ตอนที่ 11
LOVE IS ALL AROUND
“เชี่ย! แม่งโคตรมืด ใครปิดไฟวะสัด!!!!” ไอ้ปอนด์ตะโกนเสียงดังลั่นรถจนผมต้องทำหน้าเหวอ ตอนนี้เพื่อนมันซึ่งก็คือคิกกับบูมทำหน้าที่เหมือนเป็นสองพี่น้องแห่งซุปเปอร์เนเชอรัล ออกตามล่าไอ้ตัวอะไรที่มันคล้ายๆปีศาจ เอ่อ ผมเปรียบกับอะไรอย่างนั้นทำไมล่ะเนี่ย เป็นอะไรที่ดูเวิ่นเว้อสุดๆเหมือนคนไม่คนมีสติสตังครบถ้วนสักเท่าไหร่ ซึ่งมันก็ใช่! เหตุผลน่ะเหรอ
ข้อหนึ่ง . . เมื่อกี้ไอ้เหี้ยที่ผมคิดว่ามันจะเป็นคนสุดท้ายบนโลกที่อยากจูบผม กลับมาจูบผม!
ข้อสอง . . และไอ้ฉากที่น่าจะสร้างความอับอายให้แก้มผมแดงเล่นๆอาจจะมีพยานรู้เห็นเรือนแสนคน(ดีไม่ดีข่าวฉาวๆแบบนี้อาจถึงหลักล้าน) ถ้าไอ้คิกกับไอ้บูมจับแม่งมาทำลายรูปไม่ได้ ซึ่งรูปนั้นเกิดโดยฝีมือไอ้ปาปารัซซี่ที่ผมไม่คิดว่าจะมีในเมืองไทย
และข้อสุดท้าย . . เอิ่ม เอ่อ ก็ข้อหนึ่งกับข้อสองรวมกันนั่นแหละ!!!
แต่แทนที่ไอ้ตัวต้นเหตุมันจะมาช่วยกันจัดการกับเรื่องนี้ . . มันกลับเมาแอ๋ไม่รู้เรื่องรู้ราวนั่งอล่างฉ่างอยู่ข้างๆผม ขายาวๆก่ายพาดโน่นนี่นั่นมั่วไปหมด นี่ถ้ามันเอามาพาดหน้าผมได้ มันคงทำไปนานแล้ว
“อยู่บนรถมันจะมีไฟได้ไงล่ะวะ” ไอ้เราก็เป็นโรคอะไรไม่รู้ ไอ้ปอนด์พูดมาเป็นอันต้องสวนกลับตลอด
“อ้าว นี่อยู่บนรถอ่อวะ” เสียงไอ้ปอนด์ดูเอื่อยๆ เหมือนคนเมามากๆอ่ะครับ ไม่ต้องใช้คำว่าเหมือนหรอก เพราะแม่งเป็นอย่างงั้นจริงๆ! แดกเหี้ยไรเยอะนักหนา ถึงได้เมาจนเหมือนคนบ้าขนาดนี้
“เออดิ” ผมตอบแบบตื่นๆ เหตุการณ์เมื่อกี้ยังทำผมช็อคอยู่ และยิ่งช็อคหนักเมื่อต้องร้อนอกร้อนใจ ถ้าไอ้บูมกับไอ้คิกจัดการไม่สำเร็จล่ะก็ . . ชิบหายน่ะสิ
“แล้วไมไม่เปิดแอร์ แล้วมึงทำไมไม่ขับรถ ออกรถไปดิ!!”
“จะออกไปไหนได้เล่า นี่จะตีสองตีสามแล้วนะ”
“อยากไปทะเล อยากไปภูเขา”
“ให้แม่มึงพาไป”
“แม่อยู่ขอนแก่น”
“พ่อก็ได้”
“พ่อก็อยู่ขอนแก่น แต่มึงอยู่กรุงเทพ”
“แล้ว?”
