- STEP 21 -
เจ็บตูดจนต้องเดินขาถ่าง ไข้ขึ้นจนต้องนอนซม เห็นท้องฟ้าเป็นสีเหลืองเรืองรอง แหม...คิดว่าผมจะมีอาการพวกนี้ล่ะสิครับ หื่นนะครับพวกคุณ หึหึ ถ้าเสร็จง่ายดายก็ไม่ใช่วีรินทร์สิครับ ผมก็แค่...
“ทำตาโตเชียวนะ...อิจฉาล่ะสิ” หน้าสิ่วหน้าขวาน(?) พี่เภายังมีหน้ามาหยอกผมอีกนะ เดี๋ยวได้มีค้างคาแน่
ผมเหลือบตามอง
‘ของ’ พี่เภา ที่กำลังอวดศักดาว่าตัวข้านี้ใหญ่ ท่านบิดาไซร้ให้มาไม่แพ้ใคร แล้วก็ต้องเบือนหน้าหนี ไม่อยากจะเห็น...อิจฉาโว๊ยยยยย แข่งอะไรแข่งกันได้ แต่แข่งบุญวาสนานี่แข่งไม่ได้ ทำไมคุณป๋าให้แอลมาน้อยจังครับ หรือเพราะคุณป๋ามีลูกชายสี่คน เลยต้องแบ่งๆกันไปครับ
พี่เภาหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นผมทำหน้าตกอกตกใจ ก่อนจะขยับตัวออกจากตัวผม ผมมองอย่างงงๆ พอเห็นพี่เภาจะลุกออกจากเตียง มือมันก็เอื้อมไปรั้งไว้เองโดยอัตโนมัติ
“หืม?...เป็นอะไร เดี๋ยวพี่มา”
“พี่เภาจะไปไหน?” ผมถามเสียงเบา จนอีกคนต้องยิ้มด้วยความเอ็นดู
“พี่ขอเข้าห้องน้ำแปบนึงนะครับ”
ผมเงยหน้ามองพี่เภา ความรู้สึกบางอย่างมันแล่นซ่าน ที่เคยพูดไว้ว่าจะไม่หักหาญน้ำใจผม พี่เภาก็ไม่เคยทำเลย ผมมองหลุบตามองลงต่ำแล้วก็ต้องกระดากอาย รู้ว่าพี่เภาทรมาน มันเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้ชาย ผมเองก็ใช่จะไม่เคยมีอาการแบบนี้ แล้วยิ่งอยู่กับคนที่รัก ถ้าไม่มีอาการอะไรเลยนี่สิแปลก
ต้นเหตุที่ทำให้ปัญหา
‘ใหญ่’ ก็คือผม หรือผมควรจะช่วยพี่เภาแก้ปัญหาดี ผมก็อยากจะช่วยอะไรพี่เภาบ้างเหมือนกัน ตอบแทนที่อุตส่าห์อดทนอดกลั้น
“ให้...แอลช่วยนะพี่เภา” พูดเสร็จก็ต้องรีบก้มหน้าทันทีด้วยความกระดากอาย
มือหนาเอื้อมมาเชยคางผม คนฟังดูจะเข้าใจความหมายที่ผมต้องการสื่อ แต่กลับตอบมาอีกเรื่อง ให้ผมได้ยิ่งอายกว่าเดิมซะอย่างนั้น
“อ่า...แต่พี่ไม่มีเจลนะ”
“อะ...ไอ้พี่เภาบ้า แอลแค่จะใช้มือช่วย ส่วนนั่นน่ะ...รออีกหน่อยได้ไหมเล่า” ผมพูดเสร็จก็หันหน้าหนีทันที อายฉิบ ทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยวะ ไม่รักกันจริง ผมไม่ยอมด้วยนะเออ
“จะช่วยพี่จริงหรือครับ...”
