อลันกลับเข้าบ้านมาแม่บ้านก็รีบออกมารับหน้าแล้วถามอลันว่าจะทานอะไรสักหน่อยไหม อลันดูเวลาเห็นว่าดึกมากแล้วจึงบอก
ปฏิเสธและจะเดินขึ้นบ้านไป ก่อนจะชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ ตายล่ะหว่า ป่านนี้แล้ว
“ป้าครับ”
อลันเอ่ยเรียกแม่บ้านที่กำลังจะออกไป แม่บ้านหันกลับมาขานรับงงๆ
“คะ?”
“แล้วคุณเปียวล่ะ?”
“คุณเปียวเธอขึ้นไปนอนแล้วล่ะค่ะ”
“อ้อ ครับ ป้าไปพักเถอะไม่มีอะไรแล้ว”
“ค่ะ”
ป้าแม่บ้านเดินออกไปแล้ว อลันมองขึ้นไปชั้นบนของบ้าน ก็รู้ว่าเขาคงไม่รออยู่แล้วเลยเบาใจลงหน่อย แต่ก็แอบเสียใจนิดๆที่
เปียวไม่รอ
+++++++++++++
เช้าวันถัดมา ก่อนไปทำงานคุณแม่อัญชันก็เอ่ยถามลูกชายว่าเมื่อวานกลับกี่โมง อลันบอกว่าก็ดึกอยู่ เพราะเกิดเหตุสุดวิสัยนิดหน่อย
“แล้วทำไมไม่โทรบอกเปียว ปล่อยให้น้องนั่งรอตั้งนาน นี่แม่ต้องบอกให้หาอะไรทานไปก่อนนะ ไม่งั้นต้องหิ้วท้องรออลันอยู่
แบบนั้นแน่ นี่ไม่รู้ว่าเมื่อวานได้ทานอะไรไหม เรานี่จริงๆเลยนะอลัน คราวหลังถ้าทำไม่ได้ก็อย่านัดใครเขาเข้าใจไหม”
คุณแม่ก็บ่นคุณลูกไปเรื่อย ขณะที่คุณลูกชายอย่างอลันไม่มีกะจิตกะใจจะรับฟังตั้งแต่รู้ว่าเมื่อคืนนี้เปียวรอตนเองอยู่ รอยยิ้มยินดี
แตะแต้มริมฝีปาก คุณแม่อัญชันมองลูกชายอย่างสนเท่ห์
“อะไรกัน ถูกบ่นแต่กลับนั่งยิ้ม ลูกชายฉันท่าจะทำงานหนักมากไปแล้วนะนี่”
คุณแม่ว่ากึ่งประชด อลันก็ยังคงยิ้ม ก่อนลุกขึ้นไปหอมแก้มมารดาอย่างขอบคุณที่ช่วยบอกเขา คุณอัญชันยิ่งงงหนัก มาไม้ไหน
กันนะลูกคนนี้
พอรู้เรื่องอย่างนั้นแล้วอลันก็ตรงขึ้นบันไดเพื่อที่จะไปหาลูกหนี้ที่น่ารัก อุตส่าห์รอเขาด้วยแหนะ นี่ถ้าคุณแม่ไม่บอกเห็นทีเขาคงจะ
ไม่มีทางได้รู้เรื่องนี้จากปากเปียวเป็นแน่ ขณะเดียวกันเปียวก็กำลังเดินลงมาพอดีทำให้อลันหยุดเดิน เด็กหนุ่มเห็นมิสเตอร์แอล
ยืนยิ้มอยู่กลางขั้นบันไดแล้วก็ออกจะแปลกใจ เป็นอะไรของเขา?
“เมื่อคืน... คุณรอผมหรือ?”
