[[THE CAGE]] . . กรงรัก . . .
[15]
"ครับ ก็น่าจะเลิกปกติแหละครับ... จริงเหรอ? อื้ม! แล้วเจอกันนะครับ"
เสียงใสเจื้อยแจ้วดังลอดช่องว่างระหว่างประตูที่เปิดแง้มเอาไว้ในช่วงเวลาอาหารกลางวัน แม้ว่าลูกค้าจะทยอยเข้ามาซื้อเบเกอรี่และกาแฟตลอดช่วงพักเที่ยง แต่มนุเชษฐ์ก็อดไม่ได้ที่จะแอบเงี่ยหูฟังว่าร่างบางของเจ้าของร้านที่พักหลังมานี้รับโทรศัพท์บ่อยจนผิดปกติกำลังคุยกับใคร
ครั้นจะบอกว่าเป็นเตชินท์ เขาก็ไม่อยากจะเชื่อนัก เนื่องจากเมื่อสัปดาห์ก่อนยังไล่นิชาของเขาออกมานอนนอกบ้านอยู่หมาดๆ หรือจะบอกว่านิชามีคนใหม่ที่ช่างเอาอกเอาใจก็ยิ่งไม่น่าเป็นไปได้เข้าไปใหญ่ ในเมื่อรักชายร่างสูงคนนั้นมากเสียขนาดนั้น
"เชษฐ์ ขอโทษทีนะ ไปชงกาแฟเถอะ เดี๋ยวตรงนี้พี่ดูแลเอง"
นิชาที่โผล่พรวดออกมาพร้อมกับท่าทีขยันขันแข็งทำเอาร่องรอยฉงนปรากฎในดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่สวยที่ทอแววประหลาดใจอย่างปิดไม่อยู่ แต่ในเมื่อเจ้าของร้านเอ่ยดังนั้น เขาก็ได้แต่หันหลังให้แคชเชียร์แล้วเรียกสติให้กลับมาเพื่อชงกาแฟสดตามออเดอร์ของลูกค้าที่ทั้งนั่งทั้งยืนรอคิวอยู่ในจนแน่นร้าน
"อ้าว คุณหญิง สวัสดีครับ วันนี้รับอะไรดีครับ?"
"คุณนท ขอคาราเมลมัคคิอาโต้ค่ะ วันนี้คนแน่นร้านเชียวนะคะ"
"ใช่ครับ พักเที่ยงก็ยุ่งหน่อย ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ"
"อ๋อ... ค่ะ" เจ้าของเรือนร่างระหงในชุดลำลองที่ดูทะมัดทะแมงมีสีหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย ก่อนจะปรับกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อย่างผู้ที่คุ้นเคยกับการเข้าสังคม "หลายวันมานี้ค่อนข้างยุ่งน่ะค่ะ ทางบ้านก็วุ่นวายนิดหน่อยเลยไม่ได้แวะมา"
"คุณหญิงต้องไม่ลืมพักผ่อนบ้างนะครับ"
นภิสาคลี่ยิ้มเมื่อสามารถจับความห่วงใยจากน้ำเสียงที่อ่อนโยนนั้นได้ เธอรู้สึกดีกับนิชาไม่แตกต่างจากน้องชายคนหนึ่ง ด้วยรู้ดีว่าอายุไม่ห่างกันมากนัก และยังมีรสนิยมบางอย่างที่ทำให้คุยกันถูกคอ เธอจึงมักแวะเข้ามาอุดหนุนและสนทนากับนิชาบ่อยๆในช่วงที่งานไม่ยุ่งมากนัก
"ที่จริง วันเสาร์นี้พี่จะแต่งงานค่ะ"
"เอ๋?! จริงเหรอครับ?! ยินดีด้วยนะครับคุณหญิง!"
