พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: nigiri-sushi ที่ 05-08-2012 12:06:07

หัวข้อ: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nigiri-sushi ที่ 05-08-2012 12:06:07
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออก ไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)

_____________________________________________________________________________________


สวัสดีคร้าบ  :impress2: เรื่องเก่ายังไม่จบ เอาเรื่องใหม่มาลงอีกแล้ว  :beat:

อันนี้เป็นเรื่องสั้น ชื่อหลักคือ Love is All Around แต่แบ่งเป็นหมวดได้ 4 หมวด

1. In Love

Please Mr. Postman (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34202.0)

Wonderful Tonight (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34202.30)

2. Lonely Love

I Don't Like To Sleep Alone (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34202.new#new)

I Want to Hold Your Hand (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34202.msg2080419#msg2080419)

3. Hidden Love

4. Hurt Love

Kiss Me Goodbye (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34202.new#new)

Sad Movie (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34202.0)


แต่ละเรื่องจะทยอยลงไปเรื่อยๆจ้า แล้วจะลิ้งค์มาที่หมวดของมันให้ อิอิ

ฝากด้วยเน้อ  :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น : Love is All Around
เริ่มหัวข้อโดย: nigiri-sushi ที่ 05-08-2012 12:16:08

 :L1: In Love  :L1: 


"Please Mr. Postman"


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


เสียงมอเตอร์ไซค์หน้าบ้านดึงให้ใครคนหนึ่งลุกพรวดขึ้นจากที่ เขาละงานในมือ วิ่งถลาไปที่บานหน้าต่าง การมาของบุรุษในชุดสีน้ำตาลจุดรอยยิ้มกว้าง
   
เขาเดินวุ่นวายไปมาเหมือนหนูติดจั่นเมื่อชายหนุ่มตัวสูงใหญ่เดินอ้อมผ่านบ้านเขาไปอีกทาง “เดี๋ยวก็มา..” เสียงนั้นเฝ้าปลอบใจตนเอง
   
ดวงตาคู่เดิมหลุบลงมองปลายรองเท้ามันปลาบ จังหวะการเดินสม่ำเสมอย่ำไปตามพื้นร้อนระอุ หัวใจของเขาเต้นตึกตักไม่ต่างกัน
   
บุรุษไปรษณีย์หนุ่มจอดมอเตอร์ไซค์คู่ชีพไว้ด้านหน้า เขากลับเข้ามารื้อเอาซองจดหมายนับสิบ กล่องพัสดุอีกสองกล่อง จากนั้นก็เดินเลยไปอีกฝั่ง
   
หนุ่มเจ้าของบ้านกระวนกระวายใจ
   
“คุณป้า..เซ็นรับจดหมายด้วยครับ” เสียงทุ้มต่ำนั้นแว่วเข้ามา
   
..ต้องถึงคราวเขาบ้าง..
   
คนตัวสูงกลับเข้ามาที่รถอีกครั้ง ผู้ที่เฝ้ามองจากบานหน้าต่างเผยรอยยิ้มกว้างในทันทีที่อีกฝ่ายตรงดิ่งเข้ามาหา
   
“คุณธีระ..” หนุ่มส่งจดหมายยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดเหงื่อ
   
“ครับ..ธีระครับ” เจ้าของชื่อแทบจะถลาออกไป “จดหมายของผม”
   
“โอ้..” เขามีท่าทางนิ่งงัน “ขอโทษครับ ผมแค่จะมารบกวนให้คุณช่วยเซ็นรับจดหมายแทนคุณป้าข้างบ้านเท่านั้น”
   
คุณธีระที่ว่ามีสีหน้าเจื่อนลง “ไม่มีจดหมาย..”
   
“ผมเสียใจ” บุรุษไปรษณีย์คนดียิ้มปลอบ “เขาบอกมั้ยครับว่าส่งมาวันไหน ผมเห็นคุณรอนานแล้ว ถ้ายังไงผมช่วยเช็คให้ดีมั้ย”
   
คนตรงหน้าเงียบกริบ เจ้าหน้าที่อย่างเขาก็เลยได้แต่เงียบตาม
   
“ผมเอาใจช่วยนะครับ” เขาเพียงหวังดี

ปกติเจ้าของบ้านหลังคาสีฟ้า..คุณธีระจะได้รับจดหมายแทบทุกวัน ร่อนมาไกลด้วยต้นทางสุดเขตประเทศสยาม พักหลังจดหมายสีฟ้านั่นค่อยลดลง จากสม่ำเสมอก็เหลือเพียงอาทิตย์ละสองหน และจากอาทิตย์ละสองหนก็เหลือแค่หลายอาทิตย์หน จนมาตอนนี้..สามเดือนเต็มๆยังไม่มีวี่แววสักฉบับเลย

..คงถูกแฟนทิ้งแล้วล่ะมั้ง..

บุรุษไปรฯตัวใหญ่รบกวนให้เซ็นรับแล้วเดินเลี่ยงออกมา เขาทนมองสีหน้าหมองเศร้าของอีกคนไม่ได้จริงๆ

..ใครนะ..ใจร้ายได้ลงคอ..

“คุณไปรครับ..คุณไปร” ธีระวิ่งกระหืดกระหอบตาม

“เรียกผมระพีก็ได้” เขามองแก้มที่ขึ้นสีแดงเพราะแรงแดดอย่างเผลอตัว
   
“รอเดี๋ยวครับคุณไปร” หนุ่มตัวเล็กคว้าแฮนด์มอเตอร์ไซค์แน่น 

Wait a minute mister postman

please mister postman look and see

“ขอร้องล่ะครับ..ช่วยดูอีกครั้งได้มั้ย”

If there's a letter in your bag for me

“มันอาจจะมีจดหมายถึงผมก็ได้”

please, please, mister postman

คนที่นั่งคร่อมอยู่บนรถนิ่งอึ้ง เขาหลบดวงตาที่คลอไปด้วยหยดน้ำ และทั้งที่รู้แล้วว่ามันไม่มี แต่เขาก็อดรื้อกระเป๋าหาจดหมายรักจากแดนไกลไม่ได้อยู่ดี

..เพื่อคุณธีระ..

“เอ่อ..” เขาเปิดให้ดูทีละฉบับแล้ว

..ว่างเปล่า..ไร้ประโยชน์..

“ทำไมล่ะครับ” ธีระยืนนิ่ง

Why's it takin' such a long time for me

to hear from that boy of mine

“เพราะอะไรผมถึงต้องรอจดหมายจากแฟนผมนานขนาดนั้น”

“คือว่า..” คุณไปรฯทำหน้าไม่ถูก มือไม้เขาเกะกะไปหมด

..อย่าร้อง..ได้โปรดเถอะคุณธีระ..คุณจะทำให้ผมรู้สึกล้มเหลวนะ..

..การไม่มีจดหมายมาส่งให้คนที่เฝ้ารอจดหมายมันแย่เอาการเชียว..

“มันน่าจะมีบ้างสิครับ..เขาน่าจะส่งมาให้จากชายแดน”

There must be some word today from my boyfriend so far away

“เขาไปเป็นทหารประจำการ..ผมห่วงเขาแทบตาย”

“มันไม่มีเลยครับ..ไม่มีจริงๆ” เขาส่ายหัว แตะหลังมือเล็กแผ่วเบา

ธีระพยักหน้าอย่างจนใจ

Please mister postman, look and see

If there's a letter..a letter for me

“ถ้าเขาเขียนมา หรือมีจดหมาย พัสดุ โทรเลข โปสการ์ด กระดาษขาดๆ เศษของผุๆ..อะไรก็ได้ครับ อะไรสักอย่างที่เขาส่งมา”
ชายหนุ่มอ้อนวอน “ได้โปรดรีบบอกกัน..ผมจะคอยคุณอยู่อย่างนี้..จะรอวันที่คุณมาบอกว่ามีจดหมายถึงผม”

I've been standin' here waitin' mister postman so patiently

“ขอแค่กระดาษสักใบ..ที่บอกว่าอีกไม่นานเขาก็จะกลับบ้านแล้ว”

For just a card or just a letter sayin' he's returning' home to me

คุณธีระเดินคอตกกลับเข้าบ้านไป เขาเห็นท่าทางอย่างนั้นยิ่งรู้สึกแย่ขึ้นทวีคูณ มันไม่ง่ายเลยนะ..ที่จะแบกความรู้สึกของคนที่รอฟังข่าวคราวจากคนรัก

“ให้ตายเถอะ..” บุรุษไปรษณีย์หนุ่มส่ายหัว เขาเจอปัญหาเข้าเสียแล้ว
   
“คุณไปรครับ..คุณไปร”
   
..ปัญหาที่ว่า..ก็คือเสียงนุ่มๆของคุณธีระที่ตามมาเข้าฝันเขานี่ล่ะ..
   
“มีจดหมายถึงผมบ้างมั้ยครับ..ธีระครับ ผมชื่อธีระ”   

..ธีระ..Teera..
   
เขายกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลซึมตัวเสื้อ
   
..ธีระ..ที่รัก..
   
..Teera..Teerak..
   


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


ร่างสูงสะดุ้งตื่นจากที่นอน เขาเบิกตาโพลง เงยดูนาฬิกาแล้วรีบกุลีกุจอแต่งตัว ใครจะแชเชือนในหน้าที่ราชการอย่างไร เขาไม่สน แต่เขามีภาระต้องไปส่งจดหมาย วันนี้ก็เช่นกัน มีคนหลายคนกำลังรอคอยการมาของเขา
   
..หรือจะมีแต่คุณธีระคนเดียวกันนะ..
   
“คุณไปรครับ..คุณไปร”

..มาอีกแล้ว..เสียงนุ่มๆเสียงนั้น..

“เรียกผมว่าระพีเถอะครับ”

“คุณไปรครับ..” พูดออกไป คนตรงหน้าฟังเสียที่ไหน

คุณไปรฯที่ว่าหน้าซีดเซียว เขารื้อดูจนทั่ว ลองถามหาจดหมายสีฟ้าจากกองของทั้งหมด ลองเอารายชื่อที่พอจะจดจำได้ พลทหาร..อะไรสักอย่างที่ชอบเขียนจดหมายมาหาแฟนตัวเองถึงกรุงเทพ แต่แล้วทำไมช่วงนี้ถึงไม่ส่งข่าวคราว

..บางทีเขาก็ฉุนแทนคุณธีระเหมือนกัน..

“เอ่อ..ดื่มน้ำมั้ยครับ” คุณธีระยื่นถุงโค้กเย็นเจี๊ยบมาตรงหน้า

คุณไปรฯคนเดิมกะพริบตาปริบ “หือ?”

“โค้กครับ..หรือว่าไม่ชอบ” ร่างเล็กกว่าหน้าเศร้าสร้อย “สไปรท์ดีมั้ยครับ หรือว่าแฟนต้า น้ำส้ม น้ำแดง น้ำเขียว น้ำเหลือง”

“น้ำเหลืองไม่ต้องครับ..เกรงใจ” เขาหัวเราะ รับน้ำเย็นๆจากคนตรงหน้ามาดูดจ๊วบเดียวหมดด้วยหัวใจพองโต

..หัวใจพองโต?..

“ผม..” ธีระก้มหน้านิ่ง “ผมรู้ว่าผมเซ้าซี้แล้วก็ถามแต่เรื่องเดิม แต่ว่า..”

หัวใจพองโตดวงนั้นฝ่อแฟ่บ มันฟีบเหมือนลูกโป่งถูกเข็มเจาะ

..คุณธีระมีน้ำใจต่อเขาก็เพราะเรื่องจดหมายของแฟนต่างหาก..

“ผมเสียใจ..” บางทีเขาก็คิดนะ

..ถ้าจะรอจดหมายที่ไร้การติดต่อนานขนาดนั้น..

..ก็เลิกกันซะเถอะ..

“หลายอาทิตย์แล้วนะครับ..” ธีระน้ำตาคลอ “ไม่สิ..นี่ก็ขึ้นเดือนที่สี่แล้ว”

So many days you passed me

“คุณเดินผ่านผมไปเฉยๆ..ไม่มีจดหมาย..ไม่มีอะไรเลย”

by see the tears standin' in my eyes

“คุณคงสมเพช..ที่ผู้ชายอย่างผมทำได้แค่รอแล้วก็ร้องไห้เท่านั้น”

ชายหนุ่มในชุดสีน้ำตาลสั่นหัวรัว “ไม่ครับ..ไม่เลย”

“ผมขอโทษที่พาล..แต่ผมเสียใจ..” คุณธีระปาดน้ำหูน้ำตาที่ร่วงผล็อย“เสียใจที่คุณไม่มีจดหมายพวกนั้นให้ผม..ผมแค่อยากรู้สึกดีขึ้นเท่านั้นเอง”

You didn't stop to make me feel better

by leavin' me a card or a letter

บุรุษไปรษณีย์ตัวสูงยืนกระสับกระส่ายไปมา เขาทำอะไรไม่ถูก มือหนึ่งถือถุงโค้ก อีกมือละล้าละลัง จะปาดน้ำตาให้..หรือจะรวบตัวเล็กๆนั่นมากอดดี

“ได้โปรดเถอะครับ ทำไมคุณไม่ลองหาดูอีกครั้ง” เสียงนุ่มนวลทำเอาเขาคลั่ง “ลองหาดูให้ทั่ว..เพื่อผม..ขอร้องเถอะ”

why don't you check it and see one more time for me

ชายหนุ่มปล่อยถุงโค้กในมือลงพื้น สองแขนแข็งแรงดึงตัวคนตรงหน้าเข้ามากอด คุณธีระเบิกตากว้าง น้ำหนักเบาหวิวนั่นไม่เป็นการยากเลยที่จะบังคับไว้แนบอกโดยใช้กำลัง เขาคิดว่าเขาอ่อนโยนนะ..แต่ไม่ใช่ในเวลานี้แน่ๆ

..เพราะเขากำลังกอดคุณธีระเสียแทบป่นกระดูกให้หัก..

..ด้วยความหึง..

..Teera..Teerak..

“ถ้ามันลำบากขนาดนั้นล่ะก็..” เขากระซิบ “เลิกกับหมอนั่นเถอะ”

ธีระนิ่งค้าง เขาดูจะช็อคไปเมื่อถูกบดจูบลงมาแนบแน่น

“ถ้าไม่รังเกียจบุรุษไปรษณีย์จนๆ..” เขาคงบ้าไปแล้ว บ้าอย่างเต็มพิกัด เต็มสตรีมด้วยซ้ำที่อาจหาญจูบกับลูกค้ากลางวันแสกๆ “คบกับผมแทนสิ..ที่รัก”

เขาคงไม่มีหน้ากลับไปหาคุณธีระได้อีก หลังจากทำเรื่องบ้าระห่ำด้วยการจูบอีกฝ่ายต่อหน้าธารกำนัล เขาจำได้ว่าถูกผลักออกมาจนตัวเซ แล้วคุณธีระก็วิ่งหายลับเข้าบ้านไป ปิดประตูแน่นหนา ลงกลอน ซ้ำยังปิดผ้าม่านจนทึบ

หลังจากนั้น เวลาเขาไปส่งจดหมาย

..คุณธีระก็ไม่ได้โผล่ออกมาเรียกเขาอีกเลย..
   
“คุณไปรครับ..คุณไปร”   

..ให้ตายเถอะ..เวลานอนยังตามมาถึงนี่เชียว..
   
“ได้โปรดเถอะครับคุณไปร”
   
..ผมก็อยากขอร้องคุณเหมือนกันครับ..
   
“มีจดหมายถึงผมบ้างมั้ย ผมรอจดหมายของแฟนมานานแล้ว”
   
..เมื่อไหร่จะเลิกหวังลมๆแล้งๆเสียที..
   
“เอาแต่เรียกคุณไปร คุณไปรอยู่นั่นล่ะ” เขาบ่น นอนก่ายหน้าผากอยู่บนฟูกเก่าๆ เหม็นสาบคนจนเสียจริง ถึงฝ่ายนั้นจะแค่พลทหาร แต่ก็ยศเป็นทหาร เขามันแค่คนส่งจดหมาย จะมีดีอะไรไปสู้
   
“ผมชื่อระพี” เขาพึมพำ “ระพี..ธีระ คล้องจองกันมากกว่า..รู้มั้ย”
   
เขาปวดใจ เจ็บเสียจนต้องลาพักงานมาสองวัน ถ้าจะต้องไปแล้วได้มองแต่หลังคาบ้าน สู้ขอย้ายไปอยู่เขตอื่นเสียยังดีกว่า
   
ระพีพลิกตัวไปมา สุดท้ายก็รำคาญความเงียบจนต้องป่ายมือไปหยิบรีโมตทีวีมาเปิดฆ่าเวลา ช่วงนี้มีข่าวพอดี รายงานสดที่ได้ยินทำเอาเขาหูผึ่ง
   
“เกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกองกำลังต่างชาติบริเวณชายแดนในเขตอำเภอแม่สาย เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิตเป็นทหารไทยจำนวน..”
   
บุรุษไปรษณีย์หนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง
   
..คุณธีระ..

เช้าวันถัดมา เขาลางาน แต่กลับคว้ามอเตอร์ไซค์บึ่งไปหาเจ้าของบ้านหลังคาสีฟ้าที่รอคอยจดหมายสีฟ้าจากชายแดนมาตลอดหลายเดือนนั้นทันที
   
เขากดออด กดครั้งแล้วครั้งเล่า จากการมีมารยาท มันเริ่มถี่รัว   

เนิ่นนาน..กว่าประตูหน้าบ้านจะเปิดออก คุณธีระโผล่ใบหน้าเซียวๆที่เปรอะเปื้อนคราบน้ำตามาพบเขา

“ผมเสียใจคุณธีระ..ผมขอโทษ” เขาพร่ำ “ผมมันปากเสีย ครั้งก่อนผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดอย่างนั้น ผมเสียใจด้วยจริงๆเรื่อง..”

“ผม..ไม่เป็นไร” ดวงตาคู่กลมบวมแดง

“เขาเป็นผู้กล้า..เป็นทหารที่น่ายกย่อง เราทุกคนเสียใจกับเรื่องที่ชายแดนวันนั้น แต่ผมรู้..เขาจะต้องเป็นที่จดจำของพวกเราไปตลอด” 

“คุณระพีพูดอะไร” ธีระยกหลังมือปาดน้ำตา

ระพีนิ่งอึ้งด้วยความคาดไม่ถึง “คุณรู้ว่าผมชื่อระพี”

“คุณบอกผมประจำ” ร่างเล็กค่อยๆเยี่ยมหน้าออกมาเมียงมอง

“แต่..” เขาสับสน “ก็ไหนเรียกแต่คุณไปร คุณไปร”

“ผมกลัวใจตัวเอง” เจ้าของบ้านหลุบตาลงต่ำ “ผมได้แต่ท่องกับตัวเอง สั่งตัวเองเน้นๆ ผมจะรอจดหมาย ผมจะรอคอยเขา ผมจะไม่ว่อกแว่ก..กับบุรุษไปรษณีย์ที่มาส่งจดหมายสีฟ้าของเขาทุกวัน”

ระพีอ้าปากค้าง

“มีไอ้บ้าที่ไหนบ้างที่เรียกร้องหาจดหมายจากชายแดนเหมือนจะขาดใจกันไปข้าง..ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้บ้าคนนั้นกำลังคิดนอกใจคนรัก”

“ผม..” คนส่งจดหมายรู้สึกหัวใจฟูฟ่อง

“แต่หลายวันก่อน..ที่คุณไม่มาส่งจดหมาย” ธีระก้มหน้างุด “ผมเพิ่งได้จดหมายจากแฟนผมนี่เอง” เขาชูจดหมายสีฟ้าให้ดู

ระพีสับสน ไม่รู้หัวใจจะพองหรือจะแฟ่บดี “แล้วข่าว..”

“เขาเก็บตัวอยู่ในค่าย..แถมเป็นฝ่ายนอกใจผมตั้งแต่ครึ่งปีที่ผ่านมา..ช่วงที่จดหมายสีฟ้านั่นเริ่มกะปริดกะปรอยเหมือนผู้ชายเป็นโรคนิ่วแล้วฉี่ไม่ออก”

“กับใคร..”

“เพื่อนที่ประจำการด้วยกัน” คุณธีระสูดจมูกดังฟืด

“ผมนึกว่าเขา..ตาย”

“ถึงผมจะอยากให้เขาตายตอนได้อ่านจดหมายขอเลิกของเขา..แต่ยังไงผมก็ไม่ใจร้ายถึงขั้นนั้นอยู่ดี” ชายหนุ่มยกมือขยี้ตา “อาจจะเพราะผมเอง..ตั้งแต่ที่เขาไม่ค่อยส่งจดหมายมาหา..ก็ไม่ได้มีใจให้เขาเต็มร้อยแล้วเหมือนกัน”

“แล้วคุณร้องไห้ทำไม” เขาขยับเข้าไปใกล้ ยกมือเกลี่ยน้ำตาทิ้งอย่างที่นึกหวังจะทำมาโดยตลอด

“คิดว่าคุณระพีจะไม่มาให้เจออีกแล้วน่ะสิ”

“ให้ตาย..” บุรุษไปรษณีย์ระพีอมยิ้มจนแก้มปริ

“จำไว้นะครับ” คุณธีระขมวดคิ้วมุ่น “อย่าเรียกผมว่าที่รัก ถ้าไม่คิดจะรักให้เต็มหัวใจ”



@@@@@@@@@@@@@@@@@


เช้าวันนี้ ระพีแต่งตัวเนี้ยบ หวีผมเรียบกริบ พรมน้ำหอมขวดละร้อยเก้าสิบเก้าเสียฟุ้ง แน่ใจว่าความหล่อไม่มีใครเกินถึงได้บึ่งมอเตอร์ไซค์คู่ใจออกมา
   
“คุณป้าครับ เซ็นรับพัสดุด้วย” เขาทำงานไป สายตาก็เหลือบมองคนที่นั่งจ้องกันจากข้างหน้าต่างบ้านหลังคาสีฟ้านั้นด้วยรอยยิ้ม
   
“วันนี้หล่อเชียว มาทำงานจริงเหรอเนี่ย” ป้าแกแซวเขาใหญ่
   
“มีเดทครับ มีเดท” เขาอวดด้วยหัวใจคับพองเต็มอก
   
“อ้อ..ขอให้โชคดีนะจ๊ะ”
   
ระพียิ้มรับ เดินไปส่งจดหมายสองฉบับให้บ้านตรงข้าม กลับมาหิ้วพัสดุกล่องใหญ่ให้บ้านฝั่งขวา มีโปสการ์ดท่องเที่ยวให้บ้านทางซ้าย จดหมายจากธนาคารให้บ้านถัดออกไป แล้วก็จดหมายขอบริจาคเงินให้อีกหลังที่เหลือ
   
..ไม่มีจดหมายสีฟ้าให้บ้านหลังคาฟ้าตามเคย..
   
..แต่ถ้ามี..รับรองได้แน่นอน..
   
..เขาจะเปิดอ่าน ฉีกมันทิ้ง ตามด้วยการเผาไฟไม่ให้เหลือซาก..
   
..คุณธีระเป็นแฟนเขาแล้ว..ใครหน้าไหนก็มาขอคืนดีไม่ได้!..
   
ระพีเดินเฉียดมาหน้าบ้านคุณธีระ ยิ้มให้พลางพยักหน้านัดหมายกันเรื่องเย็นวันนี้ เขาจะมารับที่บ้าน พาไปดินเนอร์ขนมจีนท่ามกลางแสงเทียนกันใต้สะพานพุทธ ที่นั่นมีของอร่อยเยอะแยะเชียว
   
“คุณไปรครับ คุณไปร..” เสียงนุ่มๆนั่นร้องเรียกเขาอีกครั้ง
   
ชายหนุ่มชะงักขาที่กำลังก้าวขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์
   
“คุณไปรครับ..” ร่างเล็กหอบหายใจเสียแก้มแดงเรื่อ “รอสักแป๊บได้มั้ย”

you gotta wait a minute, wait a minute...mister postman

“คุณไปร..” ธีระอมยิ้ม “ไม่มีจดหมายของผมบ้างเหรอ”

ระพีหน้าบึ้ง “ไม่มีครับ”

..ถึงมี..ผมก็จะจุดไฟเผา..

เจ้าของบ้านแหวกกระเป๋าส่งจดหมายดู ชี้ให้มอง “หาอีกครั้งได้มั้ย”

Mister postman look and see

“ไม่หาครับ” เขาบึ้งตึงหนัก

“ได้โปรด..”

คุณไปรฯอย่างเขาทนเสียงอ้อนวอนได้ที่ไหน จำใจก้มลงหา นัยน์ตาร้อนผ่าวด้วยความน้อยใจ ถ้าไม่ใช่ว่าวินาทีนั้น ริมฝีปากนุ่มนิ่มจะจรดลงข้างแก้ม
   
“คุณไปรครับ..” ธีระกระซิบทั้งรอยยิ้ม “ทีหลังถ้าจะเอาจดหมายมาส่งผม ขอเป็นจดหมายรักจากคุณระพีคนเดียวเท่านั้น ส่งให้ถึงที่ ส่งให้ไว ทำให้ดี”

c'mon deliver the letter, the sooner, the better

“แล้วจะมีรางวัล”

จุ๊บ..

Mister postman




FIN



 :L2:



(เน่า...เนอะ :really2:) เพลงนี้ของคาร์เพนเตอร์คร้าบ เพราะดีนะ จังหวะสนุกๆ อิอิ



หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น : Love is All Around
เริ่มหัวข้อโดย: jilantern ที่ 05-08-2012 12:28:13
หวานอ่ะตอนจบ ><
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Love is All Around] In Love : Please Mr. Postman [pg.1, 5/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 05-08-2012 12:32:33
หวานมากกกก
อยากเจอคุณไปรแบบเน้ (ที่บ้านคุณไปรเป็นสาวสวย)
ธีระก็ช่างอ้อน คุณไปรน่ารักเชียวนะใจอ่อนตลอด
รอเรื่องต่อไปของท่านนิกิรินะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Love is All Around] In Love : Please Mr. Postman [pg.1, 5/8/5
เริ่มหัวข้อโดย: ratnalin ที่ 05-08-2012 13:00:28
เอามาลงในนี้แล้วววว >< ชอแเรื่องนี้มาก อ่านตอนจบแล้วก๊าวใจ แอบมีมาม่าเล็กน้อยแต่ไม่อืด อยากเจอคุณไปรแบบนี้มั่งจังน้อ ^^

รอเรื่องอื่นๆด้วยค่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Love is All Around] In Love : Please Mr. Postman [pg.1, 5/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Keniji Teruyama ที่ 05-08-2012 13:15:52
เดินเข้ากระทู้ โบกมือหยอย ๆ ยังไงกันนี่
+1 ครับ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Love is All Around] In Love : Please Mr. Postman [pg.1, 5/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 05-08-2012 15:34:57
อ๊ากกกกกก
ไม่ไหวๆๆ เขินๆ
ชอบเรือ่งนี้อ่ะ  :o8:


สงสัยงานนี้คุณไปรคงมาส่งจดหมายพร้อมความรักที่เต็มเปี่ยมทุกวันแน่เลย
เรียกได้ว่าสุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Love is All Around] In Love : Please Mr. Postman [pg.1, 5/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: MiiCell ที่ 05-08-2012 15:51:21
หวานมดขึ้นจอเลยอ่ะ โหเจ๊แพร์
เดี๋ยวนี้บริโภคน้ำตาลเป็นอาหารหลักป่าวเนี่ย
ระวังเป็นเบาหวานนะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Love is All Around] I Don't Like To Sleep Alone [pg.1, 5/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: nigiri-sushi ที่ 05-08-2012 21:25:03


 :L1:Lonely Love :L1:



"I don’t like to sleep alone"



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



“เงินประกันสองเดือนนะคะ เซ็นสัญญาเช่าแล้วจ่ายเป็นเงินสดหรือเช็คก็ได้ ป้ามีเลขที่บัญชีให้ในใบสลิปแล้ว” คนดูแลอพาร์ทเมนท์บอกกับผมด้วยรอยยิ้ม
   
“เข้าวันที่ 1 มิถุนานะฮะ” ผมบอกย้ำ จัดการเรื่องเช่าห้องพักจนเรียบร้อยแล้วเลยถือโอกาสเดินสำรวจพื้นที่
   
ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด มุมานะจนสอบเข้าเรียนแพทย์ได้ จะอยู่หอของทางมหาวิทยาลัยก็ไม่สะดวกนัก พ่อกับแม่เลยให้ไปหาห้องเช่าอยู่ภายนอก เท่าที่หามีทั้งหอรวมและหอแยก แต่สะดุดตาที่สุดเห็นจะเป็นอพาร์ทเมนท์ที่ผมเพิ่งตกลงเช่าอยู่ ตัวตึกทาสีครีมอ่อน แยกเป็นสองอาคาร สูงแค่สี่ชั้นและติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย ถึงจะแพงหน่อย แต่ลงทุนเพื่อเอาบรรยากาศเงียบๆคงเหมาะกับการท่องตำรามากกว่าอยู่ในตัวตลาดวังหลังเลย
   
“ตึกนี้สร้างกี่ปีแล้วครับ” ผมเงยหน้ามองระเบียงด้านนอก ค่อนข้างจะแคบหน่อย เขาไม่อนุญาตให้ตากผ้าตรงนี้ เพิ่มเงินอีกนิดจะมีแม่บ้านคอยดูแลความสะอาดและจัดการเรื่องซักรีดให้
   
คราบน้ำฝนเป็นทางยาวจากกำแพงด้านบนลงมา ตัวแอร์ค่อนข้างเก่าคร่ำแล้วบางส่วนก็ผุเป็นแถบ ภาพที่เห็นไม่ค่อยสวยนัก ตัดกับผนังที่เพิ่งจะทาใหม่แต่ก็คงไม่ได้ใหม่ภายในปีสองปีนี้แน่
   
“นานพอสมควรน่ะค่ะ” แกว่า พาผมเดินขึ้นบันไดไปชั้นสี่
   
ตอนแรกผมต้องการอยู่ห้องชั้นล่าง เพราะแค่เดินออกมาก็แทบจะติดกับรั้วขาวที่ปลูกอยู่ริมชานโล่ง ถัดจากรั้วออกไปเป็นลำน้ำเจ้าพระยา ทางขวามือเห็นพระปรางค์วัดอรุณอยู่ลิบๆ เสียอยู่อย่าง ทางการกำลังต่อเติมเขื่อนกั้นน้ำเวลาน้ำล้นฝั่ง แถวนั้นเลยค่อนข้างมีอุปกรณ์ก่อสร้างระเกะระกะ วิวข้างล่างอาจไม่สวยเท่าข้างบน แต่เวลากลับจากเรียนตอนดึกดื่น ผมค่อนข้างสบายใจมากกว่าถ้าจะได้เข้าห้องเลย ไม่ต้องเดินขึ้นบันไดคนเดียวมืดๆไปถึงชั้นบนสุด

ตอนแรกทำความเข้าใจกันและจองไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจู่ๆ เจ้าของห้องชั้นล่างที่บอกว่าจะย้ายออกตอนปลายเดือนพฤษภาดันกลับคำเสียอย่างนั้น เขาบอกว่าขออยู่ต่ออีกหน่อย จะออกประมาณต้นเดือนสิงหา ห้องที่อยู่ติดกันอีกห้องก็ยังไม่มีกำหนดออก ผมเองต้องเข้าเรียนเดือนหก ป้าที่ดูแลเลยขอให้ผมย้ายไปอยู่ชั้นสี่ก่อนสักสองเดือน พอห้องข้างล่างออก ค่อยย้ายลงมาใหม่

ความจริงไม่อยากหรอก แต่ดูไปดูมา ห้องชั้นสี่ก็สวยดี วิวแม่น้ำเจ้าพระยาตอนกลางคืนมองได้ชัดเจนกว่าอยู่ชั้นล่าง แล้วอีกอย่าง ห้องเบอร์ยี่สิบที่ผมได้มานี่ก็แพงกว่าห้องข้างล่างตั้งสองพัน พ่อผมต่อราคาให้ถูกลงเพราะอีกฝ่ายผิดสัญญากับลูกค้าเอง ผมเลยตกลงกับข้อเสนอที่จะมาอยู่ชั้นสี่ก่อน ไม่มีอะไรเสียหายนอกจากเหนื่อยกับการขึ้นลงบันไดเท่านั้น

แกไขกุญแจเข้าไปในห้องพัก ผมสำรวจความเรียบร้อย รอบด้านเงียบสงัด ตรงกระจกบานเลื่อนที่ระเบียงมีมู่ลี่แขวน มันขาดเสียครึ่งตอนที่ผมลองจับ เปื่อยจนหลุดลุ่ย ส่วนไฟตรงตู้เสื้อผ้าก็ติดๆดับๆ

“เดี๋ยวจะส่งคนมาซ่อมให้นะคะ” แกว่าอย่างนั้น

“ห้องข้างๆกันนั่นของใครครับ” ผมถามเมื่อออกมานอกห้องเพราะสายตาเหลือบไปเห็นบานประตูสีขาวเข้า

“อ้อ..ลูกชายเจ้าของอพาร์ทเมนท์น่ะค่ะ ไม่ได้ให้เช่า แกอยู่ห้องนี้เลย”

ผมพยักหน้ารับ ปิดประตูแล้วเดินตามหลังแกลงมา บันไดค่อนข้างสูงและชัน เดินกันจนเหนื่อยไปสองเดือนล่ะคราวนี้

“วันที่จะย้ายเข้ามาโทรบอกป้าด้วยนะ เดี๋ยวจะให้เด็กมาช่วยยกของ”

ผมยิ้มให้ ว่าจะซื้อของฝากมาให้ป้า ตอบแทนน้ำใจน่ารักๆของแก


--------------------------------------------------------


วันที่ 1 มิถุนา ผมย้ายเข้าอพาร์ทเมนท์หลังใหม่ ป้าผู้ดูแลให้ยามแก่ๆมาช่วยหิ้วของ ผมเองเกรงใจว่าแกจะยกกระเป๋าไม่ไหว แต่สุดท้ายก็ทุลักทุเลขนถ่ายของหนักหลายกิโลเข้าไปได้สำเร็จ

กว่าจะทำอะไรเรียบร้อยปาไปสามทุ่มกว่า ผมจัดเสื้อเข้าตู้ วางข้าวของเครื่องใช้ อาบน้ำจนเย็นชื่นใจแล้วถึงเดินมานั่งที่ห้องรับแขก ห้องนี้แยกเป็นสองส่วน มีห้องนอนอยู่ด้านใน ห้องรับแขกติดกับริมระเบียง เปิดม่านแล้วเห็นแม่น้ำได้ชัดเจน มีพร้อมทั้งโทรทัศน์ เคาน์เตอร์ครัวและเครื่องทำความเย็นทั้งหลาย

ผมเปิดทีวีดูเล่น เปลี่ยนช่องได้ไม่ทันไรต้องหัวเสีย สัญญาณมันหายไป พอต่ออินเตอร์เน็ตกับโน๊ตบุ๊คก็ไม่ได้เรื่องอีก พรุ่งนี้คงต้องโวยกับป้าแกแล้วล่ะ

ผมเปลี่ยนใจจะนอน หลังจากปิดคอม ปิดทีวี เดินมาล้มตัวบนเตียงแล้ว ตอนนี้นี่เองที่ผมเพิ่งรู้สึก

ทุกอย่างรอบกายมันเงียบกริบ ไม่มีเสียงอะไรทั้งสิ้น อยู่หอเก่ายังได้ยินเสียงคนคุย เสียงคนเดิน เสียงทีวี เสียงทะเลาะของผัวเมีย แต่ที่นี่มันเงียบเหลือเกิน เงียบจนได้ยินกระทั่งเสียงลมหายใจของตัวเอง

“แม่..” ผมต่อทางไกล “เหงาจังเลย”

ปลายสายหัวเราะ หาว่าผมไม่รู้จักโต จะเรียนเป็นหมอวันสองวันนี่แล้ว

“เงียบเกิน แบบนี้ยิ่งเหงา” ผมเดินไปเปิดม่านดูวิวแม่น้ำตอนกลางคืน

เงาร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งยืนเท้าแขนกับรั้วสีขาว แสงจันทร์ที่อาบไล้ร่างของเขาชวนให้มีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด เรือนผมสีเข้มพลิ้วไหวไปตามแรงลมยามดึก ไฟเลือนรางตรงระเบียงเหมือนทำให้ร่างของเขาดูพร่ามัวไป

“แค่นี้ก่อนนะแม่..” ผมวางสาย แหวกมู่ลี่เพื่อให้เห็นเขาชัดขึ้น

ใบหน้าคมคายเงยมองขึ้นมาบนชั้นสี่ รอยยิ้มมุมปากจุดประกายวาบในตัวผม เขาดูหล่อเหลา ให้ความรู้สึกนุ่มละมุน เยือกเย็น เหมือนกำลังได้กลิ่นหอมของดอกราตรี

..แปลกแท้..

ทั้งที่ผมสายตาสั้นและไม่ได้ใส่แว่นอยู่ แต่เชื่อเถอะ..ผมเห็นใบหน้าของเขาชัดเจน ทั้งที่ไฟไม่ได้สว่าง ทั้งที่เขาอยู่ไกลจากผมถึงสี่ชั้น

..แต่เหมือนรูปหน้าของเขาลอยเด่นอยู่ตรงหน้าต่างนี่เอง..

“ลงมาสิ”

ผมยืนตัวแข็ง เขาขยับปากแต่ผมกลับได้ยินเสียงของเขาชิดอยู่ข้างหู มันอบอุ่น อ่อนโยนแล้วก็ฟังนุ่มทุ้มจนหัวใจเต้นเร่า ผมจำได้ว่าตัวเองส่ายหัวหวือ สติสัมปชัญญะสั่งให้ผมกลับเข้าไปที่เตียง แล้วข่มตาให้หลับ เดี๋ยวนี้!


----------------------------------------------------


รุ่งเช้า คำถามแรกที่ยิงใส่ป้าที่ดูแลตึกคือ อพาร์ทเมนท์หลังนี้เคยมีใครตายมั้ย

“ไม่มีค่า” แกหัวเราะร่วน

“เมื่อคืนผมเห็น” ผมบอกแก “ผู้ชายตัวสูงขนาดนี้ ดึกแล้วนะ เขายังมายืนดูพระจันทร์อยู่เลย” ผมคะเนส่วนสูงของเขาเลยหัวผมไปอีกสองคืบเห็นจะได้

“โอ๊ย” แกนั่งขำ “แขกมีตั้งเยอะ ป้าจำไม่ได้หรอก แล้วอีกอย่าง ต่อให้ดึกดื่นเที่ยงคืน ใครอยากมายืนดูวิวแม่น้ำก็ไม่แปลกหรอกค่ะ จริงมั้ย”

ผมเงียบกริบ แกมีเหตุผลของแกเองนั่นล่ะ

เช้าวันนั้นผมออกไปหาซื้อของใช้มาเพิ่มในห้องอีก เพื่อนโรงเรียนเก่ายังนัดกินข้าวดูหนังกันก่อนเปิดเทอม กว่าผมจะกลับเข้าห้องก็สองทุ่มจนได้ ห้องแพงๆดีอยู่อย่าง ทางเข้าอพาร์ทเมนท์ต้องสแกนนิ้วมือเข้าไป

ผมหอบของ ทุลักทุเลขึ้นบันไดไปสี่ชั้น กำลังจะก้าวขึ้นชั้นสาม ถุงเจ้ากรรมดันขาด ของในนั้นร่วงพรวด กลิ้งหลุนๆลงมาจากขั้นบันได หยุดอยู่ที่ขั้นพัก

ผมถอนหายใจ วางของไว้ด้านบนแล้วเดินกลับลงมา กำลังจะเอื้อมมือหยิบ จู่ๆมีมือของใครไม่รู้ยื่นพรวดเข้ามาแทน ผมผงะถอย พอเงยหน้ามองเท่านั้น รู้สึกขยับตัวไม่ได้ไปชั่วขณะ

“ของคุณ..”

‘เขา’ ที่เจอกันริมระเบียงแม่น้ำยิ้มให้

ผมยืนนิ่ง

“รับไปสิครับ” เขาตัวสูงใหญ่ แค่ก้มลงมาก็แทบบดบังร่างของผมจนมิด

“ขอบ..คุณ” น้ำเสียงขาดหาย เหมือนคอแห้งผาก จะตะเบ็งก็ไม่มีแรง

“ผมอยู่ห้องชั้นสี่” เขาว่าเนิบนาบ

ผมกะพริบตาปริบ ดูเหมือนจะพอมีเรี่ยวแรงขึ้นมาบ้าง “ชั้นสี่..ผมก็อยู่”

เขาพยักหน้า ยิ้มเปี่ยมเสน่ห์จนนัยน์ตาผมพร่ามัว “ผมอยู่ข้างห้องคุณ” 

..ถ้าอย่างนั้น เขาคงเป็นลูกชายเจ้าของอพาร์ทเมนท์ริมน้ำ..

“ใช่..ผมเป็นลูกชายเจ้าของที่นี่” เขายิ้ม

ผมกลืนน้ำลายอย่างฝืดเคือง รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวคล้ายจะเป็นไข้

“ผ..ผมขอตัว” รีบสาวเท้าจากมา เขายืนนิ่งอยู่ตรงบันไดชั้นสาม ดูเหมือนจะมองตามผมตาไม่กะพริบ

ผมรีบไขกุญแจเข้าห้องด้วยมือสั่นเทา รู้สึกราวกับว่าจะไม่เป็นตัวของตัวเอง เข้าห้องได้ก็โยนข้าวของทิ้งแล้วมุดขึ้นเตียงในทันที
ผมรู้สึกดีที่มีเพื่อนข้างห้อง แต่น้ำเสียงเย็นเยียบของเขาไม่ช่วยให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเท่าไหร่เลย


------------------------------------------------------


“ลูกชายเจ้าของอพาร์ทเมนท์?” ป้าแกถามทวน “อ้อ..เขาไปเรียนเมืองนอก เพิ่งกลับไทยมาไม่นานนี่เอง แกเป็นคนดีนะ ยังหนุ่มอยู่แท้ๆ แฟนก็ไม่มี..” แล้วแกก็เงียบไปก่อนจะถามขึ้นอีกครั้ง “ทำไมเหรอ”

“เปล่าครับ” ผมถอนหายใจ รับฟังคำบอกของป้าแกแล้วใจชื้นขึ้น

วันนั้นผมเปิดเรียน วันแรกก็แทบสลบ กว่าจะกลับค่ำมืดดึกดื่นตามเคย

ผมไขกุญแจเข้าห้อง ตั้งใจจะอ่านหนังสือทวนวิชาแต่สายตากลับเหลือบเห็นไฟในห้องด้านข้าง ความรู้สึกผิดที่ทำกิริยาแย่ๆใส่ทั้งที่เขาอุตส่าห์ช่วยเก็บของเมื่อวานผุดขึ้นมา ผมเลยยังยืนเก้ๆกังๆ ลังเลว่าจะลองผูกมิตรดูดีไหม

“มีอะไรรึเปล่าครับ” เสียงทุ้มต่ำดังอยู่ด้านหน้า

ผมผงะไปอีกก้าว เขามาไม่ให้สุ้มให้เสียง สาบานได้ว่าไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูด้วยซ้ำ

“ดูคุณกังวลนะ” เขายิ้ม ลักยิ้มมุมปากนั่นช่วยดึงเสน่ห์เขาขึ้นทวีคูณ

“ผม..ผมอยู่ห้องนี้” ผมว่าตะกุกตะกัก ชี้ไม้ชี้มือให้ดูเลขที่ห้อง

“ครับ..” เขาพยักหน้า “ผมรู้”

“เอ่อ..ยินดีที่ได้รู้จักฮะ”

เขายิ้มตอบ “เช่นกัน”


------------------------------------------------------------

หลังจากนั้น ผมไม่แน่ใจนักว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรและเริ่มขึ้นที่ตรงไหน อาจเป็นเพราะผมอยู่คนเดียวและเขาเองก็อยู่คนเดียว จากการทักทายกันหน้าห้อง ผมเริ่มคอยเงี่ยหูฟัง ดูเหมือนเขาจะทำงานกลับมาดึกๆ และมักนอนจนตะวันสายโด่งเสมอ ผมเลยไม่เคยเจอเขาตอนกลางวันเลย

ผมค่อยๆทำความรู้จักกับเขาผ่านเสียงกุกกักในห้อง ผ่านแสงไฟจากช่องประตู และผ่านตาแมวที่คอยเมียงมอง บางครั้งผมจะเปิดประตูออกไปทักเขา เขาจะยิ้มให้ และเราจะต่างคนต่างกลับเข้าห้อง

จากการทักเพียงผิวเผิน ผมเริ่มสนิทสนมกับเขา ในบางครั้ง..เขาเข้ามาในห้องของผม แต่ยังหยุดอยู่แค่ห้องรับแขกด้านนอก ส่วนผมเอง ไม่เคยขอเข้าไปดูในห้องของเขา เพราะทุกครั้งที่เริ่มคิด เขามักปรากฏตัวในห้องของผมเสมอ ไม่เคยขาดหายไปจนผมไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องล่วงรู้ชีวิตส่วนตัวของอีกฝ่าย

“กานต์..” เขาเรียกชื่อผมตอนที่เรานั่งดูทีวีด้วยกัน

“ครับ?”

“เคยรู้สึกเหงามั้ย”

ผมส่ายหัว ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา “ไม่เคย..มั้ง”

“ทำไมถึงมีมั้ง”

“พี่นิลอยู่เลยไม่เหงา แต่ถ้าวันไหนไม่ได้อยู่ด้วยกัน สงสัยจะเหงาแน่”

“พี่จะอยู่กับกานต์ตลอด พี่สัญญา” เขาลูบหัวผม “เพียงแต่ตอนนี้พี่เหงา รู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียว นอนคนเดียว กินคนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียว”

“อย่างพี่นิลเหงาด้วยเหรอ” ผมค่อนข้างประหลาดใจเพราะพี่เขาหน้าตาดี ขี้คร้านจะมีคนมาต่อแถวล่ะไม่ว่า แต่ถึงอย่างนั้น น้ำเสียงที่พี่นิลใช้ก็ไม่เหมือนคนพูดโกหกเลย “ตอนนี้ไม่เหงาแล้วนะ กานต์อยู่ด้วย”

“กานต์อยู่กับพี่ไม่นาน พี่อยากให้กานต์อยู่กับพี่..ทั้งวัน..ทั้งคืน”

ผมหน้าร้อนผ่าว

“แค่นี้ก็เจอกันทุกวันแล้ว พี่นิลอยากตื่นสายแล้วกลับดึกเองทำไม”

“พี่มานอนกับกานต์ได้มั้ย” เขาพึมพำ ไม่ได้สนคำพูดของผม ดวงตาสีดำสนิทเป็นประกายวาบ “พี่เหงา..ไม่อยากนอนคนเดียวอีกแล้ว”

จำไม่ได้ว่าตอบอะไรไป แต่รู้สึกตัวอีกที แผ่นหลังผมก็ทาบติดกับเตียง

“อ..อื้อ..” สายตาผมพร่ามัว เหมือนกับมีใครมาดับไฟ ความเจ็บเสียดเบื้องล่างขยับเข้าออก ผมดันแผ่นอกกว้างไว้แต่พี่นิลขยับลงมา บดเบียดช่วงตัวจนร่างของเราสองคนแนบสนิท ผิวกายเสียดสีกันจนร้อนพล่าน แขนแข็งแรงสอดรั้งเข้าใต้ข้อพับขาแล้วสอดตัวลงกึ่งกลาง

ผมเปลี่ยนมากอดรัดแผ่นหลังเขา ขบกัดบนบ่าเพื่อกลั้นเสียงคราง แรกเริ่มนั้นมันเจ็บ แต่หลังๆค่อยเปลี่ยนเป็นพายุอารมณ์ ความเสียวซ่านแล่นริ้วขึ้นมาตามแผ่นหลัง ขาทั้งสองโอบรอบสะโพกสอบขณะที่ร่างด้านบนเคลื่อนไหวตัวรวดเร็ว หูผมอื้ออึงไปหมด แต่ได้ยินเลาๆว่าเสียงผิวกายที่กระทบกระแทกกันมันฟังรุนแรงแค่ไหน เสียงเนื้อที่สอดเข้าออกดังระงม เสียงเตียงลั่นเอี๊ยดเป็นจังหวะ พี่นิลหยัดปลายเท้ากับฟูก เสือกไสความร้อนผ่าวเข้ามาในร่างผมจนสุด

ผมร้องไม่เป็นศัพท์ เขาก้มลง สอดปลายลิ้นโลมเลีย มืออีกข้างปัดป่ายไปทั่วอก บีบคลึงบนปลายยอดจนผมร้องครวญคราง ไม่ทันไร ผมก็กระตุกเกร็ง ปลดปล่อยออกมาจนคราบน้ำร้อนระอุเปรอะเปื้อนไปทั่วหน้าท้องแกร่ง เขายกยิ้มมุมปาก ผมขยับตัวขึ้นจูบแก้ม พี่นิลขบกัดริมฝีปากของผมพร้อมกับเร่งตัวเอง

เขาถอนตัวออก กระแทกกลับใหม่จนผมตัวสั่นคลอน เขาจับสะโพกผมไว้ ดันขาแยกกว้าง รับร่างใหญ่โตของเขาที่ยังคงกระชั้นตัวไม่หยุด ผมดิ้นพราด และยิ่งร้องระงม ถึงกับผวาขึ้นกอดเขาแล้วกระตุกวาบ เสร็จสมอีกครั้งเมื่อเขาหลั่งน้ำรักร้อนผ่าวเข้ามาในตัว ภายในร่างตอดรัดเขาหนักหน่วง รู้สึกเลยว่าในตัวมันกระตุกเป็นจังหวะ รีดเร้นเหมือนจะกลืนกินของเขาจนผลุบหายเข้าไปทั้งหมด

พี่นิลล้มตัวลงนอนซบอก เขาพรมจูบไปทั่วใบหน้า “พี่รักกานต์”

ผมยิ้มอย่างเป็นสุข คอยลูบแผ่นหลังเขาอย่างรักใคร่ พี่นิลยันตัวขึ้น จับขาผมตั้งชันอีกหน ประคองบางส่วนที่แข็งกร้าวขึ้นใหม่พร้อมกับสอดใส่มันลงมา

“พี่จะรักกานต์..ทั้งคืน”

“ฮ..อาา”

“ให้พี่รักแบบนี้ไปเรื่อยๆ..รู้มั้ยคนดี”

ผมไม่แน่ใจว่าพี่นิลเป็นคนที่ใช่สำหรับผมหรือเปล่า แต่เขากลายเป็นคนแรกของผมในทุกสิ่งทุกอย่าง ก่อนหน้า เราไม่เคยบอกรักกัน ไม่เคยได้ใช้เวลามากไปกว่าตอนกลางคืนอยู่ด้วยกัน

..แต่ในเวลานี้..ดูเหมือนผมจะไม่ใส่ใจกับเรื่องอื่นเลย..


-----------------------------------------------------------



ผมคิดว่ามันนานถึงสองเดือนที่ผมกับพี่นิลคบกันอย่างเงียบๆ เรายังคงเจอกันแค่ช่วงกลางคืนเพราะเวลาเราไม่ตรงกัน ผมเรียนหนักขึ้น พี่นิลก็จำเป็นต้องไปทำงานตลอดวัน จะมีแค่ช่วงกลางคืนเท่านั้นที่เราได้เห็นหน้าอีกฝ่าย

แน่นอนว่าในแต่ละคืน เรายังคงร่วมรักกันอย่างมีความสุข เสร็จสม กอดก่าย บอกคำว่ารัก และหลับใหลไปในอ้อมกอดของกันและกัน กระทั่งรุ่งเช้า

“พรุ่งนี้กานต์ต้องย้ายลงไปข้างล่างแล้วนะ” ผมบอกตอนที่พี่นิลทิ้งตัวลงมานอนบนร่าง

ดูเหมือนเขาจะมีท่าทีหงุดหงิดในทันใด “ไม่จำเป็น”

“เอ้า..พี่ก็แค่ไปหากานต์ข้างล่างเท่านั้นเอง กานต์ไม่ได้ย้ายออกไปไหน” ผมหัวเราะ ลูบบ่าเปลือยของเขาเบาๆ

“พี่ไม่ชอบ!” เขาเสียงแข็ง

ผมชะงักไป เขาเห็นท่าทีแปลกใจเลยเปลี่ยนอารมณ์

“พี่ไม่ชอบอะไร” ผมพึมพำ ข้างล่างพื้นที่ออกจะกว้าง หรือแค่วิวไม่สวย หรือที่ดูจะสะดุดตาและชวนให้ฉุกคิดมากที่สุด ก็คงเป็นหน้าห้องของผมล่ะมั้ง

..หน้าห้องของผมมีศาลพระภูมิตั้งอยู่..

“อย่างที่กานต์คิดนั่นล่ะ” พี่นิลว่าเสียงหงุดหงิด “พี่ถือ..ไม่ชอบ”

ผมถอนหายใจ “เอาไว้พี่นิลบอกป้าแกสิ ถ้าลดราคาให้กานต์เท่ากับข้างล่าง กานต์จะอยู่ชั้นสี่ถาวรเลยเอ้า”

พี่นิลยิ้มมุมปาก “เอางั้นก็ได้..”

เช้าวันถัดมา ผมตื่นไม่เจอพี่นิลตามเคย ผมแต่งตัวเรียบร้อย ลงบันไดตรงไปห้องทำงานของป้าที่ดูแลอพาร์ทเมนท์ ว่าจะลองต่อรองขออยู่ชั้นสี่ต่อ ถ้าแกสงสัยอะไร จะให้ไปถามพี่นิลเอา อย่างน้อยลูกชายเจ้าของที่คงสั่งอะไรได้ดีกว่า

ผมชะงักมือที่กำลังจะเคาะประตูกระจก ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นแกกำลังจุดธูปดอกเดียวอยู่หน้ากรอบรูปสีซีด

“อ้าว..” แกหันมาพอดี ดูท่าทางอิดโรย “มีอะไรคะคุณ”

“ผมจะมาขอป้าเรื่องห้องชั้นสี่น่ะครับ”

แกหลบสายตาผมไป “จะย้ายออกเหรอคะ”

“เปล่าครับ ว่าจะขออยู่ต่อ” ผมยิ้มรื่น “ถ้าป้าไม่สบายใจ เดี๋ยวผมให้พี่นิลออกตัวแทน เจ้าของใหญ่เขาคงไม่ว่าหรอกครับ พี่นิลบอกแล้วว่าจะพูดให้”

“ไม่เอาๆ ไม่ต้องมาหาป้านะ” แกโบกมือไปมา ดูตัวสั่นงันงก “อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ อยู่ก็อยู่ไป ป้าไม่เกี่ยว”

ผมมึนงง ได้แต่บอกขอบคุณที่เรื่องมันง่ายดายก่อนจะลุกขึ้นยืน

จังหวะหนึ่ง สายตาเหลือบเห็นรูปถ่ายบนหิ้ง ผมตกตะลึงจนตัวชา

“ใคร..” ลำคอผมแห้งผาก สองเท้าขยับเข้าไปหาโดยอัตโนมัติ และโดยที่ป้าแกไม่ทันจะรั้งตัว ผมคว้าเก้าอี้มาปีนขึ้นไป กระชากรูปถ่ายใบนั้นลงมาดู

..ไม่ผิดแน่..ไม่ผิดจริงๆ..

..ทั้งชื่อ..และนามสกุล..

ผมรู้สึกวิงเวียน คลื่นไส้จนแทบทรงตัวไม่อยู่ ความโกรธแล่นริ้วขึ้นมา

“ล้อผมเล่นเหรอ!”

“ไม่..” แกก้มหน้างุด “ขอโทษที่ไม่ได้บอก ป้ากลัวคุณไม่กล้าอยู่ ห้องชั้นสี่ไม่มีใครเข้ามานานแล้ว ป้าต้องหาลูกค้า”

น้ำเสียง สีหน้า ท่าทางของแก ผมรับรู้ในทันที..ว่าไม่ได้แสดงละคร

..แต่ให้ตายเถอะ..

“ตลก..เมื่อคืน..พี่เขายัง” ผมตัวชา

พี่นิลมักมาหาผมเฉพาะเวลากลางคืน กลับออกไปในตอนกลางวัน แสดงความฉุนเฉียวเมื่อผมต้องการย้ายห้องลงมาอยู่ชั้นล่าง

..ใช่..เพราะห้องผมติดกับศาลพระภูมิ..

..เขากลัว..และไม่กล้ามา..

ผมฉวยข้อมือป้า ร้องขอกุญแจสำรองของห้องพี่นิล ตอนแรกแกจะไม่ยอม แต่ผมอ้อนวอน

สภาพมันเหมือนร้างมาหลายปี กลิ่นอับโชยเข้าจมูกทันทีที่เปิดประตูเข้าไป ไม่มีใครเข้ามาทำความสะอาด เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่คลุมผ้าขาว ข้าวของทุกอย่างถูกเก็บจนเกลี้ยง มีแต่ฝุ่นที่จับหนาตามพื้น

ผมรู้สึกเหมือนจะจับไข้ “ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ส..สามปีแล้ว” แกหลบสายตา ว่าไม่ทันไรก็ก้าวฉับๆออกไปด้านนอก “แกไม่ได้เสียที่นี่ แต่ตอนไปเยี่ยมแม่ที่ต่างจังหวัด แกคง
หลับใน รถเลยชน”

ผมก้าวตาม รู้สึกขนแขนลุกชัน



-------------------------------------------------------



ผมย้ายออกจากอพาร์ทเมนท์ริมน้ำนั่นในทันที..แทบจะในเช้าวันนั้น กระทั่งขึ้นไปเก็บของ ผมยังพาแม่บ้านไปเป็นเพื่อนทีเดียวสองสามคน

ผมจับไข้จริงๆ ต้องลาเรียนเกือบอาทิตย์ ไม่แน่ใจว่าหูแว่วไปเองหรือเปล่า แต่สายตาและในสมองผมยังเป็นภาพกับเสียงของพี่นิลอยู่กระทั่งตอนนี้

“พี่มานอนกับกานต์ได้มั้ย”

“พี่เหงา..ไม่อยากนอนคนเดียวอีกแล้ว”

เป็นเดือน..กว่าผมจะกล้านอนเพียงลำพัง บางทีต้องคอยลากใครต่อใครมานอนเป็นเพื่อน

“มึงกลัวอะไรนักหนา” ทุกครั้งที่ถูกถาม ผมจะเล่าให้ฟัง

แต่สุดท้าย..ไม่มีใครเชื่อ แน่อยู่แล้ว คนเรียนหมอที่ไหนกลัวผีกันบ้าง

ผมเข้ามาอยู่ในหอใหม่  มีรูมเมทอีกสองคนอยู่ห้องเดียวกัน ผมถึงได้หลับตาลงอย่างอุ่นใจ

คืนนี้ผมนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่นๆ ดวงตาเริ่มปรือปรอยเพราะความง่วงงุน สัมผัสบางอย่างโอบล้อมลงมา ผมรู้สึกอุ่นใจ อาจเป็นเพราะพระที่แม่ให้คล้องติดคอไว้ก็ได้

“กานต์..พี่มาตามสัญญา”

เสียงหนึ่งกระซิบข้างหู

ผมลืมตาโพลง หายใจไม่ออกไปชั่วขณะ ทั้งร่างเย็นเฉียบ แข็งเกร็งเหมือนถูกตรึง

“พี่บอกแล้ว..จะอยู่กับกานต์ตลอดไป”

เขายิ้มท่ามกลางแสงจันทร์จากนอกหน้าต่าง

ผมสะดุ้งเฮือก ตื่นจากความฝัน เหงื่อไหลจนชุ่มบนผ้าปู เพื่อนเงยหน้าหันมามองอย่างสงสัย ออกปากถามว่าเป็นอะไร ผมจับพระที่คล้อง ท่านก็ยังอยู่ดี คงมีแต่ผมที่ฝันเป็นตุเป็นตะไปเองคนเดียว

“ฝันร้าย..” ผมตอบมัน

“เออ ไม่เป็นไรแล้วก็นอน” อีกฝ่ายว่า “พรุ่งนี้เรียนเช้า”

ผมพยักหน้ารับ ถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอก หันหลังแล้วคลุมโปง

เงาคนร่างสูงใหญ่ซ้อนทับเข้ามาจากด้านหลัง ท่อนแขนยาวพาดผ่านช่วงเอว โอบอยู่แนบชิดคล้ายจะแสดงความหวงแหน ร่างนั้นเบียดกายเข้าหา ดูราวกับจะทาบเป็นคนๆเดียว

“กานต์จะเป็นของพี่ทุกคืน”


---------------------------------------------------------



ทุกวันนี้ เขายังคงมาหา ยังคงกอด ยังคงกระซิบ และร่วมรักอย่างแผ่วเบาคล้ายอากาศธาตุ ในบางคืนเท่านั้น ที่เขาจะปรากฏตัวอย่างแจ่มชัด

ผมกลัว..จนเลิกกลัว

หวาดหวั่น และผวา แต่ตอนนี้มันกลายเป็นความเคยชิน

..ผมคงไม่มีวันได้นอนคนเดียวอีกต่อไป..



FIN




เป็นเรื่องแรกที่เขียนแบบงงๆ และจบลงแบบงงๆ 555+

เขียนตอนเรียนโทปี 1 ขอรับ แบบว่าย้ายจากแถวประตูน้ำไปอยู่ที่วังหลัง บรรยากาศก็เอาห้องตัวเองเขียน กร๊ากกก บางคืนสยองเหมือนกันนะ มันเงี๊ยบบบเงียบบ วังเวงสุดๆ บางคืนนอนคนเดียว มีเสียงฝนตกแบบแปะๆๆ เสียงมันจะคล้ายคนเอานิ้วเคาะกระจก (ฆ่ากุเถ้ออ อย่างนั้นน่ะ  :serius2:)

ไอ้ที่เจ็บใจคือ ป้าแม่บ้านแกเล่าให้แม่ฟังว่า ที่หอนี้น่ะเป็นที่แรงนะ แขกหลายคนเจอมาแล้ว (ป๊าดด ไม่บอกก่อนจะเข้าไปอยู่ฟระ) ก็พอดีแม่มาเล่าตอนย้ายออกแล้ว ไม่งั้นคงหลอนไปอีกนาน  o22


 :pig4:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Love is All Around] I Don't Like To Sleep Alone [pg.1, 5/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 05-08-2012 22:05:25
เมื่อจะหวาน แต่ก็สยองน่าดู
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Love is All Around] I Don't Like To Sleep Alone [pg.1, 5/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 06-08-2012 20:50:25
เรื่องแรกหวานอะ พอเรื่องที่สองรู้สึกจะอือม์ แฮ่แฮ่
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Love is All Around] I Don't Like To Sleep Alone [pg.1, 5/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: nigiri-sushi ที่ 06-08-2012 21:56:43
 :L1:Hurt Love:L1:


"Kiss Me Goodbye" 



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


..เราเจอกันครั้งแรกในงานแต่งงานของอาผม..
   
