รูปขนมลูกเต๋าค่า
ขอบคุณทุกคนที่อ่าน+เม้นท์นะค้า
มาต่อตอน 4 กันเถอะ
--------------------------------
♀ TOM (or) BOY ♂
04
เปิดเทอมมาได้สี่วันแล้ว...
สามหนุ่มหน้าตาธรรมดาค่อนไปทางดี เดินเข้ามาในโรงอาหารคณะตอนช่วงพักเที่ยงโดยมีสายตาของสาวๆ บางคนที่เหล่มองมาเป็นระยะ แน่ล่ะนะ... ในคณะนิเทศศาสตร์น่ะ อัตราของเพศชายต่อเพศหญิงมีเพียงหนึ่งในสาม และถ้าดูกันให้ลึกลงไป... ชายแท้ๆ มันย่อมเหลือน้อยลงไปอีก พอผู้ชายสามคนมารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนมันเลยฮอตอยู่แบบนี้
หนุ่มร่างเล็กแอบทำเก๊กไม่สนใจสายตาที่มองมาที่กลุ่มของพวกเขา ยังคงนั่งลงกับเพื่อนซี้ชายแท้ทั้งสองอย่างเฟรมและโปเต้อย่างแมนๆ ประหนึ่งว่ากลุ่มตัวเองเป็นสามหนุ่มเนื้อทองก็ไม่ปาน
“ชา... ขอยืมหน้าลองแป้งใหม่หน่อยสิ” แต่สาวข้างห้องพ่วงด้วยตำแหน่งเพื่อนร่วมคณะอย่างแพรวาก็ทำเอาหมดมู้ดไปในทันที... หนุ่มหน้าหวานในคราบทอมได้แต่หันไปมองเธอนิ่งๆ พยายามไม่แสดงสีหน้าเซ็งแซ่ออกมา
“ไว้ที่ห้องละกันนะแพรวา” เขารีบตอบปฏิเสธไปก่อน
“ไม่ได้ ใจร้อน... ต้องลองตอนนี้แหละจะได้รู้ว่าติดทนรึเปล่า ทาแล้วหน้าหมองไหม ควบคุมความมันได้สิบชั่วโมงเท่าที่โฆษณาบอกหรือว่าเขามั่ว” เสียงแหลมร่ายเหตุผลยาวๆ มาซะจนคชาเถียงไม่ทัน อีกทั้งยังไม่รู้จะเถียงอะไรด้วยล่ะ แต่ก็ยังดี.. ที่ตรงนั้นไม่ได้มีคชาที่อยู่กับแพรวาสองคน
“มาลองนี่มา” เป็นเฟรมเองที่ออกตัวแทนพลางยื่นหน้าไปให้ แต่ทันทีทันใด...สาวผมสีน้ำตาลทองก็ทำหน้ายี้พร้อมกับบอกปัด
“ไม่... ให้เอาพัฟใหม่ๆ ไปปัดกับหน้านายก็สกปรกกันหมดพอดี ฉันไม่อยากมีสิวขึ้นพรึ่บพรั่บแบบนี้”
“โห... พูดแบบนี้มาบีบสิวให้เลยดีกว่ามา จะได้หาย”
“จะบ้าหรอ สกปรก! ไปหาหมอสิ คลินิกก็อยู่แค่นี้” เธอพูดเชิ่ดๆ ตามสไตล์ก่อนจะลุกเดินมาหาเพื่อนทอมจำเป็นเมื่อเห็นโปเต้ที่นั่งอยู่ข้างๆ เป้าหมายเดินลุกออกไป มือสวยเปิดตลับแป้งสีชมพูหวาน หยิบพัฟมาแตะเนื้อแป้ง ส่วนมืออีกข้างก็จับกรอบหน้าหวานของเพื่อนทอมคนเดิมไว้ไม่ให้หันหนี
เจอแบบนั้นคชาก็นั่งนิ่งในทันที
มีผู้หญิงมาจับหน้าแถมนั่งประชิดขนาดนี้... เขาก็... เกร็งอยู่นะ
“อีกอย่างนึงนะเฟรม... ผิวหน้าผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่เหมือนกัน”
จริงอะ... แล้วทำไมถึงแยกไม่ออกล่ะแพรวา - -“
คชานึกค้านในใจได้ไม่นานก็ต้องหลับตาลงเมื่ออีกคนเริ่มเอาฟองน้ำนั้นมาตบๆ แตะๆ บนใบหน้า แอบทำจมูกฟุดฟิดน้อยๆ เมื่อได้กลิ่นหอมไม่คุ้นเคยที่ลอยมา
เพลิดเพลินราวกับเด็กหญิงกำลังเล่นแต่งตัวตุ๊กตา... จากที่แพรวาจะลองแตะสักทีสองที สุดท้ายเพิ่มตรงนี้นิดตรงนั้นหน่อยจนกลายเป็นทั่วทั้งใบหน้าจนได้ เธอแย้มยิ้มมองผลงานของตนเองอย่างพึงพอใจ แล้วจึงยื่นกระจกส่งให้เจ้าของใบหน้านั่นได้พิจารณาใบหน้าตัวเอง
คชากะพริบตาปริบๆ มองตัวเองในกระจกอย่างอึ้งๆ
ผิวหน้าของเขามันเนียนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต... นี่สินะคือเวทมนตร์ของผู้หญิง
แต่เขาไม่ใช่ผู้หญิงว้อย!!!!!
