เล่ห์พรางรัก
ตอนที่ ๔ เล่ห์รักร้าย
บริษัทพฤทธาการในเวลาต่อมาได้รับความกระเทือนอย่างหนัก เมื่อฮิโรยูกิ คาเสะเข้าแทรกแซงบริษัท จนนายพรตถึงกับล้มป่วย
ด้วยความกดดัน ทำให้ความกดดันทั้งหมดตกมาอยู่ที่เปียว เมื่อไปเยี่ยมพ่อแล้วพี่ชายขอให้ช่วย
พงศกรพาน้องชายไปหาที่นั่งคุยกันที่ร้านกาแฟใกล้โรงพยาบาล หลังจากที่เปียวเข้าไปเยี่ยมผู้เป็นพ่อแล้ว เด็กหนุ่มเดินหน้าซีด
เซียวตามพี่ชายออกมา และตามหลังมาด้วยคนของมิสเตอร์แอลที่ส่งมาคอยดูแลเปียว หรือจะบอกว่าส่งมาคุมก็ไม่ผิดนัก
เปียวที่เห็นสภาพร่างกายและจิตใจที่ทรุดโทรมของพ่อในวันนี้แล้วก็ให้รู้สึกสะท้อนใจ พ่อคงเครียดมากจริงๆถึงได้บอกเขาขอร้อง
มิสเตอร์แอลให้ยอมปล่อยเงินกู้ให้อีกครั้ง แต่หนี้ที่มีอยู่ก้อนโตก็ยังไม่ได้ใช้คืนเขา ถ้าเกิดสร้างหนี้สินมากขึ้นไปอีกภาระผูกพันก็
จะยิ่งเยอะตามไปด้วยไม่มีจบสิ้น แต่ถ้าไม่ทำเช่นนั้นบริษัทก็ไปไม่รอด ไม่ว่าทางไหนก็แย่อยู่ดี
“เปียว”
“ครับ?”
เสียงพี่ชายเอ่ยเรียกทำให้เปียวหลุดจากภวังค์ พงศกรที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับน้องชายในร้านกาแฟ เหลือบไปมองด้านหลังที่มีคน
ของมิสเตอร์แอลนั่งอยู่แล้วเอ่ยถามน้อง
“นายคนนั้นน่ะ ต้องคอยตามเราทุกฝีก้าวเลยหรือ?”
“เขาทำตามหน้าที่น่ะครับพี่ชาย”
เปียวมองข้ามไหล่พี่ชายไป ก่อนจะยิ้มบางแล้วบอกตามจริง เหมือนจะไม่รู้สึกอะไร แต่ที่จริงแล้วเปียวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่า
ตนเองเหมือนนักโทษ อาจจะดีกว่าหน่อยก็ตรงที่สามารถออกมาด้านนอกกรงขังได้ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ยังมีคนมาคอยคุมอยู่ดี
“ลำบากมากไหมเปียว?”
คำถามของพี่ชายทำให้เปียวชะงัก เด็กหนุ่มเพียงแค่ยิ้มแล้วไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
“ขอโทษนะ พี่มันไร้ความสามารถ ทำให้เปียวต้องลำบากไปด้วย” พงศกรพูดกับน้องสีหน้าเศร้า
“พี่ชายทำดีที่สุดแล้วครับ เปียวไม่ค่อยรู้เรื่องบริหารงานอะไรในบริษัทเท่าไหร่ ก็มีพี่คนเดียวที่ช่วยได้นะ เราต้องผ่านมันไปได้แน่”
เปียวให้กำลังใจพี่ชาย ทั้งยังเป็นการปลอบใจตนเองอีกด้วย หวังว่านะ เขาหวังว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดี
พงศกรมองน้องแล้วก็รู้สึกผิด คนทุกคนย่อมมีความเห็นแก่ตัวด้วยกันทั้งนั้น แต่จะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับตัวคนๆนั้น และเขาก็เป็น
เพียงคนธรรมดาคนหนึ่งที่ละกิเลสไม่พ้น ก็ได้แต่ขอโทษน้องในใจที่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ ที่ทำได้ตอนนี้คือต้องต่อ
กรกับนายคาเสะคนนั้นให้ได้ เพื่อความอยู่รอดของตนเองและครอบครัว
+++++++++++++
พงศกรกลับมาที่บริษัทในวันเดียวกันนั้น เพราะได้รับแจ้งจากเลขาฯว่ามีผู้แอบอ้างเป็นนายฮิโรยูกิ คาเสะมาที่นี่ พงศกรเร่งรุดไป
ยังห้องทำงานของบิดา ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ชายหนุ่มผิวขาว หน้าตาออกไปทางตี๋ บ่งบอกได้
เป็นอย่างดีว่ามีเชื้อชาติใด ชายหนุ่มผู้นั้นนั่งอยู่ที่เก้าอี้ทำงานของพ่อเขาด้วยท่าทีสบายอารมณ์
“คุณมีสิทธิ์อะไรเข้ามาในห้องนี้!”
