รักใสปิ๊ง
ตอนที่ (17) เคลียร์ใจ
“อุ้มคิดว่าอุ้มจะบอกออนเมื่อไหร่กัน?”
นีออนเดินกลับมาจากหลังร้านแล้วถามอุ้มรักถึงเรื่องที่น้องปิดบังตนเองอยู่ อุ้มรักมีสีหน้าลำบากใจ นั่นยิ่งทำให้นีออนรู้สึกไม่ดี เหมือนตนเองเป็นคนนอกที่น้องไม่ต้องการให้รู้
“เรากลับไปคุยกันที่บ้านนะออน นะ” อุ้มรักจับมือพี่ชายเขย่าเบาๆ อ้อนนีออนที่เริ่มจะหน้างอแล้ว
“ก็ได้ แต่กลับไปแล้วอุ้มต้องบอกออนทุกอย่างเลยนะ ห้ามปิดบังด้วย” เด็กตัวเล็กกำชับกำชา อุ้มรักยิ้มๆแล้วพยักหน้าบอก
“คร้าบ ไม่งอนนะ” หยอกล้อให้พี่ชายแสนงอนยิ้ม กระตุกมือให้มานั่งข้างๆกัน ทำหน้าที่ขายของกันต่อไปจนหมดวัน
พอกลับมาบ้านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จแล้ว สองแฝดน้อยก็มานอนคุยกัน อุ้มรักบอกว่านายแต้มมาสารภาพรัก ทั้งที่อุ้มรักไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่านายแต้มจะชอบตนเอง เพราะนายแต้มชอบล้อเรื่องอ้วนอยู่เรื่อยๆ
“แล้วอุ้มก็เอาเรื่องนี้ไปบอกพี่น้ำ?” นีออนคาดเดา
“อือ” อุ้มรักพยักหน้ารับ แต่นีออนรู้ว่ามันมีมากกว่านั้นอีก น้องเล่าไม่หมดแน่ๆถึงได้อึกๆอักๆ
“แค่นี้เหรอ?”
“ก็... ตอนที่อุ้มจะกลับมาหาพี่น้ำอ่ะ นายแต้มเขา ... เขาก็...”
“ก็อะไร?” นีออนเร่งเมื่อน้องไม่ยอมพูดออกมาเสียที อึกอักอยู่นั่นแหละอุ้มรัก ออนอยากรู้
“ก็... ดึงไปจุ๊บ”
“ห๊ะ!!” นีออนน้อยร้องอุทานเสียงดัง ตาเรียวรีนั้นเบิกโตขึ้นด้วยความตกใจ อุ้มรักเลยรีบอธิบาย
“คือมันปัดผ่านปากไปแค่นิดเดียว แต่อุ้มก็ตกใจมาก แบบมากๆเลยอ่ะ”
ยิ่งอธิบายดูเหมือนยิ่งไปกันใหญ่ นีออนกุมหัวแล้วกลิ้งไปมา อยากจะร้องออกมาแต่ไม่กล้าเดี๋ยวแม่ได้ยิน อุ้มรักที่เคยแต่หอมแก้มจุ๊บแก้มแม่กับพ่อ ยังไม่เคยโดนใครที่ไหนจูจุ๊บมาก่อน นอกจากนีออนที่ชอบมาฟัดแก้มเขา และความรู้สึกเวลาแสตมป์ทำมันไม่เหมือนกันกับที่นีออนทำ แถมพอมารู้ว่าแสตมป์ชอบตนเองอีกยิ่งรู้สึกแปลกเข้าไปใหญ่
“อุ้มบอกเรื่องนี้กับพี่น้ำด้วยหรือเปล่า?”
