จิ้มๆ ขอบคุณคุณ CarToonMiZa กับคุณ dahlia ที่มารอน้องแฝดค่ะ 
รักใสปิ๊ง
ตอนที่ (16) ก้าวไปอีกขั้น
เด็กแฝดน้อยไปโรงเรียนกันวันแรก นีออนก็ได้แนะนำเพื่อนของตัวเองให้น้องรู้จักด้วย เด็กเข้าใหม่มีเยอะก็ทำความรู้จักกันไป พอเข้าห้องมาสักพักถึงได้เห็นว่าบิวตี้ก็เรียนห้องเดียวกัน คนที่อยู่โรงเรียนนี้มาก่อนก็ไม่ค่อยอยากจะเข้าไปเสวนากับเธอเท่าไหร่ แต่คนที่เข้ามาใหม่ก็เข้าไปแนะนำตัวกับเธอ เพื่อนในห้องก็แอบเกร็งว่าเด็กที่เข้าไปหาบิวตี้จะโดนเหวี่ยงกลับหรือเปล่า แต่บิวตี้แค่พยักหน้ารับแล้วบอกชื่อมาเท่านั้น
นีออนพาอุ้มไปแนะนำตัวกับบิวตี้บ้าง พอเพื่อนคนอื่นเห็นมีคนเข้าไปคุยกับบิวตี้ได้โดยไม่โดนเหวี่ยง จึงได้คิดเห็นตรงกันว่าบิวตี้ก็คงไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่ได้ยินเสียงเล่าลือมานัก
วันแรกช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนวุ่นวาย ก่อนที่อาจารย์ที่ปรึกษาของแต่ละห้องจะมา เด็กนักเรียนก็โดดไปห้องนั้นห้องนี้เพื่อไปหาเพื่อนๆของตัวเองที่ได้อยู่ต่างห้อง กรกับทิมยังคงตัวติดกันเหมือนเคยเพราะได้อยู่ห้องเดียวกันอีกปี ทั้งสองคนที่อยู่ห้องข้างๆแวะมาหาน้องแฝด คุยเล่นกันสักพักอาจารย์มาเลยแยกย้ายห้องใครห้องมัน
พักกลางวัน กลุ่มนีออนก็ยังคงมาทานข้าวที่โรงอาหารด้วยกันเช่นทุกวันก่อนหน้านี้ ที่เพิ่มขึ้นมาคือเพื่อนๆจากโรงเรียนเดิมของนีออนกับอุ้มรัก คราวนี้เลยกลายเป็นกลุ่มใหญ่เลย บิวตี้ที่ได้เพื่อนใหม่ท่าทางใสซื่อมาเลยพาเพื่อนมาแนะนำตัวแล้วแยกนั่งอีกโต๊ะ ทุกคนต่างก็กำลังก้าวเดินไปข้างหน้า เริ่มต้นที่จะเรียนรู้และปรับตัว ค้นหาในสิ่งที่ใช่สำหรับตนเอง เพื่อเป็นผู้ใหญ่ที่มีมั่นคงในอนาคต
หลังเลิกเรียนนักเรียนมัธยมสี่ทุกห้องมีโฮมรูม น้ำกับไทม์เลยอยู่รอน้องแฝด ตัวน้ำเองได้ไปขออนุญาตพ่อแม่น้องแฝดเพื่อไปส่งน้องอุ้มหลังเลิกเรียน ส่วนไทม์ก็ยังทำหน้าที่ส่งนีออนน้อยอยู่เช่นเดิม พ่อกับแม่ของน้องก็เตือนให้ขับรถระวังๆกัน
พอเด็กทั้งสองเสร็จกิจกรรมโฮมรูม นีออนก็ตามพี่ไทม์มาที่บ้านเพื่อให้พี่ไทม์มาเอารถ เด็กตัวเล็กพาอุ้มรักมาด้วย น้ำจึงต้องตามมาโดยปริยาย คุณพ่อของพี่ไทม์ไม่สบายเลยไม่ได้ไปทำงานในวันนี้ถึงได้เจอนีออน นีออนบอกไม่ทราบว่าพ่อป่วยเลยไม่มีของเยี่ยมมาด้วย พ่อบอกไม่เป็นไร แค่มีน้ำใจถามไถ่พ่อก็ดีใจแล้ว คุณแม่เอาน้ำกับขนมมาให้น้องแฝดทานเล่น เด็กทั้งสองไหว้ขอบคุณคุณแม่ รู้สึกเกรงใจที่ต้องมารบกวน
ไทม์ปล่อยให้น้องคุยเล่นกับพ่อแม่ไป ส่วนตนเองก็เอาของไปเก็บบนห้อง ก่อนจะลงมาเอารถออกเพื่อพาน้องไปส่งบ้าน คุณพ่อบอกให้ไทม์รีบกลับเพราะมีเรื่องอยากคุยด้วยสักหน่อย ไทม์รับปากแล้วพาน้องขับรถออกไป
“มีอะไรหรือเปล่าครับพี่ไทม์?” นีออนเอ่ยถามพี่เมื่อพี่ขับรถออกมาแล้ว แอบกังวลว่าจะมีอะไรที่ไม่ดีหรือเปล่า
“ไม่มีอะไรหรอกครับ กังวลอะไรน่ะเรา?”
