ด้านนอกคม วสันต์ และฮิโรยูกินำลูกน้องลอบเข้ามาภายในบ้าน กำลังส่วนหนึ่งที่ปักหลักอยู่ด้านนอกรอสัญญาณจากคนที่เข้าไป
ในบ้าน ทุกคนที่เข้ามาด้านในสงสัยไม่ต่างกันว่าทำไมมันถึงได้เงียบเชียบนัก นายนภัทรนั่นมันกำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่
คมสั่งให้วสันต์นำลูกน้องไปสำรวจรอบๆบ้าน เขากับฮิโรยูกิจะแอบเข้าไปด้านใน เมื่อทุกคนแยกย้ายแล้วคมกับฮิโรยูกิจึงเข้าไป
ฮิโรยูกิเรียกคมเอาไว้เมื่อเห็นว่ามันไม่ชอบมาพากลจริงๆ
“มันเงียบเกินไปนะพี่คม ถ้าจะบอกว่ามันจะลอบโจมตีเราภายหลังก็ดูไม่น่าใช่ เพราะดูแล้วเหมือนจะไม่มีใครกลับมาแล้วอย่างนั้น”
คมเห็นด้วยกับที่ฮิโรยูกิบอก นี่มันคือแผนที่จะเอาชีวิตเจ้านายเขาแน่ล่ะ แต่มันด้วยวิธีไหนกันล่ะถึงได้ให้คนออกจากบ้านไปกัน
หมดแบบนี้
“หรือว่า…”
ปัง!!
เสียงปืนดังขึ้นทำให้คำพูดของฮิโรยูกิสะดุด หันไปมองคมที่มองมาที่ตนเองเช่นกัน ก่อนทั้งคู่จะรีบรุดเข้าไปด้านในทันที วสันต์ที่
กำลังสำรวจรอบบ้านได้ยินเสียงปืนก็จะรีบกลับ แต่สายตากลับสะดุดกับของบางอย่าง ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ของสิ่งนั้นมากขึ้น
โดยมีลูกน้องระวังหลังให้ ก้าวเดินหยุดชะงักเมื่อเห็นชัดว่ามันคืออะไร เมื่อเห็นชัดดังนั้นแล้ววสันต์ก็รีบรายงานให้คมรับทราบทันที
“พี่คม นายนภัทรมันวางระเบิดไว้รอบบ้านเลยครับ รีบช่วยนายออกมาให้เร็วที่สุดเถอะ”
เสียงรายงานจากวสันต์ทำเอาคมนิ่งค้าง ฮิโรยูกิที่ติดเครื่องมือสื่อสารด้วยจึงได้ยินเช่นกัน สีหน้าเป็นกังวลฉายชัด
ด้านในตัวบ้านนั้นอลันยืนตัวสั่น กำหมัดแน่นด้วยความแค้นใจ เปียวหน้าซีดเซียว เหงื่อเม็ดเป้งผุดขึ้นมาตามใบหน้า สีหน้าเหยเก
ด้วยความเจ็บปวด แขนเสื้อด้านซ้ายขาดและมีเลือดไหลจากบาดแผลลงมาแล้วหยดลงที่พื้นจนเปรอะไปหมด บาดแผลจากการ
ยิงของนภัทรที่ยืนอยู่ด้านหลัง
สีหน้าของนภัทรตอนนี้มีแต่ความสะใจ วันนี้คือวันตายของมิสเตอร์แอล สิ่งที่เขาเฝ้ารอกำลังจะเป็นจริงแล้ว ศัตรูคนสุดท้ายของ
ครอบครัวเขา คนที่ทำให้ครอบครัวของเขาหมดสิ้นทุกอย่าง ไม่ว่าอย่างไรเขาต้องฆ่ามันให้ได้ แม้ว่าต้องจบชีวิตของตนเองไป
ด้วยก็ตาม
“เป็นยังไงบ้าง สนุกดีไหมมิสเตอร์แอล?” นภัทรเอ่ยถามเย้ยหยัน
“เห็นคนที่ตัวเองรักกำลังจะตายไปต่อหน้า แต่กลับช่วยอะไรไม่ได้ รู้ซึ้งหรือยังว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน รู้หรือยังว่ากูรู้สึกยังไงที่เห็น
พ่อกูฆ่าตัวตายต่อหน้าเพราะคนไร้มนุษยธรรมแบบมึง!”