นีออนที่เหมือนจะตั้งสติได้แล้วเอ่ยถามน้องเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา อุ้มรักพยักหน้ากับคำถามของนีออน
“ตายแน่อุ้มรัก” นีออนว่าอย่างนั้นแฝดน้องเลยยิ่งจิตตก
“ฮือ อย่าพูดแบบนั้นสิ อุ้มไม่สบายใจเลยนะออน อุ้มรู้สึกผิดกับพี่น้ำอ่ะ”
“รู้สึกผิดเรื่องอะไร อุ้มไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย”
“อุ้มไม่สบายใจที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอ่ะ ตอนที่นั่งรถกลับบ้านกับพี่น้ำ พอถึงบ้านอุ้มไม่กล้าที่จะมองหน้าพี่เขาเลย เหมือนตัวเองทำความผิดมายังไงยังงั้น”
นีออนลุกขึ้นนั่งกอดอก อุ้มรักเลยลุกตาม พอฟังที่น้องพูดแล้วนีออนน้อยก็พยักหน้าหงึกหงัก อุ้มรักอ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้
“อุ้มชอบแสตมป์ป่ะ?”
“อุ้มคิดกับนายแต้มแค่เพื่อน” อุ้มรักตอบกลับมาโดยไม่ต้องคิดนาน
“แล้วตอนโดนนายแต้มจุ๊บนั่นน่ะเป็นไง?” นีออนยังถามต่อราวกำลังเก็บข้อมูล
“มันตกใจ แล้วก็รู้สึกแปลกไปหมด อธิบายไม่ถูกหรอก”
อุ้มรักนั่งกอดอกท่าเดียวกับนีออน หัวคิ้วขมวดเมื่อคิดไม่ตก นีออนน้อยเคาะปลายคางเบาๆทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะบอกว่าเรื่องนี้ต้องปรึกษาผู้รู้เสียแล้วล่ะ อุ้มรักมองพี่ชายฝาแฝดงงๆ นีออนลุกลงจากเตียง ดึงอุ้มรักให้ลงมาด้วย
“จะไปไหนน่ะ?”
อุ้มรักถาม แต่นีออนไม่ตอบคำถามนั้น จูงมือน้องมาหาคุณแม่ที่ดูทีวีอยู่ข้างนอก อุ้มรักขืนตัวไว้บอกว่าไม่เอา อายแม่ แต่นีออนก็ดึงมาด้วยจนได้
“แม่ ออนมีเรื่องจะปรึกษาครับ”
คุณแม่เลิกคิ้วมองแฝดพี่ แล้วเบนสายตาไปยังแฝดน้องที่เดินก้มหน้าก้มตาตามแรงดึงของแฝดพี่มา ปัญหาของใครกันแน่ล่ะนี่?
--------------
ทางฝ่ายพี่น้ำที่จิตตกเพราะคิดว่าน้องอุ้มน้อยหวั่นไหวไปกับชายอื่นก็มานอนบ้านไทม์ อยากจะปรึกษาเพื่อนเรื่องน้องอุ้ม น้ำเล่าปัญหาหนักอกให้เพื่อนฟัง ไทม์ฟังแล้วก็บอกให้เชื่อใจน้องอุ้มหน่อย น้องอุ้มหัวอ่อนก็จริง แต่ใช่ว่าจะคิดไม่เป็นเสียเมื่อไหร่ บอกว่าน้ำน่ะคิดมากไป ตอนนี้น้องคงต้องการที่ปรึกษา แต่น้ำดันมากดดันน้องเข้าไปอีก แล้วแบบนี้น้องจะไปปรึกษาใคร
“ก็กูทำใจไม่ได้อ่ะ ถ้ามึงรู้ว่านีออนโดนชายอื่นจูบบ้าง มึงจะรู้สึกยังไงวะ” น้ำถามแกมประชดเพื่อน
“อ้าว ไอ้นี่ ชักจะลามเป็นขี้กลากแล้วมึง”