“ออนก็ไม่รู้ แต่ออนรู้สึกแปลกๆอ่ะ อืม อะไรไม่รู้เนอะ”
ไทม์ขำน้องที่ออกจะสับสน เหมือนจะคิด แต่ก็ไม่อยากจะคิด ตัวไทม์เองก็ไม่อยากจะคิด แต่ก็คงต้องคิด ท่าทางจะสับสนไม่แพ้น้องแล้วตอนนี้
ไทม์กลับบ้านมาอีกครั้งหลังจากส่งน้องแล้วเรียบร้อย คุณพ่อรอที่จะพูดคุยอยู่แล้ว คุณแม่ทำอาหารเสร็จจึงเรียกให้ไปทานข้าวกันก่อนค่อยมาคุย พอทานข้าวเสร็จพ่อจึงให้ลูกๆทั้งสองคน ทั้งไทม์และทิม มานั่งรวมกันที่ห้องนั่งเล่นแล้วถามพี่ชายอย่างไทม์ก่อนว่าไปรับส่งนีออนทุกวันเลยหรือ ไทม์บอกขออนุญาตพ่อแม่น้องไปส่งตอนกลับจากโรงเรียน พ่อเลยถามว่าพ่อแม่น้องเขาอนุญาตหรือ ไทม์ก็ตอบตามจริงว่าครับ
“เราคิดกับน้องเขาแบบไหนไทม์?”
คุณพ่อเอ่ยถามตรงประเด็น ไทม์ออกจะอึ้งไปเล็กน้อยที่พ่อถามมาเช่นนั้น
“ผม... ชอบนีออนครับ”
“นานหรือยัง?”
“ครับ?” ขมวดคิ้วกับคำถามไร้รูปประโยคนั้น
“รู้ตัวนานหรือยังว่าตัวเองชอบผู้ชายด้วยกัน”
คุณพ่อขยายความในสิ่งที่ถามไปเมื่อครู่ สีหน้าท่าทางท่านนิ่งขรึมจนไทม์ไม่กล้าแม้จะกระดิกตัว เวลาท่านทำงานก็เป็นแบบนี้หรือเปล่านะ
“ก็ตั้งแต่ที่เจอน้องครับ มันก็เกือบครึ่งปีได้แล้ว”
ไทม์ตอบพ่อไปแล้วมองปฏิกิริยาตอบรับของพ่อ คุณพ่อถอนหายใจเบาๆทำให้ไทม์หน้าเสีย
“พ่อ... ผิดหวังในตัวผมใช่ไหมครับที่เป็นแบบนี้?”
“ใช่”
คำตอบของพ่อไม่เพียงทำให้ไทม์อึ้ง รวมทั้งทิมเองด้วย ความรู้สึกกดดันมันเริ่มคืบคลานเข้ามาหาสองพี่น้องเรื่อยๆ
“ถ้าพ่อบอกให้เลิกกับนีออน ไทม์จะทำให้พ่อได้ไหม?”