เจ้าหล่อนยิ้มรับรอยยิ้มที่แสดงความยินดีจากใจจริงนั้น แม้ภายในใจ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีสำหรับหล่อนเลยแม้แต่น้อย นภิสาหลุบสายตาลงมองตัวเลขสีเขียวที่ปรากฏบนเครื่องคิดเงินอย่างเหม่อลอย ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อจากบุคคลที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์
"พี่หญิง ได้แล้วครับ"
"ขอบใจจ้า น้องเชษฐ์"
เธอยื่นธนบัตรให้กับร่างสูงที่นำเครื่องดื่มมาให้ถึงมือ ขณะที่นิชาผละไปจัดขนมเค้กที่อยู่ภายในตู้กระจกใสเมื่อมีลูกค้าสั่ง หลังจากรับกาแฟสดชงใหม่ๆหอมกรุ่นมาถือเอาไว้โดยไม่คิดจิบชิม ดวงตาคู่สวยที่มีแววโศกเล็กน้อยปรายมองผู้ที่กำลังง่วนคิดเงินอยู่อย่างขะมักเขม้น ก่อนที่ความคิดบางอย่างจะทำให้เธอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าถือสีน้ำเงินเข้ม แล้วหยิบซองกระดาษแข็งขึ้นมายื่นให้กับร่างตรงหน้า
"น้องเชษฐ์"
"เอ๋? อะไรเหรอครับ?"
"เป็นการ์ดเชิญร่วมงานแต่งงานของพี่ ถ้าหากคุณนทกับน้องเชษฐ์พอจะมีเวลา อย่าลืมไปร่วมงานให้ได้นะคะ"
"จริงเหรอครับ โห พี่หญิงจะแต่งงานแล้วเหรอเนี่ย ยินดีด้วยนะครับ ไม่ว่ายังไงผมก็จะไปแสดงความยินดีให้ได้ครับ"
"ขอบใจจ้ะ"
นภิสาแย้มรอยยิ้มอย่างนึกเอ็นดูท่วงท่ายินดีของมนุเชษฐ์ หากเธอได้แต่งงานกับบุรุษที่เธอรักและปรารถนาจะครองคู่อยู่ร่วมกันไปชั่วชีวิต เธอจะมีความสุขเพียงไรเมื่อมีใครต่อใครมาแสดงความยินดีเช่นนี้กันนะ
เด็กหนุ่มร่างสูงทอดสายตามองร่างของลูกค้าประจำที่เดินออกจากร้านไปได้เพียงครู่เท่านั้น ลูกค้าคนต่อไปก็เข้ามาสั่งขนมเค้กวันเกิดพร้อมกับกำชับว่าจะมารับภายในคืนนี้ ทำให้เขาที่ยังไม่ทันได้ชื่นชมกับการ์ดแต่งงานรีบเก็บซองกระดาษแข็งเอาไว้ในลิ้นชัก ก่อนจะเร่งรีบไปเปิดเตาเพื่อเตรียมสำหรับอบขนมเค้กวานิลลาตามออเดอร์ต่อไป
"หม่าม้า อากงว่ายังไงคะ?"
เสียงใสเจือสั่นเครือของบุตรสาวคนเล็กที่ถูกปู่ 'ไล่' ให้กลับไปอยู่ในห้องนอนของตนเองระหว่างการประชุมของทุกคนในครอบครัว ส่งผลให้ผู้เป็นมารดารู้สึกหดหู่ใจยิ่งนัก โดยเฉพาะเมื่อรู้ดีถึงคำตอบที่ตนนั้นต้องเป็นผู้เอ่ยเอื้อนเอง ที่ น่าจะ ทำร้ายจิตใจของลลดาไม่น้อย
"อากงไม่ยอมให้เอาเด็กออก"
ลลดาชะงักเมื่อได้ยินมารดาเอ่ยดังนั้น เธอเองก็คิดเอาไว้เหมือนกันว่า หากโชคดี หลิวเช่อก็คงยอมให้เธอเก็บเด็กเอาไว้แล้วแต่งงานกับเตชินท์ แทนที่จะเป็นพี่สาว --- แต่หากโชคร้าย ก็คงให้เธอไปเอาออก ซึ่งเธอก็ไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนอะไร ในเมื่อเธอไม่ได้ท้องตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
"แต่อากงจะให้เด็กคนนั้นเป็นลูกของหญิง"
ความจริงที่หลุดออกจากปากรูปกระจับสีชมพูสดของผู้เป็นมารดา ทำให้ดวงตาที่ลุกวาวอย่างคาดหวังของเด็กสาวเลือนหายไปพร้อมกับความตกตะลึงที่ฉายเด่นชัดในแววตา
"... หม่าม้า หมายความ... ว่ายังไง?"