ไทม์ขว้างหมอนใส่เพื่อนที่นั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง น่าหมั่นไส้สุดๆเลยเถอะแบบนี้น่ะ น้ำล้มตัวลงนอนแล้วก็พยายามคิดไปในแง่ที่ดี แต่ก็อดวนกลับมาที่เรื่องเดิมๆไม่ได้ เพราะน้องยังเด็ก และเขารวบรัดตัดตอนน้องทำให้ได้คบกัน ถ้าหากมีคนอื่นที่ทำให้น้องอุ้มหวั่นไหวขึ้นมาเขาจะทำเช่นไร ทำได้ดีที่สุดคือต้องรอให้น้องเลือกเท่านั้นใช่ไหม บางทีน้ำก็คิดว่าตนเองคิดอะไรไปไกลมาก สิ่งที่กังวลยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักอย่าง กลับเป็นตัวเขาเองที่หวาดระแวงและไม่มั่นใจ เขาควรเชื่อใจน้องให้มากกว่านี้อย่างที่ไทม์ว่า
หนุ่มสุดฮอตที่นอนคิดอะไรไปเงียบๆพลิกตัวกลับมาทางที่เพื่อนไทม์กำลังทำการบ้านอยู่บนโต๊ะ เพื่อนไม่สนใจเขาเลย น้ำจึงเอ่ยกวนสมาธิเพื่อนออกไปอย่างหาแนวร่วม
“กูจะบอกอะไรมึงให้นะไทม์เผื่อมึงไม่รู้”
“............” ไทม์หันมาหาคนเรียกร้องความสนใจ
“นีออนน่ะ แอบปลื้มเพื่อนลูกชายเจ้าของตึกแถวอยู่ อีกหน่อยมึงต้องตกกระป๋องแน่นอนเลยเชี่ยไทม์”
“ก็แค่ปลื้ม” ไทม์ยักไหล่ราวไม่ใส่ใจ แต่เพื่อนน้ำก็ยังกวนกลับมาอีก
“กับมึงนีออนก็ปลื้มเหมือนกันไม่ใช่รึไง?”
“มึงอยากตายเรอะ ไอ้น้ำเน่า!”
ไทม์โดดขึ้นไปล็อคคอคนบนเตียงที่ยุแยงตะแคงรั่ว หนอย นอยด์คนเดียวไม่พอ ดันมาเป่าหูเขาอีกนะไอ้น้ำ!
ไทม์เองก็พอรู้อยู่หรอกเรื่องที่นีออนปลื้มหนุ่มที่เป็นเพื่อนลูกชายเจ้าของตึกแถว ก็เขาเห็นมากับตานี่นะ แต่น้องก็แค่ปลื้มอย่างที่ว่า ใช่ว่าจะเข้าไปจีบแล้วขอเป็นแฟนเสียที่ไหน เขานี่ต่างหากแฟนน้อง อยู่ใกล้น้องมากกว่านายคนนั้นอีก ภาษีดีกว่าเห็นๆ
แต่จะว่าไปก็อดกังวลไม่ได้หรอกเรื่องนี้น่ะ เพราะเรื่องของเขากับทิมก็ยังไม่กระจ่าง ทุกวันที่ผ่านไปก็ได้แต่ขบคิดถึงสิ่งที่จะยืนยันความรู้สึกของตนเองที่มีต่อคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรัก เพื่อให้คุณพ่อได้รู้และเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาเป็นอยู่ ว่ามันไม่ใช่เพียงความสับสนหรือความรู้สึกชั่วครู่ชั่วยามที่มันเกิดขึ้นวูบวาบแล้วดับไป
-------------
เวลาต่อมา เมื่อสองพี่น้องไทม์กับทิมตัดสินใจเรื่องของตนเองได้แล้ว ก็ได้คุยกับคุณพ่อถึงสิ่งที่ตนเองตัดสินใจในวันหนึ่ง คุณพ่อรับฟังสิ่งที่ลูกบอกแล้วเงียบไป ก่อนจะถามย้ำถึงความรู้สึกของลูกๆว่าเอาแน่หรือ
“ผมมั่นใจว่านี่คือความรักครับ และผมอยากให้มันดำเนินไปด้วยความเข้าใจของพ่อกับแม่ มันอาจจะเป็นคำขอที่มากไป แต่มันก็คือสิ่งที่ผมต้องการที่สุดแล้วครับพ่อ”
ไทม์บอกอย่างหนักแน่น คุณพ่อจึงหันไปหาคนน้องอย่างทิมบ้าง