“พ่อ…”
คุณพ่อยังต่อประเด็นถามไทม์เสียงนิ่ง ไม่แสดงอาการว่าล้อเล่น ไม่เหมือนคุณพ่อผู้มีมนุษยสัมพันธ์อันดีที่นีออนเห็นแม้แต่น้อย ไทม์ครางเรียกพ่อแล้วก็นิ่งไปอย่างตัดสินใจไม่ได้ เด็กหนุ่มรู้สึกจุกจนเหมือนจะหายใจไม่ออก ความรักของเขาไม่ได้รับการยอมรับหรือ
“มันตัดสินใจยากขนาดนั้นเลยหรือไทม์?”
“ผมขอโทษครับ”
“..............”
“พ่อครับ ผมขอโทษ แต่ผมเลิกกับน้องไม่ได้จริงๆ”
ไทม์ยกมือไหว้คุณพ่อ เด็กหนุ่มยังย้ำคำเดิมคือทำไม่ได้ อยากจะอ้อนวอนพ่อ แต่มันก็ไม่ใช่วิสัยของตน
“ความรักความชอบแบบนี้มันไม่ยั่งยืน พ่อรู้ว่าเด็กๆก็วูบวาบกันไปเรื่อย เดี๋ยวก็เลิกรากันไปอยู่ดี”
“ผมอยากให้มันเป็นเรื่องของอนาคตครับพ่อ ตอนนี้ ขอแค่ตอนนี้ที่ผมกับน้องจะได้เรียนรู้กันและกัน ได้อยู่ข้างๆกัน”
คุณพ่อมองท่าทางมุ่งมั่นของลูกชายคนโตแล้วก็ถอนหายใจอีกหน ก่อนจะหันไปหาลูกชายคนเล็กที่นิ่งเงียบมาตลอดบทสนทนาระหว่างพ่อกับพี่ชาย
“ทิม”
“ครับ”
“แล้วเราล่ะ?”
“ครับ?”
ทิมยังไม่เข้าใจในสิ่งที่พ่อถาม หรือไม่มีสติมากพอจะเข้าใจก็ไม่ทราบ เพราะในใจมันพะวงนึกถึงเรื่องของตนเอง คุณพ่อจึงถามมาตามตรง
“เรื่องทิวากร”
“พ่อรู้…” ทิมออกจะตกใจอยู่ไม่น้อยที่พ่อรู้ว่าเขากับกร...
“รู้สิ นี่พ่อใคร?”
“ทิม…”
คราวนี้กลายเป็นว่าทั้งทิมทั้งไทม์เลยที่ถูกพ่อต้อน คุณแม่เดินเข้ามาหาแล้วนั่งลงข้างๆคุณพ่อ ก่อนจะตบหลังมือคุณพ่อให้เพลาๆท่าทางขึงขังนั้นลงบ้าง
“พอเถอะพ่อ ลูกใจเสียกันไปหมดแล้ว วันนี้เล่นบทโหดไปนะ”
“แม่ อย่าเพิ่งขัดสิ พ่อกำลังซักลูกอยู่”
พอมีคุณแม่มานั่งข้าง คุณพ่อจึงลดอาการกดดันลูกๆลงไป ท่านมองหน้าลูกชายทั้งสองคน คนที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ คนที่ท่านจะฝากผีฝากไข้ในอนาคต ไม่อยากเลยที่จะทำให้ลูกต้องโศกเศร้าเสียใจไป แต่ท่านก็จำเป็นต้องพูด ต้องบอกกล่าวตักเตือน ในฐานะของคนเป็นพ่อ
“พ่อทำงานอยู่กับคนมากมาย มีทั้งคนเข้ามาและจากไป พบเห็นอะไรมาก็มากอยู่ ทั้งความรักความชัง”
คุณพ่อทำงานอยู่สำนักงานกฎหมาย ท่านเป็นคนจิตใจดีมีเมตตาก็จริง แต่เมื่อต้องสวมบทบาทหน้าที่การงานท่านก็ทำได้ไม่เคยขาดตกบกพร่อง เป็นทนายความที่ฝีมือดี เป็นที่ปรึกษาให้คนทั่วไป ได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่อยู่ไม่ขาด พบเจอกรณีพิพาทต่างๆมามากมาย ทั้งร้ายทั้งดี รู้และเห็นถึงความเป็นไปที่กว้างกว่าคนทั่วๆไปจะมองเห็น
“เพราะฉะนั้นพ่อถึงอยากให้ไทม์กับทิมคิด และไตร่ตรองให้ดีว่าสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้มันใช่แน่หรือไม่ ลูกยังเป็นเด็กนักเรียน มีหน้าที่คือเรียนหนังสือ มันเป็นช่วงเวลาของการเป็นวัยรุ่นที่กำลังจะก้าวไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ ความสับสน ความวุ่นวายมันเยอะ พ่อก็กลัวว่าจะก้าวผิดและพลาดพลั้งไป”
ท่านพูดไป ในขณะที่ลูกๆก็นิ่งฟัง รับรู้ในความหวังดีของผู้เป็นพ่อ และไม่เคยคิดจะโต้แย้งใดๆ
“เรื่องความรักของหนุ่มสาวมีได้พ่อไม่ได้ห้าม และพ่อรู้ว่าลูกของพ่อจะไม่พากันไถลไปนอกลู่ทาง แต่ที่ต้องคุยกันในวันนี้ เพราะอะไรลูกรู้ไหม?”
