ตอนที่ 7 ไข่ตุ๋นกับมะพร้าวลงรถแท็กซี่ที่หน้าวัดแล้วเดินมาที่ศาลาวัดด้วยกัน งานศพลูกชายคนเล็กของนายทหารระดับสูงนอกจากจะเต็มไปด้วยบุคคลในเครื่องแบบ ยังมีทั้งนักการเมืองและนักธุรกิจ ไข่ตุ๋นกับมะพร้าวที่กลายเป็นเหมือนวัยรุ่นหลงทางมาก็เลยชวนกันไปจุดธูปไหว้ศพ แล้วเลี่ยงออกมานั่งอยู่ที่ด้านนอกของศาลา ฟังคนอื่นคุยกัน ซึ่งหัวข้อที่คุยก็เกี่ยวกับเรื่องการเสียชีวิต ไปจนถึงเรื่องในครอบครัว
จนใกล้เวลาพระขึ้นสวด นายพลกับคุณหญิงถึงได้มา ส่วนโต้งมาพร้อมกับพระผู้สวด จนถึงช่วงพักถึงได้เดินมาหา พร้อมรับไหว้ 2 หนุ่ม
“ไม่เข้าไปนั่งข้างในล่ะ”
“ตรงนี้ก็ได้ครับ” ไข่ตุ๋นบอกแล้วแนะนำมะพร้าวให้โต้งรู้จัก
โต้งยิ้มเหนื่อยๆ นั่งลงข้างไข่ตุ๋น “ตอนที่รู้ข่าวแม่ช็อกเข้าโรงพยาบาล นี่ให้น้ำเกลือยังไม่หมดขวดก็มา”
ไข่ตุ๋นพยักหน้า ขณะที่มะพร้าวทักขึ้น “พี่เองก็ดูเหนื่อยๆ พักผ่อนบ้างนะครับ”
“ไม่ได้เหนื่อยอะไรหรอก มีคนจัดการให้ทุกอย่างแล้ว เพียงแต่ต้องเดินทางไปโน่นมานี่เลยดูโทรมไปหน่อย” โต้งบอกขณะที่หันมาหา 2 หนุ่ม “แล้วมายังไง”
“แท็กซี่ครับ”
“อ้าว งั้นเสร็จแล้วพี่ไปส่ง”
“ไม่เป็นไรครับผมกลับกันเองได้”
“เออน่า...พี่แวะไปส่งทั้งคู่น่ะแหละ”
2 หนุ่มหันมามองหน้ากัน มะพร้าวพยักหน้าง่ายๆ ตามนิสัยเป็นมิตร ยังไม่ได้คุยกันต่อคนตัวสูงใหญ่อีกคนก็เดินมานั่งที่เก้าอี้ด้านหลังของไข่ตุ๋น
โต้งหันมาทัก “มึงมีงานไม่ใช่หรือไง”
“เออ แล้วพ่อกับแม่เป็นไงบ้าง” เสียงคุ้นหูที่โต้ตอบกลับไปไม่ได้ทำให้ไข่ตุ๋นหันไปมอง มีแต่เพียงมะพร้าวที่หันมายกมือไหว้ แล้วสะกิดเพื่อน แต่เพื่อนก็กลับหันไปมองทางอื่น
“โกรธกันอยู่หรือไง” โต้งถามขำๆ
ทั้ง 2 คนที่ถูกระบุว่ากำลังโกรธกันอยู่ ไม่มีใครตอบ จนกระทั่งพระเริ่มสวด ทั้งหมดก็เลยหยุดคุย จนกระทั่งพระสวดเสร็จ โต้งหันมามองไข่ตุ๋นสลับกับชิณณะอีกครั้ง
“กูขออนุญาตไปส่งน้องได้มั้ย”
คำถามของเพื่อนก็ตรงไปตรงมาตามนิสัย แต่เพราะมันตรงเกินไปทำให้ชิณณะรู้สึกเหมือนโดนยิงเข้าที่กลางหน้าผาก
“ถามเขาสิ”
โต้งมองเห็นสีหน้าของเพื่อน เหมือนกับที่เห็นท่าทีนิ่งเฉยของไข่ตุ๋น “พี่มีเรื่องอยากถามน่ะ”
“ครับ”
โต้งไม่ค่อยเข้าใจอะไรสักเท่าไหร่ เพราะที่ผ่านมาชิณณะแนะนำไข่ตุ๋นสั้นๆ ว่ารู้จักน้องที่กำลังเรียนมหาวิทยาลัย และมีอายุใกล้เคียงกับเล็ก ถ้าต้องการให้มาอยู่เป็นเพื่อนแม่ตอนวันอาทิตย์ที่พยาบาลพักเวรก็น่าจะได้ ที่สำคัญคือแม่เองก็ชอบไข่ตุ๋นตั้งแต่แรกเห็น ไม่นั่งนิ่งๆ เหมือนเวลาที่อยู่กับพยาบาลนั่นก็ดีที่สุดแล้ว
