In Love 
"Wonderful Tonight"@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
..น่าเบื่อ..
จิรนันท์นอนนิ่งอยู่ใต้ร่างใหญ่ที่เคลื่อนไหวตัวเนิบนาบ สีหน้าแสร้งแสดงความสุขสมเพื่อเอาใจคนตรงข้าม เขาพอจะมีความรู้สึกอยู่บ้างจึงได้ไปถึงขั้นสุดท้ายในการร่วมรัก แต่จะบอกให้..มันช่างว่างเปล่าสิ้นดี
รณพีร์ยิ้มให้คนข้างใต้อย่างฝืดเฝื่อน เขาเคยมีความลำพองในลีลา ท่าทาง และ..พูดก็พูดเถอะ ไม่ว่าผู้ชายที่ไหนก็ต้องภูมิใจกับขนาดกันทั้งนั้น
แต่มาตอนนี้ ความเร่าร้อนที่แค่เคยสะกิดก็ลุกโชติช่วงเหมือนไฟตกลงบนน้ำมันกลับดับวูบ ไอ้ท่อนไม้แข็งๆที่เขากำลังเสือกไสเข้าในร่างแฟนมันแสนจะห่อเหี่ยวที่สุด อารมณ์ยังพอมีอยู่ แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะจืดชืดขนาดนี้
โชคดีมาก..ในที่สุดเขาก็หลั่งมันสำเร็จ แต่เป็นการปลดปล่อยอยู่ใต้ปราการพลาสติกและไม่ใช่ภายใน ตอนนี้เขาคิดว่าอากาศภายนอกอาจอบอุ่นกว่าในตัวจิรนันท์ที่กำลังเย็นชาจนแทบกลายเป็นภูเขาน้ำแข็งก็ได้
รณพีร์ใช้ทิชชู่จับที่ขอบแล้วรูดรั้งมันออก ความภาคภูมิใจของเขาหมดเรี่ยวแรงลง มันสงบนิ่งอย่างเฉยเมย และต่อให้ปลุกปล้ำเท่าไหร่ก็คงไม่ลุกแล้ว
จิรนันท์ขยับตัวลุกขึ้น เดินเปลือยเปล่าไปเข้าห้องน้ำหลังเสร็จภารกิจระหว่างกัน ดวงตาสีเข้มที่จ้องมองตามหลังมีแต่ความหมางเมิน ร่างกายของแต่ละฝ่ายไม่ได้ปลุกเร้าความต้องการอย่างเช่นในอดีตอีกต่อไป
......
รณพีร์ดื่มกาแฟอยู่ที่โต๊ะอาหารในขณะที่คนรักสาละวนอยู่กับการทำข้าวต้มกุ้งร้อนๆ เขาละสายตาจากหนังสือพิมพ์ในมือ มองลอดแว่นเพื่อเพ่งพิจสะโพกกลมกลึงใต้กางเกงสามส่วน เรื่อยไปจนถึงช่วงตัวเล็กบางที่กำลังสวมผ้ากันเปื้อน
ผู้ชายหลายคนคิดฝันเรื่องการมีเซ็กซ์กันอย่างสุดเหวี่ยงที่โต๊ะกินข้าวในขณะที่แฟนตัวเองมีเพียงผ้าชิ้นเดียวปิดกาย เขากำลังคิดถึงจิรนันท์ที่ปีนขึ้นมานั่งเปล่าเปลือยต่อหน้าแล้วแยกขาออกกว้างเป็นการเชิญชวน
“ทำตาลามก” จิรนันท์เอาตะหลิวเคาะโต๊ะเป๊งๆ วางชามข้าวต้มลง
เขายักไหล่ ฝันนั้นถูกดับลงเมื่อจิรนันท์ที่แสนจะร้อนเร่าในจินตนาการตะโกนขึ้นมากลางคันตอนเขากำลังจะถึงฝั่งฝันว่า ‘ลืมปิดแก็ส’
รณพีร์ยอมรับว่าอีกฝ่ายมีความสามารถในการจัดบ้านช่องให้น่าอยู่รวมไปถึงทำอาหารได้อร่อยอย่างหาตัวจับยาก มีพลังขับเคี่ยวอย่างรุนแรงในการสวมบทบาทเป็นคนใช้ดีเด่นกระทั่งกุ๊กมือหนึ่ง
..แต่ในบางครั้ง..เขาอยากได้คู่นอนที่เก่งกาจมากกว่า..
หรือพูดในอีกแง่หนึ่ง..เจ้าหมอนี่ไม่ยอมสวมบทไอ้หนุ่มขายตัวเลย
“เย็นนี้อยากกินอะไร” จิรนันท์เอาผ้าขี้ริ้วมาเช็ดโต๊ะ จังหวะหนึ่งเขาปัดขวดซอสมะเขือเทศตกแตก คราบสีแดงกระจายเป็นวงกว้าง “ให้ตายสิ!”