“............”
“เพราะคนรักของลูกทั้งสองคนคือคนเพศเดียวกัน”
“………..”
“พ่ออยากให้ลูกทั้งสองคนคิดให้ดี ให้แน่ใจว่ามันใช่หรือไม่ เพราะหากมัน ‘ไม่ใช่’ มันจะไม่ใช่แค่เราที่มีผลกระทบ... พอจะเข้าใจในสิ่งที่พ่ออยากจะบอกบ้างไหม?”
“ครับ” ไทม์และทิมพยักหน้า รับรู้กับสิ่งที่พ่อพูดมา
“เอาล่ะ พ่อมีเรื่องจะพูดเท่านี้ ถ้าเราคิดและตัดสินใจได้เมื่อไหร่ก็มาบอกพ่อว่าจะเอายังไง”
คุณพ่อจบการสนทนาลงเพียงเท่านี้ ก่อนที่ไทม์และทิมจะขยับมานั่งที่พื้นด้านหน้าของพ่อแม่
“คิดให้ดี พ่อกับแม่อยู่ข้างลูกเสมอ” คุณแม่ลูบหัวลูกชายทั้งสองอย่างให้กำลังใจ
“ขอบคุณครับพ่อ ขอบคุณครับแม่”
ไทม์และทิมเข้าไปกราบที่ตักพ่อกับแม่ด้วยความรู้สึกขอบคุณ บางทีครอบครัวอื่นอาจจะคิดกันว่าอายุขนาดพวกเขายังเด็กเกินไปนักที่จะพูดถึงเรื่องเหล่านี้ เพราะในอนาคตนั้นทุกสิ่งอย่างมันสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงกันไปได้เสมอ ตอนนี้เป็นเพียงช่วงสับสนของวัยรุ่นจึงไม่ได้คิดจะพูดคุยหรือห้ามปรามอะไร แต่กับพ่อแม่เขาแล้ว ท่านเข้าใจพวกเขามากกว่าที่ตัวพวกเขาเองเข้าใจเสียอีก ทั้งไทม์และทิมต้องการการยอมรับ และต้องการคนที่สามารถจะพูดคุยด้วยได้ในทุกๆเรื่อง และพ่อกับแม่คือคนๆนั้น คนที่พร้อมจะอยู่ข้างๆพวกเขาเสมอไม่ว่าจะพบเจอกับอะไร
-----------------
วันหยุดสุดสัปดาห์ สองแฝดได้รับหน้าที่ให้ไปช่วยงานที่ร้านลุงไทยเหมือนเคย ลุงไทยกุมศีรษะราวปวดหัวที่จะได้รบรากับหลานแฝดอีกครา แต่ที่จริงก็ดีใจอยู่หรอก นีออนไม่อยู่นี่เหงาปากขึ้นเยอะ ไม่มีใครมาปะทะคารมด้วย
ช่วงพักกลางวันนีออนอยากกินข้าวเฉโป เลยออกไปซื้อร้านอาแปะที่เป็นร้านขายข้าวกับบะหมี่เกี๊ยวอะไรพวกนี้มานานหลายปี เป็นที่รู้จักกันดีเพราะอร่อยและไม่หวงเครื่องด้วย พอเห็นหลานซื้อของนอกร้านมาทานลุงไทยเลยว่าอยู่ร้านอาหารไทยดันอยากกินอาหารจีน
“อยากกินอ่ะดิ๊ โอ๊ย!!”