พงศกรตะคอกถามด้วยความโกรธ เขาพอรู้อยู่ว่านายคนนี้คือใคร และเพราะรู้ถึงได้โกรธมากมายเช่นนี้ หนุ่มตี๋คนนั้นค่อยลุกขึ้น
จากเก้าอี้ช้าๆ ร่างสูงสมส่วนนั้นเดินอ้อมโต๊ะมาประจัญหน้ากับพงศกรอย่างกวนอารมณ์ มุมปากบางยกยิ้มคล้ายเย้ยหยันอยู่ในที
นั่นยิ่งทำให้พงศกรแทบอยากขย้ำคอนายคนนี้ให้ตายคามือ ฮิโรยูกิ คาเสะ!
“คุณอาจจะยังไม่ทราบ ว่าผมคือผู้ถือหุ้นรายใหม่ของบริษัทคุณ”
ชายหนุ่มเจ้าของคำพูดยิ้มเยือน แต่คนฟังกลับคิ้วกระตุก สีหน้ายังถมึงทึงอยู่ไม่เปลี่ยน มือเรียวสวยถูกยื่นมาตรงหน้าพร้อมคำแนะนำตัว
“ผม คาเสะ ฮิโรยูกิครับ มิสเตอร์พงศกร”
พงศกรมองมือที่ยื่นมานิ่ง ก่อนจะยื่นไปสัมผัสด้วยอย่างเสียมิได้ ในเมื่อเขาแสดงมารยาทมาเราจะไร้มารยาทกลับไปก็กระไรอยู่
มองรอยยิ้มมุมปากนั่นแล้วพงศกรก็ยังไม่ชอบใจอยู่ดี และที่สำคัญ นายคาเสะคนนี้คงทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ถึงได้กล้ามาที่นี่
ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหม่ ก็จะคอยดู ว่าใครจะแน่กว่าใคร
ขณะที่ผู้เป็นพี่ชายกำลังเผชิญศึกกับนายคาเสะอยู่ ส่วนเปียวเมื่อแยกกับพี่ชายแล้วก็กลับมาที่คอนโดฯ ระหว่างทางก็คิดหนักถึง
สิ่งที่จะทำ มันหมดสิ้นหนทางแล้วจริงหรือ ท่าทางมิสเตอร์แอลก็ไม่ได้ขาดแคลนคู่นอนสักเท่าไหร่ แค่กระดิกนิ้วก็มีมาให้เลือกไม่
ขาดแล้วกระมัง แต่สิ่งที่เขาต้องการจากเปียวก็คือเซ็กซ์มิใช่หรือ เด็กหนุ่มถอนหายใจเมื่อหาทางเลี่ยงไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
+++++++++++++
ข่าวการเข้าแทรกแซงบริษัทพฤทธาการของนายคาเสะถึงหูอลันอย่างรวดเร็ว เมื่อคมนำเรื่องนี้มาบอกกับผู้เป็นนาย อลันเพียงยิ้ม
ขำกับสถานการณ์ ก่อนจะเปรยกับลูกน้องคนสนิท
“นายคาเสะนี่ร้ายจริงๆเลยนะ”
“แล้วใครสั่งให้ร้ายล่ะครับ?” คมย้อนถามหน้านิ่ง
“รู้ดี” อลันเพียงตอบกลับสั้นๆอย่างรู้กัน
“ติดต่อฮิโระให้ด้วย ว่าจะให้รางวัลสักหน่อยที่ทำงานดี ผลงานเป็นที่น่าพอใจ”
คมแอบส่ายหน้ากับท่าทางที่เห็นเป็นเรื่องสนุกของผู้เป็นนาย ก็ไม่เข้าใจว่าที่ให้ฮิโรยูกิไปกว้านซื้อหุ้นบริษัทที่กำลังตกต่ำถึงขีด
สุดนั้นไปเพื่ออะไร ที่สำคัญ อีกไม่นานบริษัทนั้นก็จะมาเป็นของเจ้านายเขาโดยสมบูรณ์อยู่แล้ว ไม่เห็นเหตุสำคัญใดที่ต้องเสีย