 ในความจริง เรารู้ว่าแต่ละฝ่ายมีตัวตน แต่ต่างคนต่างไม่เคยสนใจกันและกัน ผมรับรู้..ว่าเขาคือลูกชายของน้า เขารับรู้..ว่าผมคือลูกชายของป้า
   
แม่ผมย้ายมาอยู่กรุงเทพหลังจากแต่งงานกับพ่อ แม่แทบจะไม่ได้กลับไปบ้านเกิดเลย เราลงใต้ไปเยี่ยมตากับยายกันนับครั้งได้
   
ในขณะที่เพลงบรรเลง คู่บ่าวสาวขึ้นไปบนเวที แสงไฟรอบด้านมืดลง ทุกสายตาจับจ้องเจ้าของงาน หากสายตาผม..มองแต่เขาเท่านั้น
   
คิดดูแล้ว เราน่าจะเคยเห็นกันตอนเด็ก..พี่ชายที่แก่เดือนกว่าไม่เท่าไหร่ ผมคงไม่สนิทกับเขาเพราะเราอยู่กันคนละบ้าน ผมจะนอนบ้านตา แต่เขานอนบ้านพ่อตัวเอง ไม่มีอะไรแปลก..เราแค่ยังเด็กด้วยกันทั้งคู่
   
ชั่ววินาทีหนึ่งนั้น เขาหันกลับมา สายตาเราประสานกัน
   
..เขายิ้มให้..และเป็นยิ้มที่อ่อนโยนเสียด้วย..
   
“คืนนี้เรานอนบ้านไหน” พี่สาวที่เป็นลูกของน้าอีกคนออกปากถาม
   
ตากับยายผมเป็นคนจีน แกมีลูกทั้งหมดห้าคน แต่ละคนแยกย้ายไปมีครอบครัวจนหมด จะมีแต่แม่ของผมเท่านั้นที่ย้ายมาอยู่กรุงเทพถาวร ผมไม่ค่อยสนิทกับญาติฝั่งแม่นัก แต่ถือว่าความสัมพันธ์ก็ไม่ได้เลวร้ายเสียทีเดียว
   
ผมขยับปากจะตอบว่าคงนอนบ้านตา แต่เขา..เดินเข้ามาแทรกกลางวงแล้วเท้าแขนลงกับพี่สาวที่ตัวเล็กกว่า

“นอนบ้านพี่ก็ได้ เดี๋ยวจัดห้องให้”

ผมไม่ปฏิเสธ พ่อแม่ผมก็ไม่ปฏิเสธ 
   
..คืนนั้น..เราจูบกัน..
   
มันเกิดขึ้นตอนไหน ผมแทบไม่รู้ตัว รู้เพียงว่าเราดูทีวีด้วยกัน ผมนั่งเงียบ เขาก็นั่งเงียบ เขาไปอาบน้ำ ผมนั่งเฉย พอเขากลับมานอน ผมก็ออกไปบ้าง
   
“ให้ปิดไฟเลยมั้ย” ผมถามคนที่นอนหลับตานิ่งอยู่บนเตียง
   
“อืม..” เขาตอบโดยไม่ลืมตามอง “ง่วงแล้ว”
   
ผมกลับเข้ามา ล้มตัวเบาๆลงบนฟูกก่อนจะขยับไปทางตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ในห้องที่เขาได้มันมาจากการจับฉลาก เขาคลี่ผ้าห่มออก ตวัดมาทางผม
   
ในความมืด..ผมได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ เมื่อคิดว่าเขาคงนอนหลับไปแล้ว ผมถึงได้พลิกตัวกลับมา จ้องมองใบหน้าคมสันนั้นผ่านแสงสลัวจากนอกหน้าต่าง ไล่สายตาลงไปยังฝ่ามือที่วางทาบอยู่บนแผ่นอก
   
ตอนนั้นผมอยู่แค่ม.สาม สาบานได้ว่าไม่ได้คิดเกินเลยไปจากความสงสัยของตนเองเลยสักนิด ผมแค่ลองเอามือไปทาบกับมือเขาเท่านั้น

..แค่อยากรู้ว่าทำไมเราจึงต่างกันมากมาย..

เขาไม่ได้ตื่น แต่ฝ่ามือเขาขยับแผ่วเบา รวบปลายนิ้วผมไว้พร้อมกับพลิกตัวนอนตะแคง ผมชะงักกึก แทบหยุดหายใจกับปลายจมูกที่แนบข้างแก้ม

ในความมืดนั้น เขาค่อยๆขยับเข้าหา นิ้วยาวเกลี่ยไล้ลงกลางฝ่ามือ ผมกลั้นใจด้วยความตระหนก ลมร้อนผ่าวรินรดอยู่ข้างซอกคอ
ริมฝีปากเราสัมผัสกันบางเบา หัวใจผมเต้นรุนแรง มันดังระรัวคล้ายกำลังจะระเบิดออกมานอกอก เขาทาบปากอีกครั้ง..และผมก็แย้มรับ

เขาถือโอกาสนี้ขบกัดเพียงนุ่มนวลที่ริมฝีปากล่าง ผมหลับตานิ่ง ในอกซ้ายยังคงมีเสียงก้องดัง ทั้งตื่นเร้า ทั้งตกใจ และมีความสุข

..ผมคงชอบเขาเข้าแล้ว..

เขาหยุดเพียงแค่นั้น รวบตัวผมมากอดไว้ด้วยสองแขน ร่างเราแนบชิดกันจนกระทั่งใกล้เช้า ผมเป็นฝ่ายผละออกมาก่อนแล้วหันหลังให้

..ต่างฝ่ายต่างทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น..
   
เราคุยกันตามปกติ บ่อยครั้งที่ผมมักเสหลบดวงตาคมกล้านั้น เขาเป็นเพื่อน เป็นญาติ และเป็นพี่..ที่แสนดี
   
ผมไปงานแต่งงานของอาที่บ้านเกิดแม่แค่สองวัน ดังนั้น..เราจึงได้อยู่ใกล้กันแค่คืนเดียว แน่นอน..เป็นคืนเดียวที่ผมมีความสุขที่สุด


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


   
..เราเจอกันครั้งต่อมาในงานแต่งงานของพี่สาวเขา..
   
ผมช่วยแจกของชำร่วย เดินดูตามโต๊ะว่ามีอะไรขาดเหลือ ในขณะที่เขาเป็นคนต้อนรับแขก คอยพูดคุยและเอาใจใส่ด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
   
ผมลอบมองเขา ส่วนเขา..ยิ้มตอบมาให้
   
“คืนนี้นอนที่ไหน” เจ้าสาวของงานยังคงห่วงผมเสมอ
   
ในระยะเวลาหลายปีที่เราไม่ได้ติดต่อกัน แม่ของผมกับลุงมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง แม่ลั่นปากว่าจะไม่กลับมานอนบ้านตาที่ลุงอาศัยอยู่ด้วยอีกเพราะฉะนั้น มาคราวนี้ผมจึงต้องอาศัยนอนที่อื่น “จองโรงแรมไว้แล้ว”
   
“บ้านพี่ก็ได้” และเขา..ก็ยังคงชักชวนด้วยคำเดิม
   
หกปี..ที่ผมไม่ได้เจอเขา ความคิดถึงมันกลุ้มรุมอยู่ในอกจนแทบแหลกสลายเพราะความอัดอั้น เขาเป็นพี่ เขาเป็นญาติ และเราอยู่ห่างกัน
   
..ผมไม่สามารถบอกความในใจนี้ไปได้..
   
“อันนี้ใครทำให้” ผมจ้องมองครอสติซที่ใส่กรอบไว้ข้างฝาผนัง
   
เขาปลดเสื้อออก ดึงผ้าเช็ดตัวมาคลุมท่อนล่าง “คนที่มาชอบพี่”
   
ผมนิ่งอึ้ง ดวงตาหม่นแสงลงด้วยความเจ็บปวด “แฟนเหรอ”
   
“ไม่หรอก” เขาส่ายหัว ชี้มือให้ดูของขวัญกองอื่นด้วยความภูมิใจ “ยังมีอีกนะ ภาพวาดนั่นก็ใช่ แต่เป็นคนละคน”
   
“ป็อปจริง” ในขณะที่หยอกล้อเขา..ผมก็ยอมรับว่าเจ็บ “ถ้าทำให้บ้าง พี่จะรับไว้มั้ย” สุดท้าย..ผมก็ถามออกไปในสิ่งที่ไม่ควร
   
“เอาสิ” เขายิ้มละมุน “จะตั้งไว้บนหัวเตียงเลย”
   
..คืนนั้น..เราจูบกัน..
   
ผมเป็นฝ่ายเข้านอนก่อน หัวใจเจ็บร้าวด้วยความไม่สงบ สายตามองผ่านความมืดไปที่กรอบรูปครอสติซ มันเป็นลายของเด็กชายและเด็กหญิงคู่กัน
   
..ผมไม่กล้าจะถามว่าเขามีคนที่ชอบหรือยัง..
   
ผมไม่อาจปั้นหน้านิ่งได้ในขณะที่ปากถามสิ่งที่ทำให้ใจเจ็บปวด ผมไม่อาจทนกลั้นน้ำตาได้..ถ้าหากคำตอบที่ได้รับคือการบอกว่ามี
   
..แต่คนๆนั้น..ไม่ใช่ผม..
   
มนุษย์เรามักเห็นแก่ตัว และผมขอเก็บความสุขที่ได้มาจากการเห็นแก่ตัวนั้นไว้นานๆ ถึงแม้เราจะไม่ได้คบกัน แต่เขาจะยังมีผม ผมจะยังมีเขา
   
..แม้ในฐานะญาติคนหนึ่ง..ก็ยังดี..
   
เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ ผมหันกลับไปด้านหลังอีกครั้ง ไล้ปลายนิ้วลงกับท่อนแขนแข็งแรง เวลาหกปีที่ผ่านมา เขาเปลี่ยนแปลงไปมาก

ใบหน้าหล่อเหลาอย่างคนใต้นั้นมีไรหนวดบางๆ ดวงตาสีดำสนิทมักมีแววฉ่ำหวานแอบซ่อนอยู่ภายใน เสียงนุ่มนวลเปลี่ยนเป็นทุ้มต่ำ ริมฝีปากที่ผมเคยสัมผัส..สุดท้ายก็อยากรู้ว่าเปลี่ยนไปมากน้อยเพียงใด

ผมโน้มตัวเข้าหาเขา แตะปากเบาๆด้วยความไม่กล้า

เขาไม่ลืมตาขึ้น แต่กลับยกแขนขึ้นโอบรัดตัวไว้ ออกแรงกดต้นคอให้ผมก้มต่ำ เขาขยับเพียงนิด เอียงหน้าเพื่อรับจูบทั้งหมดให้ถนัดขึ้น

มือข้างที่เหลือของเขาเลื่อนมาตรงราวเอว ฝ่ามืออุ่นร้อนสอดเข้าใต้ตัวเสื้อ เลิกมันขึ้นแล้วลูบไล้ผะแผ่วผ่านผิวเนื้อ ปัดป่ายมาถึงยอดอกทั้งสอง

ผมครางเบาๆด้วยความกลัว ห้องของตากับยายอยู่ไม่ไกลออกไปนัก

..นอกเหนือไปจากเสียงจูบแว่วหวาน เราไม่ได้พูดคุยอะไรกัน..

ผมเผยอริมฝีปากขึ้น เขาบรรจงสอดลิ้นเข้ามาภายใน เล็มเลียตามไรฟันและกระตุ้นเร้าให้ผมยอมตาม ปลายนิ้วใหญ่บีบคลึงไปทั่วตัว

มีเสียงฝีเท้าคนอยู่ด้านนอก ผมขยับตัวหนีอย่างรวดเร็ว น้าเปิดประตูเข้ามาข้างในเพื่อมาเข้าห้องน้ำที่มีอยู่ในห้องของพี่

แสงไฟสว่างวาบ ผมหลับตานิ่ง บังคับตัวเองให้อยู่เฉยที่สุด ส่วนเขา ยังคงหลับตาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ตามเดิม
เมื่อน้าออกไป เราต่างฝ่ายต่างทำเป็นมองเมินและไม่มีใครหันกลับมา

ตอนเช้า..ด้วยความละอายใจที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน ผมยังคงนอนแช่อยู่บนเตียงอย่างนั้นกระทั่งเขาออกไปเรียน เมื่อประตูปิดลงแล้วผมจึงลืมตา

เย็นวันนั้น ผมต้องกลับกรุงเทพ เขามาส่งที่สนามบิน

..เราต่างฝ่ายต่างทำเหมือนเรื่องเมื่อคืนเป็นแค่ความฝัน..

“ตั้งใจเรียนนะ” เขายิ้มให้ ฝากขนมไว้ถุงหนึ่ง “หวัดดีป้าให้ด้วย”

ผมพยักหน้า รับของมาพร้อมโบกมือลา

“อีกปีเดียวจะรับปริญญาแล้ว จะมามั้ย” สุดท้าย ผมกลั้นใจถามไป

“แน่นอน” เขาสัญญา

..ผมน่าจะรู้อยู่แล้ว..ว่าเขาไม่มา..



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



..เราเจอกันครั้งสุดท้ายในงานแต่งงาน..ของเขา..
   
อีกหกปีที่ผ่านมา..ผมติดต่อกับเขานับครั้งได้ รู้ดีว่าเราไม่อาจเปลี่ยนความสัมพันธ์ที่มีอยู่ รู้ดีว่าเขาเป็นพี่ รู้ดีว่าผมเป็นน้อง

..รู้ดีว่าสุดท้าย..เราเป็นได้แค่ญาติกัน..
   
แต่ผมกลับทำใจไม่ไหว..เมื่อได้การ์ดเชิญจากเขา
   
“ใคร..” ผมโทรหาเขา ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุยกันทางโทรศัพท์ แต่เป็นครั้งแรกที่ผมใช้น้ำเสียงสั่นเครือเพื่อถามสิ่งที่ตนเองอยากรู้ “เจ้าสาว..ใคร”
   
ดูเหมือนเขาจะนิ่งอึ้งไป
   
“ตั้งแต่เมื่อไหร่..ตอนไหน..” ผมกลั้นเสียงสะอื้น
   
..เรื่องราวที่ผ่านมา..มันคืออะไร..
   
..อะไรคือความจริง..อะไรคือความกระจ่างในความคลุมเครือ..
   
..เราจูบกัน..เพื่ออะไร..

..หรือมีแต่ผมเท่านั้นที่คิดเกินเลย..

‘ถ้าเราจำได้’ เขาพึมพำ ‘เธอเป็นคนที่ปักครอสติซให้พี่’

..หัวใจผมขาดวิ่นด้วยความรวดร้าว..

“แต่งวันไหนล่ะ” ผมปรับเสียงตัวเอง หมดความพยายามในการทำงาน

‘ธันวานี้..จะมามั้ย’ เขาอ้อนวอน ‘มาให้ได้นะ อยากเจอ..’

ด้วยคำขอจากเขา ผมจองตั๋วเครื่องบินเพื่อไปร่วมงานแต่งงาน

ในระหว่างเดินทาง ผมได้แต่นึกขัน เรามักจะมาเจอกันและกันในวันแห่งความสุขของคนอื่นเสมอ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมดีใจที่ได้เห็นหน้าเขา

..แต่มาวันนี้..ผมทุกข์จนแทบขาดใจ..

“มาจริงๆด้วย” เขายิ้มให้ผมอย่างเคย ลากตัวไปถ่ายรูปคู่กัน

ผมก้มหัวให้เจ้าสาว เธอไม่ได้สวยโดดเด่น แต่ในรอยยิ้มนั้นมีความอ่อนหวานและน่ารักอยู่ในที เธอเดินเข้ามาหา ยกมือไหว้ขอบคุณที่ผมมา

“เขาเล่าให้ฟังเรื่องน้องชายเสมอ” เธอยิ้ม “เขารักคุณมากค่ะ”

ผมมองหน้าพี่ชาย และเขามองหน้าผม

..มีอะไรบางอย่างที่แอบซ่อนไว้ในใจของเรา..

..สิ่งที่เราไม่เคยเอ่ยมันออกมา..

..สิ่งที่เราทำมองข้ามไป..

..สิ่งที่เรา..ต่างทำเหมือนไม่มีมันเกิดขึ้นมาก่อน..

“เขาก็เป็น..” ผมข่มเสียงสั่นพร่า “พี่ชาย..ที่ผมรักมาก”

หญิงสาวในชุดราตรีสีขาวยิ้มงดงาม เธอจูงผมให้มายืนตรงกลาง

แสงแฟลชสว่างวูบ ความรู้สึกผมด้านชา

..และน้ำตา..กำลังไหลลงในใจ..

“เขาเอาครอสติซที่คุณปักแขวนไว้ข้างผนัง” ผมบอกเธอ “เขารักคุณมาก..และเพราะคุณเป็นคนสำคัญ” ผมมองหน้าพี่ “ผม
เลยอยากฝากเขาด้วย”

เธอหัวเราะด้วยความสดใส “ของฉันอยู่ข้างผนัง แต่หมอนที่คุณปักแล้วส่งพัสดุมาให้เขาจากกรุงเทพ เขาวางไว้ตรงหัวนอนนะคะ”

ผมนิ่งงัน เขาเองก็นิ่งไป

เมื่อถึงเวลา พิธีกรเชิญคู่บ่าวสาวเข้าไปด้านใน ผมเดินตาม ญาติๆจะได้โต๊ะหน้าสุด ผมอยากเลี่ยงไปที่อื่น แต่ในเมื่อหลีกไม่ได้
ผมจึงต้องนั่งดูพรีเซ็นเตชั่นความรักของเขากับเธอ..ด้วยน้ำตา

“เจ้าสาวเล่าว่าเธอจีบเจ้าบ่าวก่อน” พิธีกรหยอกล้อ

“ปักครอสติซจีบเขาค่ะ” เธอแก้มแดงด้วยความเขินอาย

“แล้วก็ติดจริงๆด้วย” มีเสียงหยอกล้อดังมา

ผมเงยมองเพดาน ทำทีสนใจแชนเดอเลียร์คริสตัลแสนสวยด้านบน

..แต่น้ำตาผมยังคงไหลรินลงต่ำ..

“เจ้าบ่าวล่ะครับ..สนใจเจ้าสาวตอนไหน”

เขารับไมค์ไปถือ “คงเพราะ..เราได้คุยกัน”

ผมหันไปมองเขา ส่วนเขา..ยังคงมองผม

..ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา..เราไม่เคยได้คุยกัน..

..ทำไมเราจึงคิดถึง..ทำไมเราถึงอยากเจอหน้า..

..ทำไมเรากอดกัน..ทำไมเราถึงได้จูบ..

..เพราะอะไร..และเพื่ออะไร..

..เรากลับปล่อยให้มันผ่านเลยไปถึงสิบสองปี..

..และเขาเลือกที่จะไม่รอ..

“ผมจะเก็บความประทับใจนี้ไว้กับตัว..จนวันตาย” เขาปิดท้ายแค่นั้น

ผมร้องไห้เบาๆ

..เขาพูดให้ใคร..

“คืนนี้เรานอนที่ไหน” พี่สาวที่มีลูกแล้วสองคนเดินเข้ามาถาม

ผมยิ้ม แววตาอ่อนระโหย ได้แต่มองเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ยืนรอส่งแขกอยู่หน้างาน เขาเองก็ได้ยินที่พี่สาวถาม แต่ครั้งนี้..ไม่มีคำชวนเดิมๆ

“ไม่ได้ค้างหรอกครับ จะกลับเลย”

ผมจองตั๋วกลับกรุงเทพคืนนี้ เพราะผมรู้ดี..ไม่มีที่ในบ้านนั้นสำหรับผมอีก สองครั้งที่ผ่านมา เขาออกตัวชวน แต่เพราะครั้งสุดท้ายเขาเจอเธอแล้ว

..บนเตียงของเขา ที่ที่เราเคยกอด เคยจูบ..

..จะไม่ใช่ที่สำหรับผมอีกต่อไป..

“ทำไมไม่ค้าง” เขาถามด้วยสายตาเป็นกังวล

เบื้องหลังความห่วงใยนั้น..มีบางสิ่งบางอย่างที่เรารับรู้กัน

..มันสายเกินไป..

“ขอให้มีความสุข” ผมทิ้งท้าย อวยพรคนทั้งคู่

เขาพยักหน้า มีแววเจ็บปวดซุกซ่อนภายใน “ขอโทษ..คงไม่ได้ไปส่ง”

“ไม่เป็นไร” ผมยิ้ม รับไหว้จากเจ้าสาวอีกครั้ง “มีน้องเร็วๆนะ”

ดวงตาของเขามีหยดน้ำเอ่อคลอ เขาผละจากเจ้าสาวของตัวเองเพื่อตามผมมายังลานจอดรถของโรงแรม ฝ่ามือใหญ่ฉุดรั้งแขนผมไว้แล้วดึงเข้าหาตัว

ผมยันอกเขาออกห่างโดยสัญชาตญาณเมื่อเขาโน้มลงชิด

“ขอให้มีความสุข” และเมื่อผมอวยพรเขาอีกครั้ง เขาจึงได้สติ

เขาปล่อยตัวผม ความเจ็บปวดที่เราต่างกักเก็บมันเอาไว้เหมือนจะปะทุขึ้นอย่างพลุ่งพล่าน หากสุดท้าย..เราเลือกที่จะเก็บกลืนมันลง

“ขอให้มีความสุข..เหมือนกัน”

ผมพยายามกลั้นน้ำตา เมื่อมันไหลลง ผมต้องซ่อนมันไว้ด้วยการยกมือไหว้เขาตามประสาคนที่อายุอ่อนเดือนกว่า “ขอบคุณครับ”

“จะได้เจอกันอีกมั้ย” เขายังรั้งเมื่อผมเดินออกไป

ผมเงยมองท้องฟ้าของเดือนธันวาคม มันช่างสวยงาม

..แต่ก็หนาวเหน็บในคราวเดียว..

“อย่าดีกว่า” ผมปฏิเสธ

“ครั้งสุดท้าย!” เขาเลือกที่จะตะโกน “ครั้งสุดท้าย..ก่อนเราจะไม่เจอกัน”

ผมอยากใจแข็ง อยากพาสองขาออกห่าง..แต่ผมกลับวิ่งเข้าไป

..ในคืนนั้น..เราจูบกัน..

ทุกอย่างเหมือนความฝัน เราสัมผัสกันและกันในยามที่มีสติ ไม่มีใครหลับตา ไม่มีใครทำเหมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น เรารับรู้ และ
เราเต็มใจ

We choose it, win or lose it

..เราต่างเลือกหนทางนี้เอง..

Love is never quite the same

..ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิม..

I love you, now I've lost you

..ฉันรักเธอ..แต่หลังจากนี้..ฉันต้องสูญเสียเธอ..

Don't feel bad, you're not to blame

..ไม่ต้องห่วงที่รัก..ไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองเลย..

So kiss me goodbye and I'll try not to cry

..ดังนั้น..เพียงครั้งนี้..ได้โปรดจูบลากัน..จะพยายาม..ไม่มีน้ำตา

All the tears in the world won't change your mind

..เพราะแม้ว่าฉันจะร้องไห้จนขาดใจ..

..มันก็คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก

There's someone new and she's waiting for you

..ยังมีใครบางคนรอคอยอยู่ตรงนั้น..รอคอยเธอกลับไปหา..

Soon your heart will be leaving me behind

..และอีกไม่นาน..เธอคงจะทิ้งฉันไว้เบื้องหลัง..

Linger awhile, then I'll go with a smile

..ขอเวลาสักพัก..แล้วฉันจะจากไป..ด้วยรอยยิ้ม..

Like a friend who just happened to call

..เหมือนกับเพื่อนคนหนึ่ง..ที่ไม่มีอะไรลึกซึ้งระหว่างกัน..

For the last time pretend your are mine

..แต่ได้โปรดเถิด..ครั้งสุดท้ายเท่านั้น..ช่วยเสแสร้งว่าเธอเป็นของฉัน..

My darling, kiss me goodbye

..ที่รัก..ขอเพียงหนึ่งจูบลา..

 



FIN




นักอ่านถามว่า แล้ว "ผม" คือใคร และ "เขา" ล่ะใคร
ก็เลยบอกว่า "ไม่รู้" 555+
นานๆที อ่านแบบไม่มีชื่อตัวละครบ้างเนอะ  :z6:


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Love is All Around] Kiss Me Goodbye [pg.1, 6/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 06-08-2012 22:07:45
คนเขียน เก่งนะ เเต่ละเรื่องสนุก น่าติดตาม ตัวละคร มีคาแรกเตอร์ชัดเจน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Love is All Around] Kiss Me Goodbye [pg.1, 6/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 07-08-2012 12:30:56
ตอนนี้เศร้าอะ ต่างคนก้อต่างเก็บอะนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Love is All Around] Kiss Me Goodbye [pg.1, 6/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ratnalin ที่ 07-08-2012 14:38:43
เรื่อง i don't want to sleep alone นี่อ่านแล้วหลอนเลยอ่ะ 555 แต่สุดท้ายก็จบแฮปปี้ น่ารักมากอ่ะ >< แต่อีกเรื่องนี่ TT_____TT
เรื่องไม่พูดกันนี่มันตรงกับที่เราเคยเจอมา ไม่ใช่เรื่องแต่งงานนะไม่ถึงขนาดนี้ แต่อ่านแล้วสะเทือนใจ เพลงก็เข้ากันมาก นั่งน้ำตาซึม สงสารอ่ะ

ชอบมากๆ มาต่ออีกนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Love is All Around] Kiss Me Goodbye [pg.1, 6/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 07-08-2012 18:01:00
เรื่องราวน่ารักจริงๆเลยเชียว ธีระ-ระพี :man1:
ออกเดทในบรรยากาศโรแมนติก :impress2: แบบพอเพียงด้วยเนอะ
+1ให้ผู้เขียน สำหรับเรื่องนี้ "Please Mr. Postman"
อิ อิ ถึงกับต้องเปิดเพลงฟังไปด้วยอ่านไปด้วยเชียวแหละ
น่าเสียดายที่Karen Carpenter คนร้องเพลงนี้อายุสั้นจริงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Love is All Around] Kiss Me Goodbye [pg.1, 6/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 07-08-2012 18:35:57
เรื่องที่2
เพลงหวานปนเศร้าที่เราเคยชอบ I don't like to sleep alone
มาเป็นเรื่องหวานเศร้าปนหลอนซะแล้ว 
จะว่าไปก็น่าสงสารพี่นิลเขาเหมือนกันนะ เขาโดดเดี่ยวมานาน คงเหงามากเลย
เขาเลยเป็นฝ่ายเข้าหาน้องกานต์ก่อนก็คงเพราะเขา....
"....Oh I don't like to sleep alone
Sad to think some folks do
No I don't like to sleep alone
No one does do you"
ทุกคนก็คงรู้สึกเช่นเดียวกับพี่นิลแหละเนอะ
แต่ถ้าจะมีคนมานอนด้วยเป็นแบบพี่นิล เราก็คง... ขอบาย แหะ แหะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Love is All Around] Kiss Me Goodbye [pg.1, 6/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 07-08-2012 19:08:20
เรื่องที่3  "Kiss Me Googbye"
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
เรื่องราวเศร้าเหมือนเพลงเลยอ้ะ
 "..........................................
I know now I must go now
Though my heart wants me to stay
That girl is your tomorrow
I belong to yesterday......"
คงเพราะความเป็นญาติด้วยแหละเนาะ 
จึงทำให้ทั้งสองไม่กล้าดำเนินความสัมพันธ์ฉันคนรักกันต่อ
ได้แต่รีๆรอๆ ไม่มีใครกล้าตัดสินใจ เลยต้อง....
จบลงด้วย Sad ending
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

ป.ล. อ่านไปเปิดเพลงในอดีตฟังไปด้วย ทั้ง3เรื่อง โอ๊ยยย..สุขหลาย
       แต่แอบมีโหวงๆในใจก็เรื่องที่3นี่แหละจ้ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Love is All Around] Kiss Me Goodbye [pg.1, 6/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Ju ที่ 07-08-2012 19:15:16
ตอนแรกน่ารัก ตอนสองน่ากลัว ตอนสามเศร้า

หือออออออๆๆ ชอบตอนสองที่สุด และรักตอนสาม (ยังไงเนี่ย)

+เป็ด ชอบมากๆ คนเขียนเก่งจังเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Love is All Around] Kiss Me Goodbye [pg.1, 6/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 07-08-2012 21:41:14
เรื่องที่สองอ่านแล้วดูแข็งๆฝืนๆ เรื่องที่สามอ่านสนุกกว่า

ไม่มีใครกล้าเริ่มมากไปกว่าจูบ สุดท้ายก็ได้แค่นั้น อินมาก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Love is All Around] Kiss Me Goodbye [pg.1, 6/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: nigiri-sushi ที่ 10-08-2012 09:40:52

 :L1:Hurt Love :L1:


"Sad  Movie"


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@




..คุณเคยดูหนังสักเรื่องไหม..

ภาพยนตร์ที่เราน่าจะคาดเดาเรื่องราวได้ การดำเนินเรื่องค่อยเป็นค่อยไป ตอนต้นมีความสุข หากตอนจบกลับพบว่ามันไม่ได้เป็น
อย่างที่เราหวัง

..ชีวิตของเราบางคนอาจเป็นเหมือนภาพยนตร์เรื่องนั้น..

..เสียแต่ว่า..มันย้อนเนื้อหากลับไปไม่ได้อีกแล้ว..

 

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



เสียงโทรศัพท์ที่แผดดังกลางดึกปลุกคนที่นอนอยู่ให้ตื่นขึ้น มือเล็กป่ายไปข้างหัวเตียงเพื่อรับสาย อาการร้องไห้ฟูมฟายทำเอาคนฟังใจไม่ดี

นานนับชั่วโมงที่มีแต่คำตัดพ้อและเสียงสะอื้น
   
“ใจเย็นๆนะ พรุ่งนี้ปอจะไปหาที่บ้าน” เขาปลอบโยนเพื่อนสนิท ทำอะไรไม่ได้นอกจากบอกว่าวันรุ่งขึ้นจะรีบไป อีกฝ่ายถึงยอมวาง
   
“ใครโทรมาป่านนี้” ชายหนุ่มที่นอนใกล้กันออกปากถาม
   
ปอถอนใจเฮือกใหญ่ พลิกตัวกลับมานอนซุกในอ้อมกอดของคนรัก
   
“หนิงโทรมา” เขาหมายถึงเพื่อนที่คบกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม
   
ร่างสูงไล้ปลายนิ้วลงบนแผ่นหลังเรียบเนียน รับรู้ถึงความไม่สบายใจของคนที่นอนอยู่ด้วยกัน “เกิดอะไรขึ้น”
   
“แฟนหนิงขอหย่า” ปอพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “เขามีผู้หญิงคนใหม่”
   
“ผู้ชายมันแย่” เขาส่ายหัว จูบแผ่วเบาบนไรผมอ่อน “นอนซะที่รัก เรื่องของคนอื่น ปอไม่ต้องกังวลมากเกิน พี่เชื่อว่าเดี๋ยวเธอก็ดีขึ้นเอง”
   
ปอพยักหน้า พยายามคลายความเป็นห่วงลงแต่ยังไม่วายสะกิดคนข้างกายที่ตั้งท่าจะเคลิ้มหลับ “พี่พัฒน์ว่าอะไรมั้ยถ้าปอจะชวนหนิงมาอยู่ด้วยกันก่อน”
   
“พี่ยังไงก็ได้” เขาพึมพำ “ถ้านั่นจะทำให้ปอสบายใจ”

   

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



นับจากวันที่ตัดสินใจชวนเพื่อนสนิทมาอยู่ด้วยกันที่บ้าน ปอคิดว่าตัวเองทำถูกต้องที่สุด ระยะแรก หนิงเอาแต่ร้องไห้ นอนซมอยู่บนเตียงไม่ขยับเขยื้อนไปไหน เธอพยายามโทรไปขอคืนดีกับสามีเก่าหากอีกฝ่ายปฏิเสธอย่างเย็นชา
   
“หญิงร้าย ชายเลว” หลังจมจ่อมอยู่กับเรื่องราวทั้งหมด สุดท้ายเธอก็ตั้งสติได้ เลิกฟูมฟาย เลิกอาลัยอาวรณ์ เลิกทำร้ายตนอย่างสิ้นคิด
   
ปอกอดเพื่อนสนิทไว้แน่น ตลอดเวลาสองเดือนที่ผ่านมา ถ้าเธอเศร้า เขาจะเศร้า ถ้าเธอร้องไห้ เขาก็ร้องไห้ ต่างคนต่างกอดกัน ต่างฝ่ายต่างสัญญา

..ว่าจะเป็นเพื่อนรักกันตลอดไป..

“หนิงเป็นคนดี เชื่อสิว่าอีกไม่นานก็ได้เจอคนดี” ปอยิ้มปลอบระหว่างชวนเพื่อนซื้อของในห้าง เขาจ่ายเงินค่าเครื่องใช้ส่วนตัวหลายอย่างให้เพราะหนิงไม่ได้ทำงาน เธอเป็นแม่บ้านให้สามีอย่างเดียวมาหลายปีแล้ว ดังนั้น เมื่ออีกฝ่ายขอหย่า หนิงเลยเหลือแต่ตัวกับเงินเก็บไม่เท่าไหร่ “ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลก”

หนิงเหยียดมุมปาก “เข็ดจนตายแล้วปอ ใครไม่โดนไม่รู้หรอกว่าเจ็บแค่ไหน ฉันเป็นยัยเพิ้งทำงานงกๆอยู่กับบ้าน หูหนวกตาบอด วันๆเอาแต่เก็บเงินเพื่ออนาคต ใครจะไปรู้ โผล่อีกทีผัวไปคบชู้ซะแล้ว อีสวะนั่นก็อยากกินของเหลือเดน”

ปอไม่คิดจะทักท้วงการระบายอารมณ์ของเพื่อน ยิ่งห้ามจะเหมือนยิ่งยุ ยิ่งกดดันตัวเธอเองเปล่าๆ เขาเพียงแต่สอดมือลงไปกุมปลายนิ้วเรียวไว้ บีบกระชับแผ่วเบาอย่างให้กำลังใจ “หนิงยังมีเรานะ เราเป็นเพื่อนกันเสมอ”

“อย่าไปสนมันเลย เรื่องมันผ่านไปแล้ว” หญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตา ยักไหล่เหมือนไม่แคร์แล้วชวนเพื่อนซี้เลือกของสด “พี่พัฒน์ชอบกินอะไรล่ะ”

“อะไรก็ได้” ปอเลือกมะเขือเทศกับหัวหอมใส่ถุง “เขากินง่าย อยู่ง่าย”

“ไม่เห็นเหมือนไอ้เวรนั่นเลย” เธอหัวเราะ “ทำอะไรให้กินมันไม่เคยชมสักคำ ทีไปก้อร่อก้อติกกับเมียน้อย ของเกลียดสุดๆมันยังกระเดือกลง”

ปอขยี้หัวเพื่อนเมื่อเห็นว่าเธอเริ่มจะน้ำตาคลออีกครั้ง

“ฉันไม่เป็นไรแล้ว” หนิงตีหน้าเรียบ “จะไม่โง่กับความรักอีกต่อไป”

เขาอมยิ้ม วันนี้ตั้งใจจะเลี้ยงฉลองกันสักครั้ง อย่างน้อยก็เพื่อแสดงความยินดีที่หนิงตัดใจจากคนรักเก่าได้ “อยากกินอะไรเลือกเต็มที่เลยนะ”

หนิงยืนมองเพื่อนจ่ายเงินซื้อของไปอย่างไม่แน่ใจนัก “สามพันเลยเหรอ” เธอถอนใจ “พี่พัฒน์จะว่ารึเปล่า ฉันมาอยู่ฟรีกินฟรีนี่เกะกะปอมั้ย”

“ถ้าพูดแบบนี้อีกจะโกรธจริงๆด้วย” ปอแกล้งทำหน้าบึ้ง

“ไอ้บ้า ฉันเกรงใจนี่ ห้องก็ติดกัน กลัวปอจะจู๋จี๋กับแฟนไม่สะดวก”

คนฟังแก้มแดงเรื่อ ทำทีไม่สนใจเสียงหยอกล้อจากคนด้านหลัง หนิงหัวเราะร่วน เธอรู้ว่าทั้งคู่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ยังนึกชมว่าถึงแม้จะไม่ได้มีการแต่งงานเป็นข้อผูกมัด หากชีวิตคู่ของเพื่อนกลับยืนยาวกว่า

..อบอุ่น..มั่นคง..และเปี่ยมไปด้วยความห่วงหาอาทร..

..จนหัวใจที่บอบช้ำเริ่มเกิดความอิจฉา..



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@




หนิงยืนปอกผลไม้อยู่ในครัวตอนที่พัฒน์กลับมาจากทำงาน ปอออกไปรับเหมือนทุกวันพลางยื่นน้ำดื่มเย็นๆให้ พัฒน์ยิ้มจนแก้มปริ สีหน้าเหนื่อยล้าคลายลงแทบจะทันที “น้อยๆหน่อยคู่นี้ คนโสดอิจฉาจะตายอยู่แล้วจ้า” เธอแซว
   
ปอผละจากอ้อมกอดของคนรักพร้อมกับใช้ฝ่ามือยันหน้าคนที่ก้มลงหมายจะจูบ แก้มขาวขึ้นสีเพราะความอาย “พี่พัฒน์หิวรึยัง”
   
“ไม่หิวข้าว” พัฒน์ส่ายหัว คล้องแขนลงบนเอวเล็ก “หิวแต่ปอ งั่ม งั่ม”
   
หนิงปรายตามองทุกกิริยา เธอเลี่ยงไปอีกทางเมื่อพัฒน์ฉวยโอกาสก้มลงจูบปากแฟน หัวใจที่คิดว่าหายดีแล้วกลับยิ่งเจ็บแปลบ
   
..ทำไมมีแต่เธอเท่านั้น..ที่ไม่ได้รับความรักจากใคร..
   
พวกเขาหายขึ้นไปด้านบนด้วยกันทั้งคู่ กว่าจะลงมาก็เกือบทุ่มกว่า หนิงนั่งรอด้วยสีหน้าเฉยเมย กระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าตรงบันไดถึงได้หันไปมอง
   
ดวงตาคมเฉี่ยวลอบดูรอยแดงตรงซอกคอของเพื่อน สีหน้ามีความสุขของปอและท่าทางอิ่มเอมของพัฒน์ทำให้ในกายเธอร้อนผ่าว
   
..บ่อยครั้ง..ที่เธอได้ยินเสียงครวญครางจากการร่วมรัก..
   
..เธอเองก็ยังมีความต้องการของปุถุชนไม่แพ้กัน..
   
“อะแฮ่ม” หญิงสาวแสร้งหยอก ชี้นิ้วบุ้ยใบ้ที่รอยจูบสีสดตัดกับผิวขาวนวล “พี่พัฒน์ไม่ต้องตีตราปอก็ได้ หนิงไม่กล้าแย่งปอมากอดเองหรอกค่ะ”

ปอเบิกตากว้าง ท่าทางเขินอายอย่างธรรมชาติไม่ได้เกิดจากการเสแสร้ง แก้มแดงเรื่อและกิริยาก้มหน้างุดๆนั่น เธอยอมรับว่าน่ารัก

..และเฝ้าคิดว่าถ้าตนเองน่ารักแบบนั้นบ้าง..สามีคงไม่ทิ้งไป..

พัฒน์หัวเราะ ยกมือคล้องคอคนข้างกาย “ถึงจะแย่งก็ไม่ยอมให้นะ”

หนิงบู้หน้าใส่ ปิดทีวีแล้วเดินไปจัดโต๊ะ “กินข้าวกันค่ะ”

ปอเลี่ยงมาตักอาหารนานแล้ว เขาบอกขอโทษที่ปล่อยให้เพื่อนรอนาน

“ฉันรู้หรอก..ภารกิจบนเตียงสำคัญกว่า” เธอแหย่อีกครั้ง

“พูดอะไรเนี่ย!”

ปอตักกับข้าวให้พัฒน์และหนิง ออกปากชมว่าผัดเปรี้ยวหวานจานนี้เพื่อนสาวเป็นคนทำ ส่วนมัสหมั่นไก่ปอลองทำตามตำราดู ไม่รู้ว่ากินได้มั้ย
   
“อร่อยที่สุด” พัฒน์ชมอาหารของปอ และแม้ว่าจะบอกว่าผัดเปรี้ยวหวานจานนั้นอร่อย แต่หนิงก็มองว่าความใส่ใจมันไม่เท่ากันอยู่ดี

“วันนี้ทำแตงโมปั่นแหละ” เธอยิ้มอ่อนหวานให้ “พี่พัฒน์ลองดูสิ”

ปอไม่ชอบแตงโมเท่าไหร่นัก เขาเลยได้แต่จิบ

“อืม..อร่อยจริง” พัฒน์รับมาดื่มแล้วชมเปาะ

ชั่ววินาทีหนึ่ง นัยน์ตาของสองหนุ่มสาวสบกัน พัฒน์นิ่งไปกับท่าทีดีอกดีใจของหนิง เธอยิ้มร่า โน้มตัวมาตักกับข้าวให้เขาด้วยท่าทางสบายๆ

“เออใช่..พรุ่งนี้หนิงจะขอติดรถพี่พัฒน์ไปด้วยน่ะครับ” ปอนึกขึ้นได้เลยหันมาบอกคนรัก “หนิงยื่นใบสมัครงานไป เขาเรียก
สัมภาษณ์พรุ่งนี้”

“เอาสิ” พัฒน์กระตือรือร้น เขาไม่ใช่คนใจดำ

“ถ้าโชคดีคงได้งาน หนิงไม่กล้ารบกวนพี่พัฒน์มากเกิน มีเงินแล้วจะได้ช่วยจ่ายอะไรบ้าง ถ้าเก็บได้เยอะๆ หนิงจะได้อยู่ด้วยตัวคนเดียวได้ซะที”

พัฒน์เห็นใจหญิงสาว เขามองสีหน้าเจื่อนๆ “หนิงอย่าคิดเล็กคิดน้อยเลย เราเป็นเพื่อนปอก็เท่ากับเป็นเพื่อนพี่ด้วย สองสามคนแค่นี้พี่เลี้ยงได้หรอก”

เธอเงยหน้ามองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความซาบซึ้ง ความอบอุ่นที่ไม่เคยได้รับจากสามีถูกทดแทนด้วยน้ำเสียงและความห่วงหาจากคนทั้งคู่

สำหรับปอ เธอรู้ดีว่าเพราะความเป็นเพื่อน แต่สำหรับพี่พัฒน์ เธอคิดไม่ออกว่าเพราะอะไรเขาถึงดีด้วยทั้งที่เธอเป็นเพียงเพื่อนของคนรักเขาเท่านั้น

..เพราะพี่พัฒน์เป็นคนดี..ดีกว่าสามีเก่าที่เธอรักมากนักต่อนัก..



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Love is All Around] Kiss Me Goodbye [pg.1, 6/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: nigiri-sushi ที่ 10-08-2012 09:46:49

ปอกลับจากโรงเรียนอนุบาลที่เขาเป็นครูประจำตอนสี่โมงเย็น รถของพี่พัฒน์จอดอยู่หน้าบ้าน หลายวันมานี้เหมือนที่บริษัทจะเลิกงานเร็ว ผู้จัดการแผนกที่มีงานรัดตัวอยู่เสมอจึงถึงบ้านก่อนเวลาปกติบ่อยครั้ง

มีเสียงหัวร่อต่อกระซิกดังมาจากห้องรับแขก ปอถอดรองเท้าออก มือหิ้วของพะรุงพะรัง ทั้งของสดที่ซื้อมาทำกับข้าว ทั้งการบ้านเด็กที่เอามาตรวจ

“หนิง..พี่พัฒน์” เขาเรียกหา ได้ยินแต่เสียงทีวีกับเสียงหัวเราะ

ปอหอบสัมภาระหนักอึ้งเข้าไป เขากับพี่พัฒน์ใช้รถคันเดียวกัน แต่เวลาตอนเย็นเขาจะกลับเองทั้งที่พี่พัฒน์เคยบอกว่าอยากไปรับ เขาไม่อยากให้อีกคนเสียหน้าที่การงาน แค่นั่งรถเมล์เท่านี้ไม่ได้ลำบากอะไรมากมาย

“ทำอะไรกันอยู่” ปอถามยิ้มๆ มองทั้งคู่ที่กำลังนั่งดูทีวีด้วยกันบนโซฟา

หนิงชูดีวีดีที่เพิ่งซื้อมาใหม่ “หนังตลกทั้งนั้นเลยนะปอ วันนี้นั่งเซ็งๆน่ะ พอดีพี่พัฒน์กลับมาเร็วเลยแวะเข้าห้างกัน นี่พี่เขาซื้อให้ฉันดูแก้เครียด”

ปอดูดีวีดีนับสิบเรื่องที่ซื้อมาจากร้านแมงป่องด้วยความงุนงง ใบเสร็จราคาสองพันกว่ายังอยู่ในถุง “อ้อ..” เขาเพียงแต่พยักหน้า
เพื่อนรักทำหน้าเจื่อน “ฉันรบกวนเงินแฟนเธอมากไปรึเปล่า เอาไว้เงินเดือนออกเดี๋ยวคืนให้นะ ขอโทษด้วยจริงๆ”

ปอโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน พี่พัฒน์เองก็บอกว่าไม่ต้องคิดมาก

“ปอมานั่งดูด้วยกันมั้ย” พัฒน์ตบเบาะให้คนรักเข้ามานั่งด้วย

หนิงขยับตัวไปชิดโซฟาด้านหนึ่ง พัฒน์นั่งคั่นกลางระหว่างเธอกับเพื่อนซี้ ผิวกายของทั้งคู่แนบชิด พัฒน์หันมามองเธอเพียงครู่แล้วเสหลบไป

ปอเอาขนมถ้วยไปใส่จาน เขาชวนอีกสองคนแต่หนิงปฏิเสธว่าไม่ชอบของหวาน ส่วนพัฒน์แตะไปเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้นทั้งที่เป็นของโปรด

“เรื่องอะไรเหรอ” ปอหันมาถามคนรัก เห็นนั่งหัวเราะกันสนุกสนาน

“อะไรปอ หนังเขาออกจะดัง หรือว่าไม่ชอบดูแนวนี้” หนิงทัก

ปอส่ายหัว “ชอบหนังผีกับตื่นเต้นอะไรประมาณนั้นมากกว่า”

“แต่พี่พัฒน์เขาชอบคอมเมดี้นะ” 

พัฒน์หัวเราะ “พี่ดูได้ทุกเรื่องนั่นแหละ”

ปอได้แต่ยิ้มรับ เขายกเอาการบ้านของเด็กๆมาตรวจ หนิงชะโงกหน้ามอง เธอเอื้อมแขนผ่านตัวพัฒน์ เรือนผมเฉียดใบหน้าอีกคนไปเพียงแค่คืบ

“ขอดูหน่อยสิจ๊ะ”

พัฒน์นิ่งงัน กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงติดค้างอยู่ปลายจมูก รอยยิ้มอ่อนหวานกับกิริยานุ่มนวลทำให้เขาคิดอะไรไม่ออกไปชั่วครู่ เธอเหลือบมองเขาพร้อมยิ้มมุมปาก ทั้งตัวขยับเข้าหาอย่างมีชั้นเชิง ไม่เร่งเร้า ไม่วู่วาม

“เด็กๆน่ารักดีนะ” เธอพึมพำก่อนจะเงยหน้ามองเพื่อนสนิท “ปอกับพี่พัฒน์..” ดวงตาสีเข้มจับจ้องที่ชายหนุ่มข้างกัน “ไม่คิดอยากมีลูกบ้างเหรอ”

ปอเงียบกริบ หันไปมองหน้าคนรักที่ไม่ได้เอ่ยปากอะไรออกมาเช่นกัน

“ไม่ได้ชวนเครียดนะ แค่ถามเฉยๆ ห่วงว่าเกิดแก่ตัวไปใครจะเลี้ยง”

พัฒน์เปลี่ยนเรื่อง “ดูหนังเถอะ”

ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก มีเพียงหนิงกับพัฒน์ที่ยังหัวเราะกับมุขตลกในจอโทรทัศน์เป็นระยะ เหลือแค่ปอคนเดียวเท่านั้นที่รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


ความรู้สึกบางอย่างก่อร่างขึ้นอย่างเงียบงัน เหมือนคลื่นใต้น้ำที่สร้างความปั่นป่วนอยู่เบื้องลึก มีหลายสิ่งที่ติดอยู่ในใจ มีหลายเรื่องที่ไม่ควรเกิด
   
ปอไม่ได้ทำงานในวันเสาร์ เขาอยู่บ้าน ทำงานของตัวเองเงียบๆคนเดียว พี่พัฒน์ไปรับหนิงที่บริษัทเพราะทั้งคู่เลิกงานตอนเที่ยงเหมือนกัน
   
เขารอกินข้าวตั้งแต่นาฬิกาชี้เลขสิบสอง ปาล์มนี้บ่ายสาม ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะมา ตอนแรกโทรหาแต่ไม่มีใครรับสาย พอลองติดต่ออีกทีพี่พัฒน์ถึงรับ
   
‘ขอโทษที หนิงเขาขอแวะมาซื้อของนิดหน่อยน่ะ’
   
“ครับ” ปอพยายามเข้าใจ เขาหันไปมองอาหารเย็นชืดบนโต๊ะ “แล้วนี่กินอะไรกันรึยัง ปอทำกับข้าวเอาไว้ จะให้อุ่น..”
   
‘พี่กับหนิงกินกันแล้ว เห็นบ่ายโมงพอดี ขอโทษที่ไม่ได้บอกนะครับ’
   
ปอนิ่งเฉย พี่พัฒน์น่าจะรู้ว่าเขาไม่ใช่คนชอบมีปากเสียงกับใคร อาจจะสงสัย ไม่เข้าใจ อยากรู้เหตุผล แต่เขามักเลือกที่จะเงียบมากกว่า
   
ทั้งที่บอกว่าจะกลับบ้านมาตอนบ่ายแต่ทั้งคู่ปรากฏตัวอีกครั้งตอนสี่โมงเย็น หนิงหอบข้าวของสารพัดที่ซื้อจากในห้างเดินเคียงคู่มากับพัฒน์ สองคนหัวเราะรื่น เหมือนมีความสุขกันเต็มประดา
   
“เป็นไงบ้าง” ปอทัก วางหนังสือในมือลงเพื่อเดินไปช่วยหิ้ว
   
“พี่พัฒน์พาไปกินอาหารญี่ปุ่นมา เสียดาย ปอน่าจะได้ไปด้วย”
   
คนฟังยิ้มเฝื่อน ฝ่ายหนิงขอเปิดดูแผ่นหนังตลกที่ซื้อมาใหม่ พวกเขานั่งตรงโซฟา ส่งเสียงหัวเราะดังลั่นกันสองคนจนปอที่กำลังวางแผนการสอนต้องเลี่ยงขึ้นไปตั้งสมาธิในห้องนอนแทน หญิงสาวหุบรอยยิ้มลงทันที
   
“ปอไม่พอใจอะไรรึเปล่าพี่พัฒน์” เธอขมวดคิ้ว “หรือว่าหึง”
   
พัฒน์นิ่งเงียบ “ปอไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกน่า”
   
“ใครจะไปรู้ บางทีคงไม่ชอบใจที่เราไปกินข้าวกันสองคน” หนิงไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ ปอไม่ควรคิดเล็กคิดน้อย เขาน่าจะรู้ว่าเธอไม่มีใคร
   
..ขอยืมแค่นี้ทำเป็นหวง..
   
..ถ้าเอามาจริงคงขาดใจตาย..
   
พัฒน์ตบไหล่เธอเบาๆอย่างปลอบโยน “เดี๋ยวพี่ไปคุยกับเขาเอง”
   
ชายหนุ่มเดินตามคนรักขึ้นไปชั้นสอง ปอนั่งอยู่ริมหน้าต่าง ดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรจนไม่ทันได้สนใจคนที่เพิ่งเข้ามาทีหลัง “ปอ”
   
เจ้าของชื่อสะดุ้งน้อยๆ “หนังจบแล้วเหรอครับ”
   
พัฒน์ส่ายหัว เดินมานั่งปลายเตียง “ปอไม่พอใจพวกเรารึเปล่า ถ้าเป็นเรื่องหนิง พี่ขอบอกว่าไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับเพื่อนเราแม้แต่นิดเดียว”
   
ปอไม่ได้รู้สึกโกรธเคือง แต่เรื่องที่เขาสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรมของทั้งสองนั้นเป็นความจริง “ขอโทษครับ” ความรู้สึกละอายที่ครั้งหนึ่งมีเศษเสี้ยวของความหวาดระแวงคั่งค้างอยู่ในอกแล่นวาบ เขาน่าจะรู้ว่ามันไม่ควร 
   
ร่างสูงเดินมากอดอีกฝ่ายไว้ จูบแผ่วเบาบนเรือนผม “พี่รักปอนะ”
   
“วันไหนไม่รักแล้วก็บอกปอด้วย จะได้ทำใจแต่เนิ่นๆ” ปอแกล้งหยอก หากใจกลับคิดตรงตามที่พูดทุกอย่าง “อย่าปล่อยให้รู้เองเพราะมันคงเจ็บมาก”
   
“พูดอะไรอย่างนั้น” เขาหยิกแก้มนุ่ม “พี่ไม่มีวันทิ้งปอหรอกนะ”
   
ปอปล่อยงานที่ทำค้างเอาไว้ก่อนเมื่อพัฒน์ชวนให้ลงไปด้านล่าง พวกเขาได้ยินเสียงสะอื้นจากห้องรับแขก พัฒน์รีบเดินเข้าไป หนิงร้องไห้อยู่บนพื้น ในมือกำโทรศัพท์ไว้แน่น พอเห็นผู้ชายตรงหน้าเธอก็ผวาเข้ากอดทันที
   
“เขาปล่อยให้นังนั่นโทรมารังควานหนิง”
   
พัฒน์สบถเบาๆ ลูบผมเธอเป็นการปลอบ
   
“เห็นหนิงเป็นอะไร คิดจะทิ้งก็ทำ คิดจะเหยียบก็ทำงั้นเหรอ!” เธอฟูมฟาย ซบหน้าลงกับอ้อมอกแข็งแรง ปล่อยให้หยาดน้ำตาไหลชุ่มเสื้อของเขา 
   
ปอยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความงุนงง เขาทำอะไรไม่ถูกจนพัฒน์ต้องเรียกให้เข้ามาช่วยปลอบโยนถึงจะได้สติ หากเมื่อเขาเอื้อมมือจะแตะตัว เธอกลับโผเข้าซบพัฒน์ไม่ยอมปล่อย ไม่หันมามองเขาแม้แต่นิด
   
“พี่พัฒน์พาหนิงขึ้นห้องหน่อยได้มั้ย หนิงไม่ไหวแล้ว” เธออ้อนวอน
   
พัฒน์ไม่ได้หันมาขอความเห็นคนรัก เขาช้อนตัวเล็กบางขึ้นอุ้ม พาเดินขึ้นไปบนชั้นสองท่ามกลางความรู้สึกย่ำแย่ที่ห้ามไม่ได้ของคนที่เหลือ



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



ปอจำไม่ได้ว่าหลังจากวันนั้นผ่านไปกี่อาทิตย์แล้ว เขารู้เพียงทุกอย่างยังดำเนินไปเหมือนเดิม พี่พัฒน์ใส่ใจเขาไม่เปลี่ยนหากสิ่งที่เพิ่มเติมคือเผื่อแผ่ความอาทรไปยังเพื่อนสนิทของเขาด้วย..และหนิงก็ดูจะเต็มใจรับความเอื้อเฟื้อนั้นตลอด
   
..ทั้งยังมากขึ้นจนเห็นได้ชัด..
   
“หนิงทำแกงเผ็ดหน่อไม้ พี่พัฒน์ลองกินดู” เธอตักกับข้าวตรงกลางให้ผู้ชายด้านหน้า “นี่ก็ด้วย..แกงเขียวหวาน หนิงมั่นใจฝีมือตัวเองนะ”
   
ปอกินข้าวของตัวเองไปเงียบๆ หนิงรู้ว่าเขาแพ้หน่อไม้เลยไม่ตักให้
   
..แต่ทั้งที่รู้ว่าเขากินไม่ได้..เธอก็ยังอยากจะทำจานนี้..
   
..เพื่อใคร..
   
พัฒน์ชมเปาะ เขาชอบกินอาหารเผ็ดแต่ปอชอบรสจืด ในบางครั้งปอพยายามทำให้แต่ก็อาจจะไม่ถูกปากนัก เพราะมันยังร้อนแรงได้ไม่เท่าที่ต้องการ
   
..รสชาติพลุ่งพล่านเป็นสิ่งยั่วเย้าเหมือนเปลวไฟ..
   
หลังมื้ออาหาร หนิงเก็บจานไปล้าง ปอเลี่ยงมาตรวจการบ้านเด็กต่อ
   
“พี่ช่วย” พัฒน์ขยับมาที่ซิ้งค์ หยิบจานใช้แล้วมาล้างน้ำเปล่า
   
หนิงไม่โต้ตอบอะไร เธอเพียงเอี้ยวตัวเพียงนิดให้อีกคนแทรกเข้ามาได้ใกล้มากขึ้น ดวงตาสีเข้มปรายมองผู้ชายอบอุ่นข้างกายอย่างพอใจ
   
“พี่พัฒน์รู้มั้ย ตอนอยู่กับเขา หนิงต้องทำงานบ้านเองคนเดียว”
   
“หืม..” เขาส่งจานให้เธอถูฟอง
   
“ผู้ชายดีๆอย่างพี่พัฒน์หายาก” เธอช้อนตาขึ้นมองเขา ประกายความปรารถนาบางอย่างแฝงเร้นไว้ภายใน ปลายนิ้วเรียวลอบแตะมือใหญ่ใต้สายน้ำ
   
ทั้งที่ด้านนอกเย็นรื่น หากใครคนหนึ่งกลับร้อนวาบในอกจนต้องล่าถอย พัฒน์ผละหนี เดินก้มหน้าออกไปนอกครัวโดยมีสายตาอีกหนึ่งมองตามไม่ละ
   
“ปอทำอะไรอยู่” เขาเข้ามาในห้องรับแขก นั่งลงข้างคนที่ตรวจการบ้านเด็กจนคิ้วผูกเป็นโบว์ เขาโอบแขนลงรอบเอวเล็ก ได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากผิวขาว
   
..หอมอย่างไร..ก็หวานไม่เท่ากลิ่นกายหญิง..
   
..โดยเฉพาะกระดังงาลนไฟ..
   
ปอส่ายหัว ตั้งใจกับการทำงานจนเผลอเมินเฉยกับเรื่องบางอย่าง ฝ่ามือใหญ่ลูบคลึงหัวไหล่ เรื่อยมายังแผ่นหลังและสะโพก “อย่ากวนสิพี่พัฒน์”
   
หนิงยังล้างจานอยู่ในครัวเมื่อพัฒน์โน้มเข้ามากอดจูบ เขาสอดมือเข้าไปใต้เสื้อยืดตัวบาง ไล้ปลายนิ้วลงกับผิวกาย ปอเบือนหนีหากคนด้านข้างจับเข้าที่ปลายคาง บีบให้หันกลับมาเปิดปากรับจูบ ร่างเล็กกว่าพยายามถอยห่าง
   
“หนิงอยู่” ปอเตือน
   
“ขึ้นห้องกัน” เขากระซิบ กดจูบรุนแรงข้างพวงแก้ม
   
ฝ่ายที่เห็นว่ารั้งไปก็ป่วยการรีบเก็บข้าวของแล้วสาวเท้าขึ้นไปชั้นบน พัฒน์ตามขึ้นไปติดๆ หากจังหวะหนึ่ง เขาสบตากับหญิงสาวที่เดินสวนออกมาข้างนอก พัฒน์ชะงักกึก เลื่อนสายตาลงมองหยดน้ำที่พรมอยู่บนร่างบอบบาง
   
เธอยักคิ้วให้เขาอย่างรู้ความหมาย ปลายนิ้วที่ทัดผมอย่างมีจริตเลื่อนลงเกลี่ยขอบเสื้อยืดตัวเล็ก เกี่ยวมันลงพออวดเนินอกอวบ
   
“เบาเสียงหน่อยนะคะ” ริมฝีปากสีแดงขยับ “หนิงได้ยินบ่อย”
   
ความหมายน่าอายที่เธอพูดกลับเป็นตัวกระตุ้นเร้า ชายหนุ่มโถมเข้ากอดรัดคนรักในทันทีที่ขึ้นมาถึงห้องนอน เขาตระโบมจูบ ดึงรั้งเสื้อผ้าอีกฝ่ายจนเหลือแต่ตัวเปล่าเปลือย เขาแทรกกายเข้าไปอย่างตะกละตะกลาม
   
“เจ็บ!” ปอพยายามดันบ่ากว้างออกห่าง นึกประหลาดใจกับอารมณ์ดิบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เขาถอยหนีหากคนด้านบนกลับกระชากตัวเข้าหา
   
พัฒน์หลับตาแน่น โจนจ้วงกายสู่ความพึงพอใจลึกล้ำ เขาครางดัง ความต้องการพุ่งสูงเมื่อทำให้คนรักหวีดร้องออกมาแทบไม่เป็นภาษาได้
   
แขนแกร่งสอดเข้าใต้เอว กระชับร่างให้แนบชิด บังคับให้กลืนกินเขาจนสุด เสียดกายรุนแรง รวดเร็ว หนักแน่นด้วยความบ้าคลั่ง มากขึ้น..และมากขึ้น
   
ในวินาทีที่ความสุขหลั่งพล่าน พัฒน์มองเห็นใบหน้าของใครอีกคน
   
ร่างใหญ่โถมตัวลงทาบทับ เขาหอบหายใจถี่ กอดรัดร่างข้างใต้ไว้แนบอก ปอมุ่นคิ้วด้วยความงุนงง เบื้องล่างเจ็บจนขยับไม่ไหว
   
..และยิ่งเจ็บจนชาเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อใครบางคนข้างหู..
   
..ใครสักคนที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกันเลย..