“มึงต้องพากูไป”
โอ้ยยยยยย ไอ้บ้า เด็กน้อยชิบหายไอ้สลัดเอ๊ย ผมจิ๊ปากอย่างอารมณ์เสีย มองหน้าไอ้ปอนด์ว่าแม่งเมาจริงหรือแม่งแอ๊คติ้ง ต่อปากต่อคำเก่งเหมือนตอนสติดีมิมีผิดเพี้ยน (แต่กูก็บ้าไปเถียงกับมัน . . )
“นะๆๆ ไปกันๆๆ” ไอ้ปอนด์เอามือยาวๆของมามาเขย่าไหล่ผม
“เห้ย จะบ้ารึไง”
“ไปๆๆๆ”
“เออๆๆ ก็ด้ายยยย” มันเขย่าตัวผมแรงจนผมรำคาญ “หายเมาก่อนแล้วค่อยคุยกัน”
“ใครเมาวะ!!!!!!” ไอ้ปอนด์ปล่อยตัวผมแล้วแหกปากเหมือนเด็กแว้นนักเลงโต “เดี๋ยวกูต่อยแม่ง . .”
หะ . . ฮ่าๆๆๆๆ ผมหัวเราะลั่นเพราะคำพูดของมันแม่งโคตรฮา ไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองนั้นจะไม่มีสติอะไรอยู่แล้ว หลอกถามอะไรดีกว่า เเค้าว่ากันว่าคำพูดของคนเมามักเชื่อถือได้ เพราะออกมาจากจิตใต้สำนึกในส่วนลึก ผมไม่กล้าดื่มมากก็เพราะเหตุนี้ เพื่อนกลุ่มผมมันแรงจะตายไป . . และที่แย่ไปกว่านั้นภาพลักษณ์ของผมจะเสียเอา เห็นอย่างนี้ก็ไม่ได้เมาเต็มที่มาปีกว่าแล้วมั้งครับ
“นี่”
“อืออออออ” ปอนด์ส่งเสียงตอบกลับมา
ถามไรมันดีล่ะ? . . “คนที่ทำมึงอกหักอะ มึงลืมเค้าได้แล้วเหรอ”
“อึกกกก” ไอ้ปอนด์สะอึกนิดๆ เสหน้ามองไปทางอื่น “ไม่รู้เว้ย!” ทำท่าเหมือนเด็กเอาแต่ใจไม่มีผิด เอ๊ะ หรือแม่งไม่เมาวะ แม่งแอ๊คติ้งชัวร์แบบนี้!!!! โห่ยยยยยยยย
“อ้าวไอ้นี่ ตกลงยังไง บอกมา” แต่ผมก็เสือกอยากรู้ซะงั้น เอ ผมจะไปสนใจเรื่องของมันทำไมกันล่ะ? ไม่รู้เหมือนกันครับ นานๆทีไอ้ปอนด์มันจะหมดฉลาด . .
มันเหม่อแฮะ ปอนด์มองออกไปนอกกระจกที่ร้างผู้คนและมีเพียงแสงไฟตามเสาต่างๆ เนิ่นนานเหมือนกันกว่ามันจะปริปากออกมา “ลืมได้ไง ใครจะลืม”
คำตอบง่ายๆของมันทำเอาผมจุกแปลกๆ มีความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นมาดื้อๆซะอย่างนั้น มันร้อนรน ว้าวุ่น และ . . รู้สึกน้อยหน้า เสียหน้าแบบแปลกๆ
และที่ผมไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นมาเลยนั่นก็คือ . . ความอิจฉา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นความอิจฉาเล็กๆก็ตาม แต่มันก็เกิดขึ้น! ผมบอกตรงๆเลย ผมไม่โกหก!
“สวยมากรึไงวะ” ผมยังจำได้ ตอนที่เจอกับมันครั้งแรก มันอกหักจากดาวโรงเรียน . .
“ไม่สวยอะ” มันพูดแบบเมาๆ “แต่น่ารักโคตร . .”
ทำไมยิ่งฟัง แล้วมันยิ่งรู้สึกไฟที่ประทุอยู่ในตัวมันรังแต่จะใหญ่ขึ้นๆฟะ?! แต่ผมก็พูดต่อ . .
