[[THE CAGE]] . . กรงรัก . . .
[14]
ค่ำคืนมาถึงอีกครั้ง ความเย็นของอากาศรอบด้านโรยตัวพร้อมกับกลิ่นของสายฝนที่กระหน่ำเทลงมากระทบกับร่างที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหน้าคอนโด แม้ว่ามนุเชษฐ์จะขอให้เขาค้างคืนที่บ้านหลังนั้นสักคืนเพื่อนอนคิดให้ดีเสียก่อนหลายต่อหลายครั้ง ทว่าเขาก็ยังปฏิเสธอย่างนุ่มนวล เพราะเขารู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าไม่มีความคิดอื่นใดที่หัวใจจะไม่คัดค้าน นอกเสียจากความคิดที่จะกลับมายังที่แห่งนี้
ดึกแล้ว รอบด้านยังเต็มไปด้วยแสงสีของเมืองกรุง แม้จะฟังไม่ได้ศัพท์เนื่องจากรอบกายเปียกปอนและกระหน่ำซัดไปด้วยสายฝน แต่ดวงตาที่หมองเศร้าก็ยังคงเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบนคอนโดอย่างมีความหวัง ราวกับจะได้พบกับร่างสูงที่มองตรงลงมา ซึ่งเขาเองก็รู้ดีว่าไม่มีทางที่เตชินท์จะมายืนรับลมหน้าระเบียงในวันที่ฝนตกหนักเช่นนี้อยู่แล้ว
ฝนเม็ดใหญ่ที่ดูเหมือนจะตกแรงขึ้นเรื่อยๆทำให้เขาเปียกโชกไปทั้งตัว หนาวจนปากกลายเป็นสีซีด เขาคิดจะเข้าไปด้านใน แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีคีย์การ์ดที่จะขึ้นลิฟต์ไปได้อยู่ดี เปียกไปทั้งกายแบบนี้ หากเข้าไปรอก็คงถูกไล่ออกมาเป็นแน่ เนื่องจากที่นี่มีการคุ้มกันสูงมาก หากไม่มีคีย์การ์ดก็ไม่มีสิทธิ์เดินเข้าไป
แต่ในตอนนี้เขาหนาวเหลือเกิน รู้สึกมึนไปหมดราวกับถูกค้อนทุบศีรษะอย่างแรง ทั้งๆที่ได้นอนเอาแรงที่บ้านของมนุเชษฐ์มาตลอดบ่ายแล้วแท้ๆ ดูเหมือนว่าร่างกายของเขาจะทรุดโทรมมากเสียจนตากฝนเพียงไม่นานก็รู้สึกอ่อนเพลียอย่างหนักเช่นนี้
“พี่ชิน...”
ร่างเพรียวที่นั่งอยู่ริมฟุตบาทเริ่มโงนเงน แสงไฟจากด้านหน้ารถยนต์ที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ส่องสว่างจ้าจนแสบตา นิชาปรือตาลงเมื่อพบกับแสงนั้น ก่อนที่สติทั้งมวลจะดับวูบลง พร้อมกับเสียงเบรกที่ดังขึ้นในระยะกระชั้นชิด
"เล็ก มาอยู่ที่นี่เอง ไป กลับบ้านกันเถอะ ป๋ากับม้ารออยู่นะ"
เจ้าของนามสูดจมูกเสียงดัง แม้ว่าความโกรธเคืองในใจจะลดอ่อนลงเมื่อได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนที่หาฟังได้ยากจากผู้เป็นพี่ชาย
"ไม่เอา"
"ทำไมล่ะ? มาอยู่ตรงนี้ให้ยุงมันหามในวันเกิดเนี่ยไม่ใช่ไอเดียที่เวิร์คเท่าไหร่นะพี่ว่า"
"พี่เอก!"
"ครับๆ เจ้าหญิง โกรธอะไรเล่า?"
ร่างสูงของชายหนุ่มผู้รักสนุกที่พูดจากวนโมโหจนชินปากย่อกายลงมานั่งยองๆเคียงข้างร่างเล็กสมชื่อของเด็กสาวที่นั่งร้องไห้อยู่กับพื้นหินในสวนใหญ่ในรั้วบ้าน
"ก็พี่หญิงตบเล็ก"
"แล้วเราไปทำอะไรพี่หญิงเขารึเปล่าล่ะ?"