เงินทองมากมายไปกับการกระทำเช่นนี้เลย หรือจะเป็นเพราะรายงานที่ได้จากนักสืบนั้น หรือเพราะอะไรอื่นที่เขาไม่รู้ เดาใจเจ้า
นายไม่ถูกจริงๆ
ขณะที่คมกำลังต่อสายถึงนายคาเสะเสียงเคาะประตูห้องทำงานก็ดังขึ้น ก่อนที่เลขานุการหน้าห้องจะทันได้รายงานอะไรชายหนุ่ม
เจ้าของหัวข้อสนทนาก็เดินเข้ามา ค้อมศีรษะให้เจ้าของห้องอย่างอลันเล็กน้อย ทีท่าดูจะกวนอารมณ์มากกว่าจะทำเพราะนอบน้อม
จริงจัง พร้อมคำกล่าวที่ตามมา
“ไม่ต้องโทรไปหรอกครับ ผมมาหาถึงที่แล้ว ... เจ้านาย”
+++++++++++++
ณ คอนโดมิเนียมหรูใจกลางกรุง
เปียวที่คิดไม่ตกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็เริ่มจะเครียด เด็กหนุ่มเดินวนไปมาหลายรอบด้วยความสับสน ถอนหายใจอีกหลายครั้ง
ด้วยความกลัดกลุ้ม ทำไมมรสุมมันถึงโถมเข้าใส่ชีวิตเขาทุกทางแบบนี้ ทั้งที่เพิ่งเรียนจบปริญญายังไม่ทันจะได้รับด้วยซ้ำ มีเรื่อง
น่ายินดีรอเขาอยู่ แต่ตอนนี้เรื่องไม่น่ายินดีกลับอยู่ตรงหน้าแล้ว
พอมิสเตอร์แอลกลับมาจากที่ทำงานเปียวก็ยังคงทำเฉยอยู่ ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร จะเข้าไปยั่วเลยก็ท่าจะไม่ดีแน่ และที่สำคัญ
เขายั่วใครเป็นเสียที่ไหน ถ้ายั่วโมโหล่ะว่าไปอย่าง
อลันที่กลับเข้าห้องมารู้สึกได้ว่าเด็กน้อยของเขามีท่าทีที่แปลกไป เหมือนมีอะไรจะพูด แต่ก็ไม่กล้าที่จะพูด พอเห็นว่าเป็นแบบ
นั้นอลันก็ไม่ได้ไปสะกิดอะไร แค่รอ อีกหน่อยพอทนไม่ไหวเด็กนั่นก็พูดออกมาเอง
หลังจากจัดการอาบน้ำอาบท่าเสร็จ ออกมาทานข้าวที่เปียวเตรียมไว้ให้เหมือนทุกที อลันก็ย้ายมานั่งเปิดโน๊ตบุ๊คทำงานอยู่ที่
โซฟาข้างๆเปียว เด็กหนุ่มที่กำลังดูโทรทัศน์หรี่เสียงให้เบาลง ลอบมองมิสเตอร์แอลบ่อยๆจนฝ่ายนั้นจับสังเกตได้ เปียวยังคง
เงียบอยู่อย่างนั้นจนอลันคิดว่าถ้าเขาไม่เปิดประเด็นให้ เด็กน้อยของเขาคงจะเงียบเป็นเป่าสากอยู่แบบนี้ทั้งคืนแน่ ชายหนุ่มจึงปิด
โน๊ตบุ๊คที่ทำงานค้างอยู่ ขัยบนั่งเอนกายสบายๆมือประสานกันบนหน้าตัก มองเด็กน้อยที่เริ่มมีปฏิกิริยาตอบรับเล็กๆแล้วเอ่ยถาม
เข้าประเด็น
“มีอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่า?”