เคยสงสัยอยู่เหมือนกันว่า น้องแบบไหน คงไม่ใช่น้องๆ หนูๆ ของชิณณะแน่ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่แนะนำให้มาดูแลแม่
และยิ่งท่าทางของเืพื่อนตอนนี้ มันยังแสดงให้เห็นว่า ไข่ตุ๋นคือคนสำคัญ
ส่วนมะพร้าวก็เป็นอีกคนที่ไม่ค่อยเข้าใจอะไรกับใครเขาสักเท่าไหร่ เพราะเพื่อนไม่บอกอะไรเลยสักคำนอกจากชวนมางานศพของลูกชาย คนที่ไปดูแลตอนเช้าวันอาทิตย์
ทุกคน ทุกอย่างที่ไข่ตุ๋นบอกมา มันเหมือนเป็นประโยคที่มีช่องว่างให้เติมมากมาย
จนกระทั่งมาถึง ถึงได้รู้ว่างานนี้เป็นงานยักษ์ ลูกชายท่านนายพลเชียวนะ!! แถมนั่งไปได้สักพักลูกชายคนโตเขาก็มาคุยด้วย ส่วนคนที่นั่งข้างหลังคนนี้ดูยังไงก็รวยแน่นอน
แต่ลักษณะของการมอง คำพูด และท่าทางต่างๆ มันบอกว่า กำลังง้อ
แล้วท่า่ทางของเพื่อนมันก็ชัดว่า โกรธ
อยากถามเพื่อนใจจะขาดว่า นี่มันอะไรกัน บุคคลสำคัญเหล่านี้คือใครกันบ้าง แต่เพราะรู้ว่าเพื่อนเป็นคนอย่างไร ถามไปยังไงก็ไม่ได้คำตอบ สู้ไว้ถามกับพี่ๆ โดยตรงหรือไม่ก็ชวนไข่ตุ๋นคุยไปเรื่อยๆ อาจต้องใช้เวลาสัก....5 วันถึงจะเก็บข้อมูลที่อยากรู้ได้หมด...
โต้งส่งมะพร้าวก่อน แล้วถึงได้เริ่มคำถาม
“ขอโทษนะถ้าพี่จะถามตรงๆ ตอนที่ไข่ตุ๋นมาดูแลแม่พี่ ชีคมันให้เงินไข่ตุ๋นหรือเปล่า”
ไข่ตุ๋นเหลือบตามองมือที่จับพวงมาลัย “ไม่ได้ให้หรอกครับ เพราะผมทำงานใช้หนี้เขา”
โต้งพยักหน้ารับทราบ “ที่ทำให้ต้องขายรถใช่มั้ย”
“ครับ”
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า พี่หมายถึง เล่นพนันบอล หรือว่าเกิดอุบัติเหตุอะไรถึงต้องใช้เงินเยอะขนาดนั้น”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วแน่น ไม่ตอบคำถาม ทำให้โต้งรีบพูดต่อ “ขอโทษ พี่ไม่ได้คิดจะดูถูก หรือว่าอะไร เพราะไอ้เล็กมันก็ทั้งแข่งรถ ทั้งเที่ยวทั้งเล่น มันบอกว่าได้บ้างเสียบ้าง แม่ก็จะให้เงินเอาไปใช้หนี้ พอชีคบอกว่าไข่ตุ๋นขายรถให้มัน พี่ก็เลยเป็นห่วงไม่อยากให้ถลำลึกเหมือนเล็ก”
“ผมไม่ได้เล่นพนันบอลหรอก แล้วก็ไม่ได้แข่งรถด้วย”
โต้งผ่อนลมหายใจยาว ละมือที่จับพวงมาลัยมาโยกศีรษะไข่ตุ๋น “เออดีแล้ว การพนันกับยาเสพติด มันไม่ได้ทำให้ใครดีขึ้นมาได้ ต่อให้เป็นเจ้ามือก็เถอะ”
ไข่ตุ๋นยิ้มอ่อนๆ
....ตั้งแต่แม่จนถึงพี่โต้ง ต่างก็มองเห็นเขาเป็นอีกด้านหนึ่งของเล็ก
“พี่โต้งรักคุณเล็กมาก”
โต้งพยักหน้า “แต่พี่ก็ทะเลาะกับแม่ตลอด ไข่ตุ๋นนึกภาพออกมั้ย พ่อกับแม่ตื่นเช้ามาเดินออกกำลังกาย พี่วิ่งจ็อกกิ้ง แต่ถ้าพี่ขึ้นไปปลุกเล็กให้มาออกกำลังกายด้วยกัน พี่จะโดนดุ”
รอยยิ้มบนใบหน้าใสทำให้โต้งเล่าเรื่องต่อ “แม่เขาอยากทดแทนให้เล็ก อันนี้ทั้งพ่อทั้งพี่เข้าใจ แต่เล็กมันเอาความรักของแม่ไปใช้ผิดทาง...”
