ตอนที่ 36 ธัชดนัย“เฮ้ยยย! เบาๆสิวะ ตี้หลงระวังเด็ก!” ผมร้องเสียงหลงลอยตามมือพญามังกรที่เข้ามาขยุ้มต้นแขนและดึงผมอย่างแรงเข้าหาตัวมัน พร้อมกับประคองร่างเล็กของหลี่ผิงที่โผเข้ามากอดคอผมแน่นไปด้วย จนตกมาอยู่ในอ้อมกอดของคนหน้าบึ้งที่ก้มมองผมอย่างคาดโทษ
“มาติด ‘เด็ก’ อยู่ที่นี่จนลืมผมรึเปล่าครับ คุณธัช!” ไอ้ตี้หลงเรียกผมเสียงเข้มก่อนตวัดสายตาไปจ้องหลี่ผิงเขม็ง เด็กน้อยก็ไม่ยอมแพ้จ้องมันไม่ละเหมือนกันและเริ่มเม้มปากแน่นเหมือนรู้ตัวว่าสู้คนตัวโตไม่ได้ ก่อนหลี่ผิงจะโผเข้าซุกใบหน้าน่ารักเข้ากับซอกคอผมและรัดต้นคอผมจนแน่น ทีแรกผมเตรียมจะตวาดไอ้เด็กโข่งแล้วครับที่ทำเด็กน้อยร้องไห้ แต่ผมก็ต้องชะงักเพราะเสียงที่ดังลั่นจากซอกคอ
“ธัชชี่ของหลี่ผิง คนอื่นไม่มีสิทธิ์!!” ผมอ้าปากหวอละสายตาจากหัวทุยเล็กที่ซุกซบเงยหน้ามอง ‘คนอื่น’ ที่ก็ตกใจตาโตในแวบแรก ก่อนผมจะเห็นกองไฟเล็กๆในแววตาที่เริ่มก่อตัวขึ้น ไอ้ตี้หลงกระชับเอวผมเข้าหาตัวและเรียกชื่อผมด้วยเสียงลอดไรฟันออกมา เหมือนว่ามันกำลังขู่คำรามไม่มีผิด
“ธัชชี่! งั้นเหรอ เหอะ!” ไอ้ตี้หลงสบถใส่เด็กน้อยที่ไม่แม้แต่จะคลายมือจากคอผม หรือเงยหน้าขึ้นสบตาไอ้ผู้ใหญ่หาเรื่องเด็ก ผมเห็นแล้วก็นึกขำไอ้เด็กไม่รู้จักโตคนนี้จริงๆ ผมว่าไอ้ตี้หลงตอนเด็กๆคงเหมือนหลี่ผิงนี่แหละว่ามั้ยครับ แต่ก่อนที่จะมีผู้ใหญ่ทะเลาะกับเด็กนั้น หวางหลี่จวินคนพ่อก็ขัดขึ้นซะก่อน
“ตี้หลงไม่เจอกันนาน นายสบายดีมั้ย” ผมรู้สึกได้เลยว่าคนที่กอดผมอยู่เกร็งตัวขึ้นทันทีเมื่อได้ยินประโยคทักทาย ก่อนผมจะโดนจับให้มายืนด้านหลังไอ้ตี้หลง ทำให้นึกตงิดใจขึ้นมาว่าทั้งคู่คงไม่ได้เป็นมิตรต่อกันนัก และอาจจะถึงขั้นเป็นศัตรูกันด้วยซ้ำเพราะด้านหลังทั้งสองฝ่ายต่างมีบอดี้การ์ดร่างยักษ์ยืนเป็นกำแพงระวังภัยให้อยู่ ผมเหลียวมองรอบตัวก็ให้นึกกังวลเพราะในนี้มีเด็กน้อยถึงสองคน ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกลัวว่าเด็กๆจะได้รับลูกหลงเข้า ซึ่งหนูน้อยเหมยอิงก็ยังอยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นพ่อและดูท่าจะตกใจไม่น้อย ร่างเล็กๆนั้นตัวสั่นเทากอดคอพ่อตัวเองแน่นเชียว