"... ก็ไม่ได้ทำอะไรมากสักหน่อย"
"เห็นไหมล่ะ ตัวเราก็ต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นพี่หญิงเขาไม่ลงไม้ลงมือหรอก พี่หญิงรักเล็กจะตายไป"
"... พี่หญิงไม่รักเล็กแล้ว"
เจ้าของใบหน้าสวยที่เลอะไปด้วยน้ำตาและเครื่องสำอางที่เลือนหายทำหน้ามุ่ย ยิ่งทำให้ใบหน้าดูบูดบึ้งยิ่งกว่าเดิม ทำเอาผู้เป็นพี่ชายต้องถอนหายใจน้อยๆอย่างนึกระอา ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าสาเหตุที่ทำให้เจ้าน้องสาวคนสุดท้องร้องห่มร้องไห้อยู่นั้นไม่ใช่ว่าเจ็บแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะหวาดกลัวและน้อยใจที่พี่สาวคนโตโกรธอยู่ต่างหาก
"พี่หญิงเป็นห่วงเล็กนะเลยให้พี่วิ่งตามมา"
"... ถ้าห่วงเล็กแล้วทำไมพี่หญิงไม่ตามมาเอง?"
"เพราะพี่หญิงต้องรับหน้าป๊ากับม้าไงล่ะ เนี่ยอากงก็จะมาแล้ว เราเป็นเจ้าของวันเกิดหายตัวไปใช้ได้ที่ไหน ขืนพี่หญิงตามเรามาอีกคน ทุกคนคงตกใจใช่ไหมล่ะ? เล็กก็รู้ว่าอากงขี้โมโห"
"แต่อากงไม่เคยโมโหเล็ก"
"ใช่สิ เราน่ะโชคดีที่เกิดมาเป็นคนสุดท้อง แล้วเป็นช่วงที่อากงใจเย็นลงมากแล้ว สมัยพี่หญิงน่ะนะ แค่งอแงไม่อยากไปโรงเรียนนี่ถึงกับโดนลากไปโรงเรียนจนเสื้อขาดเลยเถอะ"
"ขนาดนั้นเลยเหรอ?"
"ใช่ พี่หญิงไม่เคยเล่าให้ฟังใช่ไหมล่ะ? พี่เองก็เคยโดน แต่หนักกว่านั้น สมัยเด็กๆพี่ซน ชอบปีนต้นไม้ไปขโมยมะม่วงบ้านอื่นกิน พอโดนจับได้ อากงลงไม้ซะจนพี่ลายไปทั้งตัวเลย"
"โห ขนาดพี่เอกยังโดนขนาดนั้นเลยเหรอ?"
เจ้าของนามเหยียดยิ้มบางเมื่อท่าทางโศกเศร้าเสียใจเมื่อครู่จะหายวับเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้ฟังเรื่องเล่าสมัยเด็กที่เขาไม่ได้อยากจะเอ่ยถึงนัก แต่หากทำให้เจ้าตัวยุ่งตรงหน้าอารมณ์ดีขึ้น เขาก็จำต้องยอมควักสารพัดเรื่องมาเล่าให้น้องสาวลืมเหตุการณ์แย่ๆไปเสีย
"อยากฟังอีกรึเปล่าล่ะ? ถ้าอยากฟังก็เข้าบ้านกัน ไปล้างหน้าล้างตา เดี๋ยวตอนกินข้าวพี่เล่าให้ฟังอีกก็ได้"
"แต่ว่าพี่หญิงโกรธเล็ก"
"ไม่โกรธแล้ว เล็กไปขอโทษพี่หญิงซะ เราต้องพูดอะไรแย่ๆออกไปใช่ไหมล่ะ? เวลาเราโกรธก็ชอบทำแบบนั้นทุกที กับพี่น่ะได้เพราะพี่ไม่ใส่ใจ แต่พี่หญิงเขาถือนะ เราเด็กกว่าเขาตั้งหลายปี แล้วพี่เขาก็รักเล็กจะตายไป เราไม่ควรไปว่าอะไรพี่เขาแรงๆต่อให้โกรธแค่ไหนเข้าใจไหม"