คำตอบนั้น --- ผิดไปจากที่เธอคาดการณ์เอาไว้มากโขนัก"... ในเมื่อเล็กท้องกับคนที่กำลังจะมาเป็นพี่เขย ในช่วงเวลาที่เขากำลังจะแต่งงานกับหญิง เล็กคงไม่คิดใช่ไหมว่าการถอนหมั้นจะเป็นทางออกที่ดี... อากงเลยบอกว่า ถึงตอนนี้แล้ว ไม่มีทางที่จะยกเลิกอะไรได้ เสาร์นี้ก็ถึงงานแต่งแล้ว เล็กก็... อดทนหน่อยนะลูก”
มารดาของเธอก้าวออกจากห้องไปเมื่อผู้เป็นบุตรสาวไม่แสดงออกอาการใดๆ ในตอนนี้ แม้เธอจะอยากอยู่เคียงข้างลลดายิ่งนัก ทว่าในใจของเธอก็ปวดร้าวไม่แตกต่างกัน นอกจากเธอจะรู้สึกเหมือนกับสูญเสียบุตรสาวที่ไร้เดียงสาไปแล้ว ยังรู้สึกเหมือนกับหัวใจถูกบีบให้ยอมรับความเป็นจริงอันโหดร้ายที่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้อีก
ลลดากำมือที่สั่นระริกแน่น ดวงตาวาวโรจน์ทอประกายเคียดแค้น
มาถึงขั้นนี้แล้ว
เธอไม่มีวันยอม ไม่มีวันยอมปล่อยเตชินท์หลุดจากมือแน่
ภายในภัตตาคารที่มีเชฟระดับโลกนำอาหารชั้นเลิศมาเสิร์ฟให้ถึงที่ บนชั้นสูงสุดของโรงแรมหรูย่านใจกลางเมือง ในห้องพิเศษที่ดีที่สุดที่ล้อมกรอบไปด้วยกระจกใส มองเห็นทิวทัศน์ยามค่ำคืนทั่วกรุงเทพมหานคร แสงของตึกมากมายส่องสว่างจนแทบมองไม่เห็นดวงดาว ทว่าแสง
จันทร์ของดวงจันทร์เต็มดวงก็ยังเจิดจรัสราวกับภาพวาดนิชาแทบลืมหายใจเมื่อได้นั่งมองทิวทัศน์ที่งดงามเช่นนี้ ด้วยระดับความสูงและห้องที่เป็นส่วนตัวทำให้เขารู้สึกราวกับได้หลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งที่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างไม่ต้องสนใจสายตาใคร
แน่นอนว่าเตชินท์เองรับรู้เหตุผลในข้อนี้ดี เขาจึงยอมจ่ายแพงเพื่อให้เด็กน้อยของเขาสามารถทานอาหารและพูดคุยได้อย่างสบายใจ
ไม่ว่าจะทำอะไร เขาต้องเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้กับนิชาเสมอ แม้ว่าในบางครั้ง สิ่งเหล่านั้นอาจจะต้องสร้างความเจ็บปวดให้กับร่างตรงหน้าไม่น้อยก็ตาม
"พี่ชิน"
เสียงใสเรียกสติของเขาให้กลับคืนมา ดวงหน้าน่ารักมีแววสดใส เช่นเดียวกับประกายแจ่มใสในนัยน์ตาคู่สวยที่ไม่ได้เห็นมานาน ทำให้เจ้า
ของนามระบายรอยยิ้มบางอย่างพึงพอใจที่ได้เป็นเจ้าของร่างตรงหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีเสียจนไม่ว่าใครเห็นก็ต้องอิจฉา
"ว่าไงครับ คนดี"
"วันนี้พี่ชินดูอารมณ์ดีจังนะครับ ดีจัง"
"ปกติพี่ก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วนะ นทนั่นแหละดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษนะวันนี้"
"ก็พักนี้พี่ชินกลับบ้านเร็วทุกวันเลยนี่ครับ"
"ชอบให้พี่กลับบ้านเร็วๆเหรอ?"