รณพีร์เลิกคิ้ว มองคนรักที่ก้มๆเงยๆเช็ดพื้น เขากล้าพูดได้เต็มปากเลยว่านันท์ยังดูดีในวัยสามสิบห้า และดูดีมากสำหรับเขาไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่
..แต่ทำไมเรื่องบนเตียงมันกลับน่าเบื่อยิ่งขึ้นไปทุกที..
“ไม่รู้สิ” เขายักไหล่ นึกถอนหายใจถึงความชืดชาที่เกิดขึ้น
..ถ้ายังเป็นแบบนี้..อีกไม่นานต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนอกใจแน่นอน..
“ต้มยำกุ้งมั้ย” จิรนันท์พูดถึงอาหารโปรดของคนด้านหลัง
“ไม่เอา”
“ปลาช่อนลุยสวน” เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เขาทำได้อร่อยสุดๆ
“เบื่อแล้ว”
“กะพงนึ่งมะนาว หรือเอาผัดเผ็ดปลาดุก” ชักเซ็งที่ได้รับแต่คำปฏิเสธ
รณพีร์พึมพำ “ไปกินข้าวนอกบ้านดีกว่ามั้ย”
“ไม่ล่ะ” ร่างเล็กส่ายหัว “คุณไปเองคนเดียวเถอะ”
“งั้นก็ตามใจ” เขาขี้เกียจง้อเหมือนกัน
รณพีร์ลุกจากโต๊ะหลังชิมข้าวต้มกุ้งที่เป็นของโปรดอีกหนึ่งอย่างไปแค่ไม่กี่คำ นันท์ยังทำอร่อย แต่เขาต่างหากที่รู้สึกชินชาจนไม่อยากแตะ
หลังคนรักออกไปทำงานแล้ว จิรนันท์รับสายจากจิรายุ พี่ชายที่น่ารักแสนจะเป็นห่วงเรื่องครอบครัวของเขาหลังจากที่เคยปริปากอย่างอัดอั้นเรื่องความน่าเบื่อบนเตียงให้ฟัง มันชืดชายิ่งกว่ามีเซ็กซ์กับท่อนไม้ซะอีก
‘นั่นเพราะว่าเราต่างเอาตัวเองเป็นใหญ่’ สิ่งสำคัญประการหนึ่งคือ จิรายุเป็นพวกธรรมะธรรมโม ชนิดแทบจะซึ้งเข้าไปถึงแก่นพระธรรมเลยทีเดียว
‘สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง อันอำนาจตัณหา ราคะ..’
“สรุปว่าผมเบื่อเขา” จิรนันท์ตัดบทก่อนพี่ชายจะเทศน์ยาว
‘อย่าคิดว่าตัวกูของกู อย่าไปผูกอยู่กับความต้องการของตัวเองมากไป’
“มีชู้ดีมั้ย!” เขาโพล่งโดยที่ไม่ฟังพี่เลย
‘ผู้ที่ไม่ซื่อสัตย์กับสามีภรรยาของตน หรือผู้ที่เป็นมือที่สามก็ดี ผู้นั้นจะต้องตกนรกหมกไหม้ ปีนขึ้นต้นงิ้ว ถูกยมบาลเอาเหล็ก
แหลมทิ่มแทง..’
จิรนันท์ขำก๊าก เขาเชื่อพี่ชาย แต่ก็เห็นว่าอีกฝ่ายซีเรียสเกินไป “ล้อเล่น”
‘พูดโกหกผิดศีลข้อที่สี่’
“หะหะ” เขาหัวเราะเฝื่อน “ไปดริ๊งค์เป็นเพื่อนผมคืนนี้ได้มั้ย”
‘ทำไมชอบละเมิดศีลกันนะ แค่ห้าข้อก็รักษาไม่ได้’
เขาพอเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ชายไม่มีแฟนเสียที “งั้นมากินข้าวกัน”
‘วันนี้ต้องกินมังสวิรัตินะ’
“คร้าบพี่!”
......
รณชิต..หนุ่มโสดเพลย์บอยเป็นน้องชายของรณพีร์ เขานั่งหัวเราะจนท้องแข็งเมื่ออีกฝ่ายพึมพำว่าเหนื่อยหน่ายกับเรื่องบนเตียงเหลือเกิน
“ก็ไม่ต้องทำสิ” เขาแนะนำ “หรือหาแฟนใหม่เลย”
“เอาหัวแม่เท้าคิดเหรอ”
คนน้องหยักยิ้ม “ของแบบนี้มันต้องเปลี่ยนรสชาติบ้าง อะไรที่ทำเป็นประจำก็น่าเบื่อ เหมือนพี่ชอบกินต้มยำ แต่ถ้าให้กินทุกวันมันก็ซ้ำซากจำเจ”
เขานั่งถอนหายใจ มองสาวมากหน้าที่เข้ามาคลอเคลียกับน้องชาย ไอ้หมอนี่ตอบสนองชนิดไม่ต้องคิดนานด้วยซ้ำ
“มาคนเดียวเหรอคะ” อนงค์นางหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ ส่ายเอวยั่วยวนไม่พอ ยังอุตส่าห์เอาสะโพกมาถูไถแถวต้นขาเขาอีก
“มีเมียแล้วครับ” เรื่องเดียวที่รณพีร์ไม่คิดจะทำ..นั่นก็คือการนอกใจ
..แต่ก็กลัวตัวเองจะดีแตกอยู่เหมือนกัน..