ลลดาก้มหน้าลงพลางขบริมฝีปากอย่างขัดใจ ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ตัวว่าพูดแรงไป แต่ก็อดกลัวไม่ได้อยู่ดี นานทีปีหนพี่สาวจึงจะโกรธเธอได้ หนำซ้ำยังโกรธมากขนาดนี้ เธอยังไม่เห็นทางออกทางไหนเลยที่จะทำให้นภิสาหายโกรธได้
"แล้วเครียดมากๆไม่ดีกับเด็กในท้องด้วย... เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวพี่กับพี่หญิงจะช่วยหาทางออกให้ เล็กไม่ต้องกังวลไป"
--- และอีกเรื่องที่เธอหวั่นใจก็คือ เรื่องที่เธอโกหกคำโตเพื่อเถียงเอาชนะพี่สาว ซึ่งตอนนี้แลดูจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปเสียแล้ว
"มาน่า เดี๋ยวพี่ช่วย"
"อื้อ พี่เอกต้องช่วยเล็กนะ"
"รู้แล้ว ยัยตัวยุ่ง ไปล้างหน้าก่อนเถอะ"
"อื้อ... เดี๋ยวเล็กตามไปที่ห้องอาหารนะ"
ว่าแล้วเจ้าของร่างเพรียวบางก็ผละจากผู้เป็นพี่ชายแล้วมุ่งหน้าไปยังทางเข้าบ้านด้านหลัง เพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาพบเข้า ในใจนึกพะวงอยู่ว่าจะแก้ตัวกับนภิสาเรื่องที่โกหกเอาไว้ว่าอย่างไรดี
--- ทว่า ดวงช่างไม่เข้าข้างเจ้าของวันเกิดเอาเสียเลย
"มาทำอะไรอยู่ตรงนี้น่ะ?"
ร่างเล็กสะดุ้งสุดกายเมื่อได้สดับเสียงทุ้มเข้มของปู่ที่แทบไม่เคยได้มาเหยียบห้องโถงด้านหลังที่เชื่อมกับประตูครัวที่เธอเพิ่งโผล่เข้ามา ครั้นจะปิดรอยน้ำตาก็ทำไม่ทันเสียแล้ว ยิ่งรอยแดงที่เป็นปื้นอยู่บนใบหน้าที่เธอตั้งใจจะขึ้นไปแต่งหน้ากลบยิ่งชวนให้ร่างสูงวัยขมวดคิ้วมุ่นอย่างขุ่นข้อง
"เล็ก ลื้อไปโดนใครทำอะไรมา?"
"เปล่า... เล็กแค่..."
"อย่าโกหก! รอยบนหน้าลื้อมันถูกตบมาชัดๆ ใครกล้าตบลื้อ บอกอากงมาเดี๋ยวนี้!"
ลลดาเม้มริมฝีปากอย่างลำบากใจ ครั้นจะพูดไปตรงๆก็หวั่นใจว่าพี่สาวจะถูกลงโทษหรือไม่ ยิ่งเพิ่งได้ฟังกิตติศัพท์ของคุณปู่มาหมาดๆ จึงรู้สึกครั่นคร้ามชายตรงหน้ามากกว่าปกติที่เจ้าหล่อนมักจะออดอ้อนร้องขอของที่อยากได้ตามประสาหลานคนสุดท้องประจำ
“เล็กผิดเอง อากง”
“ใครตบลื้อ! ถามก็ตอบมา!”
เสียงเอ็ดตะโรดังลั่น ด้วยความที่ชินกับการใช้เสียงดังอย่างคนจีนโบราณอยู่เป็นทุนเดิม หนำซ้ำหลิวเช่อยิ่งโกรธหนักเมื่อพบว่าหลานคนเล็กที่ทั้งรักทั้งถนอมดั่งไข่ในหยกได้รับบาดเจ็บ และปกป้องผู้ที่กระทำอีกต่างหาก ทำเอาทุกคนในบ้านแตกตื่นและรีบพากันมายังประตูห้องครัวกันหมด ไม่เว้นแม้แต่นภิสาที่ตามหลังบิดามารดามาติดๆ ส่วนธรกรนั้นวิ่งตามเข้ามาในบ้านอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงของปู่
“เล็ก? เกิดอะไรขึ้น? ... นี่หน้าไปโดนอะไรมา?!”
“หม่าม้า...”
“บอกมานะเล็ก! ใครทำลื้อ?!”