“ทิมกับกรรู้จักกันมาตั้งแต่จำความได้ ทุกครั้งมักจะเห็นกรอยู่ข้างๆเสมอ ทิมไม่เคยที่จะมองกรเป็นอื่น แต่มันก็มารู้สึกแปลกตอนที่…” ทิมหน้านิ่วเมื่อนึกถึงเรื่องที่กำลังจะพูด คุณพ่อพยักหน้าให้พูดต่อ
“ตอนที่กรแอบชอบคนอื่น มันรู้สึกอิจฉา รู้สึกอยากทำลายความรู้สึกนั้นของกรให้หมดไป อยากได้ความรู้สึกนั้นมาครอบครองเสียเอง”
“มันอาจจะแค่หวงเพื่อน หรือไม่ก็อิจฉาที่เพื่อนมีคนที่ชอบแล้วเราไม่มี” คุณพ่อบอกในสิ่งที่น่าจะเป็น
“ถ้ามันง่ายแบบนั้นก็ดีน่ะสิครับพ่อ”
ทิมถอนหายใจเบา ถ้ามันเป็นแค่อาการหวงเพื่อน หรืออิจฉาเพื่อนก็คงดีหรอก คุณพ่อมองท่าทีเป็นกังวลของลูกชายคนเล็กแล้วก็พอเดาสถานการณ์ระหว่างลูกกับทิวากรได้ เด็กวัยรุ่นใจร้อนน่ะสิ
“สรุปแล้วเราสองคนเลือกแล้วใช่ไหมว่าจะให้มันเป็นไปแบบนี้”
“ครับ”
“ไม่เสียใจทีหลังแน่นะ”
“ครับ”
“ดี”
คุณพ่อบอกแบบนั้นแล้วมองหน้าลูกชายทั้งสองนิ่ง ก่อนพยักหน้าเนิบช้า แล้วลุกออกไปจากห้องนั่งเล่น สวนกับกรที่เดินเข้าบ้านมาพอดี ทิวากรไหว้คุณพ่อของเพื่อน คุณพ่อลูบหัวแล้วบอก
“เป็นเด็กดีนะ”
“ครับ?”
ทิวากรตอบรับงงๆ คุณพ่อก็เดินขึ้นบ้านไป เห็นทิมกับพี่ไทม์เดินมาเลยถามว่าพ่อเป็นอะไร ทิมบอกว่าไม่มีอะไรพ่อชมกรเฉยๆ
“อยู่ดีๆพ่อก็ชม มึงว่ามันไม่แปลกเหรอวะ?”
กรเอ่ยถามขณะที่หอบกระเป๋าเป้เดินตามทิมขึ้นมาบนห้อง ทุกทีก็มักจะมาทำงานที่อาจารย์สั่งด้วยกัน เพราะจะได้มีที่ปรึกษา
“หรือมึงอยากให้พ่อด่า?”
“เฮ้ย ไม่เอา พ่อชมน่ะดีแล้ว”
“ก็ดีแล้วไง”
ทิมขำสีหน้าตื่นๆของกรพอพูดถึงเรื่องพ่อด่า แน่ล่ะว่าพ่อของทิมไม่เคยด่า และกรก็คงไม่อยากเห็นพ่อทิมด่าด้วย
ไทม์มองตามน้องกับเพื่อนแล้วก็ถอนใจยาว มันเหมือนในใจมันโล่งๆโปร่งๆอย่างไรไม่รู้ พอได้บอกในสิ่งที่ตนเองคิด และคนที่รับฟังก็เข้าใจมัน และที่สำคัญคนๆนั้นคือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต
----------------
อุ้มรักที่ถูกนีออนพาไปปรึกษากับคุณแม่ โดยที่แฝดพี่อย่างนีออนสมมติเรื่องราวล้านแปดมาถาม แต่สุดท้ายแม่ก็รู้ว่าเป็นเรื่องของใครอยู่ดี อุ้มรักเลยต้องเล่าให้แม่ฟังว่ามีอะไรเกิดขึ้น แล้วตนเองควรจะทำอย่างไรกับสถานการณ์เช่นนี้ เพราะอุ้มรักไม่อยากเสียเพื่อนไปเพราะเรื่องนี้ แต่ก็ตอบรับความรู้สึกนั้นไม่ได้ แต่ไม่รู้จะพูดแบบไหนเพื่อนถึงจะไม่เสียใจ คุณแม่เลยแนะนำให้พูดในสิ่งที่คิดนั่นล่ะดีที่สุด ถ้ามัวแต่กลัวว่าเพื่อนจะเสียใจแล้วปล่อยนานไปเพื่อนอาจจะรู้สึกแย่มากกว่า ตอนนี้อุ้มรักกับนีออนยังเด็ก ซึ่งแม่รู้สึกว่าเด็กมากกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน แม่อยากให้ตั้งใจเรียนมากกว่ามาคิดเรื่องรักๆใคร่ๆ แต่ในเมื่อมันมีมาเช่นนี้ก็ควรทำความเข้าใจกับมัน ความรักมันมีหลายรูปแบบ ไม่ใช่แค่เพียงรักใคร่ชอบพอแบบหนุ่มสาว แต่มันยังมีรูปแบบของความรักและหวังดีในฐานะเพื่อน พี่ น้อง ครอบครัว ถึงรักชอบกันแบบคนรักไม่ได้ ใช่ว่าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไม่ได้ แสตมป์เขาต้องเข้าใจแน่ ถ้าน้องอุ้มพูดกับเขาอย่างจริงใจ
แม้อุ้มรักจะหวั่นใจที่ต้องคุยกับแสตมป์เรื่องนี้ แต่ก็ดีกว่าต้องหลบหน้าแสตมป์อยู่ตลอด และเพื่อความบริสุทธิ์ใจอุ้มรักเลยให้พี่น้ำไปเป็นเพื่อนด้วย หลังเลิกเรียนอุ้มรักจึงนัดแสตมป์มาคุย โดยที่พี่น้ำรออยู่ไม่ไกลจากที่ที่คุยกัน อุ้มรักบอกแสตมป์ว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว อยากเป็นเพื่อนกับแสตมป์มากกว่า
“เราขอบคุณนะที่แสตมป์รู้สึกดีๆด้วย เรายอมรับว่าตกใจที่รู้ว่าแสตมป์คิดกับเราแบบนั้น เพราะเราไม่เคยรู้หรือระแคะระคายมาก่อนเลย”
อุ้มรักรู้สึกเกร็งในทุกๆคำที่พูดออกไป กลัวว่ามันจะไปกระทบใจเพื่อนเข้า แต่ถึงจะใช้ถ้อยคำที่ดีเพียงใด สุดท้ายคำพูดเหล่านั้นมันก็คือคำปฏิเสธอยู่ดี
“ถ้าเราบอกอุ้มว่าเราชอบอุ้มก่อนหน้านี้ก็คงดีนะ”
“แสตมป์…”
“เราพลาดเองล่ะ ทั้งที่มีเวลาเหลือเฟือที่จะบอก แต่เราก็ปล่อยให้มันผ่านเลยไปจน... จนอุ้มเจอพี่คนนั้น”
ยิ่งแสตมป์พูดอุ้มรักยิ่งอยากร้องไห้ ก็แสตมป์ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนั้น เห็นแล้วก็รู้สึกเจ็บไปกับเพื่อนด้วย แสตมป์มองหน้าอุ้มรักตรงๆ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความคาดหวัง
“ถ้า... ย้อนเวลากลับไปได้ หรือถ้าตอนนี้อุ้มไม่มีใคร อุ้มจะชอบเราไหม?”
“เรา…”
เหมือนกระบอกตามันร้อนผ่าว คำพูดทุกคำมันไม่ยอมออกมาจากลำคอ เสียงที่เอ่ยบอกเพื่อนจึงแสนแผ่วเบา แต่คนฟังอย่างแสตมป์กลับได้ยินมันชัดเจน ชัดยิ่งกว่าชัดอีกว่าเขาคือคนที่ไม่ได้รับความรัก
“ขอโทษ”
ทุกสิ่งรอบกายเงียบลงไปเพียงเพราะคำขอโทษแสนสั้นนี้ ทั้งสองคนเงียบอยู่นานกว่าที่แสตมป์จะเอ่ยบอก
“ดีแล้วล่ะ รู้แบบนี้ก็ดีแล้ว แต่ตอนนี้ ... เรายังไม่พร้อมจะเป็นเพื่อนกับอุ้ม ขอโทษนะ”
แสตมป์บอกเช่นนั้นแล้วเดินจากไป อุ้มรักมองตามเพื่อนแล้วจะร้องไห้ เขาทำให้เพื่อนเสียใจ น้ำเดินเข้าไปหาน้องเมื่อเพื่อนน้องออกไปแล้ว รั้งตัวน้องมากอดปลอบแล้วบอกว่าทำดีแล้ว เพื่อนจะได้ไม่เจ็บกว่านี้ เพราะให้ความหวังเขา
“แต่แสตมป์เสียใจนะพี่น้ำ” อุ้มรักบอกพี่น้ำเสียงเครือ
“อุ้มก็เสียใจใช่ไหม?”