“ผมสบายดี และไม่คิดมาก่อนว่าวันนี้นายใหญ่แห่งตระกูลหวางจะมาเยือนอาณาจักรหยางด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นผมคงจะ ‘ต้อนรับ’ ได้ดีกว่านี้” ผมไม่เห็นหน้าไอ้ตี้หลงหรอกครับว่ามันจะแสดงสีหน้าแบบไหน แต่น้ำเสียงหนักแน่นจริงจังที่ได้ยินก็ทำให้รู้ว่ามันไม่มีแววขี้เล่นอย่างเคย จนนึกอยากเห็นหน้าตาของมันขึ้นมา และอยู่ๆใจผมก็เต้นแรงอย่างไม่มีสาเหตุจนนึกแปลกใจว่าตัวเองเป็นอะไร จนเผลอกอดร่างเล็กในอกแน่นขึ้น ทำให้พ่อหนูน้อยหลี่ผิงผละหน้าจากซอกคอมาจ้องหน้าผมเขม็งด้วยแววตาบ้องแบ๊ว
“ฮึๆๆ เฮียไม่ได้ต้องการให้เอิกเกริก แค่พาเด็กๆมาเที่ยวสวนสนุกที่ทันสมัยที่สุดในฮ่องกงก็เท่านั้น แต่ก็บังเอิญเจอ..... ‘คนสำคัญ’ ของนายเข้าโดยบังเอิญ และดูท่าทางหลี่ผิงและเหมยอิงจะ ‘ถูกใจ’ มิสเตอร์ธนอรรถย์มากซะด้วยสิ ใช่มั้ยครับหลี่ผิง” เด็กน้อยในอ้อมกอดคลี่ยิ้มกว้างให้ผมทันที ด้วยรู้ตัวว่าโดนขอความเห็นจากคนเป็นพ่อ ก่อนหลี่ผิงจะพยักหน้าให้อย่างช้าๆ ‘เด็กอะไร น่ารักและฉลาดเกินเด็กจริงๆ’ ส่วนคนที่ยืนบังผมไว้ก็เหยียดหลังตัวเกร็งขึ้นทันที ปฏิกิริยาทางกายของไอ้ตี้หลงทำให้ผมรู้ชัดว่าทั้งคู่คงเป็นศัตรูกันแน่ๆแล้วล่ะครับ ผมไม่น่ามาที่สวนสนุกเลยให้ตายสิ ไม่อย่างนั้นคงไม่เกิดเรื่องเขม่นกันระหว่างแก๊งแบบนี้
“ผมเตือนเฮียหลี่ไว้ก่อนเลยว่าอย่ายุ่งกับ ‘คนของผม’ ไม่งั้นอย่าหาว่าแก๊งหยางหลงเหยียนของเราหาเรื่องแล้วกัน!” สิ้นเสียงขู่คำรามกึกก้องของไอ้ตี้หลงแล้ว หลี่ผิงที่กำลังยิ้มอารมณ์ดีก็หันขวับไปมองต้นเสียงอย่างตกใจ และเริ่มเม้มปากแน่นพยายามข่มกลั้นความหวาดกลัวไว้ เท่าที่เด็กคนหนึ่งจะทำได้
จนผมนึกสงสารเด็กน้อยจึงยกมือลูบหัวลูบหลังให้อย่างปลอบโยน แววตาสั่นระริกที่แวววาวไปด้วยหยาดน้ำตาก็หันกลับมา ผมรีบคลี่ยิ้มหวานใส่ตาเด็กน้อยเพื่อให้คลายความหวาดกลัว และคำว่า ‘คนของผม’ ที่ได้ยินไอ้ตี้หลงพูดก็สะท้อนก้องไปมาอยู่ในหัวทำให้รอยยิ้มที่ส่งให้เด็กน้อยนั้นกว้างกว่าที่ตั้งใจไว้มาก แต่แล้วผมก็ต้องตกใจยิ้มค้าง เมื่ออยู่ๆร่างเล็กในอ้อมกอดก็ลอยหวือห่างจากตัว ทันได้เห็นหยาดน้ำตาที่หลี่ผิงพยายามกลั้นไว้กลิ้งลงตามแก้มใส แต่ไม่ได้ยินเสียงร้องไห้จากร่างเล็กแม้แต่น้อย ‘สมแล้วที่เป็นลูกพญามังกร’