“เล็ก บอกอากงเร็วลูก ใครทำเล็กของม้าเจ็บแบบนี้?”
“หญิงทำเองค่ะ”
เสียงเรียบนิ่งดังแทรกความตระหนกขึ้นมา ทำให้ในห้องเงียบสงัดดั่งป่าช้า โดยเฉพาะลลดาที่เป็นตัวต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด
“หญิงทำไปเพราะโกรธเล็ก หญิงผิดเองค่ะ”
“... นี่ลื้อกล้าทำแบบนี้ได้ยังไง?!”เสียงฝ่ามือหนักๆฟาดเข้ากับผิวแก้มเนียนอย่างแรงเสียจนเป็นรอยปื้นแดงได้พริบตา นภิสาหน้าหันไปตามแรงตบ เจ้าหล่อนรู้ดีอยู่แล้วว่าหากหลิวเช่อรู้ความจริงเข้า หล่อนคงไม่พ้นถูกลงโทษเป็นแน่ แต่ครั้นจะให้พูดความจริงว่าลลดาพูดจาไม่ดีและมีเด็กอยู่ในท้อง บทลงโทษจะต้องตกเป็นของน้องสาวคนเล็กที่อย่างไรเสียหล่อนก็รักนักหนา งั้นสู้ยอมรับบทลงโทษนี้เองยังดีเสียกว่า
“เดี๋ยว! อากงอย่าทำพี่หญิง!”
“หญิง ทำไมทำแบบนี้...”
ผู้เป็นมารดาใช่ว่าอยากจะเห็นบุตรสาวถูกลงโทษอย่างรุนแรงเช่นนี้ ทว่าเธอไม่มีสิทธิ์คัดค้านเมื่อหัวหน้าตระกูลเป็นผู้เดียวที่มีสิทธิ์ตัดสินใจ เธอเมินหน้าหนีอย่างทนดูไม่ได้ หยดน้ำปริ่มขอบตาเมื่อได้ยินเสียงฟาดหน้าอีกหลายครั้ง
“อากง เล็กผิดเอง อย่า!”
มือเรียวพยายามยึดยื้อลำแขนหนาของร่างชรา ทว่าเรี่ยวแรงของผู้ทรงอิทธิพลนั้น แม้จะชราภาพลง แต่พลังไม่ลดลงตามด้วยเลยแม้แต่น้อย
“ลื้อจะห้ามทำไม?! อั๊วบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามใช้ความรุนแรงกับพี่น้อง!”
“อย่า อากง! เล็กผิดเอง เล็ก.. เล็กท้อง!”
ความเงียบสงัดกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับลมหายใจที่ขาดห้วงของทุกคนในห้อง
“... ลื้อ... ลื้อว่ายังไงนะ?”
เสียงของแก้วที่กระทบกับโต๊ะส่งผลให้ร่างที่นอนอยู่บนเตียงนุ่มขนาดใหญ่รู้สึกตัวขึ้นอย่างช้าๆ นิชาอุทานเบาเมื่อรู้สึกเจ็บจี๊ดในวินาทีที่พลิกศีรษะ เขากะพริบตาเมื่อได้กลิ่นอันแสนคุ้นเคย --- กลิ่นบุหรี่ของ Davidoff ที่ออกสุขุมสมกับเจ้าของร่างสง่างามในชุดสูทสีดำที่กำลังนั่งอยู่ริมเตียงเคียงข้างเขาในวินาทีนี้
หยดน้ำใสรื้นขอบตาในทันทีที่ได้เห็นดวงหน้าคมที่กำลังมองตรงมาด้วยสายตาห่วงใย นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้เห็นสายตาแบบนี้ของเตชินท์ คิดได้เพียงเท่านี้น้ำตาก็ไหลออกมาเสียจนผิวแก้มชื้นเปียก
“ร้องไห้ทำไม? เจ็บตรงไหนรึเปล่า?”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่ดังเบาๆพร้อมกับฝ่ามืออุ่นที่แนบแก้มใสเพื่อเช็ดรอยน้ำตาทำให้นิชาสะอื้นหนักกว่าเดิม เขาโหยหาความอ่อนโยนเช่นนี้จากเตชินท์มากมายเหลือเกิน ไม่รู้ว่ากี่เดือนแล้วที่ไม่เคยได้รับสัมผัสที่อ่อนโยนและสมกับคำว่า ‘คนรัก’ จากเตชินท์แบบนี้
“พี่ชิน... พี่ชิน...”
