.
.
“เดินไหวหรือเปล่า” เสียงทุ้มถามด้วยความเป็นห่วง ขัดกับดวงตาที่พราวระยับจนน่าหมั่นไส้
ผมพยักหน้ารับ แม้ความจริงจะรู้สึกเคืองคนที่มาส่งเหลือเกิน ข้อควรทราบ...คราวหลังกรุณาระบุครั้งในข้อตกลงด้วย เพราะบางคนมันนึกว่าตัวเองกินโด่ไม่รู้ล้มมา มันเลยโด่แม่งทั้งคืน!!
มีอยู่ถ้ำเดียว แต่มันสำรวจทั้งคืนไม่เสร็จซะที ไม่รู้สำรวจไปถึงไหน แทบอยากจะยกรางวัลนักสำรวจดีเด่นให้เหลือเกิน ถ้าว่างก็เปลี่ยนไปเรียนธรณีวิทยาแทนเหอะ
“เพราะใครล่ะ” ผมตวัดเสียงถาม
“เพราะแอลนั่นแหล่ะ ทำให้พี่อดใจไม่ไหว” ความผิดผมอีก
“ไม่ต้องมาโทษกันเลย ไปกินไวอากร้ามาเหรอไงวะ”
“เอาน่า ถือว่าแสดงความรักล่วงหน้า เดี๋ยวถ้าพี่ต้องซ้อมละครเวที แล้วจะมาเรียกร้องไม่ได้นะ”
“ไม่เคยเรียกร้องเหอะ อย่ามามั่วได้ไหม”
“ไม่ได้เรียกร้องได้ไง เมื่อคืนทั้งเรียก...พี่เภา...แรงอีก ทั้งร้อง...อ๊ะ...อื๊อ”
ผมหน้าแดงแป๊ดเลย พูดออกมาได้ยังไงไม่อายปากวะนั่น
“ไอ้พี่เภาโรคจิต!!!”คนโดนด่าหัวเราะร่า ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรซักนิด ผมขยับตัวจะลงจากรถ เพราะจอดอยู่หน้าคณะนานแล้ว อีกคนยังคว้าแขนไว้ ก่อนจะดึงเข้ามากดจูบที่ข้างแก้ม
“ตั้งใจเรียนนะ เย็นนี้พี่ต้องเข้าประชุม ถ้าจะไปไหนยังไงก็ส่งข้อความมานะ”
“ยังไงพี่เภาเสร็จแล้วก็โทรหาแอลละกัน” เผื่อทำอะไรอยู่จะได้ไหวตัวทัน
“ครับ แต่ความจริงพี่ไม่อยากเล่นเลยนะเนี่ย กว่าจะเสร็จก็คริสต์มาสนู่น ไม่มีเวลาให้แอลพอดี” คุณชายยังทำท่าอิดออด
“ไม่ต้องเบี้ยวเลยนะ ตกลงกันแล้ว”
“หึหึ ไม่เบี้ยวหรอกน่า ท่าทางอยากให้เล่นซะจนคิดว่า แอบวางแผนอะไรไว้หรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรหรอกน่า ไปเรียนแล้วนะ” ผมรีบตัดบททันที ก่อนที่จะโดนจับได้
ลงมาจากรถกกำลังจะเดินเข้าตึกคณะ ไอ้เวย์เพื่อนรักมองผมแล้วก็ยิ้มทันที ก่อนจะถามหน้าตาเฉย
“นี่มึงลงทุนเปลืองตัวขนาดนี้เลยเหรอวะไอ้น้องแอล ความจริงแค่มึงเอาตัวเองผูกโบว์ พี่กูก็ดีใจตายแล้ว”
“เออ! กูทุ่มทุนสร้างเลยนะ ถ้ามึงทำความแตก กูเอามึงตายแน่เวย์” ผมขู่มันก่อนทันที
“ถ้าความแตก มึงก็ยอมเปลืองตัวอีกรอบละกัน แค่มึงพลีกาย พี่กูก็หายโกรธแล้ว”
“สัด!!!”ชัดเจนไหมครับมึง แต่เหมือนจะไม่ เพราะไอ้คนถูกด่ามันยิ้มร่า แล้วตอกกลับมาหน้าตาเฉยว่า...