“ชิ!” หล่อนสะบัดหน้าเดินจากไป
รณชิตนั่งหัวเราะ เขาชูแก้วเหล้าชนกับพี่ ฉลองให้คนที่กำลังกลายเป็นตาลุงตายซากอยู่ที่บ้าน “แด่ความซื่อสัตย์และไอ้จ้อนที่กำลังขึ้นรา”
“ทุเรศเถอะ ผู้ชายรักเดียวใจเดียวมันแย่ตรงไหน”
“จืดชืด” คนน้องพึมพำ นับนิ้วให้ดูไม่หวาดไม่ไหวว่าเขาเปลี่ยนคู่ควงอาทิตย์ละกี่คน “ผู้ชายไม่เจ้าชู้ก็เหมือนงูไม่มีพิษ”
รณพีร์ส่ายหัว ยกแก้วขึ้นดื่มก็เห็นว่าหมดแล้ว บาเทนเดอร์เดินเลียบเคียงเข้ามาแต่เขาส่ายหัว ใช้นิ้วหมุนน้ำแข็งที่ยังเหลือค้างเล่นแทน
“เอางี้มั้ย” รณชิตเห็นพี่เบื่อหน่ายจริงเลยเสนอเรื่องดีๆ “มีตัวช่วย”
“อะไร”
“ทฤษฎีนี้ว่าด้วยเรื่องของการแสวงหาความตื่นเต้น” เขาพึมพำ “มนุษย์ทุกคนย่อมมีความอยากรู้อยากลอง ต้องการจะทำเรื่องลักลอบเป็นทุนเดิม พ่อบ้านบางคนกลับมาปึ๋งปั๋งใหม่อีกรอบหลังจากแอบไปนอนกับอีหนูทั้งที่เมียดุเหมือนหมา คนบางคนชอบเซ็กซ์ในที่สาธารณะทั้งที่เสี่ยงต่อการถูกจับได้ บางคนก็ชอบเรื่องผิดศีลธรรมเพราะทำให้ความตื่นเต้นมากขึ้นทวีคูณ”
“แกจะพูดอะไรวะ” เขาไม่เข้าใจแม้แต่นิดเดียว
“แลกคู่นอนกัน”
......
จิรนันท์ขับรถไปส่งจิรายุที่วัดเพราะฝ่ายนั้นต้องไปนั่งสมาธิทุกครั้งหลังมื้อเย็น เขาเคยบอกแล้วว่าให้ทำที่บ้านเพราะมันเสี่ยงต่ออันตรายตอนขากลับ
“ถ้าจะมีคนฉุดพี่นะ” จิรายุขำก๊าก “พี่ไม่โสดมาจนป่านนี้หรอก”
“อย่างน้อยก็ระวังตัวไว้บ้างได้มั้ย” เขาส่ายหัว โบกมือบ๊ายบายพี่แล้วขับกลับบ้าน ระหว่างนั้นแวะซื้อของสดไว้รอทำกับข้าวพรุ่งนี้ด้วย
จิรนันท์กลับมาที่ห้องชุดพร้อมกับพบว่ามีใครบางคนยืนรอเขาอยู่แล้ว
“อ้าว..คุณชิต” เขาทักทายน้องชายของคนรัก “มาได้ยังไงครับนี่”
รณชิตยิ้มเพียงน้อย เขานิ่วหน้าไปครู่เมื่อรู้สึกเจ็บตรงมุมปาก
“เอ๊ะ! ใครทำร้ายคุณ” ร่างเล็กทำตาโต รีบเปิดห้องแล้วกึ่งลากกึ่งจูงแขนอีกฝ่ายเข้ามาด้านใน “นั่งก่อนครับ เดี๋ยวผมทำแผลให้”
รณชิตหัวเราะหึ กวาดตามองทั่วร่างของคนตรงหน้าด้วยแววตาพอใจ
“หมาขี้หวงน่ะครับ”
คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างงุนงง เขาเดินกลับเข้ามาพร้อมกล่องปฐมพยาบาล ใช้สำลีทำความสะอาดแผล แต้มยาบนมุมปากให้ด้วยความนุ่มนวล
“มีเรื่องกันที่ผับอีกแล้วใช่มั้ยครับ” จิรนันท์ส่ายหัวก่อนจะนึกขึ้นได้ “พีร์ล่ะคุณ! อย่าบอกนะว่าเขาโดนยำจนเข้าโรงพยาบาลน่ะ”
รณชิตส่ายหัว เขาจับข้อมือเล็ก “ป่านนี้พี่นอนกกสาวสบายใจไปแล้ว”
“อะไรนะ”
ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก ขยับเข้าไปใกล้ “และเขาก็ยกคุณ..ให้ผมด้วย”
ดูเหมือนว่าคนพูดจะถูกต่อยจนหน้าหันในวินาทีนั้น
“ล้อเล่นบ้าๆ” จิรนันท์โยนน้องแฟนออกไปนอกห้องแล้วปิดประตูโครม หน้าตาเสียโฉมมาเขายังพอช่วยเหลือได้ แต่ปากหมาใส่นี่สุดจะทานทน
ร่างเล็กส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ เขาหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นพาดบ่าแล้วเข้าไปอาบน้ำให้หายร้อน ตอนออกมาก็เห็นว่าได้เวลาที่พีร์จะกลับบ้านพอดี
มีเสียงเปิดประตูดังแกร๊ก เจ้าตัวชะโงกหน้ามอง เห็นแต่ช่วงขาที่สวมกางเกงยีนส์สีซีด ฝ่ายนั้นเดินเข้ามาทั้งรองเท้าผ้าใบที่สวมอยู่
“กลับมาแล้วเหรอพีร์” จิรนันท์ร้องถามพลางเอาผ้าเช็ดผมที่เปียกชุ่มจนแห้งหมาดๆ “จะบอกอะไรให้ เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน น้องชายคุณ..” เสียงที่ว่าปาวๆชะงักกึก เขาเพิ่งรู้สึกในตอนนี้เองว่าคนที่เข้ามาไม่น่าจะใช่พีร์
..เมื่อเช้าพีร์ใส่กางเกงสแล็คสีดำไปทำงาน..ไม่ใช่กางเกงยีนส์..
..ซ้ำรองเท้าก็เป็นคัทชูหนังสีดำด้วย..
คนที่กำลังครุ่นคิดอยู่หน้ากระจกเงาเบิกตากว้างเมื่อดวงตาสบเข้ากับผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่ยืนซ้อนมาจากด้านหลัง หมวกไหมพรมที่คลุมบริเวณใบหน้าไว้ทำเอาเขาตัวเย็นเฉียบ นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองมาอย่างดุดัน
จิรนันท์ยกกำปั้นฟาดผัวะออกไปตามสัญชาตญาณ ฝ่ายนั้นเซถอยไปก้าวหนึ่ง สบโอกาสให้เขาวิ่งพรวดออกมาจากห้องนอนได้
“มานี่!” เสียงแหบต่ำคำรามกร้าว บุคคลนิรนามกระโจนเข้าล็อคคอไว้
ผ้าเช็ดหน้าที่มีกลิ่นยาอ่อนๆถูกโปะเข้าที่จมูกเล็ก เจ้าตัวไม่ทันได้ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือเมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินกว่าจะตั้งตัวทัน
..พีร์..
......
คนที่เพิ่งฟื้นพยายามเพ่งมองฝ่าความมืดเบื้องหน้าหากทุกอย่างยังคงเป็นสีดำสนิท เขาวาดมือออกไป หวังจะคลำหาสวิทช์ไฟตรงหัวเตียงแต่สัมผัสตึงแน่นรั้งข้อมือไว้จนต้องมุ่นคิ้ว ประสาททั่วกายลุกชันในทันทีที่รับรู้ทุกอย่างรอบตัว
“พ..พีร์..” จิรนันท์เรียกหาคนรัก ความตื่นกลัวแล่นเข้ามาจับขั้วหัวใจ
มีเสียงไฟแช็กถูกจุดขึ้นด้านข้างตามด้วยกลิ่นเหม็นไหม้ของยาสูบ ร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงตัวเย็นเฉียบด้วยความตระหนก เขาเพิ่งรู้ในตอนนี้ว่าในห้องยังคงสว่างโล่ง แต่ที่เห็นว่ามืดนั้น..คงเป็นเพราะผ้าที่กำลังคาดตาไว้แน่นต่างหาก
“ใคร..ใครน่ะ!” ร่างเล็กร้องถาม พยายามลุกขึ้นจากที่นอนแต่ติดเศษผ้าที่มัดมือทั้งสองไว้กับราวเหล็ก “ค..คุณเป็นใคร เข้ามาในห้องผมทำไม..”