ร่างเล็กฝืนความเจ็บเพื่อลุกนั่งแล้วโผเข้าหาร่างที่อ้าแขนรับ ก่อนจะปล่อยให้หยาดน้ำตารินไหลพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้อย่างคนที่เก็บกดอารมณ์มานานวัน หนึ่งวันเต็มที่ผ่านมาช่างเจ็บปวดและไม่มีจุดหมาย เขาไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้หากขาดผู้ชายที่กำลังหยิบยื่นความอบอุ่นให้เขาอยู่ในตอนนี้
“ชู่ว์ อย่าร้อง... พี่อยู่นี่แล้ว”
“อย่าโกรธนทเลย นทขอโทษ อย่าไล่นทไปจากที่นี่... นทขอร้อง”
เตชินท์ลูบแผ่นหลังที่สั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้นอย่างปลอมประโลม ในใจนึกไปถึงวินาทีที่เห็นร่างเพรียวของเขาหมดสติจนล้มลงมาบนถนน โชคดีแค่ไหนที่เขาไม่ได้ขับเร็วเพราะกำลังจะถึงทางเข้าที่จอดรถพอดี ไม่อย่างนั้น --- เขาไม่อยากจะคิดต่อว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ดวงตาสีเข้มทอดมองร่างบอบบางที่สั่นระริก แม้ว่าทั้งเนื้อทั้งตัวจะไม่ได้เปียกปอนแบบในนาทีแรกที่เขาได้พบ แต่ท่าทางอิดโรยก็ยังปรากฏชัดในแววตาชุ่มน้ำ ไม่รู้ว่าหนึ่งวันที่ผ่านมานี้เด็กน้อยของเขาต้องไปลำบากอยู่ที่ไหน ใช่ว่าเขาจะไม่เป็นห่วง แต่ลึกๆในใจก็ยังมีทิฐิที่ทำให้ไม่ยอมไปตามหา ด้วยมั่นใจเหลือเกินว่าไม่ว่าอย่างไรนิชาก็ต้องกลับมาอ้อนวอนขอร้องเขาถึงที่อยู่ดี
และในตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดเอาไว้ทั้งหมด --- แม้ว่าจะเหนือคาดไปบ้างก็ตาม
แต่เหตุใด เขาถึงไม่ดีใจหรือนึกกระหยิ่มกระหย่องที่ได้ลูกแมวของเขากลับคืนมาเลยแม้แต่น้อย กลับรู้สึกเจ็บปวดในใจในแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน --- หรือจะเรียกว่า ‘รู้สึกผิด’ ก็คงใกล้เคียง
“อย่าร้อง...”
“ไม่... พี่ชินอย่าให้นทไปไหนนะ นทรักพี่ชิน จะตบจะเตะนทอีกก็ไม่เป็นไร อย่าไล่นทไปไหนเลยนะ”
ใบหน้าน่ารักเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา ดวงตากลมโตแดงก่ำอย่างคนที่ผ่านการร่ำไห้มาอย่างหนัก มือเล็กเกี่ยวเกาะร่างหนาเอาไว้ราวกับจะไม่มีวันปล่อยให้จากไปไหนอีกต่อไป ทำให้ชายหนุ่มต้องระบายลมหายใจออกมาหนักๆอย่างนึกรังเกียจตนเองที่ทำอะไรไม่เคยคิดให้ดีเสียก่อน นึกแต่อารมณ์ของตนเองเป็นใหญ่ เขาเองก็ไม่ใช่ว่าคิดไม่เป็น แต่พอถึงเวลาโกรธขึ้นมาก็หน้ามืด ไม่ว่าใครหน้าไหนเขาก็ไม่สนทุกครั้งไป
กี่ครั้งแล้วที่เผลอลงไม้ลงมือกับร่างตรงหน้าที่รักเขาอย่างสุดหัวใจ
กี่ครั้งแล้วที่ทำร้ายหัวใจของคนที่มอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเขา --- คนที่ให้เขาได้แม้กระทั่งความสุขของตนเอง?
“ไม่ไล่แล้ว อย่าร้องนะ อย่าร้องไห้...”
