แอบแปะตอบคำถามก่อน
ยังไงอย่าลืมเม้นนะตัวเอง
ช่วงถามมา-ตอบไป พี่พาร์ท (Special เก็บสบู่)
Yeyong >> สบู่ ยี่ห้ออะไรคะ เก็บแล้วเลือดท่วมห้องน้ำ ??
น้องปัต >> อ๊ากกกกกกกกกกกกก ถามทำไมคร๊าบบบบบ
พี่พาร์ท >> (ยกยิ้มที่มุมปากนิด ๆ ส่วนน้องปัตตอนนี้วิ่งหนีไปซ่อนตัวในห้องนอนแล้ว)
สบู่ยี่ห้ออะไรน่ะเหรอครับ ก็คงจะเป็นยี่ห้อ “ทำรัก” สิครับ
น้องปัต >> พี่พาร์ทททททททททททททททท บ้า!! ปัง!! (ปิดประตูห้องนอนใส่ผมซะงั้น)
พี่พาร์ท >> อ้าวไม่ใช่เหรอ ฮ่าๆ งั้นผมคงจำผิดไปครับ จริง ๆ ก็ยี่ห้อ “ลักษ์” นี่แหล่ะครับ สาเหตุที่เลือก
ยี่ห้อนี้น่ะเหรอครับ เพราะมันอยู่ใกล้มือแค่นั้นแหล่ะ ไม่ได้มีความหมายอะไร ฮ่าๆ แต่ผมขอบอกไว้ก่อนนะครับ
อย่ากล่าวหาว่าผมวางแผนอะไรทั้งนั้น ไม่มี๊ไม่มีสักกะนิสสส ครับ หึหึ (ยักคิ้วกวนๆ อีกสองที พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก)
3วันที่ผ่านมา ผมก็แค่ทดสอบทฤษฏีตามที่ผมได้ดูรายการสารคดีเกี่ยวกับสุนัข ฮ่าๆ ถามว่าเกี่ยวกันยังไง
เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังแล้วกันนะครับ พอดีมันมีทฤษฏีหนึ่งที่กล่าวไว้ว่า ถ้าเราอยากให้สุนัขรู้จักชื่อเรียก และเชื่องกับเรา
อย่างแรกก็ต้องทำให้มันคุ้นเคยเสียก่อน เคาะกระดิ่งพร้อมกับให้อาหารทุกๆ ครั้ง ทำเป็นประจำพอเราเคาะกระดิ่งปุ๊บ
สุนัขก็จะจำว่าจะได้กินอาหาร เหมือนๆ กับ เริ่มเรียกชื่อพร้อมกับให้อาหาร ทำซ้ำๆ มันก็จะจำชื่อตัวเองได้เหมือนกัน
ผมเลยทดสอบ ผมทำสบู่ตก และให้น้องเก็บต่อเนื่อง บ่อยๆ ทุกที่ จนปัตจำได้ และบังเอิญว่าผมดันทำสบู่หล่นไว้ตรง
อ่างล้างหน้าในห้องน้ำ หึหึหึ (เหรออออออออ บังเอิญม๊ากกกกกกกกมากเน๊าะ) แล้วปัตก็ก้มลงเก็บ
คิดดูสิครับ ร่างกายเปล่าเปลือยแบบนั้น แถมยังก้มลง โก้งโค้ง ให้ผมอีก ยั่วกันขนาดนี้ แล้วผมจะทนไหวไหมหล่ะ
...... ผมก็เลยจัดเต็ม ฮ่าๆๆๆๆ ฟังเหตุผลผมแล้วสมเหตุสมผลใช่ไหมหล่ะครับ อืม...เข้าใจก็ดีแล้วครับ
เดี๋ยวจะหาว่าผมวางแผน หึหึหึ โอ๊ยยย (หมอนลึกลับ แต่จับตัวคนทำได้ ลอยมากระทบหัวพี่พาร์ท องศามาจากห้องนอน)
น้องปัต >> อ๊ากกกกก พี่พาร์ทๆๆๆๆ พอเลยนะ ไม่ต้องเล่าแล้ว บ้าๆๆๆๆๆ
พี่พาร์ท >> ฮ่าๆ ยังไงผมขอตัวไปง้อแฟน ก่อนนะครับ อ๊ะ!! สบู่ ถือติดมือไว้ดีกว่า ฮ่าๆ เผื่อเอาไว้ทดสอบทฤษฏีต่อ
บ๊ายบายคร๊าบบบบบ
################################################################
Unit 32 เผชิญหน้า (70%)
หัวใจผมเต้นรัวราวกับกลองชุด เหงื่อกาฬผุดออกมาทั่วทุกรูขุมขน ลอบฟังเสียงเท้าที่ก้าวเข้ามาในห้องไม่กี่ก้าวก็หยุดชะงัก แล้วเงียบเสียงไป