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



สายตาที่เฝ้ามองคนทั้งคู่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ความจริงคือสิ่งที่ปรากฏต่อหน้า ไม่ใช่คำขอให้เชื่อใจของผู้ชายคนนั้น
เย็นวันศุกร์ ตอนที่พัฒน์ไปรับหนิงกลับ ปอรับโทรศัพท์บ้านจากหัวหน้าของพัฒน์อีกคน เขาโทรเข้ามาตามงานที่จะส่งเช้าวันจันทร์แต่พัฒน์ปิดมือถือ
   
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เขาคงเอาเข้าไปส่งน่ะครับ”
   
‘เหมือนคุณพัฒน์จะลาพักร้อนเอาไว้นะ ลาตั้งแต่วันนี้แล้วนี่’
   
ปอถือโทรศัพท์ค้าง เขาไม่รู้มาก่อนว่าคนรักหยุดงานสองวันตั้งแต่ศุกร์ เสาร์ ยาวไปจนวันอาทิตย์ พัฒน์ไม่ได้บอกเขาแต่ยังแต่งตัวไปทำงานตามปกติ
   
เมื่อพัฒน์กลับมา ปอเลยลองเอ่ยปาก
   
“พรุ่งนี้ไปดูหนังกันมั้ย” เขาบอกชื่อภาพยนตร์ที่เข้าใหม่ เป็นคอมเมดี้อย่างที่หนิงบอกว่าพัฒน์ชอบ “เอารอบบ่ายโมง ไปกันสามคน”
   
หนิงไม่สบตา ฝ่ายพัฒน์ยังคงอ้ำอึ้ง
   
“พรุ่งนี้..พอดีพี่ต้องทำงานน่ะ ตั้งแต่เช้าเลย คงไม่ว่างจนมืด”   
   
ปอเพียงแต่พยักหน้า “หนิงล่ะ”
   
“ฉันว่าจะไปบ้านแม่” เธอยกน้ำขึ้นดื่ม ไม่หันมองหน้าเพื่อน

“งั้นไว้วันหลังดีกว่าเนอะ” เขายิ้มเฝื่อน “ถ้าไม่มีใครไป ปอจะได้ตรวจการบ้านให้เด็กๆต่อ ว่างเมื่อไหร่บอกด้วยนะจะได้ไปด้วยกัน”

“อืม..” พัฒน์ยิ้มออกมาได้

ทั้งที่ปอบอกว่าจะอยู่บ้านเพื่อทำงาน แต่ในเช้าวันเสาร์ หลังคนทั้งคู่ออกไปด้วยกัน เขากลับกังวลจนนั่งเฉยไม่ได้ คิดอยากจะให้คนตามเพื่อพิสูจน์ความจริง แต่ความละอายก็ยังมีมากมายกว่า

ปอเลือกที่จะไปเดินเล่นคนเดียวในห้างที่เขามักมากับพัฒน์บ่อยๆ นึกขำอยู่ว่าถ้าเจอพี่พัฒน์กับหนิงเดินควงแขนมาด้วยกัน ต่างฝ่ายต่างจับมือกัน

..เขาจะทำสีหน้าอย่างไร..

“ชักบ้าแล้ว” ปอส่ายหัว เขายกนาฬิกาขึ้นดู เห็นว่าอีกนานกว่าจะบ่ายโมงเลยเลือกที่จะขึ้นไปบนชั้นโรงหนัง ซื้อตั๋วและเลือกที่นั่งตรงกลางคนเดียว

มันเป็นการ์ตูนสามมิติของเด็กๆ หนิงเคยชวนมาด้วยกันสามคนตั้งแต่ยังไม่เข้าฉาย พอเขาอยากดูขึ้นจริง ทั้งสองคนกลับไม่ว่างเสียนี่

หน้าโรงหนังแจกแว่นให้ ปอเข้ามาก่อนใครเพื่อนและเข้าไปนั่งตรงที่เลือกไว้ ดูเหมือนการ์ตูนเรื่องนี้จะไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่หรือไม่ก็ฉายไปนานแล้ว ทั้งโรงจึงไม่ค่อยมีคน ทั้งยังถูกลดจนเหลือฉายแค่โรงเดียว

อีกประมาณสิบนาทีต่อมาเริ่มมีการฉายหนังตัวอย่าง ผู้คนทยอยกันเดินเข้า ปอหันไปมองตรงประตู มีแต่หนุ่มสาวควงแขนกันมาเป็นคู่

ในจังหวะหนึ่ง สายตาที่มองเลยผ่านกลับสะดุดกึกอยู่ที่คู่ของหญิงชายท่าทางคุ้นเคย แม้ว่าในโรงภาพยนตร์จะมืดจนมองยาก หากแสงที่สว่างขึ้นเป็นพักจากโฆษณาเบื้องหน้ากลับทำให้ดวงตาที่ซ่อนอยู่หลังแว่นนั้นนิ่งงัน

พวกเขาเดินเข้ามานั่งตรงเก้าอี้ห่างจากที่ปออยู่ไปแถวเดียว

ปอตัวแข็งเหมือนถูกสาป เสียงของหนังที่ฉายและเสียงหัวเราะของทุกคนผ่านเข้าหูแล้วเลยไป ทั้งร่างถูกตรึงแน่นก่อนหยดน้ำที่คลออยู่จะเริ่มไหล

เมื่อคนในโรงหนังระเบิดหัวเราะกันออกมา ชายหญิงด้านหน้ากลับหันเข้าหากัน และเมื่อผู้คนหัวเราะอีกครั้ง ทั้งสองกลับจุมพิตกันและกันแนบแน่น

ปอยิ้มมุมปากแม้ว่าน้ำตากำลังไหลไม่หยุด

“เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป”

“ถึงเธอไม่มีใคร..แต่ให้จำไว้ว่ายังมีเรา”


คืนนั้น ปอกลับเข้าบ้านตอนสองทุ่ม พัฒน์และหนิงยังไม่ถึง เมื่อเขาลองโทรหา พัฒน์ตอบมาว่า เขายังอยู่ที่บริษัท กำลังเร่งงานที่จะส่งให้บอสจนหัวปั่น
   
“หนิงล่ะ..อยู่กับคุณมั้ย” ปอเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียก
   
ดูเหมือนปลายสายจะรับรู้อารมณ์ได้ ‘หนิงจะอยู่ที่ไหนมันเกี่ยวอะไรกับพี่ เขาบอกว่าไปเยี่ยมแม่ก็ตามนั้นสิ’ พัฒน์เสียงเครียด ‘แล้วปอน่ะ..ไม่พอใจอะไรก็อย่าเอามาลงกับคนทำงานได้มั้ย แค่นี้พี่ก็เครียดจะตายอยู่แล้ว’
   
“วันนี้คุณทำงานทั้งวันเลยเหรอ” ปอถามต่อด้วยเสียงเรียบนิ่ง
   
‘ถ้าจะมาหาเรื่องล่ะก็..อย่าโทรมายังดีกว่านะปอ’
   
“ผมจะถามคุณครั้งเดียว..ครั้งสุดท้าย คุณทำงานที่บริษัททั้งวันใช่มั้ย”
   
พัฒน์เหมือนจะนิ่งเงียบไปอีกพักใหญ่ เขาพยายามเปลี่ยนเรื่องและบอกให้อีกฝ่ายใจเย็น หากเมื่อปอยังถามย้ำ เขาจึงระเบิดอารมณ์แทน
   
‘ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องแบบนี้ พี่จะไม่คุยกับเราแล้ว เกิดจะมาหวงหึงอะไรล่ะ ปกติปอไม่เคยทำตัวอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ ที่เคยเชื่อใจกันมันหายไปไหนหมด’
   
ปอยกมือขึ้นปาดน้ำตา “ขอโทษ..จะไม่ทำแบบนี้อีก”
   
‘ไปอาบน้ำแล้วนอนซะปอ พี่ก็จะกลับเหมือนกัน’
   
เขาวางสาย เริ่มต้นร้องไห้ตอนที่เก็บเสื้อผ้าของตัวเองลงกระเป๋า วันนี้เขาโทรไปถามหัวหน้าพี่พัฒน์ ฝ่ายนั้นยังยืนยันว่าพัฒน์ไม่ได้ไปทำงาน
   
และภาพถ่ายจากมือถือที่ถูกเพื่อนอีกคนส่งมาให้ดูก็ไม่ได้มีอะไรมาก
   
..แค่เป็นรถทะเบียนคุ้นเคยที่กำลังเลี้ยวเข้าม่านรูดเท่านั้น..
   
“หนิงเป็นคนดี..เชื่อสิว่าต้องได้เจอคนดีแน่”   

..คนดีคนนั้น..ก็คือคนดีของปอคนนี้..
   
ปอเขียนจดหมายไว้สั้นๆว่าจะไปหาแม่ที่ต่างจังหวัด เมื่อไหร่ที่พี่พัฒน์เลิกทำงานและหนิงกลับมาจากเยี่ยมบ้านแล้ว..ให้อยู่ด้วยกันไปเลย
   
..และถึงแม้ว่าจะมีลูกด้วยกัน..ก็ไม่จำเป็นต้องส่งข่าวดี..
   


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


นับจากวันที่ปอออกมาจากบ้านก็เกินกว่าสองปีแล้ว ช่วงแรก พัฒน์พยายามมาขอพบ พยายามตามตัวให้กลับไป และพยายามขอโทษในทุกสิ่งทุกอย่าง
   
ปอคิดว่าตัวเองอาจจะใจอ่อนถ้าไม่เพียงแต่รู้มาว่าสิ่งที่เขาคิดกลัวนั้นกลายเป็นความจริง พัฒน์ยืนยันว่าเขานอนกับเพื่อนสนิทของคนรักเพียงครั้งเดียว แต่ไม่ว่าพวกเขาจะยุ่งเกี่ยวกันมากี่ครั้งก็ตาม ผลสุดท้าย..

..ทั้งสองคนก็มีลูกชายที่น่ารักด้วยกันอยู่ดี..

ปอเผาจดหมายขอคืนดีของพัฒน์ทิ้ง ลบอีเมลทุกฉบับ เปลี่ยนเบอร์มือถือใหม่ เปลี่ยนงานทำและย้ายกลับมาอยู่กับแม่ของตนถาวร

แรกเริ่มนั้น เขาจมอยู่กับความทรงจำที่เจ็บปวด หากเมื่อผ่านมันมาได้และเรียนรู้ที่จะยอมรับความจริง ปอกลับพบว่าตัวเองเข้มแข็งกว่าหนิงมาก

สำหรับผู้ชายคนหนึ่งที่รักใครสักคนได้เต็มหัวใจ เทียบกับผู้หญิงแล้ว เธอจะรักมากกว่า อ่อนแอกว่า ทุ่มเทกว่า และต้องได้รับการปกป้องมากกว่า

หากวันหนึ่งปอจะเดินกลับเข้าไปในชีวิตคนรัก ขอคืนดี แย่งพ่อของลูกเธอกลับมา ปอคิดว่าตัวเองคงไม่ดีใจ อย่างน้อยเขาก็ไม่ร้ายพอจะทำลายครอบครัวคนอื่น และไม่ร้ายพอจะยืนมองความพินาศของคนที่ตนเคยรักทั้งคู่

อดีตคืออดีต อนาคตเป็นเรื่องข้างหน้า เขาไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีอะไรรออยู่ ทำได้เพียงเฝ้ารอให้ความเจ็บที่มีจางหายไป

..ไม่ช้าก็เร็ว..เรื่องนี้คงมีแต่ความสุขเสียที..





FIN





ขอบคุณทุกๆความคิดเห็นขะร้าบบ  :o8:

เรื่องนี้มันก็มาจากเพลง ตรงตัวเลย Sad Movie ที่ร้องว่าเข้าไปดูหนังตลกในโรงหนัง แต่กลับเจอเพื่อนกับแฟนเข้ามาจูบกัน  :fire: ฟังแล้วแอบแค้นเคือง 5555+


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hurt Love] Sad Movie [pg.1, 10/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 10-08-2012 09:56:00
อยากอ่าน Too Much Heaven ต่อค่ะะะ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hurt Love] Sad Movie [pg.1, 10/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 10-08-2012 12:20:14
"............................................................................
He said he had to work, so I went to the show alone.
They turned down the lights and turned the projector on.
And just as the news of the world started to begin,
I saw my darling and my best friend walking in.

Although I was sitting right there they didn'n see me.
And so they both sat right down in the front of me.
And when he kissed her lips then I almost died.
And in the middle of the colour cartoon I started to cry

Oh Sad movies always make me cry
........................................................................................."

เรื่องนี้สอนให้รู่ว่า
"เพื่อนเราเผาเรือน" (เพื่อนที่เป็นชะนี(บางคน)ไว้ใจไม่ได้)
"ตบมือข้างเดียวไม่ดัง"
ดีนะที่ปอรักตัวเองมากพอ จึงล้มไปไม่นาน ก็สามารถยืนขึ้นได้ด้วยตัวเอง และอยู่ได้ด้วยตัวเอง

ป.ล. ชอบจังที่ผู้เขียน(ซึ่งน่าจะเป็นคนรุ่นใหม่)ฟังเพลงเก่าๆ 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hurt Love] Sad Movie [pg.1, 10/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Ju ที่ 10-08-2012 17:44:19
คนที่ไว้ใจที่สุด สุดท้ายหักหลังกันได้

เรื่องนี้ดราม่าแบบที่ผมค่อนข้างชอบเลยทีเดียว

มันสะท้อนชีวิตจริงของชายรักชาย ที่สุดท้ายฝ่ายนึงก็ต้องอยากมีครอบครัว

+เป็ด สำหรับตอนนี้ (ที่จริงก็บวกทุกตอนนั่นแหละ)

บีบใจมากๆ ชอบ  o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hurt Love] Sad Movie [pg.1, 10/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 13-08-2012 20:54:09
หญิงร้ายชายเลวของแท้ แอบคิดต่อไปว่าแล้วหนิงจะมีความสุขเหรอ

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hurt Love] Sad Movie [pg.1, 10/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 14-08-2012 02:19:11
เริ่องสุดท้ายเนี่ยแรงค่ะ เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด เรื่องอื่นก็น่ารักดีนะคะ ชอบทุกเรื่องที่อ่านมาเลย โดยเฉพาะเรื่องแรก น่ารักมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hurt Love] Sad Movie [pg.1, 10/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ratnalin ที่ 14-08-2012 15:21:33
หญิงชายใกล้ชิดกัน มันแน่นอนที่ต้องมีหวั่นไหวกันบ้าง โดยเฉพาะฝ่ายหญิงที่จิตใจยับเยิน มาเจอชายหนุ่มแสนดีคอยดูแล ไม่คิดไรเลยเป็นไปไม่ได้ ฝ่ายชายเองก็ไม่มั่นคง มันถึงกลายเป็นงี้ไง  :เฮ้อ:
ปอทั้งเป็นคนดี แล้วก็เข้มแข็ง ดีใจที่ยืนหยัดเพื่อตัวเองได้
ส่วนอีกสองหน่อนั่นก็ขอให้มีความสุขนะ ฮ่วย! :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hurt Love] Sad Movie [pg.1, 10/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: nigiri-sushi ที่ 15-08-2012 23:09:55
 :L1:Lonely Love :L1:


"I Want to Hold Your Hand"



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


กระป๋องเบียร์เปล่าถูกโยนลงมาข้างถังขยะที่ผมนอนซุกตัวอยู่ เสียงกระทบของมันดังพอจะปลุกให้ลืมตาตื่นอย่างเกียจคร้านได้
   
ผมหาววอด บิดตัวด้วยความเมื่อยล้า จมูกได้กลิ่นเปียกชื้นของสายฝนที่กำลังโปรยปรายลงมาแผ่วเบา ใครหลายต่อหลายคนพากันวิ่งหลบ พ่อค้าแม่ค้ารีบกุลีกุจอเอาแผ่นพลาสติกคลุมข้าวของบนแผงขาย
   
ผมขยับออกจากซอกตึก ตามตัวมีแต่กลิ่นขยะเปียก เท้าเปล่าเปลือยสกปรกมอมแมมเหมือนไปคลุกโคลนมาเป็นเดือน หยาดฝนที่ตกลงบนพื้นถนนเป็นแอ่งน้ำขังให้ความรู้สึกสดชื่น ผมเดินย่ำความเย็นฉ่ำนั่นไปอย่างสบายใจ
   
แผงหมูปิ้งข้างทางของแม่ค้าตัวอ้วนกำลังดึงดูดความสนใจจากกัน ผมตรงดิ่งเข้าไปหาเธอ กระเพาะที่ว่างเปล่าร้องโคร่กเพราะไม่มีอะไรตกถึงท้องมาสามวันแล้ว ผมอาศัยแค่เพียงน้ำเปล่าตามก็อกที่อยู่ในวัดประทังชีพเท่านั้น

“ไป! สกปรก อย่ามาแถวนี้นะ!” ยังไม่ทันได้ประชิดตัว ดูเหมือนจะถูกแกแสดงความรังเกียจเข้าให้ “เหม็นสาบ ไปให้พ้นไป๊!”

ผมถอนหายใจ เดินคอตกกลับไปที่เดิม อยากจะล้มตัวลงนอนข้างถังขยะที่เก่า เผื่อจะอาศัยเศษข้าวกล่องของคนแถวนั้นที่โยนทิ้งมาแก้หิวได้ แต่ความแสบร้อนที่กำลังรบกวนอยู่ทำให้เปลี่ยนใจเดินบ่ายหน้าไปยังที่ชุมชนแทน

มีสาวออฟฟิศใส่กระโปรงสีน้ำเงินเข้มยืนรอรถเมล์อยู่ข้างร้านขายลูกชิ้นหมู ผมขยับเข้าไป หวังจะขอความช่วยเหลือจากเธอ แต่พอลมพัดโกรกเข้ามาแล้วหอบกลิ่นสาบสางของผม..ที่ไม่เคยอาบน้ำเลยไปทางเธอเท่านั้น ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะเบ้หน้าแล้วรีบสาวเท้าหนีไปทางอื่นทันที

ผมขยับไปหาผู้ชายแต่งตัวดี หน้าตาหล่อเหลาอีกคนแต่เขาถอยกรูด ครั้นหันไปทางหญิงชราที่นั่งรอรถเมล์ แกก็เอาไม้เท้ามาขวางทางเดินไว้เป็นการปฏิเสธ และเพียงแค่การชายตามองหญิงวัยกลางคนที่กำลังนั่งดูดน้ำ หล่อนกลับเอาน้ำแข็งที่เหลือในแก้วสาดใส่ผมเสียอย่างนั้น

“นี่..” เสียงเล็กๆเสียงหนึ่งดังขึ้น ผมหันไปหาด้วยความดีใจเพราะเจ้าหนูตัวน้อยยื่นลูกชิ้นเนื้อไม้หนึ่งมาให้ “หิวใช่มั้ย กินสิ..กิน”

“อย่าทำอย่างนั้นค่ะน้องแจน!” สาวสวยที่ยืนอยู่ข้างเด็กหญิงคนนั้นร้องทัก เธอรีบดึงตัวลูกออกห่างจากผมที่กำลังจะเดินไปหา “อย่าไปยุ่งมัน”

..อา..นั่นสินะ..

ผมโอดครวญอยู่ในใจ น่าจะรู้อยู่แล้วว่าชีวิตจรจัดอับจนอย่างผมไม่เคยมีใครต้องการ ที่นอนที่เป็นซอกตึกร้างและเศษอาหารที่ใช้กินคือสิ่งยืนยัน

..ผมคือขยะ..คือสิ่งมีชีวิตที่ไร้คนสนใจ..

..จะอยู่ยังไง..จะหายใจหรือไม่..และจะตายเมื่อไหร่..

..ก็ไม่มีใครอยากรับรู้เลย..

“ดูทำหน้าเข้า” เสียงนุ่มนวลดังขึ้นเบื้องหลังพร้อมกับกลิ่นหอมกรุ่นของหมูปิ้งร้อนๆในถุงพลาสติกโชยเข้ามาเตะจมูก “สนใจมั้ย อร่อยน้า”

ผมท้องร้องจ๊อก เดินเชื่องช้าเข้าไปหาคนตรงหน้า พยายามทำตัวลีบไม่ให้กลิ่นเหม็นของตนทำให้อีกฝ่ายเดินหนี พยายามไม่ทำท่ากระหายหิวจนคนตรงข้ามต้องตกใจ และถ้าผมพูดได้..ก็คงจะบอกเขาไปแล้ว

..ว่าอย่ากลัวผมเลย..

“กินสิ” ชายหนุ่มยิ้มสดใส ผมเห็นดวงตาของเขาเป็นประกายแวววาว

ผมลงมือจัดการกับมื้อแรกในสามวันที่ผ่านมาอย่างหิวโหย รีบร้อนจนแทบจะกลืนไม้เข้าไปทั้งอัน สำลักก็หลายครั้งเพราะความตะกละของตน

และเมื่ออิ่มแล้ว ดูเหมือนว่าผมเพิ่งจะได้เงยหน้าขึ้นมา 

“อร่อยใช่มั้ยล่ะ” เขาฉีกยิ้มให้ เอื้อมมือหมายจะจับตัวกันแต่ผมผละหลบ เขาเองก็ไม่ได้ว่าอะไร นั่งยองๆดูผมอยู่อย่างนั้น

เขาเป็นผู้ชายวัยทำงาน สังเกตจากเชิ้ตแขนยาวและเนคไทที่คลายลงพอหลวมๆ มีกระเป๋าเป้สะพายอยู่ด้านหลัง ให้เดาแล้ว..เขาเองก็ใช่ว่าจะมีเงินมากมายพอแจกพวกจรจัดอย่างผมนักหรอก แต่อะไรบางอย่างในตัวเขาที่แตกต่างจากคนพวกนั้น..ทำให้เขาไม่มองเมินเหมือนผมเป็นแค่ขยะสังคม

“ไปก่อนนะ” เขาหันมายิ้มให้ โบกมือลาแล้วเดินจากไป

ผมคิดจะกลับไปนอนซุกตัวต่อเพราะอากาศตอนเย็นเริ่มหนาว แต่เพราะว่าติดใจในตัวของผู้ชายคนนั้น ผมเลยเลือกที่จะเดินตามเขาอย่างเงียบๆ

เขาหยุดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ไขกุญแจแล้วเดินเข้าไป ชั่วจังหวะนั้นเขาหันมามองตรงเพิงร้านขนมเหมือนจะนึกรู้ว่าถูกจับจ้องอยู่ แต่พอหันซ้ายหันขวาแล้วไม่เจอใครเขาเลยปิดประตูรั้วแล้วลงกลอนจนแน่นหนาแทน

ผมออกมาจากที่ซ่อน เดินผ่านพื้นที่ว่างหน้าบ้านเขาที่มีหญ้าขึ้นรก เท้าเหยียบเศษตุ๊กตานางรำหักๆแล้วตรงขึ้นไปนอนพักเอาแรงที่แคร่ไม้เก่าคร่ำใต้ต้นฉำฉา จากตรงนี้..ผมมองเห็นหน้าต่างชั้นสองของเขาได้ถนัดตา

อากาศยามดึกเริ่มหนาวเหน็บ ผมนอนขดตัว กระสับกระส่ายอย่างรำคาญยุงที่รุมกัดกินตามเนื้อ น้ำค้างลงจนผมจามครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่ตามลำพัง

มีแสงไฟหน้ารถมอเตอร์ไซค์สาดเข้ามากลางความมืด ผมลุกขึ้นนั่ง เห็นชายวัยรุ่นถอดหมวกกันน็อคออก เขาลงจากรถ ดิ่งไปกดออดตรงกำแพงถี่ยิบ พร้อมกับตะโกนเรียกเจ้าของบ้านเสียงดังตอนที่ม่านหน้าต่างชั้นสองเลิกขึ้น

คนใจดีของผมรีบร้อนเดินมาเปิดรั้วให้ ไฟจากเสาสูงฉาบไล้ที่ร่างโปร่งบางในชุดนอนสีฟ้าอ่อน คนที่มาทีหลังก่นด่าอะไรหลายคำก่อนจะลากมอเตอร์ไซค์เข้าบ้านไป ผมได้แต่ชะเง้อคอมองผู้ชายคนเดิมคล้องแม่กุญแจปิด

ไฟที่เปิดไว้ในห้องทำให้ผมเห็นอะไรได้ชัดเจน ความเงียบในยามค่ำคืนทำให้หูผมได้ยินทุกอย่าง มีเสียงทะเลาะกัน..ไม่สิ น่าจะเป็นคำต่อว่าจากหนุ่มวัยรุ่นคนนั้นเพียงคนเดียวมากกว่า เพราะผมไม่ได้ยินเสียงคู่สนทนาเลย

ผมเห็น ‘เขา’ ยืนนิ่งอยู่ข้างหน้าต่าง อีกฝ่ายท่าทางหัวเสียพร้อมทั้งระเบิดอารมณ์มากมายใส่ ผมรู้สึกโกรธแทน ‘เขา’ ที่ไม่คิดโต้ตอบออกไป

ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ผมเห็นไอ้หมอนั่นเงื้อฝ่ามือตบหน้า ‘เขา’ คนใจดีของผมเสียหลักล้มหากแต่ถูกอีกคนกระชากแขนขึ้นมาก่อน ผมจ้องภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ และเมื่อเด็กหนุ่มตัวสูงใหญ่ก้าวเข้ามากระชากม่านออกจนหมดแล้วผลัก ‘เขา’ ชิดกระจกหน้าต่าง ผมก็ยิ่งตกตะลึงอย่างคาดไม่ถึง

มันกดแผ่นหลังเล็กให้ก้มหน้าลงต่ำ ‘เขา’ ใช้มือยันขอบปูนไว้เพื่อทรงตัวตอนที่คนด้านหลังปลดเข็มขัดกางเกงออก ผมเห็นใบหน้าอ่อนโยนของ ‘เขา’ มีแววเจ็บปวดเมื่อมันกระแทกร่างเข้ามา ผิวสีขาวยิ่งขาวซีดขึ้นอีกหลายเท่า ทั้งดวงตาคู่เดิมก็มีหยาดน้ำร่วงหล่นเมื่อตัวไหวคลอนไปตามแรงยัดเยียด

‘เขา’ ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว มือที่หยิบยื่นความห่วงหาให้กำม่านจนแทบขาดคล้ายพยายามหาหลักยึดหากมันขยุ้มลงบนเรือนผมแล้วเค้นเสียงหัวเราะข้างหู ผมจ้องมองสีหน้าเยาะเย้ยของมันด้วยความเจ็บแค้นแทน

ในวินาทีที่มันลากตัว ‘เขา’ ออกห่างจากหน้าต่าง ดวงตาของเราสบประสานกัน ผมเห็น ‘เขา’ เอื้อมมือไขว่คว้าออกมาข้างหน้าด้วยท่าทางวิงวอน

..ผมไม่มีวันลืมดวงตาโศกเศร้าคู่นั้น..



__________________________________________________



เช้าวันถัดมา ผมเดินอย่างเซื่องซึมไปยังเพิงร้านขนม ก้มลงดื่มน้ำในถังสแตนเลสที่ตั้งไว้รองฝนจากชายคาเพื่อกำจัดความฝืดเฝื่อนในลำคอให้หายไป ภาพที่ได้เห็นเมื่อคืนนั่นยังคงติดค้างไม่จางหาย

แม่ค้าที่กำลังเช็ดใบตองทำขนมกล้วยร้องด่าโหวกเหวก แกขว้างไม้ใส่ผมด้วยความเข้าใจว่าสภาพจรจัดเช่นนี้คงคิดลักขโมยอะไรไปกิน
   
ผมได้แต่โผเผกลับมาซุกตัวใต้ต้นฉำฉาเช่นเดิม อาการแสบร้อนในท้องไม่ได้รบกวนผมมากเกินกว่าความเจ็บปวดที่ต้องทนมอง ‘เขา’ ทรมานอยู่ลำพัง
   
มีเสียงฝีเท้านุ่มนวลย่ำพงหญ้าเข้ามา ผมเงยหน้าขึ้นอย่างหวาดระแวง หากแต่เมื่อจมูกได้กลิ่นหอมเย็นของคนๆเดิม ผมก็ลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจทันที

“หิวมั้ย” มือเรียวยื่นข้าวกล่องให้

‘เขา’ นั่งลงข้างกัน แกะโฟมออกแล้ววางไว้ตรงหน้า กลิ่นหอมกรุ่นของข้าวร้อนๆราดด้วยหมูทอดกระเทียมพริกไทยทำให้ผมกลืนน้ำลายอย่างหิวโหย

“กินสิ” คำอนุญาตนั้นทำให้ผมไม่คิดจะเกรงใจ

‘เขา’ หัวเราะเบาๆ ผมเหลือบมองคนข้างกายด้วยความสงสัย

..เพราะอะไร ‘เขา’ ถึงไม่รังเกียจกัน..

“กินเยอะๆนะจะได้อิ่ม” 

ผมฟังเสียงนุ่มๆนั้นแนะนำชื่อตัวเอง..กันย์

“มีชื่อรึเปล่า” กันย์เอียงหน้าเข้ามาหาแล้วเอ่ยปากถาม

ผมไม่รู้จะบอกชื่อของตัวเองว่าอะไรดี มันมีเยอะมากมายจนจำไม่หวาดไม่ไหว แต่ละคนเรียกผมต่างกัน ในเวลาที่ผมเดินอยู่เฉยๆ จะมีเสียงตามมาว่า ‘จรจัด’ ‘สกปรก’ ในเวลาที่ผมอยากขอความช่วยเหลือแล้วบังอาจเอาตัวเข้าไปใกล้ใครก็ตาม ชื่อผมจะยาวเป็นพิเศษ นั่นคือ ‘ไสหัวไปให้พ้น’   

แต่ถ้าผมหิวจัดแล้วเกิดสัญชาตญาณเอาตัวรอด ทันทีที่ผมลักขโมยลูกชิ้น ไก่ย่าง หรือหมูทอดที่แม่ค้าเผลอปล่อยทิ้งไว้ ผมจะมีอีกชื่อทันที
   
‘ไอ้สัตว์’ ‘ไอ้เลว’ ‘ไอ้ชาติชั่ว’ ‘ไอ้ระยำ’ กระทั่ง ‘ไอ้เหี้ย’
   
..สำหรับคนพวกนั้นแล้ว..ผมเป็นหลายต่อหลายอย่างจริงๆ..
   
“ทำไมต้องทำตาละห้อยแบบนั้นด้วย” กันย์หัวเราะ วางมือลงบนตัวผมอย่างไม่คิดรังเกียจ “ตั้งชื่อให้เอามั้ย ถามไปก็งั้นๆแหละเนอะ พูดไม่ได้นี่นา”
   
ผมมองตาเขาด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก
   
“ไม่รู้จะเรียกอะไร เรียกตามไซส์ตัวดีกว่า” กันย์คะเนช่วงลำตัวของผม “ชื่อใหญ่เนอะ..พี่ใหญ่” เขาหัวเราะร่วน “พี่ใหญ่เป็นเพื่อนกับกันย์แล้วนะ”
   
ผมรับรู้ว่าดวงตาร้อนผ่าว ไม่แน่ใจนักหรอกว่าหยดน้ำที่คลออยู่กับความอึดอัดที่บีบขึ้นจากในช่องท้องมาจุกถึงลำคอนี้คืออะไร
   
..ผมมีชื่อแล้ว..ชื่อเรียกที่เขามอบให้แก่ผมเท่านั้น..
   
กันย์เอาข้าวมาให้ผมกินแล้วแต่ยังไม่กลับเข้าบ้าน เขาเริ่มสำรวจทั่วทั้งตัวผม ย่นจมูกไปนิดเมื่อได้กลิ่นเหม็นสาบ “อาบน้ำกันมั้ย”
   
ผมคิดว่าคงไม่มีปัญญาปฏิเสธเพราะกันย์ลากผมเข้าบ้านในทันทีนั้น ผมเกลียดการอาบน้ำ แต่ยอมรับว่ามือนุ่มนิ่มที่ค่อยๆลูบลงบนตัวกับความอ่อนโยนที่เพียรเอาใจใส่กัน ทำให้ผมเคลิ้มไปกับสัมผัสได้ไม่ยาก
   
“แปรงฟันด้วยดีกว่า นายปากเหม็นมาก!” กันย์บีบยาสีฟันจากหลอดแล้วรื้อเอาแปรงอันใหม่ให้ ผมมองอย่างเงอะงะ กระทั่งเขาบีบปากผมแล้วบริการให้นั่นแหละ “อย่ากลืนลงไปนะ อ้าปากอย่างนั้น..เก่งมาก”
   
กันย์ลงมาอาบด้วย ผมได้แต่นั่งนิ่งอยู่กับที่ ปล่อยเขาจัดการให้ทุกเรื่อง
   
“ดูซิเนี่ย น้ำดำปี๋เลย” เขาหัวเราะ บีบยาสระผมจนเต็มมือเพื่อชะล้างคราบสกปรกให้ผมอีกครั้ง แน่นอนว่าผมต้องอาบน้ำไม่ต่ำกว่าสาม
   
ในชั่วจังหวะที่กันย์หันหลังให้ ผมเหลือบเห็นรอยกัดเป็นจ้ำเลือดทั่วผิวเนื้อขาว รอยแดงที่เกิดจากฝ่ามือเค้นขยำยังปรากฏเด่นชัด
   
“มองอะไร หืม..” กันย์พึมพำ ชี้ร่องรอยบอบช้ำทั้งหมดอย่างไม่สนใจ หากแต่ผมรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดในน้ำเสียง “พวกนี้เหรอ..อย่าไปสนมันเลย ไม่เจ็บหรอก ชินแล้วล่ะ เป็นแบบนี้ตลอดเวลาเขาเมากลับมา”
   
ผมรู้สึกว่าเขากำลังปลอบใจตัวเอง

“เมื่อคืนเป็นพี่ใหญ่ใช่มั้ยที่มองอยู่” กันย์ยิ้ม เอื้อมไปหยิบผ้าขนหนูสีขาวสะอาดมาให้ “ถูกเห็นตอนน่าอายซะแล้วสิ”

ผมถูกเขาพาเข้ามาในห้องรับแขก กันย์เช็ดตัวให้อย่างอ่อนโยน ใจจริงแล้ว ผมอยากบอกเขาว่า ไม่ต้องใส่ใจกันมากมายขนาดนี้หรอก ผมเป็นแค่ขยะ

..ขยะที่ไม่มีค่าอะไรเลยในโลกใบนี้..

“ชอบทำหน้าตาอมทุกข์” นิ้วเรียวนวดคลึงที่หน้าผาก กันย์คงเห็นรอยยับย่นบนหน้าของผมบ่อยครั้งเกิน “เดี๋ยวแก่เร็วนะ ฮ่ะๆ”

ตั้งแต่เกิดมา..ไม่เคยมีใครทำให้ผมขนาดนี้มาก่อน ขยะชิ้นหนึ่งที่ถูกใครบางคนเก็บมันขึ้นมาทำความสะอาดเสียใหม่ ให้ข้าว ให้น้ำ ให้ชื่อ

..ผมยอมตายเพื่อเขา..

“พี่ใหญ่อยากอยู่ด้วยกันมั้ย” กันย์ถามผมตอนที่เรานั่งรับลมเล่นอยู่ตรงหน้าบ้าน “รับรองว่าจะดูแลอย่างดี ไม่ให้ลำบากเลย”

เสียงมอเตอร์ไซค์คันเดิมดังขึ้นตรงรั้ว ผมหันขวับไปมอง เห็นมันไขกุญแจบ้านเข้ามาโดยไม่เสียเวลาเรียกกันย์อย่างเมื่อคืน

“วันนี้ไม่ไปกับเพื่อนเหรอโจ้” กันย์ยิ้มรับอย่างฝืดเฝื่อน ผมสัมผัสได้ว่าเขาไม่ค่อยอยากสุงสิงกับมันเท่าไหร่นัก “กินอะไรมารึยัง”

“เงินไม่พอ” มันเดินเข้ามาหา แบมือขออย่างหน้าด้านๆ

“เมื่อวานเอาไปแล้วสามพันไม่ใช่เหรอ เงินพี่ยังไม่ออกนะ แล้วนี่ก็เพิ่งจะต้นเดือน เราใช้ฟุ่มเฟือยแบบนี้พี่จะเอาที่ไหนมาให้”

มันชักสีหน้า “เงินเดือนตั้งสองหมื่น เอาไปทำอะไรหมด ”
   
“ทุกอย่างในบ้านพี่จ่าย ค่ากิน ค่าอยู่ ค่าเทอมโจ้ ไหนจะค่าเที่ยว ค่าเปิดเหล้า ค่าเลี้ยงเพื่อนสารพัดอะไรของเรานั่น แบบนี้พี่จะมีเงินเหลือได้ยังไง”
   
“โธ่เว้ย!” มันเตะลังเปล่าแถวนั้นกระเด็น “แม่ง! ขอแค่นี้ไม่ให้ อย่าให้รู้นะว่าเอาเงินไปเลี้ยงเด็กที่อื่น กูเอาตายแน่!”
   
ผมจ้องมองมันด้วยความไม่ชอบใจ ดูเหมือนว่ามันจะเพิ่งเห็นการมีตัวตนของผมถึงได้หันขวับมามอง สีหน้าขยะแขยงปรากฏขึ้นในทันที
   
“นี่อะไร” มันชี้มือมาทางผม “ไปเก็บขยะที่ไหนเข้ามา!”
   
“เขามีชื่อนะ” กันย์ยิ้มอ่อนโยน “พี่เรียกเขาว่าพี่ใหญ่”

“ถุด!” มันถ่มน้ำลายลงพื้น “เงินไม่มีให้ แต่เที่ยวใจดีสงเคราะห์ไอ้พวกจรจัดไม่เลือก อีกหน่อยคงได้มันเป็นผัวด้วย คนอย่างกูมันเร้าใจไม่พอ”

กันย์มีสีหน้าเรียบนิ่ง และเพื่อเป็นการยุติเรื่องทั้งหมด ผมเห็นเขาหยิบกระเป๋าเงินออกมานับแบงค์พันให้อีกฝ่ายสองใบ “นี่ค่ากับข้าวพรุ่งนี้ โจ้จะเอาไปเที่ยวก็ตามใจ แต่ถ้าไม่มีข้าวกินจะโทษพี่ไม่ได้นะ”

มันยิ้มลิงโลด กระชากเงินในมือกันย์ออกไป “ไม่มีให้กินก็กินที่อื่นสิ” มันดมกลิ่นบนกระดาษสีเทานั้นคล้ายกับว่าหอมเสียเต็มประดา

“เอาไว้จะกลับมาบริการตอบแทนเงินสองพันให้แล้วกัน”

กันย์ถอนใจเฮือก เขาขยับเข้ามากอดผมไว้แนบแน่น “เบื่อเต็มทนแล้ว..อยากเลิก” ฝ่ามืออบอุ่นลูบไปตามเนื้อตัวผม “แต่ไม่รู้จะพูดยังไง โจ้ชอบโมโหร้าย อย่างเมื่อคืนนี้..” เขาพึมพำ “แค่ได้ยินว่าไปกับหัวหน้าเขาก็อาละวาดแล้ว”

ผมนั่งเฉย ไม่รู้วิธีปลอบใจอื่นใดนอกจากล้มตัวลงนอนแล้วอาศัยตักของเขานอนหนุน กันย์ดูยิ้มออกมาได้เมื่อคิดว่าผมกำลังอ้อน

“รู้มั้ย กันย์ชอบการแสดงความรักแบบนี้นะ ถึงพี่ใหญ่จะไม่ได้พูด แต่กันย์รู้ว่าพี่ใหญ่กำลังคิดอะไร มันดีกว่าโจ้ที่ชอบบอกรักบ่อยๆเวลาเรามีเซ็กซ์” เขายิ้มเศร้า “แต่จริงๆแล้ว..โจ้แค่รักเงินของกันย์เท่านั้นเอง”



_____________________________________________



หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hurt Love] Sad Movie [pg.1, 10/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: nigiri-sushi ที่ 15-08-2012 23:15:43


ผมพยายามขืนตัวเมื่อได้กลิ่นยาฉุนกึกโชยออกมาจากร้านด้านหน้าหากแต่กันย์ฉุดรั้งผมเต็มที่ เขาทั้งขู่ ทั้งปลอบให้ผมยอมตามและเชื่อฟัง
   
“โตจะตายแล้วยังกลัวหมออีกเหรอ” กันย์แสร้งว่า เขาลากผมเข้าไปในคลินิกถัดจากซอยบ้านสองคูหา “หมอที่นี่มือเบา เชื่อสิ”
   
ผมรู้สึกเป็นปรปักษ์กับชายชุดขาวที่เห็นเบื้องหน้าในทันที พยายามจะขืนตัวหลบแล้ววิ่งกลับบ้านหากแต่กันย์จับผมไว้แน่น
   
“ไม่ต้องกลัวหมอหรอกนะ..พี่ใหญ่” ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มอ่อนโยน ดูเหมือนเขาจะรู้ประวัติของผมจากเอกสารที่กันย์เขียนไว้ให้ “บำรุงนิดเดียว”
   
ผมไม่รู้หรอกว่าโดนทำอะไรบ้าง รู้แต่เจ็บแปล็บในที่ที่ถูกเข็มฉีดยาจิ้มลง พวกจรจัดอย่างผมไม่มีวันป่วย ชีวิตร่อนเร่ไร้แก่นสารมันทรหดเหมือนเชื้อโรคดื้อด้าน ต่อให้มีอะไรหนักหนาสาหัสหรือร้ายแรงเท่าไหร่ผมก็ยังอยู่ต่อได้ ไม่ว่าจะอดข้าวอดน้ำ นอนกลางดินกินกลางทราย ถูกชาวบ้านเอาก้อนหินไล่ขว้างหรือถูกทุบตีสารพัดก็ตาม ประสาอะไรกับการพามาหาหมอเพื่อดูแลสุขภาพในตอนนี้กัน
   
“ผมจัดยาให้ในซองนี้แล้วนะครับ” เขาชี้ให้ดู “กินหลังอาหารทุกวันจนยาหมดนะ แล้วก็ยาทาคือตัวนี้ ทาตรงที่เป็นแผลจนแผลแห้ง”
   
ผมตัวแข็งเกร็งเมื่ออีกฝ่ายเอื้อมมือมาจับ หากแต่รอยยิ้มนุ่มนวลที่เขาส่งตรงมากลับทำให้ความหวาดระแวงของผมลดลงอย่างง่ายดาย
   
“อาทิตย์หน้ามาหาหมออีกนะพี่ใหญ่”
   
กันย์ยิ้มรับ บอกขอบคุณแล้วจ่ายค่ารักษาให้ ผมได้ยินกันย์เรียกเขาว่าหมอนพ คิดว่าคงรู้จักกันดีในระดับหนึ่ง ไม่อย่างนั้นหมอคงไม่ลดค่ายาให้อีก
   
..กันย์ทำเพื่อผมอีกแล้ว..
   
พวกเรายังไม่กลับบ้านในทันที กันย์พาผมมานั่งเล่นในสวนสาธารณะใกล้บ้าน ลมเย็นพัดเอื่อย หอบเอาเศษใบไม้พัดเป็นวง 
   
“อีกหน่อยพี่ใหญ่ต้องหล่อมากแน่ๆ” มือเล็กลูบตามเนื้อตัวผมอย่างนุ่มนวล ผมรับรู้ได้ถึงความเมตตาในทุกการสัมผัส
   
ผมจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่มีใครให้ความใส่ใจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เท่าที่พอจะระลึกก็มีแต่เสียงตวาดและสีหน้าแสดงความรังเกียจเท่านั้น
   
..ไม่เคย..และไม่มี..
   
“ขี่จักรยานกันมั้ย พี่ใหญ่นั่งข้างหน้า” กันย์ชวน
   
และโดยที่ไม่รอปฏิกิริยาตอบกลับ กันย์สั่งให้ผมนั่งรอก่อนที่จะกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปเช่าจักรยานมาคันหนึ่ง เขาดึงตัวผมขึ้นไปตรงเบาะแล้วขึ้นมานั่งซ้อนจากข้างหลัง พาขี่รับลมในสวนด้วยท่าทางมีความสุข
   
ผมสูดลมหายใจเข้าลึก ไม่ได้ตั้งใจจะเอาอากาศบริสุทธิ์ ไม่ได้ตั้งใจจะรับลมเย็นที่พัดผ่านหน้า ไม่ได้คิดจะตักตวงกลิ่นไอฝนที่กำลังก่อตัวด้านบน
   
..ผมกำลังเก็บกลิ่นอายของความทรงจำที่มีกันย์อยู่ใกล้ๆ..
   
..เก็บความอบอุ่น ความห่วงหา ความใส่ใจนี้ไว้..

..เพื่อว่าวันสุดท้าย..จะไม่นึกเสียดายในภายหลัง..
   
ฝนตกลงมาอย่างที่คิดไว้ กันย์รีบคืนจักรยานแล้วชวนผมกลับบ้าน เรากึ่งเดินกึ่งวิ่งคู่กันไป ผมรักเสียงหัวเราะสดใสของกันย์
   
“เย็นนี้กินอะไรดีพี่ใหญ่ เอาเนื้อตุ๋นมั้ย” เขาแวะซื้อของที่ตลาด ผมเห็นว่ากันย์มีเงินมากกว่าที่บอกไอ้หมอนั่น “ต้องกินผักหน่อยนะ กินแต่เนื้อไม่ดี”
   
ผมอยากบอกว่าแค่มีข้าวเปล่าหรือเศษอาหารที่ใครต่อใครทิ้งลงมาผมก็กินได้แล้ว แต่ดูเหมือนกันย์จะไม่ยอมปล่อยให้เป็นอย่างนั้น
   
“คืนนี้โจ้คงไม่กลับ” กันย์มีสีหน้าแช่มชื่น “พี่ใหญ่นอนด้วยกันนะ”
   
เป็นคืนแรกที่ผมมีใครสักคนอยู่เคียงข้าง นอกเหนือไปจากกำแพงแข็งๆที่ใช้ซุกตัวกับกลิ่นขยะสดที่มักกลายเป็นอาหารเช้าในทันทีที่ผมลืมตา
   
กันย์นอนหลับตาพริ้มทั้งที่แขนยังกอดก่ายอยู่บนตัวผม ตอนดึกอากาศหนาวกว่าที่เคย ผมนอนนิ่งอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่นๆ หัวใจอิ่มเอิบไปด้วยความสุข

คืนนี้ไม่มีน้ำค้างลง ไม่มียุง ไม่มีเสียงเอะอะโวยวาย ไม่ต้องคอยกังวลว่าจะถูกพวกขี้เมาหาเรื่องทุบตีหรือจะถูกใครสาดน้ำใส่ตอนไหน
   
..ผมยอมตายได้เพื่อกันย์..



______________________________________________



อาทิตย์นั้นผมต้องไปหาหมอนพอีกหลายครั้ง เขาจัดยากินและยาทาให้ กันย์เป็นคนดูเรื่องนี้ให้ผมอย่างเอาใจใส่ ยังมีคนของหมอนพช่วยทำสิ่งที่กันย์เรียกว่า ‘เสริมหล่อ’ ให้ผม ทั้งอาบน้ำ เช็ดตัว ใส่น้ำหอม ตัดเล็บที่สกปรกและยาวจัดออก
   
“ไม่เหลือเค้าเดิมเลย” หมอนพหัวเราะ จับยืดแก้มผมไปที
   
“พี่ใหญ่หล่อมาก” กันย์ยิ้มสดใส เอื้อมมือมาลูบตัวผมในจังหวะเดียวกับที่หมอนพสำรวจดูว่าบาดแผลที่ผมเคยได้รับหายดีแล้วหรือยัง
   
หมอนพหัวเราะเบาๆแก้เก้อ ดึงมือที่วางทาบปลายนิ้วกันย์ออก พวกเขาสบตากันเพียงครู่แล้วต่างฝ่ายต่างหันหนีไปทางอื่น แก้มของกันย์ขึ้นสีแดงเรื่อ
   
“ยังเหลือวัคซีนอีกตัวนะครับ” หมอดันแว่นที่ตกลงบนจมูกขึ้น หลุบสายตาลงต่ำ ไม่ยอมมองหน้ากันย์อย่างเดิม
   
ผมหันไปย่นหน้าให้ นึกติเขาในใจว่า ขี้ขลาด
   
“พี่ใหญ่มีอะไรเหรอ” หมอนพขยี้หัวผม
   
..รักเขาก็บอกสิ..
   
กันย์ยิ้ม จ่ายเงินค่ายาแล้วพาผมเดินไปที่ประตูคลินิก ผมหันกลับไป ส่งเสียงในลำคอเป็นสัญญาณให้หมอนพทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะหมดโอกาส
   
“คุณกันย์..” ในที่สุดเขาก็ฉลาดขึ้นบ้างแล้ว “เย็นนี้..กินข้าวมั้ยครับ”
   
..ถามอะไรอย่างนั้น..
   
“ครับ” กันย์เลิกคิ้ว “กินอยู่แล้ว กินทุกมื้อเลย”
   
หมอเลิ่กลั่ก ตั้งสติใหม่แล้วเอ่ยปาก “คือ..เย็นนี้ ผมหมายถึง..”
   
..ขี้ขลาด ขี้ขลาด ขี้ขลาด..
   
ผมดึงขากางเกงของกันย์เพราะหมั่นไส้หมอเต็มแก่
   
“เย็นนี้..พาพี่ใหญ่ไปกินข้าวด้วยกัน” เขาเกาแก้ม “..กับผม”
   
กันย์ยิ้มออกมาได้ “พี่ใหญ่ว่าไง ตกลงมั้ยครับ”
   
ผมส่งเสียงให้เขารู้เป็นการตอบรับ หันไปมองหน้าหมอนพอีกทีเพื่อจะทวงรางวัลจากเขา กันย์อาจจะไม่รู้ก็ได้ว่าหมอติดสินบนผมไว้ด้วยสเต็กชิ้นหนึ่ง
   
“พี่ใหญ่เป็นพ่อสื่อให้หมอกับคุณกันย์หน่อยนะ ถ้าเย็นนี้เขายอมไปกินข้าวด้วย หมอจะเลี้ยงพอร์คช็อพชิ้นโตๆเลย” ใครไม่รู้กระซิบบอกในห้องรักษา
   
หมอนพพาเราไปร้านอาหารกลางแจ้ง เขาไม่ลืมสัญญาที่ว่าจะเลี้ยงผม เพียงแต่ต้องรอกลับไปกินที่บ้าน ระหว่างนั้นผมได้แต่นั่งมองพวกเขาคุยกัน
   
ผมสังเกตสีหน้ากันย์ เขาดูมีความสุขและสดใสกว่าที่เคย ถ้าเทียบระหว่างหมอนพกับมันแล้ว ผมอยากให้กันย์อยู่กับหมอมากกว่า
   
“พี่ใหญ่ต้องมาหาหมออีกกี่ครั้งเหรอครับ”
   
“จริงๆแค่มาดูผลเลือดอีกแค่ครั้งเดียวก็พอแล้วล่ะฮะ” หมอยิ้ม “แต่..แต่ว่าถ้าคุณกันย์จะมาบ่อยๆ เอ่อ..พาพี่ใหญ่มาด้วย”
   
กันย์เลิกคิ้วอีกครั้ง ส่วนผมก็กระตุกขากางเกงหมอไปที

“แค่อยากบอกว่าถ้าคุณมา..” หมอนพหัวเราะแหะ “ผมก็จะ..ดีใจมาก”

ผมรู้สึกว่าตัวกันย์ร้อนผ่าว พอเงยหน้ามองก็เห็นแก้มขาวขึ้นเป็นสีเลือด กันย์ก้มหน้า หันมาถามผมเป็นเชิงขอที่พึ่ง แต่จะบอกอะไรให้ หมอนพแอบยื่นไส้กรอกให้ผมนานแล้ว ในเมื่อรับของเขามากินผมเลยส่งเสียงตอบรับเป็นการช่วย

“นั่นไง พี่ใหญ่ยังเห็นด้วยเลย”

กันย์หัวเราะ ไม่ตอบรับอะไร..แต่ก็ไม่ยอมปฏิเสธเสียทีเดียว
   
เรากลับเข้าบ้านอีกทีตอนหกโมงเย็น กันย์แยกกับหมอนพที่หน้าปากซอย ผมรู้ว่าใจจริงเขาอยากมาส่งแต่กันย์พาผมเดินออกมาก่อน

ผมเห็นมอเตอร์ไซค์คันเดิมจอดอยู่ริมรั้ว มันยืนสูบบุหรี่รออยู่ข้างกำแพง กันย์ตัวแข็งขึ้นมาทันทีเมื่อมันสาวเท้าเข้าหาอย่างรวดเร็ว
   
“ไปไหนมา” มันใช้เสียงตะคอกใส่ แต่พอคนแถวนั้นหันมองมันก็เปลี่ยนเป็นกระชากแขนกันย์เข้าหาตัว “บอกว่าไม่มีเงินแต่เสือกไปกินข้าวกับชู้”
   
กันย์ไม่ยอมเข้าบ้านตามที่มันสั่ง ผมรับรู้ได้ถึงแรงขัดขืน ก่อนหน้านั้น กันย์ไม่กล้าแม้แต่จะเถียงด้วยซ้ำ “พูดอะไรหัดให้เกียรติคนที่เลี้ยงนายซะบ้างนะ”
   
มันขบกรามกรอด บีบแขนหนักขึ้น “เดี๋ยวนี้ปากดีงั้นเหรอ”
   
กันย์ยื้อแขนออก เขาถอยมาก้าวหนึ่งตอนที่มันปราดเข้าหาแล้วเงื้อมือขึ้นหมายจะชก ผมถลันเข้าขวางกลาง อารมณ์โกรธพลุ่งพล่านจนขนทั่วตัวลุกชัน
   
มันชะงักกึก มีทีท่าลังเลเพราะท่าทางไม่เป็นมิตรที่ผมบอกทางอ้อม
   
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง”
   
กันย์รีบก้มลงลากผมตอนที่มันขี่มอเตอร์ไซค์พุ่งเข้ามา ผมส่งเสียงดังตามหลัง คนที่ยังเดินพลุกพล่านพากันมองตาม “เข้าบ้านเถอะพี่ใหญ่”
   
ผมก้มลงกินนมสดที่กันย์รินให้ ระหว่างนั้นเขานั่งลงข้างๆ กอดผมไว้ด้วยสองแขนพลางลูบตามเนื้อตัวที่ผ่านการดูแลมาอย่างดี
   
“พี่ใหญ่เท่มาก” กันย์ออกปาก มือไล้ที่ตัวผมด้วยความชื่นชอบ เขาชมว่าผมมีกล้ามปีกใหญ่ ตัวบึกบึนสมกับที่คิดไว้ “รักพี่ใหญ่มากเลย..รู้มั้ย”
   
ผมซุกตัวลงซบไหล่บางพร้อมกับหันหน้าไปหอมแก้มหนหนึ่งเพื่อบอกว่าผมเองก็รักเขาเช่นกัน กันย์หัวเราะสดใสเมื่อผมเลียหน้าเขา
   
“เชื่อมั้ยว่าแต่ก่อนกันย์ไม่กล้านะ แต่เดี๋ยวนี้รู้สึกมีพาวเวอร์ยังไงไม่รู้” เขายิ้ม “พอรู้ตัวว่าพี่ใหญ่จะอยู่ด้วยเสมอ กันย์ก็กล้าต่อยโจ้ด้วยซ้ำ”
   
ผมส่งเสียงในลำคอเมื่อเขาเกาคางให้
   
“น่าจะถึงเวลาบอกให้โจ้ออกไปจากชีวิตกันย์ซะที”



________________________________________________________


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hurt Love] Sad Movie [pg.1, 10/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: nigiri-sushi ที่ 15-08-2012 23:16:02


กันย์พาผมมารับผลเลือดที่คลินิกของหมอนพ เขาบอกว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง เพียงแต่บางครั้งต้องระมัดระวังเรื่องอาหารบ้าง
   
“เลี่ยงพวกตับได้ก็ดีนะครับ ถึงพี่ใหญ่จะชอบก็เถอะ” หมอขยิบตาให้ผม “อร่อยแค่ไหนก็กินนานๆครั้งได้ มันเป็นอวัยวะกรองของเสีย เก็บพิษเยอะ”
   
กันย์พยักหน้าหงึก หลังจ่ายเงินแล้วเขามีขนมที่ไปซื้อเมื่อวานมาฝากหมอด้วย ผมเห็นว่าหมอนพยิ้มหน้าบานจนน่าตลกเชียว
   
“ใช่แล้ว..หมอมีอะไรจะให้พี่ใหญ่” เขาหันไปเอาอะไรยุกยิกอยู่ด้านหลังก่อนจะชูสายโซ่สีฟ้าสว่างที่ถักเกี่ยวกันเป็นเส้นให้ผมดู “ของขวัญ”
   
“ผมก็ลืมไป” กันย์ทุบกำปั้นลงกับมือตัวเอง “พี่ใหญ่ชอบมั้ย”
   
หมอนพเอาป้ายเหล็กที่แปลความได้ว่าผมผ่านการฉีดวัคซีนแล้วคล้องลงไปให้ด้วย “หันหลังให้หมอหน่อยสิพี่ใหญ่ หล่อๆเนอะ”
   
กันย์เข้ามาช่วยใส่สร้อยให้ผม วินาทีที่คนทั้งสองสัมผัสผมอย่างนุ่มนวลนั้น ผมรู้สึกว่าข้างในมันตีบตันไปหมด เหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างจุกแน่นในคอ
   
“พี่ใหญ่มีกันย์เป็นเจ้าของแล้วนะ” กันย์ตรงเข้ามากอดและจูบผมเบาๆ
   
“ดีใจด้วย” หมอนพหัวเราะ
   
ผมกระโดดลงจากโต๊ะเหล็กด้วยความสุขที่ล้นเปี่ยม เงาจากกระจกสะท้อนผ่านตัวตนที่เปลี่ยนไป ป้ายห้อยคอบอกชีวิตใหม่ที่ผมไม่มีวันลืม
   
เย็นนั้นหมอนพเข้ามาส่งพวกเราถึงหน้าบ้าน ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะทันทีที่มาถึง แขกไม่รับเชิญอย่างมันก็ดักรอเราอยู่ก่อนแล้ว
   
“มาทำอะไร” กันย์ถามด้วยเสียงเรียบเฉย
   
“ถามได้ว่ามาทำอะไร” มันขยี้บุหรี่ที่ทิ้งลงพื้น มองสำรวจหมอนพตั้งแต่หัวจรดเท้า “โผจากกูไปเกาะผัวใหม่นี่เอง มิน่าล่ะ..ไล่กูเหมือนหมูเหมือนหมา”
   
“มากไปแล้วนะโจ้ พี่ไล่นายตั้งแต่เมื่อไหร่” กันย์เสียงแข็ง
   
“ที่ส่งข้อความขอเลิกกับกูนี่หมายความว่าไงล่ะวะ!”
   
หมอนพกระแอมขัดจังหวะ เขามองมันด้วยสีหน้าไม่แสดงอารมณ์
   
“เข้าไปคุยข้างใน” กันย์บอกปัด หันมาขอบคุณหมอแล้วขยับจะเข้าบ้านแต่หมอฉุดแขนไว้ พึมพำว่าเป็นห่วง “ไม่เป็นไรครับ ผมจะคุยกับเขาดีๆ”
   
“ผมจะรออยู่ที่คลินิกถึงสี่ทุ่ม” หมอนพบอก ทั้งที่เวลาเลิกงานของเขาคือสองทุ่มครึ่ง “ถ้ามีอะไร โทรหาผมทันที ผมจะรีบมา”
   
“มีพี่ใหญ่อยู่ด้วย ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ยังไงก็ขอบคุณมาก”
   
ผมเดินนำกันย์เข้าข้างใน หมอนพกลับไปนานแล้ว มันนั่งกระดิกเท้าอยู่ที่โซฟา ในมือคีบบุหรี่พร้อมกับยกเบียร์กระป๋องขึ้นดื่มไปด้วย
   
“โจ้มีอะไรจะพูดก็ว่ามา” กันย์ยืนห่างจากมันให้มากที่สุด
   
มันเหยียดยิ้มแต่ดวงตาแข็งกร้าว “ที่บอกเลิก..หมายความว่าไง”
   
“แปลตามตัว” กันย์พูดเสียงนิ่ง “พี่ขอเลิกกับโจ้”
   
มันขยี้บุหรี่ลงบนโซฟา รอยแดงไหม้ลามเป็นวง “กูไม่แคร์หรอกนะว่ามึงจะไปเอากับหมาที่ไหน กูสนแต่ว่าเงินที่มึงให้กูน่ะ..กูจะยังได้เหมือนเดิมมั้ย”
   
“ไม่มีให้แล้ว ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม พี่..ไม่..ให้” กันย์เน้นให้มันฟัง
   
มันขว้างกระป๋องเบียร์ไปกระทบข้างผนัง ลุกพรวดผ่านตัวผมเข้าหากันย์พร้อมกับเงื้อมือสุดแขน หวังจะใช้กำลังอย่างที่ผ่านมา
   
แต่ก่อนที่มันจะได้ทำอย่างใจคิด ผมกลับกระโจนเข้าใส่ ฝังเขี้ยวคมกริบลงกับเนื้อต้นขา ขย้ำแล้วสะบัดสุดแรงเกิดจนเลือดแดงฉานไหลทะลัก
   
มันร้องลั่น เสียหลักล้มลงนอน ผมตามเข้าไปหมายจะซ้ำที่คอแต่กันย์เรียกผมเสียงดัง คำสั่งนั้นทำให้ผมชะงักกึก ยอมล่าถอยและปล่อยมันโดยดี
   
“ไอ้สัตว์!” มันร้องด้วยความเจ็บ มือทั้งสองช่วยกันห้ามเลือดที่ขา ผมเห็นเนื้อมันฉีกไปครึ่งฝ่ามือ “กูเอามึงตายแน่ไอ้เหี้ย..กูจะเอามึงให้ตาย!”
   
“ออกไป!” กันย์ตวาด ยกโทรศัพท์ขึ้นขู่ “อย่าให้เรียกตำรวจนะ”
   
มันมองพวกเราด้วยความโกรธแค้น “มึงทำอะไรกับกู จำไว้ให้ดี”
   
กันย์รีบเข้ามากอดผม ลูบตัวเป็นการปลอบประโลม “ขอบคุณนะพี่ใหญ่..ขอบคุณมากที่ช่วยกันย์ พี่ใหญ่ปล่อยเขาไปเถอะนะ ต่างคนต่างอยู่”
   
ผมยอมตามเพราะเชื่อฟังที่กันย์พูด

คืนนั้นเราเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ กันย์ไม่ได้เปิดทีวีเหมือนเคย เขาเอามือถือวางไว้ตรงหัวเตียงพร้อมกับลากตัวผมเข้าไปนอนกอดอย่างที่ชอบทำ
   
มีเสียงดังแกรกกรากหน้าบ้าน กันย์ชะโงกหน้ามอง ไม่เห็นมีอะไรนอกจากความมืด เขากลับขึ้นมาบนเตียง นอนขดตัวอยู่ใกล้ผม
   
“พี่ใหญ่กลัวมั้ย” กันย์กระซิบถาม “คงไม่มีอะไรหรอกเนอะ”
   
ผมนอนนิ่ง เงี่ยหูฟังทุกเสียงด้วยความสงบ
   
กันย์ถอนหายใจแล้วขยับเข้ามาใกล้ผมมากกว่าเก่า ผมเลียมือเล็กเพื่อบอกว่าผมอยู่ตรงนี้..อยู่ใกล้ๆ และจะปกป้องกันย์ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม
   
นาฬิกาหัวเตียงบอกเวลาสามทุ่มครึ่งเมื่อผมได้ยินเสียงคนไขกุญแจบ้านเข้ามาข้างใน หูผมตั้งชัน ขนพองขึ้นด้วยความระแวดระวัง
   
กันย์ลุกขึ้นนั่ง ควานหาโทรศัพท์แล้วกดในวินาทีที่มีชายร่างใหญ่สามคนพังประตูห้องนอนเข้ามา พวกมันพุ่งเข้าหาร่างบนเตียงแทบจะทันที
   
ผมกระโจนเข้ากัดคนด้านหน้า มันร้องเสียงดัง พยายามสะบัดแขนที่ถือไม้หน้าสามไว้ พวกมันอีกคนส่งเสียงโวยวาย มันคงไม่ได้สังเกตผมตั้งแต่แรก
   
“ไอ้เหี้ยเอ๊ย กูบอกแล้วว่ามันเลี้ยงหมาไว้ ไอ้โง่” เสียงของ ‘มัน’ ดังขึ้น
   
ผมคำรามในลำคอเมื่อได้กลิ่นที่เกลียดชัง ใครคนหนึ่งเงื้อไม้แล้วหวดเข้ามากลางหลัง ผมได้ยินเสียงกระดูกลั่น เจ็บจนเผลอปล่อยเหยื่อให้หลุด
   
“เหยียบแม่งให้จมตีนเลย ไอ้หมาระยำ!” มันสั่ง “เสือกกัดกูเองนะ”
   
“โจ้! อย่าทำ!” กันย์ร้องห้ามแต่ไม่เป็นผล
   
ใครอีกคนตีผมอย่างแรงที่ขา คนที่เหลือเตะเข้าเต็มชายโครง ผมร้องด้วยความเจ็บปวด เสียดแว้บเข้าไปถึงข้างใน มันเข้ามากระทืบซ้ำจนกลิ่นคาวเลือดพุ่งตัวขึ้นมาจากในช่องท้อง ผมนอนนิ่งแทบไม่เคลื่อนไหว
   
“อย่า!” กันย์พยายามจะเข้ามาช่วยแต่ถูกอีกคนจับเหวี่ยงลงบนเตียง มันเปิดไฟในห้องจนสว่าง ผมเพิ่งเห็นว่ามีพวกมันถึงสี่คน
   
“ไหนๆจะมีผัวใหม่แล้ว สงเคราะห์ผัวเก่าหน่อยได้มั้ยวะ” มันเลียริมฝีปาก ถอดเสื้อ ปลดกระดุมกางเกงก่อนจะหันไปสั่งเพื่อนอีกคนที่ถือกล้องวีดีโออยู่ “มึงถ่ายไว้นะเว้ย กูจะเก็บเป็นที่ระลึก เคราะห์ดีจะได้อัดแผ่นขายเลย”
   
มันโถมตัวเข้าใส่กันย์โดยมีเพื่อนอีกสองคนช่วยกันตรึงแขนขาวไว้บนเตียง อีกคนที่ถ่ายวีดีโอขยับเข้ามานั่งทับขา กันย์มองผมที่นอนเฉยทั้งน้ำตา
   
ผมอาศัยจังหวะที่ไม่มีใครทันสนใจตะเกียกตะกายไปทางประตูห้อง ความเจ็บร้าวแผ่ซ่านทันทีที่ขยับตัว แต่ผมไม่สนว่าจะมีกระดูกกี่ชิ้นในร่างแตกหัก ไม่สนว่าเลือดมากมายกำลังหยดเต็มพื้น ไม่สนว่าจะตายในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
   
..ผมต้องช่วยกันย์..
   