ไข่ตุ๋นยังคงนั่งฟังโต้งเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ “อย่างเรื่องที่ทำผิดกฎหมายแล้วโดนจับ แม่ก็ตามไปโวยวายกับตำรวจ หลายครั้งเข้า พ่อก็ประกาศว่าให้ปล่อยนอนห้องขังข้ามวันข้ามคืนจะได้รู้ แต่แม่ไม่ยอมแล้วก็กลายเป็นทะเลาะกัน พี่เองก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ว่าถ้าทำอย่างนั้น มันจะทำให้เล็กยิ่งเตลิดไปไกล หรือว่าจะกลับตัวกลับใจ” สุดท้ายโต้งก็หันมาย้ำกับไข่ตุ๋นอีกครั้ง “ที่มีปัญหาเรื่องเงินตอนนี้ ไม่ใช่เพราะพนันกับยาเสพติดแน่นะ”
“ไม่หรอกครับ”
“ส่วนเรื่องมาอยู่กับแม่วันอาทิตย์ พี่ขอรอดูวันเผาเล็กก่อนนะ เพราะวันนี้แม่ยังไม่ค่อยดี ขนาดแขกที่มางานเขายังไม่ได้คุยกับใครเลย”
ไข่ตุ๋นพยักหน้าอีกครั้ง ชี้บอกให้รถจอดที่หน้าคอนโดฯ หรูแล้วเดินเข้าไปตามลำพัง
ยังมีรถคันใหญ่อีกคันที่ขับตามมาตั้งแต่วัดจนถึงคอนโดฯ คนที่ขับรถกดโทรศัพท์อีกครั้ง แต่คนที่โทรหาไม่กดรับสายจนกระทั่งสัญญาณโทรศัพท์ตัดไป
เมื่อกลับเข้ามาในห้อง หวานยืนรออยู่หน้าประตู คว้าข้อมือไข่ตุ๋นทันที
"คนที่คุยกับแกที่วัด แกรู้จักเขาด้วยหรือ"
ท่าทางของหวานดูร้อนรน ทำให้ไข่ตุ๋นพาเดินเข้าไปด้านใน ขณะที่ในใจมีทั้งคำถามและคำตอบในเวลาเดียวกัน นั่นคือหวานไปที่วัดในวันนี้ "เขาเป็นพี่ชายของคนตาย"
"ก็นั่นแหละ แกรู้จักเขาได้ยังไง"
"แล้วพี่รู้จักเขาหรือไง"
พอไข่ตุ๋นย้อน หวานก็ปล่อยมือที่จับข้อมือน้องชายไว้ แต่ท่าทางตอนที่ปล่อยแรงจนเหมือนผลัก ยิ่งทำให้ไข่ตุ๋นสงสัย เพียงแต่ไม่ได้ตั้งคำถาม เพราะรู้ดีว่า จะไม่ได้คำตอบที่อยากรู้
"กินอะไรหรือยัง"
หวานหันมายิ้มกว้าง "ยัง แกล่ะ"
"ยัง ขอผมดูก่อนนะ ว่าจะทำอะไรได้บ้าง"
ไข่ตุ๋นล้างมือ แล้วหยิบของออกมาจากในตู้เย็น มีหวานยืนมองทุกการเคลื่อนไหว จนกระทั่งนั่งลงกินอาหารด้วยกัน หวานถึงได้ถาม
"แกสนิทกับเขามั้ย"
"ไม่หรอก"
"จริงนะ"
ไข่ตุ๋นตอบรับด้วยเสียงในคอ หวานก็ถามต่อไป "แล้วแกคุยกับคุณชิณณะหรือยัง"
"ไม่มีอะไรให้คุย"
"แล้ว ทำไมวันนี้ชวนไอ้เจ้ามะพร้าวนั่นไปด้วย"
"ก็มันไม่ได้มีนัดไปไหน"
"มันก็รู้จักพวกเขาด้วยหรือ"
“ไม่รู้เหมือนกันเพราะไม่ได้ถาม”
ทุกคำตอบของไข่ตุ๋นที่แสดงให้เห็นว่า ไม่ได้สนใจ ไม่อยากรู้ และไม่ติดใจกับเรื่องใดๆ ทั้งสิ้นกลับทำให้หวานอารมณ์ดี จนลืมความอยากรู้อยากเห็นเรื่องที่ไข่ตุ๋นรู้จักกับคนกลุ่มนี้