เม้มปากแน่นๆ อย่างลืมตัว หัวใจกระตุกวาบเป็นระยะ มือเท้าเกร็งไปทั่ว แม้กระทั่งการหายใจ ยังแผ่วเบาเสียจนแทบไม่รู้สึกว่าหายใจอยู่
“ฮัลโหลครับพี่ภีม ครับผมกลับถึงห้องแล้วครับ เปล่าครับไม่มีอะไร แค่จะโทรมาบอกว่าแม่บ้านพี่ภีมน่าจะมาทำความสะอาดให้ผมแล้ว
ฮะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี อืม...ยังไม่รู้เลยครับ อ้อ กระเพราะไก่กับไข่เจียวหมูสับ หึหึ แอ๊ด...ในตู้เย็นมีแต่เบียร์ เท่านี้ก็ดีแล้ว ปิ่นเหรอครับ
อ่า....ยังไงดีหล่ะ ตอนนี้ยังสบายดี แต่ว่าน้องคงอยู่ไม่เกินสิ้นปีนี้ ครับ ....” แกร๊ก...เสียงประตูห้องนอนเปิดออก หัวใจผมชาวาบ..ที่ได้ยิน
ข้อความเหล่านั้น มองเท้าพี่พาร์ทที่ค่อยก้าวเข้ามา หย่อนตัวนั่งลงบนเตียง ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอย่างอ่อนล้า เสียงถอมหายใจยาวเหยียด ..
หลังจากวางโทรศัพท์ไป
“ปัต.....” ผมสะดุ้งเฮือก ลำตัวเกร็งแน่นอีกครั้งหนึ่ง เม้มปากแน่น สายตาเหลือบมองจากใต้เตียงเป็นระยะ ไม่เห็นใครอีกคนก้าวลงมา
ถึงได้แน่แก่ใจว่าอีกฝ่าย คงแค่....เอื้อนเอ่ยลอยๆ ถึงชื่อผม คิดได้แค่นั้นก็ทำผมเศร้าจนแทบใจหาย ปล่อยให้อีกฝ่ายจมอยู่กับความเงียบ
.
.
.
“คิดถึง” เสียงพี่พาร์ทพึมพำแผ่วเบา หากแต่กลับดังก้องสะท้อนในหัวใจผม น้ำเสียงที่ดูเจ็บปวด ทำผมเจ็บ..จนแทบแหลกสลาย
เจ็บเสียจน....ห้ามความอ่อนแอที่มีไว้ไม่ไหว ปล่อยให้น้ำตาไหลเอื่อยๆ ตามขอบตาลงมาที่พื้น อยาก...จะโอบกอดใครคนนั้น
อยาก.....ให้ความอบอุ่น อยาก.....ให้คลายความเจ็บปวด อยากขอโทษ ... ปัตเสียใจ ที่ทำให้เราต้องเป็นอย่างนี้
.
.
ผมยังจำได้ดีหลายต่อหลายครั้ง ที่ผมแอบมองพี่พาร์ทกับพี่ปิ่นที่โรงพยาบาล รอยยิ้มที่สดใส ... ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มนั่น
น่ามองเป็นไหน ๆ ไม่ว่าเมื่อไหร่พี่พาร์ทก็ดูเหมือนแสงสว่างสำหรับทุกๆ คน สว่างจ้า....จนเป็นเหมือนเรี่ยวแรง และเป็นเหมือนกำลังใจ
ที่ผลักดันให้คนที่อยู่ใกล้ๆ มีชีวิตชีวา รอยยิ้มแบบนี้ของ...พี่ปิ่น รอยยิ้ม....ที่ผมไม่เคยเห็น เพราะมันไม่ใช่สำหรับใครก็ได้
แค่สำหรับคนสำคัญ... แม้จะเจ็บปวดแต่ก็ดีใจ ผมเองก็ยังไปเยี่ยมพี่ปิ่นเสมอๆ ทำอาหารไปให้แม้อีกฝ่ายจะทานเท่าแมวดม
แต่ผมก็พยายามทำอาหารที่พี่ปิ่นอยากทาน ไปนั่งคุยด้วยในวันธรรมดา เพราะผมรู้ดีว่าพี่พาร์ทไม่มีทางไปหาพี่ปิ่นได้
ฉะนั้นผมก็ทำหน้าที่แทน เราสนิทสนมกันระดับหนึ่ง เลยทีเดียว
.
.