“อ... อะไรครับ?” เปียวรู้สึกตกใจเล็กน้อยที่มิสเตอร์แอลรู้ความคิดของตนเอง
“ก็ผมเห็นคุณทำท่าทางแปลกๆ เหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่ยอมพูด เห็นแล้วมันหงุดหงิดน่ะ”
อลันว่าเสียงราบเรียบ สังเกตท่าทีแสนลำบากใจนั้นแล้วก็พอเดาได้ คงมีเรื่องเดียวที่เด็กน้อยของเขาจะเป็นกังวลในตอนนี้
“เรื่องที่บ้าน?”
อลันถามในสิ่งที่คาดเดาได้ เปียวนิ่งไปพักหนึ่งกว่าจะตัดสินใจพูดออกมา
“พ่อผมป่วย”
“อืม วันนี้คุณก็ไปเยี่ยมพ่อมานี่นะ” อลันพยักหน้าเนิบช้าแสดงอาการรับรู้
“ผม…”
เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็เหมือนไม่แน่ใจอีกแล้ว อลันจึงต้องกระตุ้นเด็กหนุ่มอีกครั้ง
“พูดได้ ผมรอฟังอยู่”
“ผมอยากขอความกรุณาจากคุณ”
“เรื่อง?”
“ช่วยปล่อยเงินกู้ให้พฤทธาการอีกครั้งได้ไหมครับ?”
คราวนี้อลันทำเสียงในลำคอคล้ายจะหัวเราะ แต่ก็คล้ายจะเป็นการเยาะหยันอยู่ในที ไม่ได้ผิดจากที่คิดไว้ สุดท้ายก็ไม่พ้นเรื่องเงิน
“คุณมีอะไรมาแลก ผมเป็นนักธุรกิจนะ ถ้าผลการแลกเปลี่ยนไม่เป็นที่น่าพอใจก็คงให้ไม่ได้ เพราะคุณน่าจะรู้ดีว่าบริษัทของ
พ่อคุณไม่มีสินทรัพย์มาค้ำประกันกับทางเราได้อีกต่อไปแล้ว”
เปียวนิ่งเงียบ เพราะที่อลันพูดมาก็ถูก พฤทธาการไม่มีสินทรัพย์ใดมาค้ำประกันได้แล้ว ไม่มีเลย
“ทุกอย่างมันต้องเป็นไปตามเกณฑ์นะเด็กน้อย”
“ผมรู้ แต่ว่า... คุณเป็นเจ้าของนี่ คุณช่วยเราหน่อยได้ไหมครับ?”
เปียวยังวอนขอความเห็นใจ แม้รู้ดีว่ามันไม่ง่ายเลยที่ใครคนหนึ่งจะเอาเงินมากมายมาให้กู้ยืมโดยที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่ามันจะกลายเป็น
หนี้สูญ แต่เขาก็ยังอยากจะลองอ้อนวอน ตอนนี้เปียวรู้สึกว่าตนเองเหมือนมีสมองไว้คั่นหู ทั้งที่เรียนมาสูงแต่กลับใช้ประโยชน์จาก
มันไม่ได้เลย
“ไอ้ได้มันก็ได้อยู่หรอกนะ แต่อย่างที่บอก... สิ่งแลกเปลี่ยน...”
อลันยังถามหาสิ่งแลกเปลี่ยน เปียวเม้มปากด้วยความอึดอัด เขาจะเอาอะไรมาแลก ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีอะไรจะให้แล้ว นอกจาก...