“อ้าว...กูเพิ่งรู้ว่าช่วงนี้เป็นฤดูติดสัดของมึง มิน่า...”
.
.
หลังจากไอ้เวย์โทรบอกให้น้องจีนกลับบ้านกับน้องภาม ส่วนผมก็ส่งข้อความบอกพี่เภาว่าอยู่กับไอ้เวย์ เราสองคนก็มาโลดแล่นอยู่บนถนนสุขุมวิท...
“ความจริงกูรูดบัตร แล้วมึงค่อยมาผ่อนคืนกูก็ได้นะ” ไอ้เวย์มันแสดงความเห็น แต่ผมส่ายหน้าดิก
“ไม่หว่ะ กูอยากให้มันมาจากน้ำพักน้ำแรงของกู มันจะได้มีคุณค่า” ผมตอบหน้าจริงจัง
“น่ารักแบบนี้ไง พี่กูถึงได้หลงหัวปักหัวปำ” ไอ้เวย์ไม่พูดเปล่า ยื่นมือมาขยี้หัวผมอีกต่างหาก
ไอ้เวย์มันไม่ปล่อยให้ผมมาเดินหาร้านอาหารทำงานเองอยู่แล้วครับ มันต้องมาช่วยคอยเป็นหูเป็นตาสอดส่องอีกที ร้านแรกที่เราเลือก เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น บรรยากาศดีแบบญี่ปุ่นแท้ ส่วนมากลูกค้าก็จะเป็นชาวญี่ปุ่นที่ทำงานหรืออาศัยอยู่แถวนี้
“รับคนทำงานอยู่หรือเปล่าครับ?”
“รับค่ะ ร้านเราเปิดเฉพาะช่วงเย็นนะคะ อย่างน้องนี่เป็นเด็กเสิร์ฟสบายเลยค่ะ หน้าตาเรียกแขกมาก”
ไอ้เวย์เห็นคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นพนักงาน แต่ไม่มั่นใจเลยถามพี่เจ้าของร้าน
“นั่นพนักงานที่นี่หรือเปล่าครับ”
“ใช่แล้วค่ะ”
“เวลาทำงานต้องใส่ชุดนั้นเหรอครับ”
ชุดนั้นของไอ้เวย์ก็คือ
‘ชุดยูกาตะ’ กับรองเท้าแตะหนีบที่ดูเป็นกันเอง เหมือนมาชมงานเทศกาลดอกไม้ไฟหน้าร้อนที่ญี่ปุ่น และพอพี่เขาพยักหน้าปุ๊บ ไอ้เวย์ก็พูดแทรกผมทันที
“งั้นไม่รบกวนแล้วครับ ขอบคุณพี่มากเลยครับ สวัสดีครับ” พูดจบมันก็ลากผมเดินลิ่วออกมาจากร้าน ก่อนจะจับยัดใส่รถทันที
“เฮ้ย! ลากกูออกมาทำไมวะ”
“ถ้าพี่เภารู้ว่ากูให้มึงมาทำงานใส่ชุดยูกาตะ กูโดนฆ่าหมกป่าแน่มึง คนอื่นใส่อาจจะธรรมดา แต่มึงใส่นี่...” แค่มันกวาดสายตามองทั่วตัวผม ผมก็รู้ทันที เลยได้แต่ยกมือยอมแพ้
ร้านที่สองที่เรามาสมัครงานกัน เป็นร้านเบเกอรี่ขนาดเล็ก บรรยากาศน่ารักคิกขุ เป็นแนวพวกเบเกอรี่ญี่ปุ่น บรรยากาศเหมือนอยู่ที่ฮาราจูกุ ขนาดพนักงานยังสวมชุดเมดจนไอ้เวย์มองเพลินเชียว นี่ผมหลุดเข้ามาในเมดคาเฟ่หรือเปล่าเนี่ย
