ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ,
หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่
ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง
เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูก
เพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่อง
ก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง
ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมาย
ทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน
ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้ง
กระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่
คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลง
มาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่น
ชอบจริง ๆ
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้อง
เห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลาน
เข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
เล่ห์พรางรัก
ตอนที่ ๑ เล่ห์ซาตานร้านอาหารในห้างสรรพสินค้ายามเย็นย่ำ คลาคล่ำไปด้วยเหล่าผู้คนที่เลิกงานเลิกกิจกรรมที่ทำมาตลอดวันมาหาอะไรรองท้องกันให้อิ่มหนำ กลุ่มนักศึกษาในมุมหนึ่งของร้าน ต่างก็กำลังมีความสุขกับการทานอาหารในวันนี้ เนื่องด้วยเป็นวันที่ทุกคนมาร่วมกันฉลองหลังการสอบระดับปริญญาตรีเสร็จสิ้นลง และผลคะแนนออกมาเป็นที่น่าพอใจแล้ว บรรยากาศการทานอาหารของนักศึกษาที่กำลังจะกลายเป็นบัณฑิตกลุ่มนี้ดำเนินไปด้วยความชื่นมื่น แต่แล้วนักศึกษาชายหนึ่งในนั้นก็จำต้องลุกขอตัวกลับบ้านอย่างเร่งด่วน เมื่อทางบ้านโทรมาตามให้กลับในทันที
เพื่อนๆพากันแสดงความเสียดายที่เพื่อนชายคนดังกล่าวต้องกลับบ้านไปก่อน เด็กหนุ่มยิ้มให้เพื่อนก่อนจะออกจากร้านมา โดยมีเพื่อนอีกคนอาสาขับรถไปส่งบ้าน
“มีอะไรหรือเปล่าเปียว?”
เมื่อมานั่งบนรถแล้ว เจ้าของรถจึงเอ่ยถามเพื่อนที่ต้องรีบกลับ เปียว ปฏิญญา เด็กหนุ่มนักศึกษาที่เรียนเพิ่งจบ ในวันนี้เขาควรมีความสุขกว่าใคร แต่กลับต้องมานั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดกับปัญหาของทางบ้านที่เกิดขึ้นมาแบบปัจจุบันทันด่วน
“เราก็ไม่รู้ว่ามีอะไร แต่เสียงของพี่ชายตอนที่โทรมาบอกให้กลับบ้านไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ก็หวังว่ามันจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรงจนเกินไป”
เด็กหนุ่มเอนตัวพิงเบาะแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า ก็ได้แต่ภาวนาว่ามันจะไม่มีอะไรที่ร้ายแรงเกิดขึ้น ก็หวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้น หากจะมีสักวันที่ชีวิตของเขาจะมีความสุขบ้าง ก็อย่าให้ความรู้สึกนั้นมันหายไปเร็วนักเลย
ดูเหมือนว่าคำภาวนาของเด็กหนุ่มจะไม่เป็นผล เมื่อรถของเพื่อนมาจอดลงที่หน้าบ้าน พี่ชายของเด็กหนุ่มก็รีบออกมารับในทันที ไม่มีเวลาแม้แต่จะลาเพื่อน และไม่มีเวลาแม้แต่จะทันสังเกตว่าใกล้ๆบริเวณนั้นมีใครแอบซ่อนอยู่ในเงามืด
เปียวเดินตามแรงดึงของพี่ชายเข้ามาในบ้าน พี่ชายพาตรงไปที่ห้องรับแขก ที่ตรงนั้นมีพ่อกับแม่และน้องชายคนเล็กของเขานั่งอยู่ เมื่อเด็กหนุ่มเดินเข้าไปผู้เป็นพ่อก็บอกให้นั่ง สีหน้าของท่านดูเครียดขึ้งจนเปียวรู้สึกเกร็งไปหมด เมื่อเด็กหนุ่มนั่งลงแล้วท่านจึงเอ่ยถึงเรื่องที่ต้องเรียกลูกชายคนนี้กลับบ้านกะทันหัน
“เปียว”
“ครับ”
“พ่ออยากให้แกฟังพ่อให้ดีนะ”
“ครับ”
“ตอนนี้สถานการณ์ทางการเงินของบ้านเรากำลังแย่”
นายพรตเกริ่นนำแล้วดูปฏิกิริยาของลูกชาย เปียวนิ่งไปที่ได้ยินแบบนั้น เขาไม่เคยรู้ถึงเรื่องนี้ อาจจะมีบ้างที่มารดาคอยค่อนแคะเขาเรื่องเงินๆทองๆ แต่ไม่คิดว่าครอบครัวจะเจอปัญหาจริงๆ
“บริษัทของเราก็กำลังเข้าขั้นวิกฤติ อาจจะถูกฟ้องล้มละลายได้ในเร็ววันนี้”
“ทำไมผมไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยล่ะครับ?”