รู้แค่เพียงว่า ในช่วงเวลาที่ปล่อยให้ไข่ตุ๋นอยู่บ้านตามลำพัง มันกลับเป็นโอกาสให้ไข่ตุ๋นรู้จักคนเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็ 2 คน
คนที่ไม่อยากให้รู้จัก
ก่อนที่จะเข้านอนหวานถามน้องชายอีกครั้ง
“แกจะไม่เห็นคนอื่นสำคัญกว่าฉันใช่มั้ย”
“ไม่หรอก กินยาแล้วก็ไปเข้านอนเถอะ”
จนถึงวันเผา ไข่ตุ๋นมากับมะพร้าวเหมือนวันก่อน ผู้ที่มาร่วมงานมีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก แต่โต้งก็ยังพาไข่ตุ๋นกับมะพร้าวเข้าไปไหว้พ่อกับแม่
มือนิ่มที่จับมือไข่ตุ๋นไว้ เหมือนคนที่ไม่มีแรง “รักษาตัวนะลูก แต่แม่คงไปที่สนามกอล์ฟไม่ไหวแล้ว”
“แต่ผมไปหาคุณหญิงที่บ้านได้”
คุณหญิงพยักหน้า ขอบตาแดงเรื่อ “มานะ แม่จะรอ”
“ครับ”
ตลอดเวลาที่อยู่ในงานศพ ไข่ตุ๋นรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่ามีคนตัวโตคนหนึ่งคอยจับตามองอยู่ตลอดเวลา
มองและมอง จนมะพร้าวสะกิดเพื่อน "มึงโกรธอะไรเขาน่ะ ตั้งแต่วันก่อนโน้นหรือเปล่า โกรธอะไรนานนัก"
"มึงรู้ได้ยังไงว่ากูโกรธ" คนตัวผอมตอบโดยที่ไม่ได้หันไปมองทั้งคนถาม และคนที่ถูกพูดถึง
"รู้สิ ถ้ามึงไม่โกรธมึงต้องสวัสดีเขาแล้ว แต่นี่มึงเกร็งคอไม่หันไปมองเขาสักนิด"
เมื่อเจ้าหน้าที่วัดให้สัญญาณเผาจริง คุณหญิงก็เป็นลมไปในอ้อมแขนของพ่อ พยาบาลที่อยู่ใกล้เข้ามาดูแล แต่โต้งเข้ามาอุ้มแม่ ไปนอนพักในรถพยาบาลที่จอดอยู่ด้านหลัง มีเพียงพ่อที่ยังคงยืนอยู่ในงาน ความสับสนวุ่นวายจึงเปลี่ยนเป็นความเงียบและความเศร้าของคนที่ยังอยู่
เมื่อวางดอกไม้จันทน์เสร็จ 2 หนุ่มจะพากันกลับ แต่มีพลทหารวิ่งตามมา "คุณครับ นายบอกว่าให้รอก่อน เดี๋ยวนายไปส่งครับ"
หนุ่มแว่นตัวกลมถามซื่อๆ "นายคนไหน"
"คุณโต้งน่ะครับ"
"คุณโต้งกำลังยุ่งเรากลับเองได้ครับ"
"อย่ากลับเลยครับ คุณโต้งขู่ว่าถ้าคุณกลับก่อน ผมจะโดนขัง"
มะพร้าวหันมาทำตาเบี้ยวๆ กับเพื่อน แล้วเดินบ่นไปนั่งที่เก้าอี้หินอ่อนใต้ร่มไม้ "สมัยนี้มันยังมีอะไรแบบนี้อีกหรือวะเนี่ย หยั่งก๊ะ สมัยสงครามโลก"
หันไปมองทางรถพยาบาล เห็นโต้งคุยกับหมอ แล้วเดินมาหาพ่อ ท่ามกลางคนที่อยู่รอบๆ พ่อมีชิณณะรวมอยู่ด้วย ดวงตาสีเข้มไม่ได้มองพ่อ ไม่ได้สนใจเพื่อน แต่มองมาทางนี้ ไข่ตุ๋นก็เลยก้มลงมองโทรศัพท์ในมือ
สายเรียกเข้าที่ค้างอยู่ยังคงเป็นหมายเลขเดิมของคนที่มองมา