ผมพยักหน้าหงึกหงัก อย่าถามมากได้ไหมเนี่ย กูอายเป็นครับ
“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าแอลลำบากใจก็ไม่ต้อง” พูดเสียงทุ้มแบบนี้แล้วผมจะทำยังไงครับ
เฮ้ย!! นี่ผมโถมตัวไปกอดพี่เภาไว้ทั้งตัวเลยเรอะ เป็นรีแอคชั่นที่น่ากลัวมาก แต่เอาเถอะครับ เพื่อให้โลก(ของพี่เภา)สวยด้วยมือแอล
“ฮื้อ...มะ...ไม่เป็นไร แอลอยากช่วย”พอพูดจบประโยค คนที่กำลังอึดอัดทรมานก็พลิกกลับมาเป็นฝ่ายกอดรัดผม ริมฝีปากร้อนผ่าวของพี่เภาประกบจูบลงมาอย่างนุ่มนวล ยิ่งพี่เภาให้ความรักผมมาเท่าไหร่ ผมก็จะตอบแทนกลับไปให้ด้วยเช่นกัน
ฝ่ามือร้อนผ่าวสอดเข้ามาใต้เสื้อนอนของผม ขณะที่ริมฝีปากยังคงคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง ให้ผมต้องรู้สึกสะท้านอยู่ตลอด อุณหภูมิที่เย็นฉ่ำเพราะเปิดแอร์ ไม่ได้ช่วยให้เราสองคนรู้สึกเย็นขึ้นมาเลย
“อื้ม...หอมจัง” เสียงพร่ากระซิบอยู่ข้างหู
ฝ่ามือร้อนลูบไล้ไปตามเนื้อตัวผม จนขนลุกเกรียว ผมสอดมือลงไปในขอบกางเกงพี่เภาอย่างเงอะงะ ก่อนจะกอบกุมแกนกายที่ขยายใหญ่อย่างไม่มั่นใจ แต่พอเหลือบตามาเห็นพี่เภาสูดปากระงับอารมณ์ หน้าหล่อเชิดไปด้านหลังด้วยแรงปรารถนา ผมจึงเริ่มต้นขยับมือ เพราะรู้ว่าพี่เภากำลังทรมาน
พี่เภาครางออกมาเสียงแผ่ว มือไม้ก็ลูบสะเปะสะปะไปตามตัวผม ริมฝีปากก็พรมจูบทุกที่ที่สัมผัสผ่าน ยิ่งได้ยินเสียงครางของอีกคน ผมก็ยิ่งเร่งขยับมือของตัวเอง จนส่วนกลางลำตัวของผมเองก็เริ่มจะปวดหนึบขึ้นมาเหมือนกัน และอีกคนก็เหมือนจะรู้ ถึงได้ยิ้มให้ผมอย่างเข้าใจ แล้วก็รั้งกางเกงผมลงมา พอให้แกนกายที่ขยายตัวได้โผล่พ้นขอบกางเกง ฝ่ามือหนาขยับเข้ากอบกุมแล้วรูดขึ้นลง เหมือนที่ผมกำลังทำอยู่
ในห้องนอนที่เย็นฉ่ำ แต่ร่างกายของเรากลับเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ เสียงครางของผมกับพี่เภาดังสลับกันระงม จนไม่รู้ว่าเสียงไหนเป็นเสียงใคร ยิ่งใกล้ปลายทาง เราสองคนต่างก็เร่งมือระรัว ที่สุดปลายทาง...ทุกอย่างสวยงามราวกับพลุที่ถูกจุด แล้วเปล่งประกายสว่างไสวบนท้องฟ้า ก่อนทุกอย่างจะขาวโพลน พร้อมกับที่ผมทิ้งตัวลงพิงพี่เภาด้วยความอ่อนแรง
ฝ่ามือข้างที่ว่างของพี่เภารั้งผมไปแนบชิด แล้วกดจูบลงมาที่ขมับชื้นเหงื่ออย่างอ่อนโยน เสียงทุ้มกระซิบอยู่ริมหู
“ขอบคุณนะครับ แค่นี้ก็ดีมากแล้ว พี่มีความสุขมาก พี่รักแอลนะครับ” .
.
.
ถึงรอยจูบที่คอจะเด่นหลา แต่ผมขอยืนยันล้านเปอร์เซ็นต์เลยครับ ว่าประตูหลังของผมยังอยู่รอดปลอดภัย แต่แค่น้องชายโดนพี่เภาช่วยรีดน้ำ ประเด็นของเรื่องคือ...