อลันมองเด็กน้อยที่ท่าทางคิดหนักแล้วถอนหายใจหนักๆให้ได้ยิน ก่อนจะลุกขึ้น แต่เปียวกลับลุกขึ้นแล้วผลักอกหนุ่มตัวโตให้ลง
ไปนั่งที่เดิม อลันแสร้งทำเป็นประหลาดใจ แต่ริมฝีปากหยักกลับยิ้มพรายกับการกระทำที่หาญกล้า
เปียวหลับหูหลับตาถอดเสื้อ ขยับเดินเข้าไปหามิสเตอร์แอลที่นั่งอยู่บนโซฟา ดวงตาคมมีแววระริกไหวราวเจอสิ่งถูกใจ เปียววาด
ขานั่งคร่อมหน้าตัก อลันวาดแขนอ้อมมาด้านหลังเด็กหนุ่ม ลูบผิวเนื้อเปล่าเปลือยปลุกปั่น เปียวเกร็งตัวกับสัมผัสของมือที่ลูบไล้
อลันขยับเลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ ใกล้จนลมหายใจรินรด เด็กน้อยของเขาหลับตาแน่นแล้วเบี่ยงหน้าหลบด้วยความเผลอไผล
ริมฝีปากหยักไล้ไปตามแก้มและใบหู ก่อนจะกระซิบบอกเสียงพร่าแผ่ว
“แบบนี้มันก็ดีนะ…”
“.........”
“แต่ผมไม่มีอารมณ์”
จบคำเปียวก็ดีดตัวลุกพรวดราวเจอของร้อน มองอลันเหมือนพบเจอสิ่งประหลาด ความอับอายแล่นพล่านไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย
ลามไปถึงใบหน้าที่เห่อร้อนราวกับมีใครเอาไฟมานาบ ยิ่งรอยยิ้มเย้ยที่ถูกส่งมาจากชายหนุ่มตัวโตนั้นยิ่งทำให้เปียวอยากจะ
ร้องไห้ เด็กหนุ่มก้าวผงะถอย ก่อนจะหันกลับแล้วเดินจ้ำเข้าห้องปิดประตูเสียงดังอย่างเร็วไว ขังตัวเองอยู่ในนั้นไม่ยอมออกมา
เบื้องหลังบานประตูที่ปิดลง เปียวทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง เขาทำอะไรลงไป เขากลายเป็นตัวอะไรไปแล้ว รู้สึกขยะแขยง
ตัวเองเกินทน มือเรียวกำหมัดทุบพื้นด้วยความเจ็บใจ หมดแล้วศักดิ์ศรีที่มีอยู่ สิ่งที่เขาทำลงไปมันน่าอับอายมากที่สุดในชีวิต
ลูกผู้ชายของเขาแล้ว
++++++++++++++++
ไม่รู้ว่าเปียวนั่งกอดเข่าอยู่หน้าประตูห้องนานเท่าไหร่แล้ว จนมิสเตอร์แอลมาเคาะประตูเขาถึงรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง มิสเตอร์แอล
บอกว่าจะกลับบ้าน ในช่วงเสาร์อาทิตย์นี้จะไม่อยู่แล้วถามว่าเปียวอยู่ได้ไหม พอไม่มีเสียงตอบกลับมาทางนั้นก็ถามไถ่มาอีก
“ปฏิญญา ผมจะกลับบ้านนะ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“คุณกลับไปเถอะ ผมไม่เป็นไร”
ทั้งที่ใจจริงอยากตะโกนใส่หน้าว่าจะไปตายที่ไหนก็ไป ในทุกครั้งที่คิดเช่นนั้นมักจะมีคำว่า ‘แต่’ มาหยุดเอาไว้เสมอ ลูกไก่ใน
กำมือหรือจะสู้ราชสีห์เงินล้าน
เหมือนมิสเตอร์แอลจะได้คำตอบเป็นที่น่าพอใจแล้ว และอาจจะกลับบ้านไปแล้วก็เป็นได้ เพราะเปียวเห็นทางนั้นเงียบเสียงไป
ก็ดี ไปให้พ้นๆก็ดี เด็กหนุ่มลุกจากที่นั่งมาเสียนาน เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำชำระร่างกายให้จิตใจกลับสู่สภาพที่ดีขึ้น ก่อนจะเปิด
ประตูออกจากห้องมา
“อ้าว?”
จะไม่ให้อุทานได้อย่างไร เพราะเมื่อเปียวออกมาแล้วเห็นมิสเตอร์แอลยังอยู่ในห้องนี้ไม่ได้ไปไหน
“ไหนคุณบอกจะกลับบ้าน?”