ร่างสูงโอบกอดร่างตรงหน้าเอาไว้แน่น เสียงทุ้มสั่นพร่าราวกับไม่ใช่เสียงของตนเอง ในใจนึกขอบคุณฟ้าหลายครั้งที่ทำให้เขาได้นิชากลับคืนมาอย่างปลอดภัย
“นทเป็นเด็กดีของพี่... จะไม่อยู่ที่นี่ได้ยังไงล่ะ จริงไหม?”
“พี่ชิน... ไม่โกรธนทแล้วใช่ไหม?”
“ไม่โกรธหรอก นทสำนึกผิดแล้ว ใครจะโกรธได้อีกล่ะ?”
“จริงเหรอ? ไม่โกรธแล้วจริงๆนะ?”
“อืม ถามซ้ำจริงเลย หายร้องไห้ได้รึยังล่ะทีนี้”
นิชาพยักหน้า รีบยกมือเช็ดหน้าเช็ดตาเสียจนเลอะเทอะไปหมด ทำเอาชายหนุ่มต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วลุกขึ้นยืนเพื่อช้อนร่างเล็กที่อยู่บนเตียงขึ้นมาไว้แนบอก
“พี่ชิน นทตัวหนัก ปล่อยเถอะ”
“เบาจะตาย กินข้าวบ้างรึเปล่าน่ะเรา”
เตชินท์เอ่ยพลางมุ่งหน้าไปยังห้องอาบน้ำที่เชื่อมอยู่กับห้องนอนใหญ่ ดีที่เขาเปิดน้ำอุ่นรองเอาไว้ในอ่างจากุชชี่อยู่ก่อนแล้ว ด้วยตั้งใจว่าจะให้นิชาลงมาอาบนั่นแหละ เพราะการตากฝนหนาวเย็นอยู่ด้านนอกนานๆ แม้ว่ากลับเข้าบ้านเขาจะเช็ดตัวให้แล้วทีหนึ่ง แต่หากปล่อยให้ร่างกายเย็นอีกต่อไปก็มีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ได้ โดยเฉพาะกับนิชาที่มักจะเป็นหวัดอยู่เสมอแต่ไหนแต่ไร
เขาวางร่างเล็กที่อยู่ในชุดเสื้อนอนลงบนขอบอ่าง ก่อนที่มือใหญ่จะช่วยปลดกระดุมเสื้อนอนให้อย่างบรรจง เผยให้เห็นแผ่นอกขาวเนียนกระจ่างตา นัยน์ตาคู่สวยหลุบมองไปทางอื่นเล็กน้อยอย่างกระดากอาย ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายเห็นเรือนกายของเขาทุกสัดส่วนมานานนับปี เตชินท์รู้จักร่างกายของเขาดีเสียยิ่งกว่าตัวเขาเองเสียอีก ผิวแก้มเนียนขึ้นสีเรื่อน้อยๆเมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาที่จ้องมองมา และอากัปกิริยาน่าดูนั้นเองที่ทำให้ชายหนุ่มกระตุกรอยยิ้มบางอย่างพึงใจนัก
“หนาวเหรอ?”
“เปล่าครับ”
“งั้น... ทำไมตรงนี้ถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?”
ไม่พูดเปล่า ปลายนิ้วเรียวยาวบีบคลึงยอดอกที่ชูชันอย่างเชิญชวนอย่างหยอกเย้าแผ่วเบา ก่อนจะเพิ่มน้ำหนักมือเมื่อได้ยินเสียงครางเบาๆจากร่างที่พยายามสะกดกลั้นอารมณ์อยู่เบื้องหน้า ทั้งๆที่ร่างกายตอบสนองเป็นอย่างดี
“อื้อ... พะ พี่ชิน...”
