รักใสปิ๊ง
ตอนที่ (9) จังหวะหัวใจ
“ทิม เดี๋ยวก่อน มาอธิบายกับพี่เดี๋ยวนี้เลย”
เด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง เพอร์เฟคแมนของใครหลายคนเดินตามน้องชายลงมาจากบนบ้าน คนที่ถูกเรียกไม่ยอมหยุดอธิบายอะไรตามที่พี่ต้องการ เพียงหันกลับไปมองพี่ชายแล้วยักคิ้วกวนๆเท่านั้น ไทม์รู้สึกหมั่นไส้น้องชายจับจิต อยากโดดเข้าไปเขย่าน้องให้หัวสั่นหัวคลอนจะได้พูดในสิ่งที่เขาอยากรู้เสียที คุณแม่ที่ได้ยินเสียงโหวกเหวกเดินเข้ามาถาม ทำให้สองพี่น้องเลิกกวนกันชั่วครู่
“อะไรกันไทม์?”
“ป…”
“อย่าบอกว่าเปล่าโดยไม่มีเหตุผลประกอบ เพราะแม่เห็นอยู่ว่ามันมี”
ยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูด คุณแม่ก็แย้งมาก่อน ไทม์ที่โดนแม่ดักทางเลยไปไม่เป็นเลยทีนี้ ทิมที่เห็นว่าพี่ชายถูกแม่สอบสวนอยู่ จึงเข้าไปหอมแก้มแม่ก่อนไปโรงเรียนเช่นทุกที แล้วแอบยักคิ้วจึ้กๆส่งให้พี่ชายที่ทำท่าเข่นเขี้ยวส่งมาให้เช่นกัน จากนั้นคนเป็นน้องก็เดินผิวปากออกจากบ้านไป
ไทม์มองตามน้องอย่างขัดใจที่ยังไม่ได้คำตอบแถมถูกกวนมาอีก แต่พอเห็นสายตาคมกริบของคุณแม่เพ่งเล็งก็แทบสะดุ้ง รีบเข้าไปกอดเอวประจบทันที
“มันเรื่องไร้สาระน่ะครับแม่”
“ไม่อยากบอกแม่ว่างั้นเถอะ” คุณแม่แกล้งทำงอน
“โธ่ แม่คร้าบ”
ไทม์รีบอ้อนก่อนแม่จะงอนจริงๆ คุณแม่ถอนหายใจยิ้มๆกับท่าทางขี้อ้อนของลูกชายคนโต
“เอาๆ เรื่องวุ่นๆของวัยรุ่นแม่จะไม่ยุ่งแล้วกัน”
คุณแม่ว่าง่าย คุณลูกเลยยิ้มแป้นเพราะไม่ต้องโดนซัก แต่ก็ยังถูกคุณแม่กำชับกำชามาอีกทีด้วยความเป็นห่วง
“อย่าทะเลาะกับน้องล่ะ”
“ครับผม” ไทม์ทำตะเบ๊ะรับคำ “ไทม์ไปเรียนก่อนนะครับ”
“ตั้งใจเรียนนะ”
“คร้าบ”
เด็กหนุ่มไหว้ลาคุณแม่ หอมแก้มเหมือนอย่างที่ทิมทำ ก่อนเดินออกจากบ้านไปโรงเรียนเช่นทุกที คุณพ่อออกจากบ้านแต่เช้าตรู่แล้ว เพื่อที่จะไปถึงที่ทำงานให้เร็ว ส่วนคุณแม่หลังจากรอส่งลูกๆไปโรงเรียนกันหมดเรียบร้อยแล้วจึงปิดบ้านแล้วขับรถออกไปทำงานเช่นกัน