เด็กหนุ่มอ้อมแอ้มถาม เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมายังไม่ทันข้ามวันทำให้ไม่กล้าที่จะมองหน้าชายหนุ่มตัวโตตรงหน้านัก รู้สึกทั้งอาย
ทั้งโกรธปนเปกันไปหมด
“ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมจะพาคุณกลับไปด้วย”
“เอ๋?”
เปียวจำต้องอุทานอีกครั้งด้วยความงงงัน เมื่อมิสเตอร์แอลเกิดเปลี่ยนใจปุบปับ นึกอย่างไรไม่รู้จะพาเขากลับบ้านด้วย อลันลุกมา
คว้าแขนของเด็กหนุ่มที่ยังยืนงง เปียวรีบขืนตัวไว้แล้วร้องท้วง
“เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนสิคุณ นี่เกิดเปลี่ยนใจจะพาผมกลับบ้านด้วยอะไรตอนกลางดึกนี่!”
“ไม่มีข้อแม้สักเรื่องจะได้ไหมปฏิญญา?” อลันหันกลับมามองเด็กน้อยของเขาท่าทางหน่ายใจจนเห็นได้ชัด
“ก็คุณ…”
“เงียบ แล้วเดินตามมา แค่นี้ทำได้ไหม?”
เปียวอยากบอกเหลือเกินว่าไม่ได้ แต่เก็บปากไว้ทานข้าวน่าจะมีประโยชน์กว่ามาก เมื่อคนถามไม่ได้ต้องการคำตอบ กลับลาก
เขาไปโดยไม่รีรอ
“เดี๋ยว!” เปียวยังยื้ออีก
“อะไรอีก?” คราวนี้อลันชักจะหงุดหงิดขึ้นมาจริงๆแล้ว ปัญหาเยอะจริง
“โทรศัพท์” เปียวบอกเสียงอ่อย ทำไมต้องทำหน้าดุกันด้วยล่ะ
“ให้ไวเลย”
อลันบอกเด็กเจ้าปัญหาให้รีบไปเอาโทรศัพท์มือถือของเจ้าตัว หวังว่าคราวนี้จะไม่มีปัญหาอะไรอีกนะปฏิญญา
+++++++++++++
อลันพาเปียวแวะซื้อข้าวของเล็กน้อยก่อนตรงกลับบ้าน ดึกดื่นป่านนี้อลันคาดว่าทั้งแม่ของเขาและตายายคงหลับกันไปหมดแล้ว
เปียวมองมิสเตอร์แอลที่ตอนนี้กลายร่างมาเป็นคนขับรถกิตติมศักดิ์อย่างไม่เข้าใจ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วยังดูถูกเขาอย่างร้ายกาจ
อยู่เลย แล้วตอนนี้ที่พาเขากลับมาบ้านด้วยมันหมายความว่าอย่างไรกัน ตบหัวแล้วลูบหลังหรือ?
“มองแล้วไม่พูดนี่หมายความว่าไงปฏิญญา ไม่มีใครสอนหรือว่ามันเสียมารยาท”
“.........” พอถูกตำหนิติติงมาเปียวจึงหันไปมองทางอื่น นึกว่าอยากจะมองนักหรืออย่างไรกัน
รถของอลันเลี้ยวเข้ามาจอดภายในบ้านหลังใหญ่โตหลังหนึ่ง หลังจากที่รปภ.มาเปิดประตูให้แล้ว เปียวเหลียวมองรอบๆแล้วก็ไม่
นึกแปลกใจสักเท่าไหร่ ก็นี่มันบ้านมหาเศรษฐีนี่นะ อลันลงจากรถมาขณะที่คมลูกน้องคนสนิทออกมารับกุญแจไป คมเป็นคนของ
บ้านนี้ อยู่รับใช้ใกล้ชิดกันมาตั้งแต่รุ่นตายายของอลันและคม อลันเองไม่คิดจะให้คมเป็นลูกน้องของตนเองไปจนแก่หรอก คนมี
ความสามารถก็อยากให้ได้ใช้ แต่ตอนนี้คมยังไม่มีแผนจะทำอะไรที่เป็นของตนเองจริงจัง ยังอยากอยู่รับใช้ใกล้ชิดอลันไปเรื่อยๆ
นั่นก็ตามแต่ใจเจ้าตัวเขา
“ลงมาสิปฏิญญา จะนอนในรถหรือไง?”
