เปียวกลับมาที่บ้านของตนเอง นายพรตเอ่ยถามลูกชายอย่างแปลกใจว่าเหตุใดวันนี้จึงกลับมาได้ ไหนมิสเตอร์แอลบอกไม่
ยอมให้กลับอย่างไรล่ะ นายพรตได้ทำการจ่ายหนี้สินในส่วนของดอกเบี้ยคงค้างและต้นทุนส่วนหนึ่งไปแล้วเรียบร้อย ถึงได้
กล้าบอกกับมิสเตอร์แอลว่าจะพาเปียวกลับ แต่เรื่องที่คิดไว้นั้นก็จำต้องพับเก็บไปเมื่อมิสเตอร์แอลไม่ยอมให้เปียวกลับมา
และเปียวเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ยังคงอยู่กับมิสเตอร์แอลอย่างนั้น นายพรตจึงทำอะไรไม่ได้ แต่มาวันนี้ทำไมเปียวถึงกลับมาค้าง
ที่บ้านได้กันเล่าหนอ คำถามนั้นไม่มีการตอบกลับจากเปียว เด็กหนุ่มขึ้นบ้านไปแล้วไม่ได้ลงมาร่วมโต๊ะทานอาหารเย็นกับ
ครอบครัวด้วย นางวลัยอดแขวะลูกชายนอกไส้ไม่ได้ว่าไม่มีมารยาท แต่พอถูกนายพรตเอ่ยปรามนางก็เงียบเสียงไป
ขณะที่เปียวกำลังจะเข้านอนพิชญก็เข้ามาคุยด้วย ท่าทางเด็กหนุ่มดูเป็นกังวลมาก บอกกับพี่ชายว่ามีคนคอยตามแล้วขอให้
พี่ชายอย่างเปียวช่วยบอกให้มิสเตอร์แอลช่วยได้ไหม เปียวบอกปฏิเสธว่าทำไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้มีสิทธิ์อะไรขนาดนั้น พิชญ
เลยว่าเปียวไม่อยากช่วยมากกว่า
“พี ต่อไปเราต้องช่วยตัวเองแล้วนะ พึ่งพาเขาไม่ได้แล้ว ถ้าเราไม่ลุกขึ้นสู้เอง อีกหน่อยเราคงทำอะไรไม่เป็นเลย” เปียวให้
เหตุผลกับคนเป็นน้อง มัวแต่พึ่งพามิสเตอร์แอลอยู่อย่างนี้ถึงได้มีคนเขาดูถูกเอา
“ทำเป็นพูดดี เรามันตัวเล็กจ้อย จะไปคานอำนาจคนใหญ่คนโตเขาได้ยังไงกัน”
พิชญว่าเสียงสะบัด บอกให้สู้เองอย่างนั้นหรือ สู้กับอเล็กซานเดอร์ เฟอร์ริงตันนี่นะ แค่คิดก็ผิดแล้ว
“ถ้าไม่ลอง แล้วจะรู้หรือ?” เปียวเอ่ยแย้ง
“รู้ตั้งแต่ยังไม่ได้ลองแล้ว!”
พิชญกระแทกเสียงแล้วลุกขึ้นยืน เปียวเงยมองน้องด้วยความอึดอัด ใช่ว่าเขาไม่อยากช่วย แต่ให้ไปขอร้องมิสเตอร์แอลเขา
ทำไม่ได้ พิชญมองพี่ชายคนรองอย่างหงุดหงิด ขอให้ช่วยอะไรไม่เคยได้เลย ให้ตายเถอะ!
“เออๆ ไม่ช่วยก็ไม่ต้องช่วย ถ้าฉันหายตัวไปนายก็ไม่ต้องสงสัยเลยนะ มันเป็นเพราะนายนั่นล่ะ”
“พี…”
“ไม่ฟัง! ไม่ต้องมาพูด!”