นีออนกวนผู้เป็นลุง ลุงไทยเลยทุบหัวเด็กแสบเบาๆด้วยรักและเอ็นดูเป็นที่สุด เด็กแสบลูบหัวป้อยๆบ่นว่าเจ็บ ก่อนจะหยิบถุงที่ใส่ข้าวอีกสองห่อมาให้ลุง
“ออนซื้อมาฝาก”
ลุงไทยมองถุงข้าวในมือหลานแล้วทำหน้านิ่ง ก่อนจะรับมา
“ยังดีที่มีน้ำใจซื้อมาฝาก”
ลุงไทยยังทำเป็นเก๊ก พอลุงเดินออกจากห้องครัวไปแล้ว นีออนก็แอบซุบซิบลับหลังว่าที่จริงอ่ะ ลุงไทยก็อยากกินเหมือนกัน แต่ทำเก๊กไปอย่างนั้นเอง ลุงไทยเลยตะโกนบอกว่าได้ยินนะ พอลุงไทยโผล่หน้ากลับมานีออนเลยร้องขอให้ป้าน้อยช่วย อุ้มรักกับพี่ๆพากันขำใหญ่
ทานข้าวเสร็จออกมาหน้าร้านก็มีลูกค้าเดินเข้าร้านมา เป็นชายหนุ่มสองคนท่าทางน่าจะเป็นพี่น้องกันนะนีออนว่า แต่หน้าตากับสีผิวนี่คนละทางกันเลย เด็กแฝดมองหน้ากันเพราะรู้สึกคุ้นหน้าพี่ผู้ชายผิวแทนตัวโตคนที่เดินมานั้นจัง แต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน พี่พนักงานสับไก่มือฉมังเลยบอกว่าเป็นลูกชายเจ้าของตึกแถวที่นี่ เด็กน้อยสองคนเลยร้องอ๋อ
ทั้งสองหนุ่มเดินผ่านนีออนกับอุ้มรักเข้าไปด้านใน แต่ขณะที่เดินผ่านพี่ผู้ชายผิวขาวก็หันมามอง พอเห็นว่านีออนมองอยู่ก่อนแล้วก็ยิ้มให้ เด็กตัวเล็กเลยเขินใหญ่ที่พี่เขายิ้มให้ด้วย นีออนแอบดูพี่สองคนนั้นแล้วบอกว่าพี่ผู้ชายที่ยิ้มให้ตนเองคนนั้นหล่อจัง อยากเป็นแบบพี่เขาบ้าง อุ้มรักเลยว่าถ้าพี่ไทม์ได้ยินมีเคืองแน่ๆ ตัวเล็กมุ่ยหน้าแล้วบ่นอุบอิบว่ามันไม่เหมือนกันหรอกน่า ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องมาซักน้องบ้าง
“ว่าแต่อุ้ม มีอะไรหรือเปล่า?”
“อะไร?” อุ้มรักถามกลับงงๆ
“ก็วันนี้ออนรู้สึกว่าอุ้มแปลกๆ ยุกๆยิกๆอยู่ไม่สุขยังไงไม่รู้”
“ไม่เห็นมีอะไรเลย”
อุ้มรักตาโตก่อนจะปรับสีหน้ามาเป็นปรกติอย่างเร็วไวแล้วเอ่ยปฏิเสธ แต่นีออนก็เห็นไปแล้วล่ะว่าน้องผิดปรกติ
“ให้มันจริง”
เด็กตัวเล็กว่า อุ้มรักทำซื่อไม่รู้เรื่อง แต่ไม่ยอมมองหน้านีออน นีออนน้อยเลยหันไปให้ความสนใจพี่ผิวขาวต่อ พอพี่ลูกค้าทานข้าวเสร็จก็เดินออกมา ก่อนจะแวะซื้อไก่ทอดของนีออนน้อย
“ยังชอบกินไก่ทอดไม่เปลี่ยนเลยนะ”
พี่ผู้ชายผิวเข้มเอ่ยแซวพี่สุดหล่อของนีออน ซึ่งพี่เขาก็แค่ยิ้มกวนไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป ก่อนจะหันมาถามนีออนน้อยที่กำลังแอบมองพี่เขาเพลิน
“ขายยังไงครับ?”