ปัง!!!!
คมกระสุนเฉียดเปียวไปเพียงเส้นยาแดง เด็กหนุ่มสะดุ้งสุดตัว ยกมือขึ้นปิดหู ตัวสั่นเทาจนน่าสงสาร
“เลิกพล่ามสักทีเถอะนภัทร แกดีแต่โทษว่าเป็นความผิดของคนอื่น แล้วแกก็ตามฆ่าคนพวกนั้นเหมือนคนบ้า ทำไมไม่ย้อนกลับ
ไปมองบ้างว่าปัญหาทุกอย่างมันเกิดเพราะอะไร!”
“เกิดเพราะอะไรงั้นเรอะ มันเกิดเพราะพวกมึงไง ไอ้พวกหน้าเลือด!!”
นภัทรตะคอกเสียงดังตอบโต้คำพูดของอลัน อลันมองอีกฝ่ายอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ พอจะก้าวเข้าไปหาเปียวทีนภัทรก็จะยิง
เปียวทุกครั้งที่เขาจะเข้าไป เมื่อครู่ก็เป็นเพราะเขาเปียวถึงถูกยิง ชายหนุ่มมองเปียวอย่างรู้สึกเสียใจและเจ็บปวดไม่แพ้กัน
“กูว่าเลิกเสียเวลาดีกว่า มึงเห็นนี่ไหม? มึงว่าถ้ากูกดสวิตซ์นี่มันจะเกิดอะไรขึ้น?”
นภัทรชูสวิตซ์ที่ควบคุมระเบิด อลันชะงักงันเมื่อรู้ว่านภัทรคิดจะทำอะไร นี่อยากจะกำจัดเขาจนแม้แต่ชีวิตตนเองก็ยังไม่เสียดาย
เลยหรือ มันบ้าไปแล้ว!
อลันเหลือบไปเห็นคมที่อยู่ด้านหลังของนภัทร ชายหนุ่มส่งสัญญาณให้คมมองที่มือของภัทร คมผงกศีรษะรับทราบ อลันเบือน
สายตากลับมามองนภัทรที่ขยับเข้าใกล้เปียวอีกครั้ง นั่นทำให้อลันเผลอขยับตาม ท่าทางเปียวจะทนไม่ไหว มือที่กุมแขนซ้ายนั้น
เลอะไปด้วยเลือดสีแดงสด
“ท่าทางมึงกับเมียจะรักกันมากนะ ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวกูจะสงเคราะห์ให้พวกมึงไประเริงรักกันในนรกเอง”
นภัทรผลักเปียวไปหาอลัน อลันรีบก้าวเข้าไปรับ เปียวทรงตัวไม่อยู่ทรุดลงไปนั่งบนพื้น อลันลุกขึ้นเมื่อนภัทรตั้งท่าจะกดระเบิด
แต่ก่อนที่จะได้กระทำการนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้นมา ก่อนที่รีโมตคอนโทรลในมือนภัทรจะหลุดจากมือ เป็นอเล็กซานเดอร์ที่ก้าวเข้า
มาแทนที่จะเป็นคม แต่อลันก็ไม่มีเวลามาแปลกใจนาน ชายหนุ่มฉวยโอกาสที่นภัทรเผลอเข้าไปแย่งปืน ทั้งคู่ชกต่อยกันอุตลุด
จนปืนกระเด็นมาทางเปียว เปียวจับมันขึ้นมาขณะที่คมและฮิโรยูกิเข้ามาเพื่อจะช่วยอลัน แต่ทั้งคู่ก็ยังชุลมุนกันอยู่จนหาจังหวะเข้า
ไปไม่ได้
ไม่มีใครสนใจปืนที่กระเด็นไปตกที่ไหนไม่รู้ แต่ต่างพากันหารีโมตที่หล่นหายมากกว่า เปียวยกปืนในมือขึ้นมา เขารู้ว่าตนเองยิง
ไม่เป็น มันอาจจะโดนหรือาจจะพลาดก็ได้ ถ้าหากมันโดนแล้วอาจจะทำให้คนอื่นเขาตายก็ได้ มือที่จับกระบอกปืนสั่น เลือดที่แขน
ไหลซึมไม่ขาด
นภัทรที่ชุลมุนอยู่กับอลันเหลือบไปเห็นรีโมตสวิตซ์ระเบิดเข้าแล้วจะพุ่งเข้าไปเอา แต่อลันกลับตัดหน้าแย่งไปได้เสียก่อน นภัทร
ล้วงปืนอีกกระบอกออกมาจะยิงอลัน ฮิโรยูกิร้องบอกพี่ชายให้ระวัง อลันหันกลับไปมองอย่างตกใจ
เปรี้ยง!!!!!!