“ชาสวยมากเลยอะ ผิวก็ดี เห็นแล้วอิจฉาจัง”
แล้วก็ไม่อยากสวยด้วย!!!!!
“เฮ้ย ไอ้ชาสวยว่ะ” โปเต้ที่เพิ่งเดินกลับมาจากการซื้อน้ำทักขึ้นแบบขำๆ หากแต่คนฟัง ทำหน้าประหนึ่งถูกธนูปักที่หัวเข่าก็ไม่ปาน
นอกจากไม่ช่วยยังมาตอกย้ำ... ไอ้ปู่เต้!
“เออ... สวยแบบนี้จีบได้ป้ะชา” แล้วยังเฟรมที่หันมาทำพูดเล่นแต่คนฟังไม่เล่นด้วยสักนิด
ตอนแรกยังช่วยกันอยู่เลยนะว้อย!!!!!
“ชอบอะ ภูมิใจจังทำให้เพื่อนสวย... ชาอยากกรีดตาด้วยไหม เนี่ย...วันนี้เรากับแอ้นกรีดตาเหมือนกันเลย... นั่นไง แอ้นมาพอดี จะได้เป็นแก๊งค์สามสาวพาวเวอร์พัฟเกิร์ล”
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ตอนแรกยังเป็นสามหนุ่มเนื้อทองอยู่เลย
ตอนนี้จะกลายเป็นพาวเวอร์พัฟเกิร์ล... คชาไม่เอา!!!!!
โดยไม่มองสีหน้าผะอืดผะอมไม่สมยอมสักนิดของเพื่อนทอม... แพรวาเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าเครื่องสำอาง แล้วค่อยๆ รูปซิปเปิดออกมา
“นี่แพรวาจะทำอะไรอ้ะ?” แอ้นที่เดินมาถึงโต๊ะถามขึ้นจังหวะนั้นพอดี
“กรีดตาให้ชาไง จะได้เหมือนพวกเรา.. แอ้นช่วยจับชาไว้ที”
“เฮ้ย ไม่เอา อย่าทำแบบนี้” สาวสวยผมดำยาวพูดพลางดึงอายไลเนอร์นั้นออกมาไว้ในมือตัวเอง “อย่าแกล้งชาดิ ชาเป็นทอม แพรวาก็รู้”
ราวกับนางฟ้ามาโปรด... หนุ่มหน้าหวานพอได้ยินก็พยักหน้าเห็นด้วยแรงๆ สองสามที “ใช่ อย่าแกล้งเราสิ” หันไปมองขู่เพื่อนผู้ทรยศทั้งสองให้พยักหน้าเห็นด้วยเสียอีก
เห็นแบบนั้นแพรวาก็ได้แต่ขมวดคิ้วจิกตามองเบาๆ ก่อนจะยอมปล่อยเพื่อนทอมไปอีกวัน...