“พี่เภา...ถ้าคนอื่นเห็นรอยจะทำยังไง” ผมกำลังยืนหน้ามุ่ยอยู่หน้ากระจก
พอสวมเสื้อสต๊าฟค่ายที่เป็นเสื้อยืดคอกลมแล้ว รอยจูบสีกุหลาบมันก็ออกมาโลดแล่นอวดสายตาชาวประชาน่ะสิครับ รับรองเลยว่า...ร้อยทั้งร้อยต้องโดนถามแน่นอน ฮือ...ทำไงเนี่ย
“ก็ไม่ต้องทำยังไง ก็ให้เขาดูไป” จำเลยตอบหน้าตาเฉยครับ ผมเลยเหวี่ยงหมอนอิงใส่ด้วยความหมั่นไส้เลย
“ถ้าไม่ช่วยนะ ต่อไปไม่ต้องทิ้งรอยเลย” ผมยื่นคำขาดทันที
“โธ่...พี่ก็อยากให้คนอื่นรู้ว่าแอลมีเจ้าของแล้วนี่นา แค่รอยเดียวเอง”
“จะรอยเดียวหรือครึ่งรอยก็ไม่ได้ มันน่าเกลียด ถ้าคนอื่นเห็นเขาจะคิดยังไง”
“ถ้าคนอื่นไม่เห็นก็โอเคใช่ไหม”
“มะ...มันก็ใช่” มองลูกตาวิบๆ เจ้าเล่ห์นั่น แล้วเสียวสันหลังชอบกลแฮะ
พี่เภาเดินไปค้นอะไรกุกกักตรงตู้ยา ก่อนจะกลับมาพร้อมพลาสเตอร์ลายการ์ตูนสีสันสดใส ก่อนจะแปะให้ยังไม่วาย แตะริมฝีปากลงไปที่รอยด้วยความอาวรณ์อีก
“น่าสงสารจังลูกพ่อ ไม่มีโอกาสให้ใครได้เห็น”
“โรคจิต!!” ผมด่าทันทีด้วยความหมั่นไส้
“แปลว่าถ้าทำตรงที่ไม่มีใครเห็นก็ได้ใช่ไหม อืม...คราวหน้าเอาตรงไหนดีนะ ซอกขา แก้มก้น ขาหนีบ หน้าอก...”
อ๊ากกกกกกกกกกกกกก!! ใครก็ได้ เอาพี่เภาไปเก็บทีครับ หน้าหื่นได้ใจมาก ดูแต่ละที่ที่นำเสนอ จะล่อแหลมไปไหนครับ ถึงไม่มีใครเห็น ผมก็ไม่เอาด้วยหรอก ฮึ้ยยยย!!
.
.
.
ผมยังคงมามหาวิทยาลัย พร้อมสายตาหลายคู่ที่จ้องมอง ได้อารมณ์ซุปตาร์มากครับ แต่ขอแค่งานเดียวพอแล้วนะครับ บางครั้งผมว่าชีวิตสงบสุขแบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว จะหาว เรอ ผายลมก็ไม่มีใครสนใจ นี่อะไรกัน มาจดจ้องกันทุกอิริยาบถ แล้วสิ่งที่ผมไม่ได้รอคอย ก็บังเกิดขึ้น...
“คอมึงไปโดนอะไรมา?” อุ่ย...มึงจะตาดีไปไหนครับเพื่อนเวย์
ผมรีบยกมือแตะพลาสเตอร์ลายการ์ตูนทันทีด้วยสัญชาติญาณ ทำหน้าซื่อใสไร้เดียงสากลับไป
“อ๋อ พอดีกูเป็นแผลโดนแมลงกัด”
“หรอ กูนึกว่ามึงเอามาปิดรอยจูบ”ทำไมมึงถึงฉลาดในเรื่องที่ไม่ควรฉลาดวะเวย์ ดูก็รู้ว่ามันเชื่อความคิดตัวเองมากกว่าคำพูดผม ทำเป็นยิ้มมุมปากแล้วเหล่มองพลาสเตอร์กู พลาสเตอร์ลายกุ๊กไก่กูน่ารักล่ะสิ เหอะเหอะ