“ไอ้เหี้ย แม่งอึดจังว่ะไอ้ตัวนี้” มันหันขวับมามอง “มึงไปเอามีดมา”
   
กันย์ดิ้นจนสุดแรงเกิด ทั้งเตะทั้งถีบให้หลุดออกแต่มันต่อยเข้ามาเต็มท้อง ผมเห็นกันย์จุกจนตัวงอ ถึงอย่างนั้น กันย์แทบไม่ได้ห่วงตัวเองเลย
   
“ปล่อยเขาไป โจ้! อย่าทำอะไรเขา”
   
มันรับมีดอันยาวเท่าศอกมาจากเพื่อน กรีดดูคมขาววับที่ล้อกับแสงไฟ
   
“วันนี้แหละ กูขอลองมือสักหน”
   
ผมพยุงตัวลุกขึ้น โผเผไปตรงทางเดิน ในจังหวะที่มันเงื้อมีดฟันลงมา ผมกระโจนจนสุดกำลังเพื่อจะหนี คมมีดเลยรอดจากกลางหลังไปสับลงสะโพก
   
มันระเบิดหัวเราะดังลั่นเมื่อเห็นผมวิ่งหัวซุกหัวซุนออกนอกบ้านไป
   
“นี่เหรอบอดี้การ์ดมึงน่ะ กูเห็นแม่งเอาตัวรอดหมดไม่ว่าคนหรือหมา”
   
ผมวิ่งไปตลอดซอย ส่งเสียงให้ดังที่สุด หลายต่อหลายคนโผล่หน้ามาก่นด่า ผมพยายามเรียก พยายามขอความช่วยเหลือ พยายามเปล่งเสียงที่แหบพร่า หวังจะหาน้ำใจจากมนุษย์..หากแต่ไม่มีใครสักคนหันมามองผมเลย
   
“เฮ้ย! นี่หมาคุณกันย์นี่หว่า” ป้าขายของที่กำลังจะปิดร้านส่งเสียงโหวกเหวก เรียกคนมาดู “ใครทำอะไรมันวะเนี่ย แผลเหวอะเชียว”
   
“หมอนพยังอยู่มั้ย อุ้มมันไปหาหมอซิ”
   
ผมนึกถึงหมอขึ้นมาได้ สองขาที่ไร้เรี่ยวแรงพาตัวเองวิ่งกะโผลกกะเผลกฝ่าฝูงชนไปยังคลินิกสัตวแพทย์ หมอนพกำลังปิดร้านพอดี
   
“พี่ใหญ่!” เขานิ่งอึ้ง มองร่างที่อาบเลือดของผมด้วยความตกใจ
   
ผมส่งเสียงบอกเขา ระหว่างนั้น..รู้สึกได้ว่าน้ำตากำลังไหลลงเรื่อย วินาทีนี้ผมอยากจะพูด..ผมอยากแลกชีวิตของผมกับการได้พูดแม้เพียงคำเดียว
   
..ได้โปรด..ช่วยกันย์ด้วย..
   
ผมวิ่งกลับไปที่บ้านด้วยความเป็นห่วงกันย์สุดหัวใจ สาวเท้าให้เร็วที่สุดแม้ว่ากระดูกทั่วตัวกำลังแตกเป็นเสี่ยง เลือดผมหยดเป็นวงกว้าง ส่งกลิ่นคาวคลุ้งจนกลบกลิ่นฝนที่กำลังตั้งเค้า ผมได้ยินเสียงหมอนพตะโกนเรียกคนที่อยู่แถวนั้น
   
ผมมาถึงก่อนคนอื่นๆ แทรกตัวผ่านรั้วที่เปิดทิ้งไว้แล้ววิ่งขึ้นบันไดด้วยแรงเฮือกสุดท้าย สายตาพร่าเลือนกำลังจะทำให้ผมมองไม่เห็น
   
ไฟในห้องสว่างโล่ง มันส่งเสียงครางด้วยความพอใจ เคลื่อนไหวตัวอยู่บนร่างของกันย์ที่ถูกทำร้ายจนนอนนิ่ง สัตว์นรกอีกหนึ่งตั้งกล้องถ่ายภาพ ขณะที่คนอื่นกำลังปลดกางเกงลง พร้อมจะเข้าไปแทนมันทุกเมื่อ
   
ผมจำอะไรไม่ได้เลยในตอนนั้น รู้แต่ว่าพุ่งเข้าใส่มันด้วยแรงทั้งหมดที่มี คราวนี้ไม่มีเสียงร้องห้ามจากกันย์ ผมขย้ำลงบนคอหอยก่อนจะกระชากแล้วฟัดให้แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกที่เหลือร้องลั่น ลากตัวเพื่อนออกไปในตอนที่ผมกัดเนื้อมันจนขาดวิ่นติดปาก เลือดสดๆไหลย้อย หยดลงบนพื้นพรม
   
ผมเห็นกันย์พยุงร่างขึ้นมา ไขว่คว้ามือมาทางผม สำนึกสุดท้ายคือคมมีดที่ฟันลงมากลางหลัง ผมทรุดฮวบ หากแต่ยังฝืนตัว กระโจนเข้ากัดคนที่ใกล้ที่สุด พวกมันทิ้งเพื่อนไว้ตรงนั้นเพื่อเอาตัวรอด ใครคนหนึ่งล้มลง ผมขย้ำเข้าที่ใบหน้าแล้วสะบัดแรงจนเนื้อแก้มหลุด มันร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
   
หมอนพพาชาวบ้านเข้ามาในห้อง ทุกคนกรูเข้าจับพวกมันไว้ แต่ละคนถือไม้เข้ามาเป็นอาวุธ เขาหันไปมอง ‘มัน’ ที่นอนหงายแน่นิ่ง ดวงตาเบิกโพลง เลือดแดงฉานยังไหลพุ่งจากลำคอเหมือนเปิดก็อกน้ำทิ้ง
   
“พี่ใหญ่..พี่ใหญ่” กันย์โผเข้ามาหา ผมเห็นว่าตามมุมปากของกันย์มีรอยแตกช้ำ ใบหน้าและตามตัวมีแต่จ้ำเลือด “พี่ใหญ่อย่าเป็นอะไรนะ”

ผมยืนโงนเงน ยังตั้งท่าไม่เป็นมิตรกับทุกคนที่พยายามจะเข้ามาดูกันย์ จนกว่าผมจะแน่ใจว่าพวกเขามาเพื่อช่วยเหลือ ผมจะยืนอยู่ตรงนี้
   
..จะยืนกระทั่งหมดลมหายใจ..
   
“ไม่เป็นไรแล้วพี่ใหญ่..กันย์ไม่เป็นไรแล้ว” เขาลูบลงบนหัวผมเป็นการปลอบ ในวินาทีนั้น ผมหันไปมองหน้ากันย์ก่อนที่ทั้งตัวจะล้มลง
   
กันย์ร้องไห้ หมอนพเข้ามากอดปลอบ มือเล็กประคองหัวของผมให้หนุนลงบนตัก ผมลืมตามองคนแถวนั้นจับตัวพวกมันไว้แน่นหนา
   
“มันส่งเสียงเรียกคนทั้งซอยให้ช่วย”
   
กันย์เงยหน้ามอง น้ำตาร้อนผ่าวหยดลงบนตัวที่เหนื่อยล้าเต็มทน
   
“ตอนแรกไม่มีใครสนใจ แต่พอเห็นว่าตัวมันเปื้อนเลือดเท่านั้นแหละ”
   
“ไม่น่าเชื่อว่าเจ็บขนาดนั้นมันยังวิ่งไปตามคนได้”
   
“มันรักคุณมากรู้มั้ย”
   
ผมนอนฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้วยลมหายใจผะแผ่ว หมอนพบีบมือกันย์เป็นการให้กำลังใจก่อนจะวิ่งไปเอารถที่คลินิก เขาสัญญาว่าจะช่วยผมให้ได้
   
ผมร้องครางในลำคอ เลียมือที่กำลังลูบลงบนตัว กันย์น้ำตาไหลไม่หยุด ทั้งกอด ทั้งจูบผมตลอดเวลา พร่ำพูดข้างหูว่าให้อยู่ด้วยกัน
   
“กันย์รักพี่ใหญ่มากนะ รักมาก” เขาร้องไห้ “อย่าทิ้งกันย์ไป”
   
ผมเฝ้าขอให้พูดได้สักคำหนึ่ง อยากแลกแต่ละนาทีกับการเปล่งเสียงหนึ่งพยางค์ เพื่อจะบอกว่าผมเองก็รักเขา..รักมากที่สุด
   
..และหากทำได้..ขอเพียงสักครั้ง..ที่จะได้กุมมือเขาไว้..
   
..แต่ไม่ว่ายังไง..ผมก็ยังเป็นแค่เดรัจฉานอยู่วันยังค่ำ..
   
ผมทำได้แค่เฝ้ามอง ส่งเสียงด้วยความเจ็บปวดอยู่แต่ในลำคอ เงยหน้าเพื่อจับจ้องเขาให้เต็มตา เก็บกลิ่นอายของกันย์ไว้ในความทรงจำ
   
ตั้งแต่ผมเกิดมา ไม่เคยมีใครให้ความรักกับหมาข้างถนนอย่างผมเลย แต่ละวันเป็นไปอย่างซ้ำซาก ถูกไล่ ถูกตี ถูกแสดงความรังเกียจ อดมื้อกินมื้อ หาเศษอาหารตามแหล่งขยะเพื่อประทังชีวิตไปวันๆ อาศัยหยาดน้ำค้างแก้กระหาย
   
กระทั่งฝ่ามือคู่นี้หยิบยื่นความเมตตา กันย์ให้ข้าว ให้น้ำ ให้การใส่ใจ ให้การดูแล ให้ความเป็นเจ้าของ เพียงเท่านั้น..ผมก็มีความสุข
   
..ครั้งหนึ่งในชีวิต..ผมได้มีบ้าน..มีเจ้านาย..
   
..และผมได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด..
   
..ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว..
   
ผมได้ยินเสียงกันย์ร้องเรียกในเวลาที่ลมหายใจแผ่วลง จมูกที่ด้านชาได้กลิ่นคาวเลือดของตัวเองคละเคล้าไปกับกลิ่นฝน มีเสียงหยาดน้ำตกกระทบพื้น

..ฝนตกวันนั้น..ผมได้เจอกันย์..

ผมฝืนลืมตาขึ้นอีกครั้ง เลียมือกันย์เพื่อกล่าวคำอำลา ผมอยากบอกเขา..ว่าผมดีใจมากแค่ไหน
   
..ที่มีเขาเป็นเจ้าของ..
   
ในบรรดาสัตว์ทั้งหลาย สุนัขจะเป็นเพื่อนที่จงรักภักดีของคุณเสมอ ไม่ว่าคุณจะเลี้ยงเขาไว้เพียงดูเล่น เลี้ยงไว้แก้เหงา เลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน หรือเลี้ยงไว้ประดับศักดิ์ศรี ลองคุณได้เมตตาเขาครั้งหนึ่ง เขาจะไม่มีวันลืมคุณเลยแม้วินาที
   
..เพียงข้าวหนึ่งมื้อที่คุณให้..
   
..เราจะรักคุณไปจนชั่วชีวิต..
   


_____________________________________________________




หมอนพมาเป็นเพื่อนกันย์เพื่อช่วยคนรักย้ายสัมภาระเข้าไปอยู่ในบ้านเขา เฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นถูกขนไปหมดแล้ว เหลือเพียงของสำคัญไม่กี่ชิ้นเท่านั้น
   
กันย์รวบรวมของใช้ทั้งหมดใส่ลัง บางส่วนเขาขายทิ้งพร้อมตัวบ้าน
   
“หมดแล้วใช่มั้ยครับ” หมอสำรวจดู เมื่อเดือนก่อนเขาทำป้ายประกาศขายให้ มีคนสนใจซื้อมาทำสำนักงานแม้จะรู้ว่าประวัติมันไม่ดีนัก
   
กันย์พยักหน้า มองเข้าไปในบ้านครั้งสุดท้าย เขาไม่ได้ผูกพันกับสถานที่แห่งนี้เท่าไหร่ เว้นเสียแต่ว่าเสียดายวันเวลาที่ได้รู้จัก ‘เพื่อนแท้’
   
“ของพี่ใหญ่เอามาหมดแล้วใช่มั้ย” หมอนพออกปากถาม
   
กันย์ยิ้ม ชูปลอกคอที่เป็นสายโซ่สีฟ้าให้ดู เขาห้อยติดไว้กับกระเป๋าไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม เขาอุ่นใจ..และรับรู้ได้เสมอว่าพี่ใหญ่จะอยู่ด้วยกัน
   
มีคนถามว่า ทำไมเขาเรียกหมาตัวหนึ่งว่าพี่
   
..เขาตอบว่า..เพราะพี่ใหญ่ไม่ใช่หมา..
   
..แต่ในสายตาของเขา..พี่ใหญ่เป็นคน..
   
..เป็นพี่..เป็นญาติ..เป็นเพื่อน..เป็นผู้มีบุญคุณ..
   
“ไปเลยมั้ยครับ”
   
กันย์ขอตัวแวะเข้าไปตรงแคร่ไม้ไผ่ใต้ต้นฉำฉา เขาเดินผ่านกองตุ๊กตานางรำที่หักเรี่ยราดอยู่บนพื้น ที่นั่นเป็นสถานที่แห่งความทรงจำ
   
นัยน์ตากลมโตเบิกกว้างเมื่อได้พบอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่
   
“หมอ..หมอครับ”
   
หมอนพก้าวเข้ามาตามเสียงเรียก พวกเขามองหน้าอีกฝ่ายแล้วหัวเราะด้วยความสุข ชายหนุ่มค่อยๆนั่งลง ประคองเจ้าหนูน้อยห้าตัวที่นอนกองทับกัน
   
สุนัขเพศเมียตัวสีน้ำตาลอ่อนกระดิกหางให้เมื่อกันย์ชูปลอกคอของพี่ใหญ่ขึ้น เขาคิดว่ามันคงจำได้ว่ากลิ่นที่ติดอยู่นี้เป็นของใคร
   
“อยู่กับเราทุกวัน..ดอดมามีลูกที่นี่ได้ยังไง” กันย์อมยิ้ม มองเด็กๆที่ถอดแบบพี่ใหญ่มาไม่มีผิดเพี้ยน
   
ลูกสุนัขพันธุ์ไทยทั้งห้าตัวลืมตามอง พวกมันกระดิกหางรับพร้อมกับเข้ามาคลอเคลียเมื่อได้กลิ่นหมูปิ้งที่หมอไปซื้อมาให้
   
“หมอคิดว่าไงครับ” กันย์ถาม ดวงตาอ้อนวอน “หกตัว..ไหวมั้ย”
   
“คุณคิดว่าผมเลือกเรียนสัตวะทำไม” เขาหัวเราะ ปั้นข้าวเหนียวกลมๆให้พวกมันทีละตัว พี่ที่โตสุดเหมือนพี่ใหญ่มาก มันมีสีขี้เถ้า ตรงแผ่นหลังมีแนวขนราบเป็นทางยาว พี่ใหญ่เป็นพันธุ์ไทยหลังอานที่หล่อที่สุดและดูเหมือนว่าเชื้อนั้นจะส่งมายังลูกชายด้วย พวกมันกำลังกินกำลังโตกันเลยทีเดียว
   
“หมอน่ารักจัง” กันย์ยิ้มให้ เกาพุงเจ้าหนูทั้งหลาย “ตั้งชื่อว่าอะไรดีนะ”
   
“โป้ง ชี้ กลาง นาง ก้อย ง่ายดีมั้ย”
   
“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า” กันย์เถียง
   
“อะไรก็ได้” หมอไม่ขัดใจอยู่แล้ว “ต้องซื้อปลอกคอหกอัน”
   
“พาไปฉีดวัคซีนทุกเดือน”
   
“ฉีดกันเห็บกับพยาธิหนอนหัวใจ”
   
“แก้พิษสุนัขบ้าด้วย”
   
“สร้างบ้านให้หลังหนึ่ง คลุมมุ้งกันยุง”
   
กันย์ยิ้มทั้งน้ำตา น้องโป้ง หรือน้องหนึ่ง อะไรสักชื่อ ปีนขึ้นมาเลียมือเขา เจ้าตัวน้อยเหมือนพี่ใหญ่ขนาดย่อส่วนจนแทบไม่น่าเชื่อ
   
“พี่ใหญ่..กันย์จะพาลูกๆของพี่ไปอยู่ด้วยนะ” เขาพึมพำกับความว่างเปล่าตรงแคร่ไม้ไผ่..ที่ที่พวกเขาได้พบกันอีกครั้ง
   
“พี่ใหญ่ไม่ต้องห่วง กันย์ดูแลพี่ใหญ่ดีแค่ไหน กันย์จะดูแลพวกเด็กๆให้ดีมากกว่าที่เคยทำ พี่ใหญ่เหนื่อยแล้ว..นอนพักซะนะ”
   
หมอกอดปลอบคนรักที่กำลังร้องไห้ ฟ้ามืดครึมเหมือนฝนกำลังจะตก
   
กันย์เจอพี่ใหญ่ครั้งแรกในวันฝนตก พี่ใหญ่เองก็จากไปในวันฝนตก และในวันเดียวกันนี้ พวกเขาได้เจอเจ้าพวกตัวน้อยที่เป็นของฝากจากพี่ใหญ่
   
..จะอยู่ในความทรงจำเสมอ..
   
..เพื่อน..ที่ดีที่สุด..






FIN






 :กอด1:  :pig4:


ปล. น้องเสือยังต่อไม่ติดเลย กร๊ากก ไว้จะมาเขียนต่อเน้ออ
ปลล. ชอบเพลงเก่ามากมายคร้าบ แต่เสียดายที่สมัยนี้ไม่ค่อยมีใครฟังแล้ว  :sad4:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Lonely Love] I Want to Hold Your Hand [pg.1-2, 15/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 16-08-2012 01:30:52
โอ้ย ซึ้งอ่ะ ซึ้งมาก อ่านแล้วร้องไห้เลย พี่ใหญ่น่ารักมาก หมอนพก็ด้วย โอ้ย ชอบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Lonely Love] I Want to Hold Your Hand [pg.1-2, 15/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yaoigirl ที่ 16-08-2012 20:09:25
ซึ้งงงงงมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Lonely Love] I Want to Hold Your Hand [pg.1-2, 15/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Ju ที่ 16-08-2012 21:05:04
ซึ้งมากอ่ะ

อ่านแรกๆนึกว่าพี่ใหญ่เป็นคนซะอีก

มารู้ตอนหลังว่าเป็นหมานี่เอง

เป็นหมาที่ซื่อสัตย์มากๆ

โอย น้ำตาไหล  :m15:

+เป็ด +หนึ่งให้
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Lonely Love] I Want to Hold Your Hand [pg.1-2, 15/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: smilymoon ที่ 22-08-2012 16:42:43
ชอบค่ะ มันเป็นมุมมองของความรักในแง่มุมต่างๆ เศร้าไปหน่อย ชีวิตไม่ได้ง่ายเนอะ ขอบคุณที่มาเขียนเรื่องดีๆเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Lonely Love] I Want to Hold Your Hand [pg.1-2, 15/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 22-08-2012 18:19:10
 :sad4:นี่คือความรักที่ใสบริสุทธ์จากสิ่งที่ทุกคนเรียกมันว่าสัตว์


แล้วคนละจงรักภักดีต่อความรักแบบนี้หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Lonely Love] I Want to Hold Your Hand [pg.1-2, 15/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: momoku ที่ 22-08-2012 20:50:56
อ่านกี่รอบก็ร้องไห้ แต่งได้กินใจมาก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Lonely Love] I Want to Hold Your Hand [pg.1-2, 15/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ratnalin ที่ 22-08-2012 21:06:01
บ้าไปแล้วอ่ะ เราร้องไห้บ้าไปแล้ว TT_TT ถึงขั้นปล่อยโฮเลย สงสารพี่ใหญ่ สงสารกันย์ (ขนาดเคยอ่านมาแล้วก็ยังร้องขนาดนี้)
อ่านตอนนี้แล้วได้เห็นมุมมองที่ต่างออกไป ที่ความรักคือการซื่อสัตย์ เสียสละ และไม่แบ่งแยกสปีชี่ส์
ประทับใจ และเสียน้ำตามากจริงๆ โดยเฉพาะตอนที่พี่ใหญ่ห่วงกันย์แม้ตัวเองจะไม่ไหวแล้ว และตอนที่ปลอบกันย์ทั้งที่ตัวเองกำลังจะตาย 
(ชอบที่หมอนพจีบกันย์ผ่านพี่ใหญ่ น่ารักมาก อยากเม้นอะไรประมาณนี้ แต่ตอนจบทำใจเราเป๋ไปจากเดิม 555)
 
ขอบคุณมากค่ะ

ปอลิง ตอนแรกนึกว่าพี่ใหญ่เป็นคนแฮะ อารมณ์ดอกฟ้ากับหมาวัด แต่ดันเป็นหมาจริงๆ -*-
ปอลิง2 เพลงนี้เพราะมากค่ะ ชอบมากๆ เคยฟังตอนดู Glee น้ำตาซึม (เวอร์ชั่นเก่าของเต่าทองเนอะ เราคงไม่ได้พูดผิดเพลงใช่ไหม 55 ) เราก็ชอบฟังเพลงเก่าๆเหมือนกันค่า โดยเฉพาะ Carpenters กับ Bee Gees
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Lonely Love] I Want to Hold Your Hand [pg.1-2, 15/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 22-08-2012 21:43:28
ตอนแรกก็คิดว่าพี่ใหญ่เป็นคน จนพอมีโซ่สีฟ้าเข้ามาเนี่ยแหละ

ร้องไห้จริงๆค่ะ สะเทือนใจมากถึงมากที่สุด
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Lonely Love] I Want to Hold Your Hand [pg.1-2, 15/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: PAAPAENG~ ที่ 07-10-2012 21:48:45
อ้าวววว ไอ้เราก็นึกว่าลงไว้แค่ในบล็อค
มีอยู่ในนี้ด้วยรึ!
มีในนี้ก็ตามอ่านในนี้ด้วย คิคิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Lonely Love] I Want to Hold Your Hand [pg.1-2, 15/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: nong PeePee ที่ 07-10-2012 23:15:08
ชอบทุกเรื่องเลย  o13
สงสารพี่ใหญ่น้ำตาไหลเลยค่ะ :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Lonely Love] I Want to Hold Your Hand [pg.1-2, 15/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 08-10-2012 01:02:38
 :impress3: :sad4: :o12:
ทำไมมันเศร้าอย่างนี้.....ร้องไปอ่านไป :a5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Lonely Love] I Want to Hold Your Hand [pg.1-2, 15/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-11-2012 14:03:43
เรื่องอื่น ๆ  ทำน้ำตาซึม แต่เรื่องพี่ใหญ่น้ำตาไหลพราก
นั่งซึมไปทั้งวัน
ทำไมเขียนดีอย่างนี้ กระชากใจคนอ่าน ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Lonely Love] I Want to Hold Your Hand [pg.1-2, 15/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 10-11-2012 18:17:58
ซึ้งมาก น้ำตาซึมเลยขอบอก ดีทุกเรื่องเลย พี่ใหญ่กล้าหาญมาก ชอบที่สุด เขียนดีมากมายเลยค่ะเป็นกำลังใจให้ แต่งมาให้อ่านอีกนะค๊ะ รอเสมอ

ขอบคุณมากค่ะ  :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Lonely Love] I Want to Hold Your Hand [pg.1-2, 15/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 26-12-2012 17:49:35
อ่านแล้วชอบพี่ใหญ่ที่สุด สงสารด้วย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Lonely Love] I Want to Hold Your Hand [pg.1-2, 15/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 23-03-2013 12:31:41
"Please Mr. Postman"
น่ารัก อ่านแล้วอมยิ้ม ^^

"I don’t like to sleep alone"
เหอๆๆ เราจะนอนด้วยกันตลอดไป เหอๆๆ o21

"Kiss Me Goodbye"
ไม่ว่าจะเพราะรักหรืออะไร ผมกับเขาก็ทำผิดต่อสาวครอสติชนะ

"Sad  Movie"
หญิงร้ายชายชั่ว ทรยศหักหลังกันได้ สงสารปอ :m31:

"I Want to Hold Your Hand"
ชอบเรื่องนี้มากๆ ซึ้งสุดๆ น้ำตาไหลพรากๆ เลย  :impress3:
พี่ใหญ่เท่มาก ฮือๆๆๆ เศร้าแต่จบดีนะ
ค่อยยังชั่วที่มีเจ้าตัวเล็กน่ารักทั้งหลายมาปลอบประโลมอารมณ์ให้ดีขึ้น
อ่านแล้วก็นึกถึงเรื่อง มอม ประทับใจพอๆ กันเลย

บวกๆๆ อิอิ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Lonely Love] I Want to Hold Your Hand [pg.1-2, 15/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: nigiri-sushi ที่ 23-03-2013 14:10:45

 :L1: In Love  :L1:



"Wonderful Tonight"




@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


..น่าเบื่อ..

จิรนันท์นอนนิ่งอยู่ใต้ร่างใหญ่ที่เคลื่อนไหวตัวเนิบนาบ สีหน้าแสร้งแสดงความสุขสมเพื่อเอาใจคนตรงข้าม เขาพอจะมีความรู้สึกอยู่บ้างจึงได้ไปถึงขั้นสุดท้ายในการร่วมรัก แต่จะบอกให้..มันช่างว่างเปล่าสิ้นดี

รณพีร์ยิ้มให้คนข้างใต้อย่างฝืดเฝื่อน เขาเคยมีความลำพองในลีลา ท่าทาง และ..พูดก็พูดเถอะ ไม่ว่าผู้ชายที่ไหนก็ต้องภูมิใจกับขนาดกันทั้งนั้น

แต่มาตอนนี้ ความเร่าร้อนที่แค่เคยสะกิดก็ลุกโชติช่วงเหมือนไฟตกลงบนน้ำมันกลับดับวูบ ไอ้ท่อนไม้แข็งๆที่เขากำลังเสือกไสเข้าในร่างแฟนมันแสนจะห่อเหี่ยวที่สุด อารมณ์ยังพอมีอยู่ แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะจืดชืดขนาดนี้

โชคดีมาก..ในที่สุดเขาก็หลั่งมันสำเร็จ แต่เป็นการปลดปล่อยอยู่ใต้ปราการพลาสติกและไม่ใช่ภายใน ตอนนี้เขาคิดว่าอากาศภายนอกอาจอบอุ่นกว่าในตัวจิรนันท์ที่กำลังเย็นชาจนแทบกลายเป็นภูเขาน้ำแข็งก็ได้

รณพีร์ใช้ทิชชู่จับที่ขอบแล้วรูดรั้งมันออก ความภาคภูมิใจของเขาหมดเรี่ยวแรงลง มันสงบนิ่งอย่างเฉยเมย และต่อให้ปลุกปล้ำเท่าไหร่ก็คงไม่ลุกแล้ว

จิรนันท์ขยับตัวลุกขึ้น เดินเปลือยเปล่าไปเข้าห้องน้ำหลังเสร็จภารกิจระหว่างกัน ดวงตาสีเข้มที่จ้องมองตามหลังมีแต่ความหมางเมิน ร่างกายของแต่ละฝ่ายไม่ได้ปลุกเร้าความต้องการอย่างเช่นในอดีตอีกต่อไป

......



รณพีร์ดื่มกาแฟอยู่ที่โต๊ะอาหารในขณะที่คนรักสาละวนอยู่กับการทำข้าวต้มกุ้งร้อนๆ เขาละสายตาจากหนังสือพิมพ์ในมือ มองลอดแว่นเพื่อเพ่งพิจสะโพกกลมกลึงใต้กางเกงสามส่วน เรื่อยไปจนถึงช่วงตัวเล็กบางที่กำลังสวมผ้ากันเปื้อน
   
ผู้ชายหลายคนคิดฝันเรื่องการมีเซ็กซ์กันอย่างสุดเหวี่ยงที่โต๊ะกินข้าวในขณะที่แฟนตัวเองมีเพียงผ้าชิ้นเดียวปิดกาย เขากำลังคิดถึงจิรนันท์ที่ปีนขึ้นมานั่งเปล่าเปลือยต่อหน้าแล้วแยกขาออกกว้างเป็นการเชิญชวน
   
“ทำตาลามก” จิรนันท์เอาตะหลิวเคาะโต๊ะเป๊งๆ วางชามข้าวต้มลง
   
เขายักไหล่ ฝันนั้นถูกดับลงเมื่อจิรนันท์ที่แสนจะร้อนเร่าในจินตนาการตะโกนขึ้นมากลางคันตอนเขากำลังจะถึงฝั่งฝันว่า ‘ลืมปิดแก็ส’
   
รณพีร์ยอมรับว่าอีกฝ่ายมีความสามารถในการจัดบ้านช่องให้น่าอยู่รวมไปถึงทำอาหารได้อร่อยอย่างหาตัวจับยาก มีพลังขับเคี่ยวอย่างรุนแรงในการสวมบทบาทเป็นคนใช้ดีเด่นกระทั่งกุ๊กมือหนึ่ง
   
..แต่ในบางครั้ง..เขาอยากได้คู่นอนที่เก่งกาจมากกว่า..

หรือพูดในอีกแง่หนึ่ง..เจ้าหมอนี่ไม่ยอมสวมบทไอ้หนุ่มขายตัวเลย

“เย็นนี้อยากกินอะไร” จิรนันท์เอาผ้าขี้ริ้วมาเช็ดโต๊ะ จังหวะหนึ่งเขาปัดขวดซอสมะเขือเทศตกแตก คราบสีแดงกระจายเป็นวงกว้าง “ให้ตายสิ!”

รณพีร์เลิกคิ้ว มองคนรักที่ก้มๆเงยๆเช็ดพื้น เขากล้าพูดได้เต็มปากเลยว่านันท์ยังดูดีในวัยสามสิบห้า และดูดีมากสำหรับเขาไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่

..แต่ทำไมเรื่องบนเตียงมันกลับน่าเบื่อยิ่งขึ้นไปทุกที..

“ไม่รู้สิ” เขายักไหล่ นึกถอนหายใจถึงความชืดชาที่เกิดขึ้น

..ถ้ายังเป็นแบบนี้..อีกไม่นานต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนอกใจแน่นอน..

“ต้มยำกุ้งมั้ย” จิรนันท์พูดถึงอาหารโปรดของคนด้านหลัง

“ไม่เอา”

“ปลาช่อนลุยสวน” เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เขาทำได้อร่อยสุดๆ

“เบื่อแล้ว”

“กะพงนึ่งมะนาว หรือเอาผัดเผ็ดปลาดุก” ชักเซ็งที่ได้รับแต่คำปฏิเสธ

รณพีร์พึมพำ “ไปกินข้าวนอกบ้านดีกว่ามั้ย”

“ไม่ล่ะ” ร่างเล็กส่ายหัว “คุณไปเองคนเดียวเถอะ”

“งั้นก็ตามใจ” เขาขี้เกียจง้อเหมือนกัน

รณพีร์ลุกจากโต๊ะหลังชิมข้าวต้มกุ้งที่เป็นของโปรดอีกหนึ่งอย่างไปแค่ไม่กี่คำ นันท์ยังทำอร่อย แต่เขาต่างหากที่รู้สึกชินชาจนไม่อยากแตะ

หลังคนรักออกไปทำงานแล้ว จิรนันท์รับสายจากจิรายุ พี่ชายที่น่ารักแสนจะเป็นห่วงเรื่องครอบครัวของเขาหลังจากที่เคยปริปากอย่างอัดอั้นเรื่องความน่าเบื่อบนเตียงให้ฟัง มันชืดชายิ่งกว่ามีเซ็กซ์กับท่อนไม้ซะอีก

‘นั่นเพราะว่าเราต่างเอาตัวเองเป็นใหญ่’ สิ่งสำคัญประการหนึ่งคือ จิรายุเป็นพวกธรรมะธรรมโม ชนิดแทบจะซึ้งเข้าไปถึงแก่นพระธรรมเลยทีเดียว

‘สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง อันอำนาจตัณหา ราคะ..’

“สรุปว่าผมเบื่อเขา” จิรนันท์ตัดบทก่อนพี่ชายจะเทศน์ยาว

‘อย่าคิดว่าตัวกูของกู อย่าไปผูกอยู่กับความต้องการของตัวเองมากไป’

“มีชู้ดีมั้ย!” เขาโพล่งโดยที่ไม่ฟังพี่เลย

‘ผู้ที่ไม่ซื่อสัตย์กับสามีภรรยาของตน หรือผู้ที่เป็นมือที่สามก็ดี ผู้นั้นจะต้องตกนรกหมกไหม้ ปีนขึ้นต้นงิ้ว ถูกยมบาลเอาเหล็ก
แหลมทิ่มแทง..’

จิรนันท์ขำก๊าก เขาเชื่อพี่ชาย แต่ก็เห็นว่าอีกฝ่ายซีเรียสเกินไป “ล้อเล่น”

‘พูดโกหกผิดศีลข้อที่สี่’

“หะหะ” เขาหัวเราะเฝื่อน “ไปดริ๊งค์เป็นเพื่อนผมคืนนี้ได้มั้ย”

‘ทำไมชอบละเมิดศีลกันนะ แค่ห้าข้อก็รักษาไม่ได้’

เขาพอเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ชายไม่มีแฟนเสียที “งั้นมากินข้าวกัน”

‘วันนี้ต้องกินมังสวิรัตินะ’

“คร้าบพี่!”

......



รณชิต..หนุ่มโสดเพลย์บอยเป็นน้องชายของรณพีร์ เขานั่งหัวเราะจนท้องแข็งเมื่ออีกฝ่ายพึมพำว่าเหนื่อยหน่ายกับเรื่องบนเตียงเหลือเกิน

“ก็ไม่ต้องทำสิ” เขาแนะนำ “หรือหาแฟนใหม่เลย”

“เอาหัวแม่เท้าคิดเหรอ”

คนน้องหยักยิ้ม “ของแบบนี้มันต้องเปลี่ยนรสชาติบ้าง อะไรที่ทำเป็นประจำก็น่าเบื่อ เหมือนพี่ชอบกินต้มยำ แต่ถ้าให้กินทุกวันมันก็ซ้ำซากจำเจ”

เขานั่งถอนหายใจ มองสาวมากหน้าที่เข้ามาคลอเคลียกับน้องชาย ไอ้หมอนี่ตอบสนองชนิดไม่ต้องคิดนานด้วยซ้ำ

“มาคนเดียวเหรอคะ” อนงค์นางหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ ส่ายเอวยั่วยวนไม่พอ ยังอุตส่าห์เอาสะโพกมาถูไถแถวต้นขาเขาอีก

“มีเมียแล้วครับ” เรื่องเดียวที่รณพีร์ไม่คิดจะทำ..นั่นก็คือการนอกใจ

..แต่ก็กลัวตัวเองจะดีแตกอยู่เหมือนกัน..

“ชิ!” หล่อนสะบัดหน้าเดินจากไป

รณชิตนั่งหัวเราะ เขาชูแก้วเหล้าชนกับพี่ ฉลองให้คนที่กำลังกลายเป็นตาลุงตายซากอยู่ที่บ้าน “แด่ความซื่อสัตย์และไอ้จ้อนที่กำลังขึ้นรา”

“ทุเรศเถอะ ผู้ชายรักเดียวใจเดียวมันแย่ตรงไหน”

“จืดชืด” คนน้องพึมพำ นับนิ้วให้ดูไม่หวาดไม่ไหวว่าเขาเปลี่ยนคู่ควงอาทิตย์ละกี่คน “ผู้ชายไม่เจ้าชู้ก็เหมือนงูไม่มีพิษ”

รณพีร์ส่ายหัว ยกแก้วขึ้นดื่มก็เห็นว่าหมดแล้ว บาเทนเดอร์เดินเลียบเคียงเข้ามาแต่เขาส่ายหัว ใช้นิ้วหมุนน้ำแข็งที่ยังเหลือค้างเล่นแทน

“เอางี้มั้ย” รณชิตเห็นพี่เบื่อหน่ายจริงเลยเสนอเรื่องดีๆ “มีตัวช่วย”

“อะไร”

“ทฤษฎีนี้ว่าด้วยเรื่องของการแสวงหาความตื่นเต้น” เขาพึมพำ “มนุษย์ทุกคนย่อมมีความอยากรู้อยากลอง ต้องการจะทำเรื่องลักลอบเป็นทุนเดิม พ่อบ้านบางคนกลับมาปึ๋งปั๋งใหม่อีกรอบหลังจากแอบไปนอนกับอีหนูทั้งที่เมียดุเหมือนหมา คนบางคนชอบเซ็กซ์ในที่สาธารณะทั้งที่เสี่ยงต่อการถูกจับได้ บางคนก็ชอบเรื่องผิดศีลธรรมเพราะทำให้ความตื่นเต้นมากขึ้นทวีคูณ”

“แกจะพูดอะไรวะ” เขาไม่เข้าใจแม้แต่นิดเดียว

“แลกคู่นอนกัน”

......



จิรนันท์ขับรถไปส่งจิรายุที่วัดเพราะฝ่ายนั้นต้องไปนั่งสมาธิทุกครั้งหลังมื้อเย็น เขาเคยบอกแล้วว่าให้ทำที่บ้านเพราะมันเสี่ยงต่ออันตรายตอนขากลับ
   
“ถ้าจะมีคนฉุดพี่นะ” จิรายุขำก๊าก “พี่ไม่โสดมาจนป่านนี้หรอก”
   
“อย่างน้อยก็ระวังตัวไว้บ้างได้มั้ย” เขาส่ายหัว โบกมือบ๊ายบายพี่แล้วขับกลับบ้าน ระหว่างนั้นแวะซื้อของสดไว้รอทำกับข้าวพรุ่งนี้ด้วย

จิรนันท์กลับมาที่ห้องชุดพร้อมกับพบว่ามีใครบางคนยืนรอเขาอยู่แล้ว
   
“อ้าว..คุณชิต” เขาทักทายน้องชายของคนรัก “มาได้ยังไงครับนี่”
   
รณชิตยิ้มเพียงน้อย เขานิ่วหน้าไปครู่เมื่อรู้สึกเจ็บตรงมุมปาก

“เอ๊ะ! ใครทำร้ายคุณ” ร่างเล็กทำตาโต รีบเปิดห้องแล้วกึ่งลากกึ่งจูงแขนอีกฝ่ายเข้ามาด้านใน “นั่งก่อนครับ เดี๋ยวผมทำแผลให้”
รณชิตหัวเราะหึ กวาดตามองทั่วร่างของคนตรงหน้าด้วยแววตาพอใจ

“หมาขี้หวงน่ะครับ”

คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างงุนงง เขาเดินกลับเข้ามาพร้อมกล่องปฐมพยาบาล ใช้สำลีทำความสะอาดแผล แต้มยาบนมุมปากให้ด้วยความนุ่มนวล

“มีเรื่องกันที่ผับอีกแล้วใช่มั้ยครับ” จิรนันท์ส่ายหัวก่อนจะนึกขึ้นได้ “พีร์ล่ะคุณ! อย่าบอกนะว่าเขาโดนยำจนเข้าโรงพยาบาลน่ะ”

รณชิตส่ายหัว เขาจับข้อมือเล็ก “ป่านนี้พี่นอนกกสาวสบายใจไปแล้ว”

“อะไรนะ”

ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก ขยับเข้าไปใกล้ “และเขาก็ยกคุณ..ให้ผมด้วย”

ดูเหมือนว่าคนพูดจะถูกต่อยจนหน้าหันในวินาทีนั้น

“ล้อเล่นบ้าๆ” จิรนันท์โยนน้องแฟนออกไปนอกห้องแล้วปิดประตูโครม หน้าตาเสียโฉมมาเขายังพอช่วยเหลือได้ แต่ปากหมาใส่นี่สุดจะทานทน

ร่างเล็กส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ เขาหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นพาดบ่าแล้วเข้าไปอาบน้ำให้หายร้อน ตอนออกมาก็เห็นว่าได้เวลาที่พีร์จะกลับบ้านพอดี

มีเสียงเปิดประตูดังแกร๊ก เจ้าตัวชะโงกหน้ามอง เห็นแต่ช่วงขาที่สวมกางเกงยีนส์สีซีด ฝ่ายนั้นเดินเข้ามาทั้งรองเท้าผ้าใบที่สวมอยู่

“กลับมาแล้วเหรอพีร์” จิรนันท์ร้องถามพลางเอาผ้าเช็ดผมที่เปียกชุ่มจนแห้งหมาดๆ “จะบอกอะไรให้ เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน น้องชายคุณ..” เสียงที่ว่าปาวๆชะงักกึก เขาเพิ่งรู้สึกในตอนนี้เองว่าคนที่เข้ามาไม่น่าจะใช่พีร์

..เมื่อเช้าพีร์ใส่กางเกงสแล็คสีดำไปทำงาน..ไม่ใช่กางเกงยีนส์..

..ซ้ำรองเท้าก็เป็นคัทชูหนังสีดำด้วย..

คนที่กำลังครุ่นคิดอยู่หน้ากระจกเงาเบิกตากว้างเมื่อดวงตาสบเข้ากับผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่ยืนซ้อนมาจากด้านหลัง หมวกไหมพรมที่คลุมบริเวณใบหน้าไว้ทำเอาเขาตัวเย็นเฉียบ นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองมาอย่างดุดัน

จิรนันท์ยกกำปั้นฟาดผัวะออกไปตามสัญชาตญาณ ฝ่ายนั้นเซถอยไปก้าวหนึ่ง สบโอกาสให้เขาวิ่งพรวดออกมาจากห้องนอนได้

“มานี่!” เสียงแหบต่ำคำรามกร้าว บุคคลนิรนามกระโจนเข้าล็อคคอไว้

ผ้าเช็ดหน้าที่มีกลิ่นยาอ่อนๆถูกโปะเข้าที่จมูกเล็ก เจ้าตัวไม่ทันได้ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือเมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินกว่าจะตั้งตัวทัน

..พีร์..

......




คนที่เพิ่งฟื้นพยายามเพ่งมองฝ่าความมืดเบื้องหน้าหากทุกอย่างยังคงเป็นสีดำสนิท เขาวาดมือออกไป หวังจะคลำหาสวิทช์ไฟตรงหัวเตียงแต่สัมผัสตึงแน่นรั้งข้อมือไว้จนต้องมุ่นคิ้ว ประสาททั่วกายลุกชันในทันทีที่รับรู้ทุกอย่างรอบตัว
   
“พ..พีร์..” จิรนันท์เรียกหาคนรัก ความตื่นกลัวแล่นเข้ามาจับขั้วหัวใจ
   
มีเสียงไฟแช็กถูกจุดขึ้นด้านข้างตามด้วยกลิ่นเหม็นไหม้ของยาสูบ ร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงตัวเย็นเฉียบด้วยความตระหนก เขาเพิ่งรู้ในตอนนี้ว่าในห้องยังคงสว่างโล่ง แต่ที่เห็นว่ามืดนั้น..คงเป็นเพราะผ้าที่กำลังคาดตาไว้แน่นต่างหาก
   
“ใคร..ใครน่ะ!” ร่างเล็กร้องถาม พยายามลุกขึ้นจากที่นอนแต่ติดเศษผ้าที่มัดมือทั้งสองไว้กับราวเหล็ก “ค..คุณเป็นใคร เข้ามาในห้องผมทำไม..”
   
ฟูกหนายวบตามน้ำหนักที่เท้าลงมา กลิ่นบุหรี่ลอยอวลอยู่ด้านข้าง จิรนันท์ตัวแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูกเมื่อฝ่ามือหยาบสอดเข้ามาในเสื้อคลุม
   
“พีร์! พีร์ช่วยด้วย!” เขาตะโกนร้องสุดเสียง และแทบจะทันทีที่ขยับปาก ฝ่ายตรงข้ามก็บีบคางเข้ามาเต็มแรงซ้ำยังเอาผ้าคาดซ้ำลงมา “อ..อื้อ”
   
“ชู่ว์..นิ่งไว้ที่รัก..นิ่งซะเด็กดี” มันเป็นเสียงพร่าต่ำที่จงใจดัดให้แปร่งปร่าไปจากเดิม เป็นธรรมดาอยู่แล้วสำหรับคนที่กำลังจะก่อคดีเพื่อไม่ให้ใครจดจำได้

..แต่ว่า..มันคือคดีอะไรเล่า..

ดวงตาที่ถูกปิดสนิทมีหยดน้ำไหลซึม เขาส่งเสียงอื้ออึงในคอ พยายามจะบอกว่าไม่มีเงินหรือทรัพย์สมบัติอะไรให้มันเอาหรอก พีร์เป็นแค่พนักงานบริษัทต๊อกต๋อย ส่วนเขาทำงานอดิเรกเล่นไปวันๆ ฆ่าเขาตายก็ติดคุกเปล่า

“จะพูดอะไรเหรอ หืม..” ลมหายใจร้อนผ่าวรินรดตรงซอกคอ ปลายลิ้นอุ่นลากไล้จากหางตาที่เปียกชื้นลงมาข้างแก้ม จบลงที่ริมฝีปากสั่นริก

“อ..อือ” จิรนันท์ผงกหัวขึ้นลง “อ..”

“อยากพูดอะไรใช่มั้ย?” ชายแปลกหน้าพึมพำ “ถ้าปล่อยให้พูด สัญญานะว่าจะไม่แหกปากร้อง” เขาไล้วัตถุเย็นเยือกลงบนข้างแก้มใส กดลงเบาๆพอให้เกิดรอย “ถ้าโวยวาย..รู้นะว่าจะเป็นยังไง มีดมันคมซะด้วย”

ร่างเล็กพยักหน้ารับรัวเร็ว อย่างน้อย ตอนมีปากเป็นอิสระก็ยังรู้สึกอุ่นใจกว่าที่เป็นอยู่ หากตอนสุดท้ายมันจะฆ่าเขาแล้ว ขอร้องให้ลั่นคอนโดก็ยังดี

“ปล่อย..ปล่อยผม ขอร้องเถอะครับ” เมื่อมันเอาผ้าที่มัดปากออกให้ เขาก็หว่านล้อมสารพัด “ผมกับแฟนไม่ค่อยมีเงิน แต่..แต่ถ้าคุณต้องการ ผมพอจะมีอยู่ในกระเป๋าสองสามพัน เอาไปให้หมดเลย ผมจะไม่แจ้งตำร..”

“ใครบอกว่ากูอยากได้เงิน” มันตะคอกจนเขาหัวหด เสียงหัวเราะด้วยความพอใจดังอยู่ในลำคอ “คนเพิ่งออกจากคุก..มันไม่ต้องการเงินหรอกเว้ย!”

จิรนันท์หน้าซีดเซียว นึกสาปแช่งตัวเองที่ไล่รณชิตออกไป ตามด้วยการก่นด่ารณพีร์ที่ตอนนี้มันอาจจะกำลังคั่วสาวคนใหม่อยู่ก็เป็นได้

..ทำไมไม่กลับมาซะที!!..

“ง..งั้นจะเอาอะไร” เขาพยายามถ่วงเวลา “ยาเหรอ..เอาเงินไปซื้อสิ”

“กูอยาก..” มันกระซิบลงมาข้างใบหู ปลายลิ้นอุ่นเล็มเลียไปทั้งร่างจนผิวกายอีกคนร้อนผ่าว ขนอ่อนทั่วตัวลุกชันด้วยความตื่นกลัว “ให้กูเอาสักครั้งสิ”

“ไม่!” เขาตะโกนก้อง ดิ้นรนด้วยแรงทั้งหมดที่มีจนมือข้างหนึ่งหลุดออกมาเป็นอิสระ เขาชกไปตรงต้นเสียงหากอีกฝ่ายหลบวูบ

“พูดดีๆไม่ชอบ อยากให้ใช้กำลังก็ไม่บอก”

มันกระแทกแขนเขาลงกับเบาะ มัดมือมัดปากกลับไปอย่างเดิม เบี้ยล่างได้แต่ตัวชาดิกเมื่อเสื้อคลุมที่สวมอยู่ถูกฉีกขาด มือหยาบเปลี่ยนมาดันขาทั้งสองของเขาให้ตั้งชันกับเตียงพร้อมกับแทรกลงกึ่งกลาง 

“อื้อ..”

“ถ้าไม่อยากตายก็เลิกเล่นตัวได้แล้ว” โลหะเย็นเฉียบกดเข้าที่ต้นคอ สะกิดลงเป็นการขู่จนอีกคนเลิกต่อต้านโดยดี “นั่นละ..ฉลาดมากคนเก่ง”

สัมผัสร้อนผ่าวลากยาวลงมาด้านหลัง ปลายลิ้นอุ่นโลมเลียไปทั่วตัวกระทั่งหยุดที่ส่วนไวสัมผัส เลือดในกายเย็นเยียบเหมือนถูกแช่เพราะความชื้นแฉะที่จงใจกระหวัดไปทั่วซ้ำยังสอดเข้าออกจนช่วงล่างเปียกชื้น

“อ..อือ” ขนอ่อนทั้งกายลุกชัน ในสมองเขากำลังต่อต้านแต่ปฏิกิริยาทางร่างกายกลับตอบรับ ผู้ชายแปลกหน้าที่กำลังขืนใจกันดูเหมือนมีอารมณ์ร่วมถึงขีดสุดเพราะเขาได้ยินเสียงรูดซิปกางเกงพร้อมกับเสียงเสียดสีของฝ่ามือกับอะไรบางอย่างที่กำลังถูไถไปมาบนช่วงเอว จิรนันท์กัดปากจนห้อเลือด พยายามถดตัวหนีจากส่วนปลายที่ลื่นเมือกไปด้วยความต้องการล้นปรี่ 

“อยู่เฉยๆนะมึง” มันออกคำสั่ง ลากตัวเขากลับมาใต้ร่าง

ปลายเท้าขาวหยัดลงกับฟูก จิกเกร็งด้วยความเสียวซ่านเมื่อมันลากลิ้นจากร่องสะโพกมาถึงส่วนหน้า โพรงปากร้อนระอุครอบลงบนความอ่อนไหวแล้วรูดรั้งด้วยริมฝีปาก เสียงครางเบาหวิวดังเล็ดลอดผ่านผ้าที่มัด

“ไง..ชอบล่ะสิ” มันเยาะเย้ย รัวลิ้นไปมาแทบไม่เว้นช่วง

“อื้อ..อื้อ” เขาพยายามส่ายหัวปฏิเสธ..แม้ว่าช่วงล่างจะกำลังร้อนวาบ

“ผัวมึงไม่เคยทำให้ใช่มั้ยล่ะ”

แก้มขาวขึ้นสีแดงเรื่อทั้งแถบเมื่อถูกตราหน้าด้วยเรื่องบนเตียงที่เป็นความจริง เหมือนว่ามันจะเห็นกิริยาแบบนั้นเป็นเครื่องตอบรับถึงได้ชอนไชปลายลิ้นกระทั่งสอดลึกลงในความนุ่มหยุ่นที่กำลังมีปฏิกิริยาโต้ตอบเป็นจังหวะ

“อึก..” คนตัวเล็กกว่าเม้มปากแน่น อารมณ์หวาดกลัวผสมรวมกับความตื่นเร้าเมื่อเส้นผมอีกฝ่ายคลอเคลียอยู่แถวหน้าขา แม้จะถูกปิดตาแต่ภาพในจินตนาการของเขากำลังสร้างเป็นคนแปลกหน้าตัวสูงใหญ่ที่ก้มหน้าใช้ปากให้ส่วนหวงห้ามพร้อมกับช่วยตัวเองไปด้วย “อือ..อื้อ..”

อารมณ์ภายในพุ่งทะยานถึงขีดสุด ความกดดันที่ถูกกระตุ้นแล่นลามมาถึงส่วนปลาย ร่างขาวสั่นสะท้าน ปลายเล็บจิกลงบนผ้าที่มัดมือหากแต่ในจังหวะที่กำลังจะปลดปล่อย อีกฝ่ายกลับล่าถอยไปเฉยๆ

“ทำไม..ทำท่าเสียดาย?” มันถามกลับด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ

จิรนันท์เหมือนถูกชกตรงๆ ความอับอายพุ่งวาบขึ้นมาบนใบหน้า

“ไม่ต้องห่วงหรอก..กูทำให้มึงถึงใจแน่” คำพูดกำกวมนั้นทำเอาคนฟังตัวเย็นเฉียบ “จะเอาให้ร้องลั่นไม่เป็นภาษาเลย”

ความมืดที่ปิดบังภาพเบื้องหน้ายิ่งเร่งเร้าความตื่นกลัว มันผละออกก่อนจะถ่มน้ำลายลงฝ่ามือแล้วลูบของเหลวลื่นลงบนความคับแน่น ปลายนิ้วยาวแทรกผ่านทีละน้อยท่ามกลางความตกตะลึงของอีกคน

“เยี่ยมเป็นบ้า” มันคำรามอย่างพอใจ กระชากนิ้วออกพร้อมกับแทนที่ด้วยบางสิ่งบางอย่างที่ร้อนผ่าว

จิรนันท์แทบกัดลิ้นตัวเองขาดในทันทีที่ความเจ็บแล่นริ้วขึ้นมาถึงแนวสันหลัง เสียงครางแหบพร่าดังอยู่ข้างใบหู แขนข้างหนึ่งของมันสอดเข้าใต้สะโพกแล้วลากหมอนมาหนุนจนช่วงเอวถูกยกรั้ง ผู้ถูกกระทำนอนนิ่งด้วยความตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเมื่อสติพลันระลึกได้ว่าบุคคลที่ล่วงล้ำเข้ามาในร่าง

..ไม่ใช่คนรักของตน..

หัวใจทั้งดวงแทบหยุดเต้นในจังหวะที่อีกฝ่ายสอดเข้ามาจนสุด เขาแทบไม่มีโอกาสได้ส่งเสียงร้องหรือขอความช่วยเหลือจากใครแม้แต่นิด เพราะในทันทีที่มันฝังร่างลง สะโพกสอบก็เริ่มขยับรุกอย่างมีชั้นเชิง

ภาพบิดเบี้ยวในหัวของเขากลายเป็นสีขาวโพลน จดจำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้นนอกจากความตื่นกลัวที่ลุกลามเข้ามาบีบอัดในอกจนแทบจะหมดสติ ความรุนแรงที่อีกคนจงใจบดเบียดลงมาทำให้เสียงร้องถูกกลืนหาย

“ชอบแบบนี้มั้ย” มันคำรามกร้าว ขยับตัวเน้นๆลงบนจุดไวสัมผัส

“อือ..อื้ออ”

“ถ้าชอบก็ร้องสิ..ร้องดังๆ!”

ร่างเล็กดิ้นพล่าน ทั้งกระชาก ทั้งสะบัดมือออกจากผ้าที่มัดแต่ไม่เป็นผล ความร้อนระอุสอดใส่เข้าออกเป็นจังหวะ เสียงผิวกายเสียดสีดังลั่นห้องนอน

แขนแกร่งเท้าลงมาบนเบาะ ช่วงอกกว้างเสียดสีกับผิวกายขาว กลิ่นสบู่อ่อนๆเป็นยากระตุ้นให้คนด้านบนโหมแรงใส่จนเตียงทั้งหลังไหวคลอน

จิรนันท์รู้สึกได้ว่าสติสัมปชัญญะของตนกำลังหลุดหาย เสียงครวญครางในลำคอที่ร้องด้วยความสมใจดูราวกับจะไม่ใช่เสียงของเขา หากว่านี่คือความฝัน คงนึกว่าวิญญาณของตนหลุดออกจากร่างแล้วกำลังยืนดูกายเนื้อกำลังถูกกระทำด้วยน้ำมือของชายแปลกหน้าอยู่ข้างเตียงเป็นแน่

“สะใจสินะ” มันหัวเราะก้อง กระชากหัวไหล่มนกลับเข้ามาพร้อมกับก้มลงบดเบียดริมฝีปากผ่านเนื้อผ้าที่คาดทับ “ความอยากมันไม่เข้าใครออกใคร”

ความนุ่มนวลด้านในขยับรัดรึงแน่นหนา ทุกครั้งที่จงใจรุนแรงหรือพูดคำหยาบข้างใบหู คนที่อยู่เบื้องล่างก็มักจะมีกิริยาตอบโต้กลับมาเสมอ และทั้งที่ใบหน้านั้นมีแต่คราบน้ำตาเปรอะเปื้อน พยายามปฏิเสธด้วยการถดร่างหนี แต่ทางรักร้อนผ่าวกลับกลืนกินช่วงความยาวที่กำลังรุกไล่ไม่ปล่อย

“ถ้าอยากหนี..ก็หนีเลย” มันกระซิบบอกก่อนจะปลดผ้าที่มัดมือให้

จิรนันท์จำได้ว่าชกหน้ามันไปอย่างแรง หากเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส มันก็ผลักเขาตกลงบนเตียง สอดแขนทั้งสองเข้ายกรั้งข้อพับขาจนสะโพกลอยสูง มันทิ้งน้ำหนักลงปลายเท้าพร้อมกับกระแทกตัวลงมาจนสุดความยาว

“อื้ออ!” เขาน้ำตาไหลพราก ทั้งเจ็บใจ ทั้งอับอาย ความกลัวในตอนนี้ไม่มีอีกต่อไป จะเหลือก็แต่ความโกรธที่แรงปรารถนาทั้งหลายยังไม่ลดลงสักที

เล็บคมจิกลากลงบนแผงอกหนา ขยุ้มผ่านตัวเสื้อแล้วกระชากลง หวังให้เศษเนื้อติดออกมา หากยิ่งต่อต้าน มันก็ยิ่งรุนแรงทางกาย

“ทำได้แค่นี้เหรอ เอาให้สมจริงหน่อยซี” มันหัวเราะลั่น เลือนมือขึ้นขยุ้มลงบนอก ขยำขยี้จนเนื้อขาวขึ้นสีแดงก่ำ เสียงครางด้วยความเจ็บดังอื้ออึง

“อย่าเล่นตัวกับผัวหน่อยเลย” มันพึมพำ “ยังไงตอนนี้มึงก็เป็นของกู”

จิรนันท์กัดฟันกรอด พยายามยกขาขึ้นถีบแต่มันคว้ามาเกี่ยวไว้ที่เอว ยิ่งขยับถอย มันยิ่งรุกเข้ามาจนทั้งสองร่างกลืนกินกันแนบสนิท

“ฮ..อาา”

“ที่แท้มึงก็อยากเหมือนกันนั่นละ”

ใบหน้าแดงเรื่อหันหนีไปอีกทาง เรี่ยวแรงต่อต้านหดหายเมื่อมันโน้มตัวลงมากอด สะโพกแข็งแรงขยับสวนถี่รัว เสียงน่าอายดังก้องห้องจนใบหน้าของคนที่ได้ยินซับสีเลือด ส่วนอ่อนไหวด้านหน้าเสียดสีกับช่วงท้องของมันจนขยาย

“อื้อ..” เจ้าตัวทั้งผลักทั้งดันบ่ากว้างเมื่อมันเร่งจังหวะ “..อือ”

เสียงทุ้มต่ำครางแว่ว ผละมาช่วยรูดรั้งความต้องการร้อนระอุของอีกคน

ร่างขาวกระตุกเกร็ง ร้องสุดเสียงในลำคอเมื่อมันกระแทกกระทั้นลงมาอีกสองสามจังหวะ เขาสะดุ้งเฮือก ปลดปล่อยความปรารถนาออกมาเป็นสาย

ทั้งตัวผวาเฮือกขึ้นกอดรัดบุคคลแปลกหน้าอย่างลืมตัว มันกระชากผ้ามัดปากออกก่อนจะก้มลงบดขยี้จูบอย่างรุนแรง สอดปลายลิ้นเข้าดูดคลึงราวคนรักกันกำลังกระทำ ในขณะที่ช่วงล่างเองยังคงเคลื่อนไหวถี่กระชั้น

“อาา..” เสียงแหบพร่าคราง ขยับตัวคล้ายคนบ้าคลั่ง “นันท์! นันท์!!”

จิรนันท์รู้สึกชาวูบ หูอื้ออึงจนไม่ได้ยินเสียงอะไรในช่วงที่มันเร่งตัวเองแล้วสอดใส่รุนแรงอีกหลายครั้งก่อนที่จะหลั่งน้ำรักมากมายออกมาในตัวเขา

..เสียงคำรามด้วยความสุขนั้นช่างคุ้นเคยคล้ายจะได้ยินที่ไหนมาก่อน..

......