“มึงคงชอบเค้ามากสินะ”
มันยักไหล่ . . “ไม่รู้ ถ้าชอบมาก ก็คงชอบน้อยกว่าที่ไอ้ธามชอบพี่เซนล่ะมั้ง”
แทบผงะ . . “ว่าไงนะ”
“ไอ้ธามแม่งกวนตีน อะไรก็พี่เซนๆๆอยู่นั่นแหละ น่ารำคาญ”
หวะ ว่าไงนะ หนึ่งคือมันไม่รู้เหรอว่าที่มันกำลังคุยอยู่น่ะคือผม คือไอ้ธามที่มันพูดถึง สองคือ ไอ้เชี่ยปอนด์มันหาว่าผมกวนตีน และสามคือ มันรำคาญที่ผมพูดถึงเซน . . งั้นเหรอ ?
“ทำไมวะ ไอ้ธามมันทำไม” ถึงเวลาสวมรอย. . เป็นคนนอกไม่รู้อิโหน่อิเหน่
“กวนตีนไง”
“แล้วไมมึงไม่เลิกยุ่งกับมันล่ะวะ”
“ . . .” เงียบซะงั้น ผมกลืนน้ำลาย ส่วนไอ้ปอนด์มองแบบเมาๆไปที่กระจกรถแล้วเอานิ้วชี้เขี่ยกระจกที่เป็นฝ้าเล่นๆ “ก็แค่ . .ไม่อยากเลิก”
แปลกที่ลูกไฟอันร้อนระอุเมื่อสักครู่กลับถูกลมพัดจากไหนไม่รู้ปัดเป่าออกไป กลายเป็นความเย็นสบายและก่อให้เกิดอาการแปลกๆในตัวผม มันวูบๆไหวๆ และที่หนักไปกว่านั้นก็คือ . . เสียงเต้นของหัวใจ จะอะไรมากมั้ยวะธาม ก็แค่คำพูดสิ้นคิดของคนเมาคนหนึ่ง
ผมไม่เห็นจะต้องแคร์อะไรมากมายขนาดนั้น . .
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ไอ้เชี่ย ใครยิงปืนใส่รถ!!!”
“นั่นมันเสียงเคาะกระจก” ผมตบหน้าผากตัวเองอย่างเอือมคนที่เมาแล้วเด็กลงอย่างไอ้ปอนด์ เห็นหน้าตื่นๆและสภาพเปียกเหมือนลูกหมาของไอ้บูมกับไอ้คิก ก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นข่าวใหญ่นี่หว่า . .
ผมไม่สนใจไอ้ขี้เมาอีกต่อไป ลงมาจากรถแล้วถามรุ่นน้องทั้งสองคน
“เหนื่อยมั้ย” ผมไม่ห่วงตัวผมเองหรอก ห่วงสภาพพวกแม่งสองคนมากกว่า
“หมะ ไม่เป็นไรครับพี่” บูมหอบแฮ่กๆ ส่วนไอ้คิกทรุดลงไปกองกับพื้นแล้วหอบเช่นกัน “นี่ นี่ครับ แย่งมาได้ ดีที่มันมีคนเดียว”
บูมยื่นกล้องมาให้ผม สีดำสนิท อืม เล่นกล้องโปรซะด้วยนะมึง ไอ้ปาปารัซซี่ . .
“เห้ย ขอบใจมากนะเว้ย” ผมมองทั้งคู่อย่างซึ้งใจ
“แหะ ไม่เป็นไรครับพี่ ไอ้คิกขอแค่ลายเซ็นพี่ก็พอ”
“จะบ้าเหรอเชี่ยบูม . . เอิ่ม พี่ธามครับ ขอเป็นซีดี โฟโต้บุ๊ค เสื้อยืด และก็ลายเซ็นก็พอนะครับ ไม่ขออะไรมาก”
“สัดคิก มากไปละมึง!” บูมใช้เท้าเขี่ยหน้าแข่งของคิก “แฮ่ พี่ธาม พวกผมล้อเล่นนะ”
“กำลังจะโทรไปบอกโทมัสให้หามาให้อยู่เลย” ผมทำท่ายกโทรศัพท์ขึ้น
“เห้ย ถ้าได้ก็เอาครับ!”