อุ้มรักพยักหน้าพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหล
“พี่เองก็เสียใจ ถ้าอุ้มเลือกที่จะไป”
“พี่น้ำ”
โผเข้ากอดพี่แล้วร้องไห้โฮ ทำไมความรักมันถึงทำให้คนเสียใจกันไปหมดแบบนี้ล่ะ อุ้มรักไม่เห็นจะเข้าใจมันเลย
ทุกคนต้องการเวลาปรับตัว แสตมป์เองก็เช่นกัน ถึงไม่อยากจะพบเจอ แต่ก็ต้องพบต้องเจอ แม้อยากหลีกลี้หนีไป แต่ก็ยังมีไอ้คนน่ารำคาญตามมาตอแย เหมือนต้องการปลอบใจ แต่ก็เหมือนกวนอารมณ์มากกว่า
ถึงแม้ในวันนี้เขาจะให้คำว่าเพื่อนกับอุ้มรักไม่ได้ แต่ในวันหน้าเขาก็คงจะทำมันได้ สักวันหนึ่ง ... คาดว่ามันน่าจะเร็วๆนี้ล่ะ
“ถ้าอยากจะร้องไห้ จะให้ยืมอกซบฟรีๆเอาไหม?”
ไม่อยากจะนึกถึงเลยว่าคำพูดนี้มันเป็นของใคร
---------------
นีออนออกจากห้องเรียนมาก็ตรงไปหาพี่ไทม์ที่โรงยิม เพราะวันนี้พี่ๆเขามีซ้อมบาสเกตบอล ส่วนอุ้มรักไปรออยู่หน้าโรงเรียนกับพวกบิวตี้แล้ว เพราะบิวตี้บอกอยากกินน้ำปั่นให้ไปซื้อด้วยกัน อุ้มรักเลยจะไปสั่งรอนีออนกับพี่ๆด้วย พอไทม์กับน้ำซ้อมบาสฯเสร็จก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วถึงออกมาหานีออนน้อยที่รออยู่ นีออนที่นั่งดูพี่ซ้อมบอกว่าวันนี้พี่ไทม์ดูมีสมาธิมากกว่าวันก่อนๆ ไทม์เองก็รู้สึกได้ว่าเขาเล่นได้ดีขึ้น คงเพราะสะสางปัญหาคาใจทุกอย่างเรียบร้อยแล้วล่ะมั้งนะ
ออกมาหน้าโรงเรียน กินน้ำปั่นกันไปคนละแก้ว ไทม์ก็บอกให้นีออนรออยู่ตรงนี้เดี๋ยวเขาจะกลับบ้านไปเอารถ วันนี้เพื่อนน้องอยู่กันเยอะเลยให้น้องอยู่คุยกับเพื่อนดีกว่า ไทม์ขับรถกมารับน้อง พาน้องกลับบ้านเช่นทุกที รถเคลื่อนตัวไปด้วยความเร็วสม่ำเสมอ ไทม์เลี้ยวรถเข้าไปจอดแถวแม่น้ำที่อยู่ข้างทาง โบกมือบอกให้น้ำที่ขับรถตามมาให้พาน้องอุ้มกลับบ้านไปก่อน อุ้มรักเหลียวกลับมามองนีออนกับพี่ไทม์แล้วถามพี่น้ำด้วยความสงสัย
“พี่ไทม์เขาจอดรถทำไมอ่ะครับ?”
“คงมีเรื่องอยากคุยกับนีออนล่ะมั้ง”
คำตอบของพี่น้ำดูเหมือนจะไม่ทำให้น้องคลายกังวล เพราะเห็นน้องอุ้มเงียบไป น้ำเลยบอกมาอีก
“ไม่ต้องห่วงหรอก วันนี้ไทม์มันอารมณ์ดี”
“เกี่ยวกันตรงไหน?”
