- STEP 33 -
ผมตื่นแต่เช้าตรู่ พร้อมกับบางสิ่งบางอย่างที่ติดค้างมาจากเมื่อคืน มันเป็นสิ่งที่พี่เภาควรจะบอกผม หรือเป็นสิ่งที่ผมควรจะต้องรู้เอง แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม...ผมก็รู้แล้วเรียบร้อย
จัดการอาบน้ำอาบท่ากันจนเรียบร้อย แต่ต่างคนต่างอาบนะครับ ก็มานั่งกินขนมปังกับนมที่ขนซื้อมาเมื่อวานเป็นอาหารเช้า ก่อนจะออกมาเรียนพร้อมกัน เพราะว่าเรียนเช้าพร้อมกัน พี่เภาเลยมาส่งผมที่คณะก่อนเวลาเรียนประมาณยี่สิบนาที
ผมยืนมองรถพี่เภาแล่นไปทางคณะสถาปัตย์ หันกลับมาจะเดินเข้าคณะของตัวเองก็ต้องหงายหลัง เมื่อเจอกำแพงมนุษย์สองนาย ที่ทำเอาผมแทบผงะถอยหลัง
“หวัดดีครับ พี่เภาเพิ่งไปเอง” ผมบอกแขกต่างคณะที่มาเยือนยามเช้าตรู่ก่อนเข้าเรียน ผิดวิสัยกว่าทุกที
“เปล่า! พวกพี่ไม่ได้มาหาไอ้เภามัน แต่พวกพี่มาหาแอลต่างหาก”
มาหาผม?? ผมก้มลงดูนาฬิกาข้อมือทันที เช้าตรู่ที่อีกยี่สิบนาทีจะถึงเวลาเริ่มเรียนคาบแรกเนี่ยนะ
แต่พอรู้ตัวอีกที ผมก็เดินตามพี่เชนกับพี่จอมมาที่โรงอาหารคณะเรียบร้อย พี่เชนซื้อน้ำปั่นมาเป็นบรรณาการ ส่วนพี่จอมนั่งเฝ้าเหมือนกลัวผมจะหนีหาย
“แอล...”
ผมดูดน้ำปั่นอยู่ แต่ก็พยักหน้าเป็นเชิงว่า...พูดมาได้เลย กางหูรอฟังอยู่เหมือนกัน
“คือทุกปีมันก็พอจะอะลุ่มอล่วยได้อยู่ แต่ปีนี้เขาจัดเป็นงานการกุศล จำนวนบัตรที่ขายก็มากกว่าทุกปี เพราะจะหาเงินเข้าคณะ”
“แล้ว?...” ผมถามเพราะสงสัยแบบจริงจัง ก็พี่จอมพูดมา ยังไม่ได้เฉียดเมนไอเดียเลยนี่นา
“ถ้าเภามันรับเล่นน่ะ บัตรต้องขายหมดแน่นอน และพวกรุ่นพี่ปีห้าก็ขอมาด้วย”
“แต่พี่เภาไม่อยากเล่น” ผมตอบตามที่เจ้าตัวเขาบอกมา
“แต่ถ้าแอลพูดมันต้องยอมแน่นอน เชื่อพี่”
รู้สึกเหมือนถูกโยนขี้ก้อนเบ้อเริ่มมาให้ ผมก็ไม่ใช่นักศึกษาคณะสถาปัตย์ ละครเวทีก็ไม่ได้ร่วมเล่นกับเขา แต่ต้องมาอ้อนวอนพระเอกที่ชอบเล่นตัวมากกว่าเล่นละครแทนเด็กสถาปัตย์
“ถือว่าช่วยพวกพี่หน่อยละกันนะแอล”
“ผมจะลองดู แต่ไม่รับปากละกันนะ”
ไม่อยากหาห่วงมาผูกคอตัวเองเลยให้ตาย เรื่องที่เพิ่งจุดประเด็นเมื่อคืน ก็ทำเอากำลังกลุ้มอยู่เนี่ย นี่ต้องมาแบกรับภาระเรื่องชาวบ้านอีก กรรมจริง!
.
.