“ไอ้ตี้หลง! เอา ‘เด็กกู’ คืนมา ดูสิร้องไห้เลย โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับ / ฮือออออ” เมื่อผมคว้าร่างเล็กคืนมาได้แล้วลูกมังกรกลับร้องไห้โฮกอดคอผมแน่น หลี่ผิงคงใจเสียและคงฝืนกลั้นความกลัวต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงปล่อยโฮออกมากับอกผมทันทีที่ผมกอดร่างน้อยได้
ส่วนไอ้ตี้หลงที่เข้ามาแย่งเด็กของผมก็เงียบกริบยืนนิ่ง ผมจึงเงยหน้าขึ้นมองและใจก็ร่วงไปอยู่ตาตุ่ม เมื่อเจอเข้ากับแววตาเรียบสนิทติดเย็นชาแบบที่มันไม่เคยใช้กับผมมาก่อน ไอ้ตี้หลงเป็นอะไรของมันทำไมถึงมองผมด้วยแววตาแบบนี้วะ ผมส่งสายตาให้แทนคำถาม นอกจากจะไม่ได้คำตอบแล้วมันยังใช้สายตาว่างเปล่ามองผมกลับคืน ก่อนหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับหวางหลี่จวินอีกครั้ง ผมบอกไม่ถูกเลยว่าตัวเองรู้สึกยังไงด้วยใจที่วูบโหวง และมีอารมณ์น้อยใจเข้าแทรกตามมาด้วยความรู้สึกกรุ่นๆในอก ไอ้ลูกหมาที่คิดว่าเป็นลูกไก่อยู่ในกำมือมาตลอด แต่วันนี้ดันมากล้าหือทำเมินใส่กันโดยไม่มีเหตุผล คิดเหรอว่าเจ้าของแบบผมจะยอมให้เมินกันง่ายๆน่ะ แต่ก่อนที่ผมจะได้สั่งสอนไอ้มังกรผยองนั้น ก็มีเสียงนุ่มๆดังขึ้นข้างตัวซะก่อน
“เฮียตี้หลงเกิดเรื่องอะไรขึ้น / หงส์น้อย!” ยังไม่ทันสิ้นเสียงของเฟิงหวงหนุ่มหน้าสวยเลย ก็มีเสียงจากฝั่งตรงข้ามเข้ามาแทรก ทำให้เจ้าของร่างโปร่งข้างกายผมชะงักก่อนหมุนตัวไปตามเสียงที่ดังขึ้น
ผมนั้นทันสังเกตเห็นแววตาวูบไหวของเฟิงหวง ก่อนมันจะกลับมาเรียบสนิทดังเดิมภายใต้ใบหน้าหวานติดเย็นชา เฟิงหวงนั้นก้มหัวเป็นการทักทายหวางหลี่จวินเล็กน้อย ส่วนพญามังกรตระกูลหวางก็คลี่ยิ้มละมุนจ้องหนุ่มหน้าสวยไม่กระพริบ และเสืออย่างผมก็มองออกว่าทั้งคู่ต้องมีเบื้องหลังอะไรบางอย่างอยู่แน่นอน ผมที่มัวแต่สังเกตคนทั้งคู่จึงลืมเลือนเรื่องขุ่นใจไปชั่วขณะ จนกระทั่งได้ยินเสียงเข้มออกคำสั่งกับน้องชายตัวเองดังขึ้นนั่นแหละ จึงมีโอกาสกลับมาสนใจเจ้าของแผ่นหลังกว้างของไอ้มังกรอวดดีอีกครั้ง