หลังจากวันที่เกิดเหตุระทึก พอกลับไปบ้านนีออนก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดกับตนเองให้ครอบครัวฟัง พอได้ยินที่น้องเล่าอุ่นรักถึงกับหน้าซีดเพราะตนเองไม่ดูแลน้องถึงได้เกิดปัญหาขึ้นมา แต่พ่อกับแม่ก็ไม่ได้ว่าให้ลูกสาวต้องรู้สึกไม่ดี เพราะอย่างไรเสียอุ่นรักกับนีออนก็เรียนคนละระดับชั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าจะไม่รู้ว่ามีใครมาทำอะไรน้องถ้าน้องไม่บอก ท่านเพียงแต่กำชับให้ระวังตัวให้มาก เห็นว่าใครไม่ดีก็อย่าเอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขา ปัญหานี้มันเป็นเรื่องของเด็ก ซึ่งพ่อแม่จะออกหน้าก็ลำบากใจ จะกลายเป็นทำให้เรื่องมันไม่จบกันสักที ยิ่งวัยนี้ยิ่งคิดไตร่ตรองได้น้อยมาก ขึ้นอยู่กับการสอนสั่งและสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่จะทำให้เด็กเป็นไป การผูกมิตรย่อมดีกว่าการสร้างศัตรู เมื่อเขามาอย่างไม่เป็นมิตรเราก็ไม่จำเป็นจะต้องเป็นศัตรูกับเขา ต่างคนต่างอยู่ไม่ข้องเกี่ยวกัน
เด็กตัวเล็กก็คิดเอาไว้อยู่แล้วกับเรื่องนี้ จริงๆบิวตี้อาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ใครๆคิดก็ได้ แค่คิดน้อยไปหน่อย ไม่ได้ว่านะ แค่แสดงความเห็น อุ้มรักแอบหวั่นเมื่อรู้ว่าพี่ชายเจออะไรแบบนี้ ตอนนี้มันกลายเป็นกระแสนิยมหรืออย่างไรถึงได้ทำเหมือนๆกันไปหมด
ตอนเช้าอุ่นรักมาส่งน้องชายถึงห้อง กำชับว่ามีอะไรต้องรีบบอก และยังฝากเซียนให้ช่วยดูด้วย พอพี่สาวนีออนไปแล้วพี่ไทม์ก็มาหาที่ห้อง เด็กตัวเล็กจึงออกมาคุยกับพี่ที่มุมหนึ่งหน้าห้องเรียน โดยมีเซียนยืนกอดอกมองอยู่ไม่ไกล
“พี่เพิ่งรู้จากกร ว่าเมื่อวานนีออนโดนบิวตี้เรียกไปคุย”
ที่ไทม์ต้องบอกว่ารู้จากกร เพราะคนเป็นน้องอย่างทิมยังเฉยไม่ยอมพูดบอกอะไรกับเรื่องที่เป็นข่าวลือไปทั่วโรงเรียนนั้น ที่พึ่งสุดท้ายก็คงเป็นกรนี่ล่ะที่รู้ทุกเรื่องของทิม ที่แม้แต่พี่ชายอย่างเขายังไม่รู้เลยก็ว่าได้
“พี่ขอโทษนะที่เป็นต้นเหตุให้นีออนต้องเจออะไรแบบนี้”
ไทม์รู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ไม่นึกหรอกว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ และตอนที่เกิดปัญหาเขาก็กลับไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆเสียอีก
“พี่จะถอยห่างจากออนหรือเปล่า?” นีออนที่นิ่งฟังพี่อยู่ตลอดเอ่ยถามเสียงเบา
“หือ?”