“แกจะไปรู้อะไร วันๆเอาแต่แรดไปกับเพื่อนน่ะ” นางวลัยแหวขึ้นมาทำให้เปียวหน้าเสีย
“คุณ”
นายพรตปรามภรรยาที่เชิดหน้าคอตั้ง ก่อนจะสะบัดไปทางอื่น ไม่ใคร่อยากจะมองหน้าเปียวสักเท่าไหร่
“พ่อไม่อยากให้แกต้องมาไม่สบายใจตามพ่อไปด้วย แกยิ่งกำลังจะเรียนจบ พ่อถึงไม่เคยบอก แต่ตอนนี้มันเกินกำลังที่พ่อกับพี่พงศ์จะรับไหวแล้ว แกเองก็เรียนจบแล้วก็น่าจะทำอะไรได้อยู่”
“ผมจะช่วยเต็มที่ครับพ่อ มีอะไรที่ความสามารถของผมจะทำได้ ผมจะทำครับ”
คำพูดนั้นทำให้คนในห้องแอบลอบยิ้มสมใจโดยที่เด็กหนุ่มเจ้าของคำพูดไม่มีทางได้รู้
“เรื่องที่ช่วยได้มันก็มีอยู่น่ะนะ ขึ้นอยู่กับว่าแกจะยอมช่วยไหม” คุณพรตเอ่ยถามลองเชิง
“อะไรครับ?”
“พ่อไปกู้เงินเขามาต่อลมหายใจให้บริษัทเราน่ะ แล้วตอนนี้กิจการเรากำลังแย่เลยยังไม่มีส่งคืนเขา เจ้าหนี้เขาเลยจะมาเทคโอเวอร์บริษัทเรา”
“อะไรนะครับ?” สิ่งที่บิดาพูดทำให้เปียวตกใจยิ่งกว่าเก่า นี่ปัญหามันใหญ่เกินไปแล้วไม่ใช่หรือ
“แต่ว่า เขามีข้อเสนอมาน่ะ…”
“ข้อเสนอ?”
“ใช่”
“เขาบอกว่าเขาถูกใจแก อยากให้แกไปอยู่กับเขา แล้วเขาจะผ่อนปรนหนี้ให้”
“นี่ หมายความว่า…” เด็กหนุ่มถึงกับโกรธจี๊ดขึ้นมาเมื่อฟังข้อเสนอของทางนั้น “มันบ้าไปแล้ว ผมเป็นคนนะ คนนั้นเขาคิดอะไรของเขาถึงได้จะเอาผมไปขัดดอกแบบนี้น่ะ เป็นผู้หญิงที่แย่มาก”
“เปล่า”
“ครับ?”
“เขาเป็นผู้ชาย”
เปียวชะงักค้างกับคำที่นายพรตบอก เหมือนจะได้ยินไม่ถนัด ผู้เป็นบิดาจึงย้ำให้ฟังอย่างชัดเจนอีกหนึ่งรอบ
“เจ้าหนี้ของเราเป็นผู้ชาย”
....................