พิชญเอ่ยตัดบทไม่ยอมฟังคำใดจากพี่ชายก่อนเดินปึงปังออกไปจากห้องของผู้เป็นพี่ เปียวส่ายหน้าก่อนทอดถอนใจอย่าง
หนักอก ได้แต่บอกย้ำกับตนเองในใจว่าพึ่งพาเขาไม่ได้แล้วจริงๆ
++++++++++++++
วันต่อมาอลันขับรถมารับเปียวกลับบ้านด้วยตนเอง นายพรตออกจะแปลกใจอยู่สักหน่อยที่มิสเตอร์แอลเป็นคนมาเองแบบนี้
พอเห็นเช่นนี้แล้วชายสูงวัยก็พอจะเข้าใจอะไรได้อยู่บ้าง แม้จะไม่เห็นควรกับเรื่องนี้นัก แต่เรื่องของหัวใจมันก็ห้ามกันลำบาก
ยิ่งเขาเองเคยทำไม่ดีกับเปียวเอาไว้มากมายนัก ยิ่งเหมือนน้ำท่วมปากที่จะเอ่ยทัดทาน คงต้องแล้วแต่เปียวว่าจะตัดสินใจ
อย่างไรกับเรื่องนี้
นางวลัยให้เด็กรับใช้นำน้ำมาให้แขกก่อนบอกให้ขึ้นไปตามเปียวลงมา อลันนั่งรอเปียวอยู่ด้านล่างกับนายพรตและนางวลัย
จิตใจของชายหนุ่มร้อนรุ่มจนกลัดกลุ้มมาทั้งคืนที่ไม่มีอีกคนข้างกาย มันไม่ใช่ห่างกันไม่ได้ แต่นี่ห่างกันแถมยังมีเรื่องค้างคา
ในใจกันทั้งสองฝ่ายแบบนี้มันทำให้เขาอยู่ไม่สุข เปียวลงมาด้านล่างเมื่อเด็กในบ้านไปตาม เด็กหนุ่มมองหน้าคนที่มารับ
ตนเองนิ่ง ก่อนไหว้ลาพ่อกับแม่แล้วเดินออกไปที่รถของอลัน ชายหนุ่มตัวโตลุกตาม ไหว้ผู้อาวุโสทั้งสองแล้วก้าวเร็วๆมา
จนถึงตัวเด็กหนุ่ม เปียวขึ้นไปนั่งด้านหน้าข้างคนขับเมื่ออลันปลดล็อคประตูรถให้ อลันก้าวขึ้นมานั่งข้างแล้วสตาร์ทรถออกตัว
ไป ขับมาได้สักระยะอลันจึงเอ่ยแทรกความเงียบภายในรถขึ้นมาเสียงเรียบ
“พอใจหรือยัง?”
“อะไร?” เปียวเอ่ยถามกลับโดยที่ไม่ได้หันมามองอีกคนข้างกาย
“เรียกร้องความสนใจจนพอใจหรือยัง?”
อลันเฉลยความยียวน ตบไฟเลี้ยวก่อนเลี้ยวรถออกถนนใหญ่ เปียวหันขวับมามองคนพูด ก่อนเบือนกลับไปมองถนนด้านหน้า
รถเช่นเดิม
“ผมจะย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านนะ”
เด็กหนุ่มเอ่ยบอก อลันชะงักกับสิ่งที่ได้ยินก่อนเอ่ยแย้งเสียงดัง
“ไม่! ผมไม่ให้มา”
คำโต้แย้งของเขาเหมือนสายลมพัดผ่านเมื่อเปียวยังคงนิ่งเงียบ ท่าทางดื้อดึง
“มันอะไรกันนักหนาวะ!!”
ตบพวงมาลัยด้วยความหงุดหงิด ก่อนเลี้ยวรถเข้าจอดข้างทาง เหยียบเบรคจนคนที่นั่งมาด้วยแทบหัวทิ่ม
“ไหนลองบอกมาซิว่ามันมีปัญหาอะไรอีก”
อลันหันมาถามพยายามข่มโทสะของตนเอง พยายามที่จะพูดคุยกันดีๆ แต่เปียวกลับไม่ให้ความร่วมมือเลยสักนิดเมื่อเด็กหนุ่ม
ยังคงใช้ความเงียบมาป่วนอารมณ์เขาให้คุกรุ่นขึ้นมาอีก
“เอาแต่เงียบแล้วมันจะรู้เรื่องกันไหม หา!!”
กำปั้นของอลันทุบเบาะที่เปียวนั่งเต็มแรง เด็กหนุ่มสะดุ้งกับอารมณ์ของอลัน ชายหนุ่มหอบหายใจแรงด้วยโทสะที่มันพุ่งสูง
“อลัน”
“.........”