ถึงจะรู้สึกถึงรังสีแปลกๆ จากแอ้นก็ตามที
- - - - - - - -
ตกเย็น... หนุ่มร่างเล็กเดินกลับมาหอพักตามกิจวัตร แต่วันนี้จ้ำอ้าวให้ไวเป็นพิเศษเพราะไม่มั่นใจสักนิดกับการมีแป้งติดบนหน้าอยู่แบบนี้
แพรวานะแพรวา... บอกอย่าเพิ่งล้างหน้าจนกว่าตัวเองจะกลับไปถึงหอ!
แล้วไปคาราโอเกะกันแบบนี้ เมื่อไหร่จะได้กลับละเนี่ย!!!
ขาก้าวฉับๆ เดินตรงเข้าไปในตรอกเดิม ตาคู่เรียวเหลือบไปเห็นเจ้าตะวัน... ลูกสุนัขจรจัดสีขาวมอซอข้างถนนที่ชอบมาขอของกินบ่อยๆ เวลาเขานั่งกินอาหารข้างทาง อยากเข้าไปเล่นกับมันเหมือนเมื่อวาน แต่วันนี้คงต้องขอบาย
“อ้าว... ชาค่ะ ไปทำอะไรมา”
แต่แปลกเนอะ... วันนี้ไม่ทักหมา... หมาดันมาทักก่อนซะได้
“หวัดดีเต๋า” เขาพูดเรียบๆ มองหน้าชายหนุ่มที่เพิ่งเดินออกมาจากบ้านตัวเอง
“ทาแป้งเนียนซะเชียว จะไปเล่นลิเกที่ไหนล่ะ?” ใบหน้าหล่อหลิ่วตาถามกวนๆ “หรือกลับใจอยากเป็นผู้หญิง?”
คนฟังอย่างคชาได้ยินก็เบะปากเซ็งๆ “แพรวาให้ช่วยลองแป้ง... จบมะ?” เอาชื่อเพื่อนสาวตัวแสบแต่เป็นนางในดวงใจอีกฝ่ายเข้าอ้างจะได้จบๆ “ไม่มีอะไรแล้วก็หลบไป จะขึ้นห้อง”
“โถ่ ไม่เอาน่า ทำงอนไปได้... ทอมนะทอม” เสียงทุ้มพูดพลางก้าวขายาวไปดักหน้าอีกฝ่ายไว้ “พูดเล่นแค่เนี้ยมาทำงอนตุ๊บป่อง... ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อยดิ มีเรื่องจะคุย”
“ไม่ได้งอนว้อย!” รีบอุทานขัดอีกคนเสียงใส
“ดี จะได้ไม่ต้องง้อ ปะ..ไปกิน’เตี๋ยวเป็ดกัน”
“ไม่อยากกิน” กับแก!
“มาเหอะน่า เดี๋ยวเลี้ยง”
“มีตังค์จ่าย”
“ผู้ชายที่ดีต้องออกเงินให้ผู้หญิง”
“เป็นทอม”
“เออนั่นแหละ เหมือนกัน”
คชามองหน้าอีกคนนิ่งๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเต็มแรง... ทั้งเหนื่อยจะเถียง แล้วก็เบื่อลูกตื๊อของหมอนี่
มันไม่ต่างอะไรเลยกับการถูกเจ้าตะวันเลียแข้งเลียขาขอของกินอยู่ทุกวัน
แต่สุดท้าย เขาก็เดินตามไอ้ลูกเจ้าของหอไปเหมือนกับที่แบ่งลูกชิ้นให้หมาน้อยตัวนั้นอยู่ดี
ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดเก่าแก่ถัดเข้าไปในซอย ไม่ได้มากไปด้วยผู้คนแต่ก็พอมีลูกค้าไม่ขาด พัดลมตัวใหญ่สีเขียวทึมตัวหมุนช้าๆ อยู่บนเพดาน อาแปะพุงพลุ้ยกับอาซ้อเจ้าของร้านท่าทางใจดีกำลังช่วยกันทำงานอย่างสบายๆ
“เตี๋ยวเป็ดสองชามครับป้า เส้นเล็กชามนึง ส่วนอีกชาม...เอาไรชา?” เต๋าหันไปถามร่างเล็กที่นั่งด้านตรงข้าม คนถูกถาม...จากที่ตอนแรกไม่อยากกินเท่าไหร่เพราะถูกบังคับกลายๆ ให้มา แต่พออยู่ในร้าน กระเพาะอาหารก็เริ่มสั่งการเสียจนได้
“เอาบะหมี่” พูดตอบเสียงไม่ดังอย่างสงวนท่าที ถึงจะแอบกลืนน้ำลายลงคอเพราะกลิ่นหอมน่าทานที่โชยเข้ามาก็ตาม
“อีกชามเอาบะหมี่ครับ” เต๋าหันไปสั่งต่อพลางอมยิ้มเบาๆ ที่ริมฝีปาก
ก็แค่ตลก... ที่ชาเหมือนจะไม่ยอม แต่ก็ต้องยอมเขาซะทุกที
“นี่ ตกลงมีไร?”