“ถ้าพี่ทำแบบนั้นออนคง... แย่”
ท้ายประโยคน้ำเสียงไม่ดีนักจนไทม์รู้สึกได้ เด็กหนุ่มอยากขยับเข้าใกล้น้องอีกนิด แต่มันเป็นที่สะดุดตามากเกินไปหน่อย จึงยังยืนอยู่ที่เดิม
“พี่จะไม่ห่างไปไหน จะดูแลนีออนให้ดีกว่านี้ ถ้านีออนจะ…”
“นีออน ไปเข้าแถวเถอะ เสียงออดดังแล้ว”
เสียงของเซียนดังแทรกบทสนทนาของทั้งคู่ พร้อมทั้งเดินเข้ามายืนระหว่างทั้งสองคน ไทม์มองเพื่อนน้องแล้วไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ เซียนไม่สนรุ่นพี่ กอดคอนีออนให้เดินไปด้วยกันกับตนเอง นีออนยิ้มให้พี่ก่อนจะเดินตามแรงดึงของเซียนลงไปเข้าแถวหน้าเสาธงด้านล่าง ไทม์ถอนหายใจด้วยความเสียดายนิดๆ เกือบไปแล้วเชียว
ช่วงบ่ายของวัน เป็นเวลาที่ทางโรงเรียนจะคัดเลือกนักกีฬาตัวจริงชุดใหม่ของโรงเรียน ทำให้งดการเรียนการสอน นักเรียนส่วนมากก็ไปรวมตัวกันที่โรงยิมเพื่อดูแข่งคัดเลือกนักกีฬาแต่ละชนิดโดยอาจารย์และรุ่นพี่ม.6
นีออนกับเพื่อนก็ไปเชียร์พี่ๆที่โรงยิมด้วย ไทม์กับน้ำเล่นบาสเกตบอล ซ้อมด้วยกันมาตั้งแต่เทอมแรก เทอมสองนี้ก็ไปร่วมแข่งมาเหมือนกันเมื่อต้นเทอม จนตอนนี้พี่ๆม.6 กำลังจะจบจึงต้องจัดวางตัวนักกีฬากันใหม่หมด เหมือนเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ประมาณนั้น
พอนักกีฬาลงสนามเสียงกรี๊ดก็ดังมาอย่างพร้อมเพรียง นีออนยกมือปิดหูเพราะเสียงที่ดังมาก กรกับทิมที่มาดูการคัดเลือกเดินเข้ามาหานีออนน้อย เพื่อนใหม่อย่างทิวากรขยับนั่งลงข้างๆนีออน กลายเป็นแทรกกลางระหว่างเซียนกับนีออนไป ตัวเล็กที่กำลังตื่นเต้นกับบรรยากาศในสนามก็ไม่ได้สนใจว่าจะมีใครกำลังเขม่นกับใครอยู่ กรแค่ปรายตามองเซียนเท่านั้นแล้วไม่สนใจอีก ทิมที่นั่งอยู่อีกด้านของนีออนเบือนหน้าไปแอบขำ เรื่องความมึนนี่อย่าให้พูด เพื่อนกรของเขามีเต็มเปี่ยมเชียวล่ะ
ภายในสนามการแข่งขันก็กำลังดำเนินไปอย่างดุเดือดได้ที่ ทีมของน้ำกับไทม์ได้คะแนนนำไปก่อน อีกฝ่ายก็เป็นตัวเก็งเหมือนกันจึงทำให้ยังไม่มีฝ่ายไหนทำคะแนนเพิ่มได้ สองเพื่อนซี้ไทม์น้ำก็เล่นเข้ากันได้ดี เพราะรู้จังหวะกันแล้ว ตอนนี้ลูกบาสอยู่ในมือฝั่งไทม์ แอมคือคนครองลูก เด็กหนุ่มเลี้ยงหลบทีมคู่แข่ง แอบมีส่งซิกให้น้ำกับไทม์เป็นอันรู้กัน ไทม์วิ่งมาด้านหน้าเหมือนจะรอรับลูกจากแอม ทำให้อีกฝั่งรีบมาประกบไว้ แต่แอมกลับส่งให้น้ำที่อยู่อีกทางทำให้ทีมคู่แข่งตั้งหลักไม่ทัน แต่ด่านหน้าของฝั่งนั้นก็เหนียวน่าดู เมื่อน้ำเลี้ยงลูกบาสไปใต้แป้นตัวหลักของอีกทีมก็เข้าขวางตอนที่น้ำกระโดดขึ้นตั้งท่าจะดั้งค์ แต่แล้วน้ำกลับส่งต่อลูกบาสให้ไทม์ที่วิ่งมาอย่างเร็วไว ไทม์สไลด์ตัวไปใต้แป้นชู้ตทำคะแนนไปได้อย่างสวยงาม
“กรี๊ดดดด พี่ไทม์ เท่มากกก”
เสียงนักเรียนสาวน้อยกรี๊ดดังยาวเหยียดเมื่อทีมที่ตนเองเชียร์ทำคะแนนได้ ภายในสนามน้ำตีมือกับไทม์และแอม ก่อนจะมองมาที่อัฒจันทร์ตรงนีออนกับเพื่อนนั่งอยู่ โบกมือให้นีออนน้อยตัวแสบ ซึ่งคราวนี้นีออนกลับโบกมือตอบ น้ำแอบระแวงจึงหันไปมองด้านหลัง เห็นว่าไทม์ไม่ได้อยู่ตรงนั้นจึงหันไปยิ้มให้คนบนอัฒจันทร์อีกครั้ง กันไว้ก่อนน่ะ เดี๋ยวหน้าแตกอีกล่ะแย่เลย
การแข่งขันจบลงด้วยคะแนนที่สูสีกันของทั้งสองทีม การคัดเลือกจะถูกตัดสินด้วยความสามารถของผู้เล่นในสนามเมื่อสักครู่นี้ ไทม์กับเพื่อนเดินออกจากโรงยิมมา ทิมกับกรไปที่อื่นแล้วตั้งแต่ที่ไทม์แข่งเสร็จ ส่วนนีออนยังยืนรั้งรออยู่แถวหน้าโรงยิม โดยมีเซียนคอยเฝ้าอยู่ด้วย ไทม์เห็นน้องยืนอยู่จึงตรงเข้ามาหา
“เมื่อกี้ดูอยู่หรือเปล่า?”
“อื้อ”
นีออนตอบรับยิ้มๆ ไม่มีคำพูดใดต่อจากนั้น มีเพียงการสื่อสารทางสายตาที่วาวหวานของรุ่นพี่เท่านั้นที่ส่งมา เซียนมองบรรยากาศหวานๆแล้วกอดอกทำหน้าเซ็งโลก เรามาอยู่ตรงนี้ทำไมวะ แย่ชะมัด
ความสัมพันธ์ระหว่างไทม์กับนีออนน้อยดูจะเป็นไปในทางที่ดีขึ้น เรื่องน้องบิวตี้ไทม์ก็ได้คุยกับน้องเขาไปแล้ว ตัวน้องบิวตี้เองก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่บ่างช่างยุนี่สิที่น่าหนักใจ จะพูดอะไรกับน้องเขาแต่ละทีเพื่อนของน้องก็คอยแต่จะแทรก จนไทม์ต้องสวมบทโหด เห็นเขาใจดีด้วยหน่อยนี่เล่นไม่เห็นหัวกันเลยนะเด็กพวกนี้
พอพูดคุยกันแล้วบิวตี้ก็นิ่งฟัง แต่ไม่รู้จะเข้าใจตรงกันหรือเปล่า ไทม์คิดว่าอาจจะมีคลื่นใต้น้ำให้ต้องระวังอีกระลอกก็เป็นได้ แต่น้องบิวตี้กลับร้องไห้ออกมาจนไทม์ทำอะไรไม่ถูก กว่าจะปลอบใจกันจนหยุดร้องไห้ได้นี่เล่นเอาเหนื่อย เฮ้อ เด็กยังไงก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยันค่ำล่ะนะ
-------------------
วันหยุดสุดสัปดาห์ ณ ร้านลายไทย
“ชอบไทม์มันมานานรึยัง?”
