าสิง เขาขยับเรียวลิ้นตอบโต้และจูบตอบเขตแดนไปโดยที่รู้ตัว และมีสติสัมปชัญญะอยู่เต็มเปี่ยม พร่ำบอกตัวเองว่า...ก็แค่อยากรู้ว่าใครจูบเก่งกว่ากัน
เป็นการโรมรันพันตูที่กินเวลานาน กว่าทั้งคู่จะยอมผละออกห่างจากกัน และสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ธรณ์ปาดคาบน้ำลายที่เปียกชื้นอยู่รอบริมฝีปากออก เขาเหยียดยิ้มให้เขตแดน ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ เหมือนเมื่อซักครู่ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น
“คุณก็จูบเก่งใช้ได้นะ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไรขึ้นมาหรอก ก็แค่จูบทักทายน่ะ...” ธรณ์เอ่ยทิ้งท้ายแล้วก็เปิดประตูลงไป ทิ้งให้เขตแดนนั่งนิ่ง ทบทวนประโยคที่ธรณ์เพิ่งเอ่ยออกมา
“ฉันจะได้รู้ ว่าปกตินายใช้ลิ้นเวลาจูบทักทายกับคนอื่น” ชายหนุ่มสบถออกมาสองสามคำอย่างหยาบคาย เพราะอารมณ์เคืองขุ่นที่ยังไม่จางหายไป แถมรังแต่จะเพิ่มมากขึ้นเพราะความปากดีของอีกฝ่าย ก่อนจะเลื่อนรถไปจอดที่โรงรถ แต่ไม่วาย...ที่สายตาจะก้มลงไปมองส่วนกลางลำตัวของเองที่ชักจะปวดหนึบ
เขตแดนไม่อยากจะยอมรับหรอกว่า จูบกับธรณ์มันรู้สึกดีจนเขาถึงกับมีอารมณ์ เขาก็แค่...อาจจะร้างลาเรื่องพวกนี้นานไปหน่อย ก็เลยมีอารมณ์ง่าย...ก็เท่านั้นเอง
====================
ร่างสูงทิ้งตัวลงบนเตียงกว้าง ปลายนิ้วลูบไล้ริมฝีปากตนเองอย่างเผลอไผล ที่ผ่านมาเคยจูบกับคนอื่นมานับไม่ถ้วน จะจูบแบบนุ่มนวล อ่อนโยน หรือเร่าร้อน ธรณ์ อิสรพัฒน์ก็ผ่านมาหมด แต่นี่...
เป็นครั้งแรกที่เขาจูบกับผู้ชาย แถมผู้ชายคนที่ว่ายังเป็นเขตแดน เกียรติณรงค์อีกต่างหาก!! ธรณ์ยอมรับเลยว่า เมื่อกี้เขาพูดปดไปคำโต ที่บอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไร ความจริงแล้วเขารู้สึก แถมรู้สึกมากเสียด้วย แต่จะให้มายอมรับหน้าชื่นตาบาน แถมบอกอีกฝ่ายว่า เขตแดนจูบเก่งมาก แถมจูบเสียจนเขารู้สึกดี เขาคงกลายเป็นคนบ้าแน่
ทั้งที่ตอนแรกนึกว่าเขตแดนแค่จะเอาคืนเขาให้รู้สึกกระดากอาย ด้วยการเอาริมฝีปากมาแตะกัน แต่นี่มันเลยเถิดจนถึงขั้นแลกลิ้นแลกน้ำลาย
ถึงจะเคยเห็นผู้ชายมีความสัมพันธ์กันมาก่อน แต่ธรณ์ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องเป็นหนึ่งในบุคคลจำพวกนั้น เขาผ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วน แต่ตอนนี้กลับรู้สึกดี แค่เพียงเพราะได้จูบกับผู้ชายเนี่ยนะ ให้โลกถล่ม แผ่นดินทลายเถอะ เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