“น้ำแข็งเปล่าสองกับโค้กด้วยครับป้า”
“ตกลงมีไร?” เสียงเดิมถามย้ำรอบที่สอง หวังจะได้ฟังคำตอบของอีกคน หากแต่กลายเป็นเขาเองที่ถูกอีกฝ่ายจ้องหน้าซะเขม็ง
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองสำรวจใบหน้าอย่างละลาบละล้วง
“ชา... ดูไปดูมา เธอก็...”
ร่างเล็กจากที่นั่งเซ็งก็หูผึ่งรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“สวย...เหมือนกันนะ”
พอได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายประกอบกับสีหน้าจริงจังแบบนั้น ใบหน้าหวานก็ขึ้นสีระเรื่อในทันที ตาคู่เรียวหลบสายตาที่เพ่งมองมาตามสัญชาติญาณ แถมจากที่อยู่เฉยๆ ดีๆ...ตอนนี้หัวใจเจ้ากรรมก็เต้นดังจนเจ้าของมันได้ยิน
ไอ้เต๋ามันบ้า... มันบ้า... มันบ้าไปแล้วแน่ๆ
เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่หันหน้าหนี... อีกคนก็ยังตามมาจ้องต่อ ซ้ำยังเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ในระยะประชิด ตาคู่เรียวเหลือบเห็นรอยยิ้มอีกคนที่ส่งมาแล้วยิ่งไม่อยากถูกจ้องเป็นเท่าตัว
“เขินหรอชา...?” ในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น ดูจริงจังแต่ยังแฝงรอยยิ้มเอาไว้
“ป...เปล่า” คชาพูดปฏิเสธเสียงเบากว่าเคย
“ไม่ต้องเขินหรอก...” เต๋ายังคงจ้องมองอีกคนไม่ลดละ ขยับเข้าใกล้ซะจนอีกคนสะดุ้งโหยง
“พูดเล่นเท่านั้นแหละ ฮ่าๆๆๆๆ”
ไอ้*=2/@#&*_@$ !!!!!
คชาเบ้ปาก เงยหน้าขึ้นมองอีกคนเต็มตาไม่ทันไร เสียงทุ้มก็พูดขึ้นต่อ “เขินจริงด้วย หน้าแดงแจ๋เลย”
“แดงเพราะร้อนต่างหาก!” รีบพูดแก้พลางยกมือขึ้นพัดใบหน้าตัวเองรัวๆ เงยหน้ามองพัดลมเพดานที่พัดอืดๆ ก็ยิ่งขัดใจ... ร้อนชะมัดเลยว้อย!
“หรอออออออออ” เต๋าลากเสียงยาวทั้งยังส่งยิ้มล้อๆ อีกฝ่ายอย่างผู้มีชัย เพราะดูยังไง อาการแบบนี้มันก็เรียกเขินชัดๆ
“ไม่เป็นไรน่า... ผู้ชายหล่อร้ายกาจแบบฉัน ใครอยู่ใกล้ก็ต้องหวั่นไหวเป็นธรรมดา”
ใครไปหวั่นไหวกับแกวะ! ไอ้เผือกหลงตัวเองเอ๊ย!!