คนที่หมดสติในช่วงเวลาสุดท้ายเพิ่งจะสะดุ้งตื่นเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างผ่านไป เมื่อยกมือขึ้นแตะบนใบหน้าก็ต้องพบว่าผ้าที่คาดตาถูกแก้ออกแล้ว
   
จิรนันท์ร้องไห้เงียบๆในทันทีที่ระลึกได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นความจริง แต่เสียงตะกุกตะกักแถวตู้เสื้อผ้าทำให้เขาไม่มีเวลามานั่งเสียใจกับสิ่งที่เกิด
   
ร่างบอบช้ำพยุงตัวจากที่นอนแผ่วเบา เมื่อปลายเท้าแตะพื้น เรี่ยวแรงก็แทบหดหาย ไออุ่นร้อนที่ยังคาคั่งอยู่ในตัวไหลย้อนลงมาซ้ำยังหยดลงบนพื้นพรม
   
ร่างเล็กกำหมัดแน่นด้วยความโกรธแค้น แม้แต่พีร์ยังไม่ได้สัมผัสตัวเขาตรงๆขนาดนี้ ทุกครั้งที่นอนด้วยกันจะต้องมีเครื่องป้องกันเสมอ
   
..แล้วมันเป็นใคร!..
   
เจ้าตัวคว้าแจกันเปล่าที่วางประดับไว้บนพื้นขึ้นมาถือ ดวงตาจ้องตรงไปยังแผ่นหลังที่กำลังก้มๆเงยๆรื้อของอยู่ในห้องแต่งตัว ดูจากสีเสื้อและกางเกงยีนส์ขาดๆที่มันสวมก็พอบอกได้ว่าเจ้าตัวยังไม่ไปไหน ตอนนี้มันถอดหมวกไหมพรมที่สวมทับใบหน้าออกแล้ว..และคงจะกำลังขโมยทรัพย์สินของพวกเขาด้วย
   
เงาดำที่ทาบทับเข้ามาเบื้องหลังทำให้ผู้บุกรุกหันควับ ดวงตาสีเข้มเบิกกว้างก่อนที่จะยกมือขึ้นป้องกันส่วนหัว
   
“ผมเองนันท์!!”

..เสียงคุ้นหูร้องบอกในจังหวะที่อีกฝ่ายฟาดแจกันเข้ามาเต็มแรง..



......

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Lonely Love] I Want to Hold Your Hand [pg.1-2, 15/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: nigiri-sushi ที่ 23-03-2013 14:13:26


รณพีร์ฟื้นอีกครั้งในโรงพยาบาล รอบหัวมีแต่ผ้าพันแผลเต็มไปหมด ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้งด้วยความไม่สบอารมณ์เมื่อน้องชายคนเก่งมาเยี่ยม
   
“ไงพี่” รณชิตกลั้นขำหลังจากทักทายคนรักตัวแสบของพี่ชายแล้ว
   
จิรนันท์กระแอมแก้เก้อ มือเปิดหนังสือพิมพ์ไปมาทั้งที่ใจไม่ได้จดจ่ออยู่กับสิ่งที่กำลังอ่านเลย ยิ่งมาถูกว่าเหน็บแนมจากไอ้พีร์ด้วยแล้วยิ่งนั่งไม่ติดที่
   
“จะเป็นยังไงล่ะ เกือบตายน่ะสิไอ้หอกหัก!” เขาครางอู้ เจ้าบ้านี่ฟาดแจกันเข้ามาได้เต็มหัว กระเบื้องเนื้อดี หนาสุดๆยังแตกกระจายเป็นเสี้ยว กะโหลกเขาทนมาได้ ถูกเย็บแค่สามสิบเข็มกลางกระหม่อมก็ดีแค่ไหนแล้ว!
   
“ช่วยไม่ได้นี่” ร่างเล็กมุ่นคิ้ว พับหนังสือพิมพ์ลง “เล่นอะไรงี่เง่า”
   
รณชิตหรี่ตามอง “เล่นอะไรกันเหรอ”
   
จิรนันท์โบกไม้โบกมือ แก้มขาวแดงแปร๊ด “เปล๊า!”
   
“นั่น..เสียงสูงเชียว”
   
“อยากหัวแตกอีกคนมั้ยครับคุณชิต”
   
ชายหนุ่มยกมือยอมแพ้ หัวเราะร่วนเมื่อเห็นพี่คลำหัวป้อยๆแล้วส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าอย่าลองของกับเสือร้ายจะดีกว่า
   
“แล้วนี่มาทำไม” จิรนันท์หน้าบูด อยากวิ่งเตะทั้งพี่ทั้งน้องเรียงตัวนัก
   
เรื่องของเรื่อง พีร์ออกไปดื่มข้างนอกกับน้องชาย ไอ้คุณชิต ไอ้น้องจอมกะล่อนมันแนะนำว่าถ้าจะให้ชีวิตรัก..โดยเฉพาะกับเรื่องบนเตียงมีความสุขล่ะก็ ต้องสรรหาอะไรแปลกใหม่บ้าง
   
..ดังนั้น..รณชิตเลยเสนอให้แลกคู่นอนกัน..
   
ผลที่ได้ ก็คือแผลแรกตรงมุมปากที่เขาเห็นนั่นเอง
   
“แผนแรก..ไอ้ชิตจะนอนกับนันท์เอง” พีร์เฉลยให้ฟัง
   
จิรนันท์ยิ่งหน้าหงิกใหญ่ “น่าต่อยอีกรอบ คิดอะไรอกุศล”
   
“ผมเลยต่อยปาก งัดหมาออกมาให้ไง”
   
“อ้อ..นึกว่าโดนนักเลงในผับเล่นซะอีก”
   
“แฟนใคร ใครก็รักหรอกน่า”
   
ส่วนแผนสอง ก็คือให้ไอ้คุณพีร์ ไอ้พี่ชายจอมกะล่อนเบอร์สองทำทีเป็นโจรเข้ามางัดแงะ เสร็จแล้วก็ข่มขืนเจ้าของห้องเสียเลย!
   
พีร์อุตส่าห์เปลี่ยนเสื้อผ้า เอายีนส์ เอาผ้าใบมาใส่เพื่อความสมจริง เอาหมวกไอ้โม่งมาสวม ดัดเสียงให้แปร่งปร่าไม่ให้เขาจำได้ ซ้ำยังพ่นบุหรี่ควันโขมง
   
..ขอบคุณมาก..ซึ้งใจในความพยายามที่สุด!!..
   
พยายามกระทั่งพูดคำหยาบ อยากต่อยให้หัวหลุดนัก!
   
มิน่าเล่า..เขาก็ว่าตัวเองล็อคห้องเรียบร้อยตอนไล่รณชิตออกไป ทำไมไอ้โจรบ้าห้าร้อยนี่ถึงเข้ามาได้อีก ยิ่งกับตอนใช้ปาก..มันดันรู้ได้ยังไงว่าพีร์ไม่เคยทำให้เลย คิดถึงตรงนี้ จิรนันท์เริ่มจะหน้าแดงแปลกๆอีกแล้ว
   
“แต่อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย” พีร์ทำหน้าง้ำหน้างอเป็นตะขอเกี่ยวหมึก “ขนาดรู้ตัวว่ากำลังถูกข่มขืนนะ ทำไมนันท์ทั้งร้อง ทั้งคราง ทั้งกอดมันขนาดนั้นล่ะ! ผมหึงนะคุณ!! นี่มีรสนิยมแบบชอบให้ใช้กำลังเหรอ”
   
คนฟังเลยแทบจะมุดแผ่นดินหนี “ขอโทษ..มันเป็นไปเองนี่”
   
จะว่าไป..ถึงลีลาจะดิบเถื่อนกว่าเก่า แต่ความคุ้นเคยมันก็ยังพอระลึกถึง อย่างที่บอกนั่นละ วัวเคยค้า ม้าเคยขี่ เขาเรียกว่ามีเยื่อใยถึงกัน
   
..จะไม่ให้มีอารมณ์ตอบก็กระไรอยู่..
   
“ฮึ!” ผู้ใหญ่ตัวโตทำงอนมันน่าถีบเหมือนกันนะ “ถ้าเกิดไม่ใช่ผม แต่ดันเป็นโจรหนีออกจากคุกจริงๆขึ้นมาจะให้ทำยังไงล่ะ”
   
จิรนันท์นิ่งอึ้ง ได้แต่เกาแก้มอย่างครุ่นคิด “ถ้ามันจะฆ่าก็ต้องสมยอมสิ”
   
“อ๋อเหรอ”
   
“รู้อย่างนี้ก็อย่าปล่อยให้อยู่ห้องคนเดียวนะ” เขายิ้มระรื่น “ถูกปล้ำขึ้นมา เกิดติดใจไปอาจจะหอบข้าวของตามโจรไปสร้างรังรักใหม่ก็ได้”
   
พูดจบประโยคปุ๊บ คนตัวเล็กก็ถูกลงโทษด้วยการจูบปั๊บจนปากเจ่อเลย 
   
“คุณนันท์..” รณชิตพ่นลมหายใจออกอย่างกลัดกลุ้มเมื่อคนตรงหน้าไม่ได้สนใจฟังกันเลย เอาแต่ลูบปากตัวเองอยู่ได้ “คุณนันท์!”
   
“หือ..อะไรเหรอ” จิรนันท์แอบสะดุ้ง รีบกลบเกลื่อนสีหน้าท่าทางพอใจ
   
รณพีร์แอบมองด้วยท่าทางจับผิด
   
“ผม..คือ..ที่ถามไปน่ะ..ช่วยบอกผมหน่อยเถอะครับ” รณชิตหน้าซีดเซียว พูดตะกุกตะกักได้อย่างน่าขำสำหรับเพลย์บอยที่แสนจะมั่นใจตัวเองคนนี้
   
“ขอโทษครับ เมื่อกี๊ไม่ได้ฟัง” คนถูกถามทำหน้าเหรอหรา
   
“ผมอยากรู้ว่า..” หนุ่มนักรักสูดลมหายใจลึก “คุณจิรายุไปไหน”
   
จิรนันท์เลิกคิ้ว “พี่น่ะเหรอ?”
   
“ครับ” รณชิตหางลู่หูตกเหมือนหมา
   
“ก็น่าจะอยู่บ้าน..ไม่ก็อยู่วัด ทำไมเหรอครับ”
   
“ผมโทรไป เขาไม่รับ” ชายหนุ่มหน้าสลด “จะยี่สิบสายแล้ว”
   
จิรนันท์ประหลาดใจหนักกว่าเก่าที่รณชิต หนุ่มเพลย์บอย ใช้ชีวิตนอนกลางวันทัวร์บาร์ตอนกลางคืนเลือกจะโทรหาจิรายุที่แก่ธรรมะถึงขนาดจะเข้าไปใช้ชีวิตในวัด มองอย่างไรก็ไม่เห็นหัวข้อพูดคุยที่จะมาบรรจบกันได้เลย
   
“มีธุระอะไรกับพี่เหรอ”
   
“นิดหน่อยน่ะครับ นิดเดียวจริงๆ” รณชิตถูมือพลางหัวเราะแหะ
   
เจ้าตัวยักไหล่ ต่อสายให้แล้วรออีกฝ่ายรับ ใช้เวลาไม่นานจิรายุก็ขานตอบมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ดูเหมือนจะเป็นหวัดไม่ก็กำลังคัดจมูก
   
“พี่อยู่ไหนเหรอ” เขารู้สึกสัญญาณไม่ค่อยชัด
   
‘รถทัวร์’ ปลายสายตอบมาเสียงอู้อี้
   
“อ้าว! มีทัวร์เก้าวัดก็ไม่บอก” จิรนันท์หยอกเย้า
   
‘เปล่า จะไปนั่งสมาธิวัดบ้านป่าที่เชียงใหม่’
   
“เชียงใหม่!” คนน้องเบิกตากว้าง เหลือบมองรณชิตที่หันขวับ หูผึ่ง นั่งกระสับกระส่ายไปมา “ทำไมไปไม่บอก”
   
‘งั้นก็บอกเลยแล้วกัน พี่จะปิดมือถือนะ ไม่ต้องโทรมาหรอก เขาห้ามติดต่อโลกภายนอกหนึ่งเดือน’ ทางนั้นพึมพำ
   
“ไม่ต้องโกนผมใช่มั้ยเนี่ย”
   
‘อือ..แค่ถือศีลแปด ไม่กินข้าวเย็น นุ่งขาวห่มขาว..ล้างซวย!’
   
จิรนันท์เอาโทรศัพท์ออกจากหูแทบไม่ทัน ‘ซวย’ ปะทะมาคำเบ้อเลย
   
“อือ..งั้นดูแลตัวเองด้วย หมดคอร์สสมาธิแล้วจะไปรับนะพี่”
   
‘ไม่ต้องหรอก’ สูดน้ำมูกฟืด ‘ถ้าบรรลุโสดาบันจะโกนหัวบวชพระเลย’
   
น้องชายกะพริบตาปริบ วางสายไปด้วยความมึนงง รณชิตปราดเข้ามาถามว่าสรุปแล้วจิรายุอยู่ที่ไหน กำลังทำอะไร และมีกำหนดกลับเมื่อไหร่
   
“พี่บอกว่า ถ้าบรรลุโสดาบันจะบวชพระไม่สึกตลอดชีวิต”
   
รณชิตหน้าหงิกอีกคน บอกลาพวกพี่แล้วหุนหันออกมาแต่ยังไม่วายพึมพำ “มีเวลาร่วมเดือนเอาคำตอบ ถ้าใช่คำนั้นล่ะก็..ต้องจับสึก!”
   
“เป็นอะไรของเขา” จิรนันท์สงสัย “จู่ๆถามถึงพี่ทำไม”
   
รณพีร์ส่ายหัวแทนคำตอบ ได้แต่กวักมือเรียกคนรักเข้ามาใกล้ก่อนจะคว้าเอวเข้าไปกอด “คงมีอะไรคุยกันล่ะมั้ง ผมยังไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้เลย”
   
“อย่ามาทำพี่ผมอกหักเป็นพอ” เจ้าตัวขู่ฟ่อ “ไม่งั้นผมจะเลิกกับคุณ”   

ร่างสูงย่นจมูกใส่ กระชับอ้อมแขนเข้ามาแน่นขึ้น
   
“อายหมอน่า” จิรนันท์แก้มแดงก่ำเมื่ออีกคนซุกไซ้จมูกลงมา 
   
“ขอโทษนะ” ชายหนุ่มกระซิบ

“ก็ขอโทษไปแล้วนี่”

“กลัวจะโกรธ เดี๋ยวไปมีแฟนใหม่ล่ะแย่แน่” รณพีร์ออกจะกลัวคนรักอยู่ไม่น้อย หลังจากเรื่องเมื่อคืนผ่านไป เขาเจอมุมลึกลับของนันท์เยอะแยะ

งานนี้เขาได้ค้นพบว่าคนรักเซ็กซี่ขนาดไหน..โดยเฉพาะเวลาถูกมัดมือมัดขา ยิ่งมีผ้าคาดตาและมัดปากด้วยนี่..อย่าบอกใครเลยเชียว

ถามว่าคุ้มมั้ยกับแจกันที่ฟาดลงหัว..รวมกำปั้นอีกนับไม่ถ้วนที่ระดมต่อยเข้ามาตอนเขาเฉลยความจริง ซ้ำยังต้องนั่งกอดปลอบอีกฝ่ายตั้งแต่เช้ายันเย็น เขาก็ว่ามันคุ้มดี เพราะจากนี้ชีวิตรักของพวกเขาไม่มีทางจืดชืดแน่
   
..แต่คราวหลังต้องสอบถามความสมัครใจก่อนล่ะ..

..โดนฟาดบ่อยๆคงไม่ดี..

“ก็ไม่ได้โกรธอะไร” เจ้าตัวหน้าร้อนผ่าว “แต่ทีหลังไม่เอาแล้วนะ”

“ก็ได้” เขารับคำเสียงอ่อย อันที่จริงก็อยากลองอีกเพราะมันตื่นเต้นสุดๆ

คนรักตัวแสบเห็นหน้าอีกฝ่ายเจื่อนลงก็หัวเราะร่วน ยืดตัวขึ้นกระซิบข้างหู “แบบไม่รู้ตัวไม่เอาแล้ว คราวหน้าเอาแบบรู้ตัว แต่เปลี่ยนสถานที่ดีมั้ย”

“หือ?”

“บนรถไฟเป็นไง”

“ถ้าอย่างนั้น..” รณพีร์อมยิ้มก่อนจะหอมแก้มนิ่มฟอดใหญ่ “โอเคเลย”




___________________________________________________________________




 :L1: :pig4:


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Lacie ที่ 23-03-2013 16:04:09

อ่านตอนนี้ทีไรก็ขำค่ะ ขำปนหื่น เข้าใจเล่นเพิ่มสีสันให้ชีวิตเนอะ :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 23-03-2013 19:08:27
เนื้อเรื่องน่ารักจังเลย อาจจะดูซาดิสไปหน่อย 55555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 23-03-2013 19:31:16
อ่านในบล๊อกแล้วก็มาอ่านในนี้อีก
อ่านที่ไรก็กริ๊ดพี่ใหญ่  เป็นตัวเอกที่เท่ที่สุดในนิยายของคุณนิกิริฯ เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 23-03-2013 20:28:12
อ่านกี่ครั้งก็ชอบน่ารักดี
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: PAAPAENG~ ที่ 23-03-2013 22:31:00
กรั่กกกกกกก เข้ามากรี๊ด...เข้ามาเมนท์...เข้ามาเกรียน >.<

อารมณ์เราตอนนี้กำลังเป็นแบบนายเอกในเรื่องล่ะ
คือ...ว๊อนท์อยากเจอคุณไปรฯมาก
เพราะ...

อาณะยังไม่มาเลยง่า!!! TwT
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Ju ที่ 23-03-2013 22:43:10
อร๊ายยยยย ชอบ  :haun4: o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 23-03-2013 22:45:52
ต้องสร้างสีสันกันขนาดนี้เชียว ดีที่ไม่ตาย
น่าจะเปิดอกคุยกันแต่แรก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: t_cus ที่ 23-03-2013 23:49:34
ชอบตอนของพี่ใหญ่มากกกกก!! เลยค่ะ

นั่งอ่านไป น้ำตาซึมไป

โอ้ยย.. ซึ้งอะ!!
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 23-03-2013 23:50:43
เกือบเสียน้ำตา กับ Hurt Love
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 24-03-2013 01:22:42
มาส่งหน้าบ้านที โรแมนซ์ง่า
เพลงของคาร์เพนเตอร์ครองใจเราหลายเพลงเหมือนกัน *-*
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 24-03-2013 08:55:20
ตายๆๆเป็นไงเปลี่ยนบรรยากาศได้เลือดเลยแต่ก็คุ้มเนอะ




ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: ratnalin ที่ 24-03-2013 09:38:32
ชอบ wonderful tonight มาก อาจจะเป็นเพราะมันจบได้ทั้งสุข ทั็งน่ารัก ตอนแรกๆมามาม่า แอบกลัวๆอยู่ แต่ถ้าจั่วหัวว่า In Love แสดงว่าปลอดภัยไร้กังวล 555
งานนี้ยกความดีความชอบให้รณชิตเลยค่ะ คิดอะไรได้แผลงมาก แต่พีร์ก็ดีนะที่ไม่คิดจะนอกใจถึงแม้จะเบื่อก็เถอะ (อยากเจอผู้ชายแบบนี้ ><) นันท์ก็น่าสงสาร ตอนแรกอ่านเรานึกว่าคนที่สวมไอ้โม่งจะเป็นรณชิต แต่กลายเป็นรณพีร์ที่จ้างเล่นร้อย มาเต็มมาก
อยากน้อยสถานการณ์เบื่อหน่ายก็ดีขึ้นเยอะ คงแฮปปี้กันอีกนานล่ะ ^^

ปอลิง อยากอ่านคู่ชิตจิรายุด้วยจัง 555 แลดูฮาๆ คุณพี่ชายธรรมะธรรมโมมาก ไปโคจรเจอกันตอนไหนเนี่ย

รอตอนถัดไปจ้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 24-03-2013 10:47:23
ว้าว~ รสชาติใหม่  :m25: สถานที่ใหม่  :z1: แต่ขอคนเดิมนะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: รัตติกาล ที่ 30-03-2013 13:14:59
มาติดตามฮับ
 :mew3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: nigiri-sushi ที่ 24-05-2013 17:33:13
 :L1: Hurt Love :L1:


"All I Have To Do is Dream"



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


..ผมชอบคนว่าง่าย..
   
“คืนนี้ไม่กลับนะ” มันเป็นแค่ประโยคบอกเล่า ไม่ใช่คำถาม ไม่ใช่การขออนุญาต และไม่ยินยอมรับคำปฏิเสธ
   
‘ครับ’ ปลายสายพึมพำ เสียงที่ได้ยินนั้นเบาหวิว..เหมือนคนจะขาดใจ
   
ผมกดตัดสาย ปิดมือถือ ทันทีที่โยนโทรศัพท์ไปไว้เบาะหลัง ทันทีที่ขาก้าวออกจากรถ เปิดประตูเข้าสู่โลกแห่งสีเสียง..ผมก็ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง

..ลืมกระทั่งคนที่เฝ้ารอผมอยู่ที่บ้าน..
   
“สวัสดีค่ะคุณเอกรัตน์” พวกวัวเคยค้า ม้าเคยขี่
   
“อืม..” ผมกวาดสายตาหารายใหม่ มองผ่านแสงสลัวเลือนของบรรยากาศ ผ่านกลิ่นแอลกอฮอล์และควันบุหรี่คละคลุ้ง
   
ผู้หญิงคนหนึ่งชูแก้วทักทายผม เธอคลี่เรียวปากสีแดงฉาน อวดปลายเล็บที่แต่งแต้มสีชาดเด่นสะดุดตา ผมก้าวเท้าเข้าไป เลี้ยงเธอแก้วหนึ่ง
   
..คืนนั้นเราจบกันที่โรงแรม..
   
จำไม่ได้ว่านานเท่าไหร่ที่ผิวกายเราเบียดเสียด ริมฝีปากสีแดงนั้นจุมพิตผมครั้งแล้วครั้งเล่า เล็บสีสดกรีดลงแผ่นหลัง ครวญครางเสียงอ่อนหวาน ผมตักตวงทุกอย่างจนเกินคุ้ม เธอขอ ผมสนอง ไม่มีอะไรติดค้างต่อกัน..แค่เล่นสนุก
   
..แม้ว่าใครบางคนอาจจะทุกข์เจียนตาย..
   
ผมไม่ได้เมา แค่มึนหัวเล็กน้อย แต่ก็ทำเอาเห็นถนนเส้นตรงเป็นวงคดเคี้ยวราวกับงูได้เหมือนกัน แสงไฟหน้ารถสาดผ่านความมืดยามค่ำคืน ผมเปลี่ยนใจในทันทีที่บทรักของผมกับสาวแปลกหน้าจบลง ไม่มีอะไรให้น่าประทับใจสำหรับการสานสัมพันธ์ต่อในวันรุ่งขึ้น ผมเลยเลือกที่จะกลับบ้านตอนตีสาม

รอบด้านมืดมิด เงียบสนิท ไม่มีรถสักคันแล่นสวน ผมเปิดวิทยุแก้เหงา

dream..dream..dream

ผมเร่งเสียง เปิดกระจกรถพลางจุดบุหรี่สูบ ปล่อยอารมณ์ล่องลอยไปกับอากาศเย็นเฉียบสองข้างทาง

When I want you..in my arms

when I want you..and all your charms

Whenever I want you, all I have to do, is dream..dream..dream

“dream..dream..dream” ผมร้องคลอ จำได้ว่าชอบมาก

..ผมร้องเพลงนี้จีบคนรัก..

“ทำไมน้องจีนถึงตกลงคบกับมึงวะ เสียดายของ”

“เพราะเป็นกูไง” มันต้องเลี้ยงเหล้าเพราะผมจีบเด็กติด เราไม่ได้พนันกัน เพียงแต่ว่ามันมองไม่เห็นทางไหนเลยที่คนอย่างจีนจะยอมลงเอยกับผม


“When I feel blue in the night..and I need you” ผมกลืนน้ำลายแห้งผากลงคอ นึกถึงน้ำตาของคนรักในวันแรกที่ได้ฟังเพลงนี้

จีน..ตอนรู้จักชื่อของเด็กฝึกงานในแผนกที่ผมเป็นผู้จัดการอยู่ ความรู้สึกแรกคือ ชื่อแปลก แต่พอได้เห็นตัวแล้วไม่สงสัยนัก จีนก็คือจีน ตรงตัว โต้งๆ ไม่ต้องตีความ ผิวจีนเหมือนหยวก ตาสีน้ำตาลอย่างคนเชื้อสายจีน ตัวคล้ายจะปลิวลมได้ตลอดเวลา ทำอะไรเซ่อซ่า งุ่มง่าม ว่าง่าย ใครใช้อะไรก็รับทำหมด แม้กระทั่งถูกหยอกเย้าให้ไปขัดห้องน้ำ จีนยังหาไม้ม็อบกับถังเสียทั่วชั้น

..ผมชอบคนว่าง่าย..

ไม่ใช่ว่าไม่มีคนเข้าหาจีน มีเยอะ..มากมายนับไม่ถ้วน แต่ผมชนะ

“..to hold me tight. Whenever I want you, all I have to do, is dream..” ผมเลี้ยวรถไปตามเส้นทางคุ้นเคย

ผมไม่ได้ทำอะไร แค่นึกชอบ ลองเข้าหา แรกๆก็เหมือนผู้ชายทั่วไป ซื้อของให้ ชวนกินข้าว แม้จีนจะไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ไม่มีทีท่าตอบกลับ ผมพากเพียรอย่างนั้นอยู่หลายเดือน..เกือบจะถอดใจ

..กระทั่งผมพาไปดินเนอร์..แล้วร้องเพลงนี้ให้ฟัง..

..ง่ายๆแค่นั้นเอง..รู้อย่างนี้ก็ร้องมันตั้งนานแล้ว..

“ทำไมถึงคบกับพี่” ผมสงสัย

“เพราะพี่เอกรู้ว่าจีนชอบอะไรที่สุด”

“เพลง..งั้นเหรอ” ผมเดาสุ่ม เพราะนี่คือสิ่งเดียวที่ผมทำแตกต่าง

“ชีวิตจีนเหมือนความฝัน” จีนหลับตานิ่ง อกไหวแผ่วเบาจนน่ากลัวว่าจะหยุดหายใจลงไป “ได้แต่ฝัน..เท่านั้น”

“ถึงจะพยายามแค่ไหน ทุ่มเทเท่าไหร่..ก็ไม่มีอะไรดีเลย” จีนยิ้ม “เลยต้องฝันไปวันๆ ในความฝัน..จีนเป็นได้ทุกอย่าง”


ผมไม่ใช่คนที่มีเวลาว่างมากพอจะฟังเรื่องในอดีตของใคร ใส่ใจบ้าง ไม่ใส่ใจบ้าง แต่พอรู้ว่าจีนอยู่ตัวคนเดียวลำพัง ช่วงประถมต้น พ่อแม่หย่า จีนไปอยู่กับน้าสาว พอทางนั้นมีลูก ที่ของจีนก็คือสถานสงเคราะห์ของซิสเตอร์

..แน่นอน..มันคงไม่ราบรื่นนักหรอก..

..ผมเคยเห็นรอยถูกจี้ด้วยบุหรี่..กับแผลเป็นจากแนวหวาย..

“มาอยู่ด้วยกันมั้ยล่ะ” ผมชวน..หลังจากที่เรามีเซ็กซ์กันครั้งแรก

..ง่ายอย่างที่คิดนั่นล่ะ..

“I can make you mine, taste your lips of wine, any time, night or day” ผมไม่รู้ว่ารักจีนหรือเปล่า แต่เราอยู่ด้วยกันมาห้าปีแล้ว

มันคงเหมือนความคุ้นเคย ผมไปทำงาน กลับมาเจอหน้า จีนจะนั่งรอผมที่โต๊ะกินข้าว ทำอาหารไว้รอ ใบหน้าเรียบเฉยนั้นจะยิ้มแย้มทุกทีที่ได้เจอกัน

จีนไม่ได้ออกไปทำงาน แค่อยู่กับบ้าน ทำงานแปลเอกสาร แปลหนังสือ ผมเคยบอกให้ไปเปิดหูเปิดตาบ้าง แต่มันคงไม่ใช่วิสัย จีนเป็นพวกชอบเก็บตัว

..และเอาแต่ฝันเฟื่องไปวันๆ..

“I need you so..that I could die..I love you so” ผมเคยรู้สึกเหมือนจะตายจริงๆ ต้องการ..จนเหมือนจะขาดใจ

ผมเคยบอกตัวเอง ถ้าไม่ได้คนนี้ ผมจะไม่มองใครอีก

..แต่ของที่มันได้มาง่ายๆ..มันก็เบื่อได้ง่ายเช่นกัน..

“and that is why whenever I want you, all I have to do, is dream..” เสียงในลำคอแห้งผาก ผมนึกถึงน้ำตาของคนรัก

..ผมไม่ใช่คนซื่อสัตย์กับใครได้นานพอ..

แค่สามเดือนเท่านั้น..หลังจากที่ผมเคยชินกับลีลาและท่าทางอ่อนเดียงสาซ้ำยังว่าง่ายของจีนแล้ว ผมก็เริ่มออกหาคู่ควงคนใหม่

ผมยังใจดีอยู่บ้างที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับจีนตรงๆ แต่พอจีนรู้เรื่อง ผมก็เลิกที่จะแคร์ ถ้าผมอยากไป ผมจะไป ไม่มีใครทักท้วงได้

“มีจีนคนเดียวไม่ได้เหรอ” แฟนผมร้องไห้ ขอร้อง..อ้อนวอน

ผมตอบไปแค่คำเดียว “ฝันเอาสิ”


“dream..dream..dream.. dream”

เพลงจบลง ผมขับรถถึงบ้านพอดี ไฟด้านในมืดสนิท จีนนอนฟุบอยู่บนโต๊ะกินข้าว ตลอดห้าปี..จีนยังคงรอผมกินมื้อเย็นด้วยกันทุกวันแม้ว่าจะนับครั้งได้ที่ผมสามารถอยู่ร่วมโต๊ะ ไม่ใช่ว่างานเยอะ แต่ผมเลือกจะไปต่อเอง

“ไม่ต้องทำหรอก เสียของ”

“ไม่เป็นไร” จีนยิ้ม “อันนี้เงินจีน เผื่อพี่เอกกลับมาหิวๆจะได้กินไง”


ผมปลดกระดุมเสื้อ ส่ายหัวด้วยความระอา ทั้งที่บอกแล้วว่าไม่กลับบ้าน แต่จีนก็ยังรอผมที่นี่ ตรงนี้..เหมือนทุกครั้งไป

“จีน..” ผมเขย่าตัวคนที่นอนนิ่ง “พี่กลับมาแล้ว..ตื่นได้แล้วจีน”

ร่างตรงหน้าแทบไม่ไหวติง ผมต้องตีเบาๆบนแก้ม จีนเป็นแบบนี้ทุกครั้ง แรกเริ่มที่นอนด้วยกัน ผมต้องตกใจแทบบ้าเพราะนึกว่าทำคนตาย

จีนหายใจน้อยมากเวลาหลับตา น้อยเสียจนต้องเพ่งมองว่ายังหายใจดีอยู่หรือหยุดไปแล้ว และในบางครั้ง..ตัวของจีนจะเย็นเฉียบ ไม่ได้ให้ความอบอุ่นของคนเป็นอยู่เลย แน่นอน..ผมตกใจ แต่พอเริ่มเคยชิน ความชินนั้นก็เปลี่ยนเป็นเบื่อหน่าย ใครจะอยากกอดท่อนไม้แข็งทื่อในเวลานอนกัน

“เวลานอน..จีนจะอยู่อีกโลก” จีนเล่าให้ผมฟัง

“งั้นเหรอ”

“อืม..รู้จักพวกดักแด้ใช่มั้ย ตัวหนอนจะพันตัวเองด้วยใยจนมิด”

ผมไม่เห็นจะเข้าใจตรงไหน

“ช่วงที่หลับลึก จีนจะพันตัวเองเป็นดักแด้” ใบหน้านั้นคลี่ยิ้ม “พอเริ่มฝัน จีนจะเป็นผีเสื้อออกจากเปลือก บินไปอีกโลกหนึ่ง”

“แล้วไง”

“ที่พี่เอกเห็นมันแค่เปลือกดักแด้ บางที..มันเลยเหมือนหุ่น ไม่ได้หายใจ ไม่มีความร้อน แข็งเหมือนศพ..จนกว่าจีนจะตื่นแล้วกลับมาเข้าเปลือกตามเคย”

“พอแล้วจีน! เหลวไหล” ผมหัวเสีย ไม่ได้คุยเรื่องนี้กันอีก


จีนงัวเงียตื่นขึ้น ถ้าพูดตามภาษาของคนเพี้ยนอย่างจีน ต้องบอกว่า ตอนนี้แฟนผมกลับจากอีกโลกมาเข้าเปลือกแล้ว

“ถ้าง่วงก็ไปนอน”

คนตรงหน้าคลี่ยิ้มบางเบา “พี่เอกกลับมาจริงๆด้วย”

ผมเงียบกริบ นิ่งไปนิดเมื่ออีกฝ่ายเอาแก้มซุกแนบอก สองแขนสวมกอดรอบเอวเหมือนพยายามเหนี่ยวรั้ง กลิ่นหอมเจือจางยังเป็นที่คุ้นเคย 

..ผมไม่รู้ว่ารักจีนหรือเปล่า..บางทีอาจเป็นแค่ความสงสาร..

..แต่ผมตอบไม่ได้..ว่าทำไมยังต้องกลับมาหากันทุกครั้งไป..

“เอากับข้าวไปเก็บแล้วขึ้นนอน” ผมแกะมือเล็กออก ผลักไหล่เบาๆ

จีนพยักหน้าอย่างว่าง่าย เก็บอาหารบนโต๊ะทิ้งลงถุงพลาสติก

“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องทำ” ผมเดินผ่านกระจกเงา รอยลิปสติกสีแดงตรงซอกคอตัดกับสีผิว คิดว่าจีนเห็น..แต่แสร้งทำไม่รับรู้

“จีนกลัวพี่เอกหิว”

“พี่เคยกลับมากินมั้ยล่ะ” ผมเช็ดมันออก สำรวจดูว่าไม่เหลือรอยอีก

“เคยสิ..” จีนหัวเราะแผ่วเบา “อย่างน้อยก็ในความฝัน”

จีนไม่เคยปริปากต่อว่าเรื่องพฤติกรรมสำส่อนของผม ไม่เคยก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว แต่คำพูดทุกคำ..แสดงถึงความคาดหวังที่หนักอึ้ง

มันบีบเค้นความรู้สึกกันเข้าไปทุกที

..ผมชั่วมากใช่ไหม..


..............................................................................


ผมกระแทกประตูรถด้วยความหงุดหงิด สองเท้าเหยียบถึงบ้านตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดิน พอก้าวเข้ามาในห้องรับแขกได้ก็ระบายอารมณ์เอากับแฟ้มเอกสารเป็นตั้ง

วันนี้ผมทำงานพลาด ไม่มีอะไรหนักหนาเลย แค่ลูกค้ารายใหญ่ยกเลิกสัญญากับบริษัทและถูกเจ้านายประจานต่อหน้าที่ประชุมเท่านั้น

“จีน..” ผมส่งเสียงเรียก กวาดตามองไปทั่วแล้วไม่เห็นคนๆนั้นนั่งอยู่ในที่ประจำเหมือนเคย “จีน!!”

มีเสียงหัวร่อต่อกระซิกดังมาจากด้านใน ผมเดินดุ่มไปหลังบ้าน กระชากประตูห้องครัวออก แดดตอนบ่ายสามร้อนแสบผิว เนื้อตัวขาวซีดนั้นขึ้นสีแดงเรื่อ ผมค่อนข้างประหลาดใจ จีนมักจะไม่ออกมาเสวนากับผู้คน..เว้นแต่วันนี้

ร่างเล็กยืนอยู่ข้างกำแพงอิฐ สายตาจับจ้องอยู่อีกฟากของผนัง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนทอประกายสดใสอย่างไม่เคยเป็น

เงาดำสูงใหญ่โน้มตัวอยู่เหนือแนวกั้น กระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกันสองคน จีนยิ้มแย้ม พูดคุยโต้ตอบก่อนที่ทั้งสองจะหัวเราะขึ้นมา

..ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน..ตั้งแต่ตอนไหน..

..สัปดาห์..เดือน..หรือปี..

..ที่จีนไม่ได้มีรอยยิ้มให้ผมคนเดียว..

“จีน!” ผมกระชากเสียง ก้าวยาวๆเข้าไปขัดจังหวะ

จีนหันมามอง “พี่เอก..”

ชายแปลกหน้าหุบรอยยิ้มลง

“เรียกแล้วทำไมไม่ตอบ!”

“จีนไม่ได้ยิน..”

“เข้าบ้าน” ผมสั่ง คว้าแขนแล้วลากให้ตามติด

..ใครบางคนที่อยู่เบื้องหลังยังคงมองตามอย่างไม่ลดละ..

“ทำไมวันนี้กลับเร็ว” เจ้าตัวถลาตามแรงกระชาก

“กลับช้าก็มีปัญหา กลับเร็วยังมีปัญหาอีก ไม่พูดมากสักเรื่องเป็นมั้ย!”

จีนเงียบกริบ ผมเงียบกริบ รู้ตัวดีว่าพาลพาโล อารมณ์เสียจากที่ทำงานแล้วระบายความเครียดกับคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว

..ผมแค่หวังว่าจะเจอจีนอยู่ที่เดิม..

..ไม่ใช่ที่ใหม่..กับคนใหม่..

ผมทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา จีนค่อยๆขยับเข้ามากอดไว้ด้วยสองแขน

“ไม่เป็นไรนะ” เสียงนุ่มนวลปลอบประโลม “ไม่เป็นไร..”

“หุบปากเถอะ” ผมสั่ง ก้มหน้าลงซบฝ่ามือด้วยความเหนื่อยล้า

“เดี๋ยวมันก็ผ่านไปเอง”

“บอกให้หุบปาก!!”

โดยไร้การโอ้โลม ผมผลักจีนลงกับพื้น ฉีกกระชากเสื้อผ้าของคนข้างใต้ออก มือตระโบมเฟ้น ขยำขยี้เนื้อกายละเอียดอย่างผู้ที่อยู่เหนือกว่า

ผมกดข้อมือเล็กลงกับแผ่นกระเบื้อง แทรกตัวสอดประสานเป็นหนึ่งเดียว ความรู้สึกอบอุ่นซึมวาบ ไม่สนใจกับแรงดิ้นรน..ไม่สนใจกับหยดน้ำตา

ผมครางในลำคอ สอดมือเข้าใต้ข้อพับขา ยกปลายเท้าอีกฝ่ายขึ้นแนบข้าง ดึงดันกดตัวเข้าออก ทั่วร่างเสียดสีจนร้อนวาบไปทุกส่วน

จีนหนีด้วยสัญชาตญาณ หากเมื่อรู้ว่าสู้แรงไม่ได้ก็นิ่งงันไป ผมขยับตัวหนักหน่วง หายใจรินรดอยู่ข้างซอกคอ ขบกัดจนผิวบางขึ้นรอย กระทำการหยาบกระด้างบนพื้นหินเย็นชืด ด้านชากับเล็บที่จิกทึ้งบนแผ่นหลัง

มีแต่ผมคนเดียวที่พึงพอใจกับการหักหาญ จีนเม้มปากแน่น ไม่ยอมแสดงปฏิกิริยาตอบรับ แต่อย่าหวังเลย..ผมไม่มีวันให้ใครมองเมินกันได้

ผมใช้ความมีชั้นเชิงตักตวงความสุข จีนหันหน้าหนี ครวญครางในลำคอไปตามแรงปรนเปรอ ยิ่งกรีดร้องมากเท่าไหร่ ผมยิ่งสมใจมากขึ้นเท่านั้น

“จีนรักใคร” ผมกระซิบถามทั้งที่ตัวยังเคลื่อนไหวอยู่ด้านบน

“รักพี่เอก..” จีนกอดผมแน่น “รักพี่เอก..”

จีนต่อต้านผมได้ไม่นานหรอก ผมรู้ดี..ในยามที่ผมอ่อนแอ ผมจะแสดงความมีอำนาจได้กับใคร และใคร..ที่จะยอมเป็นเบี้ยล่างให้ผมได้ทุกเวลา

“รักคนเดียว..”

เมื่อพายุอารมณ์ผ่านพ้นไป ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ ผมล้มตัวลงนอนบนพื้นเย็นเฉียบ เสียงฝนด้านนอกดึงสติกลับมา

ผมหอบหายใจ ความสุขท่วมท้นราวกับไม่ได้พบเจอมานานปี

“จีน..” ผมพึมพำ ขยับเข้าไปหาคนที่นอนขดตัวนิ่ง จูบลงบนลาดไหล่ จีนหันกลับมาซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดเหมือนสัตว์ตัวน้อยที่กำลังขวัญเสีย

เราไม่ได้มีเซ็กซ์กันมาครึ่งปี ครั้นพอต้องการ..ผมกลับใช้กำลังขืนใจ

“ไม่เป็นไร จีนไม่เจ็บ” เจ้าตัวยิ้มจาง ดึงมือผมออกจากราวเอว

ผมลุกขึ้นยืน สวมกางเกงกลับเข้าที่ ม่านระเบียงข้างสวนยังไม่ได้ปิดเลยเดินไปรูดมันเข้า ฝนยังคงเทเหมือนฟ้ารั่ว แสงสีขาวสว่างวาบในจังหวะหนึ่ง

..เงาร่างใครบางคนยืนจ้องจากบานหน้าต่างชั้นสอง..

“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”

“เพื่อนบ้าน” จีนตอบโดยไม่เงยหน้า

“รู้จักกันตอนไหน” ผมไม่ชอบสายตาของเขา

“คุณหมอย้ายมาเมื่อสามวันก่อน”

ผมเลิกคิ้ว “คุณหมอ?”

จีนยังนอนนิ่งบนพื้น ทั้งร่างเปลือยเปล่า “เขาเป็นจิตแพทย์”

“ดีนี่” ผมกลับเข้ามาทาบทับบนตัวขาวโพลน กระชับสะโพกเบื้องล่างไว้ก่อนจะรูดซิปลง ค่อยๆยัดเยียดตัวเองกลับเข้าไปใหม่อีกหน

จีนจิกเล็บลงต้นแขนตัวเอง ครางแผ่วเบาในลำคอ

“จีนน่าจะคุยกับเขานะ” ผมกระซิบ “จะได้เลิกยุ่งกับความฝันซะที”

เรามีอะไรกันหลายครั้งในคืนนั้น แม้จะเคยบอกว่าเบื่อหน่าย แต่บางอย่างที่ร้างราไปแล้วกลับมาลิ้มรสอย่างเก่า..มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเร้าใจ

“ถ้าความจริงมันมีความสุข..พี่เอกคิดว่าจีนจะฝันทำไม”

ผมนิ่งงัน มองคนที่เคย ‘ว่าง่าย’ อย่างไม่เชื่อหู “พูดมาใหม่”

จีนไม่ยอมเผชิญหน้ากับผม ได้แต่นอนขดตัวอยู่บนเตียง ใช้ผ้าพันร่างเปลือยจนมิดเสมือนตัวอ่อนที่กำลังห่อหุ้มกายเป็นรังไหม

“จีนไม่มีความสุข” เจ้าตัวพึมพำ

“อยู่กับพี่มันแย่อย่างนั้นเลยรึไง” ผมเริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง

“ไม่รู้..”

ผมก้าวเข้าไปหา รั้งหัวไหล่มนเข้ามากกกอด จูบปลอบแผ่วเบาบนหน้าผาก จีนหลับตาพริ้ม หยาดน้ำใสรินลงเงียบเชียบ “ถึงพี่จะนอนกับผู้หญิงไปทั่ว แต่กับผู้ชาย..จีนน่าจะรู้ว่าพี่มีจีนคนเดียว แค่นี้ไม่พอใจ?”

จีนส่ายหัว พลิกหนีออกห่างผม “แค่ความฝัน..”

ผมถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย จีนควรจะรู้ ผมไม่เคยยอมลงให้ใครมากถึงขนาดนี้ การเปลี่ยนแปลงสันดานผู้ชายไม่ใช่เรื่องปุบปับ และถึงแม้ผมจะคบหากับคนรักมาห้าปีแล้ว มันก็ไม่ได้แปลว่าผมจะอิ่มง่ายๆจากเรื่องพรรค์นั้น

“แค่ในฝัน..ขอคนที่รักกันจริง”

จีนอาจจะสิ้นสุดความอดทน ถึงได้พูดเรื่องนี้ซ้ำไปมา “เอาเป็นว่าพี่จะพยายาม..” ผมรับปากส่งๆเพราะไม่หวังจะทะเลาะกัน “ถ้าได้..ก็คือได้”

“แต่ถ้าไม่ได้..พี่ให้จีนฝันต่อไป..คงง่ายกว่า”


.....................................................................................
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hurt Love] All I Have To Do Is Dream [pg.3, 24/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: nigiri-sushi ที่ 24-05-2013 17:44:17

เราสองคนได้รับเชิญไปงานเลี้ยงของเพื่อนบ้านคนใหม่ ‘เขา’ ผู้ชายที่ผมเคยเห็นหน้าเมื่อวันก่อนเป็นคนออกมาต้อนรับ สีหน้านิ่งเรียบและเฉยชามีรอยยิ้มเปื้อนเมื่อได้พบกับจีน และดูเหมือนว่าจีนเอง..ก็ยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน
   
“ขอบคุณที่มานะครับ” เสียงกังวานทุ้มต่ำฟังดูลึกล้ำเหมือนก้นสมุทร ดวงตาของเขาเป็นสีดำสนิท โครงหน้าคมสันเด่นสง่าอยู่ใต้เงามืด
   
ผมมองฝ่ามือที่ยื่นมาทักทายจีน ใบหน้าขาวเนียนขึ้นสีแดงซ่านเมื่อปลายนิ้วทั้งสองสัมผัสกัน กิริยาเขินอายอย่างที่ปรากฏ..ไม่เคยมีมานานแล้ว
   
“ผม..เอกรัตน์” คำแนะนำตัวสั้นๆง่ายๆที่แทรกเข้าไปกลางคันทำให้เขาหันมามองผมอย่างเสียไม่ได้ “ดีใจที่ได้เพื่อนใหม่”
   
บ้านใหญ่ข้างบ้านของผมร้างมานาน มีต้นไม้ใบหญ้ากับวัชพืชขึ้นจนรก ผมมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับโลกของตัวเองซ้ำยังกลับดึกเกินกว่าจะรับรู้ว่าบัดนี้มันมีใครบางคนเข้ามาอาศัยและจับจองเป็นเจ้าของเสียแล้ว
   
เขากระตุกยิ้มบางเบา ไม่แม้แต่จะแนะนำตัวเอง
   
..คิดจะสร้างศัตรูตั้งแต่แรกเลยสินะ..
   
ผมโอบกระชับรอบไหล่ของจีนเมื่อหมอนั่นทำท่าเหมือนจะเข้ามา ดวงตาสีเข้มวาวโรจน์ขึ้นก่อนจะทอแสงอ่อนโยนเมื่อจีนหันไปยิ้มให้
   
“มาทางนี้เถอะครับ ผมให้เด็กเตรียมมื้อค่ำไว้” เขาผายมือ เดินนำเราไปยังสวนหลังบ้านที่ปูพื้นหญ้าสีเขียวสดไว้รอบบริเวณ
   
เสียงน้ำพุขนาดย่อมไหลรินลงสู่อ่างหินอ่อนเบื้องล่าง แสงสลัวจากเทียนและโคมไฟบนเสาเหล็กดัดจับบนม่านน้ำที่กระเซ็นลงยอดเฟื่องฟ้า
   
งานเลี้ยงที่ว่าเป็นแค่การกินมื้อค่ำด้วยกัน ผมคิดว่าคงมีพวกเราสามคน แต่เปล่าเลย เขาเชิญ ‘เด็ก’ ของเขามานั่งร่วมโต๊ะกับเราด้วย
   
ร่างโปร่งบางและอ่อนไหวเหมือนสายหมอกเคลื่อนเชื่องช้า ชายผ้าสีขาวที่ทิ้งตัวลงเคลียข้อเท้ากลมกลึงฉุดรั้งเสน่ห์ยั่วยวนอย่างน่าประหลาด ดวงตาสีน้ำเงินเข้มค่อยๆช้อนมองมาทางผมและคลี่ริมฝีปากสีสดคล้ายจะเยาะยิ้ม

ราวกับมีกระแสไฟแล่นพล่านไปทั่ว ผมถูกดึงดูดด้วยกิริยาทั้งหมดจนไม่อาจถอนสายตา ความลึกลับคล้ายทะเลอันมืดดำทำให้หัวใจเต้นแรง

..มันเป็นความสวยงามของค่ำคืนที่กลั่นตัวมาเป็นคน..

คุณหมอหนุ่มกระตุกยิ้มอีกครั้ง “เด็กรับใช้ของผมเอง” เขาเลื่อนเก้าอี้ให้กับจีน แต่ในวินาทีนี้ ผมแทบไม่สนอะไรอีกแล้ว

“ชื่อ?” ผมถามขึ้น กวาดมองทั่วร่างอย่างพอใจ

..นอกจากจีนแล้ว..ผมไม่เคยมองผู้ชายที่ไหน..

..จะมีก็คงครั้งนี้กระมัง..

“ไม่มี” เสียงที่ตอบกังวานใสซ้ำนัยน์ตายังเปล่งประกายคล้ายดวงดาว

..เหมือนคนทั่วไป..เล่นตัวเพื่อให้คุณค่าของตนสูงขึ้น..

..ผมไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อก็ได้..ขอแค่เป็นเซ็กซ์ชั้นยอดก็พอ..

จีนขยับตัวอย่างอึดอัด ก้มหน้าลงต่ำด้วยอารมณ์ที่ไม่คงที่

..ผมรู้..จีนไม่อยากให้ผมทำนิสัยเดิมๆ..

..แต่ช่วยไม่ได้..ในเมื่อวันนี้จีนทำกับผมก่อนเอง..

เนื้อชิ้นโตย่างกึ่งสุกกึ่งดิบรสชาติอร่อยขึ้นเป็นพิเศษเมื่อแกล้มกับไวน์ที่แดงฉานราวเลือด ขณะที่ผมปาดมีดลงบนสเต็ก สายตาก็ไม่ได้ละไปจากรูปหน้าสะสวยของอีกคนเลย ไม่ได้สนใจกระทั่งหยดสีแดงชุ่มฉ่ำที่ไหลลงจากมุมปาก
   
เด็กของเขาหัวเราะคิกคักพลางยื่นผ้ามาซับรอยเปื้อนนั้นให้ จีนนั่งนิ่ง มือที่จับมีดสั่นริกอย่างเห็นได้ชัดเมื่อผมจงใจจับบนข้อมือขาวสะอาดของคนอื่น
   
“บริการให้มากกว่านี้หน่อยสิ” เจ้าของบ้านพูดเรียบง่าย “ดูเหมือนคุณเอกจะถูกใจเรา” ในทันทีที่จบประโยค ร่างเล็กนั้นก็ลุกขึ้นยืน
   
“จะไปไหน” ผมถามอย่างเสียดาย
   
เด็กหนุ่มแสนสวยยกปลายนิ้วเรียวยาวขึ้นแตะปากพลางขยับตาให้อย่างมีความนัย ผมลุกขึ้นตามมือที่เชื้อเชิญให้จับ
   
วินาทีนั้น จีนผวาเข้ามาขยุ้มชายเสื้อผมไว้
   
“พี่เอกสัญญาแล้ว..” ดวงตาคู่เดิมอ่อนล้าลง “พี่จะมีจีนคนเดียว”
   
ผมส่ายหัว แกะมือของจีนออกพลางปฏิเสธ “ไปล้างมือแค่นั้นละ”
   
จีนมองตามผมที่เดินหายเข้าไปในตัวบ้านกับเด็กคนนั้นพร้อมๆกับที่น้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงมา ผมเห็น..แต่เลือกจะเฉยเมย
   
เราสองคนบดเบียดจูบเข้าหากันอย่างรุนแรง ผมไม่คิดจะไปไกลนัก ซอกผนังข้างห้องน้ำคือสถานที่ลับตา มีแสงเทียนเลือนรางช่วยปลุกเร้ากำหนัด
   
ผมผลักตัวเล็กบางของอีกฝ่ายเข้าไปชนกำแพง ปลดซิปกางเกงอย่างเร่งร้อนพอๆกับที่ลงมือกระชากกางเกงของเขาออกเช่นกัน
   
ร่างตรงหน้าส่งยิ้มเชิญชวน ปลายเท้าทั้งสองแยกออกพลางสอดนิ้วเข้าแทนคำอนุญาต ผมโถมเข้าไป ยัดเยียดตนด้วยความสุขสม
   
ปลายลิ้นสีชมพูแลบเลียออกมาพร้อมกับเปล่งเสียงครวญครางเพราะหู ผมกระแทกกระทั้นเข้าออกในร่างขาวนวล ขยุ้มไหล่ลาดราวกับจะฉีกกระชากเขาออกเป็นเสี้ยวในขณะที่เคลื่อนไหวไม่หยุดด้วยความพึงพอใจ
   
เมื่อทุกอย่างจบลง ผมหลั่งน้ำรักเข้าไปในตัวเขา เด็กน้อยที่แสนจะเย้ายวนทรุดลงบนพื้นและหันมากอบกุมส่วนกลางให้ เขากลืนกินผมอีกครั้งเพื่อจะรีดเร้นทุกหยาดหยดลงสู่ลำคอเพรียวระหง ดวงตาสีน้ำเงินเข้มช่างสวยจับใจ
   
“พอแล้ว..” ผมกระซิบบอก จูบข้างใบหูขาว รู้สึกติดใจจนต้องเอ่ยปากขอนัดเจอกันอีกครั้ง คนที่ไม่มีชื่อของผมพยักหน้ารับคำ
   
ตอนที่กลับเข้ามายังโต๊ะอาหาร จีนก็กลับบ้านไปแล้ว
   
“อะไรที่มีแต่ไม่รักษา..ระวังจะหายไปแล้วเรียกร้องกลับมาไม่ได้อีก”
   
ผมหันขวับไปมองหน้าเจ้าของบ้านที่ทำเป็นสั่งสอน วินาทีนั้น ผมอยากชกหน้าเขาสักหมัด แต่ท้ายที่สุด ผมก็ได้แต่ลำพองใจที่ทำให้เด็กของเขาติดใจรสรักของผมได้ “บอกตัวเองดีกว่ามั้งครับ ระวังคนใกล้ตัวจะเอาใจออกห่าง”
   
คนฟังได้แต่กระตุกยิ้มอย่างยโส ผมเกลียดท่าทางถือดีของหมอนี่จริงๆ
   
คืนนั้น จีนเข้านอนโดยไม่รอ ผมเองก็ไม่ได้สนใจกับร่างเล็กที่แทบจะจมหายไปกับฟูกเท่ากับการพะวงคิดถึงบทรักที่ดำเนินไปอย่างน่าตื่นเต้นนั่น
   
ผมนอนกระสับกระส่ายไปมา หลับตาแล้วได้แต่นึกถึงภาพยั่วยวน ความรู้สึกร้อนรุ่มทำให้ส่วนล่างเจ็บปวด เมื่อไม่คิดจะบำบัดความต้องการด้วยตนเอง ผมจึงเลือกที่จะกระชากไหล่จีนเข้ามาหา บดจูบลงไปบนเรียวปากนุ่มพร้อมกับดึงทึ้งชุดนอนตัวเก่าของจีนออก
   
จีนสะดุ้งตื่นในวินาทีนั้น ผมขยับตัวขึ้นเหนือร่าง รู้สึกตื่นเร้าที่ได้ใช้กำลังและแสดงความเหนือกว่า ผมขยับขึ้นไปด้านบน ขยุ้มผมของจีนและบังคับให้คนรักใช้ปากให้อย่างที่เด็กของเขาทำ จีนเบือนหน้าหนี ทั้งผลักทั้งดันผมออก
   
“ไม่!” จีนปฏิเสธ “จีนไม่อยากใช้อะไรร่วมกับคนอื่น!”
   
ผมบันดาลโทสะ ตวัดร่างจีนลงนอนคว่ำแล้วกระชากสะโพกมนขึ้นสูง กระแทกตัวเองลงไปด้วยอารมณ์โกรธ แม้ว่าจีนจะร้องไห้ ผมก็ไม่สนใจ
   
..ผมข่มขืนคนรักของตนเองครั้งแล้ว..ครั้งเล่า..



.........................................................................



ความสัมพันธ์ของผมกับจีนย่ำแย่ลงถึงขีดสุดเมื่อผมยังคงนัดเจอกับเด็กหนุ่มคนเดิม เรามีเซ็กซ์กันอย่างไม่ผูกมัด ผมจึงไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องผิดตรงไหน
   
..ผมนอกกาย..แต่ไม่เคยนอกใจ..
   
..ผมไม่รู้ว่ารักจีนหรือไม่..แต่ผมไม่เคยเอาใครมาแทนที่..
   
..ถ้าเป็นเซ็กซ์..จะมีกับใครก็ได้..

..แต่คนที่ผมเลี้ยงดูและยินยอมให้อยู่ข้างกาย..มีเพียงจีนคนเดียว..

..แค่นี้ทำไมถึงไม่เข้าใจ?..

ผมกลับมาถึงบ้านในคืนวันหนึ่ง จีนไม่ได้นั่งอยู่เพียงลำพังอย่างที่เห็นจนเจนตา วันนี้มีเพื่อนบ้านที่ผมเกลียดมาเป็นแขกไม่รับเชิญบนโต๊ะอาหารด้วย

“ว่างมากเหรอครับ” ผมถามอย่างยียวน เดินเข้าไปด้านหลังแล้วเท้าแขนลงคร่อมพนักเก้าอี้ที่จีนนั่งอยู่ แสดงความเป็นเจ้าของอย่างเด่นชัด

ผู้ชายที่เจ้าชู้มักไม่ยอมให้ใครมาลบเหลี่ยม ผมอาจจะมีคนอื่นมากหน้าหลายตาแต่ไม่มีทางยินยอมให้ตนถูกสวมเขาอย่างแน่นอน

“ว่างพอจะทำอะไรหลายๆอย่าง” คุณหมอตอบกลับ

“หลายๆอย่างที่ว่า..คงไม่ใช่มาทำแทนผมหรอกใช่มั้ย”

เขายักไหล่ ลุกขึ้นยืนแล้วขอตัวกลับ ก่อนจากไป ยังก้มหน้ามากระซิบกับจีนอย่างคนสนิทสนม “ดูแลตัวเองด้วยนะครับ ถ้ามีอะไรก็เรียกผมได้ตลอด”

“ขอบคุณ..แต่ไม่จำเป็น” ผมส่งแขก ไล่ทางอ้อมด้วยคำพูดและสายตา 

เมื่อกลับเข้ามาในบ้าน ผมก็ไล่เบี้ยเอากับคนรัก “ตั้งแต่เมื่อไหร่”

จีนเงยหน้ามอง ดวงตานิ่งเรียบ ไร้ความรู้สึก

“ถามว่าตั้งแต่เมื่อไหร่!”

“คิดว่ายังไงล่ะ” จีนย้อนถาม และนั่นทำให้ผมเดือดดาล

“มันทำอะไรลงไปบ้าง” ผมมองสำรวจทั่วตัวจีน ไม่ว่าส่วนไหน ดวงตา จมูก ปาก ใบหน้าหรือร่างกายทุกส่วนก็ต้องเป็นของผมทั้งหมด!

จีนลุกขึ้นยืน เก็บจานชามบนโต๊ะไปล้างโดยไม่เรียกผมกินข้าวเหมือนแต่ก่อน ทำราวกับว่ามื้อนี้..เพื่อเพื่อนบ้านคนนั้น “ในความเป็นจริง..เขาก็แค่พูดคุย” เจ้าตัวพึมพำ “แต่ในความฝัน..เรารักกันไปแล้ว”

คืนนั้น ผมครึ่งหลับครึ่งตื่นตลอดเวลา รู้สึกว่ารอบด้านมืดมิด อึดอัดเหมือนกำลังอยู่ในที่แคบ กดดันและร้อนระอุจนหยดเหงื่อผุดซึมทั่วแผ่นหลัง

ผมไม่อยากยอมรับว่าที่จีนพูดจะเป็นความจริง ผมเชื่อว่าเขาประชด

..ถ้าจีนอยากจะนอกใจ..คงทำไปตั้งนานแล้ว..

อุณหภูมิในห้องร้อนมากจนผมนอนกระสับกระส่าย รู้สึกตัวว่าลืมตาขึ้นแต่ทั่วร่างขยับไม่ได้ เหมือนกับเพิ่งตื่นจากความฝันแต่ยังไม่กลับสู่ความเป็นจริง

ลำคอที่แห้งผากทำให้ผมเรียกหาจีน สายตาที่เริ่มปรับให้ชินกับความมืดเบนไปยังคนข้างกายที่นอนหลับสนิท หากฉับพลันนั้น..ผมกลับชะงักงัน

เงาดำสูงใหญ่กำลังเคลื่อนไหวเชื่องช้าอยู่เหนือคนรักของผม จีนขยับตัวไปมาคล้ายเป็นการโต้ตอบ ปลายนิ้วเรียวจิกทึ้งผ้าปูที่นอน ริมฝีปากเผยอครวญครางด้วยความสุขสม แขนอีกข้างกอดรัดบนแผ่นหลังหนา

เรียวขาเปล่าเปลือยโอบรัดรอบบั้นเอวของร่างด้านบน สะโพกเล็กหยัดขึ้นเป็นการรับแรงสอดใส่ก่อนจะลากแขนขึ้นไปกอดบนบ่ากว้างเพื่อพยุงตัว

ผมจำได้ว่าลุกพรวดขึ้นจากที่นอนแล้วเปิดโคมไฟตรงหัวเตียงเพื่อจะเพ่งมองภาพนั้นให้เต็มตา ในวินาทีที่ไฟสว่างวาบ..ผมก็รู้ตัวว่าสิ่งที่เห็น

..คือภาพหลอน..

จีนยังนอนหลับสนิท ลมหายใจสม่ำเสมออย่างเดิมไม่เปลี่ยน

ผมกุมขมับด้วยความเหนื่อยอ่อน คิดว่าคงเก็บเอาเรื่องที่จีนพูดตอนหัวค่ำมาคิดสะระตะแล้วหลอกหลอนตนเองด้วยความฝัน

“จีน..” ผมพึมพำ ขยับเข้าไปหา จีนยังนอนนิ่ง ลมหายใจแผ่วเบาคล้ายจะจางลงจนหายไปได้ทุกเมื่อ “จีน..” ไม่มีคำตอบรับใดๆ
ผมกอดจีนไว้ด้วยสองแขน แน่นอน..จีนไม่รับรู้การกระทำของผม

“ขอโทษนะ..”


.........................................................................................



หลังจากวันนั้น จีนดูล่องลอย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เรียกเท่าไหร่ก็แทบจะไร้ปฏิกิริยาตอบกลับ จากเดิมที่เหมือนท่อนไม้อยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งเหมือนซากศพ
   
จีนมักยิ้มอย่างไร้ความหมาย ทั้งดวงตาก็เหม่อมองไปยังกำแพงข้างบ้านบ่อยครั้งจนผมแทบจะอดกลั้นความโกรธเอาไว้ไม่ได้

“จีนเจอแล้ว” เจ้าตัวบอกกับผมในวันหนึ่ง “ผู้ชายคนนั้น..”

ผมไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้น

“แค่ในฝัน..ขอคนที่รักกันจริง”

“มันคือความฝัน” ผมบอกจีน

“ใช่..แต่เรารักกัน”

“พี่บอกว่าจีนแค่ฝัน!”

