จนกว่าวานิลลาจะละลาย“กูเลี้ยง”
ได้ยินเสียงบอกสั้น ๆ
เงยหน้าขึ้นมองคนคุ้นตาที่กำลังยื่นไอศกรีมโคนวานิลลารสโปรดมาให้
ยื่นมือรับ ก่อนอีกฝ่ายจะนั่งลงข้างกายบนอัฒจันทร์ปูน
ดวงตาคู่นั้นเหม่อมองไปยังฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นสนามฟุตบอลของโรงเรียน
“จะห้าโมงครึ่งแล้วมันยังเตะกันอยู่อีกเหรอวะ”
“รอยิงลูกโทษ”
“ถ้ากูลงไปป่านนี้ได้กลับบ้านกันหมดแล้ว”
“น้อย ๆ หน่อยมึง
คิดจะฝ่ากองหลังขั้นเทพอย่างกู
รอชาติหน้าตอนบ่ายๆ เถอะนะไอ้น้อง”
“แล้วไอ้น้องคนไหนเลี้ยงไอติมกูเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว”
“เหี้ย! ไม่ต้องเสือกรื้อฟื้น ทำอย่างกับมึงไม่เคย”
สบถด่าออกไป
ได้ยินเสียงมันหัวเราะเบา ๆ
ไม่รู้กติกามันเริ่มมาตั้งแต่เมื่อไร
ที่ว่าใครเป็นฝ่ายแพ้จะต้องเลี้ยงไอศกรีมคนชนะ
หนึ่งปี...
สองปีก่อน...
หรือมากกว่านั้น
ไม่อยากจะใส่ใจจำ
เพราะว่าความสนิทระหว่างเขากับมัน
ยาวนานเกินกว่าจะนับ
เราคุยกันได้ทุกเรื่อง
มีมันก็ต้องมีเขาอยู่ข้าง ๆ เสมอ
กระทั่งกลายมาเป็นความเคยชิน
...เคยชินเสียจนไม่รู้ตัวว่าบางสิ่งมันเริ่มต้นแต่เมื่อไร
อาจจะเริ่มจากข่าวลือเล็ก ๆ
จากปากพล่อย ๆ ของใครบางคน
“มันชอบมึง”
“บ้าดิ กูกับมันแค่เพื่อนกัน”
“จริงนะ ไอ้เป้บอก ได้ยินจากปากมันเองตอนมันลากไปแดกเหล้า”
“อ้าวเวร มีกินเหล้ากันเสือกไม่ชวนกู”
“มึงไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลย
ข่าวนี่ชัวร์ไม่มีมั่วกูคอนเฟิร์ม
มึงก็เตรียมใจไว้ให้ดี ๆ ล่ะกัน”
เหลือบมองคนข้างตัวที่ยังคงนั่งละเลียดไอศกรีมโคนอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
นึกแล้วก็ขำ
ตอนนั้นเล่นเอาเขาระแวงมันไปอยู่พักหนึ่ง
แต่มันก็ยังทำตัวเป็นปกติจนกระทั่งเขาเลิกคิด
แล้วอยู่ ๆ วันสุดท้ายก่อนปิดเทอมใหญ่ตอนมอห้า
มันก็ดันพูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีคุย
ตอนนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ปูนกันสองคน
“เฮ้ย กูมีเรื่องจะบอก”
“อะไร”
“กูชอบมึงมานานแล้ว
คบกับกูหน่อยได้มั้ย”
“...............”
“ยังไม่ต้องตอบตอนนี้ก็ได้
กูไม่อยากเร่งมึง กูเข้าใจ
แต่แค่อยากให้เก็บเรื่องกูไปคิดบ้าง
แล้วเปิดเทอมกูจะมาฟังคำตอบนะ”
คำพูดที่เล่นเอาช็อค
จำได้ว่าเป็นปิดเทอมหน้าร้อนตอนมอห้าที่ยาวนานที่สุด
มันหายเงียบ ทั้งๆ ที่ปกติจะต้องชวนไปเที่ยวนู้นนี้ด้วยกันตลอด
โทรไปก็ปิดมือถือไม่รับ
ลงทุนไปหาที่บ้านก็พยายามหลบหน้า
ไม่รู้มันทำอย่างนั้นทำไม
หรืออยากให้เขาคิดถึงมัน
ซึ่งขอบอกเลยว่าได้ผลเต็ม ๆ
เพราะระหว่างที่ไม่เจอหน้า
เขากลับรู้สึกว่างโหว่งข้างในใจจนทนไม่ได้
คล้ายมีบางสิ่งที่สำคัญขาดหายไปจากชีวิต
สุดท้ายตอนเปิดเทอมเขาเลยต้องรีบลากมันมาคุย
“ที่มึงบอกกู กูตกลงนะ”
“ห่ะ เรื่องอะไร”
“อ้าวไอ้เหี้ย ถ้ามึงจำไม่ได้ก็ช่างแม่งมัน”
“เฮ้ย! เดี๋ยวก่อน กูล้อเล่น
มึงช่วยพูดให้กูฟังอีกรอบได้มั้ย”
“................”