“ฮ่าๆๆ” ผมให้ได้อยู่แล้ว ของแค่นี้เอง . . ตั้งแต่ที่ผมรู้จักกับไอ้สองคนนี้มา ทั้งคู่ดูเป็นคนที่มีความหวังดีและก็เป็นคนดีมากพอดู ไอ้ปอนด์มาเจอเพื่อนดีนะเนี่ย . . ไม่รู้ว่ามันจะรู้ตัวมั้ย
“อันที่จริงผมขออะไรอีกอย่างได้มั้ยครับ” ไอ้คิกยกมือทำท่าเหมือนขออนุญาตพูด
“ไอ้คิก จะอะไรอีกล่ะ ก็อยากได้แค่นั้นไม่ใช่เหรอ” บูมขัด
“ผมไม่เอาของพวกนั้นก็ได้ แต่เรื่องนี้ผมขอจริงๆ”
“อะไรล่ะ ว่ามาสิ”
“ถ้าเพื่อนผมมันชอบพี่ . . พี่อย่าทำมันเจ็บเหมือนที่มันเคยโดนมานะครับ อย่างน้อยก็ช่วยพิจารณามันหน่อยนะ!!!!!”
ผมอึ้งแดก . .
“ไอ้คิก พูดเหี้ยไรเนี่ย!!! พี่ธามอย่าไปสนใจมัน มันบ้า”
“ก็มันอาจจะจริงก็ได้นี่หว่า เชี่ยบูม อย่าเตะกู!!!!” คิกพยายามหลบเท้าของบูมที่กระหน่ำใส่ตัวเค้าไม่หยุด
ผมรู้คำพูดของคิกอาจจะพูดเหมือนล้อเล่นและดูเหมือนว่าเป็นเรื่องตลก . . และผมก็ไม่รู้ด้วยว่าคิกมีจุดประสงค์อื่นใดแฝงอยู่รึเปล่า
แต่แปลกที่ผมกลับจำมันขึ้นใจ และพวกมันก็วนเวียนอยู่ในหัวผม กรอซ้ำไปซ้ำมา ไม่หยุดสักที
2 BROKEN HEARTS
โคตรมึนหัว . .
ผมลืมตาตื่นและลุกขึ้นมาพบว่าตัวเองได้นอนอยู่บนเตียงของผมเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดีหน่อยที่วันนี้เป็นวันหยุด ผมถอนหายใจเฮือก สำรวจดูสภาพตัวเอง ไม่มีอะไรอยู่นอกจากบ๊อกเซอร์ตัวนึง(ลายตารางสีเทาตัวเก่ง)แค่นั้น เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้างวะ หวังว่าผมจะไม่ไปฟันสาวที่ไหนมานะ ไม่งั้นคงได้เคลียร์กันยาว
ผมล้อเล่น . .ถ้าเมาถึงแม้จะไม่มีสติ แต่ผมก็พอจะรู้อยู่ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ ผมไม่ใช่คนแบบนั้น
แต่ที่ผมสมควรจะกังวล . . ก็คือ . . ผมทำอะไรที่ไม่เหมาะสมลงไปกับใครรึเปล่า ?!!!
“ตื่นแล้วเหรอวะ ไอ้สาด นอนยาวเลยนะมึง” ไอ้บูมที่ทั้งตัวเป็นชุดของผมกำลังนั่งกระดิกเท้าเล่นคอมของผมอยู่ในห้อง ไอ้นี่ก็นั่งเงียบ เมื่อกี้ไม่ยักเห็น
“ปวดหัวว่ะ” ผมบอกไปตามความจริง
“สมควร เอาแต่แดกๆๆ ไม่สนใจคนอื่นเลย”
“ไอ้คิกล่ะ”
“เตี่ยมันโทรตามให้กลับบ้าน”
“แล้วมึงทำไมไม่กลับ?”
“อ้าวสัดปอนด์ ก็กูเป็นคนรักเพื่อน กูก็ต้องอยู่ดูแลเพื่อนดิวะ”
“แปลกๆนะที่มึงเป็นคนถอดเสื้อให้กู”
“ฮ่าๆ แปลกยังไง หรือมึงจะให้พี่ธามเป็นคนถอดให้ครับ” ไอ้บูมมันพูดเรื่อยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ทว่า . .