ช่วงพักกลางวันหลังทานข้าวเสร็จ อุ้มรักออกไปทำงานต่อที่หน้าร้านแล้ว ส่วนนีออนมาเข้าห้องน้ำ พอออกมาเจอพี่น้ำแถวนั้นก็โดนกวนประสาทมาทันที อะไรของพี่เขานี่ เรื่องที่มาเกาะแกะอุ้มรักแปลกๆนั่นยังไม่ทันคิดบัญชีเลยนะ นี่มาถามคำถามอะไรไม่รู้เรื่องอีก
“ว่าไง?” น้ำยังคงตามถามคำถามกวนใจเด็กตัวเล็ก ต้องการคำตอบให้ได้
“ไม่ใช่เรื่องของพี่สักหน่อย” นีออนบอกปัด แต่น้ำยังตามติด
“ก็อยากจะรู้”
ตัวเล็กหยุดเดินแล้วหันมามองพี่น้ำที่ตามมากวนอารมณ์ ก่อนจะบอก “ผมแค่ปลื้มที่พี่เขาเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ อยากเป็นแบบนั้นบ้าง ก็เหมือนปลื้มดาราศิลปิน ไม่ได้ชอบแบบที่พี่คิด”
เรื่องอะไรต้องมาบอกความรู้สึกของตัวเองกับพี่น้ำด้วย ไว้รอพี่ไทม์มาถามเองสิ แล้วนีออนจะบอก
“กล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าไอ้ไทม์ไหม?” น้ำหรี่ตาท้าทายเด็กแสบ
“ทำไมผมต้องพูด”
“เพื่อพิสูจน์ไง ว่าที่พูดมาเมื่อกี้น่ะ... จริง”
“จำเป็น?” เด็กตัวเล็กลอยหน้าถาม
“โธ่เอ๊ย! ที่จริงไม่กล้าใช่ไหมล่ะ?”
น้ำยังคงร้องท้ากวนๆ นีออนเบ้ปากไม่พูดด้วย ก่อนออกไปช่วยอุ้มขายของด้านนอก น้ำกอดอกมองตามยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วหัวเราะในลำคอ ก่อนจะถูกเบิ้ดกะโหลกด้วยมือมาร หนุ่มฮอตส่งสายตาเคืองขุ่นให้คนที่เดินผ่านไป หน็อยยย เพื่อนเลว
---------------
เช้าวันอาทิตย์
วันนี้อุ้มรักกับนีออนมาทำงานที่ร้านเป็นวันสุดท้ายแล้ว เพราะหลังจากนี้ต่างก็มีกิจกรรมที่ต้องทำร่วมกับเพื่อนๆ ทำให้เวลาที่จะมาที่ร้านไม่มีตามไปด้วย หลังจากนั่งอยู่หน้าร้านสักพัก รถไอติมก็แล่นผ่านมา สองฝาแฝดเลยเรียกให้จอดแล้วซื้อไอติมทานกัน ซื้อเผื่อลุงไทยกับป้าน้อยด้วย นีออนฝากไอติมที่ยังทานไม่หมดไว้กับอุ้มรักที่หน้าร้านแล้วถืออันที่ซื้อฝากป้ากับลุงเข้าร้านไป พอจัดการธุระเสร็จเด็กตัวเล็กจึงแวะเข้าไปล้างมือเหนียวๆในครัว
วันนี้ทั้งวัน นีออนรู้สึกว่าตนเองถูกหลบหน้าจากพี่ไทม์ ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่เขาต้องทำแบบนั้น อยากจะพูดคุยกันให้เข้าใจ แต่ดูเหมือนจะมีแต่ตนเองที่อยากทำแบบนั้น ก็พี่เขาไม่เห็นสนใจเราเลยนี่ เด็กตัวเล็กถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะชะงักเมื่อมีเสียงคนพูดดังมาจากด้านหลัง
“ถอนหายใจบ่อยๆเดี๋ยวความสุขก็ปลิวหายหรอก”
นีออนหันกลับมามองคนพูดที่เข้ามายืนล้างจานอยู่ใกล้ๆที่ตนเองล้างมืออยู่ เขาไม่เห็นจะสนใจเราเลยนี่ ท่าทางจะหูฝาด ตัวเล็กส่ายหน้าให้ความฟุ้งซ่านของตนเอง จัดการปิดน้ำหลังจากล้างมือเสร็จแล้ว จะเดินผ่านไปก็ยังได้ยินเสียงแว่วมาอีก
“อยากอยู่ใกล้ๆนะ”
“………….”