เจ้าของนามอุ้มร่างเพรียวลอยขึ้นจากขอบอ่าง แล้วก้าวเข้าไปในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ด้วยกันทั้งๆที่สวมชุดสูทอยู่อย่างนั้น
“เดี๋ยวครับ... พี่ชินเปียกหมดแล้ว”
เตชินท์นั่งแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำที่ล้นไปด้วยน้ำอุ่นจัด โดยมีร่างบอบบางที่เปลือยเปล่านั่งอยู่บนตัก เขาแย้มรอยยิ้มอย่างนึกขบขันคนที่ควรจะห่วงตนเองมากกว่าเสื้อสูทราคาแพงของเขา ไม่รู้ตัวเสียเลยว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นในอีกไม่กี่นาทีนี้
นิชาค่อยๆหลับตาลงเมื่อเห็นว่าใบหน้าดูดีที่เขาแสนรักเคลื่อนเข้าใกล้ ริมฝีปากถูกแนบประกบในอีกวินาทีต่อมา ปลายลิ้นที่ตอบรับอย่างรู้ประสาทำให้เตชินท์อดไม่ได้ที่จะเลื่อนปลายนิ้วไปตามแผ่นอกเนียนลื่นมือ ก่อนจะเคล้นคลึงยอดอกสีเชอร์รี่อย่างหนักหน่วงเสียจนเสียงครางดังหลุดลอดผ่านเรียวปากที่ถูกรุกรานด้วยเรียวลิ้นร้อน
“ฮึก... อื้อ... อะ อา...”
มีเพียงเสี้ยววินาทีสั้นๆที่อีกฝ่ายเปลี่ยนมุมประกบริมฝีปากที่นิชาได้พักหายใจ ก่อนที่ลมหายใจจะถูกช่วงชิงเสียจนห้วงอารมณ์ถูกตีกระหน่ำราวกับคลื่นสาดซัดอีกครั้ง มือหนาอีกข้างเลื่อนไปยังด้านหลัง กดย้ำช่องทางสีสวยด้วยปลายนิ้วทั้งสอง แล้วแทรกเข้าไปอย่างช้าๆ น้ำอุ่นจัดทำให้เรือนกายเหนื่อยล้าได้ผ่อนคลายลง ทว่านิชาก็อดเกร็งกายอย่างตื่นตัวไม่ได้เมื่อจู่ๆปลายนิ้วก็เปลี่ยนมาเป็นความแข็งแกร่งที่ร้อนจัดดั่งเหล็กเผาไฟที่สอดแทรกเข้ามาอย่างกะทันหัน
“อ๊ะ... อา...!”
“อืม... ดี... ค่อยๆผ่อนลมหายใจแบบนั้นล่ะ”
เตชินท์เอ่ยเมื่อร่างที่ถูกเติมเต็มกำลังตอดรัดเรือนกายของเขาอย่างแนบแน่นเสียจนแทบปลดปล่อยออกมาตั้งแต่วินาทีแรกที่แทรกกายเข้าไปจนสุด ดวงหน้าเยาว์วัยเหยเกพร้อมกับขบริมฝีปากของตนเองเมื่อชายหนุ่มกระแทกกายสวนขึ้นไป นิชาบดเบียดสะโพกเข้ากับหน้าขาแกร่ง ก่อนจะวางมือบนบ่าหนา แล้วเป็นฝ่ายขยับกายเองอย่างรู้งาน
“เด็กดี...”
นิชาแก้มแดงระเรื่อเมื่อได้ยินเสียงทุ้มแตกพร่าเอ่ยชมอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ที่กำลังปะทุขึ้นสูง เขากดกายลงรับความร้อนจัดที่เต้นตุบอยู่ภายในให้เข้ามาลึกสุด พร้อมกับขยับเคลื่อนไปตามแรงอารมณ์ ใบหน้าเนียนหงายเริด ขณะยอดอกถูกแทะเล็มและดุนดูดด้วยริมฝีปากอุ่น
“ฮึก... อื้อ พี่ชิน... พี่ชิน....!”
“อา... นท.... อะ!”
เสียงทุ้มครางต่ำในลำคอเมื่อนัยน์ตาหวานเชื่อมทอดมองลงมาพร้อมกับร่างหนาที่กดสะโพกมนและสวนกายขึ้นอย่างแรงจนรับรู้ได้ถึงการปลดปล่อยของร่างเล็กที่เกร็งกระตุกอยู่สองสามครั้ง ขณะช่องทางรักบีบรัดความแข็งแกร่งที่ร้อนระอุราวกับจะรีดทุกหยาดหยดออกไปจากร่างของเขา ร่างงามสั่นเกร็งอยู่เพียงครู่ ก่อนจะทรุดฮวบลงกับบ่ากว้างพลางหอบหายใจหนักอย่างเหนื่อยอ่อน
“รู้สึกดีไหม?”