“ทำไมวะ เค้ามาเหรอ!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ” ไอ้บูมหันหน้ามาหัวเราะใส่หน้าผมเฉย “อะไรจะตื่นตกใจได้ขนาดนั้น เค้าจะมาได้ไงล่ะวะ งานการเค้าก็ออกจะยุ่ง” เออเนอะ นั่นสินะ “แล้วมึงเป็นใครไม่ทราบ ทำไมเค้าจะต้องมาหา? ฮะๆ ไหนบอกไม่คิดอะไร ไอ้นี่ หนีหัวใจตัวเองนะเนี่ย”
“หุบปากน่ะ” ผมจิ๊ปากแล้วลุกขึ้น “มีอะไรแดกมั้ย หิวว่ะ”
“กูเห็นมาม่าสองซองอยู่หลังตู้เย็น”
“ไหนมึงบอกจะดูแลกูไงสัด ไปต้มให้กูดิ”
“กูดูแลมึงจนเหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อนกับน้องอาโออิ”
“พ่อง”
ผมไม่ได้สนใจอะไรไอ้บูมอีก เพื่อนกันก็งี้ ดูแลกันมากไปมันดูไม่จริงใจ อันที่จริงดูจากสภาพผมแล้วเมื่อคืนไอ้บูมมันก็คงไม่ได้ทิ้งผมไปไหน ไม่งั้นผมจะมานอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงตัวเองได้ไง
แต่เมื่อคืนผมจำไม่ได้จริงๆนะ หลังจากที่โดนไอ้คิกกับไอ้บูมหิ้วปีกมา ผมก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย = =
พอผมเดินออกมาจากห้องนอนตัวเองเท่านั้นแหละ
พลั่ก!
ผมจำได้ นี่มันหมอนอิงที่ประดับบนโซฟาผมนี่หว่า ใครแม่งโยนมาใส่หน้าผมวะ?!!!!
“เชี่ยเอ๊ย มึงเกือบจะทำคนอื่นเค้าเดือดร้อน เพราะความขี้เหล้าเมายาของมึง!!!”
“คุณหนูครับ ใจเย็นสิ” ผมเห็นหน้าตื่นๆของโทมัสก่อนอันดับแรก จากนั้นก็เห็นหน้าหงิกๆของไอ้ธาม อ้าวไอ้บูม ไหนบอกว่ามันไม่อยู่และมันก็ไม่มาไง แต่นี่อะไรว้า?
“ไอ้ธาม เหี้ยอะไรเนี่ย” หมอนใบที่สองลอยมาอีกครั้ง จนผมหลบแทบไม่ทัน
“อุ๊ย ได้ยินเสียงเหมือนครอบครัวเค้าทะเลาะกันเลยว่ะ” ไอ้บูมโผล่หน้าออกมาจากห้องแล้วทำหน้าแบ๊วเหมือนมันไม่รู้เร่องรู้ราวอะไรทั้งสิ้น . .ซึ่งนั่นหน้าจะเป็นใบหน้าของผมมากกว่านะ! “โทมัส ผมว่าเราออกไปหาไรกินกันดีกว่าครับ”
“เอ่อ ถ้าปล่อยให้คุณหนูอยู่กลับคุณปอนด์สองคนผมเกรงว่า . .” โทมัสมองมาที่ผมอย่างคนที่ห่วงสวัสดิภาพของผม ซึ่งน่าห่วงเพราะตอนนี้ดูเหมือนไอ้ธามมันจะโมโหเอาการอยู่ หน้าหงิกไม่สบอารมณ์ทำเอาคนรอบข้างใจสั่นใจหายไปหมด โอ้วแม่เจ้า ผมไปขัดใจอะไรคุณชายเค้าเนี่ย = =
“โทมัส ผมเลี้ยงโจ๊กหน้าคอนโดไอ้ปอนด์เลยอ่ะ” ไอ้บูมเดินมาคว้าคอโทมัส ที่สูงเท่าไหล่ของมันนั่นเอง
“เอ่อ งั้นก็ . . ใส่ไข่ด้วยนะ”
บูมยิ้มและก็พาโทมัสออกไปจากห้อง ก่อนออกไปผมเห็นมันทำท่าเอานิ้วเชือดคอราวกับจะบอกกับผมว่า ‘มึงตายแน่’
จะอะไรก็ช่างเหอะ แต่ก่อนตายให้กูรู้ก่อนได้ป่ะ ว่ากูทำอะไรลงไป?!!!!!!