จนกระทั่งแขกในงานบางตา โต้งถึงได้เดินมาหาแล้วก็เดินนำไปที่รถ
"รอนานเลยสินะ ขอโทษที"
"ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ เพราะระหว่างรอผมหาขนมกินจนอิ่มไปแล้ว" มะพร้าวคนอารมณ์ดีบอกแล้วเข้าไปนั่งที่เบาะด้านหลัง
ชั่ววินาทีนี้เองที่ไข่ตุ๋นเพิ่งนึกได้ว่า ทหารคนที่มีดวงตาเรียวเล็กที่มักจะติดตามโต้งอยู่เสมอคนนั้นไม่ได้อยู่ในงานด้วย
"แล้วตกลงมีรถใช้มั้ยเรา 2 คนน่ะ"
"อย่าบอกนะว่าพี่จะถอยให้ใหม่" มะพร้าวแกล้งดักทาง
โต้งหัวเราะลั่น เป็นการหัวเราะอย่างปลอดโปร่งที่สุดในรอบหลายวัน "ไม่ๆ พี่มีออดี้คันเก่า ถ้าไม่รังเกียจเอาไปใช้กันก่อนก็ได้"
หนุ่มตัวกลมด้านหลังถึงกับผิวปากหวือ ส่วนไข่ตุ๋น ตอบนิ่งๆ "ไม่ครับ ขอบคุณมาก"
รอจนส่งมะพร้าวลงไปแล้ว โต้งถึงหันมาถาม "โกรธพี่ใช่มั้ย"
"ครับ" ไข่ตุ๋นยอมรับ ส่วนหนึ่งเพราะเพิ่งโดนเพื่อนทักเรื่องโกรธชิณณะที่งานศพ
"ขอโทษที่ทำให้โกรธ เห็นว่าไปไหนมาไหนก็นั่งรถแท็กซี่ รถตู้กันตลอด พี่มีรถจอดอยู่เฉยๆ ก็เลยอยากให้เอามาใช้"
ไข่ตุ๋นหันมามองโต้งตรงๆ "ขอบคุณที่พี่ไว้ใจ แต่ผมรับไม่ได้หรอกครับ"
โต้งพยักหน้า ขับรถมาส่งจนถึงหน้าคอนโดฯ "ไข่ตุ๋น ถ้าเดือดร้อนหรือมีปัญหาอะไร อย่าแก้ไขปัญหาโดยลำพังตกลงมั้ย"
ไข่ตุ๋นยิ้มอ่อนๆ เพราะคำพูดของโต้งคล้ายกับคนที่ไม่ได้พูดด้วยมาหลายวันแล้ว
"ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ผมยืนยันกับพี่อีกครั้ง ว่าที่ผมเดือดร้อนเรื่องเงิน ไม่ใช่เพราะผมเล่นการพนัน หรือติดยา แต่ผมมีความจำเป็นอย่างอื่น"
"ไปช่วยคนอื่นหรือ"
"ครับ"
"งั้นยิ่งไม่ควรช่วยถึงขนาดทำให้ตัวเองเดือดร้อน ต่อให้คนที่ช่วยเป็นพี่สาวของไข่ตุ๋น” เมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบ โต้งก็พูดต่อ “ไอ้ชีคมันบอกแค่ ไข่ตุ๋นมีพี่สาวอีกคน แต่ไม่ได้เล่าอะไร"
“เราเป็นแฝดกันครับ แต่ผมไม่เคยเข้าใจเขาเลยสักเรื่องเดียว”
“คงเพราะผู้ชายกับผู้หญิงคิดไม่เหมือนกันด้วย”
โต้งจอดรถที่หน้าคอนโดฯ หันมาจับศีรษะคนตัวเล็กโยกเบาๆ “เป็นน้องที่ดี รักพี่ช่วยเหลือพี่มันก็ถูกต้องแล้ว แต่มันก็ต้องถูกทาง เตือนเขาถ้าเขาทำอะไรที่มันไม่ดี”
ไข่ตุ๋นหันมาสวัสดีแล้วก้าวลงจากรถ ยืนรอส่งโต้งกระทั่งเลี้ยวรถออกไป
...บางทีหวานอาจเหมือนกับเล็ก คนที่ไม่มีใครเตือนเขาได้...