สิ้นเสียงปืนทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ เปียวหอบหายใจไม่เป็นจังหวะ มือที่ถือปืนค้างอยู่นั้นสั่นเทาจนควบคุมไม่อยู่ ดวงตาเบิก
โพลงเมื่อเห็นร่างของนภัทรค่อยๆทรุดลงไปกองกับพื้น ลมหายใจเด็กหนุ่มติดขัดหอบถี่ หัวใจเต้นแรงจนเจ็บไปทั้งอก ในหัวก้อง
ไปด้วยคำว่าเขาฆ่าคนตาย... เขาฆ่าคนตาย…!
“ไม่!!!!!”
เปียวกุมศีรษะตนเองหวีดร้องสุดเสียง อลันถลาเข้ามาหา ปลดปืนในมือเปียวลงแล้วรั้งตัวเข้าไปกอด
“เปียว!”
อลันคว้าตัวเด็กหนุ่มมากอดแล้วเอ่ยเรียกสติ เปียวยังคงอึ้งค้าง
“เปียว! เปียว!”
อลันเรียกซ้ำๆเปียวถึงค่อยหันมามองช้าๆ สีหน้าตื่นตกใจอยู่ไม่คลาย
“อลัน ผม... ผมฆ่าเขา ผม…”
“ไม่เปียว ไม่เป็นไร คุณแค่ป้องกันตัว แค่ปกป้องผม เปียว…”
“ผมฆ่าคนตายอ่ะ”
“เปียว”
น้ำตาเด็กหนุ่มไหลลงมาเป็นทาง ทั้งความหวาดกลัว ความเจ็บปวด ตื่นตระหนก มันปนเปทับถมจนแยกไม่ออก อลันกอดเปียว
แน่น รู้สึกเจ็บหนึบในหัวใจ
คมที่เข้าไปสำรวจดูอาการของนายนภัทรเดินเข้ามาบอกว่านายคนนั้นยังหายใจอยู่ อลันลูบหลังปลุกปลอบเปียว กระซิบบอกเด็ก
น้อยที่เสียขวัญ ก่อนค่อยๆพยุงพาเปียวออกไปข้างนอก อเล็กซานเดอร์เหลือบมองร่างนภัทรที่หายใจรวยรินอยู่ที่พื้น ก่อนปืนใน
มือจะเล็งไปที่นภัทร
“อเล็กซานเดอร์!”
ฮิโรยูกิเรียกชายหนุ่มตัวโตเสียงดัง เจ้าของชื่อเพียงปรายตามามอง ก่อนเบือนกลับไปมองนภัทรอีกครั้ง ลดปืนในมือลงก่อนเดิน
ออกไปไม่เหลียวกลับ ฮิโรยูกิมองตามแล้วทำท่าขนลุก น่ากลัวชะมัด
อเล็กซานเดอร์เดินผ่านเปียวกับอลันไป เหลือบมองน้องชายเล็กน้อย รถยนต์มาจอดลงตรงหน้า อเล็กซานเดอร์ก้าวขึ้นรถแล้ว
ตรงกลับบ้านพักของตนเองก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาถึง
สายตาเปียวเริ่มพร่ามัว เหมือนจะวูบแต่ยังคงทรงตัวได้อยู่ คมเข้ามานั่งในรถพร้อมฮิโรยูกิ ทางนี้ปล่อยให้วสันต์กับลูกน้องคนอื่น
อยู่รอจัดการเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง คนของวิคเตอร์เมื่อหมดหน้าที่คุ้มกันอลันแล้วก็สลายตัวกลับไปถิ่นที่พักทันทีเช่นกัน
เมื่อขึ้นมาบนรถอลันใช้เสื้อของตนเองพันแขนเปียวเพื่อช่วยห้ามเลือดเอาไว้ก่อนถึงโรงพยาบาล ชายหนุ่มกอดประคองร่างเพรียว
ที่ดูเล็กจ้อยลงไปอีกเมื่อได้พบเจอสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้ อเล็กซานเดอร์กลับไปแล้วเมื่อหมดเรื่อง ส่วนวิคเตอร์ที่ได้เพียง
สั่งการอยู่เบื้องหลังไม่สามารถมาได้ เพราะจะเป็นประเด็นให้ตำรวจเพ่งเล็ง
+++++++++++++
นายพรตเมื่อทราบเรื่องเปียวก็จะออกจากโรงพยาบาลมาหาลูกชาย ใครห้ามก็ไม่ฟัง พงศกรจึงต้องพาผู้เป็นพ่อมา เปียวที่ทำแผล
