นาฬิกาทราย
“ชะโมดดดดด” คนแก้มป่องทำเสียงยานคาง เอานิ้มจิ้มหน้าคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง
จิ้มๆ ๆ ๆ แต่ก็ยังไม่ตื่น
ชะมดน้อยเป็นคนขี้เซา ตื่นยาก ถ้าไม่ปลุกมีหวังตื่นสายโด่ง แต่ก็เข้าใจนะว่าตอนนี้มันหกโมงนิดๆ ยากที่อีกฝ่ายจะแหกตาตื่นมานั่งทำหล่อให้มอง
แต่มู่ลี่ไม่มีอะไรทำนี่หว่า...
ไปตักบาตรกับแม่ใหญ่แม่ขวัญมาแล้ว แม่ขวัญขอตัวไปดูในครัว ส่วนแม่ใหญ่ก็นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ แล้วเขาจะทำอะไร? ถ้าไม่มากวนคนที่นอนไม่ยอมตื่น
“ชะมดดดดดด” มู่ลี่เท้าศอกกับเตียง เอาหน้าวาบนฝ่ามือ มองนิ้มที่กำลังจิ้มแก้มของอีกฝ่ายไม่หยุด ก่อนจะยิ้มเมื่อเห็นคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน “ตื่นได้แล้ว อยากไปเที่ยว” มู่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้
คนที่โดนปลุกตอนเช้าตรู่ของนี้ขมวดคิ้วสีหน้าไม่พอใจนัก ก่อนจะหายใจออกมาแรงๆ แล้วก็นิ่ง แต่คนปลุกรู้แล้วว่าอีกฝ่ายรู้สึกตัวเลยปีนไปนั่งทับกาย
“จะไปไหนล่ะ” ถามทั้งที่ยังไม่ลืมตามือไม้ไขว่คว้าร่างบางอีกฝ่ายดึงมากอด พลิกมานอนด้านข้างตวัดขาขึ้นเกี่ยว มู่ลี่กลายร่างเป็นหมอนข้างโดยสมบูรณ์แบบ
“ไปตลาด”
“ตลาด?” คำตอบนั้นทำเอาคนง่วงนอนต้องฝืนตาขึ้นมามองหน้าคนพูด
“พี่แตงบอกว่าโจ๊กหน้าสถานีตำรวจอร่อย”
“ป้าอุ่นทำก็อร่อย”
“อยากกินที่นั่น” โอเคประเด็นมันอยู่ที่อยากทานโจ๊กที่หน้าสถานีตำรวจ นุชถอนหายใจ ปิดตาลง
“กว่าจะไปจะกลับที่นี่ทานข้าวเช้าแล้วมั้ง”
“ขอแม่ขวัญแล้ว” เออ...เนอะ
ลืมไปว่าบ้านนี้มีลูกชื่อมู่ลี่ส่วนคนชื่อนุชนั้นไซร้ คนอาศัย!เจ้าของห้องถอนหายใจก่อนจะพลิกกายเกยบนร่างบาง ซุกปลายจมูกกับซอกคอและไล้ด้วยริมฝีปาก มือไม้ซุกซนไปตามเรื่อง
“มึงนี่...แต่เช้าเลยนะไอ้ชะมด”
“เรื่องปรกติ” ก็ใช่น่ะนะผู้ชายแทบทุกคนต้องเคยเจออยู่แล้วอาการแบบนี้ตอนตื่นนอน “มึงไม่เคยหรือไง? อ่อ...กูลืมไป มึงไม่ใช่ผู้ชาย”
ตื่นมาก็ปากเสีย มู่น่าจะถามแม่แม่นะว่าตอนเลี้ยงมันมาเอาอะไรให้กิน เขาจะได้ไปบอกญาติพี่น้องว่าให้งดของเหล่านั้น ปากคอเหลือร้าย
“กูไม่ใช่ผู้ชายแล้วจะให้กูเป็นอะไร ไอ้ควายนี่ ถอยไปเลย” ปากบอกให้ถอย แต่มือที่แตะตรงบ่าหนากลับไม่ออกแรกผลลัก แถมยังเอียงคอเปิดทางให้ปลายจมูกและริมฝีปากอุ่นเสียอีก
“...เดี๋ยวกูทำให้รู้เองว่ามึงเป็นอะไร” เสียงกระซิบพร่านั้นดังริมหู คนฟังหลับตาปี๋ ก่อนจะทุบไหล่นั้นอักๆ แต่อีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้าน
มือข้างหนึ่งเกี่ยวเอวกางเกงผ้าจนหลุดสะโพกรั้งเรียวขาให้ตวัดรอบเอวของตัวเอง กดหน้าขาเสียดสีกับร่างบางเสียดสีช้าๆ จนอีกคนร้องฮือ
“พอแล้วน่ามึง ออกไปข้างนอก”
“ให้เด็กซื้อมากินที่บ้าน” นุชตัดความ จังหวะเดียวกับที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น “ชิบ!”