“ผมมาสมัครงานครับ”
เจ้าของร้านโคตรหล่อชะโงกหน้าออกมาจากหลังเคาน์เตอร์ ตอนแรกก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย กวาดตามองผมขึ้นลงเหมือนจะประเมิณ ก่อนจะบอกหน้าตาเฉย
“ความจริงร้านเรารับแต่ผู้หญิงนะ แต่ถ้าเป็นเธอก็โอเค ดูแล้วหน้าตาน่าจะเข้ากับชุดเมดอยู่”
ไม่ต้องรอให้ไอ้เวย์ลาก ผมลากมันออกจากร้านแทนเลยครับ
เชี่ย!!...จะให้ผมไปใส่ชุดเมด เอาหัวแม่เท้าคิดเหรอครับ ออกจะหล่อขนาดนี้ บอกว่าหน้าตาเข้ากับชุดเมด.
.
“ทำไมงานมันหายากจังวะ” ผมบ่นทันทีที่นั่งแหมะเรียบร้อย
“เออ! เนี่ยแหล่ะ ตอนแรกที่มึงจะหางาน กูถึงส่งมึงไปหาพี่เภา เป็นไง...ได้งาน ได้เงิน ได้สามี”
ถ้าไม่ติดว่าอยู่ข้างนอก ผมจะสะบัดนิ้วกลางกระแทกหน้ามันซะหน่อย หลังจากหามาประมาณห้าร้าน แล้วกินแต่แห้วตลอด เพราะบางร้านก็อายุไม่ถึง บางร้านก็ไอ้เวย์ก็ไม่ชอบ พวกผมเลยต้องหยุดพัก แล้วมาหาข้าวเย็นกินกันก่อน
ร้านที่มานั่งกินก็อยู่ละแวกถนนสุขุมวิท ห่างจากคอนโดพี่เภาพอประมาณ แต่ก็ไม่ไกลมาก เป็นร้านอาหารที่มีวงดนตรีสดมาเล่น มีลูกค้าประปรายพอสมควร อาหารก็ค่อนข้างหลากหลาย
พอเห็นของน่ากินเยอะ ผมก็เครียดเลย อยากกินหลายอย่างซะด้วย จะเลือกแค่บางอย่างก็รักพี่เสียดายน้อง จะสั่งมาเยอะก็เกรงใจคนจ่ายเงิน ไอ้เวย์มันคงรู้
“มึงอยากกินอะไรก็สั่งเถอะ ถึงกูไม่รวยเหมือนแฟนมึง แต่เพื่อนคนเดียว ก็เลี้ยงได้”
แค่นั้นแหล่ะ ผมหันไปหาพนักงานที่ยืนรออยู่ ก่อนจะร่ายยาวเลยครับ ไม่มีขาดตกบกพร่อง
“เอาข้าวผัดปลาสลิดจานกลาง ลาบทอด เป๊าะเปี๊ยะไส้หมู ยำปลาดุกฟู แล้วก็น้ำเปล่ากับน้ำแข็งสองครับ”
“ปกติพี่เภาเลี้ยงมึงอดๆอยากๆ หรือว่าให้มึงกินเยอะจนติดเป็นนิสัยวะ” ไอ้เวย์บ่นทันที ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่ยักคิ้วให้มันแทน
ระหว่างที่นั่งรอก็ถือโอกาสสำรวจร้าน ช่วงเย็นที่คนยังไม่เยอะมาก ที่ร้านเขาจะเปิดแผ่นแทน ส่วนวงดนตรีจะเล่นประมาณสองทุ่ม มีทั้งวัยรุ่นและวัยทำงานมากิน ร้านเหมือนจะเปิดไม่นาน แต่ก็มีชื่อเสียงพอคัว