ดังนั้น . . ในห้องนั่งเล่นของคอนโดผม จึงเหลือแค่ผมกับไอ้ธามสองคน ซึ่งดูจากชุดที่ใส่แล้ว ไอ้ธามมันก็น่าจะเพิ่งกลับมาจากทำงานของมันแน่ๆ ชุด ใบหน้าและผมยังเต็มเช่นเคย
ผมเดินเข้าไปใกล้ๆมันที่หน้าหงิกนั่งลงบนโซฟาเป็นที่เรียบร้อย แปลกๆเหมือนกันเพราะทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่บ๊อกเซอร์ตัวบางๆที่แม่งโคตรหวิว
“เอ่อ . . เกิดไรขึ้นวะ” เป็นคำถามที่โง่มาก แต่ก็เหมาะสมที่สุด
ธามทำหน้าเซ็ง หยิบรีโมทขึ้นมาเปิดทีวีและก็จ้องเนชั่นแนลจีโอกราฟิกด้วยสายตาว่างเปล่า
“นี่” ผมจิ้มมันเข้าสีข้าง “ก็บอกมาดิว่าทำผิดอะไร จะได้ขอโทษ”
“มึงจำไม่ได้เลยเหรอ!” มันหันขวับกลับมาแล้วแหวใส่เสียงดังโคตรจนผมขนลุก
“จำไม่ได้” ผมพูดเสียงอ่อย “ จำไม่ได้จริงๆอ่า ก็บอกมาดิว่าไปทำอะไรไว้”
“มึงนี่ - -“ ธามทำท่าเหมือนจะต่อยผม แต่ก็ชะงักไว้ แล้วก็หันไปดูปลาวาฬสีน้ำเงินด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง “ช่างแม่งเหอะ เอาเป็นว่าอย่าเมาแบบนั้นอีกละกันนะ”
“คงไม่แล้วล่ะ” ผมเอนตัวพิงลงบนโซฟา “เห้ย กูไม่สบายใจว่ะ กูไปทำอะไรไว้รึเปล่า มึงพูดแบบนี้กูก็ยังไม่ลืมหรอก แม่งรู้สึกผิดแปลกๆว่ะ”
“ไม่รู้แหละดีแล้ว”
“เมื่อกี้ยังทำท่าเหมือนอยากให้กูจำได้อยู่เลย”
“เห้ย ไอ้เชี่ย กูเปล่า!”
“กูได้ไปจูบใครที่ไหนมาป่าววะ เวลากูเมามากๆ เพื่อนกูชอบเล่าให้ฟังว่ากูชอบจูบคนไปทั่วน่ะ”
ผมทำไอ้ธามอึ้งไปเลย ตาโตหน้าตื่น มองผมชนิดที่ว่าประหลาดใจที่สุดในโลก!
“คนประเภทไหนเนี่ย มีแบบนี้ด้วยเหรอ”
“ก็ไม่รู้ อาจจะไม่ใช่นิสัยกูก็ได้ อาจเกิดแค่ครั้งสองครั้ง แค่นั้นเพื่อนแม่งก็เอามาล้อจนถึงตอนที่ลูกกูบวชแล้ว . . เอ๊ะ . . หรือว่า กูไปจูบใครเข้าวะ!!!!!” ต้องใช่แน่ๆเลยว่ะครับ และที่ไอ้ธามโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแบบนี้หรือว่าเพราะผมไป . .
“ช่างแม่งเหอะ ลืมมันไปซะ! ไอ้เชี่ย ไอ้มั่ว แม่ง จูบคนไปทั่ว ไอ้บ้า ไอ้เจ้าชู้เอ๊ย!” หมอนอิงใบเดิมๆที่โทมัสหวังดีเก็บมาวางไว้ที่เดิมให้ กลายมาเป็นอาวุธของไอ้ธามอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่ได้โยนใส่ มันเอามาตีแบบไม่มียั้งมือ . .
“โอ้ย โอ้ย โอ้ยยยย พอได้แล้ว ปวดหัวนะ” ผมหลบเป็นพัลวัน
“ไอ้ทุเรศ ไอ้เหี้ย ไอ้เสียมารยาท ขโมยจูบคนอื่น มึงมันขี้ขโมย!”