เช็ดตัวเรียบร้อยแล้ว หมอก็ให้ยาและน้ำเกลือ ก่อนจะให้นอนพักเนื่องจากเจอเรื่องที่กระทบจิตใจมามากพอควร
นายพรตมาถึงโรงพยาบาลที่เปียวอยู่เปียวก็หลับไปแล้วเรียบร้อย ชายสูงวัยนั่งเฝ้าลูกชายอยู่ชั่วครู่ก็ขอคุยธุระกับอลันสักเล็ก
น้อย นายพรตบอกว่าตนเองจะพาเปียวกลับไปอยู่บ้าน เพราะอยู่กับอลันไม่ปลอดภัย แต่อลันไม่ยอม นายพรตเลยว่ามีเงินมาใช้
ในส่วนดอกเบี้ยแล้ว เพราะเขาขายที่ดินของบ้านเดิมไป เพื่อนำเงินส่วนนั้นมาคืนอลัน
เมื่อเปียวฟื้นคืนสติมาอลันก็รีบพาคนเจ็บกลับบ้านตนเองทันที ไม่ยอมอยู่รอให้ถึงเช้าแล้วมีใครมาเยี่ยมทั้งนั้น เดี๋ยวนายพรตได้
มาพาเปียวกลับไปกันพอดี เด็กน้อยของเขายิ่งว่านอนสอนง่ายอยู่ ลองผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดา แม้ว่าจะไม่ใช่บิดาแท้ๆแต่เปียวก็รัก
และเคารพมาโดยตลอด ถ้าหากนายพรตขอให้กลับไปอยู่ที่บ้านมีหรือที่เปียวจะกล้าปฏิเสธ ดังนั้นต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม ด้วย
การพาลูกชายคนอื่นเขาหนีไปซ่อนที่บ้านตนเองเสียอย่างนั้น
พอเปียวรู้ว่าที่อลันรีบเร่งให้ตนเองกลับมาอยู่ที่บ้านด้วยนั้นเป็นเพราะอะไร เด็กหนุ่มก็ส่ายหน้า เหนื่อยใจกับความคิดของมิสเตอร์
แอลเสียจริง นึกว่าตัวเองเป็นเด็กหรืออย่างไรกันถึงได้พาเขามาซ่อนที่บ้านตัวเองนี่
“พ่อเขาเป็นห่วงน่ะอลัน ผมขอกลับบ้านก่อนได้ไหม?”
เปียวให้เหตุผลก่อนเอ่ยขอคนหน้าบึ้งที่นอนหนุนตักตนเองอยู่ อลันเกิดอาการน้อยใจขึ้นมาที่เปียวไม่เห็นความสำคัญ ก็เขาอยาก
ดูแลเปียวบ้างนี่
“อลัน อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับพ่อผมสิ นั่นพ่อนะ คุณไม่ใช่พ่อ…”
“แต่เป็นสามี”
คนขี้ใจน้อยเอ่ยแทรก เปียวเบ้หน้ากับคำว่าสามีเต็มปากเต็มคำนั่น พูดมาได้
“เราเพิ่งผ่านเรื่องร้ายมา ผมอยากอยู่ใกล้ๆคุณ ไม่อยากให้คุณอยู่ไกลตา ผมเป็นห่วง” อลันวาดแขนกอดเปียว ออดอ้อนเจ้าลูก
ไก่น้อยไม่ให้หลบลี้หนีไปไหน
“คนร้ายก็ถูกจับไปแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วนี่”
เปียวก้มมองคนตัวโตที่ทำเป็นอ้อน เมื่อได้ฟังที่เปียวพูดอลันก็อยากจะเอ่ยแย้งเหลือเกินว่าเรื่องที่น่าเป็นห่วงยังมีอยู่ ก็วิคเตอร์
เฟอร์ริงตันนั่นอย่างไรล่ะ แต่ใครจะกล้าบอกแบบนั้นกันล่ะน่ะ หนุ่มตัวโตเลยได้แต่เงียบไว้ เปียวเอนตัวพิงหัวเตียงในท่าสบาย
ลูบต้นแขนแกร่งของคนที่นอนหนุนตักตนเองเล่นเบาๆ ก่อนเปรยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ
“อลัน พรุ่งนี้ผมกลับบ้านนะ”
“เปียว!”