“เฟิงหวงพาเด็กนั่นไปส่งคืน เดี๋ยวนี้!” สิ้นคำสั่งพี่ชายแล้วเฟิงหวงก็หันมามองหน้าผมส่งสายตาสื่อสารให้รู้ว่าต้องทำตามคำสั่งพี่ชาย ผมจึงลูบหลังและเรียกชื่อเด็กน้อยในอ้อมกอดให้ได้รู้ตัว หลี่ผิงเงยหน้ามองผมพร้อมกระพือขนตาที่เปียกน้ำตา
ไปด้วย ผมนึกสงสารจับใจจึงไล้นิ้วเกลี่ยปลายขนตาที่เปียกชื้นให้ ก่อนกระซิบบอกเด็กน้อยให้รู้ตัว
“หลี่ผิงครับ เดี๋ยวอาเฟิงหวงพาไปหาปาปานะครับ คนเก่งต้องไม่ร้องไห้นะรู้มั้ย / เหอะ!!” อย่าคิดว่าผมไม่ได้ยินคำสบถของไอ้มังกรอวดดีนะครับ แต่ผมต้องทำเมินเพราะไม่อยากอารมณ์เสีย เดี๋ยวจะพาลระงับใจไม่อยู่กระชากหัวมังกรมาขอดเกล็ดต่อหน้าลูกน้องมันเข้า
ผมมองส่งร่างน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของเฟิงหวง ด้วยหลี่ผิงยอมให้คนหน้าหวานอุ้มเดินไปส่งหยางคนพ่อแต่โดยดี สายตาละห้อยของหลี่ผิงทำผมใจหายจนอยากเข้าไปกอดปลอบให้เด็กน้อยคลายเศร้า แต่ข้อมือผมก็ถูกยึดไว้แน่นจากไอ้มังกรหน้าบูด ที่ยืนนิ่งแต่ยังไม่ยอมหันมามองกัน จนผมต้องถอนหายใจแรงๆให้เจ้าตัวได้ยิน ส่งผลให้แรงยึดที่ข้อมือแน่นขึ้นพร้อมตาที่หรี่ลงของไอ้ตี้หลง และอยู่ๆก็เหมือนในหัวผมมีภาพหลอดไฟหัวกลมสว่างจ้าขึ้นมาจนอยากจะหัวเราะให้ลั่น เมื่อรู้ว่าไอ้ตี้หลงมัน ‘อิจฉา’ เด็กหลี่ผิงที่มีผมคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ลูกน้องมันจะรู้มั้ยว่าภายใต้ใบหน้าเคร่งขรึมติดดุเหมือนจะฆ่าคนได้นี้ มันเกิดจากสาเหตุอะไร แน่ะ! มีแอบเหล่ตามามองผมด้วย แต่พอไอ้ตี้หลงมันเห็นว่าผมจ้องอยู่ก็เบือนกลับทันที งานนี้ไม่รู้ว่าหลี่ผิงน้อยกับลูกหมาน้อยของผมใครมันเด็กกว่ากันสิหน่า ใจที่เคยรู้สึกวูบโหวงและคิดน้อยใจพลันสลายหายวับ เมื่อรู้สาเหตุของลูกหมาที่เลี้ยงไว้ว่าทำไมถึงแสดงนิสัยแย่ๆออกมาให้เห็น ผมคงต้องดัดนิสัยลูกหมาขนานหนักซะล่ะมั้ง
“ครั้งนี้ผมต้องขอบคุณเฮียหลี่ที่มาเยี่ยมเยียน แต่ครั้งหน้าผมว่าแจ้งเข้ามาสักนิดจะดีกว่า ทางเราจะได้ต้อนรับให้อย่างสมเกียรติ” เมื่อเฟิงหวงเดินหน้านิ่งกลับมายืนเคียงข้างเราแล้ว ไอ้ตี้หลงก็เอ่ยขึ้นเรียบๆกับพ่อลูกสองที่จูงลูกน้อยไว้ทั้งสองมือ หวางหลี่จวินละสายตาจากคนร่างโปร่งหันมาคลี่ยิ้มนิดๆให้คนพูดก่อนเอ่ยออกมา