“คุณมู่อยู่ในห้องหรือเปล่าคะ? แตงจะได้บอกลุงชมให้เตรียมรถให้ค่ะ”
“ไม่ไปแล้ว...ฝากให้ลุงชมไปซื้อโจ๊กให้หน่อย” นุชตอบไปด้วยเสียงแหบห้าวมาแทน คนอยู่ด้านนอกฟังก็ตกใจเล็กน้อย เพราะคิดว่านายน้อยของบ้านคงอารมณ์ไม่ดี รีบรับคำแล้วจากไป โดยตอบมาอีกประโยคหนึ่งว่า ขออนุญาตเข้าไปเอาเสื้อผ้าของคุณมู่ในห้องพักอีกห้องออกมาซัก...
มู่ลี่ตีเพี๊ยะเข้าที่แขนแข็งแรกนั้น จิกสายตาไม่ชอบใจใส่คนรักที่ไม่สนใจอะไรนอกจากหันมามองหน้าเขาด้วยแววตาวิบวับ
“ถอยไปเลยไปมึง กูจะกลับห้อง” มู่ลี่ทำเสียงสะบัด แต่ลูกหนีไม่พ้นเตียงก็โดดกอดจากด้านหลังเสียแล้ว
“เล่นตัว” เสียงนั้นทำเอาคนเล่นตัวอยากจะข่วนให้หน้าแหก!
“มึงช่วยพูดอะไรดีๆ บ้างได้มั้ยไอ้ปากวรนุช! เหี้ย!” อาราธนาศีลคนรักตั้งแต่ลืมตา นุชสะอึกหัวเราะ กดจมูกกับหลังคอหนักๆ หนึ่งที่
“ก็อยากกอด อยากจูบ อย่างรักมึง ผิดตรงไหน”“มันผิดตรงที่ปากมึงมันหมา” แล้วไอ้คนที่ด่าเขาปาวๆ นี่ปากคอไม่ร้ายเลย? แต่นุชไม่ได้เถียงออกมายิ่งพูดก็ยิ่งเสียเวลา เช้าๆ แบบนี้อากาศกำลังดี ครึ้มฟ้าครึ้มฝนอีกต่างหาก
“กูก็เป็นของกูอย่างนี้ มึงก็เรื่องมาก”
“ไอ้ควาย!” มู่ลี่พลิกกายหันมานั่งคร่อมบนตักของอีกฝ่าย สองมือบีบที่คอ อยากจะหักให้ได้คามือนี้จริง แต่ก็ไม่กล้าทำให้เจ็บ สุดท้ายก็ตีที่อกเปล่าเปลือยของอีกฝ่ายแรงๆ หลายที
สองแขนแข็งแรงโอบรอบเอว สอดฝ่ามือเข้าใต้เสื้อยืดสีขาวลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเนียนช้าๆ มองหน้าคนรักด้วยสายตาเชื่อมหวานพร้อมกับรอยยิ้มสวยอย่างที่อีกฝ่ายชอบเป็นของหลอกล่อ จนคนแก้มป่องทนไม่ไหว ซบหน้าหนีสายตานั้นกับบ่าแข็งแรง
“ไม่เห็นเป็นไรเลย” เสียงกระซิบนั้นเอ่ยข้างหู ก่อนจะกดริมฝีปากไล่ไปตามซอกคอหอม ฝ่ามือรั้งให้ร่างบางขยับสะโพกเข้ามาชิด
“ไม่เป็นไรได้ไงล่ะ เกรงใจแม่แม่หน่อย มึงอย่าโลภ” มู่ลี่ว่า พร้อมกับดันหน้าผากของคนตาหวานที่ถอนหายใจเฮือก
เขาให้โอกาสมาก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะยอมรับทั้งหมดได้ในเวลาสั้นๆ
“เข้าใจยังไอ้ชะมด ตื่นได้แล้ว....”ว่าแล้วก็ถอยกายออกมา ลงจากเตียง “กูรอข้างนอกนะ” มู่ลี่ว่า พร้อมกับหายออกจากห้องไป...
นุชล้มกายลงนอนหงายดวงตามองเพดานห้อง ก่อนจะหลับลงแล้วยิ้ม...
“ไอ้ชะมด! กูไม่ได้ให้มึงนอนต่อ
ไอ้สันดาน!” เสียงร้องนั่นดังมาจากประตูห้องทำเอาคนที่ตั้งท่าจะนอนต่อขำออกมาและตามด้วย.....