แต่ตอนนี้ อยากจะเห็นแก่ตัวได้ไหม ผมอยากโอบกอดพี่พาร์ทไว้ ทั้งตัว ทั้งหัวใจ อยากปลอบโยน ความคิดวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น
ทั้งๆ ที่ร่างกายผมไม่ได้ขยับสักนิด เสียงยวบยาบบนเตียงดังขึ้น บอกให้ทราบว่าอีกฝ่ายกำลังเคลื่อนไหวลงจากเตียง ผมนอนนิ่งๆ
อยู่อย่างนั้น เห็นขาพี่พาร์ทที่เหยียบลงบนพื้นพรหม ก่อนจะก้าวออกจากห้อง ได้ยินเสียงจานชามช้อนดังเป็นระยะ ....อยู่สักพัก
ก็ได้ยินเสียงล้างจาน ได้ยินเสียงเปิดตู้เย็นเบาๆ เสียงเคาะถาดน้ำแข็งเทใส่อะไรสักอย่างน่าจะเป็นพลาสติก ทั้งห้องที่ใส่น้ำแข็งได้
แล้วยังเป็นพลาสติกก็เห็นจะเป็นกระติกใบเล็กที่มีอยู่แค่ใบเดียว เสียงกระป๋องเบียร์กระทบกันเป็นระยะ หอบมาวางในห้องนอน
ผมฟังเหตุการณ์ทุกอย่างต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้จะพาตัวเองออกจากที่นี่ได้ยังไง พี่พาร์ทวางกระติกลง จากนั้นก็ค่อยๆ ถอดเสื้อผ้า
แล้วเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ โดยไม่ปิดประตูห้องน้ำ ผมรออยู่สักพักจนแน่ใจว่าพี่พาร์ทคงไม่ออกมาแล้วหล่ะ กำลังจะกลิ้งตัวออก
“แคว๊กกกกกก” เสื้อผมดันไปเกี่ยวกับตะปุหรือน็อตอะไรสักอย่างใต้เตียง นอกจากจะขาดแล้ว.....ยังตรึงเสื้อผมไว้แน่น จนขยับออกไม่ได้
ทั้งที่ผมเห็นโอกาสที่ตัวเองจะชิ่งได้แล้วแท้ๆ พยายามแกะ ทึ้ง ดึง ด้วยความที่พื้นที่ใต้เตียงกับพื้นห้องห่างกันแค่ฟุตเดียว
แค่ขยับเข้าออกก็ยากอยู่แล้วแต่นี่จะให้ผมแกะอะไรที่มันพันธนาการผมอยู่ด้วยองศาที่ไม่ถนัด แถมเสื้อยังติดหนึบอยู่แน่นไม่ยอมขยับ
ทำผมอ่อนใจหลังจากดึงอยู่นานจนปวดแขน เลยได้ยอมจำนนท์ปล่อยแขนวางกับพื้น หอบน้อย ๆ ด้วยความเหนื่อย เหลือติดอยู่นิดเดียวแท้ๆ
พี่พาร์ทกลับออกมาจากห้องน้ำก่อน ผมมองตามขาแข็งแรงที่เดินไปมา หยิบแค่กางเกงบอลมาสวมใส่ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียง
“ป๊อก....แคว๊กกกก...... อึกๆๆ ” เสียงเปิดเบียร์กระป๋องขึ้นดื่ม ก่อนจะวางมันลงข้างๆ เตียง
.
.
.
พี่พาร์ทดื่มกระป๋องแล้วกระป๋องเล่า ขณะที่ผมเริ่มตัวสั่นหนาวสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ...นอกจากเสื้อตัวบางๆ นี้แล้ว ผมไม่ได้มี
อาภรณ์ใดๆ มาห่มกาย เพราะแอร์ที่เย็นฉ่ำ หรือผมขี้หนาวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนะ ถึงได้สั่นสะท้านถึงเพียงนี้
“ไอ้เบียร์.....ปั..ต ...ทำ...ไ...ม” เสียงคนครางแผ่ว เริ่มไร้สติ ผมเม้มปากแน่นๆ ไม่เข้าใจว่าพี่พาร์ทพูดถึงเบียร์ทำไม หรือว่า?
การที่เราเลิกกันครั้งนี้ พี่พาร์ทคิดว่าสาเหตุมันมาจากเบียร์กัน? ไม่จริงสักหน่อยผมอยากจะเถียง.....แต่ผมในตอนนี้ไม่อยู่ในสถานะ
ที่จะพูดอะไรได้ ลักลอบเข้ามาห้องเค้า แถมยังมาทำอะไรในห้องเต็มไปหมด ที่สำคัญตอนนี้ก็ยังแอบอยู่ใต้เตียงเหมือนคนเป็นโรคจิต
บ้าจริง....ทำไมเป็นแบบนี้ อย่าเข้าใจปัตผิดสิ ปัตรักพี่พาร์ทคนเดียวนะ ผมได้แต่ประท้วงในใจ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าในกระเป๋ามีไกรกรร
เล็กๆ มือเริ่มสอดเข้ากระเป๋าสะพายข้าง ควานหาสิ่งที่ต้องการอยู่เนิ่นนาม ด้วยอาการสั่นเทาความหนาวเหน็บเกาะกุม ดูทรมานได้อีก
แต่ที่ทรมานยิ่งกว่า ..... ก็คงจะเป็นเพราะเรื่องคนข้างบนเท่านั้น ทั้งๆ ที่รักกันขนาดนี้ .... แต่ผมกลับยืนข้างๆ พี่ไม่ได้ ขอโทษนะครับ
.