“แค่นี้ตระกูลหวางของเราก็ได้รับเกียรติมากแล้ว ที่มี ‘คนสำคัญ’......อย่างนายน้อยทั้งสองของตระกูลหยางมาต้อนรับ แต่อยากให้รับรู้ไว้ว่าการมาครั้งนี้ของเฮียไม่ได้ต้องการมาหาเรื่องอะไร ก็แค่หวังว่าอาจจะได้เจอ ‘คนคุ้นเคย’ และก็สมหวังจริงๆ” สายตาเรียบนิ่งเอาจริงที่เคยต่อตากับไอ้ตี้หลงของหลี่จวิน เมื่อเอ่ยคำว่า ‘คนสำคัญ’ นั้นมีแววท้าทาย จนผมรู้สึกถึงรังสีพิฆาตที่แผ่มาจากตัวคนข้างกายได้เลย แต่หลี่จวินก็ทำเป็นไม่รับรู้ก่อนเบือนไปจ้องเฟิงหวงหนุ่มหน้าสวย เมื่อเอ่ยถึงคำว่า ‘คนคุ้นเคย’ ด้วยแววตาทอดอ่อนจนผมยังสังเกตได้ ซึ่งมันก็ตอกย้ำในสิ่งที่ผมคิดให้แน่ใจยิ่งขึ้นว่าระหว่างเฟิงหวงและหลี่จวินต้องมีสายสัมพันธ์บางอย่างที่ถักทอคนทั้งคู่ไว้
“เด็กๆได้เวลาหม่ำข้าวเย็นแล้ว เรากลับกันนะครับ หลี่ผิง เหมยอิง ลาอาตี้หลง ธัชชี่ กับอาเฟิงหวงก่อนเร็ว” ผมว่าผมฟังไม่ผิดนะที่หลี่จวินทอดเสียงอ่อนตอนเอ่ยชื่อเฟิงหวง แต่หูผมจะทำงานดีกว่านี้ถ้าไม่ได้ยินชื่อใหม่ที่เด็กหลี่ผิงตั้งให้จากคนพ่อน่ะ ยังดีที่เด็กหลี่ผิงและเหมยอิงยิ้มได้น่ารักจับใจผมเลยพยายามลืมๆความหมั่นไส้ที่เกิดกับตัวพ่อมังกรที่เอ่ยชื่อนี้ออกมา
เมื่อแววตาละห้อยหงอยของเจ้าของร่างเล็กโดนอุ้มจากคนเป็นพ่อจากไปแล้ว ผมก็โดนกระชากข้อมืออย่างแรงจากคนที่คุณก็รู้ว่าใคร ให้ต้องสับขาอย่างเร็วเพื่อก้าวตามไอ้กิ้งกือมันให้ทัน ใจจริงก็อยากตะคอกและกระชากมือกลับแต่ก็เกรงใจสายตาบรรดาลูกน้องและน้องชายของเจ้าพ่อใหญ่ จึงได้แต่ปล่อยให้มันทำตามใจจนมาถึงในรถที่จอดรอไว้พร้อมที่ด้านหน้า เทียบประตูใหญ่ของคาสิโนที่มีรูปสิงห์อ้าปากทั้งสองข้างฝั่งประตู ข้อมือผมที่โดนกำไว้แน่นตลอดทางถูกสะบัดออกก่อนที่ผมจะได้เล่นงานเด็กขี้อิจฉา ก่อนไอ้ตี้หลงจะนั่งหน้านิ่งคอแข็งมองตรงไปด้านหน้าไม่แลผมเลย ‘วุ้ย! เดี๋ยวนี้ลูกหมาที่เลี้ยงไว้มีการสะบัดขนใส่ไม่แลไม่ออดอ้อนเจ้าของแบบผมเหมือนเคยด้วย เห็นแล้วก็หมั่นไส้เดี๋ยวพ่อก็ตัดหางปล่อยวัดซะเลยนี่’ ผมจึงปิดปากสนิทไม่คิดตอแยนั่งกอดอกหลังพิงพนักและปิดเปลือกตาลง ผมคงต้องให้เวลาไอ้ตี้หลงและตัวเองให้อารมณ์เย็นลงกว่านี้อีกนิดแล้วค่อยคุยกันให้รู้เรื่องจะดีกว่า ขืนใส่กันตอนต่างฝ่ายต่างร้อนคงเละไม่มีชิ้นดีแน่ๆ เพราะผมเชื่อว่าไอ้ตี้หลงมันคงกำลังใช้ความพยายามระงับอารมณ์อย่างมากไม่ให้โวยใส่ผม ด้วยรู้ว่าผมก็คงไม่ยอมขืนมันโวยออกมาตอนนี้ ซึ่งคนอย่างนายน้อยของแก๊งหยางหลงเหยียนคงไม่มีความจำเป็นต้องเก็บอารมณ์อยู่แล้ว วัดได้จากใบหน้าของอาฟงที่โหนกแก้มแดงก่ำและมุมปากแตกยับที่ผมเพิ่งสังเกตเห็นก่อนขึ้นรถ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฝีมือใครถ้าไม่ใช่ไอ้มาเฟียเอาแต่ใจคนนี้
รถแล่นมาจอดหน้าคฤหาสน์ตระกูลหยางอย่างนิ่มนวล ทำให้ผมรู้ตัวว่าถึงจุดหมายแล้วจึงลืมตาที่ปิดมาตลอดทางขึ้นท่ามกลางความเงียบภายในรถ แอบเหล่หางตามองคนข้างตัวก็ยังเห็นมันอยู่ท่าเดิมนั่งนิ่งไม่กระดิก จึงถอนใจยาวและเปิดประตูก้าวลงจากรถก่อนเดินขึ้นตึกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมเดินผ่านห้องต่างๆจนถึงทางขึ้นบันไดจึงรับรู้ว่ามีอีกร่างที่เดินตามหลังมาด้วยฝีเท้ามั่นคงและหนักแน่น ระหว่างทางที่กลับห้องนั้นคนข้างหลังที่เคยทิ้งระยะห่างกว่าช่วงตัวก็กลับเป็นฝ่ายย่นระยะทางเข้ามาประชิดตัวผมมากขึ้น จนกระทั่งถึงประตูห้องผมก็รับรู้ถึงไออุ่นที่แผ่กระจายไปทั่วทั้งแผ่นหลัง แต่ยังไม่มีส่วนใดของร่างกายเราที่สัมผัสแตะต้องกัน ผมจึงเป็นฝ่ายเปิดประตูเข้าห้องและเดินไปในส่วนที่ใช้เตรียมอาหารแบบง่ายๆที่มีเคาน์เตอร์บาร์เล็กๆเพื่อเปิดตู้เย็นหาน้ำดื่ม ระหว่างที่ผมยืนรินน้ำใส่แก้วก็มีเงาทะมึนตามติดไม่ห่าง แต่ผมก็ทำเป็นไม่สนใจก่อนยกน้ำขึ้นดื่ม แต่กลับนึกกระหยิ่มใจและรอคอยท่ามกลางความเงียบ ผมวางแก้วที่ว่างเปล่าลงบนเคาน์เตอร์ตรงหน้าให้เกิดเสียงดังอย่างตั้งใจ จนเงาทะมึนด้านหลังสะดุ้งกายนิดๆ ก่อนหมุนตัวเลี่ยงหลบร่างใหญ่ด้านหลังกลับเข้าห้องนอนตั้งใจว่าจะเข้าไปอาบน้ำให้สบายใจ และค่อยออกมาพูดคุยกับไอ้ลูกหมาขี้อิจฉาให้รู้เรื่อง แต่ดูท่าลูกหมาขี้เคยแผลงฤทธิ์ใส่เจ้าของจะใจร้อนกว่าผมเยอะ เพราะระหว่างที่ผมเดินผ่านร่างสูงนั้นเอวผมก็โดนกระชาก และถูกท่อนแขนแกร่งโอบรัดไว้จนรอบ ก่อนหัวที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมละเอียดจะซุกซบมาที่ลาดไหล่ ตามมาด้วยเสียงแผ่วเบาแต่เว้าวอนที่หนักแน่นในความรู้สึกและรับรู้ว่าเจ้าของอ้อมกอดมันรู้สึกตามที่พูดจริงๆ