ฟูกหนายวบตามน้ำหนักที่เท้าลงมา กลิ่นบุหรี่ลอยอวลอยู่ด้านข้าง จิรนันท์ตัวแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูกเมื่อฝ่ามือหยาบสอดเข้ามาในเสื้อคลุม
“พีร์! พีร์ช่วยด้วย!” เขาตะโกนร้องสุดเสียง และแทบจะทันทีที่ขยับปาก ฝ่ายตรงข้ามก็บีบคางเข้ามาเต็มแรงซ้ำยังเอาผ้าคาดซ้ำลงมา “อ..อื้อ”
“ชู่ว์..นิ่งไว้ที่รัก..นิ่งซะเด็กดี” มันเป็นเสียงพร่าต่ำที่จงใจดัดให้แปร่งปร่าไปจากเดิม เป็นธรรมดาอยู่แล้วสำหรับคนที่กำลังจะก่อคดีเพื่อไม่ให้ใครจดจำได้
..แต่ว่า..มันคือคดีอะไรเล่า..
ดวงตาที่ถูกปิดสนิทมีหยดน้ำไหลซึม เขาส่งเสียงอื้ออึงในคอ พยายามจะบอกว่าไม่มีเงินหรือทรัพย์สมบัติอะไรให้มันเอาหรอก พีร์เป็นแค่พนักงานบริษัทต๊อกต๋อย ส่วนเขาทำงานอดิเรกเล่นไปวันๆ ฆ่าเขาตายก็ติดคุกเปล่า
“จะพูดอะไรเหรอ หืม..” ลมหายใจร้อนผ่าวรินรดตรงซอกคอ ปลายลิ้นอุ่นลากไล้จากหางตาที่เปียกชื้นลงมาข้างแก้ม จบลงที่ริมฝีปากสั่นริก
“อ..อือ” จิรนันท์ผงกหัวขึ้นลง “อ..”
“อยากพูดอะไรใช่มั้ย?” ชายแปลกหน้าพึมพำ “ถ้าปล่อยให้พูด สัญญานะว่าจะไม่แหกปากร้อง” เขาไล้วัตถุเย็นเยือกลงบนข้างแก้มใส กดลงเบาๆพอให้เกิดรอย “ถ้าโวยวาย..รู้นะว่าจะเป็นยังไง มีดมันคมซะด้วย”
ร่างเล็กพยักหน้ารับรัวเร็ว อย่างน้อย ตอนมีปากเป็นอิสระก็ยังรู้สึกอุ่นใจกว่าที่เป็นอยู่ หากตอนสุดท้ายมันจะฆ่าเขาแล้ว ขอร้องให้ลั่นคอนโดก็ยังดี
“ปล่อย..ปล่อยผม ขอร้องเถอะครับ” เมื่อมันเอาผ้าที่มัดปากออกให้ เขาก็หว่านล้อมสารพัด “ผมกับแฟนไม่ค่อยมีเงิน แต่..แต่ถ้าคุณต้องการ ผมพอจะมีอยู่ในกระเป๋าสองสามพัน เอาไปให้หมดเลย ผมจะไม่แจ้งตำร..”
“ใครบอกว่ากูอยากได้เงิน” มันตะคอกจนเขาหัวหด เสียงหัวเราะด้วยความพอใจดังอยู่ในลำคอ “คนเพิ่งออกจากคุก..มันไม่ต้องการเงินหรอกเว้ย!”
จิรนันท์หน้าซีดเซียว นึกสาปแช่งตัวเองที่ไล่รณชิตออกไป ตามด้วยการก่นด่ารณพีร์ที่ตอนนี้มันอาจจะกำลังคั่วสาวคนใหม่อยู่ก็เป็นได้
..ทำไมไม่กลับมาซะที!!..
“ง..งั้นจะเอาอะไร” เขาพยายามถ่วงเวลา “ยาเหรอ..เอาเงินไปซื้อสิ”
“กูอยาก..” มันกระซิบลงมาข้างใบหู ปลายลิ้นอุ่นเล็มเลียไปทั้งร่างจนผิวกายอีกคนร้อนผ่าว ขนอ่อนทั่วตัวลุกชันด้วยความตื่นกลัว “ให้กูเอาสักครั้งสิ”
“ไม่!” เขาตะโกนก้อง ดิ้นรนด้วยแรงทั้งหมดที่มีจนมือข้างหนึ่งหลุดออกมาเป็นอิสระ เขาชกไปตรงต้นเสียงหากอีกฝ่ายหลบวูบ
“พูดดีๆไม่ชอบ อยากให้ใช้กำลังก็ไม่บอก”
มันกระแทกแขนเขาลงกับเบาะ มัดมือมัดปากกลับไปอย่างเดิม เบี้ยล่างได้แต่ตัวชาดิกเมื่อเสื้อคลุมที่สวมอยู่ถูกฉีกขาด มือหยาบเปลี่ยนมาดันขาทั้งสองของเขาให้ตั้งชันกับเตียงพร้อมกับแทรกลงกึ่งกลาง
“อื้อ..”