ธรณ์ไม่ปล่อยให้ความสงสัยครอบงำตัวเองนานนัก ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มากดโทรหาชินดนัย พอรู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่บ้าน ก็นัดหมายว่าจะออกไปหาทันที หลังจากวางสายไปแล้ว โดยปล่อยชินดนัยไว้กับความงุนงงและสงสัย ธรณ์ก็คว้ากุญแจรถแล้วเดินออกจากห้องทันที
ชายหนุ่มก้าวขึ้นรถตัวเอง แล้วขับออกจากบ้านทันที จุดมุ่งหมายคือคฤหาสน์ของชินดนัย เพราะถ้าหากเขาไม่สามารถหาคำตอบให้กับตนเองได้ เขาไม่มีทางที่จะข่มตานอนหลับได้อย่างเด็ดขาด
พอธรณ์จอดรถลงที่เรือนหลังเล็กของชินดนัย ก็เห็นอีกฝ่ายที่อยู่ในชุดนอนยืนรออยู่แล้ว พอดับเครื่องเรียบร้อย ชายหนุ่มก็คว้าแขนเพื่อนสนิทลากเข้าบ้านทันที ไม่ปล่อยให้ชินดนัยได้พูดพล่ำทำเพลง ธรณ์ยึดตัวชินดนัยไว้แน่น ก่อนจะโน้มตัวลงมาจะจูบอีกฝ่าย สุดท้าย...ยังไม่ทันจะได้จูบ ธรณ์ก็เป็นฝ่ายผละออกมา ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหมดแรง
“มึงเป็นห่าอะไรของมึงเนี่ยธรณ์ มึงประสาทแดกหรือมึงอดอยากเนี่ย มาถึงก็จะจูบกู” ชินดนัยที่ควบคุมสติได้ดี เอ่ยถามคนที่กำลังนั่งทึ้งผมตัวเองอย่างไม่เข้าใจ
“มึงเคยมีอารมณ์กับผู้ชายหรือเปล่า?” ธรณ์ไม่ตอบ แต่ถามกลับ แต่เป็นคำถามที่เรียกเอาดวงตาของเพื่อนรักเบิกกว้างเหมือนไม่เชื่อหู
“ห๊ะ?...อย่าบอกนะว่ามึงมีอารมณ์กับผู้ชาย”
“เปล่า...”
“แล้วมึงถามทำไม”
“กู...กูจูบกับผู้ชายแล้วกูรู้สึกดีหว่ะ กูอยากรู้ว่ากูผิดปกติหรือเปล่า กูเลยจะลองจูบมึงดู แต่กูทำไม่ได้หว่ะ”
ชินดนัยพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ แล้วจึงโน้มหน้าเข้าหาธรณ์ เห็นอีกฝ่ายเบิกตาเล็กน้อย ก่อนจะยอมอยู่นิ่ง แต่ดูท่าแล้วน่าจะเรียกว่าตัวแข็งมากกว่า ริมฝีของชินดนัยเคลื่อนเข้าหาริมฝีปากของธรณ์ ก่อนจะประกบแนบสนิท พอชินดนัยจะเริ่มไล้ปลายลิ้นไปตามกลีบปากของอีกฝ่าย ก็ต้องผงะ เพราะโดนธรณ์ยกเท้ายันเต็มแรงเข้าเต็มหน้าท้อง จนหงายหลังลงมานั่งกองอยู่พื้น
“พอได้แล้วชิน กูขนลุกจนจะอ้วกแล้วเนี่ย” ธรณ์โวยวายเสียงดังลั่น ท่าทางฮึดฮัด ก่อนจะยกมือถูริมฝีปากตัวเองจนแดงก่ำ
“ว่าแต่บอกกูหน่อยซิ ว่ามึงไปจูบกับใครมาเนี่ย ใครวะที่จูบจนมึงรู้สึกดี แต่พอจูบกับกูทำเป็นตัวแข็ง ขนลุกขนชัน”
“คุณเขตแดน”
“ห๊ะ??”