.
.
“พี่พาร์ท” เสียงครางแผ่วเบาที่หลุดจากปากผม แทบจะไม่ได้ยินเสียงทุกอย่างยังดูเงียบงัน ในห้องนอนที่เปิดไฟสลัวที่หัวเตียง
เพียงดวงเดียว พี่พาร์ทน่าจะเมามากจนหลับไปแล้ว เพราะทุกอย่างในห้องดูสงบนิ่ง และจากการทิ้งกระป๋องเบียร์กระป๋องสุดท้าง
ลงพื้น จนมันกระแทกกระป๋องเก่ากว่าครึ่งโหลล้มลงระเนระนาดไปคนละทิศละทาง จนเหมือนล่วงหลุดจากมือมาเสียมากกว่า
ผมหยิบกรรไกรเล็กที่พึ่งค้นเจอ อยากขอบคุณงานที่ค้างบ่อยๆ จนต้องพกกรรไกรอันเล็กเพื่อตัดโมเดลจนเป็นนิสัย ตอนนี้
มันมีประโยชน์มากกว่าตัดโมเดลแล้ว ค่อยๆ ขยับตัวตัดเสื้อที่เกี่ยวกับอะไรสักอย่างใต้เตียงจนเสื้อผมหลุดออก ค่อยกระเถิบตัว
ออกจากที่ซ่อนใต้เตียง มีตื่นเต้นกว่านี้อีกมั้ย? หัวใจกลับมาเต้นรัวเป็นกลองชุดอีกครั้ง เมื่อผมไม่สามารถมองเห็นคนด้านบนได้เลย
ค่อยๆ กระดึ๊บๆ ตัวอยู่อย่างนั้น เหงื่อซึมทั่วฝ่ามือ และฝ่าเท้า ไม่เว้นแม้แต่ไรผม หรือซอกหนีบทั่วตัว จนสุดท้ายก็ออกมาอยู่ข้างเตียงสำเร็จ
แต่....
“พรึบบบบบบบบบ!! ปึก!! โอ๊ย!” โอยยย หัวใจผมแทบหยุดเต้น สะดุ้งเฮือกหัวโขก ขอบเตียงโดยไม่ได้เจตนา ได้แต่ร้องเสียงหลง
....ทั้งที่พยายามกลั้นไว้แล้ว จะไม่ให้ตกใจจนสติแตกได้ยังไง ก็อยู่ดีๆ หลังจากที่เงียบมานานสองนาน พี่พาร์ทดันพลิกตัวขึ้นมาซะเฉยๆ
แล้วไอ้มือนี่ทำไมมันต้อง ยื่นเลยมาจากเตียงแล้วหย่อนลงมาตรงหน้าผมพอดีด้วยวะ ตกใจจนแทบสติหลุด ทิ้งตัวลงนอนกับพื้นอีกรอบ
เรียกพ่อแก้วแม่แก้วให้มาเรียกขวัญผมให้กลับสู่ตัวเสร็จ แต่ร่างกายกลับยังสั่นระริก สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ อีกสองสามตลบ ก็พลิกตัวคว่ำ
ค่อยๆ คลาน แบบต่ำเตี้ยเรี่ยพื้นให้มากที่สุด ปากก็คาบกระเป๋าสะพายใบย่อมให้ลอยเหนือพื้นเพื่อไม่ให้เกิดเสียงใดๆ
ค่อยๆ คลาน ....
.
.
ค่อยๆ กระดึ๊บๆ อย่าส่งเสียงใด ๆ พี่พาร์ทที่หลับอยู่จะได้ไม่รู้สึก
.
.
.
เกือบแล้วครับ .... อีกแค่เมตรเดียวข้างหน้า ผมจะถึงประตูห้องนอน แล้วผมก็จะออกจากห้องนี้เสียที หยุดบรรยากาศที่น่าตื่นเต้นจนแทบ
....หยุดหายใจ.... นี่ไปซะ แล้วปล่อยให้ทุกอย่างมันดำเนินต่อไปอย่างที่มันควรจะเป็น ปล่อย.....ตามธรรมชาติของมัน
.
.
.
“ปัต”
**************************************************************************
เดี๋ยว >>>>> มาต่อนะ ไปแต่งเติมน้ำตาลให้ทั้งผู้อ่านและคนแต่งก่อน หึหึึ งานนี้มีเลือดพุ่ง หุหุหุ