“กูเห็นตอนเปิดกระเป๋าตังค์พี่เภา มึงต้องช่วยกูนะเวย์!!” ผมพูดเสียงเข้ม ทำหน้าจริงจัง
ไอ้เวย์เพื่อนรักเงยหน้ามามองผมเล็กน้อย ก่อนจะก้มลงดูโจทย์ฟิสิกส์ ที่แฟนมันกำลังนั่งทำหน้าตาเคร่งเครียดอยู่
ผมกับมันรับน้องจีนที่โรงเรียนเสร็จ ก็แล่นมาร้านคอฟฟี่ช็อปบ้านน้องจีน ลูกเจ้าของร้านนั่งทำการบ้าน ส่วนผมสองคนนั่งกินฟรี ส่วนพี่เภาน่ะเหรอครับ...
นู่น!...โดนลากเข้าประชุมคณะ และทำท่าว่าจะเลิกดึกซะด้วย
ผมเลยบอกพี่เภาว่าจะมานั่งเล่นร้านน้องจีนกับไอ้เวย์ แล้วเดี๋ยวอาจจะให้ไอ้เวย์ไปส่ง หรือพี่เภาจะมารับค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง แต่ประเด็นสำคัญคือ...
“ช่วยอะไรล่ะ...” มันทำหน้าเอือมเล็กน้อย
“กูจะหางานทำ” ผมประกาศเจตนารมณ์อันแรงกล้าของตัวเอง ที่ทำเอาไอ้เวย์สะดุ้งโหยงเลยครับ
“อย่าหาเรื่องน่ามึง มึงปรึกษาพี่กูหรือยัง” มันส่ายหน้าไม่เห็นด้วยทันที
“เชี่ย!! ถ้ากูปรึกษาพี่เภา พี่เภาก็รู้สิวะ มึงนี่โง่มากหรือฉลาดน้อยกันแน่เนี่ย”
เออ...โจทย์ฟิสิกส์คงตลกน่าดู น้องจีนเลยหัวเราะขำใหญ่ จนไอ้เวย์ต้องหันไปผลักหัวไม่แรงนักด้วยความหมั่นไส้
“ขำเหรอ ก้มหน้าก้มตาทำการบ้านไปเลย”
“กูจะหางานทำ” ผมยังย้ำคำเดิม
“ถ้าพี่กูรู้...”
“มึงไม่บอก กูไม่บอก น้องจีนไม่บอก พี่เภาจะรู้ได้ยังไงวะ จริงไหมน้องจีน” ผมหันไปหาพรรคพวกทันที น้องจีนก็พยักหน้าเห็นด้วยทันทีเหมือนกัน
“เออ! เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวนะ กูว่าถ้าพี่กูรู้ คนที่ซวยจะไม่ใช่มึง กูเนี่ยแหล่ะ...โทษฐานสมรู้ร่วมคิด”
“ถือว่าช่วยกูละกันน่า ว่าแต่กูจะไปหางานทำที่ไหนดีวะ?”
“มาทำงานที่ร้านจีนไหมล่ะพี่แอล” ลูกเจ้าของร้านเสนอทางเลือกทันที
ความจริงร้านน้องจีนก็ดีนะครับ บรรยากาศดี กาแฟอร่อย ขนมเค้กน่ากิน แต่...
“ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวถ้าเกิดไอ้ภาม หรือพวกพี่เชนพี่จอมมาเจอก็ความแตกสิ อีกอย่างร้านจีนอยู่ไกลจากคอนโดด้วย”
อย่างน้อย...น้องภามก็แวะมาร้านเพื่อนมันบ่อย ขืนมันรู้ พี่มันก็คงรู้
แล้วมันจะเซอร์ไพรส์ไหมล่ะ!?!“ก่อนมึงจะหางานทำน่ะ มึงช่วยหาเวลาปลีกตัวจากสามีมึงก่อนเหอะแอล พี่เภาเกาะมึงยังกับแฝดสยาม”
เออ! นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมลืมสนิท เช้าพี่เภามาส่ง เย็นพี่เภารอรับ แล้วผมจะเอาเวลาไหนหนีพี่เภาไปทำงาน
“มึงช่วยกูคิดหน่อยสิเวย์”
“สงสัยต้องรอให้พี่เภายอมเล่นละคร มึงถึงจะมีเวลาแยกจากพี่เภา”
นั่นสิ! ถ้าพี่เภาเล่นละคร พี่เภาก็ต้องอยู่ซ้อมทุกเย็น...