“พี่เวย์คะ...ช่วยพลอยดูตรงนี้หน่อยค่ะ พลอยไม่ค่อยเข้าใจเลย”
ยืนคุยกันอยู่ไม่นาน ไอ้เวย์ก็โดนน้องพลอยลากไป เหลือบมองน้องจีน ก็เห็นมองไอ้เวย์ตาเขียวปั้ดก่อนจะเชิดหน้าไม่สนใจ ผมเลยเดินไปนั่งกับน้อง ทำเป็นชวนคุยนู่นนี่เรื่อยเปื่อย ส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นเรื่องไอ้เวย์เพื่อนผมหรอกครับ พูดกรอกหูน้องมันเข้าไปทุกวัน
“ไอ้เวย์นี่มันเนื้อหอมน่าดูเลยเนอะน้องจีน รู้จักมันมานี่มีสาวควงไม่ขาด”
น้องจีนเม้มปากแน่น ตาวาวเลยครับ สงสารน้องเหมือนกัน แต่ถ้ามามัวแต่อมพะนำกัน แล้วเมื่อไหร่พี่จะได้อุ้มหลาน(?)ล่ะครับ
“แต่แปลกเหมือนกันนะ วันก่อนมันเล่นมาถามพี่ว่า ถ้ามันชอบผู้ชายขึ้นมาจะทำยังไง”
น้องจีนนิ่งไปเลยครับ ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรซักอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่พูด ไม่เป็นไร ผมตบเองชงเองก็ได้วะ
“ที่ผ่านมาไอ้เวย์มันยังไม่เคยมีแฟนเลยนะ ถึงมันจะควงคนนู้นคนนี้ไปทั่ว ก็ไม่มีซักคนที่มันยอมเรียกว่าแฟน” ผมพล่ามอยู่คนเดียวเหมือนคนบ้าเลยครับ แต่...น้องจีนแอบอมยิ้มด้วยล่ะ
“พี่แอลรู้แล้วใช่ไหมครับ ว่าผมชอบพี่เวย์มาตั้งนานแล้ว”
“แล้วมึงคิดจะบอกกูเมื่อไหร่เหรอ?”“ไอ้เวย์!!” ผมอุทานเสียงหลงทันทีครับ
เวย์มันมายืนอยู่ข้างหลังตรงที่ผมกับน้องจีนนั่งคุยตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มันคว้าแขนน้องจีน ดึงหมับให้ลุกขึ้น ผมเห็นน้องมันทำหน้าเหยเกเพราะเจ็บ ก็รีบเข้าไปห้าม
“เฮ้ย เวย์ มีอะไรค่อยคุยกันสิวะ”
“มึงอย่าเพิ่งยุ่งแอล กูมีเรื่องต้องคุยกับมัน”
ผมได้แต่ยืนมองไอ้เวย์ลากน้องจีนเดินตรงลานจอดรถ แม้จะอยากเข้าไปช่วยมากแค่ไหน แต่ความรักก็เป็นแค่เรื่องของคนสองคน คนอื่นก็ทำได้เพียงแค่สนับสนุนและให้กำลังใจ เพราะว่าพอเกิดปัญหา ก็มีแค่สองคนเท่านั้น ที่จะแก้ไข ทำความเข้าใจ และผ่านพ้นมันไปได้
ก็ได้แต่หวังว่าไอ้เวย์กับน้องจีนจะคุยกันรู้เรื่อง เพราะเท่าที่ผมคบกับเวย์มานาน ผมว่า...มันต้องคิดอะไรกับน้องจีนบ้าง ไม่มากก็น้อย สุดแท้แต่ว่าสองคนนั้นจะคุยกันยังไง
.
.
.