เปียวมุ่ยหน้าที่โดนค่อนขอดอีกแล้ว จะมีสักวันไหมที่มิสเตอร์แอลจะไม่ปากร้ายแบบนี้ พอเด็กหนุ่มก้าวลงจากรถ คมก็เข้าไปนั่ง
แล้วขับรถไปเก็บที่โรงรถให้ผู้เป็นเจ้านาย อลันรั้งแขนเปียวให้เดินตามเข้าบ้านไป เด็กหนุ่มเหลียวมองรอบๆแล้วเอ่ยถาม
“เราต้องไปทักทายพ่อแม่ของคุณก่อนไหม?”
อลันสะดุดเล็กๆกับคำว่าเราของเปียว เด็กน้อยของเขาอาจจะไม่ตั้งใจ แต่ในความรู้สึกของอลันมันก็ฟังดูดีกว่าการพูดว่าผมกับคุณ
เป็นไหนๆ
“พรุ่งนี้รับรองได้เจอแน่ปฏิญญา แต่ตอนนี้พักผ่อนก่อนดีไหม?”
พอมิสเตอร์แอลบอกให้พักผ่อนเปียวถึงได้รู้สึกตัวว่าเดินมาถึงห้องนอนชั้นบนของบ้านเป็นที่เรียบร้อย เด็กหนุ่มมองเข้าไปในห้อง
นอนที่มิสเตอร์แอลเปิดออกกว้างเพื่อต้อนรับเขา ก่อนจะหันมาถามคนข้างกาย
“จะให้ผมนอนห้องนี้หรือ?”
“อือฮึ” อลันพยักหน้าตอบ
“คนเดียว?”
“ฝันกลางวันอยู่หรือไงเด็กน้อย เข้าถ้ำเสือแล้ว ถ้าไม่ถูกเสือกินคงเป็นไปไม่ได้มั้ง”
อลันบอกแกมขู่เด็กน้อยของเขาที่ทำตาโตทันทีที่เขาพูดจบ รั้งร่างสูงเพรียวนั้นให้เข้าไปในห้อง มือเรียวของลูกไก่ตัวน้อยเกาะ
ขอบประตูไว้ไม่ยอมเข้าไปในถ้ำเสือง่ายๆ อลันจึงต้องเปลี่ยนมารวบขาขึ้นอุ้ม ด้วยความตกใจทำให้ลูกไก่เผลอปล่อยมือ แบบนี้ก็
เสร็จเสืออลันน่ะสิเด็กน้อย หึหึ
TBC
ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านและเข้ามารอคอยน้องเปียวมากๆค่ะ 
ขอบคุณสำหรับความห่วงใยกันด้วยค่ะ อาการเริ่มดีขึ้นตามลำดับ ตอนนี้ก็ลดระยะเวลาในการใช้คอมฯลงก็พอช่วยได้บ้างค่ะ
บวกทุกบวกจัดให้ทุกท่านค่ะ 
เรื่องนี้อาจจะมาวันเว้นวันหรือสองวันนะคะ เผื่อเวลาให้เรื่องอื่นที่ใหม่แต่งด้วย สลับๆกันเนาะเฮ้ออออ ชีวิตเปียวรันทดเหมือนกันนะเนี่ย >_<
ปล. คุณวันใหม่คะ เราแอบงงกับประโยคนี้ "ทำให้อลันชักจะพื้นเสีย"
คำว่าพื้นเสีย หมายถึง โกรธ อารมณ์เสีย อารมณ์ไม่ดี ประมาณนี้ค่ะ
ชักจะพื้นเสีย หมายความว่า ชักจะอารมณ์ไม่ดี เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว ค่ะ
อธิบายตามความเข้าใจของตัวเอง หากท่านใดมีข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำกว่านี้แนะนำกันได้ค่ะ
วันใหม่ค่ะ 