“แม่ว่ามันจะเชื่อที่เราพูดไหมอ่ะ?”
พิชญเอ่ยถามผู้เป็นมารดาเมื่อเปียวขึ้นบ้านไปแล้ว เด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าเปียวเพียงปีเดียวเท่านั้น ที่น่าแปลกคือนอกจากผู้เป็นบิดาเช่นนายพรตแล้ว คนบ้านนี้ไม่มีใครที่มีส่วนคล้ายเปียวเลยสักคน และที่สำคัญคือต่างก็แสดงออกว่าเกลียดชังเปียวจับจิต ไม่ใช่เปียวไม่สงสัยว่าตนเองใช่ลูกของบ้านนี้จริงหรือไม่ แต่สงสัยไปแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา ในเมื่อคนที่เลี้ยงดูมาตลอดคือคนบ้านนี้ บุญคุณมีก็ต้องตอบแทนกันไป ไม่จำเป็นต้องสงสัยอะไรทั้งนั้น
“เชื่อสิ ลองให้พ่อแกเป็นคนพูด อะไรๆมันก็เชื่อทั้งนั้นล่ะ”
นางวลัยพูดด้วยน้ำเสียงและสายตาเหยียดหยัน นายพรตถอนหายใจเฮือกใหญ่กับท่าทีของภรรยา ก่อนจะลุกหนีไป นางวลัยมองตามสามีแล้วทำปากขมุบขมิบไล่หลัง ทำเป็นทนฟังไม่ได้ โธ่เอ๊ย! มันก็มือถือสากปากถือศีลด้วยกันทั้งนั้นล่ะ
“ผมว่ามันเกินไปหน่อยนะครับแม่ เปียวเขาไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้สักหน่อย เรากลับโยนไปให้เขาแบบนี้มัน…”
“งั้นแกไปแทนมันไหมล่ะ นายมิสเตอร์แอลนั่นคงชอบหรอกมั้งกล้ามใหญ่ๆแบบแกน่ะ”
นางวลัยว่าประชดลูกชายคนโตที่เอ่ยแย้งความคิดของนาง ริมฝีปากที่ฉาบทาด้วยลิปสติกสีแดงสดบิดเบ้หมิ่นแคลนเมื่อเอ่ยถึงบุคคลที่สาม นายเปียวกับนายมิสเตอร์นั่นคงเหมาะกันดี คนหนึ่งก็ตาแก่ตัณหากลับที่มีรสนิยมทางเพศแสนวิปริต ส่วนอีกคนก็แรดร่านไม่แพ้กัน พวกคนสกปรก เหมาะกันดีแท้
“ให้มันไปน่ะดีแล้วพี่พงศ์ พีจะได้ไม่ต้องไป อี๋ ตาแกนั่นวิปริตอ่ะ เรื่องอะไรมาเจาะจงว่าพีต้องไป แหยะ น่ารังเกียจ แค่คิดก็ขนลุกแล้วอ่ะ”
พิชญทำท่าขนลุกขนพองประกอบการพูด พงศกรส่ายหน้าแล้วถอนหายใจอย่างหนักอก สงสารน้องก็สงสารหรอก แต่คนเราย่อมต้องเอาตัวรอดก่อนสิ่งอื่นอยู่แล้ว และก็อย่างที่พิชญว่า คนที่ต้องไปอยู่กับมิสเตอร์แอลที่เอ่ยถึงกันคือพิชญ ไม่ใช่ ปฏิญญา
...................