พอพี่เขาถามนีออนก็บอกราคาขายของแต่ละชิ้น แต่ละขนาดไป
“ถ้าพี่ซื้อเยอะนี่ แถมให้ด้วยไหมครับ?” พี่เขาถามยิ้มๆ คงเห็นแล้วว่านีออนทำตัวไม่ถูก
“ค... ครับ”
นีออนที่พูดแสนเก่ง กลับมาเป็นนีออนที่แสนเกร็งยิ่งกว่าอยู่ต่อหน้าพี่ไทม์อีก พี่สุดหล่อยิ้มให้ทีก็รู้สึกแก้มมันร้อนๆแล้วอ่ะ เขิน
“แม้แต่กับเด็กยังไม่เว้นนะฟิว”
พี่ผิวเข้มกระซิบกับพี่สุดหล่อของเขา นีออนแอบหูผึ่ง อืม ชื่อพี่ฟิวสินะ
“บ้า พี่อาร์ตคิดอะไรเนี่ย” ฟิวว่าคนข้างกายกลั้วหัวเราะ
“ซื้อเยอะไม่มีใครช่วยกิน” อาร์ตเอ่ยดักทางคนที่กำลังตั้งหน้าจะเลือกซื้อของโปรด
“ผมก็จะให้พี่อาร์ตนั่นแหละกิน”
ฟิวยักคิ้วกวนส่งให้พี่อาร์ต เลยถูกพี่เขาบีบจมูกเบาๆเหมือนหยอกล้อกัน ก่อนที่ฟิวจะหันมาหานีออน
“สิบชิ้นเลยครับ”
“สับด้วยไหมครับ?”
“จัดไปครับ”
นีออนส่งไก่ทอดให้พี่พนักงาน พอไม่มีอะไรทำแล้วก็ไม่รู้จะวางสายตาไว้ที่ไหน เลยกลายเป็นว่ามองพี่เขาอีกแล้ว เห็นพี่ฟิวเหงื่อออกเลยยื่นพัดให้พี่ผู้ชายผิวเข้มรูปหล่อที่ชื่ออาร์ต
“พัดครับ”
อาร์ตเลิกคิ้วมองนิดๆ พอเห็นเด็กน้อยมองฟิวเลยยิ้มแล้วรับพัดมา
“ขอบคุณครับ”
อาร์ตเอามาพัดให้ฟิวตามความประสงค์ของเจ้าของพัดเขา นีออนก็มองเพลิน อุ้มรักเห็นพี่ชายฝาแฝดมีจุดสนใจอื่นแล้วจึงแอบย่องออกไป
พอพี่ฟิวของนีออนกลับไปแล้ว นีออนถึงมองหาน้อง ถามพี่พนักงานก็บอกว่าเห็นเดินออกไปตั้งแต่ที่ลูกชายเจ้าของตึกยังอยู่แล้ว
“ไปไหนของเขานะ?”
นีออนเหลียวมองหาน้อง แล้วลุกออกไปเดินหา
หลังร้าน อุ้มรักดึงแขนพี่น้ำออกมาเพราะมีเรื่องจะคุยด้วย ตอนนี้นีออนกำลังปลาบปลื้มกับพี่ฟิวอยู่ทางสะดวกโยธิน หามุมเหมาะแล้วกระตุกมือพี่น้ำให้นั่งลง ก่อนจะกระซิบบอกบางอย่างกับพี่น้ำ
“อะไรนะ!!”
น้ำร้องเสียงดังเมื่อได้ฟังสิ่งที่น้องอุ้มบอก ก่อนจะลุกพรวดขึ้นเร็วๆ อุ้มรักรีบจุ๊ปากบอกให้พี่น้ำเบาเสียงแล้วดึงมือให้นั่งลงเหมือนเดิม
“พี่น้ำอย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวนีออนได้ยินก็ไปอัดนายแต้มพอดีหรอก”
คนเป็นน้องกระซิบกระซาบ แต่คนเป็นพี่กลับกำหมัดออกท่าออกทาง
“ไม่ต้องถึงมือนีออนหรอก พี่นี่ พี่น้ำคนนี้จะจัดการมันเอง!”