“อะไรนะกูไม่ได้ยิน”
“...กูเป็นแฟนมึง” แล้วมันก็หัวเราะเข้ามากอดเขาไว้แน่น
เขากอดตอบกลับ
ทั้ง ๆ ที่ยังไม่แน่ใจว่าคือรักมั้ย
แต่อย่างน้อยก็ยังดีใจที่มันอยู่ข้าง ๆ
รอยยิ้มกว้างของมันวันนั้น
เขายังจำได้ดี
...ยิ้ม
ที่เหมือนรอยยิ้มของวันนี้ไม่มีเปลี่ยน
“เหมือนฝนจะตกเลย”
มันพึมพำขึ้นมาลอย ๆ
มองไปที่ท้องฟ้า
เห็นกลุ่มเมฆเทา ๆ จับตัวกันเป็นก้อนกระจายออกไป
...แตกต่างจากครั้งนั้น
วันที่หลังจากเตะบอลกันเสร็จแล้วเขาแพ้
เลยต้องมานั่งเลี้ยงไอศกรีมมันตามกติกา
แล้วอยู่ ๆ มันก็ดันถามขึ้นมา
“มึงว่าท้องฟ้ากว้างมั้ย”
“เอ้า มึงไม่เห็นหรือไง กว้างจะตายห่า”
“แต่กูว่าไม่นะ เพราะท้องฟ้ากว้างขนาดไหนก็เขียนคำว่ารักมึงไม่เคยพอ”
“เสี่ยววะ ดีนะเสียดายไอติมไม่งั้นกูอ้วกไปแล้ว”
“เหรอ แต่หน้ามึงแดงเลยนะ”
“เฮ้ยเปล๊า! แดงตรงไหน กูเพิ่งเตะบอลเสร็จมันร้อน”
“มึง”
“อะระ....”
“... !! ...”
“จูบมึงหวานดี เหมือนวานิลลาเลย”จูบแรกเกิดขึ้นที่นี่
มันทำไปโดยไม่อายสายตาใคร
ไอ้เขินก็เขินอยู่หรอก
แต่ไม่รู้จะทำยังไงเลยว๊ากมันไปที
มันแค่หัวเราะแล้ววิ่งหนีเขารอบ ๆ โรงเรียนแค่นั้น
ทุกครั้งที่มันคอยห่วงใย ดูแลเอาใจใส่
บางทีมันก็จั๊กจี๊หัวใจแปลก ๆ
มือที่จับกันดูอบอุ่นมากกว่าที่เคย
มีความสุขจนอยากหยุดทุกอย่างเอาไว้ตรงนี้ให้นาน ๆ
“เวลามันผ่านไปเร็วเนอะมึงว่ามั้ย”
“อืม”
เขาพยักหน้าตอบกลับ
มือยังคงถือโคนวานิลลาอยู่แบบนั้น
จนมันเริ่มละลายโดยไม่ได้กิน
ตรงข้ามกับคนข้างกายที่กลืนไอศกรีมวานิลลาคำสุดท้ายเข้าปากเรียบร้อย
มันปัดมือสองสามที คว้ากระเป๋า แล้วลุกขึ้นยืนเมื่อถึงเวลา
...เวลาที่รู้ดีตั้งแต่เมื่อสองเดือนก่อน
ในวันประกาศผลสอบตรงจากมหาลัยเชียงใหม่
ซึ่งมันแอบไปสอบมาโดยที่เขาไม่รู้
“ทำไมต้องที่นั่น ในกรุงเทพมีมหาลัยตั้งเยอะแยะ”
“มันไม่เหมือนกัน กูแค่อยากไปที่ไกล ๆ”
“หมายความว่ามึงอยากไปจากกูงั้นสิ”
“ก็บอกว่ามันไม่เหมือนกันไง”
“แล้วไม่เหมือนกันตรงไหนวะ!!”