อลันเอ่ยถามเมื่อเปียวเดินลงมาใกล้กับที่ตนเองยืนอยู่ เด็กหนุ่มชะงักก่อนจะตอบเสียงเรียบโดยไม่มองหน้าคนถาม
“ก็ใครล่ะที่บอกให้รอ”
“ผมขอโทษ”
อลันบอกอย่างนั้น เปียวถอนใจเบาก่อนหันมามองคนที่เอ่ยคำขอโทษเมื่อครู่แล้วว่า
“คุณพูดคำนี้บ่อยจนผมไม่รู้สึกว่าคุณรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ คุณก็แค่เพียงพูดให้มันผ่านๆไปเท่านั้น”
จบคำเปียวก็เดินสวนลงไป อลันมองตามเด็กหนุ่มอย่างรู้สึกผิด เมื่อครู่เขามัวแต่ดีใจที่เปียวรอ แต่พอมองย้อนกลับไปในมุมของ
เปียวแล้วมันคงแย่มากที่ต้องมานั่งรอคนไม่รักษาคำพูดอย่างเขา ความจริงเขาน่าจะโทรมาบอกเปียวก่อนว่ากลับมาไม่ทัน หรือ
อะไรก็ได้ แต่ ณ เวลานั้นเขากลับลืมเลือนไปแล้วด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังจะกลับมาหาคนนี้ ทั้งที่เขาบอกว่าอยากได้หัวใจของ
เปียว แต่พออดีตของตนเองย้อนมาเขากลับขาดการใส่ใจปัจจุบัน จนทำให้อนาคตมันแย่ลงไปอีก
+++++++++++++
ช่องว่างระหว่างอลันกับเปียวดูจะขยายกว้างออกไปอีกทั้งที่มันควรจะดีขึ้นกว่านี้ เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่เปียว
ไม่อยากเก็บมาใส่ใจ แต่ทุกครั้งที่มีอะไรเกิดขึ้นมิสเตอร์แอลก็เพียงแค่เอ่ยขอโทษเท่านั้น ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไป
ในทางที่ดีขึ้นสักอย่าง นั่นทำให้เปียวไม่อยากที่จะวางใจให้อยู่ใกล้มือมิสเตอร์แอลอีก หากวันหนึ่งที่เขามอบมันไว้ในมือของ
มิสเตอร์แอลแล้วมันไม่ได้รับการเหลียวแล เขาคงเจ็บน่าดู
เช้าวันถัดมาเปียวก็หายออกจากห้องไปแต่เช้า อลันลงมาเรียกหา ไปเจอเปียวกำลังคุยกับปวิตาอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ที่นั่นมีคุณตากับ
คุณยายนั่งอยู่ด้วย ปวิตาบอกว่ามาเยี่ยมและมาขอบคุณอลันที่ช่วยเหลือเธอเอาไว้เมื่อวานนี้ คุณตาคุณยายท่านก็เป็นผู้ใหญ่ใจดี
มีเหตุและผลอันสมควรที่จะไม่ถือโทษโกรธเคืองปวิตา เพราะเรื่องในอดีตนั้นมันก็ผ่านนานมา และคงไม่มีใครอยากที่จะให้มันเกิด
ขึ้น ต่างคนต่างก็มีเหตุผลของตนเอง ท่านจะคิดและตัดสินใจแทนใครเป็นไม่ได้ เพราะนั่นถือว่าเป็นเรื่องของแต่ละคนที่จะต้อง
จัดการมันด้วยตนเอง
เปียวเพิ่งรู้จากปวิตาว่าที่อลันไม่กลับมาตามที่บอกให้เขารอ เพราะมัวแต่ไปส่งปวิตาอยู่ เปียวเองก็ไม่ได้แล้งน้ำใจถึงขนาดจะให้
อลันปล่อยเธอไว้กลางทางเช่นนั้นหรอก แต่หากจะไม่กลับมาอย่างที่บอกไว้แล้วก็น่าจะโทรมาบอกกันบ้าง นี่กลับเงียบหาย คง
ลืมไปแล้วด้วยซ้ำกระมัง
อลันเอ่ยขอตัวกับปวิตาอย่างรักษามารยาทต่อหน้าผู้ใหญ่แล้วพาเปียวขึ้นมาบนห้อง อลันบอกเปียวว่าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับปวิตา
อีก เปียวรับรู้ แต่ไม่คิดจะทำตาม เด็กหนุ่มเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดีก่อนถาม
“คำสั่งหรือ?”
“เปียว!”
อลันกระแทกเสียงกับท่าทางดื้อรั้นของเด็กหนุ่ม เปียวถอนใจเบา ไม่อยากต่อความอะไรกับมิสเตอร์แอลแล้ว อยากกลับบ้าน
มากกว่าในเวลานี้
“ผมขอไปบริษัทพ่อผมหน่อยได้ไหม?”
“ไม่ได้”
คำขอของเปียวถูกปฏิเสธในทันที เด็กหนุ่มมองคนพูดอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไม?”