“ถ้าไม่อยากตายก็เลิกเล่นตัวได้แล้ว” โลหะเย็นเฉียบกดเข้าที่ต้นคอ สะกิดลงเป็นการขู่จนอีกคนเลิกต่อต้านโดยดี “นั่นละ..ฉลาดมากคนเก่ง”
สัมผัสร้อนผ่าวลากยาวลงมาด้านหลัง ปลายลิ้นอุ่นโลมเลียไปทั่วตัวกระทั่งหยุดที่ส่วนไวสัมผัส เลือดในกายเย็นเยียบเหมือนถูกแช่เพราะความชื้นแฉะที่จงใจกระหวัดไปทั่วซ้ำยังสอดเข้าออกจนช่วงล่างเปียกชื้น
“อ..อือ” ขนอ่อนทั้งกายลุกชัน ในสมองเขากำลังต่อต้านแต่ปฏิกิริยาทางร่างกายกลับตอบรับ ผู้ชายแปลกหน้าที่กำลังขืนใจกันดูเหมือนมีอารมณ์ร่วมถึงขีดสุดเพราะเขาได้ยินเสียงรูดซิปกางเกงพร้อมกับเสียงเสียดสีของฝ่ามือกับอะไรบางอย่างที่กำลังถูไถไปมาบนช่วงเอว จิรนันท์กัดปากจนห้อเลือด พยายามถดตัวหนีจากส่วนปลายที่ลื่นเมือกไปด้วยความต้องการล้นปรี่
“อยู่เฉยๆนะมึง” มันออกคำสั่ง ลากตัวเขากลับมาใต้ร่าง
ปลายเท้าขาวหยัดลงกับฟูก จิกเกร็งด้วยความเสียวซ่านเมื่อมันลากลิ้นจากร่องสะโพกมาถึงส่วนหน้า โพรงปากร้อนระอุครอบลงบนความอ่อนไหวแล้วรูดรั้งด้วยริมฝีปาก เสียงครางเบาหวิวดังเล็ดลอดผ่านผ้าที่มัด
“ไง..ชอบล่ะสิ” มันเยาะเย้ย รัวลิ้นไปมาแทบไม่เว้นช่วง
“อื้อ..อื้อ” เขาพยายามส่ายหัวปฏิเสธ..แม้ว่าช่วงล่างจะกำลังร้อนวาบ
“ผัวมึงไม่เคยทำให้ใช่มั้ยล่ะ”
แก้มขาวขึ้นสีแดงเรื่อทั้งแถบเมื่อถูกตราหน้าด้วยเรื่องบนเตียงที่เป็นความจริง เหมือนว่ามันจะเห็นกิริยาแบบนั้นเป็นเครื่องตอบรับถึงได้ชอนไชปลายลิ้นกระทั่งสอดลึกลงในความนุ่มหยุ่นที่กำลังมีปฏิกิริยาโต้ตอบเป็นจังหวะ
“อึก..” คนตัวเล็กกว่าเม้มปากแน่น อารมณ์หวาดกลัวผสมรวมกับความตื่นเร้าเมื่อเส้นผมอีกฝ่ายคลอเคลียอยู่แถวหน้าขา แม้จะถูกปิดตาแต่ภาพในจินตนาการของเขากำลังสร้างเป็นคนแปลกหน้าตัวสูงใหญ่ที่ก้มหน้าใช้ปากให้ส่วนหวงห้ามพร้อมกับช่วยตัวเองไปด้วย “อือ..อื้อ..”
อารมณ์ภายในพุ่งทะยานถึงขีดสุด ความกดดันที่ถูกกระตุ้นแล่นลามมาถึงส่วนปลาย ร่างขาวสั่นสะท้าน ปลายเล็บจิกลงบนผ้าที่มัดมือหากแต่ในจังหวะที่กำลังจะปลดปล่อย อีกฝ่ายกลับล่าถอยไปเฉยๆ
“ทำไม..ทำท่าเสียดาย?” มันถามกลับด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ
จิรนันท์เหมือนถูกชกตรงๆ ความอับอายพุ่งวาบขึ้นมาบนใบหน้า
“ไม่ต้องห่วงหรอก..กูทำให้มึงถึงใจแน่” คำพูดกำกวมนั้นทำเอาคนฟังตัวเย็นเฉียบ “จะเอาให้ร้องลั่นไม่เป็นภาษาเลย”
ความมืดที่ปิดบังภาพเบื้องหน้ายิ่งเร่งเร้าความตื่นกลัว มันผละออกก่อนจะถ่มน้ำลายลงฝ่ามือแล้วลูบของเหลวลื่นลงบนความคับแน่น ปลายนิ้วยาวแทรกผ่านทีละน้อยท่ามกลางความตกตะลึงของอีกคน
“เยี่ยมเป็นบ้า” มันคำรามอย่างพอใจ กระชากนิ้วออกพร้อมกับแทนที่ด้วยบางสิ่งบางอย่างที่ร้อนผ่าว
จิรนันท์แทบกัดลิ้นตัวเองขาดในทันทีที่ความเจ็บแล่นริ้วขึ้นมาถึงแนวสันหลัง เสียงครางแหบพร่าดังอยู่ข้างใบหู แขนข้างหนึ่งของมันสอดเข้าใต้สะโพกแล้วลากหมอนมาหนุนจนช่วงเอวถูกยกรั้ง ผู้ถูกกระทำนอนนิ่งด้วยความตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเมื่อสติพลันระลึกได้ว่าบุคคลที่ล่วงล้ำเข้ามาในร่าง
..ไม่ใช่คนรักของตน..