“คุณเขตแดน!!” ธรณ์กระแทกเสียงตอบด้วยท่าทางหงุดหงิด เขาไม่เข้าใจ ว่าทำไมถึงได้รู้สึกดีกับจูบของเขตแดน แต่พอเป็นชินดนัย ทั้งที่เป็นเพื่อนรัก ทั้งที่คบกันมานาน แต่...มันไม่ใช่ ยังไงก็ไม่ใช่
“มุกมึงนี่กูไม่ขำด้วยนะธรณ์ เอาจริงๆ” ชินดนัยถามเสียงเข้ม
“กูไม่ได้มุก กูพูดจริงๆ แต่ไม่มีอะไรหรอก กูเป็นคนเริ่มแกล้งเขาก่อน แต่แม่ง...ทำไมกูต้องรู้สึกดีวะ มึงเข้าใจนะชิน ว่ากูไม่ได้เป็นเกย์ และไม่เคยชอบผู้ชาย” ธรณ์เอ่ยย้ำ แต่ก็ไม่มั่นใจนักว่าย้ำกับเพื่อนรัก หรือย้ำกับตนเองกันแน่
พูดเสร็จแล้วธรณ์ก็หันหน้าหนี เลยไม่ทันเห็นว่าชินดนัยหน้าเครียดขึ้นมาทันที ก่อนจะเอ่ยย้ำถามเพื่อนรักเพื่อความมั่นใจ
“มึงไม่ได้คิดอะไรกับคุณเขตต์ใช่ไหมธรณ์”
“เออ! ไม่ได้คิดอะไรเว้ย อาจจะเพราะ...เขาจูบเก่งก็ได้ กูจะไปนอนแล้วนะ คืนนี้กูนอนเนี่ยแหล่ะ ขี้เกียจขับรถกลับบ้านแล้ว” พูดจบแล้วธรณ์ก็ไม่รอฟังคำตอบ เพราะชายหนุ่มเดินตรงเข้าห้องนอนของชินดนัยทันที
ชินดนัยยืนนิ่งอยู่กลางบ้าน หน้าตาเคร่งเครียด เขาไม่รู้หรอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขตแดนและธรณ์เป็นแบบไหน แต่เขาคงไม่สามารถปล่อยให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เกินเลยได้เด็ดขาด ไม่ใช่เพื่อใคร ทุกอย่างก็เพื่อธรณ์...เพื่อธรณ์คนเดียวเท่านั้น
====================
ตอนเช้า ธรณ์ขับรถมาที่บริษัท แต่ชายหนุ่มก็ไม่เห็นเขตแดน จนกระทั่งเวธน์เดินมาแจ้งกับเขาว่า ตอนบ่ายจะต้องเข้าไปที่โรงแรม ซึ่งทำการจองห้องจัดเลี้ยงเอาไว้ เพื่อดูสถานที่และความเรียบร้อยต่างๆ รวมถึงคุยกับทางออแกร์ไนเซอร์ของโรงแรมด้วย ธรณ์จึงจัดการสะสางงานต่างๆให้เรียบร้อย คิดเอาเองว่าเดี๋ยวเขตแดนก็คงตามไปด้วยอย่างทุกที
แม้จะยังรู้สึกเก้อกระดาก ที่เมื่อวานปล่อยให้ทุกอย่างเกินเลย แต่จะให้มัวมาหลบหน้าก็ไม่ใช่วิสัยของธรณ์ ที่ทำได้ก็แค่ทำเป็นไม่รู้สึกรู้สา แต่ชายหนุ่มก็ไม่รู้ว่าตนเองโชคดีหรือโชคร้าย เพราะพอธรณ์ก้าวขึ้นรถที่เวธน์ขับมาจอดรอ คนสนิทของเขตแดนก็ออกรถทันที จนธรณ์อดรนทนไม่ได้ ต้องเอ่ยปากถามออกมาด้วยความสงสัย
“แล้วคุณเขตแดนไม่ไปด้วยกันกับเราเหรอคุณเวธน์”
“เปล่าครับ วันนี้คุณเขตต์ต้องเข้าไปตรวจที่โรงงานครับ เพราะเมื่อเช้าทางโรงงานโทรศัพท์มาแจ้ง ว่าเครื่องจักรบางตัวมีปัญหาน่ะครับ”
ธรณ์พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ แต่ก็อดถามต่อไม่ได้
“แล้วผมไม่ต้องเข้าไปดูด้วยหรือ”
“ไม่ต้องครับ คุณเขตต์สั่งให้ผมพาคุณธรณ์ไปที่โรงแรมเลย เพราะนัดหมายทางโรงแรมไว้แล้ว จะได้ไม่เสียเวลา เดี๋ยวคุณเขตต์เสร็จธุระจากที่โรงงานแล้วจะตามไปทีหลังครับ”
ธรณ์เลยไม่ถามอะไรอีก คิดเอาเองว่าดีเหมือนกัน ถึงเขาจะปั้นหน้าไม่รู้สึกไม่รู้สาได้ แต่การไม่เจอกันก็คงจะดีกว่า ชายหนุ่มไหวไหล่เล็กน้อยด้วยความเคยชิน พอมาถึงโรงแรม ธรณ์ก็แทบไม่ต้องทำอะไร เพราะเวธน์จัดการทุกอย่างไว้ดีอยู่แล้ว
หน้าที่ในการประสานงานกับทางออแกร์ไนเซอร์ เวธน์ก็เป็นคนรับผิดชอบไป สคริปต์งาน การตกแต่งห้องจัดเลี้ยง เครื่องเสียง อาหารเครื่องดื่ม ตลอดจนซุ้มต้อนรับ ทุกอย่างถูกวางแพลนไว้อย่างเรียบร้อย จนธรณ์อดนึกชมคนสนิทไม่ได้