หลังจากวันที่ไอ้เวย์รู้เรื่อง ผมไม่รู้มันกับน้องจีนไปคุยกันท่าไหน ถึงได้ดูเย็นชากว่าเดิมเสียอีก พูดคุยกันนับประโยคได้ ไอ้บรรยากาศกวนๆก็หายไป แทบไม่พูดไม่จากันถ้าไม่จำเป็น
แม้กระทั่งวันสุดท้ายของค่าย ไอ้เวย์กับน้องจีนก็ยังแยกกันมา น้องจีนมากับน้องภามที่ไปนอนค้างที่บ้านน้องจีน ส่วนไอ้เวย์มาคนเดียว บรรยากาศระหว่างสองคนดูหมางเมินจนน่าอึดอัด ผมไม่รู้ว่าเวย์กับน้องจีนคุยกันว่ายังไง แต่พอเห็นบรรยากาศเป็นแบบนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่า เรื่องราวคงไม่ได้จบลงด้วยดี
ตอนเช้าเป็นกิจกรรมที่น้องแต่ละคนจะมาพูดถึงความประทับใจของตัวเอง ที่มีต่อค่าย รุ่นพี่รุ่นน้องก็ซาบซึ้งกันตามประสา เวลาเพียงสิบวัน อาจจะดูสั้น เพราะเราแค่มาเจอกันตอนเช้า แล้วตอนเย็นก็แยกย้าย
“ผมจะเข้ามาเป็นรุ่นน้องพี่แอลให้ได้เลย” น้องจีนบอกผม ผมก็ยิ้มรับด้วยความเอ็นดู
น้องก็พากันถือสมุดเดินมาให้พี่เขียนอวยพรกันใหญ่ ผมเห็นน้องจีนก็ถือสมุดเดินเข้าไปหาไอ้เวย์ แต่ไม่ได้พูดอะไรกัน ส่วนน้องพลอย นอกจากเอาสมุดมาให้ไอ้เวย์เขียนแล้ว ยังขอถ่ายรูปคู่ด้วย เห็นน้องพลอยยื่นโทรศัพท์ให้น้องจีนเป็นคนถ่ายให้ แล้วก็อดสงสารน้องไม่ได้ ตัวผมเองก็ก้มหน้าก้มตาเขียนลงสมุดของน้องเต้
“ขอบคุณนะครับพี่แอล ผมมีความสุขแล้วก็สนุกมากเลยตลอดสิบวัน”
“ขอโทษเต้ด้วยนะ ถ้าเกิดพี่ไม่ค่อยได้ติวอะไรให้เท่าไหร่”
“ไม่เป็นไรครับ แค่ได้มาเจอพี่แอลก็คุ้มแล้วครับ” ผม...กำลังโดนเด็กจีบใช่ไหม?
ผมยิ้มพร้อมกับยื่นสมุดคืนน้องเต้ เป็นจังหวะเดียวกับที่ไอ้น้องภามเบียดน้องเต้เข้ามา แล้วก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ยื่นสมุดมาให้ผม พี่น้องสองคนนี้เขาแรงดีไม่มีตกกันเลยครับ
“เสร็จแล้วก็ออกไป อย่ามัวยืนเกะกะ” ไอ้น้องภามพูดลอยๆ ส่วนน้องเต้มันก็ฮึดฮัด
“เอ้า...จะให้เขียนว่าอะไร” ผมถามไอ้น้องภามที่ยืนยิ้มหล่ออยู่ตรงหน้า
“เขียนว่า...พี่แอลจะรักเฮียเภาของน้องภามตลอดไปครับ”
“เดี๋ยวโดน” ผมดีดหน้าผากมันไปทีด้วยความหมั่นไส้
สุดท้ายก็เขียนอวยพรตามปกติให้มันไปนั่นล่ะครับ พอกลางวัน เหล่าบรรดารุ่นพี่ก็ใจป้ำ โทรสั่งพิซซ่ามาเลี้ยงน้องกันใหญ่ น้องทำตาโต น้ำลายหกกันเลยเชียว ผมก็พลอยได้อานิสงส์ผลบุญไปด้วย
“น้องแอลครับ เดี๋ยวไปเตรียมตัวตอนบ่ายสองนะ เดี๋ยวพวกรุ่นพี่คนอื่นจะดูแลน้องเอง” พี่ครามเดินมานัดแนะกับผมเรื่องวงดนตรี
ผมนั่งกินข้าวกลางวันอยู่กับน้องภาม น้องจีน แล้วก็น้องเต้ เห็นน้องจีนมองไปเลยไปทางด้านหลังผม ก็ต้องเหลียวตาม ไอ้เวย์มันโดนน้องผู้หญิงรุมล้อมขอถ่ายรูป ขอเมล์ใหญ่ ฮอตยิ่งกว่าดาราอีกครับเพื่อนผม ไอ้หล่อเลือกได้เอ๊ย ยื่นมือไปแตะบ่าน้องจีน น้องจีนก็หันมาฉีกยิ้มให้ผม ผมเลยไม่กล้าปลอบ
พอจัดการกับข้าวกลางวันอะไรกันเรียบร้อยแล้ว พวกรุ่นพี่ก็เรียกน้องมารวมกัน ส่วนผมก็ต้องไปเตรียมตัว แต่ก่อนผมจะเดินไปหาไอ้เวย์ ไม่วายฝากฝังน้องภามให้ดูแลเพื่อน เพราะอดเป็นห่วงน้องจีนมันไม่ได้
.
.
.