เมื่อหันกลับมาอีกครั้งหวานยืนรออยู่ที่ระเบียงด้านหน้าคอนโด ริมฝีปากบางเม้มแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
"เขามาส่งแกอีกแล้ว"
"เขาเพิ่งเสียน้องชายไป ก็เลยเห็นผมเป็นตัวแทนน้องชายของเขา"
"เขาจะเอาแกไปจากฉันใช่มั้ย" หวานถามด้วยน้ำเสียงคาดคั้น ดวงตาดูแข็งกร้าวผิดจากที่เคยเป็นมา ทำให้น้องชายต้องโอบเอวพาเข้ามาด้านใน ต่างคนต่างไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่รอลิฟต์ จนเข้ามาในห้อง
“แกจะเห็นเขาดีกว่าฉันไม่ได้นะ”
“ผมไม่ได้เห็นเขาดีกว่าพี่อยู่แล้ว”
แต่หวานจะไม่ได้รับรู้คำตอบของไข่ตุ๋นสักเท่าไหร่ “ถึงฉันจะไม่ค่อยได้อยู่ แต่ฉันก็มีแต่แกเท่านั้น”
น้องชายพยักหน้าเข้าใจ
“แต่แกสนิทกับเขามากกว่าฉัน”
“เขาเพิ่งเสียน้องชายไป ผมแค่ทำในสิ่งที่ผมทำได้”
“ท่าทางเขาชอบแก”
"ไม่ใช่สักหน่อย เขาแค่พยายามทำในสิ่งที่เขาไม่เคยทำให้น้องชายของเขา"
ไข่ตุ๋นจะพูดซ้ำไปซ้ำมาในเรื่องเดิมอยู่หลายครั้ง แต่ไม่ได้ทำให้หวานเข้าใจได้เลยสักนิด ยังดูเหมือนพูดกันคนละเรื่อง เข้าใจกันไปคนละทางเหมือนเดิม
"นั่นแหละเขาจะเอาแกไปจากฉัน"
หวานเดินต่อเข้าไปในครัว ไข่ตุ๋นมองตามเห็นว่าเปิดตู้เย็นก็เลยแยกไปห้องนอนของตัวเอง แต่เพียงแต่จับลูกบิดประตูยังไม่ทันเข้าห้อง หวานก็เรียกไว้
“กินน้ำ”
ไข่ตุ๋นรับมาจิบเพียงนิดเดียว แต่พอจะวางแก้วที่โต๊ะใกล้ๆ หวานรีบคว้าข้อมือที่ถือแก้วน้ำไว้
“เขาจะเอาแกไปจากฉัน”
น้องชายตอบอย่างใจเย็น "เขาไม่ได้เอาผมไป นี่ไงผมกลับมาหาพี่หวานแล้ว"
ท่าทีของไข่ตุ๋นอ่อนลงกว่าเดิม เพราะรู้ตัวแล้วว่า หวานเครียดกับเรื่องวันนี้มากกว่าที่คิด อาจไปดักรออยู่ที่วัดตั้งแต่ไข่ตุ๋นจะไปถึงด้วยซ้ำ แล้วพอเห็นว่าโต้งพาไปไหว้พ่อกับแม่ แล้วยังพามาส่ง ก็เลยยิ่งคิดกลัวไปไกล
"เขาจะเอาแกไป เพราะเขารู้ว่าแกคือใคร"
ไข่ตุ๋นขมวดคิ้ว รู้สึกถึงเรื่องที่ไม่อยากให้เป็นความจริงมันกำลังกลายเป็นเรื่องจริง
หวานดึงมือน้องชายเข้าไปในห้องนอนของเธอเอง
ห้องที่มักจะปิดล็อกอยู่เสมอ
จากที่เข้ามาครั้งหลังสุดเมื่อหลายเดือนก่อน ห้องนอนห้องนี้มีสภาพที่เปลี่ยนไปมาก
สภาพห้องที่เปลี่ยนไป รูปภาพพวกนี้ และท่าทีของหวาน
รูปภาพบนฝาผนังห้องเรียงราย ภาพข่าวในหนังสือพิมพ์ ที่เด่นชัดคือภาพใบหน้าของคน 3 คนที่มีเครื่องหมายกากบาททับอยู่
คนหนึ่งคือเก่ง และอีกคนคือเล็ก คนที่ไข่ตุ๋นเพิ่งไปงานศพมา ส่วนอีกคนไข่ตุ๋นไม่รู้ว่าชื่ออะไร
ในสมองของไข่ตุ๋นมีแต่เสียงร้องตะโกน ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ถูกต้อง!