“ผมขอโทษครับ คุณธัชยกโทษให้กับความงี่เง่าของผมได้มั้ย” แม้ผมจะรู้ว่าไอ้ตี้หลงมันรู้ตัวและสำนึกแล้วจริงๆ แต่ครั้งนี้จะยอมให้มันง่ายๆไม่ได้เด็ดขาด จะต้องสั่งสอนและให้มันเรียนรู้ว่าต่อไปอย่าได้คิดหือกับเจ้าของอย่างผมอีกเด็ดขาด ผมจึงไม่คิดจะตอบอะไรแต่ปล่อยให้มันกอดสักพัก ก่อนจะพยายามแกะแขนที่โอบรอบเอวตัวเองออก ทีแรกเจ้าของอ้อมกอดก็ไม่ยอมยังพยายามฝืนรัดแน่นดังเดิม สุดท้ายผมก็ต้องเรียกชื่อไอ้ตี้หลงเสียงเข้มมันถึงยอมคลายกอดให้ผมหลุดออกมาเป็นอิสระ และหันมาเผชิญหน้ากับลูกหมาตาละห้อยตัวเดิม
ผมใช้สายตาเย็นชาแบบที่มันเคยใช้กับผมที่สวนสนุกจ้องกลับสายตาละห้อยหงอย ไอ้ตี้หลงมองผมอย่างตกตะลึงแววตาไหววูบอย่างปิดไม่มิด และทำท่าจะยื่นมือมาดึงตัวผมเข้าหาแต่ผมกลับก้าวถอยหลังให้พ้นมือมัน สุดท้ายมือมันก็ตกลงข้างตัวเหมือนหมดแรงและมีสายตาเจ็บปวดจ้องผมไม่กระพริบ ผมที่ได้เห็นก็ให้นึกสงสารและเจ็บแปลบในอก แต่พยายามฝืนทนยืนนิ่งใช้สายตาเย็นชาจ้องคืนดังเดิม
“คุณธัช....ครับ” เสียงแหบพร่าและสั่นไหวของไอ้ตี้หลงที่ใช้เรียกผมนั้น ทำให้สิ่งที่ผมฝืนทำพังทลายอย่างไม่เป็นท่า แต่ขอทิ้งทวนด้วยการหันหลังให้พญามังกรเทพเจ้าแห่งสัตว์ทั้งปวงที่หมดท่าอีกหน่อยเถอะ เพื่อตอกย้ำความรู้สึกไร้ตัวตนและไม่เป็นที่ต้องการของคนที่เรารัก อย่างที่ไอ้ตี้หลงกำลังรู้สึกเพราะผมเป็นต้นเหตุ เหมือนที่ผมเคยรู้สึกเพราะมันเช่นกัน
เหนือความคาดหมายของผมเมื่อไอ้ตี้หลงมันโผเข้ากอดแผ่นหลังผมแน่น และพร่ำคำขอโทษซ้ำๆพร้อมอ้อนวอนด้วยเสียงสั่นพร่าว่าอย่าทิ้งมันไป พร้อมรอยอุ่นชื้นจางๆที่หัวไหล่!!
.................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
มังกรขี้อิจฉาช่างหึงโหดนัก ทำเอาเฮียธัชน้อยใจเลย
มันน่าให้เฮียสั่งสอนหนักๆเนอะ -“- และดูท่ามังกรดิน
จะงานเข้าครั้งใหญ่ เมื่อเฮียคิดจะสั่งสอนลูกหมาอย่างจริงจัง
แต่ขอบอกมังกรก็พลิกวิกฤตเป็นโอกาสอยู่เหมือนกันน้า
จะเรื่องอะไรติดตามได้วันจันทร์ค่ะ
ปล.เห็นอีกคู่เค้าส่งสายตาหวานๆใส่กันมั้ยเอ่ย รอฉบับเต็มได้
เมื่อคู่นี้จบค่ะ^^
+1และเป็ดให้ทุกเม้นท์เช่นเดิม ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