“เง้ออออ” อุ้มรักผงะเล็กๆ อุทานเสียงแปลกๆแล้วกดมือที่กำหมัดแน่นของพี่น้ำลง
“ใจเย็นๆก่อน อุ้มกำลังปรึกษาพี่น้ำอยู่นะ จะได้เรื่องไหมเนี่ย”
“ได้สิ ได้แน่ๆ ฮึ่ม!” น้ำยังไม่วายออกอาการฮึ่มฮั่ม ราวกับว่านายแต้มอยู่แถวๆนี้อย่างนั้น
“พี่น้ำอ่ะ!” อุ้มรักเรียกพี่น้ำหน้าเริ่มงอ นี่เขามาปรึกษานะ ไม่ฟังกันเลยอ่ะ
“อะๆ ก็ได้ แล้วอุ้มจะปรึกษาอะไรล่ะ ... นี่อย่าบอกนะว่า .... อุ้มหวั่นไหว!”
“ชู่ววว”
พอเห็นน้องหน้างอแล้วน้ำจึงต้องตั้งใจให้คำปรึกษา แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะเสียงดังอีก เมื่อคิดไปไกลกับสิ่งที่น้องบอกมาเมื่อครู่ ทำให้อุ้มรักแตะปากให้เบาเสียงอีกรอบ
“อุ้มหวั่นไหวกับนายแต้มนั่นเหรอ!?” น้ำลดระดับเสียงลงแล้วเอ่ยถาม ใจเต้นตุ้มๆต่อมๆกลัวคำตอบของน้อง
“ก็... เปล่า อุ้มตกใจอ่ะที่เขาทำแบบนั้นกับอุ้ม”
“แค่ตกใจใช่ไหม?”
“ก็…”
น้ำถามย้ำให้แน่ใจ แต่พออุ้มรักยิ่งแสดงอาการอึกอักแบบนี้ น้ำก็ยิ่งรู้สึกอยากจะคลั่ง
“อุ้มร้ากกก ฮืออ ไม่จริงใช่ไหม อุ้มหวั่นไหวจริงๆด้วยสินะ อ๊ากกก”
“พี่น้ำ จะบ้าไปใหญ่แล้ว!”
อุ้มรักลุกตามพี่น้ำ แล้วดึงแขนพี่ที่ตีอกชกหัวท่าทางจะไปกันใหญ่ น้ำดึงตัวน้องมากอดโดยที่น้องไม่ทันตั้งตัว อุ้มรักชะงักกึกที่พี่ทำแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้ดันตัวพี่ออก เหมือนพี่น้ำกำลังปรับอารมณ์ตัวเองเพราะเสียงผ่อนลมหายใจช้าๆข้างหู เด็กตัวกลมลูบหลังพี่เบาๆ เหมือนเวลาที่นีออนชอบทำกับตนเองเมื่อต้องการปลอบโยน
“อุ้มชอบพี่ไหม?” อยู่ๆน้ำก็ถามขึ้นมาทำให้อุ้มรักตั้งตัวไม่ทัน
“เอ๋ เอ่อ... ก็... ชอบครับ”
พอได้คำตอบน้ำก็คลายอ้อมกอด อุ้มรักเงยมองหน้าพี่ ดวงตากลมนั้นฉายแววฉงนเล็กๆ
“ขอโทษนะ พี่บ้าไปหน่อย พอรู้ว่าแฟนตัวเองถูกใครขโมยจูบเข้าเลยคิดอะไรบ้าบอไปใหญ่เลย” น้ำยิ้มบอก แต่มันกลับเป็นยิ้มที่ไม่สดใสเสียเลย
“อุ้มขอโทษ” อุ้มรักบอกเสียงอ่อย ถึงพี่น้ำจะพูดเหมือนไม่คิดอะไร แต่สีหน้าพี่ก็บอกชัดเจนว่าไม่สบายใจ
“เปล่าๆ อุ้มไม่ผิดหรอก อย่าทำหน้าแบบนั้น…”
น้ำโบกมือรัวๆว่าไม่ใช่เพราะน้องที่เป็นฝ่ายผิด ก่อนจะชะงักเมื่อน้องยังจ๋อยอยู่ มือแตะแก้มป่องของน้องแผ่วเบา ค่อยโน้มใบหน้าลงหา เลื่อนเข้าไปใกล้อีก อุ้มรักเผลอเอนหน้าออกห่างเมื่อพี่น้ำใกล้เข้ามา พอหมดทางหลีกลี้แล้วอุ้มรักก็ได้แต่มองพี่น้ำตาไม่กะพริบ น้ำขยับเข้าใกล้น้องอีก ก่อนถามเบา
“รู้สึกยังไงบ้าง?”