"อื้อ ชอบสิครับ อยู่คนเดียวแล้วเหงา"
"แล้วถ้าหากว่ามีคนอยู่เยอะๆก็ไม่เหงาใช่ไหม?"
"แบบนั้นก็คงไม่เหงาหรอกครับ แต่ว่า... ถ้าไม่มีพี่ชินนทก็เหงาอยู่ดี"
"ปากหวานจริงเรา"
ชายหนุ่มเอ่ยพลางเอื้อมมือมาหยิกแก้มเนียนเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว เรียกเสียงร้องประท้วงจากร่างที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามที่ดังคล้ายกับเสียงของลูกแมว
"แล้ววันนี้ทำไมจู่ๆพามาที่แบบนี้ล่ะครับ?"
"ไม่ชอบเหรอ?"
"เปล่าครับ ชอบสิ สวยมากเลย แล้วเราสองคนก็ไม่ได้มาเที่ยวแบบนี้กันตั้งนานแล้วด้วย"
"ขอโทษนะที่พี่ไม่ค่อยมีเวลาให้นทเลย"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ นทไม่ได้จะว่า แต่แค่อยากบอกว่าได้มากินข้าวกับพี่ชินแบบนี้ นทมีความสุขมากเลยนะครับ"
เตชินท์คลี่ยิ้ม นี่เป็นอีกหนึ่งในข้อดีที่นับไม่ถ้วนของนิชา ไม่ว่าที่ผ่านมาเขาจะเคยทำเรื่องไม่ดีกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่นิชาจะไม่เก็บมาเป็นอารมณ์ ณ ปัจจุบันนี้ ร่างตรงหน้ายอมให้อภัยเขาเสมอ จนบางทีเขาเองก็ยอมรับว่าเคยตัวอยู่เหมือนกัน
"พี่เองก็ชอบที่จะได้อยู่กับนทแบบนี้ วันนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม? ที่จริงก็สั่งอาหารไว้ก่อนแล้วแหละ แต่คิดว่านทน่าจะอยากเลือกของหวานเองก็เลยยังไม่ได้สั่ง ลองดูเมนูก่อนดีไหม?"
"จริงเหรอครับ ดีจังเลย"
ดวงตาโตทอประกายวาวอย่างตื่นเต้นเสียจนเตชินท์อดหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ร่างตรงหน้าก็ยังคงไว้ซึ่งความเป็นเด็กอยู่
เสมอ แม้ว่าหลายสิ่งที่พบผ่านจะทำให้การวางตัวเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นอย่างคนที่มีประสบการณ์มากขึ้น ทว่านิสัยที่แท้จริงอันเป็นเสน่ห์ที่สุด
ของนิชาก็ยังคงเหมือนเดิม และยังรักเขาไม่เคยเปลี่ยน มีแต่รักมากขึ้นเรื่อยๆ --- อย่างเสมอต้นเสมอปลาย
"พี่ชิน อยากทานอะไรล่ะครับ?"
"พี่อะไรก็ได้ครับ ตามใจนทเลย"
"พูดแบบนี้อีกแล้ว ตามใจนทจริงๆเหรอ? พี่ชินก็รู้นทชอบกินหวาน"
"ไม่เห็นเป็นไร พี่รู้นทกินคนเดียวก็หมดได้"
"แล้วพี่ชินจะกินอะไรล่ะครับ? พี่ชินก็ชอบกินของหวานล้างปากนี่นา"
"อืม พี่รอกินทีหลังได้"
ดวงตาคมปรายมองใบหน้าที่ยังฉายแววฉงนอย่างเอ็นดูระคนขบขันในความใสซื่อของอีกฝ่าย เขาสั่นศีรษะน้อยๆพร้อมกับใช้ปลายนิ้วคีบ
คีย์การ์ดสีทองมาพลิกไปมา
"ไว้คืนนี้ พี่จะกินให้อิ่มเลย"
เมื่อได้สบสายตาเข้ากับนัยน์ตากรุ้มกริ่มนั่นแหละ นิชาถึงได้เข้าใจความหมาย แล้วก้มหน้างุดจ้องมองเมนูทั้งๆที่อ่านรายการอาหารไม่รู้
เรื่องอยู่แบบนั้นแหละ
"เขินเหรอ?"