“คุณแน่ใจแค่ไหนว่าเราจะรักกันได้จริงๆ ผมกับคุณไม่มีอะไรที่เท่าเทียมกันเลย…”
“ผมไม่ได้ต้องการความเท่าเทียม!” อลันเอ่ยแทรก
“ที่ผมต้องการคือหัวใจคุณต่างหาก”
สีหน้าเจ็บปวดของอลันทำให้เปียวเม้มปากสีหน้าอึดอัดใจ ก่อนพูดออกมาเสียงเบา
“คุณรักเธอ”
“ใช่ ผมเคยรัก” อลันเอ่ยยอมรับ ก่อนขยายความเมื่อรู้สาเหตุที่เด็กน้อยของเขาออกอาการดื้อดึงขึ้นมา
“แม้แต่ตอนนี้”
“ไม่ ตอนนี้ผมมีแต่คุณ”
เปียวเงียบ หมดคำพูดที่จะแย้ง ข้อโต้แย้งหรือจะเรียกว่าข้ออ้างดี จะอะไรก็ช่างเถอะ สิ่งที่เปียวนำมาพูดในวันนี้มันกำลังบอก
กับอลันว่าเปียวอยากจะไป นี่เขาต้องถูกทอดทิ้งอีกแล้วหรือ
“คุณยังมีเรื่องอะไรให้กังวลอีกหรือเปียว ยังมีอะไรที่คุณต้องการอีก บอกผมสิ ผมให้คุณได้ทุกอย่าง”
“ปล่อยผมไป ช่วยปล่อ…”
อลันกดจูบปิดกั้นทุกคำปฏิเสธที่จะได้รับ บดขยี้รุนแรงตามแต่ใจตัว อยากจะให้หูมันดับไปเสียเดี๋ยวนี้จะได้ไม่ได้ยินคำปฏิเสธ
หากตาบอดไปตอนนี้ก็จะได้ไม่รู้เห็นว่าคนที่เขารักกำลังจะตีจาก เมื่อถูกบดจูบรุนแรงเช่นนี้แต่เปียวก็ไม่ได้ต่อต้านหรือผละหนี
ไปไหน รู้ว่าใจของคนทำคงเจ็บไม่ต่างจากเขา อลันถอนจูบ แตะหน้าผากของตนเองกับอีกคน เอ่ยวอนเสียงพร่าแผ่ว จนคน
ฟังเจ็บปวดไปทั้งใจ
“ผมทำไม่ได้ ได้โปรดเถอะ อย่าทำแบบนี้กับผม”
++++++++++++++
อลันพาเปียวกลับมาที่บ้าน อยากยื้อเวลาออกไปอีกสักนิดก็ยังดี ชายหนุ่มให้เหตุผลว่าเปียวควรจะได้ลาคุณแม่อัญชันกับคุณ
ตาคุณยายด้วยตนเอง ซึ่งเปียวก็ไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอแนะนั้น ตลอดทางที่กลับมาบ้านนั้นมีเพียงความเงียบงันและบรรยากาศ
แสนหนักลอยวนอยู่รอบกายของทั้งคู่ เปียวโทรบอกพี่ชายให้มารับที่บ้านอลันเพราะไม่อยากรบกวนให้อลันต้องย้อนกลับไป
กลับมาหลายรอบ แต่การทำเช่นนั้นยิ่งทำให้อลันเจ็บ เมื่อคิดไปว่าเปียวไม่อยากอยู่ใกล้ตนเองถึงขนาดต้องเรียกพี่ชายมารับ
กลับ ต้องทำร้ายจิตใจเขามากเท่าไหร่ถึงจะพอใจ
เมื่อมาถึงที่บ้านอลันแล้ว เปียวลงไปหาคุณตาคุณยายเป็นอันดับแรก บอกท่านแต่เพียงว่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านแล้วเพราะต้อง
ช่วยงานของที่บ้าน ขอบคุณท่านทั้งสองที่ให้ความรักและเมตตาเอ็นดูเขาตลอดมา คุณตาคุณยายบ่นใจหายกันใหญ่ที่จะ
ไม่ได้เจอเปียวทุกวันอย่างที่เคย คนที่เคยอยู่ด้วยกันมาจนคุ้นชิน พอวันหนึ่งต้องหายหน้าหายตาไปมันก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึง
เปียวยิ้มเศร้ากับคำพูดของคุณตาคุณยาย เขาเองก็คงคิดถึงใครบางคนที่นี่เช่นกัน
นอกจากบอกลาคุณตากับคุณยายแล้วเปียวยังบอกกล่าวกับทุกคนในบ้านด้วย ทั้งแม่บ้านและคนสวน คนรถ ที่ให้ความเอ็นดู
เปียวมาโดยตลอด ส่วนคุณแม่อัญชันที่อยู่มูลนิธิเปียวก็จะให้พี่ชายพาแวะไปหาท่านเอง พอจะไปจริงๆก็อดใจหายไม่ได้ เปียว
สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเดินลงไปหาพี่ชายที่มารอรับที่หน้าตัวบ้านแล้ว อลันคว้าข้อมือเด็กหนุ่มเอาไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้
ลงบันไดไป
“ถ้าผมขอร้อง คุณจะยอมอยู่ที่นี่ไหม?” อลันเอ่ยถามเหมือนนี่คือเดิมพันครั้งสุดท้ายสำหรับเขาแล้ว
“จะให้ผมอยู่ในฐานะอะไร?”
“ทำไมต้องถามหาสถานะของคุณในบ้านหลังนี้ด้วย เราอยู่ด้วยกันมาแบบเดิมไงเปียว อยู่ด้วยกันแบบที่เป็นมา…”
อลันเว้าวอน เขารู้สึกร้าวไปทั้งใจแล้วตอนนี้ แม้จะพยายามเท่าไหร่ แม้จะทำดีแค่ไหน แต่เปียวก็ยังคงทำใจแข็งไม่รับรู้ถึงมัน
เด็กหนุ่มบิดข้อมือตนเองออกจากการเกาะกุม ก่อนก้าวเดินจากไปไม่เหลียวกลับ ปล่อยให้อีกคนมองตามโดยทำอะไรไม่ได้
อยู่อย่างนั้น
รถที่เปียวนั่งเคลื่อนจากไปช้าๆ เหมือนกับหัวใจของอลันที่มันเต้นช้าลงทุกที ชายหนุ่มก้มมองมือของตนเองอยู่อย่างนั้น ราว
กับว่ามันมีลายแทงสมบัติล้ำค่าผุดมา มือของเขา... มือที่ฉุดรั้งเปียวเอาไว้ แต่สุดท้ายแล้วก็จำเป็นที่จะต้องปล่อยมือไป ทำ
ได้แค่เพียงมองเบื้องหลังของคนที่ก้าวเดินจากไปโดยไร้หัวใจ
คำว่ารักที่เขาเคยบอกมันคงไม่มีค่าพอที่จะทำให้ได้ใจคนนั้นมา เพราะถ้ามันมีค่าจริง คนๆนั้นเขาคงไม่จากไป…
TBCโปรดอย่าปล่อยมือฉัน อย่าจากไปไหนเลย แค่อยากให้เธอรู้ ฉันยังรักเธอเหมือนเคย เสียงร้องของหัวใจ ร่ำร้องหาแต่เธอ
อยากมีเธอเคียงข้างฉัน เหมือนเดิม... ตลอดไป…
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ ขอบคุณทุกๆบวกที่ให้กันด้วยค่ะ เดี๋ยวค่อยทยอยจิ้มบวกคืนพรุ่งนี้นะคะ
มาช้าจริงจัง แต่ยืนยันว่าไม่ทิ้งไปไหนแน่ค่ะ ต่อจนจบแน่นอนเน้อ
ปล. ตอนตรวจคำผิดเพิ่งร้องไห้มาล่ะ หนูเปียวทำเขาร้องไห้อ่ะ แง เขียนเอง อินเอง ดีเนอะ 555+
ปล.2 เรื่องเฮียอเล็กซ์ ติดตามเฮียแกได้ในเล่ห์พรางรัก ภาค2 หัวใจซ่อนรัก ไม่อยากจะบอกเลยว่า... เตรียมผักกับไข่ไว้ใส่
มาม่าด้วยนะคะทุกท่านนน
วันใหม่ค่ะ