มองเรื่อยเปื่อยก็สบเข้ากับสายตาคู่หนึ่ง เหมือนจะเป็นเจ้าของร้าน...หรือเปล่า เพราะหน้าดูแก่กว่าพวกผมไม่มาก สวมเสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงยีนส์พอดีตัว ยืนอยู่ข้างเวที พอเห็นผม ก็ส่งยิ้มมาให้ ผมแค่กระตุกมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะเบือนหน้าไปมองอย่างอื่นแทน
มองผ่านตรงข้างเวทีรอบที่สองก็ยังมองอยู่ รอบที่สามก็ยังมองอยู่ ผมเลยนิ่วหน้าจนไอ้เวย์ ที่เพิ่งรายงานความประพฤติกับเด็กมันเสร็จถามทันที
“เป็นอะไรของมึงเนี่ยแอล หน้าเป็นตูดเชียว”
“กูรำคาญ ไอ้คนที่ยืนอยู่ข้างเวที มองอยู่นั่นแหล่ะ หน้ากูไปเหมือนพ่อมันเหรอไง”
ไอ้เวย์เลยหันหลังกลับไปทำหน้าเหี้ยมใส่เลยครับ คู่กรณีเลยชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเดินตรงมาที่พวกผม ผมเลยสะกิดไอ้เวย์ทันที
“เอาไงมึง เดินมาโน่นแล้วหว่ะ”
“เออ! มึงเฉยไว้ เดี๋ยวกูจัดการเอง”
แต่พอมันเดินมาประชิดโต๊ะที่พวกผมนั่งอยู่ ผมกับไอ้เวย์ก็ต้องเป็นฝ่ายชะงักแทน เพราะคู่กรณีมันดันถามว่า...
“เฮ้ย! เวย์กับแอลใช่เปล่าวะ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
ผมหรี่ตามองไอ้เวย์สลับกับคนที่เข้ามาทักเหมือนรู้จักกัน ไอ้เวย์ที่ทำท่าจะหาเรื่องก็หันมามองผมแบบงงๆ ผมเลยรีบชิงถามมันก่อน
“คนรู้จักมึงเหรอเวย์”
“เค้ารู้จักมึงไม่ใช่เหรอไอ้น้องแอล”
“ถ้ากูรู้จัก กูจะถามมึงไหมล่ะ ใช้สมองบ้าง”
สงสัยคนที่ถูกพาดพิงมันคงจะรำคาญ มันเลยลากเก้าอี้มานั่งตรงหัวโต๊ะ ผมกับไอ้เวย์ก็มองเขม็งเลยครับ ทำท่าจะอ้าปากด่า มันก็รีบโบกมือห้าม ก่อนพูดรัวเร็ว
“เฮ้ย! จำกันไม่ได้จริงเหรอวะ พี่กานต์ไง”
ผมกับไอ้เวย์ก็ยังทำหน้ามึนเหมือนเดิม จนคนที่บอกว่าตัวเองชื่อ ‘กานต์’ ต้องสงเคราะห์กันอีกรอบ
“เอิ่ม...พี่กานต์ รุ่นพี่ที่โรงเรียน ที่เป็นประธานนักเรียนตอนปีสุดท้ายน่ะ นึกออกยังวะ?” หน้าพี่แกชักเอือมเต็มที่
ผมกับไอ้เวย์มองตากันก่อนจะร้องอ๋อทันที...