“แต่ทำไม่ได้”
นีออนหันมาจ้องแผ่นหลังของคนทำไม่รู้ไม่ชี้ เท้าสะเอวอย่างเริ่มจะไม่พอใจเท่าไหร่แล้ว จะพูดกันทำไมไม่หันมาพูดดีๆ
“ถ้าพี่จะคุยกับจานอยู่แบบนี้บอกออนด้วย ออนจะได้เดินออกไปก่อน จะได้ไม่คิดว่าพี่คุยกับออน”
ไทม์ยังนิ่ง ไม่ยอมหันมาหาน้อง เหมือนไม่ได้ยินที่น้องพูดด้วยซ้ำ เด็กตัวเล็กเม้มปาก ปล่อยมือที่เท้าเอวลงแล้วบอก
“ถ้าพี่ไม่หันมา ต่อไปออนจะไม่คุยกับพี่อีก”
ตัวเล็กบอกแบบนั้นแล้วก็ยังรอ แต่พี่ไทม์กลับยืนนิ่งไม่ยอมหันมาหา พอเป็นแบบนั้นนีออนก็ชักจะน้อยใจ กำปั้นเล็กๆนั้นจึงทุบเข้ากลางหลังคนทำนิ่งอย่างไม่ออมแรง
“คนบ้า พี่ไทม์บ้า จะไม่คุยกับออนแล้วจริงๆใช่ไหม!”
“นีออน!”
พอทุบพี่ไปแล้วก็วิ่งออกจากห้องครัวไป เกือบชนพี่พนักงานที่เดินสวนมา ไทม์เองก็รีบตามน้องไปทันที ขอโทษพี่พนักงานคนเดิมด้วยที่เกือบชนพี่เขา ท่าทางพี่จะมาไม่ถูกเวลาเองนะพี่
นีออนออกมาหลังร้าน เพราะไม่อยากให้อุ้มรักเห็นว่าตนเองกำลังแย่ เป็นฝาแฝดแบบนีออนกับอุ้มก็มีข้อเสียเหมือนกันที่รับรู้ความรู้สึกของอีกคนได้มากจนเกินไป ไทม์ตามน้องออกมาติดๆ หยุดยืนอยู่ข้างหลังเด็กตัวเล็กที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหน้า ก่อนจะตัดสินใจพูดในสิ่งที่อยากพูดออกไป
“ที่นีออนเกร็งตลอดเวลาที่เจอพี่ เพราะพี่เป็นคนที่นีออนปลื้ม เป็นเหมือนดาราในดวงใจสินะ”
พอได้ยินพี่พูดแบบนั้นนีออนก็หันกลับมามองพี่ทันทีด้วยความตกใจ
“พี่ไทม์ได้ยินเหรอ?”
ตัวเล็กถามเสียงเบา ไทม์เลือกที่จะไม่มองสีหน้าเจื่อนๆของน้อง และยังคงพูดต่อไป
“ถ้าเป็นแบบนั้น พี่อยากเป็นไอ้น้ำมากกว่า จะได้คุยกับนีออนได้ปรกติ นีออนจะได้แสดงสีหน้าต่างๆกับพี่มากกว่าการเกร็งแบบนี้”
พูดจบก็หันหลังให้จะเดินไปจากน้อง แต่เท้าที่เริ่มก้าวก็หยุดลงเมื่อเสียงเล็กนั้นตะโกนมา
“พี่จะเหมือนพี่น้ำได้ยังไง ทำยังไงพี่ก็เหมือนพี่น้ำไม่ได้หรอก!”
“............”