“ผมบอกว่าไม่ก็คือไม่สิ”
อลันยังคงย้ำคำเดิม ความหงุดหงิดเพิ่มขึ้นมาอีกเมื่อเปียวไม่ยอมหยุดกวนอารมณ์เขาให้ขุ่นมัว
“ผมไม่เข้าใจ ผมจะไปบริษัททีไรคุณห้ามตลอด มีอะไรกันแน่”
“แล้วคุณคิดว่ามันมีอะไรล่ะ?”
อลันย้อนถาม เลี่ยงที่จะตอบ เปียวพ่นลมหายใจหนักๆอย่างไม่พอใจก่อนจะผละไปโดยไม่ฟังที่อลันบอก อลันรีบดึงตัวกลับมา
“ผมบอกว่าไม่ให้ไป”
ชายหนุ่มเน้นย้ำ เปียวตวัดสายตากลับมามองคนที่จับแขนตนเองไม่ยอมปล่อยแล้วว่า
“คุณหงุดหงิดเพราะเธอมา”
“เพราะคุณไปวุ่นวายกับเธอต่างหาก”
อลันแก้ความเข้าใจเสียใหม่ เปียวพยักหน้าช้าๆก่อนบอก
“โอเค ผมเข้าใจ”
“ไม่ คุณไม่เข้าใจหรอกเปียว”
“ก็ได้ ผมไม่เข้าใจ ไม่เห็นจะเข้าใจคุณเลย!”
ระดับอารมณ์ของเปียวเริ่มคุกรุ่นขึ้นมาอีก มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เด็กหนุ่มเบือนหน้าไปทางอื่น ทั้งคู่เงียบกันไปชั่วครู่
ก่อนอลันจะพูดขึ้นมา
“เรากำลังทะเลาะกันเรื่องอะไรอยู่?”
“.............” เปียวเงียบไม่ตอบ เพราะตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าตนเองกำลังโกรธเรื่องอะไรอยู่กันแน่ รู้แต่ว่ามันอัดอั้นจนแทบทน
ไม่ไหวแล้วในตอนนี้
“คุณโกรธที่ผมไม่ให้ไปบริษัทหรือ?”
“ทำไมคุณต้องห้าม”
เปียวเอ่ยถามหาเหตุผลที่มิสเตอร์แอลเอาแต่โยกโย้ อลันพ่นลมหายใจด้วยความหงุดหงิดไม่แพ้กัน
“ก็ได้ ผมให้คุณไปก็ได้ เดี๋ยวผมจะไปด้วย”
“มิสเตอร์แอล!” เปียวเรียกอย่างเหลืออด
“คุณทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่าลงทุกวันแล้วรู้ไหม คุณทำเหมือนผมเป็นนักโทษ จะไปไหนทีต้องมีคนคอยตาม ตัดสินใจ
อะไรด้วยตัวเองก็ไม่ได้ ชีวิตผมวางอยู่ในมือคุณ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรกับมันผมก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะโต้แย้ง ผมเป็นลูกหนี้นี่ มีสิทธิ์อะไร
ที่จะโต้แย้งกัน ผมเหนื่อยแล้ว เหนื่อยเกินทน เมื่อไหร่ผมจะหลุดพ้นจากวงโคจรของคุณเสียที!”
เพราะความอัดอั้นทำให้เปียวหลุดทุกคำพูดที่ค้างอยู่ภายในใจออกมา เขาอึดอัดกับสถานะที่เป็นอยู่นี้จวนจะบ้าอยู่แล้ว มิสเตอร์
แอลชอบทำเหมือนเขาสำคัญ แต่แล้วมันกลับไม่ใช่
อลันนิ่งอึ้งกับสิ่งที่ได้รับรู้จากเปียว เขาเคยคิดว่าสักวันเรื่องระหว่างเขากับเปียวมันจะเป็นไปได้ แต่ความจริงจากเปียวมันช่างตอก
ย้ำเขาเหลือเกิน ให้เขารับรู้ว่าเปียวไม่เคยรัก และไม่มีวันจะมอบใจให้เขา
“อยากไปหรือปฏิญญา งั้นก็ไปสิ ไปเลย!”