“ใจอุ้ม... เต้นแรงมากเลยอ่ะพี่น้ำ” อุ้มรักตอบตามความรู้สึกที่เกิดกับตนเอง
“เหรอ แล้ว ... ระหว่างพี่กับแสตมป์ อุ้มรู้สึกใจเต้นแรงกับใครมากกว่ากัน?”
พอพี่ถามแบบนั้นอุ้มก็ขมวดคิ้วเล็กๆ หน้าตาดูจ๋อยลงไปอีกครั้ง
“พี่น้ำ โกรธเหรอ?”
“ตอบพี่ก่อน”
“เอ่อ... ก็…”
อุ้มรักอึกอักหน้าตาแดงก่ำขึ้นมาเมื่อพี่น้ำไม่ยอมผละห่าง แถมยังขยับเข้ามาใกล้อีก แต่ก่อนจะได้เอ่ยบอกอะไรออกไปก็มีวัตถุบางอย่างผ่านวูบมากั้นกลางระหว่างอุ้มรักกับพี่น้ำอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พี่น้ำจะเผลอใจทำอะไรน้องลงไปด้วยเช่นกัน
“อ๊ะ!!”
อุ้มรักอุทานผงะถอยห่าง น้ำถึงกับเสียศูนย์ทำหน้าไม่ถูกเมื่อเห็นว่ามีเด็กน้อยหน้าตาราวพิมพ์เดียวกันกับน้องอุ้มมายืนจ้องเขม็งอยู่ และไอ้วัตถุที่ผ่านหน้าไปเมื่อครู่ก็เป็นกำปั้นของนีออนนั่นล่ะ นีออนมองหน้าทั้งสองคนที่ทำท่าแปลกๆสลับไปมา ก่อนจะถาม
“ทำอะไรกันน่ะ?”
อุ้มรักตาโตส่ายหน้าหวือ ก่อนจะหนีออกไปหน้าร้าน นีออนจึงหันมาหาพี่น้ำที่ก็กำลังจะหนีไปเหมือนกัน
“เดี๋ยว”
“อะไร้~” น้ำถามเสียงสูง นีออนกอดอกหรี่ตามอง
“เสียงสูงทำไม มีพิรุธนะ” นีออนว่าอย่างจับผิดเต็มที่
“พิรุธอะไร ถอยๆจะไปทำงานแล้ว”
พี่น้ำแกล้งทำเฉไฉแล้วรีบเดินหลบฉากไปไม่ให้นีออนน้อยซักไซ้ได้อีก เด็กตัวเล็กมองตามรุ่นพี่ที่มีพิรุธให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วครุ่นคิด
‘สองคนนี้ต้องแอบมีลับลมคมในอะไรแน่ๆเลย’
TBC

เครดิต openrice.com
เฉโป อยากกิน 
แขกรับเชิญมาแว๊บๆ พี่อาร์ตกับน้องฟิว~ คิดถึงอ่ะ กอดๆ 
เรื่องนี้รู้สึกจะมีแฟนพี่น้ำกับน้องอุ้มเยอะกว่านีออนกับพี่ไทม์นะนี่
แต่ ... คนเขียนเขียนบทนีออนเยอะกว่าคนอื่นทุกทีเลยอ่ะ เขียนแล้วเพลิน พอมาดูอีกที อ้าว? มีแต่นีออนซะงั้น เอิ้กๆ
ขอบคุณทุกกำลังใจมากๆค่ะ จัดบวกไปทุกบวก 