ไทม์นิ่งไปเพราะรู้สึกเจ็บหน่วงในหัวใจ เพราะอะไรเขาถึงเป็นแบบน้ำไม่ได้ ความรู้สึกที่ตีกันวุ่นวายทำให้ไทม์อยากเดินหนีไปให้ไกล แต่นีออนกลับไม่ยอมให้มันเป็นเช่นนั้นได้
“ที่ออนเป็นแบบนั้น เพราะออนไม่ได้ชอบพี่น้ำ แต่ออนชอบพี่ไทม์!!”
“……!!” คำพูดนั้นทำให้ไทม์ชะงักกึก หัวใจที่เต้นช้าลงเมื่อครู่กลับเต้นแรงขึ้นมาเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของน้อง ขาของเขาเปลี่ยนเป้าหมายในการก้าวเดินในทันที
“ออนไม่รู้จะทำยังไงอ่ะ อยู่ใกล้พี่ไทม์ทีไรออนบังคับตัวเองไม่ได้ ใจออนมันเต้นแรงจนกลัวว่าพี่ไทม์จะได้ยิน ทำอะไรก็เงอะงะไม่ได้ดั่งใจอ่ะ ทำให้พี่ไทม์รำคาญด้วย ออนไม่รู้จะทำยังไง ออน...!”
ยังไม่ทันจะพูดจบคำดีตัวเล็กบางก็ถูกรวบกอดจากคนเป็นพี่ นีออนนิ่งอึ้งอยู่ในอ้อมแขนของพี่ไทม์ ความคิดที่วุ่นวายสับสนจนจับต้นชนปลายไม่ถูกปลิวหายไปเสียสนิท ตัวเล็กยืนนิ่งให้พี่กอดอยู่แบบนั้น แก้มเนียนร้อนผ่าวขึ้นมาเมื่อรู้สึกอุ่นข้างแก้ม
จุ๊บ!
ไทม์หอมแก้มแดงอย่างห้ามใจไม่อยู่ เด็กตัวเล็กเม้มปาก ก้มหน้าลงด้วยความเขินอายเต็มที่
“ชอบพี่จริงๆเหรอ?”
ไทม์ถามเบา เด็กน้อยก็พยักหน้าตอบ เฉหลบสายตาคมวาวของพี่ไทม์ แก้มใสขึ้นสีระเรื่อน่ามอง
“ไม่ใช่แค่ปลื้มศิลปินดารานะ” ไทม์ยังถามย้ำเพื่อความแน่ใจ ไม่อยากคิดไปเองอีกว่าน้องชอบตนเอง
“พี่ไทม์ไม่ใช่ดาราสักหน่อย” นีออนบอกเสียงอุบอิบ
“นั่นน่ะสิ”
ไทม์หัวเราะเบาๆเมื่อคิดตาม เขาไม่ใช่ดาราสักหน่อยนี่นะ ก่อนโน้มใบหน้าลงให้อยู่ระดับเดียวกันกับนีออน มองตาเรียวรีนั้นสะกดไม่ให้หลบไปที่ไหน
“รู้อะไรไหม”
นีออนเลิกคิ้วเอียงคอมองพี่งงๆ ไทม์ยิ้มแล้วกระซิบบอกข้างหูน้อง
“พี่เอง ก็แอบชอบนีออนมาตั้งนานแล้วนะ”
TBCขอบคุณทุกความเห็น ทุกกำลังใจ บวกไปทุกบวกค่า
พี่น้ำมั่นมาก เดินหน้าอย่างเดียว
ส่วนพี่ไทม์แกคงถือคติ ช้าๆได้พร้าเล่มงาม
555 ชอบอ่ะ ช้าๆได้พร้าเล่มงาม แต่ถ้าพี่ไทม์ช้ากว่านี้คงไม่ได้สักเล่ม ชื่อพี่อ่านว่า น้องรัก ถูกแล้วค่ะน้องใหม่
ค่ะ ใหม่ก็กลัวว่าจะอ่านผิด>_<