“เออ! ขอบใจมึงมากหว่ะเวย์ เดี๋ยวคืนนี้กูจะเกลี้ยกล่อมให้พี่เภาเป็นพระเอก แล้วพรุ่งนี้มึงก็ไปหางานกับกู พรุ่งนี้พี่ยืมตัวไอ้เวย์หนึ่งวันนะครับน้องจีน”
ผมวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน มีไอ้เวย์นั่งทำหน้าเซ็งอยู่ตรงข้าม ส่วนน้องจีนยิ้มแบบเข้าอกเข้าใจ โทรเช็คเวลากับพี่จอม ได้ความว่าถ้าเล่นละครเวที พี่เภาต้องอยู่ซ้อมทุกวันถึงสี่ทุ่ม ผมเอาเวลาที่พี่เภาซ้อมนี่แหล่ะ ไปทำงานเก็บเงิน ไอเดียบรรเจิดที่สุด
เท่านี้ก็เรียบร้อย รอก่อนนะครับคุณนาฬิกา เดี๋ยวจะรีบไปสู่ขอ แอลกำลังเก็บเงินอยู่ครับ มีเวลาอีกเดือนเศษ
สู้โว๊ย!!...เพื่อของขวัญวันเกิดพี่เภา
.
.
สุดท้ายพี่เภาก็เป็นฝ่ายไปรับผมที่ร้านน้องจีน หลังจากเสร็จงานที่คณะ เพราะว่าคอนโดพี่เภากับบ้านไอ้เวย์นี่คนละทางเลย ขืนให้มันวนมาส่งผม กว่ามันจะกลับบ้านอีกทีคงมืด
เราแวะหาอะไรกินก่อนเข้าคอนโด(อีกแล้ว) พอกลับมาถึงคอนโด ผมจัดการกับตัวเองเรียบร้อย ก็คว้าบทละครที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วกระโดดขึ้นโซฟามานั่งอ่านทันที
“หึหึ...อยากเล่นแทนพี่เหรอ”
คนที่นั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาชะโงกมาดูว่าผมอ่านอะไรอยู่ ท่าทางเอาจริงเอาจังจนผิดสังเกต พอเห็นว่าเป็นบทละครเวทีก็ถามปนเสียงหัวเราะทันที ท่าทางคงไม่ค่อยซีเรียสเท่าไหร่แล้ว
“อยาก! แต่ต้องเป็นบทพระเอกด้วยนะ”
“คนนี้ต้องเป็นนางเอกเท่านั้น”
เอิ่ม...พี่เภาครับ ผู้ชายแมนเกินร้อย ไม่มีนม ไม่มีก้น ไม่มีตูด มีอย่างเดียวที่เหมือนผู้หญิงปกติคือ...มีแฟนเป็นผู้ชาย จะเอาส่วนไหนไปเป็นนางเอกครับเนี่ย คิดบ้างอะไรบ้าง
“ผู้ชายบ้านไหนเขาเป็นนางเอก ตลกเหอะ”
“ขนาดเป็นเมียยังเป็นมาแล้ว เป็นนางเอกอีกจะเป็นอะไรไป”
“อย่าเลย สงสารคนดู”
“อืม ถึงอยากเป็นก็ไม่ให้เล่นหรอก หวง!!!” ชัดเจนมาก จุดยืนแน่วแน่ไม่เปลี่ยนแปลง
คณะสถาปัตย์เขาจะนำผลงานชิ้นเอกของเชคสเปียร์ มาแสดงกันครับ โศกนาฏกรรมที่มีชื่อว่า... ‘แฮมเล็ต’ บทเจ้าชายแฮมเล็ตถูกวางตัวเป็นพี่เภา แต่ผมว่า...เป็นแฮมทาร์โร่ก็พอนะ ฮา...