"เปล่าซะหน่อย"
"หึหึ เปล่าก็เปล่า ไม่ได้ว่าอะไรนี่นา"
นิชาขบริมฝีปาก เขาเหลือบสายตามองใบหน้าดูดีที่ประทับไปด้วยรอยยิ้มเป็นสุขแล้วรู้สึกอบอุ่นและตื้นตันขึ้นมาในหัวใจ นานเท่าไหร่แล้วนะที่เขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มเช่นนี้ของเตชินท์ แค่คนที่เรารักเป็นสุข เราก็มีความสุขไปด้วย --- ก็จริงอย่างที่ว่า
"จะว่าไป วันเสาร์นี้ไปไหนรึเปล่า?"
นิชานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงนึกได้ว่าเพิ่งตบปากรับคำเชิญไปงานแต่งงานของนภิสาไปหมาดๆเมื่อช่วงกลางวัน จึงรีบพยักหน้าเป็นการใหญ่
"อื้ม มีธุระต้องไปครับ"
"จริงเหรอ... อืม"
"พี่ชินจะไปไหนรึเปล่า?"
"เปล่าหรอก พี่แค่... ลองถามดู"
"แต่วันอาทิตย์นทว่างนะครับ"
"ไม่เป็นไร วันอาทิตย์พี่คงต้องทำงานน่ะ"
"งั้นเหรอครับ"
"เอาไว้หลังจากนั้นละกัน ไว้จะพาไปเที่ยวพังงา ดีไหม?"
"พูดจริงเหรอครับ"
"จะโกหกนทได้ยังไงล่ะ"
"จริงเหรอ สัญญานะครับ เกี่ยวก้อยกันก่อน"
"ถึงขนาดนั้นเชียว"
"อืม ไม่รู้แหละ พี่ชินต้องเกี่ยวก้อยสัญญากันด้วย ถ้าผิดสัญญานทไม่ยอมนะ"
เตชินท์หยักรอยยิ้ม พร้อมกับยอมยื่นนิ้วก้อยไปด้านหน้าเพื่อคล้องเกี่ยวเข้ากับนิ้วก้อยที่เรียวบางของนิชา ในใจนึกขำถ้อยคำที่ทำให้เขาหวนนึกไปถึงสมัยเรียนชั้นประถมศึกษาที่เคยทำอะไรแบบนี้เหมือนกัน
"ใครผิดสัญญาต้องถูกลงโทษ"
"หืม นทจะลงโทษอะไรพี่?"
"อืม ไม่รู้ล่ะ นทเกลียดคนผิดสัญญาด้วย"
เตชินท์หัวเราะ "โอเค งั้นพี่คงผิดสัญญาข้อนี้ไม่ได้แล้วจริงๆ"
--- แม้ในใจจะมั่นใจว่า ต่อให้ผิดสัญญา ก็คงไม่มีวันไหนที่นิชาจะเกลียดเขาได้ลงอยู่ดี
Talk: สวัสดีค่ะ ขออภัยที่ล่าช้า
อ่านความคิดเห็นแล้ว เข้าใจอารมณ์ของทุกคนเลยค่ะ ทำไมนทถึงยอมขนาดนี้ โง่รึเปล่า ตาบอดรึเปล่า
ชานมเข้าใจดีค่ะ เพราะชานมผ่านความรู้สึกแบบนั้นมากับตัวเหมือนกัน เพื่อนสนิทของชานมคนหนึ่งก็เป็นแบบนท
มันน่าโมโหจริงๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
จะเป็นการสปอยล์รึเปล่า ถ้าอยากจะบอกว่า "ช่วยอดทนรอกันอีกสักพักได้ไหมคะ"
แต่ไม่บอกละกันเนอะว่ารออะไร ^^ เดี๋ยวจะหมดสนุกกัน
ไม่อยากให้รู้สึกแย่จนเลิกอ่านกันไปน่ะค่ะ
ต้องขอขอบคุณมากๆ ที่เป็นกำลังใจให้เสมอมาค่ะ