“ก็รับรองได้ว่ามันจะไม่ชวนนีออนทะเลาะน่ะสิ”
อุ้มรักหัวเราะเบาๆที่พี่น้ำรู้ความคิดของตนเอง ก็กลัวไปสารพัดอย่างนั่นล่ะ
ทางด้านนีออนออกจะงงที่อยู่ๆพี่ไทม์ก็จอดรถ แต่เห็นพี่ลงจากรถก็เลยลงตาม พี่ไทม์ยืนเกาะแนวรั้วเหล็กที่กั้นถนน ก่อนจะโดดข้ามไปแล้วนั่งบนขอบของมัน มองน้ำในแม่น้ำที่ทอดยาวไหลเอื่อยไปเรื่อยๆ นีออนมายืนข้างๆพี่ไทม์ที่ด้านในถนนไม่ได้ข้ามไปเหมือนพี่ ลมเย็นๆพัดมาให้รู้สึกดี นีออนไม่รู้ว่าพี่ไทม์กำลังคิดอะไรอยู่ แต่มันคงจะเป็นเรื่องที่ดีแน่ๆ เพราะพี่ไทม์กำลังยิ้ม
“นีออน”
“ครับ?”
นีออนที่มัวมองบรรยากาศรอบๆเพลินขานรับงงๆ ไทม์มองหน้าที่แสดงอาการฉงนนั้นแล้วยิ้มกว้างกว่าเคย เด็กตัวเล็กยิ่งงงว่ามีอะไร
“อะไรอ่ะครับ?”
ไทม์ยังยิ้ม นีออนเลยยิ้มตามงงๆ มือของพี่เลื่อนมากุมมือที่เกาะราวรั้วกั้นไว้ มองตาของน้องแล้วบอกทั้งรอยยิ้ม
“รักนะ”
นีออนชะงักเพราะอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มตาหยี แล้วบอกพี่กลับไป
“รักเหมือนกันครับ”
TBCขอบคุณทุกท่านนะคะสำหรับกำลังใจเรื่องกระทู้นั้นน่ะ จัดบวกไปทุกบวกเลยค่ะ 
แบบเข้าไปอ่านแล้วมัน... ห๊ะ!!!!!
แล้วก็ไม่รู้จะไประบายที่ไหนเลยแอบมาเวิ่นที่กระทู้นิยายตัวเองเบาๆ 
ตอนที่เป็นแค่คนอ่านอย่างเดียวเคยสงสัยว่าทำไมนักเขียนเขาถึงอ่อนไหวง่ายกันจังนะ
พอได้มาเขียนเองแล้วถึงได้รู้ซึ้งเลยทีนี้
ส่วนตอนนี้ชิวละค่ะ แค่ทำในสิ่งที่ชอบให้ดีอย่างที่คุณ $VAN$ บอก
แคร์คนที่อยู่ข้างเราดีกว่าคนที่เขาไม่ได้อ่านเนาะ
พยายามคิดให้ได้เหมือนตอนครั้งแรกที่ลงเรื่องน้องมิน ตอนนั้นนี่ไม่มีอะไรเลยนอกจากอยากลงเฉยๆ
อยากให้คนได้เห็นถึงความน่ารักของลูกชายคนแรก เขียนไปยิ้มไปอะไรแบบนี้
พอได้รับผลตอบรับจากทุกคนนี่แบบดีใจโฮก เพราะพล็อตง่ายสุดติ่งจริงๆ
เรื่องที่สองอย่างใกล้ใจลงบทนำมีคุณ iamnan มาเม้นต์ให้คนเดียวด้วยซ้ำนะตอนนั้นน่ะ
แต่พอลงไปเรื่อยๆก็มีนักอ่านท่านอื่นๆเข้ามาเรื่อยๆเหมือนกัน ก็ต้องขอบคุณทุกท่านมากๆค่ะ
เพราะฉะนั้นแล้ว เราจะทำเรื่องน้องแฝดให้ดี ให้สมกับที่ทุกท่านคอยให้กำลังใจกันค่ะ
สู้ว้อย!!