“ไม่อยากเป็นเจ้าชายแฮมเล็ตเหรอพี่เภา”
“ไม่อยาก” ตอบแบบไม่ต้องคิดเลยนะ ไม่รู้จะหว่านล้อมกันต่อยังไงเลย
“ทำไมล่ะ”
“ไม่มีเวลาซ้อม มีแฟนต้องดูแล”
“โอ๊ย...ไม่ต้องห่วงแอลหรอก เทอมสองงานเยอะ อาจจะเลิกดึกหลายวันเลยด้วย”
ตอนนี้พี่เภาเลิกดูทีวี หันมาเหล่ตามองผมด้วยความสงสัยแทนแล้ว ผมนี่ร้อนตัวเลย ก็ว่าพยายามจะเนียนแล้วนะ
“พวกไอ้เชนกับไอ้จอมมาพูดอะไรล่ะสิ แม่งหาเรื่องโดนด่า” พูดเสร็จก็หยิบมือถือมาจะกดโทรทันที ผมนี่รีบคว้ามือไว้แทนไม่ทัน
“เฮ้ย! ไม่ใช่ ไม่เกี่ยวเลย แอลแค่อยากเห็นพี่เภาเล่นละครเอง ไม่เคยเห็นเลย เหมือนบรอดเวย์ที่เราดูกันที่นิวยอร์กไง หรือว่าพี่เภาเขิน”
แปะ! ตีหน้าผากผมอีก เอายังไงดีเนี่ย หรือต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด
“อยากให้เล่นมากเลยเหรอ” พี่เภาหรี่ตามองผม
“ถือว่าช่วยคณะไงพี่เภา นี่เป็นงานการกุศลด้วยนะ ถือว่าทำบุญด้วย กุศลมันแรง” ผมอ้างบุญอ้างกุศลเลยครับ
“พี่ซื้อบัตรก็ได้กุศลเหมือนกัน”
“ไม่เหมือน นี่เล่นเป็นพระเอก เท่ากับว่าช่วยเรี่ยไรเงินทำบุญเลยนะ” ผมหว่านล้อมเต็มที่
“หึหึ ท่าทางจะอยากให้เล่นน่าดูเลย”
“แล้วจะเล่นไหมล่ะ”
“พี่จะตกลงเล่นก็ได้ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ”
หน้าตาเจ้าเล่ห์ที่สุดในโลก โคตรแห่งความไม่น่าไว้วางใจ ผมรีบกระเถิบออกห่าง แต่เหมือนอีกคนรู้ตัว ท้าวแขนคร่อมตัวผมกับพนักโซฟาซะงั้น
“ข้อแลกเปลี่ยนอะไร”
“..........”
.
.
ถ้าจะต้องลงทุนเพื่อการเก็บเงินซื้อของขวัญวันเกิดพี่เภามากขนาดนี้ ผมเอาตัวเองผูกโบว์เป็นของขวัญวันเกิดแทนดีไหมเนี่ย เปลืองตัวฉิบ!!
ข้อแลกเปลี่ยนอะไรน่ะเหรอครับ...เหอะ ไม่อยากจะพูด
‘ขอกอดหน่อยนะครับ’ เวลาจะเอาอะไรนี่เสียงออดเสียงอ้อนเชียวนะ
‘ก็กอดสิ ก็กอดอยู่ทุกวันแล้วนี่นา’
‘ไม่ใช่กอดแบบนั้น’
‘อ้าว...มันมีกอดหลายแบบเหรอ’ ตีหน้าโง่เข้าไว้ ผมไร้เดียงสา ผมไม่รู้เรื่อง
‘อยากสำรวจถ้ำครับ’ ชัดเจนแบบไม่ต้องแปลไทยเป็นไทยเลยผม
สุดท้าย...ก็มานอนอยู่บนเตียง พร้อมกับคิดว่า...นี่มันคุ้มไหมเนี่ย ทำไมข้อต่อรองที่ให้เล่นละครเวทีนี่มันแพงจังวะ แต่หลังติดเตียงขนาดนี้ คืนนี้ต้องมีได้เสียแน่นอน แต่ประเด็นคือ...
พี่เภาได้ ส่วนผมน่ะเสียอีกแล้วครับ!!“เอ้อ...พี่เภา วันหลังไม่ได้เหรอ พรุ่งนี้มีเรียนนะ” ผมพยายามต่อรองเต็มที่
“งั้นค่อยเล่นละครเวทีปีหน้าละกัน พรุ่งนี้เขาก็จะนัดประชุมอีกรอบแล้วซะด้วยสิ จะได้บอกให้หาคนอื่นแทน” แม่ง...มีขู่ด้วย
“รับปากแล้วห้ามคืนคำนะ”
“ครับ...” ไม่ต้องตอบไปจูบไปก็ได้ ทำทีละอย่างไม่เป็นเหรอไงวะ