หวานยังคงไม่ปล่อยมือจากน้องชาย ขณะที่อีกมือชี้ไปที่ภาพของทั้ง 3 คน
"พวกมันคือฝันร้ายของฉัน เมื่อฉันตื่นขึ้นมา ฉันมีแกอยู่ข้างๆ มีแต่แกเพียงคนเดียวที่อยู่กับฉันตลอดเวลา ตั้งแต่ที่โรงพยาบาลจนถึงที่นี่ แม้แต่พ่อกับแม่ก็ยังหันหลังให้ฉัน ด่าว่าเพราะฉันให้ท่าพวกมัน ทุกอย่างเริ่มต้นที่ฉัน มีแต่แกที่ไม่เคยถาม ไม่เคยสนใจ มีแต่แกที่อยู่กับฉัน ฉันมีแต่แกเท่านั้นนะไข่ตุ๋น" หวานพูดด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอย แต่ดวงตากลับแข็งกร้าวแห้งผาก "แกคิดว่าเพราะอะไรที่ทำให้อยู่ดีๆ คนพวกนี้เดินเข้ามาหาแก ถ้าไม่ใช่เพราะเขารู้ว่าฉันทำอะไร"
"พี่ทำอะไร"
"ฉันทำในสิ่งที่ควรจะทำ ฉันเจอกับมันที่ผับ" หวานชี้ไปที่รูปของคนที่ไข่ตุ๋นไม่รู้จัก "จากนั้นฝันร้ายมันก็กลับมาหาฉันอีก ฉันก็เลยต้องหาทางกำจัดพวกมัน"
ไข่ตุ๋นรู้สึกว่ามือเย็นเฉียบ สมองมึนงง
"รู้มั้ย ตอนแรกฉันคิดว่ามันจะยาก แต่พอลงมือเข้าจริง มันก็ไม่ได้ยากสักเท่าไหร่"
"พี่หวาน"
หวานหันมาหาน้องชาย "ตุ๋น แกเป็นน้องพี่ใช่มั้ย"
“ใช่”
หวานพยักหน้า จับข้อมือที่ถือแก้วน้ำอยู่ให้ยกขึ้น เชิงบังคับให้ไข่ตุ๋นดื่มน้ำอีก
“กินน้ำอีกสิ”
ไข่ตุ๋นจิบอีกนิดเดียวก็ส่ายหน้า
“ผมพอแล้ว”
“กินไปเถอะน่า เรื่องมากจริง”
โทรศัพท์ในกางเกงสั่นเตือน ทำให้ไข่ตุ๋นได้สติ หันด้านที่ถือแก้วไปทางพี่สาว ขณะที่อีกด้านล้วงกระเป๋ากดรับแต่ ไม่ได้เอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า
"ตุ๋นแกตอบพี่สิ แกจะไม่ทิ้งพี่ไปใช่มั้ย"
ไข่ตุ๋นกลืนก้อนน้ำลายขณะที่ส่ายหน้า หวานกอดไข่ตุ๋นไว้แน่น "น้องของพี่ พี่รู้ว่าแกจะไม่ทิ้งพี่ไปไหน"
“ผมไม่ทิ้งพี่ไปไหน พี่ทำอะไรพวกเขา"
"ไม่ๆ ฉันไม่ได้ทำพวกมัน พวกมันทำตัวเองต่างหาก แต่ว่า...." หวานหยุดพูด ก้มหน้า
"พี่หวาน"
"ไม่คิดบ้างหรือว่า พวกมันสมควรตาย" หวานจับข้อมือของน้องชายเชิงบังคับให้ดื่มน้ำอีก
แต่เพียงอีกครึ่งอึก ไข่ตุ๋นก็เบี่ยงหนี “ถ้าพี่กลัวว่าเขาจะทำร้ายพี่ เราหนีไปอยู่ที่อื่นกันก็ได้”
“ทำไมต้องหนี คนผิดคือพวกมัน ...ใช่คนผิดคือพวกมัน แต่ฉันกลับกลายเป็นคนเลว ถูกประณามว่าเป็นคนไม่ดี ทุกคนเห็นรูปพวกนั้น พวกมันเห็นรูปพวกนั้น มันจะเอารูปพวกนั้นมาทำร้ายแก ทำร้ายฉัน ฉันจะต้องกลับไปอยู่กับฝันร้ายนั่นอีก!!”