“พูดไปมึงก็ไม่เข้าใจหรอก
เอาเป็นว่า กูเลือกแล้ว”
“มึงเลือกที่จะทิ้งกูใช่มั้ย”
“ไม่ใช่...
แค่กู...
...กูคิดว่าพวกเราควรจะกลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม”
“มึงพูดง่าย ๆ แบบนี้ได้ยังไงวะ!!
นึกจะคบก็คบ นึกอยากจะเลิกก็เลิก
ถ้ามึงบอกยังงี้สู้ไม่ต้องกลับมาเป็นเพื่อนกันอีกเลยดีกว่า”
“มึงจะเอาอย่างนั้นเหรอ”
“เออ หลังจากเรียนจบ
ระหว่างมึงกับกู
ถือซะว่าเราไม่เคยรู้จักกัน”ปัญหามันเกิดขึ้นมานานแล้ว
...ยิ่งนับวันก็ยิ่งถาโถม
...ยิ่งสะสมความไม่เข้าใจจนกลายมาเป็นจุดแตกหัก
ระหว่างเขาสองคนอาจเป็นเพื่อนที่ดี
แต่เรื่องความรัก...
...เขากับมันอาจเป็นแฟนที่แย่ที่สุดของกันและกันก็ได้
ดังนั้น ไม่แปลกเลยที่เรื่องจะมาจบลงตรงนี้
...ไม่แปลกเลยที่มันเลือกคิดจะออกห่างจากเขา
มันยังคงยืนนิ่ง
ดวงตามองตรงไปยังสนามฟุตบอล
ก่อนจะได้ยินเสียงพูดสั้น ๆ
“ไปนะ”
เพียงคำแผ่วเบา...
แต่กลับตกกระทบลึกลงกลางใจ
ด้วยรู้ดีว่ามันอาจหมายถึง
...คำสุดท้ายระหว่างเรา
เขานิ่งเงียบ พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
ดวงตายังคงจับจ้องอยู่ที่ไอศกรีมวานิลลาที่ละลายเลอะมือ
ก่อนได้ยินเสียงฝีเท้าคุ้นเคยเดินหันหลังจากไปไกล
...ทุกที
...ทุกที
...ไม่มีน้ำตา
...ไม่มีคำเอ่ยลา
...ไม่มีคำว่ารักเหลืออยู่อีกต่อไป
ไอศกรีมวานิลลาหยดลงบนพื้นทีละหยด
ตรงข้ามกับความทรงจำระหว่างเขากับมันที่พรั่งพรูไม่ขาดสาย
รักครั้งแรกที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้เหตุผลว่าเพราะอะไร
เพราะความสนิทกัน
เพราะว่าเผลอใจ
หรือแค่เพราะ...
...อยากจะลองเรียนรู้จัก ‘ความสุข’ และ ‘ความเจ็บปวด’
จากการที่ได้ ‘รัก’ ใครสักคนหนึ่ง
ไอศกรีมวานิลลาละลายเหลือเพียงน้ำ
เขาปล่อยโคนที่กินไม่หมดทิ้งลงบนพื้น
ลุกขึ้นคว้ากระเป๋านักเรียน
แล้วเดินกลับไปตามทาง
“กูรักมึง กูสัญญาว่าจะรักมึงตลอดไป”ถ้อยคำที่มันเคยบอกสะท้อนก้องอยู่ในความคิด
...คำว่า ‘ตลอดไป’ ไม่เคยจะเป็นจริง
...ความรักเขากับมัน
...ความรักระหว่างเรา
มันแค่มีอยู่จนกว่าไอศกรีมวานิลลาจะละลายหมดไป
...ก็เท่านั้นเอง
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ENDฝากเรื่องสั้นหน่วง ๆ ไว้หนึ่งตอน
เปลี่ยนแนวสลับคั้นรสกันบ้าง
เริ่มต้นด้วยหวานแต่ลงท้ายด้วยขม
ความรักมันก็ต้องมีตอนจบที่ไม่ได้แฮปปี้เอนดิ้งเสมอไป
การจากกันด้วยดี และปล่อยให้ความผูกพันยังคงอยู่ในใจ
ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของความรักเหมือนกัน
เฮ้อ...ความรักนี่มันช่างเข้าใจยากจริง ๆ เนอะ
คิดเห็นอย่างไรฝากบอกกันได้นะคะ

ขอบคุณค่ะ
BitterSweet