ริมฝีปากร้อนผ่าวไล่จูบทั่วตัวผม ไม่ว่ากี่ทีก็ยังไม่ชินซะทีสิน่า เป็นต้องขนลุกเกรียวทุกครั้ง อีกคนก็โรคจิต ยิ่งเห็นผมนอนเกร็งด้วยความขนลุกก็ยิ่งชอบ เล่นไม่เลิก
“รักนะครับ...” ริมฝีปากหนาพูดพึมพำคลอเคลียอยู่ข้างหู
“รักเหมือนกันครับ”
ประโยคสุดท้ายที่ผมได้มีโอกาสพูด ก่อนจะกลายเป็นส่งเสียงครวญคราง เมื่อฝ่ามือร้อนผ่าวล้วงเข้ามาใต้เสื้อ ลูบไล้ตัวผมจนขึ้นมาถึงยอดอก เสื้อยืดถูกเลิกขึ้นมาถึงแผงอก ก่อนริมฝีปากจะเข้าครอบครอบยอดอก จนผมต้องเกร็งตัว จิกมือกับผ้าปูเตียงแน่น เพราะความเสียวซ่านที่แล่นพล่าน จนถึงกับครางไม่เป็นภาษา
ขณะที่ริมฝีปากยังคงเพลิดเพลินกับการปรนเปรอส่วนบน มือก็ทำงานเข้ากันเป็นจังหวะ สอดเข้ากางเกงบ็อกเซอร์ตัวบาง แล้วเพียงแค่กระตุกทีเดียว กางเกงบ็อกเซอร์ของผมก็ลงมากองอยู่ที่ข้อเท้า ส่วนกลางลำตัวของพี่เภาที่เสียดสีกับผมอยู่ ขยับขยายบอกความต้องการของอีกฝ่ายอย่างไม่ปิดบัง
“แคบเหมือนครั้งแรกอีกแล้ว...” คนที่กำลังจะบุกรุกเข้าเขตหวงห้าม พึมพำออกมาอย่างน่าไม่อาย
ผมมอง
‘ของ’ ที่เห็นกี่รอบ ก็ไม่เคยชินซะที แล้วก็แทบอยากจะเป็นลม ไม่รู้ที่ผ่านมามันรอดประตูถ้ำเข้าไปได้ยังไงวะเนี่ย ซักวันประตูมันจะถล่มหรือเปล่า
“โอ๊ยยยยย...”
กำลังคิดเรื่อยเปื่อยอยู่ ก็ต้องร้องเสียงหลง เมื่อนักสำรวจมันถือโอกาสทิ่มพรวดเข้ามาทีเดียวแบบไม่ทันตั้งตัว จนน้ำตาคลอทันที พอตวัดตามองด้วยความโกรธ อีกคนเลยนิ่งจนต้องกระแทกเสียงบอกอย่างโมโห
“ขะ...ขยับสิ! จะรอถึงพรุ่งนี้เหรอไง”
“ตามบัญชาเลยครับ” ยังมีหน้ามายิ้มทะเล้นอีก ทำข้อแลกเปลี่ยนของการเล่นละครเวทีนี่มันไม่คุ้มเอาซะเลย
ร่างสูงที่คุ้นตาขยับอยู่เหนือตัวผม นักสำรวจที่ไม่เคยเบื่อกับเส้นทางเดิมกัดฟันแน่น เมื่อถูกบีบรัดด้วยความร้อนผ่าว ขณะพยายามแสวงหาความลี้ลับที่ถูกซุกซ่อน จังหวะขยับเขยื้อนสอดคล้องกัน ราวกับเพลงรักที่ต่างคนต่างช่วยกันบรรเลง ปลายทางคือความสุขสมที่คุ้มค่าจนแทบคลั่ง
รู้สึกช่วงนี้...ผมจะออกช่องดิสคัฟเวอรี่ แชนแนลบ่อยไปหน่อยนะครับ
ผมว่าตัวเองก็ไม่ได้เป็นพื้นที่ตกสำรวจนะ แต่ทำไมภายในสองอาทิตย์ ถึงได้โดนจับสำรวจไปสองครั้งแล้ว เฉลี่ยแล้วอาทิตย์ละครั้ง เยอะไปไหมเนี่ย??
สงสัยคราวหน้าต้องเลิกทำข้อตกลงที่ตัวเองเปลืองตัวเด็ดขาด!!ผมนอนซบแผ่นอกชื้นเหงื่อด้วยความเหนื่อยอ่อน ขณะที่บางสิ่งยังคงค้างคาอยู่ แต่แล้วสิ่งนั้นก็เหมือนจะมีชีวิตขึ้นมาอีกรอบ หลังจากพักชาร์จแบตแค่แปบเดียว จนเจ้าของต้องชะโงกหน้ามากดจูบผม ก่อนจะบอกหน้าตาเฉย
“ตื่นอีกแล้ว ต่ออีกรอบนะ...”ผมน่าจะรู้ว่า...คำว่าอีกรอบ มันไม่ได้หมายถึงอีกรอบเดียว มันอาจจะกลายเป็น อีกรอบและอีกรอบ จนเป็นอีกหลายรอบแทน
.
.