“โอ้ยยย พอเถอะคร้าบบบบบ”
“ไม่โว้ย”
ผมจับหมอนได้จึงโยนทิ้ง แล้วจับข้อมือของไอ้ธามเอาไว้ จับไว้ทั้งสองมือนั่นแหละ แขนก็แค่นี้ มือก็แค่นี้ แม่ง แรงเยอะชิบหาย
“ปล่อยกู!”
“ใจเย็นสิ”
ไอ้ธามคงเป็นผู้ชายที่ชอบทำหน้าเหมือนเด็กเอาแต่ใจที่สุดในโลกล่ะมั้ง . . ผมว่า
“ขอโทษ” ผมพูดนิ่มๆ
“กองไว้ตรงนั้นแหละ”
“ขอโทษ”
“จะพูดซ้ำทำไม”
“ขอโทษนะ”
“ไอ้บ้า อย่าเอาหน้ามาใกล้” ได้ผลแฮะ ไอ้ธามเริ่มเปลี่ยนจากหน้าโกรธๆมาเป็นทำหน้าไม่ถูกแล้วครับ ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ส่วนไอ้ธามก็เอาแต่เบือนหลบ มีเพียงปลาวาฬสีน้ำเงินตัวเบ้อเริ่มมองดูผมกับมันอยู่ในทีวี
“หายโกรธยัง”
“ไม่หายหรอก”
“ขอโทษน้า . .”
“เชี่ย! อย่าโกง เอาหน้าเข้ามาใกล้ทำไม”
“ . .เวลาอย่างงี้มึงดูสู้กูไม่ค่อยได้ไง”
“ทำไมจะสู้ไม่ได้” โป๊ก! มะเหงกจากกำปั้นของไอ้ธามทำเอาผมร้องโอยอีกครั้ง คุณเค้าไม่มียั้งมือหรอกครับ เรื่องแบบนี้น่ะ
ผมเผลอปล่อยมือไอ้ธามออก ส่วนมันก็ย้ายตัวไปนั่งโซฟานวมตัวอื่น
มันดูปลาวาฬสีน้ำเงินต่อ ส่วนผมก็ดูหน้ามัน . .
“มึงควรจะไปแต่งตัวให้เรียบร้อยนะ” ได้ยินมันเปรยว่างี้
แต่ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ เอาแต่จ้องมันอยู่อย่างนั้น . .
“จ้องไม ไม่มีอะไร ไม่ได้โกรธไรแล้ว!”
“…”
“ไม่ตอบอีก อะไรไอ้นี่ . . แปลกๆนะมึงเนี่ย”
“ใช่ดิ มันแปลกมาก”
ผมลุกขึ้นยืน ทำท่าจะเดินกลับเข้าห้องไปจัดการกับตัวเอง คือเปลี่ยนเสื้อผ้งเสื้อผ้าอาบน้งอาบน้ำอ่ะครับ (กลัวมีคนคิดไกล)
“อ้าว แล้วอะไรที่แปลก!” ธามตะโกนตามหลังมา ท่าทางจะอยากรู้คำตอบโคตร เพราะโยนหมอนมาใส่ผมอีกแล้ว “บอกกูมา!”
“ไม่โว้ย!”
หลังจากที่มันแอบบ่นอุบแอบด่าผมลับหลัง . . ผมก็ค่อยๆวิ่งเข้ามากระซิบข้างหูมัน
“มันแปลกก็ตรงที่กูจูบใครเวลาเมา คนนั้นมันจะเป็นคนที่กูแคร์เสมอ . .”
หลับหูหลับตาพูดไปละครับ พูดเสร็จผมไม่รู้ไอ้ธามจะทำหน้ายังไง แต่ผมนี่วิ่งหนีเข้าห้องตัวเองอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ . .
ผมเชื่อสนิทใจแล้วว่า . . ความทุกข์ของผมที่เคยมี มันคงจะจากไปแล้วจริงๆ . .
เพราะความสุขครั้งใหม่มันกำลังก่อตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ
ถึงแม้ว่า . . มันจะมาจากฝั่งผมคนเดียวก็เถอะ . .ช้าๆได้พร้าสองเล่มงามน้าา
สอบไฟนอลกำลังมา แต่หลังสอบ น้องคนเขียนก็กระหน่ำจัดเต็มเหมือนเดิม
คนอ่านใจเย็นๆนะค้าา ช่วยลุ้นคู่นี้กัน ^^