เปียวที่ได้รับรู้ปัญหาของครอบครัวก็ไม่ยอมอยู่เฉย เด็กหนุ่มพยายามที่จะหาทางรอมชอมกับมิสเตอร์แอลในเรื่องการขัดดอกที่ต้องเอาตัวเข้าแลก แบบนี้มันริดรอนสิทธิกันจนเกินไป ถึงอย่างไรเขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีสิทธิเท่าเทียมกับคนอื่นๆ ชีวิตและร่างกายเขาไม่ได้มีไว้ซื้อขายหรือขัดดอก เด็กหนุ่มมาที่บริษัทการเงินของมิสเตอร์แอล เขาไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ว่าประวัติความเป็นมาของชายคนนี้เป็นเช่นไร รู้ เท่าที่บิดาบอกว่าเขาเป็นหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบปลายๆ และมีรสนิยมชอบเด็กหนุ่มๆ เปียวจึงต้องไปหาข้อมูลของมิสเตอร์แอลเพิ่มเติม แต่กลับคว้าน้ำเหลว เพราะเขาไม่เปิดเผยเรื่องส่วนตัวสักเท่าไหร่ มีเพียงประวัติความเป็นมาของบริษัทการเงินเท่านั้นที่หาได้
เปียวมาถึงบริษัทของมิสเตอร์แอลแล้วเข้าไปติดต่อที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ว่าขอพบมิสเตอร์แอล รออยู่นานมากกว่าที่ประชาสัมพันธ์ของบริษัทจะมาเชิญเด็กหนุ่มให้ขึ้นไปชั้นทำงานของผู้บริหาร เมื่อมาถึงก็บอกกับเลขานุการหน้าห้องให้เรียนบุคคลด้านในให้ เธอกดโทรศัพท์เข้าไปในห้องทำงานของมิสเตอร์แอล ก่อนจะลุกไปเปิดประตูให้เด็กหนุ่มเมื่อได้รับอนุญาตจากคนด้านในแล้ว เปียวบอกขอบคุณคุณเลขาฯ ก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องดังกล่าว
ชายหนุ่มเจ้าของห้องเมื่อแรกที่ได้รับรายงานว่ามีเด็กหนุ่มนามปฏิญญามาขอพบก็ออกจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยว่าตนเองรู้จักเด็กคนนี้ด้วยหรือ แต่พอได้รับรายงานต่อมาว่าเป็นบุตรชายคนรองของบริษัทรับเหมาพฤทธาการกรุ๊ป ถึงได้รู้ว่าเด็กคนนั้นมาหาเขาด้วยจุดประสงค์ใด ก็ดูเป็นคนมุ่งมั่นดี ทั้งที่เขาแกล้งให้นั่งรอนานสองนานยังไม่ถอดใจไปไหน
หลังจากได้รับรายงานผ่านอินเตอร์โฟนจากเลขานุการสาวหน้าห้อง ชายหนุ่มก็เอ่ยอนุญาตให้เด็กคนนั้นเข้ามา เพียงประตูห้องทำงานเปิดออกสายตาของเขาก็จับจ้องไปยังบุคคลที่ก้าวเข้ามาทันที ชายหนุ่มเจ้าของห้องมองแขกที่มาหาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ากันเลย รูปร่างสูงปราดเปรียว ท่วงท่ามั่นใจเวลาก้าวเดินเข้ามาหาเขานั่นเรียกรอยยิ้มให้จุดบนริมฝีปากหยักลึกได้ดีทีเดียว แอบเห็นแววแปลกใจในดวงตาวาวใสนั้น คงจะแปลกใจที่เขาไม่ได้แก่หงำเหงือกอย่างที่คิดไว้ล่ะสิ ก็คนที่พ่อเด็กคนนี้เห็นนั่นน่ะคือลูกน้องของเขาต่างหากล่ะ
เปียวที่เดินเข้ามาในห้องทำงานของมิสเตอร์แอลคิ้วขมวดเล็กๆ เมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่นั่นคือชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่แบบลูกครึ่งตะวันตก หน้าตาที่ผสมผสานระหว่างเอเชียกับตะวันตกได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ดูอย่างไรอายุก็ไม่น่าจะถึงสี่สิบปีแม้แต่น้อย หรือเราจะเข้าห้องผิด?