หัวใจทั้งดวงแทบหยุดเต้นในจังหวะที่อีกฝ่ายสอดเข้ามาจนสุด เขาแทบไม่มีโอกาสได้ส่งเสียงร้องหรือขอความช่วยเหลือจากใครแม้แต่นิด เพราะในทันทีที่มันฝังร่างลง สะโพกสอบก็เริ่มขยับรุกอย่างมีชั้นเชิง
ภาพบิดเบี้ยวในหัวของเขากลายเป็นสีขาวโพลน จดจำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้นนอกจากความตื่นกลัวที่ลุกลามเข้ามาบีบอัดในอกจนแทบจะหมดสติ ความรุนแรงที่อีกคนจงใจบดเบียดลงมาทำให้เสียงร้องถูกกลืนหาย
“ชอบแบบนี้มั้ย” มันคำรามกร้าว ขยับตัวเน้นๆลงบนจุดไวสัมผัส
“อือ..อื้ออ”
“ถ้าชอบก็ร้องสิ..ร้องดังๆ!”
ร่างเล็กดิ้นพล่าน ทั้งกระชาก ทั้งสะบัดมือออกจากผ้าที่มัดแต่ไม่เป็นผล ความร้อนระอุสอดใส่เข้าออกเป็นจังหวะ เสียงผิวกายเสียดสีดังลั่นห้องนอน
แขนแกร่งเท้าลงมาบนเบาะ ช่วงอกกว้างเสียดสีกับผิวกายขาว กลิ่นสบู่อ่อนๆเป็นยากระตุ้นให้คนด้านบนโหมแรงใส่จนเตียงทั้งหลังไหวคลอน
จิรนันท์รู้สึกได้ว่าสติสัมปชัญญะของตนกำลังหลุดหาย เสียงครวญครางในลำคอที่ร้องด้วยความสมใจดูราวกับจะไม่ใช่เสียงของเขา หากว่านี่คือความฝัน คงนึกว่าวิญญาณของตนหลุดออกจากร่างแล้วกำลังยืนดูกายเนื้อกำลังถูกกระทำด้วยน้ำมือของชายแปลกหน้าอยู่ข้างเตียงเป็นแน่
“สะใจสินะ” มันหัวเราะก้อง กระชากหัวไหล่มนกลับเข้ามาพร้อมกับก้มลงบดเบียดริมฝีปากผ่านเนื้อผ้าที่คาดทับ “ความอยากมันไม่เข้าใครออกใคร”
ความนุ่มนวลด้านในขยับรัดรึงแน่นหนา ทุกครั้งที่จงใจรุนแรงหรือพูดคำหยาบข้างใบหู คนที่อยู่เบื้องล่างก็มักจะมีกิริยาตอบโต้กลับมาเสมอ และทั้งที่ใบหน้านั้นมีแต่คราบน้ำตาเปรอะเปื้อน พยายามปฏิเสธด้วยการถดร่างหนี แต่ทางรักร้อนผ่าวกลับกลืนกินช่วงความยาวที่กำลังรุกไล่ไม่ปล่อย
“ถ้าอยากหนี..ก็หนีเลย” มันกระซิบบอกก่อนจะปลดผ้าที่มัดมือให้
จิรนันท์จำได้ว่าชกหน้ามันไปอย่างแรง หากเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส มันก็ผลักเขาตกลงบนเตียง สอดแขนทั้งสองเข้ายกรั้งข้อพับขาจนสะโพกลอยสูง มันทิ้งน้ำหนักลงปลายเท้าพร้อมกับกระแทกตัวลงมาจนสุดความยาว
“อื้ออ!” เขาน้ำตาไหลพราก ทั้งเจ็บใจ ทั้งอับอาย ความกลัวในตอนนี้ไม่มีอีกต่อไป จะเหลือก็แต่ความโกรธที่แรงปรารถนาทั้งหลายยังไม่ลดลงสักที
เล็บคมจิกลากลงบนแผงอกหนา ขยุ้มผ่านตัวเสื้อแล้วกระชากลง หวังให้เศษเนื้อติดออกมา หากยิ่งต่อต้าน มันก็ยิ่งรุนแรงทางกาย
“ทำได้แค่นี้เหรอ เอาให้สมจริงหน่อยซี” มันหัวเราะลั่น เลือนมือขึ้นขยุ้มลงบนอก ขยำขยี้จนเนื้อขาวขึ้นสีแดงก่ำ เสียงครางด้วยความเจ็บดังอื้ออึง
“อย่าเล่นตัวกับผัวหน่อยเลย” มันพึมพำ “ยังไงตอนนี้มึงก็เป็นของกู”