พี่กานต์เป็นประธานนักเรียนสมัยพวกผมอยู่มอสาม ส่วนพี่แกอยู่มอหก คือพอรู้จักมักจี่กันอยู่บ้าง แต่ไม่ได้สนิทสนมอะไรกันมากมาย เพราะช่วงพวกผมอยู่มอต้น พี่แกก็อยู่มอปลาย พอพวกผมอยู่มอปลาย พี่แกก็จบ
“นึกออกละ โทษทีพี่ ไม่ได้เจอกันนานนี่หว่า” ไอ้เวย์มันแก้ตัวเสร็จ ผมกับมันก็เลยยกมือไหว้ไปที พี่กานต์เขารีบโบกมือเป็นพัลวันเลย
“ไม่ต้องไหว้ คนกันเอง นี่ก็อุตส่าห์มาเจอกัน เดี๋ยวพี่เลี้ยง”
“โห...ใจป้ำหว่ะ นี่ร้านของพี่เองเหรอ” ผมถามเสร็จก็มองรอบด้านอย่างชื่นชม
“เออ นี่ร้านพี่เอง ตามสบายเลยเว้ย แค่น้องสองคน พี่เลี้ยงไหว”
“เดี๋ยวกูสั่งเปิดขวดเลยดีไหมวะแอล ยิ่งอยากอยู่” ไอ้เวย์แกล้งหยอก
“อันนั้นก็มากไปหว่ะ ของซื้อของขายเว้ย”
ผมกับไอ้เวย์เลยฮาครืนทันที ก็แกล้งพูดเล่นนั่นแหล่ะ ขืนทำจริงก็เกรงใจพี่เขาตายเลย ปกติพวกผมกินกันเองก็ล่อแบล็คกันประจำ
พอพี่เจ้าของร้านมานั่งร่วมโต๊ะกับพวกผม อาหารเลยออกไว แถมมาเยอะเป็นพิเศษ จนพวกผมกินกันเปรมเลยครับ กินไปก็ชวนพี่เขาคุยไปด้วย พวกเราผู้ชาย เข้ากันง่าย คุยกันได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว ยิ่งถ้ามีเหล้าเข้าปากนะ แปบเดียวก็กอดคอกันแล้ว
คุยกันไปคุยกันมาเลยรู้ว่า พอจบจากโรงเรียนพี่กานต์เขาก็ไปเรียนเมืองนอก พอจบก็กลับมาเปิดร้านอาหาร ที่พวกผมกำลังมานั่งกินกันอยู่เนี่ยแหล่ะ ผมล่ะโคตรทึ่งเลย นี่ก็เป็นความฝันของผมเหมือนกันนะ ที่อยากมีร้านอาหารน่ะ
แล้วในเมื่อพี่กานต์เขาเป็นเจ้าของร้าน ไม่ได้อยากเล่นเส้นสายนะครับ แค่ลองถามดู...
“ร้านพี่กานต์รับคนทำงานอยู่หรือเปล่า”
“ทำไม อย่าบอกนะว่าแอลจะมาทำงานร้านพี่ หน้าตาแบบนี้ให้เป็นเด็กเสิร์ฟได้อย่างเดียวนะ”
“ก็กำลังหางานทำอยู่เหมือนกัน พี่กานต์รับหรือเปล่าล่ะครับ”
“เอาสิ คนกันเอง พี่ไม่มีปัญหาหรอก”
เยส!! สำเร็จแล้วครับ- END STEP 33 -
๐ ยาวมาก...ก ตอนหน้ารอหน่อยนะคะ งานเริ่มรุมเร้าอีกแล้ว
๐ มีคนเดาถูกอีกแล้วว่าวันเกิดพี่เภา น้องแอลเลยหาเรื่องมาเซอร์ไพรส์ แบบไม่ปรึกษาพี่เภา
๐ น้องแอลก็จะทำงานพิเศษ ส่วนพี่เภาก็จะซ้อมละครเวที วุ่นน่าดู พี่เภาก็หื่นคงเส้นคงวาเหลือเกิน
รู้สึกว่าเวลาน้องแอลอยู่กับเวย์นี่จะพากันรั่วตลอด
๐ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ ผิดพลาดขออภัย รักคนอ่านทุกคนค่ะ