“ฟังก่อนสิ”
เปียวรีบหยุดคนทำเสียงดัง อลันฟึดฟัดไม่ได้ดั่งใจก่อนพลิกตัวออกมานอนที่เตียงหนุนแขนตนเองแทนหนุนตักเด็กหนุ่ม เปียว
ขยับมานั่งใกล้ๆ อลันก็ทำเป็นไม่มอง แต่ถึงแม้จะแสดงอาการต่อต้านอย่างไรก็ยอมเงียบฟังที่เปียวจะพูดต่อจากนั้นอยู่ดี
“ผมอยากไปทำบุญให้พ่อกับแม่... ตั้งแต่เกิดมาแม้แต่เรียกผมยังไม่เคยได้เรียกเลย ผมอยากทำอะไรให้ท่านบ้าง”เปียวบอกกับคนที่ทำเมินตนเองอยู่
“ถ้าคุณว่าง... ไปด้วยกันได้ไหม?”
เพียงแค่คำถามแสนธรรมดานั้นกลับทำเอาอลันใจอ่อนยวบ พอได้รู้จุดประสงค์ของเปียวความรู้สึกต่อต้านน้อยใจอะไรสารพัด
สารพันเมื่อครู่ของอลันกลับคลายอย่างง่ายดาย นี่เขากลายเป็นลูกไล่เปียวไปแล้วหรือไร ชายหนุ่มตะแคงข้างมาทางที่เปียวนั่ง
เท้าข้อศอกกับเตียงนอนเพื่อพยุงตัวก่อนเลื่อนมืออีกข้างไปวางทับซ้อนมือของคนตรงหน้าที่วางอยู่ใกล้ๆ
“ผมยินดีไปกับคุณทุกที่”
เปียวยิ้มกับคำพูดนั้น พลิกหงายฝ่ามือขึ้นมาจับมือของอลันตอบ ความอบอุ่นแทรกเข้ามาในหัวใจ ก่อนจะมาสะดุดกับการเล่นมุก
ของคนตัวโต
“ผมอยากไปทำความรู้จักคุณพ่อตา-แม่ยายอยู่เหมือนกันนะ ไปฝากเนื้อฝากตัวกับท่าน”
เปียวส่ายหน้ากับการหยอดของอลันแล้วว่า
“อยากบอกว่า มัน เสี่ยว มาก”
คนตัวโตหัวเราะเสียงดัง รู้สึกขำตัวเองอยู่เหมือนกัน พอความรักเข้าตาอะไรก็ดูหวานจนเลี่ยนไปเสียหมด ชายหนุ่มเงยมองคนที่
นั่งเอนกายเท้าแขนข้างหนึ่งไปด้านหลังแล้วหัวเราะขำเขาอยู่ เปียวชะงักเมื่อเห็นอลันกำลังจ้องตนเองอยู่ เด็กหนุ่มเลิกคิ้วนิดๆ
ก่อนเอียงคอมองอีกคนแล้วยิ้มถาม
“อะไร?”