“ให้ตายเหอะ... ขนาดเธอเป็นทอมนะเนี่ย... เพลียกับความหล่อของตัวเองจริงๆ”
คชาพอได้ยินก็ทำหน้าย่น อยากเถียงอีกฝ่ายกลับไปใจจะขาดรอนๆ หากแต่ก๋วยเตี๋ยวเป็ดสองชามร้อนๆ ที่ถูกยกมาตั้งกับน้ำแข็งและน้ำอัดลมก็ทำช่วยเบรคเอาไว้
“ไอ้หลงตัวเอง”
หากแต่ยังพูดตอบโต้อีกคนเบาๆ แล้วจึงยื่นมือออกไปเพื่อดึงชามของตัวเองมา ทว่าไม่ทันมือหนาที่จัดการแย่งเอาไว้เสียก่อน ใบหน้าหวานจึงช้อนมองอีกฝ่ายแบบงงๆ
“พูดจาไม่เพราะเลย ขึ้น ‘ไอ้’ ได้ยังไง” ในฐานะลูกชายคุณครูสอนภาษาไทย... นอกจากจะใช้ภาษาอย่างถูกต้องแล้วยังต้องสุภาพด้วยแน่ะ
“แล้วเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ อยากพูด มีปัญหาอะไรไหม?” เสียงใสสวนกลับอย่างไม่ยี่หระ
“แม่บอกไม่ให้ยุ่งกับผู้ชายแปลกหน้าแต่ไม่สอนให้พูดจาเพราะๆ หรอไง?”
“โห... นี่ด่าว่าแม่ไม่สั่งสอนหรอวะ!?” แค่พูด ‘ไอ้’ แค่เนี้ย!
“นี่ก็ไม่เพราะ... พูดค่ะก่อนแล้วจะให้กิน” คชาได้ยินก็นั่งนิ่ง... ทำไมเขาต้องเชื่อไอ้เผือกนี่ด้วย! มาทำสั่งสอนยังกับเป็นผู้ปกครอง
“เร็วๆ สิชาค่ะ... เต๋าหิวแล้วนะครับ”
“หิวก็กินสิ”
“ไม่ได้... ต้องสั่งสอนเด็กหญิงชาค่ะพูดจาไม่เพราะก่อน”
เด็กหญิง!!!!!!!!!! T^T
“ไม่ใช่สิ โตแล้ว ประจำเดือนก็มาแล้ว ต้องเรียกนางสาวชาค่ะถึงจะถูกเนอะ”
ไม่ ใช่ ทั้ง นั้น แหละ ว้อย !!!!!!!!!!
(แต่ก็เถียงไม่ออกอยู่ดี TT^TT)
“พูดเพราะแล้วก็ได้ พอใจรึยัง?” และสุดท้ายก็ต้องยอมแพ้มันทุกที...ก็เบื่อจะไปยอกย้อนมัน แถมตอนนี้ ท้องก็ร้องจ๊อกๆ แล้วด้วยสิ
“นี่เพราะตรงไหน หางเสียงก็ไม่มี”
ได้ยินแบบนั้น คนฟังก็ทำฮึดฮัดไม่พอใจ กัดฟันพูดออกไป “เพราะตรงนี้แหละค่ะ พอใจรึยังคะต๋าววววว?” จงใจลากเสียงยาวประชดประชันอย่างไม่พอใจสักนิด หากแต่อีกคนกลับยิ้มกว้างออกมาซะอย่างนั้น
“โอเคครับชา งั้นเรามากินก๋วยเตี๋ยวกัน”
กว่าจะได้กิน… ไอ้บ้าเอ๊ยยยยยยยย!!!!!
พักยกต่อล้อต่อเถียงมาโซ้ยก๋วยเตี๋ยวไปได้เกินค่อนชาม หนุ่มร่างสูงก็เริ่มจะพูดคุยเรื่องอื่นแล้วบ้าง หลังถามเรื่องแพรวาจากเพื่อนทอมจำเป็นซะละเอียดยิบ
“แล้วเธออยู่หอเป็นยังไงบ้าง ขาดตกอะไรไหม?”