“คุณไม่ได้เข้าผิดห้องหรอกครับ ผมอลัน หรือที่ใครๆรู้จักกันในนามมิสเตอร์แอลครับ”
เหมือนฝ่ายนั้นจะรู้ว่าเปียวคิดอะไรอยู่ถึงได้ตอบมาเสียตรงอย่างนั้น อลันหรือแอล เชื้อเชิญให้เด็กหนุ่มนั่งลงที่เก้าอี้นั่งด้านหน้าโต๊ะทำงานของตนเอง เลขานุการหน้าห้องนำน้ำและของว่างมาให้ก่อนออกไปทำหน้าที่ของตนเอง อลันจึงได้ถามจุดประสงค์ในการมาของเด็กหนุ่มในครั้งนี้
“ผมมีเรื่องอยากจะเจรจากับคุณสักหน่อย มิสเตอร์แอล”
อลันยิ้มมุมปากเมื่อเด็กหนุ่มเปิดประเด็นทันทีที่เขาเปิดโอกาสให้พูด ใจร้อนจริงนะเจ้าหนู
“ผมว่า ก่อนที่เราจะคุยกันนี่ เราน่าจะทำความรู้จักกันก่อนนะครับ หรือคุณว่ายังไง?”
ชายหนุ่มตัวโตเลิกคิ้วถาม เอนกายนั่งสบายๆ มองเด็กหนุ่มตรงหน้าไปด้วย สีหน้าของเจ้าหนูนี่ไม่ค่อยจะปิดอะไรได้สักเท่าไหร่เลย หัวคิ้วของเปียวขมวดมุ่น คนนี้แค่แกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขาหรือไม่รู้จักจริงๆ ไหนพ่อบอกว่าคนๆนี้ถูกใจเขาจนต้องการให้ไปอยู่ด้วยไม่ใช่หรือ เปียวขยับนั่งหลังตรง ก่อนจะเอ่ยแนะนำตัวตามมารยาท
“ผม ปฏิญญา ลูกชายของคุณพรต พฤทธาการ เจ้าของบริษัทที่คุณจะเข้าไปเทคโอเวอร์”
“อ้อ! ครับ ไม่ทราบว่าลูกชายเจ้าของบริษัทมีธุระอะไรกับผมหรือครับ?”
คำแนะนำตัวที่ตรงและฉะฉานทำให้อลันพอใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ยังคงกวนเด็กหนุ่มตรงหน้าอยู่
“ผมต้องการตกลงกับคุณใหม่ เรื่องหนี้ที่เราติดค้างคุณ เราจะหามาใช้คืนแน่ แต่ข้อตกลงที่ว่าผมต้องมาอยู่กับคุณนั้น ผมขอให้คุณพิจารณาใหม่” เปียวพูดอย่างจริงจังทุกคำ เน้นย้ำชัดเจนถึงเจตนารมณ์ที่ตนเองมา ณ ที่แห่งนี้
“หือ? คุณจะมาอยู่กับผมหรือเด็กน้อย?” อลันเลิกคิ้วแปลกใจอีกครั้ง นี่คงมีการตกลงนอกรอบกันระหว่างนายพรตกับลูกน้องของเขาสินะ
“ผมว่าคุณก็ยังไม่แก่ถึงขั้นจะหลงๆลืมๆนะ” เปียวแอบจิกกัดเล็กๆน้อยๆ
“เมื่อกี้คุณบอกว่าชื่ออะไรนะเด็กน้อย?”