จีนจงใจมองเมินผม “เขาบอกรักจีน เขาจะมีจีนคนเดียว” ดวงตาคู่เดิมไม่ได้ละไปจากกำแพงสีแดงอิฐนั่นเลย “พี่เอกเห็นมั้ย เขามาหาจีนหลายคืนแล้ว เรามีอะไรกันเพราะความรัก เขาจะไม่ทรยศจีน เขาจะไม่นอกใจจีน”

ผมร้องไห้ คุกเข่าอ้อนวอนให้จีนหยุดพูด

..เพราะผมกลัว..

..อะไรจริง?..และอะไรฝัน?..

“อีกไม่นานหรอก อีกไม่นาน” จีนพึมพำ ท่าทีเหม่อลอย “จีนจะไปอยู่ในความฝันของตัวเอง..เพราะไม่มีความจริงอะไรอีกแล้วในโลกนี้..ที่จะช่วยรั้งกัน”

ภาพหลอนมาหาผมบ่อยขึ้น แม้ไม่ชัดเจนในความเป็นจริง แต่ดูราวจะจับต้องได้ทุกครั้งที่ล้มตัวลงนอน ผมมักสะดุ้งกลางดึก และเห็นจีนกำลังร่วมรักกับผู้ชายในฝันอยู่ข้างกาย ครั้นพอจงใจจะเพ่งมอง ทุกอย่างกลับสลายหายไป
   
ในบางครั้ง ผมเห็นตนเองนอนนิ่ง และมีเด็กหนุ่มไร้ชื่อคนนั้นกำลังควบคุมเกมรักอยู่ด้านบน ร่างบอบบางพลิ้วไหวและมอบความสุขมากมายทางกายให้ จงใจปรนเปรอให้ผมเสพกามจนแทบสำลัก ทั้งที่ควรจะพอใจ แต่ผมกลับเป็นทุกข์อย่างแสนสาหัสเพราะไม่ได้มีเพียงผมคนเดียวที่กำลังร่วมรัก
   
ขณะที่ผมนอนกับคนอื่น ผมเห็นจีนกับคนที่นึกเกลียดชังกำลังรวมหัวทรยศผมอยู่ด้วยไม่ต่างกัน มันใกล้แค่เพียงเอื้อมมือ

..แต่ผมขัดขวางพวกเขาไม่ได้เลย..

ในช่วงเวลาที่ผมกำลังต่อสู้กับความเป็นจริงและความฝัน พยายามแยกแยะให้ออกว่าสิ่งที่เกิดเป็นภาพหลอนหรือไม่ จีนก็เดินเข้ามาหาผม

..และขอเลิกความสัมพันธ์ทั้งหมด..
   
“เขาจะพาจีนไป” จีนบอก “ไม่กลับมาอีก”
   
เราทะเลาะกันในคืนวันฝนตกขณะที่ผมขับรถกลับบ้าน ทั้งที่ผมหันมาเอาใจเพื่อจะให้จีนเย็นลง จีนกลับบอกว่าจะไปเพราะคุณหมอรออยู่ ผมห้ามไว้แต่จีนยังคงดื้อดึง ในเมื่อพูดกันดีๆไม่รู้เรื่อง ผมจึงใช้กำลัง
   
จีนกระชากพวงมาลัยรถด้วยความโกรธ ถนนเปียกลื่นจนล้อไถลไปตามเส้นทางคดเคี้ยว ผมเหยียบเบรคอย่างแรงแต่ทุกอย่างพลันดับวูบ 
   
..ความทรงจำในช่วงนี้ของผมขาดหายไป..

..คิดเท่าไหร่ก็เห็นเพียงแสงสีขาวลางๆ..
   
ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่จีนพูดเป็นความจริงหรือไม่ แต่ในวันต่อมา..และต่อๆมา ผมไม่เคยเจอจีนอีกเลย ผมเที่ยวตามหา ถามคนที่พอจะรู้จักว่าจีนไปไหน
   
..ไม่มีใครบอกผมได้สักคน..
   
ผมมีข้าวของเครื่องใช้บางอย่างที่เคยบ่งบอกว่าจีนอยู่ด้วยกัน แต่ผมกลับไม่มีรูปถ่ายสักใบเดียวที่แสดงถึงความสัมพันธ์ของเรา
   
..ผมไม่รู้ว่ารักจีนหรือเปล่า..แต่ผมนึกถึงจีนตลอดเวลา..
   
..บนหมอนที่ผมหนุน..มีแต่หยดน้ำตาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน..
   
“อะไรที่มีแต่ไม่รักษา..ระวังจะหายไปแล้วเรียกร้องกลับมาไม่ได้อีก”


..

..

..

..

..

..



“พอได้แล้วครับคุณเอกรัตน์” เสียงทุ้มต่ำบอก “หายใจช้าๆ ค่อยๆลืมตาขึ้นมา”
   
ผมรู้สึกว่าร่างกายที่หนักอึ้งในตอนแรกเปลี่ยนเป็นเบาโหวง สัมผัสแรกคือพนักวางแขนเหล็กที่เย็นเฉียบเพราะไอหนาวจากเครื่องปรับอากาศ เปลือกตาที่กะพริบถี่ค่อยๆปรับแสงและรับรู้ได้ว่าตนเองอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม
   
ผมนอนอยู่บนเก้าอี้ยาว ถัดไปเบื้องหลังมีใครอีกคนอยู่ด้วย ชายหนุ่มคนนั้นก้มหน้าเขียนอะไรบางอย่างในชาร์จที่วางพาดตัก ปากพึมพำต่อ
   
“วันนี้เราพอแค่นี้ก่อนนะครับ ผมจะนัด..”
   
รูปหน้าคมสันเงยขึ้นพลางยิ้มให้เล็กน้อย ดวงตาสีดำสนิททำให้เลือดในกายผมเย็นยะเยือกคล้ายจะจับตัวเป็นก้อนน้ำแข็ง ความทรงจำบางอย่างผุดวาบคล้ายจะดันตัวขึ้นมาจากก้นบึ้งอันมืดมิด
   
..ผู้ชายคนนั้น!!..
   
..คนที่พรากจีนไปจากผม!!..
   
กว่าจะรู้ตัว ผมก็เอื้อมมือออกไป บีบเค้นลงบนลำคออีกฝ่ายสุดแรง ความโกรธเกรี้ยวทำให้ภาพเบื้องหน้าพร่ามัว เขาพยายามยกแขนขึ้นป้องกัน แต่ผมชกลงบนโหนกแก้มเขาเต็มแรง หยดเลือดสาดกระเซ็นขึ้นเปื้อนบนหลังมือ
   
“เอาจีนคืนมา!” ผมตวาดเขา ดวงตาพร่าเลือนไปด้วยหยดน้ำ
   
..เอาคนรักของผมคืนมา..
   
มีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นข้างนอก เจ้าหน้าที่หลายคนกรูกันเข้ามาจับตัว ผมทั้งด่า ทั้งตะคอก ขู่อาฆาตและหวังจะเข้าไปทำร้ายเขาอีก..เอาให้สมกับความผิดที่เขากระทำไว้กับผม แต่ก็เท่านั้น ผมถูกจับตัวไปอีกห้อง ผู้ชายตัวใหญ่ถึงห้าคนเข้ามาจับแขนจับขาและกดลงบนช่วงศีรษะ ความเจ็บแปลบแล่นพล่านเมื่อเข็มฉีดยาปักเข้ามาที่ผิวกาย ความรู้สึกง่วงงุนเกิดขึ้นหลังจากนั้น
   
..ผมกำลังเข้าสู่ความฝัน..
   
..ฝันที่มีจีน..


......


จิตแพทย์หนุ่มนวดคลึงลงบนลำคอของตนเองพลางตอบคำถามพยาบาลที่เข้ามาช่วยดูอาการว่าได้รับบาดเจ็บตรงส่วนไหนอีกหรือไม่

“ผมโอเคแล้ว” เขายิ้ม พยักพเยิดบอกผู้ช่วยว่าสภาพอย่างนี้คงรับเคสไม่ได้อีก “ช่วยแคนเซิลรอบบ่ายให้หน่อยได้มั้ย สังขารไม่เอื้อ”

พยาบาลสาวหัวเราะคิกพลางบอกว่าจะจัดการธุระทุกอย่างให้พลางยื่นประวัติการรักษาที่คุณหมอขอมา “คุณเอกรัตน์เป็นอะไรคะ ตอนแรกเห็นดีๆ”

“ผมไปสะกิดความทรงจำบางอย่างของเขาเข้าน่ะ” เขาเปิดดูประวัตินายเอกรัตน์..คนไข้จิตเวชที่ดูแลอยู่ “วันนี้ผมลองให้เขาเล่าเรื่องแบบอิสระ เขาตั้งต้นที่ความสัมพันธ์ของตัวเองกับคนรักและพอจะระลึกเรื่องราวส่วนหนึ่งได้ว่าความสัมพันธ์ค่อนข้างมีปัญหามาโดยตลอด”

“มีปัญหา?”

“เรื่องนอกใจส่วนใหญ่” ชายหนุ่มพลิกเอกสาร “เท่าที่ถามเพื่อนของเขา ที่ผ่านมาเป็นผู้หญิง แต่รายล่าสุดเป็นผู้ชาย แฟนเขาขอเลิกเลยทะเลาะกัน”

“เกี่ยวกับอุบัติเหตุคราวนั้นด้วยใช่มั้ยคะ”

เขาพยักหน้า คนไข้รายนี้ถูกแอดมิตในคืนวันฝนตกโดยมีเขาเป็นคนพาส่งเนื่องจากเป็นคนพบรถยนต์ที่คุณเอกรัตน์ขับมาประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำอยู่ข้างทาง เขาช่วยคุณเอกรัตน์ออกมาได้ก่อน ฝ่ายนั้นยังพอมีสติที่จะตะโกนบอกเขาว่า คุณจีน..คนรักของตนติดอยู่ด้านใน

เขากลับเข้าไปช่วยได้ไม่ทันเพราะร่างของคุณจีนติดอยู่ใต้ซากเหล็กฝั่งที่นั่งข้างคนขับที่พังไปทั้งแถบ จังหวะนั้นสะเก็ดไฟเกิดลุกขึ้น แรงระเบิดทำให้เขาต้องพลิกหนีลงไปในพงหญ้าที่ต่ำกว่า คุณเอกรัตน์จึงได้เห็นคนรักของตนเองเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาโดยมีกองเพลิงลุกท่วมรถทั้งคัน

เขาเองยังจดจำได้..ถึงมือเล็กๆข้างนั้นที่ไขว่คว้าขอความช่วยเหลือ

..กับดวงตาตัดพ้อ..ที่ไม่ว่าจะนานเท่าไหร่ก็ไม่มีทางลืมได้ลง..

คุณเอกรัตน์ไม่ได้สติถึงสองวันเต็ม เมื่อฟื้นขึ้นมาก็เรียกหาแต่คนรักของตนเอง หลังจากนั้นจึงทราบข่าวว่าคุณจีนเสียชีวิตแล้ว ทางโรงพยาบาลจำเป็นต้องรอให้คุณเอกรัตน์ไปรับศพเนื่องจากคุณจีนไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน

ทันทีที่ได้เห็นสภาพศพถูกเผาจนไหม้เกรียมคุณเอกรัตน์ก็ล้มทั้งยืน ประวัติการทำฟันเป็นตัวยืนยันว่าร่างงอก่องอขิงที่เห็น..ครั้งหนึ่งเคยเป็นคนรักตน

เมื่อการฌาปนกิจผ่านพ้นไป คุณเอกรัตน์เริ่มมีอาการทางจิตหลังอยู่บ้านเพียงลำพังได้ระยะหนึ่ง คือมีอาการซึมเศร้าและเห็นภาพหลอน ไม่สามารถรับรู้วันเวลา ซ้ำยังมีความทรงจำที่ไม่ปะติดปะต่อ

เขาเป็นคนรับคุณเอกรัตน์เข้ามาในแผนกจิตเวชเมื่อเพื่อนบ้านแจ้งมาว่าคุณเอกรัตน์มีท่าทางไม่ปกติ มักจะพูดพึมพำอยู่คนเดียวและส่งเสียงร้องไห้เอะอะในยามค่ำคืน มีการแสดงกิริยาคล้ายพูดคุยกับใครบางคนอยู่ตลอด

“แล้วทำไมเขาต้องทำร้ายคุณหมอด้วย”

“มันมีสองเหตุผล หนึ่ง..การที่ผมช่วยคุณจีนออกมาจากรถไม่ได้เท่ากับว่าผมทำให้เขาต้องสูญเสียคนรักไป ถึงเขาจะลืมเรื่องที่เกิดแต่ความรู้สึกยังคงอยู่” ร่างสูงถอนหายใจ ความรู้สึกย่ำแย่ที่ไม่อาจช่วยเหลือคุณจีนได้ยังติดอยู่ในอก “และสอง..ผมคือผู้ชายในฝันของคุณจีน” เขายื่นชาร์จคนไข้อีกรายให้ดู

“เมื่อต้นปี..คุณจีนมีประวัติรักษา Hypersomnia แต่ดูเหมือนจะมีอาการทางจิตร่วมด้วยเลยถูกส่งมาที่แผนกของเรา ผมให้เขาเล่าเรื่องเหมือนที่ทำกับคุณเอกรัตน์ เลยพอจะรู้ความสัมพันธ์ของพวกเขาอยู่บ้าง ดูเหมือนว่าคุณจีนพยายามหลบเลี่ยงความจริงด้วยการสร้างความฝัน ที่สำคัญคือ..อะไรบางอย่างในตัวผมทำให้คุณจีนประทับใจแล้วเกิด erotomanic delusion คิดไปว่าผมกับเขารักกัน ผมเลยต้องยุติการรักษาและส่งเคสต่อให้จิตแพทย์รายอื่น ผมคิดว่าคุณจีนคงไปเล่าเรื่องของผมให้คุณเอกรัตน์ฟัง บวกกับวันนี้ผมไปสะกิดแผลในใจของคุณเอกรัตน์เข้า เขาเลยปะติดปะต่อเรื่องขึ้นมาแล้วควบคุมตัวเองไม่ได้”

“แล้วเรื่องเพื่อนบ้าน..” เธอถาม

“การเล่าเรื่องโดยอิสระ เขาจะหยิบประสบการณ์ตรงไหนมาพูดก็ได้ อย่างบ้านที่เขาเล่าก็ร้างมาเป็นสิบปีแล้วครับ ไม่เคยมีใครเข้าไปอยู่หรือซื้อต่อ ถ้าให้ตีความ การมาของเพื่อนบ้านคนใหม่ที่เป็นจิตแพทย์ก็คือการที่ผมก้าวเข้าไปเป็นผู้ชายในฝันของคุณจีนและทำให้พวกเขามีปัญหากัน คุณเอกรัตน์เลยเริ่มมีอาการหวาดระแวง เห็นภาพคุณจีนกับผู้ชายอีกคน” เขาอธิบาย “ในเคสนี้ คุณเอกรัตน์นอกใจคนรักมาโดยตลอดแต่เขารู้สึกผิดไม่เท่ากับครั้งล่าสุดที่เขาไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนอื่นทั้งที่เคยสัญญาแล้วว่าจะไม่ทำ พอคนรักเขาขอเลิกขึ้นมาเลยทะเลาะกันรุนแรง แล้วก็เกิดอุบัติเหตุตอนขับรถอย่างที่ว่า ที่เขาจำเรื่องตอนรถคว่ำไม่ได้เพราะกลไกทางจิตที่เกิดคือการเก็บกดเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกผิดมากลงไปในระดับจิตใต้สำนึก เขาจำได้และจำไม่ได้เป็นบางเรื่อง อย่างเรื่องแฟนเสียชีวิตไปแล้ว เขาจำไม่ได้เลย แต่เรื่องราวก่อนหน้า เขาจำได้เป็นห้วงๆ”

“เท่าที่อ่านชาร์จดู” เธอว่า “เขาพูดเกี่ยวกับความฝันเยอะมาก”

“ความฝันเป็นตัวที่ช่วยเยียวยาจิตใจในขณะที่เราหลับ ในความฝัน เราจะเป็นอะไรก็ได้และโลกที่เราอยู่จะเป็นอะไรก็ได้เหมือนกัน ในบางครั้งความฝันก็เหมือนภาพหลอนหรือภาพลวงตา คุณจีนเองก็เลือกจะหลบเลี่ยงความจริงด้วยการนอนหลับแล้วฝันไป คนไข้ที่เป็น Hypersomnia ค่อนข้างจะเหมือนน้ำที่นิ่งสนิท เฉื่อยชา ขาดสมาธิจนคนรอบด้านมองว่าเป็นพวกน่าเบื่อ บวกกับคุณเอกรัตน์เองก็ชอบแสวงหาสิ่งแปลกใหม่เสมอ ความสัมพันธ์ของพวกเขาเลยไม่ราบรื่นเท่าไหร่ จริงๆการคบกันของพวกเขาแทบจะเข้ากันไม่ได้เลยทีเดียว”

เธอพยักหน้า “แล้วเคสคุณเอกรัตน์จะทำยังไงต่อคะ”

ชายหนุ่มเดินไปที่ห้องพักผู้ป่วย มองผ่านกระจกใสบานเล็กไปยังเตียงคนไข้สีขาวโพลน “ต้องรอดูกันต่อ ผมจะพยายามช่วยเหลือเขาให้มากที่สุด..”

เสียงเพลงแผ่วเบาดังเล็ดลอดออกมา

When I want you..in my arms

when I want you..and all your charms

Whenever I want you, all I have to do

“is dream..dream..dream..” คุณเอกรัตน์นอนนิ่ง สายตาจับจ้องที่ฝ้าเพดาน ริมฝีปากขยับพึมพำ

In the night and I need you to hold me tight

whenever I want you, all I have to do is dream

“..ถึงแม้ว่าจะต้องปลุกเขาขึ้นมาจากความฝันก็ตาม”

..I need you so, that I could die, I love you so..

..and that is why..whenever I want you..

..all I have to do..is ‘dream’..






FIN



เป็นคุณหมอที่ไม่มีชื่อ 5555+ แต่แอบชอบเล็กๆ เอาไว้จะให้บททีหลังเมื่อนึกขึ้นได้นะ อิอิ
ขออนุมานว่าคุณหมออยู่ใน Wrath ด้วยก็แล้วกัน  :hao3:


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hurt Love] All I Have To Do Is Dream [pg.3, 24/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 24-05-2013 19:04:02
เรื่องนี้ผูกเรื่องได้เยี่ยมมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hurt Love] All I Have To Do Is Dream [pg.3, 24/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: PAAPAENG~ ที่ 24-05-2013 20:52:23
อ้าว!
คุณหมอของพี่กุ้งหรอกหรอ!
ฮาาาาาาาาาาาาาาาาาา

ตอนอ่านเรื่องนี้ครั้งแรกมันบีบหัวใจไม่เบาเลยนะ
อ่านกี่ครั้งก็ยังบีบบบบบบบ TwT
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hurt Love] All I Have To Do Is Dream [pg.3, 24/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 24-05-2013 21:42:29
อ่านแล้วแบบสงสารทุกคนเลย
คุณหมอคือคนที่รู้เรื่องทุกอย่าง ฮู้ยยยยย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hurt Love] All I Have To Do Is Dream [pg.3, 24/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Ju ที่ 24-05-2013 22:55:50
โรคจิตเต็มๆเลยตอนนี้  :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hurt Love] All I Have To Do Is Dream [pg.3, 24/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 25-05-2013 15:55:20
 :mew3:

รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hurt Love] All I Have To Do Is Dream [pg.3, 24/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 13-06-2013 16:52:09
อ่านตอนแรก คุณหมอลึกลับล่องลอยมาก
ก็เพราะอยู่ในห้วงนึกคิดของคนไข้นี่เอง

บางทีก็อยากหลบไปอยู่ในฝันหวานไม่อยากตื่นมาเจอความจริงเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hurt Love] All I Have To Do Is Dream [pg.3, 24/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 13-06-2013 20:01:57
สุดๆ
;______;//

:pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hurt Love] All I Have To Do Is Dream [pg.3, 24/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 13-06-2013 21:05:15
ตอนล่าสุดอ่านแล้วร้องไห้เลย เศร้ามากอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hurt Love] All I Have To Do Is Dream [pg.3, 24/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: tewava ที่ 13-06-2013 22:14:47
"I Want to Hold Your Hand"  ตอนที่อ่านเรื่องนี้ กำลังนั่งในรถทัวร์สายหนึ่งกำลังจะเดิน

ทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ตอนที่พี่ใหญ่โดนทำร้ายและพยายามจะช่วยกันย์

น้ำตาเราเริ่มไหล ตอนอ่านจบเราร้องไห้เลยคิดถึง หมาที่บ้านมาก

คุณแพร แต่งเรื่องนี้ได้เศร้าจริงๆ

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hurt Love] All I Have To Do Is Dream [pg.3, 24/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: ratnalin ที่ 13-06-2013 22:51:47
จบแบบบสะเทือนตับมากค่ะ เราอ่านไปร้องไห้ไป ตอบจบนี่แบบไม่ไหวแล้วอ่ะ สงสาร
อยากบอกว่าอินมาก คุณแพรแต่งเก่งมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hurt Love] All I Have To Do Is Dream [pg.3, 24/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: naamsomm ที่ 30-06-2013 22:04:22
สนุกทุกเรื่องเลยค่ะ
ยิ่งเรื่องสุดท้าย
มันสุดยอดมากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hurt Love] All I Have To Do Is Dream [pg.3, 24/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 10-07-2013 01:12:51
อ่านแล้วชอบทุกเรื่องเลยจ้า
ทำเสียน้ำตาไปหลายหยดเหมือนกันในบางตอน
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆค๊าบบบบบ ^o^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hurt Love] All I Have To Do Is Dream [pg.3, 24/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: nigiri-sushi ที่ 11-07-2013 00:20:14



ลงใหม่หน้า 4 จ้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.3, 11/7/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 11-07-2013 01:44:25
ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.3, 11/7/56]
เริ่มหัวข้อโดย: naamsomm ที่ 11-07-2013 04:15:10
ไม่รู้จะสะใจหรือสมน้ำหน้า(???)คุณเจ้านายดี
ควรจะโดนซะบ้าง
แต่คุณเลขาน่าสงสารสุดๆ
ทำงานตลอด  24  ชั่วโมง   เพราะความรักแท้ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.3, 11/7/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 11-07-2013 14:23:15
นัทน่าสงสารแหะ

คุณเจ้านายใจร้ายเป็นบ้าเลยย
:pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.3, 11/7/56]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 11-07-2013 17:58:20
ถ้าเจ้าตัวเขารักสนุกอย่างนั้นก็ไม่ต้องไปห่วงเขาหรอก
ได้บทเรียนมาไม่น้อยแล้วยังไม่สำนึก
เอ๊ะ หรือเพราะทุกครั้งนัทจัดการให้หมดเลยได้ใจ
ลองไม่มีนัทสิ อาจคิดได้
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.3, 11/7/56]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 11-07-2013 18:06:13
คุณเลขน่ารักจังเลยยยยยยย
มีคนดีอยู่ข้างๆก็ไม่เคยแลเลยใช่มั้ย?
เป็นเอดส์ไปเถอะแกรรรรรรรร
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.3, 11/7/56]
เริ่มหัวข้อโดย: pockypocky ที่ 11-07-2013 19:29:08
ชอบ Hurt Love ทุกเรื่องเลยยยยย อ่านแล้วมันจี๊ดดดสุดๆ

อีกเรื่องที่ชอบมากๆคือ เรื่องที่นายเอกย้ายเข้าหอพักใหม่ อินไปถึงไขสันหลัง

เรื่องล่าสุดก็สนุกค่ะ แต่สงสารคุณเลขาจัง

แล้วมาต่อไวๆนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.3, 11/7/56]
เริ่มหัวข้อโดย: asosiz ที่ 19-08-2013 13:08:46
1 เดือน 5 วันที่รอ

 :sad4:

เมื่อไหร่จะมาต่อกันนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.3, 11/7/56]
เริ่มหัวข้อโดย: tewava ที่ 19-08-2013 21:49:05
อยากให้ นัท หนีไป เจ้านายจะได้รู้สึกซะบ้าง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.3, 11/7/56]
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 09-11-2013 14:12:57
ค้างคากันขนาดนี้ มาต่อเถอะค่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.3, 11/7/56]
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 24-11-2013 13:05:01
มาต่อเดียวนี้้้้้ :z3: :katai1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.3, 11/7/56]
เริ่มหัวข้อโดย: happy-jigsaw ที่ 10-02-2014 02:16:27
พี่ปั้นใจร้ายยยยย ไม่ยอมมาต่อ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.3, 11/7/56]
เริ่มหัวข้อโดย: benji ที่ 22-02-2014 17:41:46
 :katai4: :katai4: :katai5: :ling1:
แล้ว นัท จะสมหวัง กับเจ้านาย รึป่าว ข้าวปั้น

สงสาร พี่ใหญ่ สุนัขผู้ซื่อสัตย์

ร้องไห้ไปกับ ปอ  ที่ถูกเพื่อนสนิทแย่งแฟน ทั้งๆที่หวังดีให้มา อยูด้วยตอนที่เดือดร้อน

หลอนมาก กับ ห้องเช่า ชั้นสี่

ฟินฝุดๆ :heaven กับคุณไปร กับ หนุ่มน้อยบ้านหลังสีฟ้ o13
 :pig4:

ปอ.ลิง  อย่าลืมมาต่อ เรื่องของ นัท ให้น้าาาาาาาาาาาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.3, 11/7/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Ju ที่ 04-03-2014 13:20:02
รอติดตามนะครับ มาให้ไวเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.3, 11/7/56]
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 06-03-2014 19:02:13
ชอบเรื่องเน้!!!! ขอยาวววววๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.3, 11/7/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Minnie~Moo ที่ 07-03-2014 08:31:06
ตอน "Sad  Movie" นี่ขอคนแต่งมาแต่งภาคต่อได้มั๊ยคะ :ling1:  :ling1:

แบบว่าอ่านแล้วไม่อยากปล่อยผ่าน  :fire: เกลียดอินังชะนีหนิงมากกกกกก  :m31:

แย่งผัวเพื่อนสนิทแล้วได้อยู่กันเป็นครอบครัวที่อบอุ่นแบบนี้ไม่ยุติธรรม  :z6:  :z6:  :z6:  :z6:

 :katai1:อยากให้มีคนเอาเรื่องนี้ไปประกาศให้ทั้งชายชั่วหญิงเลวคู่นี้ได้อับอาย ถูกรังเกียจ ไม่มีใครคบ การงานไม่ราบรื่น แบบนี้ได้มั๊ยคะ เกลียดคู่นี้มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :angry2:

สงสารปอมาก อยากให้เจอคนที่รักรจิงและมั่นคงจริงใจ เอาให้ผัวเก่าเสียใจจนลืมไม่ลงไปตลอดชีวิตเลย

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.3, 11/7/56]
เริ่มหัวข้อโดย: sppm_sb ที่ 13-05-2014 18:19:33
สนุกมากค่ะ รอคนเขียนมาต่อนะคะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.3, 11/7/56]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 14-05-2014 03:43:24
 :katai5: รอให้มาต่อไวไว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.3, 11/7/56]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 30-06-2014 01:30:37


(http://fb.sanook.com/static_content/full/graphic/7ef94b2f8775146e605d413f8c45ca06_1203352006.gif)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.3, 11/7/56]
เริ่มหัวข้อโดย: minniez ที่ 28-09-2014 09:08:00
Sad movie เศร้ามากๆๆๆๆๆ ใครไม่เจอกะตัวไม่เข้าใข มันใช่จริงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.3, 11/7/56]
เริ่มหัวข้อโดย: katte ที่ 28-09-2014 10:01:50
รอนะคะ ชอบมากเลย ตามเรื่องล่าสุดมาตั้งแต่ในบล็อกแล้ว อย่าดองนานน้าาา  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.3, 11/7/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 30-09-2014 13:39:30
มารอค่ะ อย่าดองนานนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.3, 11/7/56]
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 09-10-2014 21:46:58
อ้า....ค้างอ่ะ  รออ่านอยู่น๊า...
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.3, 11/7/56]
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 24-11-2014 06:19:44
อ่านไปร้องไห้ไป เศร้ามากอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.3, 11/7/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 11-01-2015 09:03:26
ไม่มาต่อแล้วเหรอคะ เสียดายจัง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.3, 11/7/56]
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 10-04-2015 18:28:24
เศร้า ...... รอมาต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nigiri-sushi ที่ 07-06-2015 21:42:25


 :L1: Hidden Love :L1:



"Foolish Beat"



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



Chapter 1


ชายหนุ่มร่างโปร่งขยับแว่นตาที่สวมอยู่พลางกอดกระชับแฟ้มเอกสารมากมายในมือเมื่อก้าวเข้าไปในลิฟท์แก้วของคอนโดหรูใจกลางเมือง เขารูดคีย์การ์ดแล้วเปิดประตูห้องอย่างเคยชิน ผ้าม่านผืนหนาปิดหน้าต่างบานเลื่อนมิดเสียจนไม่มีแสงเล็ดลอดทั้งที่เกือบจะเก้าโมงแล้ว

“เจ้านาย” ชณัฐส่งเสียงเรียกตอนที่เดินไปวางงานบนโต๊ะอาหาร เขาเคาะประตูห้องนอนพร้อมกับต้องส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

ร่างสูงใหญ่นอนคว่ำอยู่กับเตียงหลังกว้าง ผ้าห่มและหมอนกระจายไปคนละทิศ เสื้อผ้าที่อีกฝ่ายสวมเมื่อวานถูกถอดทิ้งระเกะระกะอยู่บนพื้น และถ้าเขาเดาไม่ผิด ดูเหมือนว่าเจ้านายวัยหนุ่มจะไม่ได้อาบน้ำก่อนนอนด้วยซ้ำ

“เจ้านาย..” เขาถอนใจ ก้มลงเก็บเชิ้ตกับสูทที่ฝ่ายนั้นใส่ไปงานเลี้ยงแต่งงานเมื่อคืนขึ้น มา แค่ถอดเสื้อแล้วเอาไปใส่ตะกร้า รอแม่บ้านของคอนโดมารับไปซักรีด เจ้านายของเขายังทำไม่ได้เลย “คุณควรจะรีบแต่งงานแบบเร่งด่วน”

ตฤณ..คือชื่อของคนตรงหน้า ชณัฐพยายามเรียกตำแหน่งและหน้าที่ของอีกฝ่ายเพื่อตอกย้ำให้คนที่นอนอย่างไม่รู้สึกรู้สาอยู่ตรงนี้ทราบว่ายังมีงานและภาระต่างๆให้รับผิดชอบอีกเยอะ..ที่จริงคุณตฤณเป็นผู้บริหารที่เก่งมาก แต่บางครั้งก็มีช่วงเวลางอแงแบบนี้เหมือนกัน

“เจ้านาย!” ชณัฐตะโกนอย่างเหลืออด เขาลากผ้าห่มที่คลุมตัวอีกคนออกห่างก่อนจะต้องชะงักเมื่อเจอสาวสวยนอนเปลือยอกซุกตัวอยู่แนบหน้าท้องแกร่ง เจ้าหล่อนทำตาปรือ รอยลิปสีแดงเปื้อนเป็นแนวยาวจากปากไปถึงข้างแก้ม

“หมดกัน” เขาเหนื่อยหน่าย หยิบเสื้อคลุมให้หญิงสาวแล้วพยักพเยิดไปทางห้องน้ำ “คุณตฤณต้องเข้าประชุมตอนสิบโมงครึ่งครับ คงไปส่งคุณไม่ได้”

“จริงเหรอ” หล่อนชูแขนสองข้างเป็นการบิดขี้เกียจ ผ้าห่มที่คลุมหมิ่นเหม่บนหน้าอกอวบหลุดเลื่อนลงมา ชณัฐรีบคลี่เสื้อคลุมออกปิดแทบไม่ทัน

“งั้นหนุ่มแว่นคนนี้ก็ไปส่งฉันแทนสิ” สาวเจ้าหัวเราะคิกคัก   

เขานิ่วหน้า ดันแว่นที่ตกลงมาขึ้นไปอยู่บนดั้ง “ขออภัยครับ”

“ใจร้าย” เธอตวัดขาขึ้นนั่งไขว่ห้าง ป่ายมือไปเอาบุหรี่ขึ้นมาคาบ

ชณัฐเป็นเหมือนเลขาสามัญประจำออฟฟิศ เขารู้งานทุกอย่างกระทั่งความเคลื่อนไหวของผู้คน และโดยไม่รู้ตัว เขาปราดเข้าไปจุดไฟให้หล่อนเสียแล้ว

“ว้าว..” เธอขำคิก พ่นควันใส่หน้าหนุ่มแสนซื่อ “สนใจจัง”

“ขอบคุณครับ แต่ไม่ดีกว่า” เขาปฏิเสธเมื่อเธอแหวกสาบเสื้อออก “จะรับมื้อเช้าพร้อมคุณตฤณหรือว่าจะให้ผมโทรบอกห้องอาหารให้ดีครับ” ถามพลางเดินไปเปิดหน้าต่างแล้วรูดม่านออก กลิ่นบุหรี่คงไม่ดีต่อสุขภาพเจ้านายนัก

“ไม่ล่ะ กลับเลยแล้วกัน” เจ้าหล่อนหาวหวอด คว้าเสื้อผ้ามาใส่ทั้งที่ยังไม่ได้ชำระล้างเนื้อตัว “ขอรองเท้าหน่อยสิจ๊ะหนุ่มน้อย”

ชณัฐเลิกคิ้ว เขาอายุสามสิบกว่ายังถูกเรียกว่าหนุ่มน้อยได้อีกหรือ

“แล้วเจอกันนะจ๊ะ” เธอส่งจูบให้เมื่อแต่งตัวเสร็จ

เขาถอนใจด้วยความเหนื่อยอ่อนในทันทีที่ประตูปิดลง แต่พอนึกอะไรขึ้นได้ก็ต้องคว้าสมุดโน้ตมาบันทึกข้อความ ตัวอักษรเป็นระเบียบถูกจดไว้อย่างดี

‘วันที่ 20/11/54 เดทกับสาวสวยผมน้ำตาลแดง ใส่เดรสสั้นสีครีมยาวเหนือเข่า เจอกันที่งานแต่งงานเพื่อนแล้วกลับมาที่คอนโด..ไม่ทราบเวลาแน่ชัด’

เขาชะงักไปนิด เหลือบมองเจ้านายที่ยังนอนหายใจสม่ำเสมออยู่บนเตียงแล้วใช้มือลูบตามผ้าปูที่นอน สำรวจพื้นและถังขยะทุกซอกทุกมุมก่อนจะบันทึกต่อ

‘..ไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย’ รู้สึกกระดากจริงๆที่ต้องมานั่งเขียนอะไรแบบนี้

ชณัฐต้องคอยจำว่ามีใครบ้างที่คุณตฤณเดทหรือพาขึ้นเตียงด้วย ไม่ใช่ว่าอยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่น แต่เพราะสาวๆที่เป็นคู่ขามักแอบอ้างว่ากำลังอุ้มท้องสายเลือดของคุณตฤณอยู่ เขาเลยมีภารกิจเพิ่มเป็นการทำบัญชีรายชื่อผู้หญิงของหนุ่มนักรักอย่างเจ้านายนั่นเอง

“เฮ้อ..” ถ้าไม่ติดว่าเจ้านายเก่าฝากฝังคุณตฤณไว้ เขาคงอยากลาออกวันละหลายร้อยหน คุณตฤณใช้งานเขาเกินคุ้มจริงๆ

“ณัฐ..” เสียงแหบต่ำดังมาจากคนที่เพิ่งสะลืมสะลือตื่นขึ้น “ทำอะไร”

เจ้าของชื่อลุกขึ้นยืน ตีสีหน้าราบเรียบเหมือนเคย “ไม่มีอะไรครับเจ้านาย ผมแค่จดเอาไว้ เผื่อเธอบอกว่าท้องกับเจ้านายจะได้มีหลักฐานไปสู้”

“เลขาสามัญประจำบ้าน” ตฤณหัวเราะเบาๆ เขาลุกขึ้นนั่ง ผมยุ่งเหยิงไปหมด ชายหนุ่มเปลือยเปล่าไปทั้งตัว ดีแต่ยังมีผ้าห่มคลุมท่อนล่างไว้

“ประจำออฟฟิศก็พอครับ อย่าถึงกับประจำบ้านเลย..มันเหนื่อย” ไม่มีเลขาที่ไหนเที่ยวรื้อถังขยะเจ้านายเพื่อหาคอนด้อมด้วย!

“โกรธอะไรอีกล่ะ” ร่างสูงหาวหวอด “มันเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชาย”

“ครับ ผมทราบดี” ชณัฐดันแว่นขึ้นอย่างที่ชอบทำเป็นนิสัย “ตอนนี้เก้าโมงสิบห้า ตอนสิบโมงครึ่ง เจ้านายมีประชุมกับกลุ่มผู้บริหาร ถ้าไปอาบน้ำตอนนี้แล้วแต่งตัวอีกสักสิบนาที มารับมื้อเช้าที่ผมจะทำให้อีกยี่สิบนาที เราก็คงไปทัน”

ตฤณเท้าคางฟังเพลิน เวลาอีกฝ่ายเป็นการเป็นงานมันตลกจนอยากแหย่ให้โมโห เขาชอบมองชณัฐที่อยากด่าเขาเต็มแก่แต่ได้แค่อดกลั้นเท่านั้น 

“ผมจะเปิดน้ำอุ่นให้” เลขาคนเก่งเดินวกไปทางห้องน้ำ

ร่างใหญ่ถึงกับขำอย่างหยุดไม่อยู่ แต่เมื่ออีกคนโผล่กลับเข้ามาพร้อมปรายมองด้วยดวงตาจริงจังว่าเขาควรไปจัดแจงตัวเองได้แล้ว ตฤณถึงลุกขึ้น

ชณัฐเสมองทางอื่นเมื่อเจ้านายรูปหล่อเดินเนื้อตัวเปล่าเปลือยมาทางเขา คุณตฤณเป็นเด็กหัวนอก การเปลือยกายอาบแดดถือเป็นเรื่องเคยชิน แต่กับคนที่เกิดและใช้ชีวิตในเมืองไทยอย่างเขา ไม่ใคร่จะเข้าใจพวกหัวทองนักหรอก

..หรือไม่..เจ้านายก็แค่อยากแกล้งให้เขาทำอะไรไม่ถูกเท่านั้น..

“ณัฐ..” เสียงทุ้มต่ำพึมพำ เรียกคนที่กำลังจะเดินออกไปให้หันกลับมา

“ครับ?” ชณัฐเหลียวหลัง ไม่ทันระวังจนทั้งตัวปะทะเข้ากับแผงอกล่ำสันของอีกฝ่าย ความสูงที่แตกต่างแทบทำให้เขาจมลงไปกับเรือนร่างสูงสง่า

ตฤณยกแขนขึ้นขวางคนที่ตั้งท่าจะถอยออกไป เขาหยักยิ้มมุมปาก ก้มหน้าลงแทบจะชิดกับแก้มขาวของคุณเลขา “หยิบเสื้อให้ด้วย”

ชณัฐมุ่นคิ้ว ระงับใจไม่ให้ผลักตัวเจ้านายออก “รับทราบครับ”

คล้อยหลังคนน่าโมโห ชณัฐได้แต่ยกมือขึ้นกดบริเวณอกซ้ายของตน

“เลิกส่งเสียงงี่เง่าประจานตัวเองได้แล้ว..” เขาสั่ง หายใจเข้าลึกๆสักสองสามทีพร้อมกับรับรู้ว่าเสียงหัวใจของตนกลับมาเต้นตามปกติเหมือนเดิม

..มันไม่ได้ส่งเสียงรุนแรง..รัวเร็ว..ระคนตื่นเต้นอย่างที่เพิ่งผ่านมา..

“ณัฐ! สบู่หมด ไปซื้อมาให้หน่อย” มีเสียงโวยวายดังมาจากในห้องน้ำ

ชายหนุ่มถอนใจ “ครับผม” เลขาสามัญประจำบ้านลืมเช็กรายการของที่ต้องซื้อจนได้ กลับมาเย็นนี้คงต้องแวะห้างไปหาเครื่องใช้มาตุนให้แล้ว

.

.

.


“เที่ยงสี่สิบ นัดทานมื้อเที่ยงกับผู้จัดการแผนกแล้วคุยเรื่องการตัดทอนงบรายเดือน บ่ายโมงครึ่ง นัดกับตัวแทนบริษัททั้งห้ารายเรื่องการประมูลสถานที่ก่อสร้าง บ่ายสาม โทรหาบริษัทคู่ค้าเรื่องการปรับเปลี่ยนรายละเอียดโครงการ ห้าโมงตรง โทรหาคุณจีจี้เรื่องอวยพรวันเกิดปีที่สามสิบของเธอ”

ชณัฐบอกตารางงานได้แม่นยำชนิดที่ไม่ต้องอ่านเลย

“หกโมงครึ่ง มีนัดดินเนอร์กับคุณโรสบนเจ้าพระยา ครุยส์..ส่วนถุงยางอนามัยแผ่นเรียบ ผมเตรียมไว้ให้แล้ว”

“ให้ตายสิ” ตฤณหัวเราะ เงยหน้าจากเอกสารที่ต้องอ่าน “ละเอียดกระทั่งเรื่องถุงยางเลยเหรอณัฐ คิดว่าคงไม่ได้ซื้อยาคุมให้เธอด้วยใช่มั้ย”

“อย่าทำเป็นตลกไปนะครับ” เขาดันแว่นขึ้น “เจ้านายไว้ใจผู้หญิงไม่ได้ ถึงเธอจะบอกว่าทานยาก็เถอะ ทางที่ดีคือป้องกันตัวเอง แถมไม่ต้องเสี่ยงเป็นโรคพรรค์นั้นด้วย” เขาเคาะสมุดโน้ต “ถ้าคุณทำตัวแบบที่ผมบอกมา ตารางเวลาที่ต้องนัดหมอเพื่อตรวจเลือดก็จะว่างขึ้นอีกหลายที่”
   
ตฤณยกมือยอมแพ้ เขาเป็นผู้ชายอย่างนั้นจริงๆ ถึงแม้จะรักสะอาด แต่เขาก็มีศักดิ์ศรีของตน พอถูกสาวๆท้าเรื่องขี้ขลาด คนอย่างเขาก็ยอมตามใจ ใช้ตัวเปล่าๆกับพวกหล่อนอยู่ประจำ ผลน่ะเหรอ ก็บอกว่าท้องเป็นวรรคเป็นเวรนั่นไง เดือดร้อนมานั่งตรวจสอบกันอีก
   
เขารู้ว่าพฤติกรรมบางอย่างไม่เป็นลูกผู้ชายเอาเสียเลย แต่อันที่จริง พวกเขาตกลงกันก่อนจะมีความสัมพันธ์แล้ว ว่าต่างฝ่ายต่างได้ ไม่ผูกมัด ไม่ทวงสิทธิ์ ไม่ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของภาย หลัง แต่ไม่รู้ทำไม หลังทุกอย่างผ่านไป ต้องมีสาวๆมาบอกว่าเขาเป็นพ่อเด็กนับครั้งไม่ถ้วน

..ถ้าเขาเป็นพ่อจริงก็ดีอยู่หรอก..แต่ถ้าไม่ใช่..มันคงไม่งามเท่าไหร่..
   
“ผมควรทำหมันไปเลยดีมั้ย” ตฤณพูดเล่นๆ
   
“หยุดทำเรื่องแบบนี้บ้างไม่ได้เลยเหรอครับ” ชณัฐถามอย่างระอา
   
“มันเสียสุขภาพนะณัฐ” เขาหัวเราะ “หรือจะบอกว่าเราไม่ทำ”
   
คนฟังแก้มขึ้นสี รีบดันแว่นขึ้นกลบเกลื่อนสีหน้าตน “ช่างผมเถอะครับ”
   
“ชักอยากจะรู้นะเนี่ย”
   
“รับกาแฟมั้ยครับ ผมจะชงมาให้” ชณัฐถนัดกระทั่งชงกาแฟ มีแต่เขาเท่านั้นที่ชงได้ถูกปากคุณตฤณที่สุด หรือแม้แต่ของว่างตอนประชุม เขาก็ต้องไปซื้อหามาถึงจะได้ดั่งใจนาย    

“ไม่อยากกิน” ตฤณปัด “ตอบมาซะดีๆ หรือคุณไม่เคยมาสเตอร์เบท”
   
ชณัฐสำลักลมหายใจตัวเองสะดุดเป็นห้วง สีเลือดแล่นริ้วขึ้นข้างแก้มแบบที่ปิดอย่างไรก็ไม่มิด เขาบอกเจ้านายออกไปไม่ได้หรอกว่าเขาทำอย่างไร..บ่อยแค่ไหน..และ..นึกถึงใคร

“ผมเคยคบกับเพื่อนผู้หญิงสมัยมหา’ลัยครับ” เขาปั้นเรื่อง “ก็..มีอะไรกันบ้างตามประสา แต่ว่าผมอกหัก” การอ้างเรื่องแบบนี้คงดีที่สุด “ผมเลยเข็ด”

ตฤณดูท่าทางสนอกสนใจมาก ชณัฐทำงานกับเขามาหลายปีแล้ว รู้ใจกันเหมือนเพื่อนสนิท แต่เขากลับไม่ค่อยได้ล้วงลึกเข้าไปถึงเรื่องของอีกฝ่ายเลย จะมีก็แต่คุณเลขาคนนี้เท่านั้นที่ได้รู้เห็นพื้นที่ส่วนตัวของเขาแทบทุกมุม..เรื่องอะไรเขาจะยอมเสียเปรียบกันเล่า

“พออกหักเลยไม่สนเรื่องบนเตียงสินะ” เขาพยักหน้า

“ครับ” ชณัฐลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เจ้านายไม่ติดใจอะไรอีก

“ผมก็นึกว่าคุณชอบผู้ชายซะอีก” 

คนได้ยินตัวชาดิก ปลายนิ้วเย็นเฉียบแทบจะวินาทีนั้น “จ..จะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไงล่ะครับ” เจ้าตัวดันกรอบแว่นขึ้น “ก็..ก็ผมเคยคบกับผู้หญิงมาแล้ว”

ตฤณยิ้มน้อยๆ “ไม่ได้บอกว่าจริงสักหน่อย..แค่นึก”
   
ชณัฐยืนตัวเกร็ง ก้มมองแฟ้มงานในมือ “อย่าล้อเล่นสิครับ”
   
ตฤณมีท่าทีสบายๆผิดกับอีกฝ่าย เขาเอนหลังพิงพนัก ยกมือหนุนท้ายทอยอย่างอารมณ์ดี   
 
   “คุณคิดอย่างที่ผมคิดมั้ย..”
   
“ครับ?”
   
“เซ็กซ์กับผู้ชาย..คงได้อีกรสชาติหนึ่ง”
   
ชณัฐเงียบกริบก่อนจะรวบรวมสติใหม่ แต่ถึงอย่างนั้น..เสียงในอกที่มันเต้นรัวแรงจนฟังไม่ได้จังหวะกลับยิ่งเด่นชัด “ม..มันน่าจะรู้สึกแย่มากกว่า” 
   
“ถึงคุณจะพูดแบบนี้ก็เถอะ แต่ผมก็ยัง..” เขาผิวปากหวือ ดวงตาสีเข้มเปลี่ยนเป็นจริงจังเมื่อโน้มตัวมาข้างหน้า “..อยากลองอยู่ดี”



..................................................................................


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nigiri-sushi ที่ 07-06-2015 21:42:57


Chapter 2


ชณัฐทำสีหน้าไม่ถูกเมื่อพวกเขามาปรากฏตัวในผับย่านรัชดาหลังเลิกงานไปได้ชั่วโมงเศษ เจ้านายถอดสูทและไททิ้งไว้ในรถ เชิ้ตขาวถูกปลดกระดุมเผยแผงอกแข็งแกร่ง ท่าทางเคร่งเครียดยามทำงานถูกสลัดทิ้งในทันทีที่คุณตฤณก้าวเข้ามาในฟลอร์เต้น

แค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น รอบตัวของเจ้านายหนุ่มก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยบรรดาสาวๆที่พร้อมใจจะมีความสัมพันธ์กันแบบฉาบฉวย

ชณัฐรู้ดีว่าคุณตฤณเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับการใช้ชีวิตเสเพลนัก แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ้านายดูมีเสน่ห์อย่างล้นเหลือในเวลานี้
   
มือถือที่คุณตฤณฝากไว้ดังเป็นครั้งที่สาม หน้าจอเป็นชื่อคุณโรส คู่ควงที่ถูกบอกปัดเรื่องดินเนอร์บนเจ้าพระยาครุยส์เพราะเจ้านายเกิดอยากควงผู้ชายดูบ้าง ชณัฐเลยต้องรับหน้าแทน 

“ขอโทษครับคุณโรส” เขาพูดแบบนี้มาครั้งที่สามแล้ว

นอกจากจะมีหน้าที่บันทึกรายชื่อสาวๆของคุณตฤณ เขายังต้องคอยนัด เลิกนัด บอกปฏิเสธความสัมพันธ์ กันท่าไม่ให้รถไฟชนกัน รับปัญหาเฉพาะหน้า และเป็นที่ระบายอารมณ์ของบรรดาแฟนเจ้านายอีกด้วย 

“เจ้านายไม่สะดวกจริงๆครับ ยังไงขอเป็นมะรืนนี้ประมาณหกโมงครึ่งได้มั้ยครับ”

เสียงตวาดแว้ดๆดังมาจากปลายสาย ชณัฐต้องยกหูออกห่าง

“ครับผม คุณตฤณติดธุระครับ ต้องมาคุยกับลูกค้า เอ่อ..ที่เสียงเพลงดังเพราะว่าลูกค้านัดที่ผับน่ะครับ ใช่ครับ..ต้องเทคแคร์ให้ดี คุณตฤณฝากขอโทษคุณโรสที่ผิดสัญญาวันนี้ เจ้านายจะชดเชยให้วันหลังแน่นอนครับ”

กว่าหล่อนจะยอมรามือไป หูเขาก็ชาไปแถบหนึ่ง

“ไงณัฐ..” ตฤณเดินกลับมาที่บาร์ สั่งเตกิล่าหนึ่งช็อต “ดูหน้ายุ่งๆนะ ลองหน่อยมั้ย” เขายกแก้วไปแนบที่แก้มเลขาคนเก่ง

ชณัฐเบิกตากว้าง ขยับถอยโดยอัตโนมัติ “ไม่ครับ..ผมไม่ชอบ”

“ชีวิตจืดชืด” เขาหัวเราะ เท้าแขนข้างหนึ่งกับเคาน์เตอร์ “ให้ตายสิ ไหนล่ะหนุ่มน้อยที่ว่า ผมเจอแต่ไก่แก่แม่ปลาช่อนทั้งกลุ่ม”

คนตัวเล็กกว่าเหลือบมองรอยลิปสติกบนปกเสื้อทำงาน ร่างสูงเข้ามาใกล้จนเขาได้กลิ่นกระทั่งน้ำหอมตรงซอกคอ....ดึงดูด..จนทำให้หัวใจเจ็บแปลบ

“ถ้าไม่เจอก็กลับเถอะครับ” เมื่อเช้า ชณัฐเพียงแต่ตอบส่งๆว่าถ้าคุณตฤณอยากหาผู้ชายควง ก็ต้องดูคนที่น่าจะมีรสนิยมแนวนี้ตามสถานบันเทิง เขาไม่คิดว่าเจ้านายจะทำจริงด้วยซ้ำ

“ไม่ล่ะ” ตฤณเหลือบมองไปตรงมุมในสุดของร้าน เด็กหนุ่มคนหนึ่งยกแก้วขึ้นชูให้ เขาเลยยิ้มตอบ “คิดว่าเจอแล้ว”

ชณัฐขยุ้มอกเสื้อเมื่อรู้สึกหายใจได้ยากลำบากขึ้น ดวงตาสีอ่อนหลุบมองแต่พื้น ไม่กล้าจะติดตามแผ่นหลังกว้างนั้นอย่างเคย..กลัวจะเจอภาพที่ทับถมความโง่งมของตนลงไปมากกว่าเก่า

หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างผลัดกันเลี้ยงเหล้าจนฤทธิ์แอลกอฮอล์เริ่มคุกรุ่นในตัว ตฤณก็ชวนหนุ่มน้อยแปลกหน้าขึ้นรถกลับไปยังคอนโดของตน แต่ทั้งนี้..เจ้านายที่แสนดีอย่างเขาก็ยังไม่ลืมเลขาสามัญประจำบ้าน

“ผมไปส่ง” ปากพูดไป มือก็ลูบไล้เนื้อตัวเด็กน้อยในอ้อมกอดไป

ชณัฐกอดแฟ้มงานแนบอก “ไม่เป็นไรครับ เสียเวลาคุณเปล่าๆ”

“เอาน่า เขาไม่ว่าอะไรหรอก คุณเป็นลูกน้องผมนะ” พยักพเยิดเป็นเชิงบอกคนข้างกายว่าจะไปส่ง ‘ลูกน้อง’ คนดีที่หนึ่งให้ถึงบ้านก่อน

“อย่านานนะครับ ถ้าเกิดง่วงขึ้นมาล่ะก็..เราคงอดสนุกกัน” เด็กหนุ่มตัวเล็กยิ้มแย้มพลางส่งเสียงออดอ้อน ปลายนิ้วเรียวลากผ่านแผ่นอกกำยำใต้เสื้อ

ชณัฐเบือนหน้าหนีไปอีกทาง จังหวะนั้นรถแท็กซี่วิ่งผ่านมาเขาเลยรีบโบกมือเรียก ไม่ทันที่คุณตฤณจะได้ท้วงอะไร “พรุ่งนี้มีประชุม ผมจะไปหาที่ห้อง”

ตฤณโคลงหัวอย่างระอา ไม่ได้สนใจอะไรอีก..ของใหม่ในมือนี่ต่างหากที่น่าตื่นเต้น

.

.

.


ตีสาม ชณัฐสะดุ้งตื่นเพราะเสียงแผดของโทรศัพท์ เขาส่ายหัวเมื่อเห็นว่าปลายสายเป็นคุณตฤณ

“คุณตั้งใจจะใช้ผมตลอดทั้งวันจริงๆสินะ”
   
..ใช้งานกันหนัก..ทั้งตัว..ทั้งหัวใจ..

“ครับ..เจ้านาย”
   
‘ณัฐ..’ ทางนั้นว่าเสียงพร่า ‘ผมถูกไอ้เด็กเมื่อวานซืนมอมซะกลิ้งเลย’
   
“อะไรกันครับ” 

‘หมอนั่นกวาดเงินผมไปหมดกระเป๋า โรเล็กซ์ยังติดมือไปด้วยเลย’ เสียงอีกฝ่ายพึมพำเหมือนไม่มีแรง ‘แล้วก็..เหมือนจะโดนยา มันมึนๆบอกไม่ถูก’
   
ชณัฐลุกพรวดจากที่นอนตั้งแต่ได้กลิ่นไม่ค่อยดีแล้ว เขาฉวยเสื้อยืดกับกางเกงตัวเก่งมาสวม ไม่ทันหยิบแว่นด้วยซ้ำตอนที่วิ่งพรวดออกไปนอกบ้าน คว้ามอเตอร์ไซค์ของน้องชายมาใช้
   
“พี่ณัฐจะไปไหน” ชนม์ร้องถามหลังได้ยินเสียงสตาร์ทเครื่อง
   
“ไปหาคุณตฤณ” เขาบอก “เดี๋ยวเอากลับมาคืนให้นะ”
   
ร่างสูงใหญ่มองตามพี่ชายของตนอย่างอ่อนใจ “ทำให้เขาขนาดนี้..ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ”
   
ชณัฐขับด้วยความเร็วเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่ว่าเขาใช้เวลาจากบ้านแถวฝั่งธนมาถึงใจกลางเมืองภายในยี่สิบนาที ยามผู้ดูแลร้องทักเขาอย่างคนคุ้นเคย

“คุณตฤณอาการไม่ค่อยดี ถ้าแย่มากผมจะให้โทรเรียกรถพยาบาลนะครับ”

ตอนที่เข้าไปถึงในห้องนอน เขาพบคุณตฤณนั่งกุมขมับอยู่บนเตียงตามลำพัง ส่วนคู่ควงเพียงข้ามคืนนั้นหายตัวไปพร้อมกับเงินสดในกระเป๋าหนังแท้ของเจ้านายอีกหมื่นกว่า บัตรเครดิตห้าใบ กุญแจรถ กระทั่งนาฬิกาที่สวมติดตัวก็ไม่เหลือ จะได้กำไรก็แค่ถุงยางอนามัยใช้แล้วเท่านั้น

ชณัฐเอาทิชชู่จับขอบพลาสติกอันเล็กทิ้งลงถังขยะ ผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่แทนความหมายว่าพวกเขาคงผ่านสนามรักกันมาอย่างเต็มที่ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
   
“เสียรู้จนได้” เจ้านายเขาขบกรามกรอด “เห็นน่ารักแบบนั้น..”
   
“คุณชอบมองคนภายนอก” เลขาที่น่าสงสารถอนใจเฮือก เขาโทรบอกยามว่าไม่รบกวนแล้ว เจ้านายไม่ได้เป็นอะไรมากแค่กำลังงุนงง ทำอะไรไม่ถูก เพราะแทบทุกสิ่งในชีวิตมีเขาทำให้
   
“ใครจะไปรู้” ตฤณพูดอย่างหัวเสีย เอนหลังลงนอนเพราะยังปวดหัวตุบ
   
ชณัฐเดินเข้าไปในห้องน้ำ เอากะละมังรองน้ำอุ่นแล้วใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดตามตัวของอีกฝ่าย คุณตฤณหมดสภาพจนดูไม่ได้เลยทีเดียว “หันหลังสิครับ”
   
“ไม่มีเงินเดือนให้นะงานนี้” ตฤณยังว่าติดตลก พลิกตัวตะแคงข้างตามที่เลขาบอก “ขอโทษนะที่โทรไปปลุก ผมคิดอะไรไม่ออกเลยต้องตามคุณมา”
   
“ก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วนี่ครับ” มือที่จับผ้าไหวเล็กน้อยเมื่อได้สัมผัสแผ่นหลังกว้างที่คอยมองตามมาโดยตลอด รอยเล็บที่เป็นของฝากและยังคงเด่นชัดทำให้เขาเจ็บปวดได้อย่างง่ายดาย
   
..ทำทุกอย่างให้คุณด้วยหัวใจ..
   
“เจ็บใจจริงๆ” ตฤณพึมพำ “เสียทั้งเงิน เสียทั้งรถ”
   
“งวดหน้าไม่เสี่ยงแบบนี้แล้วนะครับ นี่โชคดีแค่ไหนที่คุณป้องกันตัวเอง”
   
“รู้ๆกันอยู่ว่าพวกที่ชอบผู้ชายด้วยกันน่ะมักจะมั่วไม่เลือก” คำพูดจากเจ้านายทำเอาคนได้ยินสะอึก “ผมไม่เสี่ยงกับโรคพรรค์นั้นหรอก”
   
ชณัฐเงียบกริบ เขาจุ่มผ้าลงน้ำแล้วบีบหมาดๆอีกหน เช็ดไล่มาถึงช่วงเอวก่อนจะหยุดไว้แค่นั้น “เสร็จแล้วครับ ยังไงถ้าไม่หายปวดหัวลองไปล้างหน้าดู”
   
“ขอบใจนะ” เสียงทุ้มต่ำพึมพำ ฝ่ามือกร้านแตะปลายนิ้วขาวเพียงนิด

เลขาคนดีเสมองไปทางอื่น ทำทีถอนใจคล้ายเหนื่อยหน่ายทั้งที่ความจริงแล้ว..ไม่มีวันไหนเลยที่เขาจะต้องฝืนใจรับใช้คุณตฤณ..ความรักทำให้คนโง่..โง่มากเสียด้วย
   
“เข็ดแล้วใช่มั้ยครับ ถ้าเข็ดก็เลิกหาความสุขผิวเผินแบบนี้เถอะ” เขากัดฟันพูด “มองหาคนที่จะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิตได้แล้ว หักอกผู้หญิงมากๆไม่ดีหรอกครับ คนที่คืนเดียวจบมี คนที่คิดจริงจังก็มี คุณอย่าใจร้ายมากไปกว่านี้เลย” เมื่อไหร่ที่คุณตฤณแต่งงานไป..เขาจะได้ตัดใจ
   
..และหลุดพ้นจากความรู้สึกทรมานแบบนี้สักที..
   
“จะให้แต่งงานเหรอ” ตฤณหัวเราะ “ไม่ล่ะ ไม่อยากหาบ่วงผูกคอ”
   
ชณัฐถอนใจอีกครั้ง “ผมสงสารภรรยาในอนาคตของคุณจัง” เขายกกะละมังขึ้น ผละไปเททิ้งในห้องน้ำแล้วจัดหาน้ำเย็นมาให้เจ้านายดื่ม

“ถ้าคิดว่าผมเข็ด ขอบอกไว้ก่อนว่ายาก” คนพูดยักไหล่ “ผมชอบเรื่องเซ็กซ์นะ มนุษย์เรามีกิจกรรมให้ทำไม่กี่อย่างหรอก ถ้าไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ผมก็ไม่คิดจะเปลี่ยนนิสัย แล้วคุณคิดว่าถ้าผมแต่งงานในขณะที่ยังมีความต้องการคู่ควงไม่เลือกหน้า ภรรยาผมจะเสียใจแค่ไหนล่ะ”
   
“ก็ทราบนี่ครับว่าภรรยาจะเสียใจ”
   
“เพราะรู้ว่าจะเสียใจถึงไม่อยากจริงจังกับใครไง” ตฤณเอนหลังลงนอน “ผู้หญิงน่ะน่ารำคาญ ปากบอกว่ารับได้ แต่เอาเข้าจริงก็อยากให้เราเปลี่ยน”
   
ชณัฐได้แต่เงียบเท่านั้น
   
“ไม่ต้องห่วงหรอกณัฐ ผมต้องแต่งงานแน่ แต่เมื่อไหร่..ไม่รู้”



หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nigiri-sushi ที่ 07-06-2015 21:43:21


Chapter 3


หลังจากวันที่คุณตฤณบอกว่าไม่เข็ด ชณัฐก็ทั้งเหนื่อยและปวดหัวกับพฤติกรรมของอีกฝ่าย แต่เขาจะทำอะไรได้เล่า..นอกจากพยักหน้าและยิ้มรับอย่างฝืดเฝื่อนทุกคราวที่เจ้านาย ‘หิ้ว’ เด็กหนุ่มไปแนบชิดถึงในห้องนอน

ที่ร้ายกว่านั้น..เลขาอย่างเขาต้องคอยมองหาคู่ควงที่พร้อมจะมีความ สัมพันธ์แบบฉาบฉวย ท่าทางไว้ใจได้ และดูสะอาดสะอ้าน เพื่อเป็นการคัดเลือกก่อนขั้นหนึ่งแล้วค่อยกระซิบบอกเจ้านาย ถ้าคุณตฤณไม่ชอบใจ เขาก็ต้องมองหาคนใหม่จนกว่าจะได้ลงเอย
   
..คุณตฤณใจร้ายจริงๆ..ใจร้ายกับเขาที่สุด..
   