“ก็พออยู่ได้... เตียงก็นอนสบายดี” เสียงใสพูดตอบ “แต่แอร์มันหนาว พอปิดแปปนึงมันก็ร้อน อยากได้พัดลม... กาต้มน้ำก็ไม่มี” พูดเสียงหงอยโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ใบหน้าหวานแอบยู่เมื่อนึกถึงตอนดึกๆ ที่หิวอยากกินมาม่าซักชาม แต่มองไปในห้องก็มีแต่กองขนมของแพรวาที่เขาคงมิบังอาจไปหยิบกิน
ขนาดขนมหมีโคอาล่าที่ให้เขามาแท้ๆ ยังไม่กล้าแกะกิน... เพราะแค่เห็นข้อความบนนั้นที่อีกคนตั้งใจเขียนให้แพรวามันก็สยิวกิ้ว
“อยากได้พัดลมกับกาต้มน้ำหรอ?” ลูกเจ้าของหอถามเจ้าของห้องเบอร์ 23 ที่ทำหน้ายู่ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงักให้ โดยไม่รู้ตัว...คชากำลังมีความหวังบางอย่างอยู่ในใจ
“ก็ไปซื้อเอาสิ” แต่คำตอบจากลูกชายเจ้าของหอก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย! คชาขบริมฝีปากล่าง เซ็งนิดๆ ที่แอบไปตั้งความหวังกับคำพูดของอีกคน ขมวดคิ้วทำหน้านิ่วใส่อีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยเสียงแข็งโวยต่อ
“แล้วเน็ตที่หอก็เป็นอะไรไม่รู้ ติดๆ ดับๆ... จ่ายเงินตั้ง 2,300 มีอะไรดีบ้างเนี่ย?”
“ได้ยินมาว่าเน็ตที่หอมันไม่ค่อยดี เธอไม่รู้หรอ... แม่ฉันถึงได้ลดค่าหอให้สองร้อยไง”
คนตัวเล็กได้ยินดังนั้นก็อุทานออกมาอย่างไม่พอใจ “บ้าเอ๊ย!!! แล้วจะดูบอลยังไงล่ะ!”
“อ้าว นี่เธอดูบอลด้วยหรอ?” เสียงทุ้มรีบถามต่อเพราะเริ่มมีเค้าลางว่าจะเป็นคอเดียวกัน
“ดูสิ... เสาร์นี้นัดสำคัญด้วย”
“แมนยูเตะกับเชลซี?” เต๋าถาม พอเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าหงึกหงักจึงรีบซักต่อ “เชียร์ทีมอะไร?”
“ถามทำไม?”
“ฉันเชียร์แมนยู... มาดูด้วยกันไหม?”
“คงไม่ดี... เดี๋ยวเชลซีชนะแล้วนายจะพาล”
“ฉันไม่ใช่พวกแพ้แล้วพาล... อีกอย่าง รู้ได้ไงว่าเชลซีจะชนะ”
ได้ยินแบบนั้น หนุ่มร่างเล็กก็ถลึงตาพูดเน้นอย่างมั่นใจ “ของมันแน่อยู่แล้วไงล่ะ”
“พูดแบบนี้วันเสาร์เจอกันที่บ้านเลยดีกว่า จะได้รู้ว่าใครเป็นใคร” หมายถึง...ดูบอล
“ก็เอาดิ้ จัดไป นัดนี้เชลซีเจ้าบ้านไม่พลาดแน่!” เสียงใสตอบตกลงโดยแทบไม่ต้องคิดอะไร ถ้าเรื่องฟุตบอลเขาทุ่มสุดใจเสมอ
ทุ่มสุดใจจนลืมไปเสียสนิท... เคยพูดเองว่าแม่ไม่ให้ยุ่งกับชายแปลกหน้า แต่ไม่ถึงสัปดาห์ก็จะไปบ้านเขาแล้ว
“แต่นายเต๋าเจ้าของบ้านก็จะไม่แพ้เหมือนกัน”
“เฮอะ เดี๋ยวก็รู้” คนหน้าหวานเอ่ยอย่างไม่แยแส ก่อนจะยกแก้วโค้กขึ้นดื่มอึกใหญ่ ไม่ได้สนใจสายตาคู่หนึ่งที่มองมาพลางอมยิ้มบางๆ
ก็แค่ตลกดี... ที่ได้ยินอีกฝ่ายพูดมากแบบนี้เป็นครั้งแรก
ตลกดี... ที่ได้เห็นสีหน้าแปลกๆ ที่ไม่ค่อยเห็นของอีกคนTBC
ใครอ่านแล้วชอบก็เม้นท์ให้กำลังใจคนแต่งสักนิดน้าาาาาา