มือหนาละจากมือที่กุมอยู่แล้วยื่นมาแตะแก้มใส หัวแม่มือเกลี่ยเบาๆ ริมฝีปากหยักยิ้มเยือน เปียวเองก็ยังยิ้มอยู่แต่ออกแนวไม่เข้า
ใจอารมณ์ของอลันมากกว่าในตอนนี้ อลันไม่ได้พูดตอบอะไรไปเพียงแต่ขยับชันกายขึ้นแตะจุมพิตเรียวปากของเด็กหนุ่มตาใส
ก่อนผละออกมา
เปียวกะพริบตามองอลันงงๆ อลันยิ้มขำก่อนจุ๊บปากเด็กน้อยของเขาอีกทีแล้วกระซิบบอก สีหน้าของเปียวจึงค่อยเปลี่ยนจากมึน
งงมามีรอยยิ้มแตะแต้มริมฝีปากแทน
“ผมรักคุณ ปฏิญญา พฤทธาการ”
ช่างเป็นคำสารภาพรักที่แสนจะเป็นทางการเสียจริง ตอนนี้ลูกไก่น้อยปฏิญญาคงได้เข้ามาครอบครองทุกพื้นที่ในหัวใจของราชสีห์
ตัวโตอย่างมิสเตอร์แอลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใครที่ไหนก็อย่าได้แม้แต่คิดที่จะมาแตะเชียว คนนี้เสือหวง!
++++++++++++++
ณ โรงพยาบาลที่นภัทรพักรักษาตัวอยู่นั้น ตอนกลางดึกได้เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นจนแตกตื่นกันไปทั้งตึก เมื่อร่างของคนไข้ที่เป็นผู้
ต้องคดีคนหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากตึกสูงจนเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เป็นเจ้าของคดีตรงมาที่เกิดเหตุในทันทีที่ได้รับแจ้งจากทาง
โรงพยาบาล อลันผู้เป็นเจ้าทุกข์ได้รับการติดต่อหลังจากที่เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบอะไรต่างๆเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มตรงมาที่
โรงพยาบาลพร้อมวสันต์และคมที่ถูกเรียกตัวด่วน
ตำรวจพาอลันเข้าไปในห้องที่มีร่างไร้วิญญาณของนภัทรอยู่ที่นั่น เจ้าหน้าที่เปิดผ้าที่คลุมร่างของนภัทรออก อลันมองร่างที่ถูกทำ
ความสะอาดแล้วนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงนั้นด้วยความเวทนา
“อโหสิกรรมให้ฉันด้วยนะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาฉันอโหสิให้นาย ต่อไปเราอย่าได้มีอะไรติดค้างกันอีกเลย”
อลันเอ่ยบอกกับร่างที่ไร้วิญญาณนั้น ก่อนหันหลังกลับแล้วเดินออกไป เจ้าหน้าที่คลี่ผ้าปิดคลุมร่างของนภัทรไว้เหมือนเดิมก่อน
พากันเดินออกไป บานประตูที่ปิดลงไปถือเป็นการจบสิ้นทุกสิ่งอย่าง ความโกรธแค้นที่มันสุมแน่นอยู่ในอกของนภัทร สุดท้ายแล้ว
มันก็เป็นแค่ไฟที่เผาไหม้หัวใจที่รุ่มร้อนของเขาเองให้ทุรนทุราย แม้แต่ตอนที่หมดสิ้นลมหายใจ เขาก็ไม่เคยที่จะได้พบกับคำว่า
ความสุข
++++++++++++
รถของอลันแล่นเข้ามาจอดลงหน้าบ้าน เปียวที่รออยู่อย่างกระวนกระวายใจรีบลุกออกมาหา สีหน้าของเด็กหนุ่มหวาดหวั่นและเต็ม
ไปด้วยคำถาม อลันถอนใจก่อนบอกกับเด็กน้อยของเขาเพียงสั้นๆ
“มันจบแล้ว”
สีหน้าเปียวดูอึ้งไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น สุดท้ายแล้วคนนั้นก็จากไปไร้วันกลับ แม้นภัทรจะไม่ได้จบชีวิตลงเพราะเขา แต่เปียวก็อดไม่
ได้ที่จะรู้สึกแย่ที่ตนเองมีส่วนพัวพันกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ อลันรั้งเด็กหนุ่มมากอดปลอบ หากเขากับเปียวจะรักกันจริง เปียวก็คงต้อง
พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น อันตรายมีอยู่รอบด้าน ถ้าอลันไม่แข็งแกร่งพอคงยืนหยัดอยู่ไม่ได้จนทุกวันนี้…
TBC
ขอบคุณนักอ่านทุกท่าน ที่แวะมาอ่านและคอมเม้นต์เป็นกำลังใจ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาจิ้มบวกให้นะคะ ดึกแล้วอ่ะ ง่วง
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
วันใหม่ 