..แต่จะทำอะไรได้..ในเมื่อหลวมตัวหลวมใจมาถึงตอนนี้แล้ว..ก็ต้องทนต่อไป..
   
..วันที่เขาเลิก ‘รัก’ ผู้ชายคนนั้นได้ คงเป็นวันที่หายเจ็บ..
   
“เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ..ดูหน้าตาไม่ค่อยสบายเลย”
   
ชณัฐเงยหน้ามองบาร์เทนเดอร์หนุ่มหลังปล่อยให้ตนเองจมจ่อมอยู่กับความคิดเรื่อยเปื่อย เขาส่ายหัวพลางยิ้มเฝื่อน มือหมุนแก้วน้ำเปล่าบนเคาน์เตอร์ไปมา

“ไม่ดื่มสักหน่อยหรือครับ แก้เซ็งไง” คนตรงหน้าชักชวน
   
“ผมไม่ชอบแอลกอฮอล์” เขาพึมพำ “พอดีมาเป็นเพื่อนเจ้านายเฉยๆน่ะครับ..”
   
“อ้อ..คนนั้นสินะ” เขาบุ้ยใบ้ไปยังใครอีกคนที่กำลังชนแก้วกับเด็กวัยรุ่น
   
ชณัฐปรายตามอง รู้สึกเสียดแวบในอกทันทีที่เห็นหนุ่มน้อยตัวเล็กเข้ามาคลอเคลียคุณตฤณ ใบหน้าเนียนใสซบแนบแผ่นอกล่ำสัน ออดอ้อนและชวนให้เจ้านายดื่มเพิ่มอีกแก้ว
   
เขาอยากเตือนคุณตฤณว่าดื่มมากไปแล้ว แต่จะทำอะไรได้ เขาเป็นแค่ลูกน้อง อีกฝ่ายเป็นนายจ้าง อย่างมากก็แค่ขับรถพาสองคนนั้นไปส่งที่ห้องแล้วค่อยโบกรถกลับบ้านเองก็ได้
   
“ปล่อยไว้แบบนี้จะดีเหรอคุณ” บาร์เทนเดอร์พยักพเยิดไปทางต้นเรื่อง “ดูเหมือนว่าคู่ขาของเจ้านายคุณจะแสบไม่ใช่น้อย”
   
ชณัฐหันขวับไปมอง เขาเห็นคุณตฤณกำลังยืนซุกไซ้ปากที่ซอกคอคู่ควง ในขณะที่เจ้าเด็กวัยรุ่นท่าทางเรียบร้อยคนนั้นค่อยๆล้วงมือไปที่กระเป๋ากางเกงด้านหลังของร่างสูง กระเป๋าเงินน่ะไม่มีหรอกเพราะอยู่ที่เขา จะมีก็แต่ธนบัตรใบละพันใหม่เอี่ยมที่พับไว้อยู่ห้าหกใบ
   
ชายหนุ่มมุ่นหัวคิ้ว เดินพรวดพราดเข้าไปกระชากมือเด็กออกมา ทางนั้นเบิกตากว้าง ปลายนิ้วยังคีบแบงค์พันเป็นหลักฐานคาตาว่าคิดไม่ซื่อ “จะทำอะไร..อย่าโง่ไปหน่อยเลย!”
   
คุณตฤณหันมามอง ใบหน้าแดงเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ “อะไรกัน..”
   
เด็กหนุ่มรีบฟ้อง “คนใช้ของคุณหาว่าผมจะขโมยเงิน! แค่หยิบมาจ่ายค่าเหล้าเอง!”
   
ชณัฐเริ่มโกรธขึ้นมาจริงๆ เขาไม่ใช่คนใช้! ถึงจะทำงานสารพัดอย่างแต่ก็เป็นเลขานะ!
   
..เลขาที่ทำงานไม่ต่างจากคนใช้..ก็แค่นั้นเอง..
   
“เอาน่า..เราก็ซีเรียสไปได้นะณัฐ” คุณตฤณยิ้มร่า ควักเงินออกมาจากกระเป๋ากางเกงอีกหลายใบ “เอ้า! จะสั่งอีกแก้วใช่มั้ย เลี้ยงเพื่อนๆด้วยแล้..” ทั้งตัวถูกดึงจนเซถอย
   
ชณัฐหมดความอดทน เขากระชากแขนแข็งแรงออกมาจากวงล้อมของพวกตัวดูดเลือดทันที วันนี้คุณตฤณไร้สาระมามากพอแล้ว แถมยังดื่มจนเกินกำลังของตนด้วย!
   
“อะไรกัน! อย่ามาขวางนะ!” เด็กหนุ่มโวยวาย ตรงเข้ามาผลักอก
   
คนที่ไม่ทันตั้งหลักเลยล้มโครม แว่นกระเด็นตกลงพื้น ซ้ำร้ายยังถูกคนที่เดินผ่านเหยียบซ้ำจนเลนส์แตก ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์พากันหัวเราะดังครืน ชณัฐได้แต่กำหมัดแน่นอย่างเจ็บใจ
   
คุณตฤณดูมึนๆ ไม่ได้ยื่นมือมาช่วยพยุงกระทั่งเลขาของตนลุกขึ้นมาได้เอง
   
“เจ้านาย! กลับเถอะครับ คุณเมามากแล้ว” ชณัฐไม่อยากมีเรื่องเลยเป็นฝ่ายล่าถอย
   
“ใช่..กลับบ้านไปเลยตาแก่คร่ำครึ! อย่าลืมให้เจ้านายกินนมแล้วเข้านอนด้วยนะ!”

กลุ่มเด็กวัยรุ่นร้องแซว แต่ก็ดูคึกคักได้แค่ไม่นานนัก เพราะบาร์เทนเดอร์ที่เห็นเหตุการณ์แจ้งผู้จัดการร้านให้เข้ามาเคลียร์ และถ้ายังไม่ออกไปจากผับนี้ เรื่องคงจะต้องถึงตำรวจ
   
ชณัฐไม่ได้สนใจอะไรนอกจากลากตัวคุณตฤณที่เดินแทบไม่ตรงทางไปยังบีเอ็มคันใหม่เอี่ยม เขายัดตัวอีกฝ่ายลงไปนั่ง คาดเข็มขัดให้แล้ววิ่งมาทางฝั่งคนขับ
   
คุณตฤณหงุดหงิด “ไม่เห็นต้องมายุ่งเลย..” เขาสบถ “คุณทำให้ผมเสียหน้า”   
   
คนฟังรู้สึกน้อยใจจนกระบอกตาร้อนผ่าว..ทำไม..ทั้งที่ผมปกป้องคุณด้วยหัวใจ
   
..ไม่มีความดีเลยหรือ?..      
   
ชณัฐเม้มปากแน่น บังคับไม่ให้หยดน้ำที่เอ่อคลอร่วงลงมาระหว่างทางกลับบ้าน วันนี้เขาโกรธ เขาเสียใจ เขาอับอาย เขากลายเป็นตัวตลก..เป็นแม้กระทั่งคนใช้ที่เจ้านายไม่เห็นค่า

..โง่เง่าเหลือเกิน..
 
.

.

.



ร่างสูงใหญ่ถูกประคองให้นอนบนเตียง ชณัฐพยายามจะเช็ดหน้าและเช็ดตัวให้ แต่คุณตฤณปัดมือเขาทิ้งด้วยความงุ่นง่าน คิ้วเข้มขมวดมุ่น ดูพาลพาโลกับทุกสิ่ง
   
“จะไปไหนก็ไป” ชายหนุ่มหัวเสีย ความต้องการที่อัดแน่นทำให้รู้สึกพลุ่งพล่าน เขาไม่ได้มีอะไรกับใครมาอาทิตย์กว่าเพราะต้องสะสางงาน พอจะเจอคนถูกใจ ก็กลับโดนขวางเสียนี่!
   
แต่อะไรก็ไม่เท่ากับการถูกเด็กเมื่อวานซืนปรามาสให้เจ็บแสบหรอก! น่าโมโหชะมัด!
   
“พรุ่งนี้ไม่ต้องมาปลุกนะ เจอกันวันจันทร์เลย..” เขาคว้ามือถือมากดดูเบอร์โทรศัพท์ ให้ตายเถอะ..เขาไม่เคยบันทึกเบอร์ติดต่อของคู่ขาคนไหน เพราะณัฐคอยจัดการให้หมด
   
..แต่จะให้ร้องขอตอนนี้ก็เสียหน้าแย่!..
   
“ยังไม่กลับอีกเหรอ” เขาถอนหายใจ “ไม่ต้องห่วงหรอก ผมดูแลตัวเองได้!”
   
ชณัฐยืนนิ่ง มองคนที่พลิกตัวนอนหันหลังให้ด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบ
   
“ผมมีค่าน้อยกว่าคู่ควงของคุณอย่างนั้นหรือครับ”
   
ใบหน้าคมเข้มหันกลับมา “พูดอะไร..”
   
“คุณโกรธผม” เขาบังคับเสียงไม่ให้สั่น ถึงอย่างนั้น..ดวงตาที่ไม่มีกรอบแว่นปกปิดก็ยังเปียกชื้นด้วยหยดน้ำใส “ถ้าคุณไม่พอใจ หลังจากนี้ผมจะไม่มายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของคุณอีก”
   
ภาพที่เห็นเบื้องหน้าทำให้เจ้านายวัยหนุ่มนิ่งงัน หัวใจกระตุกวูบกับอารมณ์ของอีกฝ่าย ตั้งแต่ทำงานด้วยกัน เขาไม่เคยเห็นชณัฐแสดงมุมด้านนี้ออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว
   
..คงจะเหลืออดกับเขาแล้ว..
   
“ผมขอโทษ..” ตฤณยกมือขึ้นลูบหน้า วันนี้เขาดูบ้าจริงๆ พอเหล้าเข้าปากมันก็รู้สึกร้อนไปหมดจนเผลอแสดงท่าทีแย่ๆออกไปโดยไม่ทันห้ามตน “ผมรู้ว่าคุณเหนื่อย ขอโทษด้วย..”

ชณัฐส่ายหัว เขาไม่ได้ต้องการให้คุณตฤณมาขอโทษ

..ก็แค่เห็นใจกันบ้าง..อย่าใช้งาน ‘หัวใจ’ เขาหนักเกินไปก็พอ..

“หลังจากนี้คุณไม่ต้องไปกับผมแล้ว เลิกงานก็กลับได้เลย โอเคนะ”
   
อีกฝ่ายได้แต่ยืนนิ่ง คำพูดที่ตลบไปอีกด้านทำให้ในอกมันปวดจนชา
   
“หึ..” เจ้าตัวยิ้มจาง “คุณไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ..”
   
ยังทำตัวเหมือนเดิม ยังให้ความสำคัญกับอะไรที่มีอยู่อย่างฉาบฉวย..เหมือนเดิม
   
ตฤณขมวดคิ้ว อะไรอีกล่ะ..เขาก็ขอโทษแล้วนะ “คุณจะซีเรียสกับชีวิตไปทำไมณัฐ!” เขาขยี้หัวอย่างเหนื่อยหน่าย “คุณไม่ชอบเซ็กซ์ แต่ผมชอบ จะเอาเกณฑ์ชีวิตคุณมาตัดสินผมไม่ได้! ผมไม่ได้เป็นคนจืดชืดอย่างคุณนี่ หรือการที่ผมหาความสนุกส่วนตัวมันเป็นความผิดร้ายแรง?”
   
ชณัฐไม่โต้ตอบ ได้แต่ยืนเงียบอยู่อย่างเดิม
   
“คุณเคยเข้าใจผมมากที่สุดนะณัฐ ผมบอกคุณแล้วว่าผมเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้ อย่างน้อยๆก็ไม่ใช่ตอนนี้ ผมอยากจะสนุกไปกับชีวิตถ้ามันไม่ได้ทำให้ใครตายล่ะก็..”
   
..ใช่ครับ..ยังไม่มีใครตาย..แต่ถ้าจะมี..ก็คงเป็นคนโง่ๆอย่างผมคนนี้เอง..
   
“ถ้าคุณอึดอัด..ผมจะไม่รบกวนคุณเรื่องนี้อีก ขอโทษด้วยแล้วกันที่สั่งเกินหน้าที่” ร่างสูงโบกมือไล่ “ถ้าจะกลับแล้วก็ล็อคห้องให้ด้วย” เขาทำทีเป็นกดมือถือเพื่อหลบสีหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวังของอีกคน

ขอร้องเถอะ..เขาไม่อยากรู้สึกเหมือนทำความผิดอุกฉกรรจ์นะ!
   
“จะเป็นใครก็ได้ใช่มั้ยครับ..” จู่ๆ..เสียงเรียบนิ่งก็ถามขึ้น
   
ตฤณถอนหายใจอย่างเนือยๆ เขาเงยหน้ามอง คิดว่าเลขากำลังจะเริ่มต่อว่าใหม่ แต่ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้ากลับทำให้ทั้งตัวชะงักงัน
   
ร่างที่เล็กกว่าปลดกระดุมเชิ้ตที่สวมอยู่ออกทีละเม็ด สาบเสื้อที่แยกออกจากกันเผยผิวเนื้อขาวใต้ร่มผ้า เข็มขัดหนังถูกปลดทิ้ง กางเกงสแล็คสีดำร่วงลงไปกองที่ข้อเท้า
   
“ณัฐ..” ตฤณแทบจะสร่างเมาเป็นปลิดทิ้ง “..ทำอะไร..”
   
“จะเป็นใคร..คุณก็ไม่ปฏิเสธสินะ”
   
“อย่าบ้าน่า..” เขาปราม เบือนหน้าหนีด้วยความรู้สึกแปลกๆ 

ความร้อนแล่นลามขึ้นบนสีหน้า ทั้งยังคาคั่งอยู่ตรงส่วนกลางที่ซื่อสัตย์ยิ่งกว่าอะไร..เขาไม่เคยเห็นชณัฐที่เป็นแบบนี้ และเพิ่งจะได้สังเกต..ว่าใบหน้าที่ซุกซ่อนอยู่หลังแว่นสายตามีแรงดึงดูดกันมากแค่ไหน..อีกฝ่ายกำลังเร้าอารมณ์เขาอย่างรุนแรง

“กลับบ้านไปซะ!” ถ้าเจ้าบ้านี่ยังดำเนินต่อล่ะก็..เขาจะต้องทำผิดครั้งใหญ่! “ผมไม่คิดจะมีเซ็กซ์กับลูกจ้าง..ออกไปเถอะ”
   
“คุณก็คิดซะว่าผมเป็นแค่คนที่เพิ่งเจอกัน” ดวงตาสีอ่อนดูเฉยเมย ไม่แสดงอาการยินดียินร้ายอะไร “ถ้าคุณจะต้องคอยมองหาคนอื่นอยู่เรื่อย..เป็นผม..ไม่ดีกว่าหรือครับ”
   
“รู้ตัวมั้ยว่าพูดอะไรออกมา”
   
“ถ้าคุณไม่คิดรังเกียจคนที่เป็นแค่ลูกจ้าง..” ชณัฐเดินเข้าใกล้ “คืนนี้..ก็กอดผมเถอะครับ”
   
ตฤณขบกรามกรอด เขาพยายามหันไปทางอื่นเมื่ออีกฝ่ายโน้มต่ำ ใบหน้าที่คุ้นเคยก้มลงแตะจูบที่ข้างแก้มของเขาแผ่วเบา และแค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับคำอนุญาต
   
ชณัฐถูกผลักให้นอนหงายลงบนเตียง ชั้นในโดนกระชากออกมา ตฤณตามเข้าทาบทับ เขาปลดกางเกงของตนลงก่อนดึงรั้งให้ช่วงขาเพรียวแยกออก

ร่างที่อยู่ข้างใต้สะดุ้งเฮือก หลับตาแน่นเมื่อปลายนิ้วยาวดุนดันเข้ามาในตัว คุณตฤณเล้าโลมเพียงไม่นานก็สอดใส่ แรงที่บดเบียดเต็มไปด้วยอารมณ์ที่รุนแรงและอัดแน่น 

สองแขนเปลือยยกขึ้นโอบรัดแผ่นหลังกว้างทั้งยังจิกเล็บลงฝ่ามือของตน ชณัฐนิ่วหน้า กัดปากห้ามเสียงร้องเมื่อสะโพกแกร่งกระแทกกระทั้นเข้าหาอย่างรุนแรง ใบหน้าเขาร้อนวาบ เผลอหลุบตาลงมองความแข็งขืนที่ขยับเข้าออกซ้ำๆในตัว เสียงผิวกายกระทบกันดังถี่

แขนแข็งแรงคร่อมอยู่เหนือร่าง ดวงตาสีเข้มจับจ้องอย่างไม่ยอมละ ชณัฐเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนี แต่กลับถูกเจ้านายจับปลายคางให้หันกลับมา ร่างใหญ่ก้มลง หวังจะแตะจูบ

“ไม่..” ชณัฐเม้มปากแน่น ผลักอกกว้างเต็มแรง

..ถ้าคุณตฤณจูบเขา..เจ้านายจะต้องล่วงรู้ความในใจทั้งหมดที่ซุกซ่อนไว้..

..ให้มันจบแค่นี้เถอะ..จะได้ไม่ต่างจากคืนอื่นๆและคนอื่นๆของคุณ..

ตฤณสบถในลำคอด้วยความไม่พอใจ เขายอมตาม..ไม่จูบอย่างที่อีกฝ่ายปฏิเสธ แต่เขาคิดจะกำราบชณัฐให้หนัก..โทษฐานที่ขัดใจกันเหลือเกิน

ฝ่ามือกร้านรวบข้อมือเล็ก กดตรึงลงกับที่นอนและจงใจขยับตัวให้ลึกกว่าเก่า ชายหนุ่มร้อนวาบเมื่อคนที่ไม่เคยแม้แต่จะเล่าเรื่องส่วนตัว ในตอนนี้กลับครวญครางไม่หยุดอยู่ใต้ร่างเขา

..คิดอะไรอยู่กันแน่..บอกมาให้หมดสิ..แสดงให้ชัดเจนออกมาเลย!..

ชณัฐดิ้นพล่านกับแรงหนักหน่วงที่สอดใส่เป็นจังหวะ ส่วนใหญ่โตกระแทกเข้ากับบางจุดที่ทำให้เขารู้สึกดี ทั้งที่ไม่อยากยอมรับว่าคุณตฤณเอาประสบการณ์กับผู้ชายคนอื่นมาใช้ แต่เขาก็เผลอกอดก่ายและโอบรัดร่างของเจ้านายตนเองอย่างห้ามไม่ได้ไปแล้ว

ตฤณลากตัวคนที่ไถลออกไปจนสุดเตียงกลับเข้ามา เขาหยักยิ้ม มองสีหน้าที่แดงซ่านด้วยความพอใจขณะช่วยรูดรั้งส่วนกลางให้ ทางรักเบื้องหลังของเลขาคนสนิทบวมแดงและร้อนระอุ

ความฝืดเคืองทำให้เสียงทุ้มต่ำครางดัง ปฏิกิริยาตอบรับตามธรรมชาติกระตุ้นอารมณ์เขามากกว่าการปรนเปรอแบบจอมปลอม ผนังที่นุ่มและอุ่นร้อนตอดรัดส่วนกลางของเขาถี่รัว ตฤณกัดฟันแน่น กดร่างลงลึกที่สุดแล้วกระชากออก วนเวียนโยกขย่มจนคนข้างใต้กรีดร้องก้อง

ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลง หยอกเย้าคนสนิท “รู้มั้ยณัฐ..ผมไม่จูบคุณก็ได้” เขากระซิบ “แต่จะออกในตัวคุณ..” รอยยิ้มร้ายกาจผุดขึ้นเมื่อชณัฐเบิกตากว้าง พยายามผลักเขาสุดกำลัง

“อึก..อื้อ!..” ชณัฐร้อง ดันหน้าท้องแกร่งออกห่างแต่ไม่เป็นผล “ค..คุณตฤณ..อ..ย่า..”

ตฤณขยุ้มต้นขาขาวที่ขยับหนีก่อนเลื่อนมือไปที่สะโพกมน แยกเนินเนื้อตึงแน่นออกห่าง จงใจสาวช่วงเอวเป็นจังหวะยาว หัวใจเขาเต้นดัง..ไม่ทันคิดมาก่อนว่าการร่วมหลับนอนกับอีกฝ่ายจะทำให้เขาตื่นเต้นและรู้สึกดีเยี่ยมถึงขนาดนี้

เขาเร่งตัวเอง กระชากความร้อนผ่าวนั่นออกและสอดกลับเข้าใหม่ มือเร่งเสียดสีให้อีกฝ่ายไปถึงจุดก่อน กระทั่งร่างตรงหน้าสะดุ้งเฮือก ปลดปล่อยไออุ่นร้อนออกมาภายนอก ทางรักด้านหลังก็ยิ่งบีบรัดเขาหนักหน่วง เสียงแหบพร่าคำรามต่ำไปตามแรงอารมณ์

ร่างใหญ่กระตุกสั่น เขาบดเบียดหน้าขาเข้ากับสะโพกกลม จับตรึงเอวเล็กไว้ขณะฉีดพ่นของเหลวร้อนระอุเข้าไป มันพุ่งกระทบผนังนุ่มเป็นระลอก เรียกเสียงครวญครางเหมือนจะขาดใจ

ตฤณล้มฮวบลงกอดก่ายลูกน้องคนสนิท เขาทาบทับตัวอยู่ตรงกลางขาเปลือยที่ตั้งชันก่อนจะผล็อยหลับไปทั้งคู่ด้วยความอ่อนเพลีย



หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nigiri-sushi ที่ 07-06-2015 21:43:46


Chapter 4


ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นตอนเที่ยงตรง ความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างปลุกให้เขาตื่นขึ้นเมื่อป่ายมือไปด้านข้างแต่ไม่พบใคร 

ตฤณลุกพรวด เหลียวมองรอบตัวและพบว่าเขานอนอยู่ในห้องชุดของตน แต่ข้างกายกลับไม่มีใครบางคนที่รบกวนกันอยู่ในความฝันแทบจะทั้งคืน
   
“ณัฐ..” เขายกมือขึ้นลูบหน้า ก้มดูสภาพตัวเองแล้วไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ เขาสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย เตียงนอนเรียบตึง ไม่มีร่องรอยของการกระทำบางอย่างเลย 

..หรือว่าเขาจะฝัน..บ้าไปแล้ว!..

ตฤณรีบเดินไปสำรวจรอบเตียง เขาทำแม้กระทั่งคุ้ยถังขยะเพื่อหาถุงยางอนามัยใช้แล้ว แต่กลับไม่พบ แม้แต่เสื้อผ้าที่ควรจะถูกถอดทิ้งก็ยังไม่มี

“ทำอะไรน่ะครับ” เสียงเรียบนิ่งตามวิสัยดังมาจากด้านหน้าห้องนอน

ชายหนุ่มหันขวับ มองคนที่อยู่ในเชิ้ตทำงาน มีผ้ากันเปื้อนสวมทับ ประตูห้องที่เปิดค้างไว้ทำให้กลิ่นหอมของข้าวต้มกุ้งร้อนๆอวลมาถึงในนี้ “คุณล่ะทำอะไร..”

ชณัฐยกมือขึ้นดันแว่นด้วยความเคยชิน แต่ปรากฏว่าบนใบหน้าของเขาว่างเปล่า เจ้าตัวเลยกระแอมขึ้นอย่างเก้อเขิน เขาหลบสายตาที่จ้องมองมาแบบไม่วาง

“มื้อเช้าไงครับ เจ้านายไม่ทานไม่ได้นะ”

ตฤณงุนงงกับท่าทางนิ่งสนิทของเลขา เขาเริ่มสับสนแล้วว่าได้ ‘มีเซ็กซ์’ กับคนตรงหน้าจริงๆ หรือเขาแค่ฝันเปียกไปเอง!

“คือ..เมื่อคืน..ผมหิ้วใครมานอนด้วยหรือเปล่า”

“ไม่ทราบสิครับ..ผมเพิ่งมา” ชณัฐตีหน้าเรียบทั้งที่แก้มร้อนผ่าว “รีบไปอาบน้ำเถอะครับ ข้าวต้มจะเสร็จแล้ว เดี๋ยวผมตักมาวางไว้ให้แล้วจะขอตัวกลับเล..”

“ณัฐ!” ชายหนุ่มขัด “ผมถามจริงๆ..เมื่อคืน ผมนอนกับใคร”

“โทรถามเด็กที่ผับนั่นสิครับ น่าจะเป็นคนนั้น..” เขาตอบส่งๆ

ตฤณหรี่ตามอง “แว่นของคุณไปไหน”

“ผมทำแตก” ชณัฐตอบทันควัน “อย่าสนใจเลยครับ วันนี้ผมจะไปตัดใหม่”

“ใครทำ” เขาไม่ค่อยพอใจนักเมื่ออีกฝ่ายตอบว่าเป็นคนทำแว่นแตกเอง เท่าที่จำได้ลางๆ มันมีอะไรที่ผิดปกติอยู่ในประโยคพวกนั้น “คุณกำลังโกหกผมใช่มั้ย”

คนฟังถอนหายใจ ค่อยๆเดินหนี “เจ้านาย..กรุณาไปอาบน้ำแล้วมารับข้าวเช้าเถอะครับ..สายแล้ว ผมต้องไป..โอ๊ย!” ร้องด้วยความเจ็บเมื่อคุณตฤณดึงแขนจนเซ เขาเผลอลงน้ำหนักที่ช่วงล่างอัตโนมัติเพื่อยันตัว

“เมื่อคืนเรามีเซ็กซ์กัน..” ร่างสูงยกแขนขึ้นกั้น “หรือจะบอกว่าไม่ใช่..”

ชณัฐเม้มปากแน่น เบือนหน้าหนีไปทางอื่น “ผมเปล่า อื้อ!” เขานิ่วหน้าเพราะอีกฝ่ายคว้าที่เนินสะโพกแล้วบีบอย่างรุนแรง “เจ้านาย!”

“คุณต้องตื่นกี่โมง..ถึงจะมีเวลาเคลียร์ทุกอย่างที่เป็นหลักฐาน” ตฤณส่งเสียงหึ กวาดตามอง “อะไรก็แนบเนียน..ยกเว้นชุดที่คุณใส่ วันนี้วันหยุด ทำไมสวมเชิ้ตทำงานที่ยับขนาดนี้..”

คนฟังหน้าขึ้นสีแดงเข้ม “แล้วไงล่ะครับ” เขาเผลอดันแว่นของตัวเองอีกแล้ว แย่ชะมัด

“ใช่..คุณล้ม ทำแว่นหล่นที่ผับ ใครก็ไม่รู้เหยียบจนแตก” เจ้านายพึมพำ “คุณพาผมกลับมาที่ห้อง ผมจำได้ว่าเราทะเลาะกันนิดหน่อย แล้วก็..มีอะไรกัน”

คนฟังหน้าแดงก่ำ “หยุดเถอะครับ”

“ทำไมล่ะณัฐ..เพราะอะไรคุณถึงยอมผม” ตฤณรุก ในอกบีบรัดรุนแรงด้วยความคาดหวัง

..ว่าแต่..เขากำลังหวังเรื่องอะไรกันเล่า..

ชณัฐเสมองไปทางอื่น “คุณไม่มีใคร ผมเลยเสนอตัวก็เท่านั้น”

..หากคำตอบกลับทำให้อีกคนผิดคาดไป..

“ฟังดูแย่ชะมัด..เหมือนกับว่าผมรอดจากอาการอดอยากปากแห้งมาได้เพราะคุณเมตตา” ตฤณเยาะ แต่เขาไม่คิดอย่างนั้นหรอกนะ “คุณกำลังปิดบังอะไรผม..”

“เลิกคิดเถอะครับ..มันไม่ได้มีอะไรนักหนาเลย” เขาตั้งท่าจะเดินหนี แต่ช่วงแขนกว้างกลับยกขึ้นกั้นตัวไว้ ทั้งยังกักให้อยู่ตรงกลางอ้อมกอดที่อุ่นร้อน

“เมื่อคืน..คุณบอกว่าถ้าผมจะไปนอนกับใคร เป็นคุณไม่ดีกว่าหรือ..ใช่มั้ย”

“คุณตฤณ!” ชณัฐสูญเสียการควบคุมตนเอง “ถ้าคุณไม่ทานข้าว ผมจะกลับบ้าน!”

ตฤณยอมปล่อยเลขาคนสนิท หากดวงตาสีนิลกลับมองตามอย่างไม่ยอมลดละ เขาไม่รู้ว่าตนเองกำลังคิดอะไรหรือหวังอะไร เพียงแต่สัญชาตญาณการเอาชนะ และความรู้สึกเห็นแก่ตัวมันพลุ่งพล่านเมื่อได้รับคำปฏิเสธอย่างไม่ยินดียินร้ายจากอีกคน

มีแต่คนต้องการเขา..ไม่ว่าจะทางร่างกาย เงินทอง หรือหัวใจ..แล้วทำไมชณัฐถึงบอกปัดโดยไม่เอาอะไรเลย จะมีคนที่ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนด้วยหรือ

..มีแค่คนที่ ‘หลงรัก’ ใครคนหนึ่งมากมายเท่านั้นแหละ..ถึงจะยอมเสียเปรียบ..

..แล้วทำไมถึงต้องปฏิเสธกันล่ะ..คิดอะไรอยู่กันแน่..

“ณัฐ..” ในที่สุด ตฤณก็เอ่ยปาก

ชณัฐหันมามอง แก้มยังเป็นสีแดงเข้ม..ซึ่งมีแต่คนตรงข้ามเท่านั้นที่มองเห็น

“ผมสนใจข้อเสนอของคุณ..” เขาพึมพำ “ในเมื่อเราต่างไม่มีใคร..ก็มาเป็นคู่นอนกัน”

ชณัฐยืนนิ่ง เผลอยกมือขึ้นขยุ้มอกซ้ายด้วยความเจ็บปวด..คู่นอน..อย่างนั้นหรือ

เขายกมือขึ้นดันแว่นด้วยความเคยชินก่อนจะพบว่าตนเองไม่ได้ใส่ พร้อมกันนั้น..ปฏิกิริยาตอบสนองของหัวใจโง่เง่าก็ตอบกลับด้วยความเคยชินไม่ต่างกัน..ถ้าเป็นเรื่องของคนๆนี้ เขาไม่เคยใช้เหตุและผลจากสมองเลย ไม่เคยหยุดลังเลหรือฉุกคิดด้วยซ้ำว่าทำไปเพื่ออะไร และทำไม

..ก็สมแล้วล่ะนะ..ที่จะเจ็บปวดเพราะความรู้สึก..

“ตกลงครับ..”
 

...............................................................


ร่างที่โยกคลอนเพราะแรงกระแทกหนักหน่วงค่อยๆหยุดลงเมื่อคนด้านบนถอนตัวออกมา น้ำรักอุ่นร้อนไหลซึมลงผ้าปูที่นอน ช่องทางคับแคบบวมเป่ง ร้อนและแดงช้ำอย่างหนักเพราะถูกเสียดสี
   
ตฤณล้มตัวลงนอนด้านข้าง หอบหายใจด้วยความสุขสมขณะปรายตามองร่างเปลือยเปล่าเอื้อมหยิบทิชชู่มาซับคราบขุ่นขาวที่เปรอะเปื้อนด้านใน
   
ข้อเสนอนี้เขาได้เปรียบอย่างถึงที่สุด เขาจะมีเซ็กซ์กับเลขาของตนทุกครั้งที่ต้องการ เขาจะไม่ป้องกัน และมีเขาเท่านั้นที่สามารถยกเลิกความสัมพันธ์นี้ได้ อีกฝ่ายมีสิทธิ์จะเรียกร้องอะไรก็ตามจากเขา แต่ยกเว้นว่าต้องเป็นของที่สามารถจับต้องได้เท่านั้น

..นั่นหมายถึง..ไม่ใช่เวลา..การดูแลเอาใจใส่..หรือความรัก..
   
ชณัฐยอมตกลงทั้งที่เป็นฝ่ายเสีย นั่นทำให้คนที่คิดลองหยั่งเชิงมั่นใจในทฤษฎีของตนมากขึ้น แต่เมื่อไหร่ล่ะ..ที่ลูกน้องที่ซื่อสัตย์ตามหน้าที่ของเขา จะยอมซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตน
   
ตฤณยอมละทิ้งชีวิตกลางคืนและไม่ยอมมีคู่ควงชั่วคราวอีก
   
..เขาอยากจะไล่ต้อนให้ณัฐจนมุม..และสารภาพว่ากำลังคิดอะไรอยู่..
   
แต่ถึงอย่างนั้น..เขาก็ตอบตัวเองไม่ได้ ว่าถ้าคำตอบคือ ‘รัก’ แล้ว เขาจะดำเนินเรื่องราวพวกนี้ต่อไปอย่างไร จะจบมันลง..หรือไม่หันไปสนใจอีกเลย
   
..ใช่..มันเป็นเกมบ้าๆ..ของคนบ้าๆอย่างเขา..เล่นกับความรู้สึก..
   
“ผมกลับก่อนนะครับ” ชณัฐสวมเสื้อผ้าอย่างเมินเฉยและนั่นก็ทำให้คนมองไม่พอใจนัก

..หึ..ดูเหมือนว่าคนที่ถูก ‘เล่น’ ด้วย จะกลายเป็นฝ่ายเขาเสียมากกว่า..

ตฤณยอมรับว่าแต่ก่อนเขาไม่รู้สึกอะไร แต่มาตอนนี้..มันกลับหงุดหงิดอย่างไรชอบกล เวลาพวกเขามีเซ็กซ์กัน ชณัฐก็ดูเป็นคนปกติที่มีอารมณ์และความรู้สึกอยู่หรอก แต่หลังจากเสร็จกิจ อีกฝ่ายจะดูเย็นชาและไม่หือไม่อือกับอะไรทั้งสิ้นเหมือนเดิม ไม่เคยออดอ้อน ไม่ขอร้อง ไม่ต้องการทุกอย่าง ไม่ว่าจะเงิน สิ่งของ เวลา หรือการเอาอกเอาใจ..แบบนี้มันไม่มีเหตุผลเลย!

..ทำไมเขาต้องสนใจนักน่ะหรือ..เพราะว่ามันน่าสนุกน่ะสิ..

..ถึงแม้ว่าตอนนี้จะสนุกไม่ค่อยออกแล้วก็เถอะ..

“ค้างที่นี่มั้ยล่ะ” ตฤณหลุดปากถามทั้งที่ปกติไม่เคยคิดชวนใคร มีแต่อยากจะอยู่เองทั้งนั้น

“ไม่ล่ะครับ..ผมห่วงบ้าน”

“ห่วงบ้านหรือห่วงใคร” อีกแล้ว! พักนี้เขาระงับปากไม่ค่อยอยู่บ่อยเหลือเกิน

“ก็มีชนม์..” ชณัฐยิ้มอ่อนโยน “เขาโตแล้ว แต่ผมก็ยังห่วงเขาเหมือนเดิม”

ตฤณถอนใจอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก..นี่เขายังสำคัญน้อยกว่าน้องชายของหมอนี่อีก

“ตามใจ อยากกลับก็กลับ อย่าลืมว่าเวลาเข้างานของคุณคือก่อนผมนะ มาให้ทันด้วย!” เขาแสร้งว่า หากอีกคนกลับพยักหน้าและค่อยๆเดินออกไปนอกห้องก่อนปิดประตูลงแผ่วเบา

..เป็นคนที่ยากต่อการรับมือจริงๆ!..

.

.

.


เช้านี้ชณัฐไม่ค่อยจะสบายนัก เขารู้สึกเพลียๆ ขนาดจะทรงตัวยังลำบาก แต่ภาระหน้าที่ทุกอย่างที่เขารับผิดชอบก็เป็นตัวบังคับให้ฝืนทนต่อ

เขาเดินไปมา ตั้งแต่จัดเตรียมกาแฟ ของว่าง เอกสารการประชุม ทำสไลด์ เช็กความเรียบร้อยไปจนถึงโทรนัดหมายลูกค้าของช่วงบ่าย

“พักบ้างเถอะครับคุณชณัฐ” ผู้จัดการฝ่ายวัสดุก่อสร้างออกปากทัก เขายื่นถาดใส่ถ้วยกาแฟและแซนด์วิชแฮมชีสหอมกรุ่นมาให้ “เดี๋ยวผมดูต่อเอง”
   
ชณัฐยิ้มรับ ละมือจากโปรเจคเตอร์ “ขอบคุณครับ..ของชอบของผมเลย”
   
อีกฝ่ายยิ้มเขินๆ “ผมก็คิดว่าอย่างนั้น เพราะเห็นคุณชอบทาน”
   
มีเสียงกระแอมขัดจังหวะดังมาจากประตูห้องประชุม พวกเขาหันไปมองแล้วก็ต้องพบว่าเป็นเจ้านายใหญ่ คุณตฤณตีหน้าเรียบเฉยก่อนสั่งให้เริ่มประชุมเร็วกว่าปกติครึ่งชั่วโมง
   
ชณัฐพยักหน้ารับ วางของว่างที่ยังไม่ได้แตะลง ตั้งท่าจะลุกขึ้นแต่ก็เซไปก้าวหนึ่ง 
   
ตฤณขยับเข้าไปโดยอัตโนมัติ หากยังช้ากว่าใครอีกคนที่อยู่ใกล้กว่า..ตอนนี้เองที่เขาเพิ่งรู้สึกว่า ‘เลือดขึ้นหน้า’ มันเป็นอย่างไร

ร่างสูงระงับอารมณ์สุดความสามารถไม่ให้เข้าไปกระชากมือเจ้าผู้จัดการนั่นออกมาจากตัวของเลขาคนสนิท ไม่ทันถามตนเองด้วยซ้ำว่าความรู้สึกนี้คืออะไร รู้แต่ว่าเขาไม่พอใจ..และไม่ต้องการเห็นพฤติกรรมแบบนี้ซ้ำสอง!
   
“คุณไปเชิญคนอื่นมา ทางนี้ผมจัดการเอง” เขาเดินเข้าไปแทรก จับแขนเลขาไว้แทน
   
ชณัฐมีสีหน้ากระอักกระอ่วน เขายื้อแขนออกแต่คุณตฤณยังจับแน่น กระทั่งบุคคลที่สามออกไปจากห้อง เขาก็รีบก้าวถอย จัดเสื้อให้เรียบเหมือนเดิม “กรุณาอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ”
   
“ผมทำไม่ได้..แต่คนอื่นทำได้งั้นสิ” ตฤณกำลังพาล “เรามีเซ็กซ์กันกี่ครั้งแล้ว!”

“เจ้านาย..คุณลืมไปแล้วหรือครับว่าอยู่ในฐานะอะไร” เขาย้ำเตือน “เราอยู่ที่ทำงานนะ”

ชายหนุ่มสบถอย่างหงุดหงิด เพราะแบบนี้ไง! เขาถึงไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับลูกน้อง

..เพราะถ้ามันมีเรื่องความหึงหวงเข้ามาล่ะก็..

ตฤณชะงักกึก..อะไรนะ..เมื่อกี๊เขากำลังคิดว่า ‘หึงหวง’ อย่างนั้นหรอกหรือ!

“ไม่มีทาง..” เขาพึมพำ ปล่อยมือออกทันที “เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วใช่มั้ย ถ้าอย่างนั้นก็ประชุมได้แล้ว” เขาเลี่ยงไปหน้าห้อง เปลี่ยนเรื่องคุยอย่างกะทันหันในขณะที่บอกตนซ้ำไปซ้ำมา

..เป็นไปไม่ได้..




หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nigiri-sushi ที่ 07-06-2015 21:44:12


Chapter 5


ตฤณเคยโยนความรู้สึกแปลกๆในใจที่นับวันจะมากขึ้นกว่าเก่าทิ้งไปแต่ก็ทำไม่ได้ เขายอมรับว่ามีความสุขกับเรื่องบนเตียงที่ทำร่วมกับชณัฐ แต่ถึงอย่างนั้น..คนอื่นก็ให้เขาได้เหมือนกัน
   
เขาเลยเฝ้าถามว่าอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายแตกต่างจากคู่ควงคนก่อนๆจนทำให้เขาต้องมานั่งทบทวนตัวเองอยู่อย่างนี้และก็ได้คำตอบในที่สุด..ชณัฐต่างจากคนอื่นทุกอย่าง
   
เขาได้จากเจ้านั่นมากมาย ไม่ว่าจะด้านการงานหรือเรื่องส่วนตัว ไม่มีใครรู้ใจเขาเท่าชณัฐ และเขาก็ไม่เคยพึ่งพาใครมากเท่าชณัฐ

ตฤณยอมรับว่าอีกฝ่ายมีอิทธิพลกับชีวิตเขามาก กระทั่งที่ว่า ถ้าเขาขาดคนๆนี้ เขาจะต้องเคว้งคว้างและทำอะไรไม่ได้เหมือนคนที่ง่อยเปลี้ยเสียขา ขาดทั้งลูกน้องคนสนิท ขาดทั้งเพื่อนคู่คิด และคู่นอนที่ไว้ใจ
   
..เขากำลังวิตกกังวลและหวาดกลัว..
   
ที่ผ่านมา..ไม่เคยมีใครสามารถล่วงล้ำเข้าไปในหัวใจของเขามากถึงขนาดนี้มาก่อน เขาอาจจะมีคนควงไม่ซ้ำ บางรายอาจจะสนุกด้วยกันได้นานหน่อย แต่สุดท้ายก็ไม่ถึงเดือน..หากเวลาสองเดือนที่ผ่าน เขากลับไม่ได้ออกไปเที่ยวเตร่ ทั้งยังมีความสัมพันธ์ซ้ำๆกับคนใกล้ตัว
   
ชีวิตเสเพล คอยเปลี่ยนคู่ควงอยู่เรื่อยหายไป แต่เขาไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไรเลย

เขาเคยคิดว่าถ้าชณัฐเรียกร้อง งี่เง่า งอแง เอาแต่ใจ อาละวาดและโวยวาย ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของตัวเขาเหมือนกับคนที่ผ่านมา ตฤณจะไม่มานั่งแคร์แม้แต่นิด เขาคงสลัดเจ้าตัวทิ้งได้ในไม่ช้า เพราะกฎที่เขาตั้งไว้ในใจ คือความสัมพันธ์จะยุติทันที เมื่ออีกฝ่ายคิดจะจริงจัง

แต่ชณัฐกลับเรียบง่าย ยินยอมโอนอ่อนและให้เขาทุกครั้งไม่ว่าจะเรื่องอะไร ไม่เคยคิดติดตามหรือแสดงความหึงหวง ทั้งที่น่าจะเป็นเรื่องดี แต่เขากลับไม่สบอารมณ์เท่าไหร่

ตฤณอาจจะไม่พร้อมคบหากับใครอย่างคนรักเพราะชอบชีวิตอิสระ แต่พอมาตอนนี้ เขาอยากได้ยินอะไรก็ตามที่มากกว่าเซ็กซ์..ที่มีขึ้นเพื่อให้อิ่มไปวันๆ
   
ชายหนุ่มหันมองคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ด้านข้าง เขาค่อยๆล้มตัวลงนอนและคลี่ผ้าห่มขึ้นคลุมตัวเปล่าเปลือยให้ นัยน์ตาสีเข้มกวาดมองร่องรอยขบกัดที่ขึ้นสีแดงจ้ำตามตัว วันนี้เขารุนแรงกว่าปกติเพราะไม่สบอารมณ์กับการขัดคำสั่งเล็กๆน้อยๆ
   
ชณัฐปฏิเสธการไปทานมื้อเที่ยงกับเขาที่เชอราตัน อ้างว่าจะเคลียร์งาน แต่เมื่อเขาวกกลับเข้าบริษัทเร็วกว่าปกติ กลับเห็นอีกฝ่ายนั่งกินอาหารขยะอยู่กับผู้ชายอีกคน ทั้งพูดคุยกัน หัวเราะมุกตลกโง่เง่าด้วยกัน ทำตัวเหมือนเด็กวัยรุ่นที่เพิ่งจะหัดจีบกัน..ไร้สาระเป็นบ้า!
   
ทำไมล่ะ! ทั้งที่พวกเขามีความสัมพันธ์เกินเลยมาถึงขั้นนี้แล้ว เพราะอะไรถึงยังรักษาระยะห่างระหว่างกันอีก เขาก็แค่อยากจะตอบแทนความเสียสละของหมอนี่บ้าง แต่ดูราวกับว่าชณัฐจะทำตัวเหินห่างออกไปทุกที!..อยากให้เขาสับสนจนเป็นบ้าหรืออย่างไร!
   
..ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายไล่ตาม..
   
“คุณตฤณ..” ชณัฐปรือตาขึ้นมอง “กี่โมงแล้วครับ”
   
“สองทุ่ม” เขาโกหกคำโตเพราะไม่อยากให้เลขากลับบ้าน
   
ฝ่ายนั้นพยักหน้า ตั้งท่าจะหลับอีกแต่แล้วกลับลุกพรวดขึ้น คว้ามือถือมาดูเวลา
   
“จะห้าทุ่มแล้ว!” ชณัฐลนลาน “ผมต้องรีบกลั..!” ทั้งตัวถูกฉุดให้ล้มลงนอน
   
ตฤณกักร่างตรงหน้าไว้ด้วยสองแขน เขากดจูบข้างแก้ม ชณัฐยอมให้เขาแตะต้องไปเรื่อย กระทั่งกำลังจะจูบที่ปาก ฝ่ายนั้นก็ดันเขาเต็มแรง..เหมือนทุกครั้งที่เคยทำ
   
“จะหวงอะไรนักหนา!” เขาหัวเสีย นี่เป็นอีกเรื่องที่ไม่เคยเข้าใจเลย
   
“ขอโทษครับ..ผมแค่เหนื่อย” ชณัฐมองทางอื่น แต่แล้วกลับถูกจับคางให้หันกลับ “อื้อ!”
   
เพราะไม่ทันตั้งหลัก คนที่รออยู่ก่อนจึงสบโอกาสฉกฉวยรอยจูบจากคนด้านล่าง ร่างสูงบดคลึงและไล้เลียเรียวปากนุ่มไปมา ถึงอย่างนั้นก็ยังหาทางล่วงล้ำมากกว่านี้ไม่ได้ ชณัฐหลับตาแน่น พยายามผลักแผ่นอกแกร่งออกห่าง แต่ตฤณยิ่งโถมน้ำหนักลงมามากขึ้น
   
กว่าจะรู้ตัว ในร่างก็ถูกเติมเต็มด้วยกลิ่นอายและตัวตนของเจ้านายจนไม่อาจปฏิเสธแล้ว
   
“ไม่..พอเถอะครับ” ชณัฐดันไหล่กว้าง หากสุดท้ายก็ถูกรวบมือไว้ ช่วงขาก่ายเกยอยู่บนข้อพับแขนขณะที่สะโพกสอบเคลื่อนไหวเข้าหาเขาหนักหน่วง “อ..อืออ..”
   
“ทำไมถึงไม่ให้ผมจูบ” ตฤณกระซิบถาม เขาขบกัดยอดอกที่บวมแดง ทั้งยังวกริมฝีปากขึ้นกัดที่ซอกคอขาวด้วย ต่อให้ถูกห้ามก็เถอะ ถ้าเขาจะทำ ใครก็หยุดไม่ได้!
   
ชณัฐเม้มปากแน่น ไม่ยอมเปิดให้ล่วงล้ำ ตฤณขบกรามกรอด จงใจกระแทกตัวเข้าลึกจนอีกฝ่ายร้องคราง ตอนนั้นเองที่เขาก้มลงฉกจูบก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปกวาดต้อนตามไรฟัน
   
ร่างที่เล็กกว่าใจหายวาบ รู้สึกเหมือนหัวใจจะหลุดออกมาด้านนอกเมื่อคุณตฤณจูบเขาไม่หยุด ฝ่ามือหนาลูบไล้แผ่นหลังเปลือยระหว่างที่เอียงใบหน้าเข้าใกล้ อีกฝ่ายคลึงเคล้าริมฝีปากบนและล่าง รุกไล่ลิ้นอุ่นในโพรงปากจนเขาเผลอสนองตอบอย่างเงอะงะ
   
ตฤณยิ้มอย่างลิงโลด เขารู้สึกถึงอารมณ์ที่พุ่งสูงกว่าเก่า และเมื่อโน้มลงกอด ปล่อยให้ตัวแนบชิด ทั้งยังขยับร่างไปพร้อมกับนอนจูบกัน เขาก็ยิ่งรู้สึกว่านี่คือสิ่งที่เขาต้องการมาตลอด
   
..มันไม่ได้เป็นแค่การปลดปล่อยความใคร่..แต่มันคือการ ‘ร่วมรัก’..
   
..และเขาก็ทำกับคนตรงหน้านี้..ได้แค่คนเดียว..

.

.

.


“ปล่อยเถอะครับเจ้านาย..” ชณัฐขืนตัวออกจากอ้อมกอดหนักๆ 

“ทำไมต้องปล่อย” ร่างสูงมุ่นหัวคิ้ว

เขากำลังอารมณ์ดีอยู่ แต่พอได้ยินคำนี้ทีไรเป็นต้องหงุดหงิด เมื่อไหร่ณัฐจะเลิกเรียกเขาด้วยคำห่างเหินแบบนี้สักที แต่ถึงไม่พอใจมากแค่ไหนก็ต้องเงียบเอาไว้ เขายังไม่อยากจะเอาเรื่องเล็กน้อยมาเป็นเหตุให้ทะเลาะกันหรอก 

“ผมอยากกลับบ้าน”   

“ที่บ้านมันมีอะไรดี” ตฤณรู้ว่าชณัฐมีน้องชายคนหนึ่งชื่อ ชนม์..แต่หมอนั่นโตเกินกว่าจะต้องมานั่งดูแลกันแล้ว คนที่สมควรถูกปกป้องคือพี่ชายที่ดูเหมือนน้องคนนี้ต่างหาก

ชณัฐส่ายหัว พยายามแกะมือที่กอดตัวเขาแน่นออก เขาไม่อยากจะใกล้ชิดกับเจ้านายมากไปกว่านี้ ทุกครั้งที่ได้มีอภิสิทธิ์อยู่เหนือคนอื่น มันก็ทำให้เขาอดคาดหวังไปเองไม่ได้
   
..อยู่ใกล้..แต่เอื้อมไม่ถึงใจ..มันทรมานยิ่งกว่าการเฝ้ามองอยู่ห่างๆเสียอีก..
   
เขาไม่รู้ว่าทำไมพักหลังคุณตฤณถึงดูแปลกไป บางทีก็เหมือนจะยอมรับฟังและห่วงใยเขามากผิดปกติ แต่ในบางครั้งก็ขี้โมโหและหาเรื่องชวนทะเลาะจนเขาเหนื่อยใจ

..จะอย่างไรก็ตามเถอะ..ถ้าไม่คิดอะไรด้วยก็อย่าให้ความหวังกันเลย..

“พรุ่งนี้วันเสาร์ คุณจะรีบกลับทำไม” ตฤณกระชับอ้อมแขน “หยุดทั้งทีก็อยู่กับผมเถอะณัฐวันจันทร์ผมต้องไปดูงานที่อังกฤษ กว่าเราจะได้เจอกันก็อีกหลายวันเลย”

ชณัฐเม้มปากแน่น อยากถามแต่ก็ไม่กล้า..ที่เจ้านายอยากให้เขาอยู่ด้วย เพราะต้องการเฉพาะร่างกายของเขา หรือมีเหตุผลอย่างอื่นกัน “พรุ่งนี้ผมนัดชนม์ไว้..” เขาพึมพำ

“นัดทำไม แล้วนัดกี่โมง”

“มีธุระต้องไปต่างจังหวัดนิดหน่อยครับ..” เขาตอบเลี่ยงๆ “สักสิบโมงก็ออกแล้ว”

“ไปกันแค่สองคน หรือมีคนอื่นด้วย? แล้วจะไปยังไง..” ตฤณซักไซ้ไล่เรียงเหมือนอีกฝ่ายเป็น ‘คนรัก’ ของเขาก็ไม่ปาน “จะกลับกันเมื่อไหร่ ธุระอะไร สำคัญมากหรือเปล่า”

“ธุระสำคัญมากครับ ผมจะไปชลบุรีกับน้องแค่สองคน ไปรถตู้กัน..”

“ผมจะให้คนขับรถของผมไปส่ง” บางที..เขาอาจจะได้ไปด้วย

“อย่าเลยครับ ไม่อยากรบกวน” เขาหลุบตาลง “ปล่อยได้หรือยังครับ”

ตฤณถอนหายใจ เขาคงต้องรุกตรงๆ “ไม่คิดจะชวนกันสักคำ?”

ชณัฐเม้มปากแน่น “ไม่ครับ ผมเกรงใจ”

คนฟังเริ่มฉุนขึ้นมา “ระหว่างเรายังต้องมีคำว่าเกรงใจอีกหรือณัฐ! ทำไมคุณไม่เรียกร้องเอาจากผมให้มากกว่านี้ ขอสิ! ผมจะให้ทุกอย่างที่คุณอยากได้ อย่าทำห่างเหินกันไปหน่อยเลย!”

“ผมไม่อยากได้อะไร” ชณัฐเบือนหน้าหนี หึ..ถ้าเขาขอ ‘ความรัก’ คุณตฤณจะให้เขาได้หรือเปล่า จะยอมหยุดทุกอย่างที่เขาหรือเปล่า..เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ

“คุณคิดว่าระหว่างเราสองคน..มันคืออะไร”

“เจ้านายกับลูกน้องครับ” เขาตอบทันควัน

“ดี! ถ้าอย่างนั้นลูกน้องก็ต้องฟังคำสั่ง พรุ่งนี้ให้ยกเลิกนัดกับชนม์ซะ แล้วไปปากช่องกับผม เราจะไปหาของอร่อยๆกินกัน ผมเบื่อที่จะต้องไปไหนมาไหนเองคนเดียวเต็มทนแล้ว!”

ชณัฐส่ายหัว “ขออนุญาตขัดคำสั่งครับ..เจ้านาย”

ตฤณไม่สบอารมณ์ นี่เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายขัดขืน แต่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่เขาบีบบังคับเอาแต่ใจ ช่วยไม่ได้..เขารู้สึกว่าชณัฐพยายามตีตัวออกห่าง แล้วเรื่องอะไรเขาจะยอมง่ายๆเล่า!

..เขาจะไม่ยอมสูญเสียคนตรงหน้าไป..ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม..

“ถ้าคุณไม่บอกเหตุผลดีๆมา ผมจะจับคุณมัดกับเตียงตอนนี้..เดี๋ยวนี้”

ชณัฐถอนใจแผ่วเบา “พรุ่งนี้เป็นวันครบรอบวันตายของพ่อกับแม่เรา ผมกับชนม์จะไปไหว้พวกท่านทุกปี..เหตุผลนี้สำคัญพอหรือยังครับ..เจ้านาย”

ตฤณชะงัก เขาเงียบไปครู่หนึ่ง “ขอโทษ..ผมไม่รู้มาก่อน เสียใจด้วยนะ”

“ไม่เป็นไรครับ” ชณัฐลุกขึ้นนั่ง “ผมขอกลับบ้านก่อน พรุ่งนี้อยากจะใส่บาตรแต่เช้าด้วย ไม่เกินเจ็ดโมงพระก็หมดแล้วครับ”

“ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตีห้า พรุ่งนี้ผมจะไปส่ง” เขาบอก “..แล้วก็จะไปชลบุรีกับคุณด้วย”

“แต่..” ชณัฐอึกอัก

“ไม่มีแต่ณัฐ..” ตฤณจูบแผ่วเบาบนหน้าผากเนียน “ผมปล่อยคุณโบกแท็กซี่กลับไปเองตอนนี้ไม่ได้ และผมก็ไม่มีแรงจะขับรถไปส่งแล้วด้วย”

“ผมไม่อยากรบกวน..”

“เชื่อเถอะ..ว่าผมเต็มใจทำยิ่งกว่าอะไร” เขาดึงตัวเลขามานอนซบอก “ให้โอกาสผมบ้าง”

ชณัฐแทบจะหยุดหายใจไปชั่วขณะ เขาถูกบังคับให้เอนตัวลงแนบแผ่นอกแข็งแรง เสียงหัวใจที่เต้นตึกดังเป็นจังหวะระรัวอยู่ภายใน เขาไม่อยากจะให้ความหวังตัวเอง

..แต่ก็เผลอคิดไปไกลเกินจะห้ามปรามตนเสียแล้ว..


...................................................................................
 

เสียงมือถือที่สั่นครืดอยู่ข้างตัวทำให้ชณัฐปรือตาขึ้นมอง เขาป่ายมือไปกดปิดพร้อมกับรู้สึกว่าช่วงเอวมีแขนของใครบางคนพาดคา เมื่อหันไปก็เห็นคุณตฤณนอนเอาหน้าซุกแผ่นหลังเขาอยู่
   
ชายหนุ่มร้อนวูบ เขาค่อยๆยกช่วงแขนหนักออกห่าง เจ้านายขยับเพียงนิดแล้วพลิกตัวนอนหงายอย่างเคยนิสัย แผ่นอกกว้างที่เปลือยเปล่าสะท้อนแรงหายใจขึ้นลง
   
ชณัฐเพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อคืนพวกเขาไม่ได้สวมเสื้อผ้ากันเลย “บ้าชะมัด..” หยิบแว่นมาใส่พลางปรับสีหน้าของตนให้เป็นปกติทั้งที่แก้มยังแดงเรื่อ เขามีปฏิกิริยากับคุณตฤณรุนแรงเกินไปแล้ว

มือถือถูกตั้งปลุกไว้ตอนตีสี่..ซึ่งเป็นเวลาที่อีกฝ่ายกำลังหลับสบาย เขาไม่อยากกวนเลยค่อยๆลุกไปจัดแจงตนเองให้เรียบร้อย หลังจากแต่งตัวเสร็จ คุณตฤณก็ยังไม่ตื่น
   
“คุณตฤณครับ..” เขากระซิบ “คุณไม่ต้องไปส่งผมก็ได้ ตอนสายๆจะเข้ามาหานะครับ ถ้าคุณยังอยากไปไหว้พ่อกับแม่ผม..” ชณัฐเก้อเขิน “..ก็รอผมนะ”
   
ตฤณขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาส่งเสียงในลำคอคล้ายกับว่ารับรู้แล้ว “อืม..”
   
คนมองเผลอยิ้มตาม จะว่าไป..นับครั้งได้เลยที่เขาเปิดเผยความรู้สึกออกมาทางสีหน้า เขากำลังมีความสุข และถ้าเป็นไปได้ เขาก็อยากจะอยู่ข้างคุณตฤณแบบนี้ตลอดไป
   
..แต่ก็รู้ดีว่าไม่ควรจะหวังมากเกินตัว..
   
ชณัฐโบกแท็กซี่กลับบ้านตอนใกล้จะตีห้า ชนม์รอเขาอยู่ก่อนแล้วเพราะพวกเขาตั้งใจจะใส่บาตรให้พ่อกับแม่ก่อน จากนั้นค่อยไปหาซื้อของไหว้และนั่งรถตู้ไปชลบุรีด้วยกัน
   
“ผมนึกว่าพี่จะมาสายๆ” ชนม์ตักข้าวใส่โถ เขาตื่นขึ้นมาทำอาหารที่พ่อกับแม่ชอบสักสองสามอย่าง ไม่ได้เป็นเรื่องยากอะไรนักสำหรับผู้ชายที่ต้องพึ่งพาตนเองมานาน
   
ชณัฐส่ายหัว “ก็สัญญาแล้วนี่”
   
“เจ้านายพี่ไม่มาด้วยหรือไง” ร่างสูงถาม “ไหนเมื่อคืนโทรบอกว่าเขาจะไปกับเรา”
   
คนอายุมากกว่ากระแอมแก้เก้อ “เขาจะไปชลบุรีด้วย แต่พี่ไม่ได้ปลุกให้เขามาใส่บาตร”

คุณตฤณไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่ยังเด็ก เท่าที่รู้จักกันมา เขาไม่เคยเห็นฝ่ายนั้นเข้าวัดหรือทำบุญสักครั้ง จะให้ตื่นมาใส่บาตรด้วยกัน คงเป็นอะไรที่แปลกไม่น้อย ไม่มีเจ้านายกับลูกน้องที่ไหนเขาทำกันหรอก..อีกอย่าง..เมื่อคืนคุณตฤณก็ไม่ค่อยได้นอนด้วย ให้หลับจนเต็มอิ่มจะดีกว่า
   
“ผู้บริหารอะไรตื่นสาย” ชนม์แสร้งว่า “แบบนี้จะวางใจให้ดูแลพี่ผมได้เหรอ”
   
“เงียบเถอะน่า” ชณัฐหน้าแดง ทุกความเป็นไปของเขา ชนม์จะล่วงรู้เสมอ พวกเขาสองพี่น้องไม่มีอะไรปิดบังกัน แม้กระทั่งเรื่องที่ชนม์แอบชอบคุณตรี..น้องชายคุณตฤณตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นมัธยม เขาเองก็รู้มานานแล้ว แต่ไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายเท่านั้น
   
“แล้วนี่เขาจะขับรถไปให้จริงๆเหรอ แน่ใจนะว่านัดกันเรียบร้อย”
   
“ถ้าเขาไม่ลืมนะ พี่ไม่อยากคาดหวังเท่าไหร่..” ชณัฐยิ้มจาง “คนอย่างพวกเรา ได้แค่นี้ก็คงพอแล้วล่ะชนม์..หวังมาก มันก็เจ็บมากเท่านั้นเอง..”

.

.

.


ตฤณตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนเกือบจะสิบโมง เขาหลับไม่ค่อยสนิทนักเพราะมัวแต่พะวงว่าชณัฐจะหนีกลับบ้านไปก่อน มาเผลองีบอีกทีก็ตอนตีสามกว่าแล้วเลยนอนยาว
   
“ณัฐ..” เขาเหลียวมองรอบตัว ใจหายวาบเมื่อนึกขึ้นได้..วันนี้เขาสัญญาว่าจะพาหมอนั่นไปชลบุรี ที่ร้ายกว่านั้น..เขาบอกว่าจะพาชณัฐไปส่งตั้งแต่เช้ามืดเพื่อจะใส่บาตรด้วยกัน แต่เขาก็นอนเพลินและลืมทุกอย่างเสียสนิท “โธ่เว้ย!”
   