อลันตะคอกใส่อย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่ เปียวเองก็ไม่คิดจะยอมลงให้เหมือนกัน เด็กหนุ่มคว้าโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียวที่ติดตัว
มาตั้งแต่แรกแล้วจะออกจากห้องไป ยังไม่ทันที่จะก้าวถึงประตูแขนก็ถูกกระชากกลับ ถูกจับเหวี่ยงไปที่เตียงนอนอย่างไร้ความ
ปรานี เปียวขยับลุกด้วยความจุกแต่กลับถูกกดให้ลงไปนอนอีกครั้ง อลันก้าวขึ้นคร่อมกาย เปียวมองตอบอย่างดื้อรั้น พยายามขืน
ตัวไว้แต่ก็เจ็บร้าวไปทั้งหัวไหล่เมื่อถูกอลันลงแรงกดหนักขึ้น
“คิดจะลองดีกับผมหรือ ทำดีด้วยนี่ไม่ชอบใช่ไหม ชอบที่จะอยู่กันอย่างร้ายๆสินะ ฮึ!”
อลันกดจูบจาบจ้วงไร้ซึ่งเสน่หา มีเพียงความโกรธกรุ่นที่แพร่กำจายไปทั่วสรรพางค์ เพราะความโกรธและความหวั่นกลัวที่ซ่อนลึก
ในหัวใจทำให้อลันขาดการยั้งคิด การกระทำต่อมาถึงได้ไร้ซึ่งความอ่อนโยน ไม่มีความรู้สึกใดนอกจากความเจ็บปวดที่อลันมอบ
ให้กับลูกหนี้อย่างเปียว แต่ถึงอย่างนั้นอลันกลับไม่ได้ยินเสียงวอนขอจากเปียวแม้แต่น้อย มีเพียงร่างกายที่ต่อต้านการรุกรานของ
เขาเท่านั้น
และทั้งที่การกระทำเช่นนี้มันควรจะทำให้เขารู้สึกสาแก่ใจ ที่ได้ทำให้ลูกไก่ในกำมือที่ปีกกล้าขาแข็งริจะลุกขึ้นมาต่อต้านเขาได้
รู้สึกเจ็บปวด ให้รู้และหลาบจำ แต่เขากลับไม่มีความสุขเลยสักนิด ยิ่งเปียวเจ็บ เขายิ่งเจ็บ เขากำลังทำร้ายหัวใจตัวเอง แต่เขาก็
ยังคงปิดหูปิดตาไม่ยอมรับรู้มัน…
+++++++++++++
หลังความโหดร้ายของมิสเตอร์แอลผ่านพ้น เปียวก็ยังคงนอนหันหลังให้เหมือนเคย จะมีสักครั้งไหมที่เขาจะได้โอบกอดเด็กคนนี้
ด้วยความเต็มใจของเจ้าตัว อลันจูบหัวไหล่แล้วไล่มาที่แผ่นหลัง มือสากระคายลูบวนที่ต้นขา ก่อนกระซิบถ้อยคำร้ายกาจ
“อยากให้ร้าย งั้นผมก็จะร้ายให้สมใจคุณ”
คำพูดแสนร้ายของมิสเตอร์แอลทำให้เปียวเจ็บ เจ็บไปทั้งหัวใจที่คิดจะรักและมอบใจให้คนๆนี้ สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ได้มีค่ามากพอ
ที่จะทำให้ผู้ชายอย่างมิสเตอร์แอลมองเห็นคุณค่าเขามากขึ้นเลยสักน้อยนิด เปียวหลับตาลงช้าๆ เขาอยากพักทั้งร่างกายและจิต
ใจที่บอบช้ำนี้ ไม่อยากรับรู้ว่ามิสเตอร์แอลจะทำอะไรอีกต่อไปแล้ว
TBC
เขียนไปก็น้ำตาไหลอ่ะ แง 
ต้อนรับการกลับบ้านด้วยน้ำตาซะงั้น ฮา
เพิ่งได้กลับบ้านเมื่อวานนี้ตอนบ่าย หลังจากอยู่โรงพยาบาลมาเสียหลายวันจนเหมือนจะเป็นบ้านของตัวเองอยู่แล้ว 
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกันมาโดยตลอดค่ะ
จะทยอยบวกให้นะคะ ลงให้ก่อนเดี๋ยวช้า^^
วันใหม่ค่ะ 
++++++++
ดิทค่าาา
จิ้มบวกหนึ่งให้ครบทุกท่านแล้วค่ะ
ได้เจาะไข่คุณAiiSoul ด้วยล่ะ 