“ปฏิญญา... ครับ”
เด็กหนุ่มบอกชื่อตนเองอีกครั้งอย่างเสียมิได้ เกือบจะไม่ใส่คำลงท้ายแล้ว แต่เห็นสายตาดุมองมาจึงจำต้องรักษามารยาทกันหน่อย อลันลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานแล้วเดินอ้อมโต๊ะมาสำรวจเด็กหนุ่มอย่างถี่ถ้วน แต่มันเป็นการกระทำที่จ้วงจาบหยาบคายมากในสายตาของเปียว
“อืม ดูภายนอกแล้วก็พอใช้ได้ ไม่ผอมจนเกินไปนัก เวลากอดกระดูกคงไม่ทิ่มให้เจ็บ” อลันกอดอกลูบคางมองเด็กหนุ่มราวประเมินพ่อม้าชั้นดี
“นี่คุณ!” เด็กหนุ่มเหมือนโดนตบหน้าอย่างรุนแรงกับคำวิจารณ์ที่ชายคนนี้มีให้ ขยับลุกจากเก้าอี้นั่งมาเผชิญหน้าทันที
“แต่ภายในยังต้องพิสูจน์นะเจ้าหนู”
อลันยังคงเอ่ยเนิบช้า ไม่ได้เต้นไปกับท่าทางฉุนเฉียวของเด็กน้อยตรงหน้า ทั้งยังคลายแขนที่กอดอกไปเกี่ยวเอวของเด็กหนุ่มเข้ามาหาอย่างเร็วไว
“อ๊ะ!!”
“คิดจะมาต่อกรกับเสือ เตรียมใจมาดีรึยังที่จะถูกขย้ำ!”
“อื้อออ”
อลันยื่นหน้าเข้าไปใกล้ท่าทางคุกคาม ริมฝีปากเฉี่ยวเป้าหมายไปเพียงน้อยนิดเมื่อเจ้าของหันหลบ เปียวยกมือกันริมฝีปากที่ใกล้เข้ามาแล้วหลับตาปี๋ อลันถอยกลับก่อนเปลี่ยนเป้าหมายมางับที่ใบหูบาง ร่างในอ้อมแขนสะดุ้งเฮือกหันมามองหน้าคนทำอย่างตกใจ เปิดโอกาสให้ชายหนุ่มตัวโตกดริมฝีปากจูบลงไปอย่างถนัดถนี่ เด็กหนุ่มตาโตด้วยความตกใจ เม้มปากแน่นไม่ยอมให้รุกล้ำ มือหนาที่กอดเกี่ยวเอวบางลูบลงไปก่อนจะบีบสะโพกหนั่นแน่นเบาๆทำให้เปียวเผลอร้องอุทาน
อลันสบโอกาสสอดปลายลิ้นเข้าไปเลาะเล็มในโพรงปาก ดูดดุนลิ้นเล็ก หยอกเย้า ก่อนจะเปลี่ยนเป็นดูดดื่มและร้อนแรงมากขึ้นจนเปียวแทบสำลักลมหายใจ มือเรียวที่ตั้งท่าผลักดันในคราแรกกลับวางนิ่งบนอกหนา ขยุ้มกำเนื้อผ้าจนยับย่นเมื่อชายหนุ่มตัวโตนำพาให้ลอยละล่องไปตามรสจูบที่แสนแรงร้อน เมื่ออลันถอนจูบร่างเด็กหนุ่มก็อ่อนระทวยซวนซบอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรง ชายหนุ่มก้มลงกดจูบส่งท้ายหนักๆอีกครั้งก่อนจะปล่อยให้เปียวเป็นอิสระจริงๆ
“หวานใช้ได้ ... ผ่าน”
กระซิบบอกข้างหู หน้าตาเจ้าเล่ห์ เปียวหน้าร้อนวูบกับคำพูดนั้น มือผลัก อลันออกห่างอย่างเจ็บใจ อลันเพียงยกยิ้มมุมปากดังเคย ก่อนจะพูดกับเด็กน้อยที่ใช้หลังมือเช็ดปากอย่างไม่เกรงใจคนจูบอย่างตนเองสักนิด
“นั่งรอที่โซฟาก่อนไหม เดี๋ยวผมเคลียร์งานเสร็จแล้วจะไปส่ง”