ไข่ตุ๋นหันไปมองภาพที่ฝาผนังห้องอีกครั้ง รู้สึกสายตาพร่าเลือน
“ทุกคนไม่ได้เห็นรูปพี่หรอก มีคนไม่มากนักที่เล่นเน็ต แล้วต่อให้เล่นเน็ต คนที่เขาไม่สนใจรูปแบบนั้นก็มีตั้งเยอะ”
“ไม่จริง!” หวานหันมาตวาดใส่หน้าน้องชาย “ทุกคนเห็น ทุกคนรู้ เวลาที่ฉันอยู่ในมหาวิทยาลัยมีแต่คนมองฉันด้วยสายตาดูถูก คำพูดลามกแบบนั้น ท่าทางที่ทำเหมือนฉันเป็นผู้หญิงหากิน”
“พี่หวาน คลิปพวกนั้นมันลบไปหมดแล้ว ผมเป็นคนแจ้งกับกระทรวง แจ้งตำรวจเอง แล้วผมก็ตรวจสอบแล้วว่ามันไม่มีแล้ว”
“มันมีอยู่” หวานหันมาบังคับให้น้องชายดื่มจนหมดแก้ว “มันไม่มีวันหมดไป ไม่มีวันหมด แกซื่อหรือแกโง่ พวกมันมีต้นฉบับ”
“พี่หวาน ผมไม่ดื่มแล้ว...” ไข่ตุ๋นรู้สึกขาไม่มีแรงจนต้องนั่งลงกับพื้น “พี่หวาน น้ำ...นั่น....”
“แกรอฉันไม่นานหรอก ฉันจะส่งแกไปก่อน แล้วจะตามไป รับรองว่าแกจะไม่ร้อน ไม่ทรมานเหมือนพวกมัน” หวานนั่งลงข้างน้องชาย จับให้ลงนอนหนุนตัก
“ที่ฉันทำอย่างนี้ก็เพราะว่าฉันรักแกนะ พวกเขาเผาศพไอ้เลวนั่นไปแล้ว ไม่นานเขาต้องเก็บของในห้องนอนมัน แล้วถ้าเขาเห็นคลิปของฉันเห็นภาพของฉัน เขาต้องเอามาให้แกดู เพราะแกเป็นน้องของฉัน เขาจะทำให้แกต้องอยู่กับฝันร้ายไปตลอดชีวิต” นิ้วมือขาวซีดเกลี่ยผมเส้นเล็กที่ระหน้าผาก ยิ่งพูดน้ำเสียงของหวานยิ่งไหลเรื่อย “ฉันต้องทำอย่างนี้ แกจะได้ไม่ต้องอยู่กับความเลวที่แกไม่ได้เป็นคนทำไง ฉันรักแกนะตุ๋น...ฉันรู้ว่าฉันทำให้แกเดือดร้อนมาตลอด.....ฉันไม่ได้คิดว่า ของที่มีอยู่จะต้องเอามาใช้กับแก จนกระทั่งฉันเห็นว่าแกสนิทกับคนพวกนั้น...แกเข้าใจฉันนะ ว่าฉันทำเพื่อแก นี่เป็นสิ่งเดียวที่ฉันทำเพื่อแกได้ ...เราจะเป็นพี่น้องกันตลอดไป”
เสียงบิดลูกบิดประตู และตามมาด้วยเสียงกระแทกประตูในทันที ทำให้หวานหันไปมองประตูห้อง แต่ยังไม่ทันจะลุกขึ้น ประตูห้องก็หลุดออกด้วยแรงถีบ
“อย่าเอาตุ๋นไปนะ!” หวานร้องตะโกนจนสุดเสียง กอดไข่ตุ๋นไว้แน่น
ยาม 2 คนตรงเข้ามาอยู่คนละด้านของหวาน ไม่แน่ใจว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป
“ผมยังโอเค” ไข่ตุ๋นพึมพำ ทั้งที่แทบไม่มีแรงฝืนเปลือกตา “พี่หวาน อย่าทำร้ายตัวเอง.....”
“ไข่ตุ๋น!”
เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นหูดังขึ้น จากนั้นไข่ตุ๋นก็ไม่ได้ยินอะไรอีก
=====จบตอนที่ 7=======
เครียดเนอะ เพราะค่อยๆ คลายความจริงทีจะจิ๊ด คนเขียนก็เครียด ทำไมหวานไม่บอกให้หมดเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยฟะ
ถั่วต้ม มันเผา กระเพรา ตะไคร้ พี่ไจฟ์เขียนตอนนี้ เพราะเขียนตอนแรกผมใส่หมดตามพล็อตเรื่อง เพราะตาถั่วเห็นว่ามีแค่ 10 ตอน พี่ไจฟ์อ่านแล้วร้องเฮ้ย มี 19 ตอนนะไม่ใช่ 10 ตอน
คุณอ่านแล้วคิดว่าหวานตอนนี้โดดจากตอนก่อนหน้าหรือเปล่า
คนที่เข้ามาช่วยมีน้ำเสียงคุ้นหู คุณคิดว่าใคร ก็คนนั้นแหละ
ขอบคุณ และพบกันวันศุกร์นะครับ
ไจฟ์กับทีครับ