“คุณเวธน์นี่สมกับเป็นคนสนิทของคุณเขตแดนเลยนะครับ จัดการทุกอย่างได้ดีไม่มีที่ติเลย”
เวธน์หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะแก้ไขความเข้าใจของเจ้านายตนเสียใหม่
“ไม่ใช่ฝีมือผมหรอกครับ คุณเขตต์โน่น เป็นคนสั่งการทุกอย่าง ผมแค่รับคำสั่งมาอีกที”
ธรณ์พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะเสไปเดินชิมอาหารที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ อาหารที่ตระเตรียมไว้ก็มีหลากหลาย เรียกว่า ยังไงแขกเหรื่อที่มาร่วมงานก็ต้องประทับใจกันบ้างล่ะ เท่าที่ธรณ์ลองชิมดู ก็พบว่ารสชาติถูกปากใช้ได้ แถมทุกอย่างยังถูกจัดวางเป็นชิ้นพอดีคำ สะดวกในการหยิบรับประทาน
ตัวห้องจัดเลี้ยงที่เขตแดนเป็นคนเลือกเอง ก็มีขนาดพอดี ไม่ใหญ่จนดูโล่ง และไม่เล็กจนเบียดเสียด ทุกอย่างเรียกว่าพอดิบพอดีและลงตัว จนเวธน์ยังอดแซวเจ้านายตัวเองไม่ได้
“นี่ขนาดคุณเขตต์เกลียดงานเลี้ยงนะครับเนี่ย ยังจัดออกมาได้เนี้ยบซะจนผมแทบจะตกงานเลย”
ส่วนเรื่องสคริปต์งานที่ทางโรงแรมนำมาให้ดู เวธน์ก็บอกว่าจะต้องให้เขตแดนตรวจสอบดูอีกรอบก่อน ธรณ์ก็พยักหน้ารับ คุยงานกับทางโรงแรมจนจะใกล้เสร็จแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของเขตแดน ธรณ์คิดว่าอีกฝ่ายคงติดธุระอะไรที่โรงงาน เลยไม่ได้เอ่ยถาม จนกระทั่งมีโทรศัพท์เข้ามาถึงเวธน์ และชายหนุ่มขอตัวเลี่ยงออกไปรับสาย ปล่อยให้ธรณ์นั่งคุยกับทางโรงแรมตามลำพัง
รออยู่ไม่นาน เวธน์ก็เดินกลับมาหน้าตาไม่สู้ดีเท่าไหร่ จนธรณ์รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี และต้องเอ่ยถามทันที
“เป็นอะไรไปคุณเวธน์ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“คุณเขตต์ไม่มาแล้วล่ะครับคุณธรณ์ เมื่อซักครู่ทางโรงงานโทรศัพท์มาแจ้งผมว่า เกิดอุบัติเหตุในโรงงาน คุณเขตต์เข้าไปช่วยคนงานคนหนึ่งจนปลอดภัย แต่ตัวเองบาดเจ็บ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลครับ”
ธรณ์ชะงักไป ก่อนจะผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความรวดเร็ว ความรู้สึกหลายอย่างประเดประดังเข้ามา อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ชายหนุ่มก็ไม่คิดที่จะเสียเวลาหาเหตุผล เขาเอ่ยถามเวธน์เสียงดังอย่างลืมตัว
“แล้วคุณเขตต์อยู่ที่โรงพยาบาลไหน”
“เอ่อ...คุณเขตต์ฝากที่โรงงานแจ้งว่าไม่ต้องไปครับ ให้ผมพาคุณธรณ์ตรงกลับบ้านเลย” เวธน์อ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียงนัก อาจจะเพราะไม่เคยเห็นธรณ์เสียงดังมาก่อน
“โทรถามชื่อโรงพยาบาลจากทางโรงงาน แล้วส่งผมไปที่นั่น”
“แต่...คุณธรณ์ครับ...”
“ไม่มีแต่ นี่คือคำสั่ง!”TO BE CONTINUE
๐ หายไปนาน มาต่อแล้วค่ะ มาแบบยาวๆเพื่อเป็นการไถ่โทษ
๐ อ่านคอมเม้นท์ตอนที่แล้วแล้วสะดุ้งเลย ชาวเล้าคาดเดากันเก่งมาก ต้องรอดูต่อไปค่ะ ว่าตกลงคดีเป็นยังไงกันแน่
๐ ส่วนตอนนี้...เรียกว่าหวาน(?)ได้ไหม ฮา...คงยังไม่หวานเนอะ
๐ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ขอบคุณทุกความเห็น ดีใจที่ชอบกันนะคะ พบกันตอนหน้าค่ะ