“ไม่ ผมมาเองก็กลับเองได้”
เปียวปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ทำหน้าไม่ถูกเมื่อสายตาคมของคนตัวโตมองริมฝีปากที่เจ่อบวมของตนเอง เด็กหนุ่มเม้มปากก่อนจะหันกลับเพื่อจะออกจากห้องนี้ไป แขนเรียวถูกคว้าเอาไว้ ก่อนที่น้ำเสียงยั่วเย้ากวนอารมณ์จะลอยมาหูให้หน้าร้อนขึ้นไปอีก
“หวังว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันในเร็ววัน”
เปียวสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมแล้วตรงดิ่งออกไปจากห้องนี้ในทันที นี่เขามาทำอะไรที่นี่ มาให้เขาลวนลามถึงที่เลยแบบนี้หรือ จะบ้าตาย และที่เหนือกว่าอะไรทั้งหมด ทำไมเขาถึงไม่ได้รังเกียจต่อสัมผัสที่ได้รับเลยล่ะ โอย ท่าจะแย่แล้วเปียว
อลันมองตามเด็กที่รีบออกจากห้องทำงานของตนเองอย่างเร็วไวแล้วยิ้มขำ ก่อนรอยยิ้มที่มีจะกลายเป็นความเคร่งขรึมเย็นชาในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่เด็กหนุ่มพ้นประตูห้องไป ชายหนุ่มตัวโตต่อโทรศัพท์หาลูกน้องคนสนิทก่อนจะสั่งการให้จัดการนายพรตกับคนที่ไปตกปากรับคำผ่อนปรนหนี้สินของบริษัทพฤทธาการกรุ๊ปในชื่อของเขา เพียงเพื่อแลกกับเด็กหนุ่มแสนหวานคนนั้น แม้จะน่าสนใจอยู่ไม่น้อย แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาพอใจสักนิดหากลูกน้องคนนั้นจะได้เด็กปฏิญญานี่ไป
................
เปียวกลับมาบ้านในตอนเกือบค่ำเพราะไปปรับอารมณ์ตนเองที่บ้านเพื่อนก่อนกลับมา ไม่อยากเอาความรู้สึกแปลกประหลาดนั้นกลับมาบ้านด้วย โดยที่ไม่รู้ว่าบ้านกำลังวุ่นวายกันเพราะคิดว่าเด็กหนุ่มหนีไปแล้ว พอกลับมาถึงมารดาอย่างนางวลัยก็ด่ากราดทันทีที่เห็นหน้า พี่ชายอย่างพงศกรรีบห้ามผู้เป็นมารดาว่าเดี๋ยวแผนแตก เปียวบอกว่าไปคุยกับทางมิสเตอร์แอลมายิ่งทำให้โดนโวยเข้าไปอีก พี่ชายถามว่าเป็นอย่างไร เปียวจึงบอกไปว่าเขาไม่ยอมยกเลิกยังยืนยันจะให้ไปอยู่กับเขาให้ได้
นายพรตเดินออกมาจากในตัวบ้านด้วยสีหน้าโกรธกรุ่น ก่อนจะเงื้อฝ่ามือตบหน้าลูกชายคนรองเสียงดังจนนางวลัยต้องยกมือปิดปากกันเสียงอุทานวี้ดว้ายของตนเอง ไม่เคยเห็นสามีตบตีนายเปียวมาก่อนเลยสักครั้ง
“แกทำอะไรเปียว แกไปทำอะไรมา แกรู้ไหมว่าทางนั้นเขาเร่งรัดการใช้หนี้คืนมาเร็วขึ้นไปอีก เพราะแก เพราะแกเลยที่ไปทำให้เขาไม่พอใจ ไอ้ลูกชั่ว!!”
เปียวแทบไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่าบิดาตนพูดอะไรบ้าง มือเรียวกุมแก้มข้างที่ถูกตบค้างอยู่แบบนั้น
“ฉันจะส่งแกไปอยู่กับเขาให้เร็วที่สุด เตรียมตัวเอาไว้เลย!”
นายพรตพูดจบเท่านั้นแล้วจะผละไป แต่เสียงของเปียวก็หยุดเขาเอาไว้เสียก่อนที่จะได้ก้าวไปไหน
“ผมเป็นลูกพ่อจริงๆหรือเปล่า!”
เปียวตะโกนถามไล่หลังอย่างสิ้นสุดความอดทนทั้งหมดที่มีอยู่ ผู้เป็นบิดาหันมามองหน้าลูกชายช้าๆ ก่อนจะเอ่ยถามแทบเป็นตวาดกลับมาทั้งสีหน้าที่โกรธกรุ่น
“อะไรนะ เมื่อกี้แกว่ายังไงนะไอ้เปียว หา!!?”
“พ่อทำเหมือนผมไม่ใช่ลูก ทำไมต้องผลักไสผมไปให้นายคนนั้นด้วย”
เปียวยังร้องหาเหตุผลอย่างรวดร้าว ทำไมพ่อถึงสละเขาง่ายดายปานนี้ ถ้าคนๆนั้นเจาะจงว่าต้องเป็นพีหรือพี่พงศ์บ้าง พ่อจะยอมให้ไปง่ายๆแบบนี้ไหม
“นี่มันคือความอยู่รอดของบ้านเรานะเปียว ถ้าเกิดแกไม่อยากทำก็ได้ ก็รอดูหายนะที่จะเกิดกับครอบครัวเราแล้วกัน ไอ้เด็กอกตัญญู!!”
เสียงตวาดก้องนั้นไม่เท่าถ้อยคำที่เอ่ยออกมา มันช่างทำร้ายเขาได้มากมายนัก เขาคือคนอกตัญญูอย่างนั้นหรือ หากไม่ยอมทำตามสิ่งที่บิดากับคนๆนั้นต้องการ เขาจะกลายเป็นคนอกตัญญูสินะ เปียวมองตามผู้เป็นบิดาที่ฮึดฮัดออกไปแล้วก็ก้มหน้าลง มันรวดร้าวเหมือนน้ำตาจะไหล แต่มันก็ไม่ไหลออกมาแม้สักหยด
เขาจำต้องยอมให้ผู้ชายคนนั้นเหยียบย่ำศักดิ์ศรีจริงๆน่ะหรือ?
TBCเปลี่ยนแนวนิดหนึ่ง แนวนี้เรียกแนวอยากเขียน ฮา
ขอฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ 
แนะนำติชมกันได้เช่นเคยค่ะ
วันใหม่ค่ะ
แอบย่องมาบอก น้องเปียวมีรวมเล่มแล้วนะคะ ><
น้องเปียว แอนด์ มิสเตอร์แอล งามแจ่ม 
เล่ห์พรางรักสารบัญค่ะ
ตอนที่ ๒ตอนที่ ๓ตอนที่ ๔ตอนที่ ๕ตอนที่ ๖ตอนที่ ๗ตอนที่ ๘ตอนที่ ๙ตอนที่ ๑๐ตอนที่ ๑๑ตอนที่ ๑๒ตอนที่ ๑๓ตอนที่ ๑๔ตอนที่ ๑๕(ครึ่งแรก)ตอนที่ ๑๕(ครึ่งหลัง)ตอนที่ ๑๖ตอนที่ ๑๗ตอนที่ ๑๘ตอนที่ ๑๙ตอนที่ ๒๐ตอนที่ ๒๑ตอนที่ ๒๒ตอนที่ ๒๓ตอนที่ ๒๔บทส่งท้ายขอบคุณบวกชี้แจง***ขอบคุณ คุณ udongjay นักอ่านแสนใจดี ที่ทำสารบัญมาให้ค่ะ
***