นิชาพยักหน้ากับบ่าหนา โดยไม่เงยหน้าขึ้นมองตรงๆ ด้วยรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังทำสีหน้าเช่นไร หากสบตาด้วยตรงๆเช่นนี้แล้ว เขาคงเขินมากกว่านี้เสียจนไม่เป็นอันทำอะไรเป็นแน่
“มา อาบน้ำกัน เดี๋ยวพี่ล้างให้ด้วย”
“อื้อ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวนททำเองได้”
นิชารีบปฏิเสธเมื่อรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร แต่เขาก็ถูกพลิกกายให้หันหลังให้ พร้อมกับปลายนิ้วที่แทรกเข้าไปด้านในช่องทางที่เพิ่งผ่านการใช้งานมาหมาดๆ เขาหลับตาลงด้วยความอาย แม้ว่าเตชินท์จะเคย ‘สอน’ ให้ทำความสะอาดเมื่อหลายปีก่อน แต่ก็ไม่ได้ทำแบบนี้ในที่ที่สว่างโร่อย่างนี้บ่อยนัก
“เอ้า เสร็จแล้ว มานี่มา”
เตชินท์อมยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นใบหน้างามแดงจัดที่ดูเหมือนจะแดงยิ่งกว่าทุกที เจ้าของร่างเล็กค่อยๆเคลื่อนเข้าใกล้พร้อมกับซุกศีรษะลงกับแผ่นอกกว้างอย่างออดอ้อน
“ยุ่งเหมือนกันเนอะที่ต้องคอยมาทำความสะอาดแบบนี้”
“พี่ชินรู้แบบนี้วันหลังก็ใส่ถุงก็หมดเรื่อง”
เสียงใสบ่นงุบงิบพร้อมกับคว้ามือหนามาบีบนวดเล่นราวกับไม่เคยทะเลาะกันมาก่อน
“ไม่เอาหรอก แบบนั้นก็ไม่รู้สึกถึงนทเต็มที่น่ะสิ”
เตชินท์เอ่ยพลางหอมแก้มใสฟอดใหญ่ แล้วดึงร่างเล็กให้หันหลังนั่งเอนพิงแผ่นอกของเขา พร้อมกับคว้าฟองน้ำที่ชุ่มสบู่เหลวมาขัดผิวกายขาวเนียนอย่างเบามือ
“พูดอะไร... ไม่อายบ้างเหรอ”
“ไม่อายหรอก นทนั่นล่ะ ไม่ดีใจเหรอ?”
“ดีใจเรื่องอะไร?”
ร่างสูงทำหน้าเจ้าเล่ห์ ก่อนโน้มกายกระซิบติดริมหูบางด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าแผ่วเบา
“ก็พี่น่ะ ปล่อยในตัวนทคนเดียวเท่านั้นแหละ”
เจ้าของนามหน้าร้อนวาบ เขาก้มหน้างุดอย่างไม่รู้จะโต้ตอบคนไม่รู้จักอายที่นั่งหัวเราะอยู่ด้านหลังว่าอย่างไร
ในหัวใจรู้สึกอบอุ่น ไม่ได้เกี่ยวกับความร้อนของน้ำอุ่นจัดที่เขากำลังแช่อยู่แต่อย่างใด แต่เป็นเพราะได้ยินเสียงหัวเราะอย่างเป็นสุขของคนที่เขารักที่สุดที่ไม่ได้ยินมานาน
นิชาหลับตาพริ้ม ปล่อยให้อีกฝ่ายขัดถูกายของเขาไปพร้อมๆกับฉวยโอกาสหอมแก้มใสเป็นระยะ ก่อนที่ความเหนื่อยล้าจะพัดพาให้สติค่อยๆเลือนรางลง ในที่สุดเขาก็หลับไปในอ้อมแขนของคนที่เขารักอย่างมีความสุข --- ความสุขอย่างที่หัวใจปรารถนามาตลอด
Talk: กราบสวัสดีค่ะ
ตอนนี้ ไม่มีอะไรจะพูด... หนึ่งคือเขิน สองคือรู้ว่าทุกคนต้องเคืองการตัดสินใจของนทแน่ๆ

ฉะนั้น... ข้าพเจ้าขอลาไปเพียงเท่านี้ หรือก็คือ ขอเผ่นก่อนนะเจ้าคะ