จิรนันท์กัดฟันกรอด พยายามยกขาขึ้นถีบแต่มันคว้ามาเกี่ยวไว้ที่เอว ยิ่งขยับถอย มันยิ่งรุกเข้ามาจนทั้งสองร่างกลืนกินกันแนบสนิท
“ฮ..อาา”
“ที่แท้มึงก็อยากเหมือนกันนั่นละ”
ใบหน้าแดงเรื่อหันหนีไปอีกทาง เรี่ยวแรงต่อต้านหดหายเมื่อมันโน้มตัวลงมากอด สะโพกแข็งแรงขยับสวนถี่รัว เสียงน่าอายดังก้องห้องจนใบหน้าของคนที่ได้ยินซับสีเลือด ส่วนอ่อนไหวด้านหน้าเสียดสีกับช่วงท้องของมันจนขยาย
“อื้อ..” เจ้าตัวทั้งผลักทั้งดันบ่ากว้างเมื่อมันเร่งจังหวะ “..อือ”
เสียงทุ้มต่ำครางแว่ว ผละมาช่วยรูดรั้งความต้องการร้อนระอุของอีกคน
ร่างขาวกระตุกเกร็ง ร้องสุดเสียงในลำคอเมื่อมันกระแทกกระทั้นลงมาอีกสองสามจังหวะ เขาสะดุ้งเฮือก ปลดปล่อยความปรารถนาออกมาเป็นสาย
ทั้งตัวผวาเฮือกขึ้นกอดรัดบุคคลแปลกหน้าอย่างลืมตัว มันกระชากผ้ามัดปากออกก่อนจะก้มลงบดขยี้จูบอย่างรุนแรง สอดปลายลิ้นเข้าดูดคลึงราวคนรักกันกำลังกระทำ ในขณะที่ช่วงล่างเองยังคงเคลื่อนไหวถี่กระชั้น
“อาา..” เสียงแหบพร่าคราง ขยับตัวคล้ายคนบ้าคลั่ง “นันท์! นันท์!!”
จิรนันท์รู้สึกชาวูบ หูอื้ออึงจนไม่ได้ยินเสียงอะไรในช่วงที่มันเร่งตัวเองแล้วสอดใส่รุนแรงอีกหลายครั้งก่อนที่จะหลั่งน้ำรักมากมายออกมาในตัวเขา
..เสียงคำรามด้วยความสุขนั้นช่างคุ้นเคยคล้ายจะได้ยินที่ไหนมาก่อน..
......
คนที่หมดสติในช่วงเวลาสุดท้ายเพิ่งจะสะดุ้งตื่นเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างผ่านไป เมื่อยกมือขึ้นแตะบนใบหน้าก็ต้องพบว่าผ้าที่คาดตาถูกแก้ออกแล้ว
จิรนันท์ร้องไห้เงียบๆในทันทีที่ระลึกได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นความจริง แต่เสียงตะกุกตะกักแถวตู้เสื้อผ้าทำให้เขาไม่มีเวลามานั่งเสียใจกับสิ่งที่เกิด
ร่างบอบช้ำพยุงตัวจากที่นอนแผ่วเบา เมื่อปลายเท้าแตะพื้น เรี่ยวแรงก็แทบหดหาย ไออุ่นร้อนที่ยังคาคั่งอยู่ในตัวไหลย้อนลงมาซ้ำยังหยดลงบนพื้นพรม
ร่างเล็กกำหมัดแน่นด้วยความโกรธแค้น แม้แต่พีร์ยังไม่ได้สัมผัสตัวเขาตรงๆขนาดนี้ ทุกครั้งที่นอนด้วยกันจะต้องมีเครื่องป้องกันเสมอ
..แล้วมันเป็นใคร!..
เจ้าตัวคว้าแจกันเปล่าที่วางประดับไว้บนพื้นขึ้นมาถือ ดวงตาจ้องตรงไปยังแผ่นหลังที่กำลังก้มๆเงยๆรื้อของอยู่ในห้องแต่งตัว ดูจากสีเสื้อและกางเกงยีนส์ขาดๆที่มันสวมก็พอบอกได้ว่าเจ้าตัวยังไม่ไปไหน ตอนนี้มันถอดหมวกไหมพรมที่สวมทับใบหน้าออกแล้ว..และคงจะกำลังขโมยทรัพย์สินของพวกเขาด้วย
เงาดำที่ทาบทับเข้ามาเบื้องหลังทำให้ผู้บุกรุกหันควับ ดวงตาสีเข้มเบิกกว้างก่อนที่จะยกมือขึ้นป้องกันส่วนหัว
“ผมเองนันท์!!”
..เสียงคุ้นหูร้องบอกในจังหวะที่อีกฝ่ายฟาดแจกันเข้ามาเต็มแรง..
......