ร่างสูงลุกพรวดจากเตียง รีบจัดการธุระส่วนตัวด้วยความเร่งรีบ เขาคว้ากางเกงขายาวมาสวม ยังไม่ทันติดตะขอก็มีเสียงออดจากข้างนอก
   
“ณัฐ..” ตฤณรีบเดินไปเปิดประตูออกกว้าง แต่กลับต้องชะงักไป
   
หญิงสาวที่รู้จักมักคุ้นกันดีในช่วงหนึ่งยืนยิ้มหวานให้ เสื้อผ้าของเธอดูไม่ค่อยจะเรียบร้อยนัก ทั้งยับย่นและขาดเป็นแนวตรงชายกระโปรง เธอไม่ได้สวมถุงน่อง หนำซ้ำยังถือรองเท้าส้นสูงไว้คู่กับกระเป๋าสะพายอีก ที่ร้ายกว่านั้น..เขาได้กลิ่นเหล้าเหม็นฟุ้งจากตัวเธอ
   
“ฮาย..ตฤณ” เธอโผเข้ากอด
   
“โรส..!” ชายหนุ่มมุ่นหัวคิ้ว รีบดึงตัวเธอออกห่าง “คุณมาทำไม”
   
“ฮึ! ได้ใหม่แล้วลืมเก่า” เธอยกแขนขึ้นคล้องคอ “มารำลึกความหลังกันดีกว่าน่า”
   
“กลับไปเถอะโรส เราเลิกกันไปนานแล้วนะ”
   
“ช่าย~ ฉันรู้..แต่ฉัน..ไม่..กลับ”
   
ตฤณหันซ้ายขวา เขายื้อตัวอดีตคู่ควงออกแต่ไม่ได้ผล เลยจำต้องลากเธอเข้ามาในห้องแทน “ผมกำลังจะออกไปข้างนอก คุณกลับไปก่อนได้มั้ย มีอะไรค่อยคุยกันวันหลัง”
   
“อะไรกันคะ..” เล็บยาวกรีดลงร่องอกอวบ “ไม่อยากทานข้าวต้มตอนเช้าหน่อยหรือ”
   
“ชวนแฟนชาวสิงคโปร์ของคุณเองสิ”
   
“เชอะ! ใจร้ายชะมัด” โรสเดินเป๋เข้าไปในห้องนอน “ของีบหน่อยนะ แล้วจะไป”
   
ร่างสูงส่ายหัว ปล่อยเธอลงนอนเกลือกกลิ้งกับเตียง เขาพยายามจะฉุดแขนเธอขึ้นมา แต่โรสก็ทำตัวอ่อนปวกเปียก ดูเธอยังไม่สร่างเมาเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าดีแล้วที่มีสติจนมาถึงคอนโดของเขาได้โดยไม่ขับรถไปประสานงากับชาวบ้านชาวช่องเสียก่อน
   
ตฤณรีบคว้าเชิ้ตมาสวม พอเขาหันมาอีกทีก็เห็นว่าผู้หญิงขี้เมาคนนี้นอนห่อตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ข้างเตียงมีเดรสสีแดงเพลิง เสื้อในและกางเกงในตัวจิ๋วถูกถอดกองอยู่ แย่กว่านั้น..เธอกำลังถ่ายรูปเซลฟี่ของตัวเองด้วย นี่มันเป็นวันนรกแตกสำหรับเขาจริงๆ! 
   
“คุณทำบ้าอะไรน่ะ!” เขารีบเก็บเสื้อผ้าเธอขึ้นมาแล้วลากตัวออกจากที่นอน
   
“ถามมาได้..ก็มันอึดอัด..ฉันเลยแก้..ผ้า”
   
“ผมหมายถึงรูปที่คุณถ่าย!”
   
“แปลกอะไรล่ะ..คุณก็รู้นี่ว่าฉันชอบแบบนี้..”
   
ชายหนุ่มขยี้ผมตัวเองอย่างเหนื่อยใจ เขาหยิบนาฬิกามาสวม เดินไปเดินมาหากระเป๋าเงิน และมือถือที่ชาร์จแบตอยู่ข้างเตียง สายป่านนี้แล้ว..เขาคงต้องรีบไปหาชณัฐที่บ้าน
   
“คุณต้องกลับบ้านนะโรส ผมไม่มีเวลามาเล่นด้วย”
   
“ลากฉันสิ..” เธอโยนมือถือทิ้ง คว้าหมอนมากอดทั้งยังขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอย่างมีความสุข
   
ตฤณสบถในลำคอ เขาตัดสินใจปล่อยเธอทิ้งไว้และวางคีย์การ์ดสำรองไว้ที่หัวเตียง
   
“ดูห้องให้ผมด้วย ตกลงมั้ย! ถ้าผมกลับมา มีอะไรหายไปแม้แต่ชิ้นเดียวล่ะก็..”
   
“ไปๆ ฉันจะนอน” เจ้าหล่อนบ่นอุบ “แฮงก์เป็นบ้า..”
   
เขาส่ายหัว หยิบกุญแจรถแล้วก้าวยาวๆออกจากห้องนอน เขาแง้มประตูไว้เผื่อฉุกเฉิน เพราะโรสดูจะไม่มีสติเท่าไหร่นัก ถ้าเธอแค่นอนหลับอย่างเดียวก็ดี หวังว่าคงไม่กระโดดตึกเล่น
   
ตฤณโทรหาชณัฐ..แต่ดูเหมือนปลายสายจะให้ฝากข้อความอย่างเดียว
   
“รับซะทีสิณัฐ!” เขากดปุ่มลิฟท์รัว นี่ก็สิบโมงครึ่งแล้ว..ไม่รู้ว่ายังรอเขาอยู่หรือเปล่า
   
..โง่ชะมัดเลยเรา..

.

.

.



ชณัฐก้าวลงจากมอเตอร์ไซค์ของชนม์ พวกเขาไม่ได้เอาของอะไรมาเยอะ ก็แค่ของไหว้ไม่กี่อย่างที่ใส่ถุงกระดาษมาเท่านั้น “รอพี่ก่อนนะ ขอขึ้นไปตามคุณตฤณ..เดี๋ยวมา”
   
“โทรหาเขาสิ ใช้ของผมก็ได้” ชนม์ยื่นมือถือให้ใช้แทนเครื่องของพี่ที่แบตหมด ดูเหมือนว่าพี่ณัฐจะลืมที่ชาร์จไว้ในคอนโดคุณตฤณ..บื้อจริงๆ แบบนี้คนอื่นก็รู้หมดว่าพี่มาค้างกับเจ้านาย
   
“ไม่เป็นไร วิ่งไปแป๊บเดียว” เขาส่งหมวกกันน็อคให้ก่อนรีบเดินไปกดลิฟท์ที่อยู่ในอาคาร
   
ชณัฐกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังห้องชุดขนาดใหญ่ที่อยู่ชั้นบนสุดของตึก เขาจัดการรูดคีย์การ์ดที่มีติดตัวไว้ สำหรับคอนโดที่นี่ ชณัฐได้เซ็นชื่อเป็นผู้ร่วมอาศัยตั้งแต่ที่ได้มาทำหน้าที่เลขา เพราะเขาต้องเข้าออกทุกวันด้วยมีหน้าที่สารพัดอย่าง แทบไม่ต่างจากคนใช้ประจำตัว
   
“คุณตฤ..ณ..” ชายหนุ่มชะงักกึกเมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้วพบอดีตคู่ควงของเจ้านายในสภาพที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนสั้นพันตัว เธอนั่งไขว่ห้างอยู่ปลายเตียง
   
“อ้าว..หนุ่มแว่น” โรสยิ้มหวาน ยกผ้าเช็ดตัวขึ้นเช็ดผม เธออาบน้ำอุ่นจนหายเมาค้างแล้ว “ไปไงมาไงล่ะจ๊ะ..ว่าแต่เราไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะ”
   
“คุณโรส..” ชณัฐนิ่งอึ้ง รู้สึกว่าปลายเท้าชาดิกไปหมด เขากวาดตามองไปยังกองเสื้อผ้าของเธออย่างรวดเร็ว มันค่อนข้างจะยับ..ซ้ำถุงน่องนั่นก็ขาดเป็นรอยด้วย “มาได้ยังไงครับ”
   
“มาเมื่อเช้านี่เอง” เธอยิ้ม หลิ่วตาให้ “เมื่อคืนฉันเมาหนักไปหน่อย ตอนเช้าเลยแวะมาหาตฤณ..หาอะไรสนุกๆทำเล็กน้อยตามประสาคนคุ้นเคย” เจ้าหล่อนหัวเราะคิกคัก
   
เขารู้สึกว่าในลำคอแห้งผาก เหงื่อออกจนมือเปียกชุ่ม “คุณตฤณล่ะครับ”
   
“อ๋อ..เขาบอกว่ามีธุระด่วน เล่นกับฉันเสร็จก็ชิ่งไปเลย ใจร้ายชะมัด!” โรสยักไหล่ เธอยื่นมือถือให้อีกฝ่ายดูรูปๆหนึ่ง “เธอว่าภาพนี้โอเคหรือยัง..จากมุมนี้รู้ไหมว่าเป็นตฤณ”
   
ชณัฐเผลอหยุดหายใจไปเสี้ยววินาที ภาพตรงหน้าถ่ายไล่ลงไปจากมุมของหญิงสาว เห็นชัดตั้งแต่เนินอกกึ่งเปลือยที่มีผ้าห่มคลุมหมิ่นเหม่ เรื่อยไปยังต้นขาอวบและเรียวขาเปล่าเปลือย บริเวณปลายเท้าของเธอปรากฏร่างสูงใหญ่ที่สวมกางเกงขายาวเพียงตัวเดียวทั้งยังไม่ค่อยจะเรียบร้อยนัก ขณะที่ช่วงบนของชายหนุ่มไม่ได้ใส่อะไร.. 
   
จะให้เขาคิดเป็นอื่นได้อีกหรือ..ในเมื่อทั้งสองเคยมีความสัมพันธ์กันมาก่อน เพียงแค่เธอมาหาถึงห้อง คุณตฤณที่เคยยืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงนิสัยรักสนุกก็อาจจะเต็มใจตอบรับก็ได้
   
“หมั่นไส้ยัยจีจี้ ชอบอ้างว่าตฤณไปนอนด้วย แหม..ตกกระป๋องแล้วยังปากเก่ง ฉันจะเอาไปแกล้งยัยนั่นบ้าง!” เธอหัวเราะ “ถ้าหล่อนโทรหา ก็ช่วยยืนยันความจริงด้วยล่ะ!” ที่จริงเธอไม่ได้หวังในตัวตฤณเหมือนแต่ก่อนแล้วเพราะมีคู่ควงคนใหม่ แต่ลูกผู้หญิงหยามกันเรื่องนี้ไม่ได้หรอก!
   
ชณัฐเม้มปากแน่น กลั้นน้ำตาที่เอ่อคลอไม่ให้ร่วงลงมา
   
..บอกแล้วไงเจ้าโง่..เพราะว่าคาดหวัง..มันเลยเจ็บหนักกว่าเดิม..
   
“ว่าแต่..หนุ่มแว่นช่วยไปซื้อถุงน่องให้ฉันหน่อยได้มั้ย พอดีมันขาดน่ะ..” เธอยักไหล่ “อีตาบ้านั่นใจร้อนชะมัด ฉันยังไม่ทันถอดอะไรเลยก็ฉีกซะขาดแคว่ก! มันแพงนะ!”
   
ชายหนุ่มเบือนหน้าหนี เขาเดินอย่างเหม่อลอยออกไป ไม่สนใจอีกคนที่ร้องเรียกกัน
   
..พอหรือยัง..สำหรับความรู้สึกทั้งหมดที่ทุ่มเท..





หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nigiri-sushi ที่ 07-06-2015 21:45:03

Last Chapter



ตฤณติดต่อชณัฐไม่ได้ทั้งวัน เขาเลยมารออยู่หน้าบ้านฝ่ายนั้นจนกว่าเจ้าตัวจะกลับ ที่จริงเขามาอีกทีพรุ่งนี้ก็ได้ แต่ตฤณไม่อยากเสียเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกัน มะรืนนี้เขาต้องไปดูงานต่างประเทศ อยากจะให้ชณัฐไปด้วย แต่หมอนี่ยืนยันว่าจะอยู่เคลียร์เอกสารให้เสร็จ ก่อนหน้า..เขาเคยคิดจะลดงานของณัฐ หากเจ้าตัวไม่ต้องการอภิสิทธิ์ใดทั้งสิ้น และจะไม่พอใจมากถ้าเขาคิดทำแบบนั้น

..ทำไมคนที่เขาอยากจะให้ กลับไม่ยอมเรียกร้องอะไรจากกันเลย..

ถ้าณัฐคิดจะไปจากเขา ตฤณก็ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาเหนี่ยวรั้งกันไว้ได้ งาน? เงิน? หรือตัวของเขา? ชายหนุ่มเริ่มไม่แน่ใจในความสำคัญของตนเองแล้ว..เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน

..แต่มันก็เป็นความวิตกกังวลที่แสนหวานเหลือเกิน..

ตฤณเผลองีบไปในรถเพราะนั่งรออยู่ข้างนอกไม่ไหว ยิ่งดึก ยุงก็ยิ่งชุม มาสะดุ้งตื่นอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงเปิดประตูรั้วเมื่อตอนห้าทุ่มเศษ “ณัฐ!..”
   
ร่างสูงยิ้มกว้าง ก้าวลงจากรถแล้วตรงเข้ารั้งแขนหนึ่งในเจ้าของบ้านเอาไว้ ผู้ชายตัวใหญ่อีกคนเพียงแต่ปรายตามอง ชนม์ไม่พูดอะไรออกมาและเป็นฝ่ายเข้าบ้านไปก่อน
   
“ผมขอโทษนะณัฐที่ผิดสัญญา..ผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”
   
ชณัฐส่ายหัวปฏิเสธ “อย่าห่วงเลยครับ..แต่ก่อนคุณก็เป็นแบบนี้นี่นา”
   
..เห็นความสำคัญของผมน้อยกว่าใคร..
   
คนฟังยิ้มออกมาได้ เขาดึงตัวอีกฝ่ายมากอดแนบอก “ถ้าอย่างนั้นก็กลับห้องกันเถอะ พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปเที่ยว อยากกินอะไ..” เขานิ่งไปเมื่อชณัฐดึงแขนกลับอย่างนุ่มนวลที่สุด

“ปล่อยเถอะครับเจ้านาย..มันไม่เหมาะ” 
   
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน “อะไรคือไม่เหมาะ”
   
“เจ้านายกลับไปเถอะครับ ผมจะนอนที่นี่” ชณัฐเลี่ยงไปเข้าบ้าน แต่คนด้านหลังกลับเดินตามไม่ลดละ คุณตฤณผลักประตูรั้วที่เขากำลังจะปิดแล้วแทรกตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว
   
“ถ้าคุณไม่กลับ คืนนี้ผมก็จะนอนด้วย” เขาใช้ลูกตื๊อแบบที่ไม่เคยคิดว่าจะทำ หวังว่าจะได้เห็นใบหน้าที่แดงเรื่อจางๆและท่าทางใจอ่อนอย่างที่เคยเป็นมา..แต่คำตอบกลับไม่ใช่
   
“ไม่ครับ” คนตัวเล็กกว่ายืนยันเสียงเรียบ “ผมอยากพักผ่อน”
   
ตฤณนิ่งค้าง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แล้วก็ตีความได้ว่าชณัฐอาจจะยังโกรธอยู่ “นี่..อย่างอนผมไปเลยณัฐ..มาง้อแล้วไง” ร่างสูงดึงตัวอีกคนเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
   
หากปฏิกิริยากะทันหันของเลขาคนสนิทคือการผลักตัวเขาอย่างรวดเร็ว ชณัฐก้าวถอยหลัง นัยน์ตามีแววสับสนแต่แล้วก็กลับนิ่งขึงอีกครั้ง วางท่าเย็นชาราวกับไม่ได้เป็นอะไรกัน
   
“กรุณาอย่าใช้คำนั้นครับ..ผมไม่ใช่ผู้หญิง”
   
“โอเค! ไม่งอนก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็โกรธ” ตฤณเดินตามเข้าไปในบ้าน

“ผมไม่ได้โกรธครับ..ไม่มีสิทธิ์จะโกรธคุณด้วยซ้ำ” ชณัฐถอนใจแผ่วเบาแต่คนด้านหลังกลับได้ยินชัดเจน คุณตฤณดูไม่พอใจนักเลยเข้ามาคว้าข้อมือกันไว้แน่น

“อะไรคือไม่มีสิทธิ์?” เขาจ้องคนที่เบือนหน้าหนี “คุณมีสิทธิ์ยิ่งกว่าคนอื่นๆอีก รู้มั้ย!”

“ขอร้องอย่าทำให้เรื่องมันใหญ่โตเลยครับเจ้านาย มันไม่มีอะไรจริงๆ คุณกลับไปเถอะ”

“เลิกเรียกผมว่าเจ้านายซะที!” ตฤณเสียงดัง “คุณพยายามจะกันผมออกห่างด้วยคำนี้ ผมอุตส่าห์ทนฟังมาตลอด แต่วันนี้ต้องคุยกันให้รู้เรื่องแล้ว! ไหนจะเรื่องไม่มีสิทธิ์บ้าบออะไรนี่อีก!”

ชณัฐเดินหนีทันที แต่ก็ได้แค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้นเพราะร่างสูงกระชากแขนเขากลับแล้วดันตัวชิดผนัง ใบหน้าคมเข้มโน้มลงใกล้ กดจูบหนักหน่วงที่ปาก เขาตกใจอยู่ครู่หนึ่ง พอได้สติก็ผลักอกอีกคนออก คุณตฤณมองกลับด้วยความโมโห ตั้งท่าจะก้มจูบอีกครั้งแต่ถูกดันบ่าใหญ่สุดแรง

“พอทีเถอะครับ! ผมไม่อยากทำอีกแล้ว!!” เขาร้อง หยดน้ำตาคลอเบ้า “ผมขอยกเลิกเรื่องที่เคยตกลงไว้! ผมไม่อยากมีอะไรกับคุณอีก! เราต่างคนต่างอยู่เถอะครับ!!”

“คิดจะหวงไว้ให้ใครล่ะ!” ตฤณโกรธจนพลั้งปาก “ผัวอยากนอนกับเมีย ผิดตรงไหน!”

“คุณตฤณ!!” นัยน์ตาสีอ่อนเบิกกว้าง เจ้านายไม่เคยพูดคำแบบนี้เลยสักครั้ง

ก่อนจะได้โต้เถียงอะไรกันอีก เสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น ชณัฐเดินหนีไปรับสายท่ามกลางสายตาคมกริบที่จ้องมองอย่างไม่ยอมลดละ “ขอโทษนะเพชร พอดีมือถือแบตหมด” เจ้าตัวพึมพำ  “ติดต่อเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้มาเจอกันที่เดิม..” เขาชะงักเพราะคนด้านหลังคว้าโทรศัพท์ออกไปฟัง

“คุณตฤณ! คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ..อื้อ!”

ตฤณกักตัวเลขาของตนไว้ในอ้อมกอด ฝ่ามือใหญ่ปิดปากอีกคนจนแน่น เขายอมทำเรื่องบ้าๆเพราะไม่พอใจในกิริยาลับล่อเหมือนมีความลับ และเมื่อฟังเสียงจากอีกทาง เขาก็ยิ่งเดือดจัด

‘แล้วพี่ณัฐล่ะครับ..จะลาออกจริงๆเหมือนอย่างที่พูดหรือเปล่า’ ทางนั้นถอนหายใจ ‘ขอพูดเอาแต่ใจหน่อยเถอะครับ ถ้าพี่ไม่มีความสุขเวลาอยู่กับคุณตฤณ..พี่ก็ไปพร้อมผมเลย’

ตฤณขบกรามกรอด ตะคอกใส่ปลายสายด้วยความโกรธจัด รู้สึกเลือดขึ้นหน้าจนแทบจะพังข้าวของได้ทั้งแถบ “ณัฐไม่มีทางหนีฉันไปหาไอ้เด็กเมื่อวานซืนอย่างนายหรอก! จำใส่หัวไว้!”

ร่างสูงกระแทกหูโทรศัพท์ลงกับเครื่องก่อนหันมาเล่นงานคนใกล้ตัว ชณัฐพยายามแกะมือเขาออกเมื่อถูกลากขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านแต่ชายหนุ่มจับแขนแน่น เมื่อขัดขืนหนักเข้าเลยรวบตัวขึ้นอุ้มอย่างรวดเร็ว

“ถ้าคุณยังไม่เลิกดิ้น ผมจะโยนคุณลงจากบันได!”

ชนม์เปิดประตูห้องออกมาเพราะได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน เขารีบเดินเข้ามาหวังจะช่วยพูด หากแต่เจ้านายของพี่ห้ามเด็ดขาดด้วยสายตาดุดัน เขาเลยจำใจปิดปากเงียบ

“เรามีเรื่องต้องคุยกันตามประสาคนรัก! คนนอกไม่เกี่ยว!”

“คุณตฤณ!!” ชณัฐร้อง “ผมไม่ใช่คนรักของคุณนะ!”

“หึ..คนมีอะไรกันตั้งนาน บอกไม่ใช่คนรักแล้วจะให้เรียกอะไร หรือจะให้เรียกผัวเมีย?”

“ผม..ไม่..!” ไม่ทันได้ต่อว่า ทั้งร่างที่เล็กกว่าก็ถูกโยนลงกับที่นอน แว่นที่สวมตกพื้น

ตฤณไม่ยอมให้เสียเวลา เขากดล็อคประตูห้องแล้วตามเข้ามาลากตัวคนที่เชื่องช้ากว่าปกติเพราะมองไม่ถนัดนัก ถ้าในเวลาอื่นเขาก็คงจะเอ็นดูอยู่หรอก แต่ไม่ใช่ตอนนี้แน่!

“อย่าเปลี่ยนเรื่องนะณัฐ!” เขาเสียงดัง คว้าไหล่ลาดแน่น “ไอ้คนที่โทรมาเป็นใคร!”

ชณัฐนิ่วหน้า เขาถูกตรึงกับฟูกจนขยับตัวแทบไม่ได้ “ไม่ใช่เรื่องของคุณ!”

“ณัฐ!!” ตฤณตกใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายแสดงท่าทีแข็งกร้าวกับเขาเป็นครั้งแรก ทั้งที่แต่ก่อนยอมโอนอ่อนและมีแต่เรื่องของเขาเป็นอันดับหนึ่งตลอดเวลาแท้ๆ จะให้เขาตีความว่าอะไรได้! “สาเหตุที่คุณไม่เหมือนเดิมกับผม เพราะไอ้ผู้ชายคนนั้นใช่มั้ย! ตอบมาณัฐ! มันเป็นใคร!”

“เพชรไม่เกี่ยว อย่าดึงเขาเข้ามายุ่ง!” ชณัฐดันบ่ากว้างเต็มแรง “พอทีเถอะคุณตฤณ ผมทนไม่ไหวแล้วนะ! คุณคิดว่าผมโง่มากนักหรือไง ผมอาจจะทนได้นาน แต่ไม่ใช่ตลอดไป!!”

“คุณพูดบ้าอะไร!”

“ผมเหนื่อย! ได้ยินมั้ยว่าผมเหนื่อย!” คนที่เคยกล้ำกลืนมาตลอดเป็นฝ่ายระเบิดอารมณ์

ชณัฐตะโกนใส่ทั้งน้ำตาที่ไหลไม่หยุด “คุณจะอยากได้อะไรจากผมอีก เท่าที่ทำให้มันไม่พอหรือไง! ผมไม่อยากเป็นตัวตลกหรือคู่นอนของคนอย่างคุณอีกแล้ว”

“ทำไม! อยู่กับผมนี่มันหนักหนาขนาดนั้นเลยเหรอ ทรมานใจซะจนคิดอยากจะลาออก หวังจะหนีหน้ากัน! แล้วที่วิ่งไปหาชู้ล่ะ..ไม่เหนื่..!”

กำปั้นหนักๆกระทบเข้าเสี้ยวหน้าได้รูป ตฤณนิ่งอึ้ง ความชาเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดที่พุ่งเข้าบีบรัดจนเขาแทบหายใจไม่ออก..เจ็บที่หัวใจ..รุนแรงกว่าเจ็บที่ร่างกายหลายเท่า

ชณัฐเองก็ตกใจไม่น้อยที่พลั้งมือไป คุณตฤณอาจจะเจ็บ..แต่เขาที่เป็นคนทำร้ายคนที่ตนเองเฝ้าหลงรักมาหลายปีกลับเจ็บกว่ามากนัก..แต่เขาจะไม่ใจอ่อนซ้ำซาก!

“ออกไปจากบ้านผมเถอะคุณตฤณ คุณไม่ใช่เจ้านายของผมอีกแล้ว..ไม่ใช่เจ้านายทั้งตัวผม..ทั้งใจผม..” ชณัฐปล่อยน้ำตาไหลเงียบๆ “คุณไม่รู้จักพอ..ผมวิ่งตามคุณไม่ไหวแล้ว”

ตฤณมองด้วยสายตาตัดพ้อ “ตั้งใจจะพูดอะไรกันแน่”

“ผมเหนื่อยที่จะต้องมารักคุณข้างเดียว”

ร่างสูงใหญ่ชะงัก รู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ..เขาได้ยินไม่ผิดใช่ไหม

ชณัฐร้องไห้อย่างยอมแพ้ ทุกความในใจที่กักเก็บไว้ถูกปลดปล่อยออกมาจนหมด

“ผมรักคุณ..คุณตฤณ! ผมมองแค่คุณมาตลอด ผมรู้ว่ามีปัญญาทำได้แค่แอบรักคุณ แต่รู้มั้ยว่าช่วงที่เราได้อยู่ด้วยกัน ผมเผลอคิดว่าคุณอาจจะหันมาที่ผมบ้าง แต่ก็ไม่ใช่เลย ผมโง่เอง..ทั้งที่เตือนตัวเองไว้แล้วว่าต้องไม่หวังเกินตัว..ผมก็ยังโง่อยู่ดี”

“ณัฐ..” ตฤณเพิ่งได้สติ เขากำลังจะบ้าตายเพราะหัวใจเต็มอิ่มไปด้วยความสุขจนล้น

..ชณัฐรักเขา!..ชณัฐรักเขาจริงๆ!..

“ผมเกือบหวังไปจนหมดใจแล้ว แต่วันนี้ผมถึงรู้ว่าคุณไม่เคยเปลี่ยน..” ชณัฐยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา “ถ้าการยุ่งเกี่ยวกับใครไปทั่วเป็นความสุขของคุณ..คุณก็ไปเถอะ..”

“ณัฐ..” คนเป็นเจ้านายเขย่าตัวฝ่ายตรงข้ามเบาๆ “คุณพูดอะไร ใจเย็นๆแล้วคุยกันก่อน”

คนที่เอาแต่ร้องไห้พยายามหันหนี หากเมื่อคุณตฤณเสียงดังใส่และจับตัวไว้ มืออีกข้างแตะปลายคางให้มองหน้ากัน ชณัฐก็ได้แต่เงยขึ้นสบดวงตาสีนิลที่ทอแววอ่อนโยนอย่างที่สุด

“ณัฐ..ขอร้อง..ผมตามเรื่องทุกอย่างไม่ทัน เพราะมัวแต่หยุดนึกคำที่คุณบอก..”

ตฤณดึงเจ้าตัวเข้ามากอด “คุณรักผมจริงๆใช่มั้ย..ช่วยพูดอีกครั้งหน่อย”

“ไม่ครับ..เพราะผมไม่อยากจะรักคุณอีกแล้ว”

“ผมไม่ให้คุณเลิกหรอก” ตฤณยิ้ม จูบหน้าผากอีกฝ่าย “รู้มั้ยว่าเพราะอะไร..”

ชณัฐเม้มปากแน่น นิ้วถูกรวบขึ้นแล้วดึงไปวางไว้บนอกด้านซ้ายของเจ้านาย เขานิ่งเงียบ เงยหน้ามองอย่างตกใจเมื่อคุณตฤณก้มลงกระซิบข้างหู

“เพราะผมเองก็รักคุณ..”

“ไปโกหกกับคนอื่นเถอะครับ ผมไม่คิดจะเชื่อคุณหรอก” คนฟังสวนกลับทันที

“ณัฐ..ผมอาจจะรู้ตัวช้า” ตฤณส่ายหัว “แต่ผมก็ ‘รัก’ คุณ”

“ไม่จริง” เขาท้วง น้ำตาคลอ “คุณโกหก..อย่าล้อเล่นกับความรู้สึ..อื้อ!” ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างเมื่อคนด้านหน้ากดจูบลงมาอย่างรวดเร็ว

ตฤณไม่รอให้อีกคนขัดขืน เขารวบมือทั้งสองไว้แล้วบดคลึงเรียวปากนุ่มอย่างถือสิทธิ์ เมื่อขบกัดเบาๆ ฝ่ายนั้นก็ร้องประท้วง สบโอกาสให้แทรกปลายลิ้นอุ่นเข้าไปด้านใน

ชณัฐขยุ้มอกเสื้อของเจ้านายจนยับ ปลายนิ้วสัมผัสได้ถึงแรงเต้นกระหน่ำบริเวณตำแหน่งหัวใจของอีกฝ่าย เขาร้อนวูบ ไม่อยากจะปล่อยใจให้เชื่อ..แต่ปฏิกิริยาที่เกิดมันโกหกไม่ได้

“ขอร้องเถอะครับคุณตฤณ” เขาอ้อนวอนอย่างจนหนทาง “ถ้าไม่จริงจัง..ก็อย่าล้อเล่น”

“ให้ตายสิณัฐ..” ชายหนุ่มยกมือขึ้นขยี้ผมอย่างเหนื่อยใจ “ทำไมต้องระแวงกันขนาดนี้ด้วย สองเดือนที่ผ่านมาคุณยังไม่เชื่อกันอีกเหรอ ผมไม่ได้มีใครอีกนะ..โอเค! เวลามันอาจจะน้อย แต่คุณก็รู้จักผมมาหลายปี สำหรับผู้ชายสำส่อนแบบผม ถ้าทิ้งสันดานเก่าไม่ได้จริงๆผมจะทนทำไม”

“สองเดือนก่อนหน้าคุณไม่มี แต่วันนี้คุณมี!”

ตฤณชะงัก “อะไรนะ?”

ชณัฐกัดปากจนซีด “เมื่อเช้าผมไปหาคุณที่ห้อง ผมเจอคุณโรส..”

ร่างสูงนิ่งไปอีกพักแล้วก็สบถออกมา “บ้าเอ๊ย..เรื่องนี้นี่เอง”

“ยอมรับแล้วใช่มั้ยครับ ทำไมต้องทำเป็นลืมด้วย”

ตฤณถอนหายใจอย่างหมดแรง “ใช่..ผมเจอโรสเมื่อเช้า เธอเมามา บอกให้กลับก็ไม่ยอม ผมเลยต้องพาเธอเข้าไปข้างใน โรสมาใช้เตียงผม ทำตัวเพี้ยนๆ ไม่ยอมกลับห้อง ถอดเสื้อผ้ากองเกลื่อนไปหมด แต่ผม..ไม่..ได้..มี..อะไร..กับ..เธอ..” เขาเน้นชัดเจน ดวงตาแน่วแน่

“เธอเอาภาพให้ดู..” ชณัฐท้วง “เธอไม่ได้สวมอะไร แล้วคุณก็ไม่ได้ใส่เสื้อ....”

คนฟังตบหัวตัวเองไปครั้งหนึ่ง..เขาว่าแล้ว โรสทำพิษใส่เขาจนได้

“เธอมากดออดตอนผมกำลังแต่งตัวน่ะสิ ผมก็รีบเปิดประตูรับเพราะนึกว่าคุณ..”

“แต่..” เขามีท่าทางลังเล

“ถ้าไม่เชื่อนะณัฐ..พรุ่งนี้เราจะไปขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดบนชั้นของเรา พิสูจน์กันไปเลยเพราะเรื่องมันเกิดหน้าห้อง แล้วก็จับเวลาที่ผมพาเธอเข้าไป กับตอนที่ผมออกมา” ตฤณยืนยันเสียงหนักแน่น “คุณก็รู้..ต่อให้ผมทำเวลาให้เร็วแค่ไหนก็ไม่มีทางงาบคู่นอนแล้วเสร็จออกมาใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยภายในห้าหรือสิบนาทีหรอก..”

ใบหน้าคนฟังเป็นสีแดงเข้ม ใช่..ข้อนั้นเขารู้ด้วยตัวเอง

ตฤณสังเกตปฏิกิริยายอมรับฟังของเลขาหัวดื้อแล้วได้แต่ลอบถอนใจ แต่ถึงชณัฐจะยอมเชื่อเขา มันก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าเจ้าตัวต้องการจะลาออกไปพร้อมกับคนชื่อเพชรอะไรนั่นหรอก!

“ตาคุณเคลียร์แล้ว..ที่รัก”

“ผมไม่ใช่ที่รักของคุณนะครับ”

“อย่าเปลี่ยนเรื่อง..อธิบายมา ทำไมคิดจะลาออก และไอ้หมอนั่นเป็นใคร”

ชณัฐเม้มปากแน่น ตั้งท่าจะอมพะนำ แต่เมื่อคุณตฤณพลิกตัวขึ้นมาคร่อมเขาไว้ ก็มีแต่จะต้องพูดความจริงเท่านั้น “เพชรเป็นรุ่นน้องในแผนก..เขาอยากหางานใหม่ แต่ไม่รู้จะทำงานที่ไหน ตอนเขามาปรึกษา ผมก็เลยแนะนำบริษัทหนึ่งไปแล้วก็ลองติดต่อให้นิดหน่อยเท่านั้น”

“แล้วทำไมคุณถึงคิดจะลาออกตาม เพราะเรื่องที่เราผิดใจกันนี่น่ะเหรอ”

“ขอโทษครับ..” เขาก้มหน้า “แต่ผมไม่ได้จะทำจริง..แค่..น้อยใจเท่านั้น เลยพูดไม่คิด”

ตฤณยิ้มเหมือนคนเป็นบ้า เขาดึงตัวคนตรงข้ามมากอดไว้แน่น

“ดีแล้วที่ไม่ทำจริง..แต่ถึงอยากไป ผมก็ไม่มีทางปล่อยคุณหรอก”

ชณัฐก้มหน้านิ่ง หัวใจเขาเต้นแรงจนจุกหน่วง พูดไม่ออกทั้งยังหายใจลำบากอีกด้วย

..ฝันหรือเปล่า..ถ้าฝัน..ก็อย่าเพิ่งตื่นเลย..

“คุณไม่ได้โกหกผมใช่มั้ยครับ..เรื่องที่คุณ..ก็รัก..”

“มองตาผมสิณัฐ..” เขาแตะปลายคางให้อีกคนเงยหน้า ดวงตาสีดำสนิทจ้องตรง

..มันไม่มีร่องรอยของความลังเลแม้แต่น้อย..

“ทำไมคุณถึงรักผม..” ชณัฐเสียงสั่น พยายามกลั้นน้ำตา “ผมไม่มีอะไรจะให้คุณนะครับ”

“ยังต้องถามเหตุผลกันอีกเหรอ” เขายิ้ม จูบปลอบสองข้างแก้ม “อย่าถามว่าเพราะอะไรถึงรักคุณ..ควรจะถามมากกว่าว่า แล้วเพราะอะไร..ผมถึงจะไม่รักคุณล่ะ”

คนที่รอฟังปล่อยน้ำตาร่วง เขายกมือขึ้นเช็ดออกครั้งแล้วครั้งเล่าจนคุณตฤณต้องรั้งแขนเอาไว้ “ผมไม่อยากเชื่อ แค่สองเดือนคุณจะรักผมได้ยังไง คุณบอกเองว่าไม่คิดจะเปลี่ยน..”

ตฤณลูบหลังคนรักที่ขาดความมั่นใจของเขาแผ่วเบา พฤติกรรมแต่ก่อนของเขามันแย่น่าดู

“ใช่..แค่สองเดือนไม่ได้ทำให้ผมรักคุณ มันเป็นแค่สองเดือนที่ทำให้ผมเอะใจว่าทำไมผมถึงปล่อยคุณมาได้จนป่านนี้..แต่ความสัมพันธ์ของพวกเรามันเกินเลยกว่านั้นมานานหลายปีแล้ว”

“จริงหรือครับ”

ตฤณหัวเราะ “ตอนนี้ยังไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ผมมีเวลาอีกนานที่จะทำให้คุณมั่นใจ..”

..ใช่..เวลาทั้งชีวิตเลยด้วย..

ชณัฐหลับตานิ่ง เผลอยิ้มออกมาด้วยหัวใจที่เต้นรุนแรง หากจะให้เชื่อความรู้สึก..ก็ต้องบอกว่าเขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากอ้อมกอดของคุณตฤณอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

จะเป็นอะไรไป ถ้าจะลองฟังหัวใจของตนอีกครั้ง ต่อให้มันเป็นเสียงที่โง่เง่าเท่าใด มันก็ยังเป็นเสียงในใจของเขาอยู่ดี ละทิ้งเหตุผลซะ แล้ววิ่งตามความรู้สึกของตนอย่างที่เคยทำมา

..ถ้ารักแล้ว..ก็อย่าได้กลัวเลย..

“คุณตฤณครับ..” ชณัฐอุบอิบ เหลือบดูคนที่ก้มมอง “ขอโทษที่ชกคุณ..เจ็บมากมั้ยครับ”

“พอตัว” ตฤณหัวเราะหึ “แต่ก็คุ้ม..ไม่ว่ากัน คุณก็แค่ต้องแก้ตัวด้วยการไปอังกฤษกับผมวันจันทร์หน้า” และยอมให้เขาลงโทษทุกคืนก็ถือว่าเสมอกัน

ชณัฐยอมตกลงอย่างเก้อเขิน “เอ่อ..คุณตฤณครับ”

“ว่าไง” เขาแอบใจชื้นเล็กน้อยที่ไม่ถูกเรียกว่าเจ้านาย

“ผมอยากได้แว่นคืน..ผมมองหน้าคุณไม่ชัด”

มีเสียงหัวเราะดังมาจากเจ้าของอ้อมกอดแข็งแรง เขายื่นแว่นสายตาคืนให้

“จะว่าไป..คืนนี้ตอนผม ‘กอด’ คุณใส่แว่นไว้ด้วยก็ดีนะ”

แก้มของคนฟังเป็นสีแดงจัดทั้งยังร้อนผ่าวจนแทบสุก

“ทุกอย่างที่คุณเห็น..มันจะได้ชัดเจนว่าเราสองคนรู้สึกยังไงต่อกัน”

..ไม่ได้มากมายเท่าไหร่..แค่ขาดไปไม่ได้เท่านั้นเอง..



FIN
 



ชีวิตประจำวันของชณัฐ

   
05:30 – ตื่นนอน ล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำ แต่งตัว
   05:45 – จัดเสื้อผ้าให้คุณตฤณ เตรียมผ้าเช็ดตัว บีบยาสีฟันใส่แปรง กรอกน้ำลงแก้ว
   05:50 – ปลุกคุณตฤณตื่น ผลักตัวไปเข้าห้องน้ำ กลับมาพับผ้าห่ม จัดเตียงให้
   06:00 – เตรียมอาหารเช้า แต่บางวันก็ค่อนข้างช้า เพราะมือปลาหมึก..
   06:30 – ทานมื้อเช้าพร้อมกัน บังคับให้คุณตฤณทานมากๆ วันไหนงอแง แทบจับบีบปาก
   07:00 – ออกจากห้อง (อย่าลืมจูบเอาฤกษ์เอาชัย)
   08:30 – เริ่มงานประจำวัน แต่ก็อยู่ในห้องคุณตฤณนั่นแหละ ถ้าออกนอกห้อง ต้องบอกก่อนทุกครั้งว่าจะไปทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ธุระกับใคร ใช้เวลานานมั้ย จะกลับมาเมื่อไหร่
   12:00 – ไปทานมื้อเที่ยงกับคุณตฤณ หรือซื้อมาให้ที่ห้อง ห้ามไปกับ(ผู้ชาย)คนอื่น ถ้าจำเป็นจริงๆต้องบอก หากโกหกและถูกจับได้ วันรุ่งขึ้นต้องลาหยุด (เพราะเอวเคล็ด..)
   13:00 – เริ่มงานช่วงบ่าย (อย่าลืมจูบเอาฤกษ์เอาชัย)
   17:30 – เลิกงาน ออกจากห้องคนสุดท้าย สำรวจไฟและอุปกรณ์ในบริษัท
   17:45 – กลับคอนโด บางวันมีคนขับรถ บางวันคุณตฤณขับเอง
   18:30 – อาจแวะเข้าห้าง ซื้อของสดทำอาหารกับของใช้ในห้อง ต้องไม่ลืมสำรวจว่าอะไรหมด คุณตฤณให้ซื้อแพ็คใหญ่ไปเลย รวมทั้ง..ถุงยางอนามัยด้วย (ถึงไม่ค่อยใช้ก็เถอะ)
   19:00 – ทานมื้อเย็นด้วยกัน ถ้าไม่ทำเอง ก็ทานในห้าง
   19:30 – ทำความสะอาดห้องครัว ล้างจานชาม ปอกผลไม้หรือคั้นน้ำผลไม้ให้ดื่ม
   20:00 – ดูหนังช่อง HBO
   22:00 – เข้านอน
   22:10 – รุ่มร่าม...
   23:00 – ยกที่สอง...
   01:00 – ได้เวลานอนจริงๆซะที....
 

.................................................................



สวัสดีจ้า ^^

เรื่องสั้นนี้เคยเขียนลงในบล็อกแต่ก็ดองไว้นานจนลืม มาสบโอกาสเหมาะอีกทีก็ตอนทำเรื่อง ‘แผนรักพิชิตใจ’  เลยตั้งใจไว้ว่าจะแถมเรื่องสั้นไปด้วย ไหดองเลยมาแตกเอาที่คุณตฤณกับเลขาแว่น

หลังจากหนังสือและเล่มแถมหมด เลยเอาเรื่องนี้มาลงในเว็บคร้าบ ต้องขออภัยมากมายน่อที่ช้าขนาดนี้ *2 ปีได้เลยนะเนี่ย เอิ๊กก*

อันนี้มีการเปลี่ยนแปลงตัวสะกดของ ‘ชณัฐ’ เนื่องจากลองไปหาดูแล้ว ‘ชณัติ’ เหมือนจะไม่มีความหมาย หรือมีแต่อาจหาไม่เจอ 555+ (จริงๆคือเอาชื่อนี้มาจากชื่อเพื่อนผู้หญิง แค่ตัดคำท้ายออกเท่านั้น ฮ่าๆ) ส่วนคำว่า ‘ณัฐ’ จะแปลว่า นักปราชญ์ อ่านความหมายแล้วก็เข้ากันดีกับคุณเลขา..แต่ดูท่าทางหนุ่มแว่นจะไม่เคยใช้สมองในเรื่องของความรักเลย..
   
อยากให้ลองฟังเพลง Foolish Beat ของ Debbie Gibson เป็นเพลงเก่าและคลาสสิคมาก เนื้อเพลงฟังเศร้าๆ (แต่เรื่องนี้จบแบบมีความสุขนะ >///<)
   
จบจากคุณตฤณ ยังมีอีก 2 เรื่องที่ตัวละครต่อกัน เพราะคุณตฤณมีน้องชายอีก 2 คน คือ คุณตรี กับคุณไตร (เอาให้ครบ 3 เลย 555+) แน่นอนว่าคุณตรีเป็นคู่ของชนม์ ส่วนคุณไตรที่ยังไม่ได้เอ่ยถึง ได้คู่กับใครสักคนในเรื่องนี้ ลองเดาดูน้า~ อิๆ

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 07-06-2015 22:20:44
ดีใจ อ่านจนลืม 555 ได้ใาอ่านจนจบ
ขอบคุณข้าวปั้นจ้า ขยัน นำเสนอเรื่องราว สนุก สนาน ระทม โหด ฮา  หลายๆ เรื่องมาให้ นักอ่าน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nimfadora ที่ 08-06-2015 01:29:17
ไตร... ทำไมชื้อคุ้นหว้าาาาาา
เพชรรึเปล่าที่จะได้คู่//เดามั่วสุด
อ่านตอนแรกๆ แอบตงิดอยุถึงชื่อนายเอก ว่าจำได้ว่าตอนอ่านในบล็อกเป็น ชณัติ
เปลี่ยนชื่อจริงๆด้วยสินะคะ 
คู่นี้เป็นอีกเรื่องที่ชอบมากๆเลยใน Hidden Love ของคุณข้าวปั้น
ในที่สุดไหคู่นี้ก็แตกแล้ววววว //พรากกกกกกกกส์
เป็นกำลังใจในการทุบไหใบต่อๆไปของท่านข้าวปั้นเจ้าค่ะ อุอุ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_dr ที่ 08-06-2015 02:03:21
ฮูย กว่าจะรู้ตัวนะคุณตฤณ
ต้องรอจนเหมือนจะเสียไปใช่มั้ยถึงได้เอะใจ
แต่ก็ลงเอยด้วยแล้วล่ะน๊าา ขอเดาว่าคุณไตรกับเพชรชิมิล่าาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 08-06-2015 10:14:39
กว่าจะสมหวังนะณัฐ ชอบทุกเรื่องทุกเรื่องเลนค่เลยค่ะ แต่พวกตอน hurt love ไม่กล้าอ่าน อินอ่ะ แค่เรื่ิองที่เพื่อนมาแย่งแฟนนี่เราองที่เพื่อนมาแย่งแฟนนี่ก็ไม่โอเคละ เศร้าเกิ๊น เรื่องพี่ใหญ่นี่ขอทำใจมีเวลาให้อิน กลัวนอดย์ตามอดย์ตามรื่องค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 08-06-2015 11:14:22
อ่านยาวตั้งแต่หน้าแรกเลย ชอบ Foolish Beat มากที่สุดละ ><
เรื่องอินเลิฟก็น่ารักทั้งสองเรื่องเลยย แต่จะมีคู่รณชิตกะจิรายุให้อ่านมั้ยอ่ะคะ น่าจะฮาดี อิอิ
เรื่องหอนั่นก็หลอนเชียว ตงิดๆ ตั้งแต่แรกละ -0-;;
แต่ hurt love 2 อ่านแล้วจี๊ดมาก อยากตบอิหนิงกะอิพัฒน์ สงสารปอ อันแรกยังไม่เท่าไร เจอตอนนี้เข้าไปทำเอาไม่กล้าอ่านอันที่ 3 เลย
ส่วนตอนหมา ตอนแรกก็นึกว่าพี่ใหญ่เป็นคน โดนหลอกเบย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: thelittlemaster ที่ 08-06-2015 15:25:22
สนุกมากเลยค่า

ชอบมาก  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 08-06-2015 18:06:27
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 08-06-2015 20:11:01
ชอบทุกเรื่องเลย T0T  เเละชอบเรื่องพี่ใหญ่กับเรื่องสุดท้ายเป็นพิเศษ


เรื่องพี่ใหญ่เศร้ามาก ซึ้งมาก เราที่เป็นทาสหมาทำใจอ่านเเทบไม่ไหวตอนท้ายๆ เเต่ประทับใจ

ส่วนเรื่องสุดท้าย ก็นะ ชอบเเนวนี้อยู่เเล้ว บอสกับเลขาประจำตัว

สงสารปอมากเลย ขอให้ปอสักตอน อ่านตอนนั้นละเกลียดชะนีอีกเเหละ ว่าเเล้วเชียว ตีท้ายครัวมันน่านัก อยากให้ปอเอาทุเรียนฟาดหน้าที่หญิงชายเลย (อินมากกก)

เรื่องจีนก็สงสาร คนที่ตายไปไม่เท่าไหรสงสารคนที่อยู่มาชดใช้กรรมนิสิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 08-06-2015 21:32:19
น่ารักน่าชังอย่าบอกใครเชียวณัฐเนี่ย อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 08-06-2015 22:27:45
กว่าจะลงเอยลุ้นซะ
ณัฐต้องเรียกเงินเดือนแพง ๆ นะ เจ้านายใช้คุ้มเหลือเกิน ทั้งกลางวันกลางคืน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยตัวกลม ที่ 09-06-2015 20:29:24
อ่านตอนพี่ใหญ่แล้วน้ำตาซึม
ทั้งเศร้าทั้งซึ้ง
สารภาพเลย อ่านตอนแรกนึกว่าพี่ใหญ่เป็นคน
เพิ่งรู้ตอนให้กินตับน้อยๆ แล้วก็ได้ป้ายห้อยคอนั่นแหละ

อ่านตอนปอก็เจ็บในอก
คนที่ไว้ใจร้ายที่สุดจริงๆ

คือแบบชอบทุกตอนอ่ะ
แต่ ณ เวลานี้ ประทับใจ 2 ตอนนี้ที่สุด
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: pp_psj ที่ 10-06-2015 23:53:47
แซบทุกเรื่องจริงๆ o13 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: natt lUcky ที่ 21-09-2015 00:26:46
ชอบทุกเรื่อง
บางเรื่องนี่น้ำตาคลอเลยจริงๆ
สนุกมากๆ เลยจ้า
ดีใจที่ณัฐสมหวังซะที อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 22-09-2015 21:48:08
ชอบธีมเพลงสากลเก่าๆ ของเรื่องสั้นชุดมากค่ะ แต่ละเรื่องทำเอาอ่านแล้วอินไปหมดเลย ที่ติดใจที่สุดคงเป็นเรื่องของพี่ใหญ่ คือมันเศร้านะ น้ำตาซึมเลย แต่พอนึกถึงน้องหมาที่รักและซื่อสัตย์กับเจ้าของ กับเพลง I want to hold your hand แล้วมันใช่เลย น่ารักมากๆ

ส่วนตัวละครที่ยังคาใจอยู่ที่สุดคือปอ จาก Sad Movie ปอเป็นคนดีและเข้มแข็งมาก อยากให้ปอเจอคู่แท้ของตัวเองบ้าง  :mew2:

รออ่านเรื่องต่อๆไป รวมถึงคู่อื่นๆ ที่บอกเป็นนัยๆ ไว้ใน Series นี้ด้วยน้า

ขอบคุณจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 23-09-2015 19:21:22
ตรงชีวิตประจำวันนี่ฮามาก มีรุ่มร่ามตอน 22.10 น่ารักอ่ะ 5555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: bluecoco ที่ 23-09-2015 23:14:14
  o13
สุดยอด สนุกทุกเรื่อง
พี่ใหญ่ทำเอาน้ำตาร่วง
บางเรื่องเล่นเอาหน่วง อีกเรื่องเล่นเอาหลอน
ตอนของคุณเลขาก็ลุ้นว่าจะจบแบบไหน...ดีใจที่ได้ฟินบ้างอะไรบ้าง
ยังไงก็จะขอติดตาใตอนต่อๆไปนะคะ
เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนค่ะ :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 23-12-2015 17:34:04
พอดีเพิ่งอ่านรวมเรื่องสั้นของคุณข้าวปั้นจบ เลยมาหากระทู้นี้อ่านต่อ มีเรื่องสุดท้ายที่ยังไม่ได้อ่าน เลยสนองเสียฉ่ำปอด เรื่องนี้สนุกมากเลยนะคะ ยอมรับว่าช่วงแรกอยากให้ณัฐดัดนิสัยผู้ชายคนนี้มากๆ แล้วก็ได้สมดังหวัง ฮ่าๆ สรุปแล้ว ชายเจ้าชู้ก็ตกล่องปล่องชิ้นกับเลขาคนรู้ใจจนได้ ยินดีกับณัฐด้วยนะจ๊ะ ที่เธอได้หมาจิ้งจอกตัวนี้มาคู่กาย สังเกตจากเวลาได้นอนก็รู้ ว่าคงถูกจับกินทุกคน ฮา

ขอบคุณจริงๆ ค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: dorazombie ที่ 25-12-2015 16:43:20
น่าสงสารตารางประจำวันของชณัฐจัง ...กว่าจะได้นอน  :haun4:

หมั่นไส้...พระเอกของข้าวปั้นได้กำไรตล๊อด ..ตลอด    :angry2: :serius2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 25-01-2016 01:17:30
ดีทุกเรื่อง ครบทุกรสชาติ

แต่ติดค้างในความรู้สึกมาก
ก็คือเรื่องที่มีหญิงร้ายชายเลว
ร่วมกระทำผิดอย่างให้อภัยไม่ได้
แต่ก็ยังลอยนวลเสพสุขกันต่อไป
สงสารก็แต่ปอที่ถูกกระทำทั้งสองทาง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 31-01-2016 12:06:37
ชอบทุกเรื่องเลยค่าาา มาต่อเถอะนะคะ รออยู่นะะะ  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 02-02-2016 05:36:40
ยังอ่านไม่หมด แต่มาเม้นท์ก่อน ร้องไห้ตรงพี่ใหญ่ โฮร อ่อนไหวกับน้องหมา พี่ใหญ่เท่มากกกก

เพิ่มเติม

สนุกทุกเรื่องเลยค่ะ ครบรสครบอารมณ์มากคุณnigiriนี่แต่งเรื่องสั้นเก่งจริงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 16-02-2016 14:48:30
สนุกทุกเรื่องเลยค่ะ บางเรื่องก็ยิ้มตาม บางเรื่อง อยากจะนั้งร้องไห้

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ╰Äρρłәßәѓѓÿ╮ ที่ 03-04-2016 02:22:44
Nigiri-Sushi ชื่อนี้รับประกันความดราม่าจริงๆ ไม่เคยทำให้ผิดหวังสักครั้ง  5555
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 09-05-2016 00:08:20
เต็มอิ่ม ครบรสมากค่ะ

แต่อินสุดคือปอ น่าสงสาร อยากจับญชคู่นั้นไปทิ้ง
ทำกันได้

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: BeautifulGirl ที่ 10-05-2016 19:33:07
สนุกมากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 12-06-2016 19:40:00
โอ้ยยยยย ดีมากกกก
คือดีทุกเรื่องๆ ฮืออออ
อ่านเรื่องน่ารักก็น่ารัก เรื่องเฮิร์ทก็เฮิร์ทเอี้ยๆ
เรื่องฮิดเด้นก็น่ารักประทับใจ พบ้าไปแล้ว
เล่มมีมั้ย จะซื้ออออออ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 13-06-2016 17:58:09
วันนี้อ่านได้หลายรสชาติเลย ชอบทุกตอนเลย แม้แอบน้ำตาซึมถึงขั้นไหลไปแล้ว คู่ของไตร   ตรี   ให้ไปตามอ่านที่ไหนน่ะต้องหาล่ะ  แล้วววววคู่ของพี่เรื่องนู้นที่ชอบเข้าวัดมีมะ อิอิ  แอบอยากให้อีกเรื่องที่นายเอกโดนทิ้งที่เพื่อนสนิทแย้งคู่ไปมีคู่จังเลย พี่ใหญ่น่ารักมากเลยแอบไปมีเมียมีลูกด้วยล่ะ  หลอนเลยกับอีกตอน  ชอบทุกตอนเลย^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 21-08-2016 03:56:39
ดองนาน ไหนคุณตรีคุณไตร  :katai4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nin@ ที่ 30-10-2016 07:32:11
สนุก​ทุก​เรื่อง... ​  รออ่าน คุณตรี คุณไตร อยู่​นะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: fayri1718 ที่ 03-12-2016 02:26:22
หลงเข้ามาค่า ชอบคู่ตฤณณัฐมาก น่าร้ากกกก รอคู่ชนม์ตรีนะค้า 555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mmacchiato ที่ 15-04-2017 21:23:00
เสียน้ำตาให้กับทุกๆเรื่องของคนแต่งจริงๆ :sad4:
 ขอบคุณที่แต่งเรื่องราวสนุกให้อ่านค่ะ จะรอสอยนะะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: yakkaru ที่ 17-05-2017 00:51:08
สนุกมากก ชอบเรื่องพี่ใหญ่ จีน แล้วก็เรื่องคุณตฤณ จริงๆสนุกทุกเรื่องแต่ชอบสามเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ โดยฉพาะเรื่องคุณใหญ่คือน้ำตามา...
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: hare21mrk ที่ 20-06-2017 21:15:20
งื้ออออออออออออออออออออออ หัวใจจะวายค่ะ  :-[
ชอบเรื่อง Foolish Beat มากกกกกกกกกกก!!
เป็นพล็อตแนวแอบรักที่เราชอบที่สุดเลยค่ะ ฟินมากกกกกก
โอ้ยยยย น้องณัฐเลขาคนเก่งที่รักเขาแทบตายแต่ก็ต้องทำเป็นเย็นชาสร้างกำแพงเพื่อป้องกันตัวเอง มันช่างน่าเจ็บปวดและสงสารนางมากๆ แต่การทำแบบนี้ดันทำให้เจ้านายทนไม่ไหว เผลอใจรักนายเอก งืออออออออ มันดีมากค่ะ ขอบคุณนะคะ อ่านแล้วฟิน มีความสุขขขขขขขขขขข

ส่วนอีกเรื่องที่ชอบรองมาก็คุณไปรฯเนี่ยแหล่ะค่ะ
เห็นแบบนี้นางหึงแรงเหมือนกันนะเนี่ย อิอิ

เรื่องอื่นๆก็ดีค่ะ เราไม่ถนัดสายดราม่า ชอบแนวแอบรักมากกว่า แต่ต้องแฮปปี้เอ็นนะ ไม่ชอบหน่วงตอนจบ (แต่ตอนกลางเรื่องหน่วงได้ ฮาาาา)

ขอบคุณนะคะ แต่งแนวนี้มากอีกนะคะ ชอบมากกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 21-06-2017 10:56:37
แอบหน่วงเบาๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Praykanok ที่ 23-06-2017 15:01:09
ครบทุกรสชาติจริงๆค่ะะะ
บางเรื่องก็หวาน บางเรื่องก็ดราม่าเรียกน้ำตา
บางเรื่องก็หลอนๆ บางเรื่องก็หน่วงจิต
เรื่องสุดท้ายของณัฐนี่น่าร้ากกกก ถึงเจ้านายจะบ่วงมากตอนแรกๆ 555
ตลกตอนชีวิตประจำวัน รุ่มร่าม ยกที่สอง นอนจริงๆ 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 11-08-2017 23:42:16
ชอบทุกเรื่องเลย

ขอบคุณค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 15-08-2017 17:44:45
อ่านเรื่องพี่ใหญ่น้ำตาไหลเป็นทาง  :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Lonely Love] I Want to Hold Your Hand [pg.1-2, 15/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: มาชิ มาชิ ที่ 28-09-2017 22:01:34
ชอบค่ะ มันเป็นมุมมองของความรักในแง่มุมต่างๆ เศร้าไปหน่อย ชีวิตไม่ได้ง่ายเนอะ ขอบคุณที่มาเขียนเรื่องดีๆเรื่อยๆ


คิดเหมือนกัยค้าาา นึกวาเป็นคน อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MacaroonCookie ที่ 29-01-2018 00:02:41
สนุกมากค่ะทุกเรื่องเลย  :mew6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 01-02-2018 09:57:12
ชอบทุกเรื่องค่ะ ดีที่ตอนสุดท้ายจบแบบHappy ไม่งั้นคงรู้สึกหน่วงมากแน่ๆ
ตอนพี่ใหญ่นี่เศร้าจริงๆ อุตส่าห์มีเจ้านายที่รักและดูแลอย่างดี แต่ก็อยู่ด้วยกันได้ไม่นาน :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nittanid33333 ที่ 01-02-2018 23:18:06
เจ้านายขาาาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 03-02-2018 21:16:29
 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 04-02-2018 01:25:26
อยากอ่านเรื่องกันต์ต่อจังค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 06-02-2018 07:08:58
 :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 11-02-2018 10:46:12
ชอบเรื่อง hidden love ถึงจะหม่นหน่อยๆแต่ก็แฮปปี้ ถึงคุณตฤณรู้ตัวช้าแต่ไม่เปงไลพี่ให้อภัย อิอิ ชอบเรื่องของรณพีร์ด้วยตลกดี555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 13-05-2018 19:57:18
ชอบเรื่องพี่ใหญ่ อ่านบนรถทัวร์ น้ำตาก็มาาาาา ตอนแรกไม่รู้พี่ใหญ่เป็นหมา
ซึ่งเราคนรักหมา เข้าใจเลย เค้ารักเรา ภักดีต่อเราจริงๆ พี่ใหญ่ช่วยจนนาทีสุดท้ายเลย
ความรักที่ยิ่งใหญ่ ดีตรงมีลูกไว้ให้ดูต่างหน้านี่ล่ะ

อีกเรื่องอีหนิงเพื่อนเลว อุ้ย อินไปนิด ผัวก็เลว เพื่อนก็เลว มันเอาไปจนได้เลยเนอะ
สงสารปอ แต่ดีแล้วล่ะ คนมันไม่ใช่ยังไงก็ไม่ใช่

เรื่องคุณเลขาก็แบบน่ารักนะคะ กว่าคุณเจ้านายเขาจะรู้ตัว รู้ใจ เรานี่ลุ้นกันจะแย่
ทำงานเกินเงินเดือนตลอดค่ะคนนี้

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hurt Love] Sad Movie [pg.1, 10/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 16-10-2018 16:34:06
"............................................................................
He said he had to work, so I went to the show alone.
They turned down the lights and turned the projector on.
And just as the news of the world started to begin,
I saw my darling and my best friend walking in.

Although I was sitting right there they didn'n see me.
And so they both sat right down in the front of me.
And when he kissed her lips then I almost died.
And in the middle of the colour cartoon I started to cry

Oh Sad movies always make me cry
........................................................................................."

เรื่องนี้สอนให้รู่ว่า
"เพื่อนเราเผาเรือน" (เพื่อนที่เป็นชะนี(บางคน)ไว้ใจไม่ได้)
"ตบมือข้างเดียวไม่ดัง"
ดีนะที่ปอรักตัวเองมากพอ จึงล้มไปไม่นาน ก็สามารถยืนขึ้นได้ด้วยตัวเอง และอยู่ได้ด้วยตัวเอง

ป.ล. ชอบจังที่ผู้เขียน(ซึ่งน่าจะเป็นคนรุ่นใหม่)ฟังเพลงเก่าๆ


ชอบจังเลยค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 17-10-2018 15:51:01
อ่านติดต่อยาวๆเลยค่ะ สนุกมากกกกกกกกกก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 08-12-2018 14:15:33
พวกบ้า! นึกว่าจะไม่ทำอีกแล้ว  :laugh: สงสารคนบนรถไฟร่วมตู้

ไว้ล่วงหน้าเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Love is All Around] I Don't Like To Sleep Alone [pg.1, 5/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 08-12-2018 14:34:03
ถึงจะดูสงสารคุณนิลแต่ก็แอบน่ากลัวอะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Love is All Around] Kiss Me Goodbye [pg.1, 6/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 08-12-2018 14:42:30
แง้ อ่านเรื่องนี้แล้วน้ำตาคลอ มันพาลจะไหลตลอดเลย  :hao5:

เหมือนทั้งคู่ต่างก็ชอบกันและรักกัน แต่มันก็เป็นไปไม่ได้อะ  :o12:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Lonely Love] I Want to Hold Your Hand [pg.1-2, 15/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 08-12-2018 15:14:31
 :sad4: น้ำตาไหลตาม ฮือ ปกติชอบหมาอยู่แล้ว ยิ่งได้อ่านเรื่อง

แบบนี้ยิ่งอ่อนไหวไปใหญ่ สงสารพี่ใหญ่ พี่ใหญ่น่ารักมากๆ

ดีมากๆ ด้วย เราเลี้ยงหมาทุกตัวเราก็รักเหมือนคนในครอบครัว

เหมือนกัน  แต่ละตัวที่ตายเราก็เสียใจมาก ร้องไห้ตามด้วย ฮือ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hurt Love] All I Have To Do Is Dream [pg.3, 24/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 08-12-2018 15:42:32
 :a5: ไม่รู้จะสงสารใครดี คุณเอกนี่ก็ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 08-12-2018 18:28:45
 :เฮ้อ: ลุ้นให้ณัฐลาออกไปซะหลายรอบ กว่าจะรู้ใจ เหนื่อยทีเดียว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าอ้วงงง ที่ 13-01-2019 03:13:20
สนุกทุกเรื่องเลยค่ะ  o13 o13 o13