“ตายแล้ว! พูดจาอะไรกันอย่างนั้นเนี่ย!” เสียงแม่ขวัญดังเข้ามา คงเดินผ่านมาได้ยินพอดีล่ะมั้ง นุชรีบลุกเดินผิวปากเข้าห้องน้ำไป ปล่อยให้มู่ลี่อธิบายกับแม่แม่เอาเอง...
สม...น้ำ...หน้า...
........................................
สองผู้สูงวัยมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่แปลกกว่าทุกครั้ง...
ภาพของลูกชายที่ดึงเอาชามโจ๊กของ...เพื่อน...มาวางใกล้ๆ ชามของตนเองแล้วตักเอาไส้อ่อนมาใส่ชามของตัวเองแลกกับหมูเด้ง
ทั้งที่ทุกทีนุชก็ทานได้หมด...เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าลูกชายไม่ชอบ?
“ตานุชไม่ชอบหมูเด้งเหรอลูก เจ้านี้ของเขาอร่อยมากเลยนะ”
“ทานครับ” ลูกชายตอบ แต่ยังคงค้นหาหมูในชามของตัวเองใส่ชามของ
เพื่อน... สรรพนามที่แม่แม่ใช้แทนความสัมพันธ์ของทั้งคู่ อย่างน้อยๆ ต่างฝ่ายก็ต้องให้เวลากันและกัน
“แล้ว...” นุชเลื่อนชามโจ๊กของมู่ไปไว้ที่เดิม ก่อนจะหันมาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม จังหวะเดียวกับที่มู่เดินเข้ามาหลังจากที่ขอตัวไปรับสายจากแม่ของตัวเอง
“มาพร้อมกันแล้วก็ทานกันเถอะ” แม่ใหญ่เอ่ย ก่อนที่สองผู้สูงวัยจะได้แปลกใจกันอีก เมื่อชิมโจ๊กไปหนึ่งคำแล้วก็เอื้อมมาหยิบซอสมาใส่ในชามของนุช
กลิ่นพริกไทเยอะพอดีแล้วแต่จืดไปสำหรับนุช...
ที่ผ่านมา...รสชาติอาหารออกจากครัวมาอย่างไหน นุชก็กินอย่างนั้น วันไหนที่บ้านทำก๋วยเตี๋ยว แม่บ้านยกมายังไงก็กินทั้งที่ไม่ปรุงแต่ง...แต่คราวนี้สิ่งที่เห็นทำให้หญิงสูงวัยทั้งสองคนอมยิ้มน้อยๆ
ทั้งสองคน...ดูแลกันและกัน
............................................................................
...........................................................
.....................................
........................
........
...
.
“แม่ใหญ่...นุชมันแกล้งผมอีกแล้ว” เสียงที่ดังขึ้นมานั้นทำให้หญิงชราที่กำลังนั่งทำดอกบัวอยู่ต้องมองลอดแว่นตามามอง เห็นหน้ายู่ยี่ของคนพูดก็อดขำไม่ได้ “นุชไม่ยอมไปเดินดูของที่ตลาดนัดกับผม แถมยังเอาเท้าถีบผมอีก”
ได้ทีก็ฟ้องเต็มที่ คลานเข้ามาซบที่ตักชี้นิ้วไปที่หน้าของคนที่วิ่งตามขึ้นมาบนเรือนประหนึ่งชี้ตัวผู้ต้องหา แต่คิดผิดเสียแล้วเมื่อผู้ต้องหาคนนี้ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
“มานี่เลยไอ้ขี้ฟ้อง” นุชเอ่ยเสียงเข้ม ก่อนจะตรงเข้ามาจับข้อเท้าแล้วดึงร่างของมู่ลี่ออกมา
“ตายแล้วลูก! เล่นอะไรกันรุนแรงอย่างนั้น” แม่ใหญ่ร้องเสียงหลง พร้อมกับเสียงโวยวายของมู่ลี่ที่โดนลากออกไป
“แม่ช่วยผมด้วย! ผมจะโดนฆ่าแล้ว!”
“ตายแล้วคุณพี่ อะไรกันคะ” เป็นแม่ขวัญที่โผล่มาสมทบ แต่ใช่ว่าจะช่วยอะไรได้...
“แม่ฮะ นุชมันจะตีผม!” ฟ้องๆ ๆ ๆ ๆ ฟ้องเท่านั้น เพราะดูยังไงตอนนี้ก็คงไม่มีใครที่จะห้ามคนที่แทบจะอุ้มเขาโยนลงเรือนได้
“อย่าทำอะไรกันรุนแรงนะ ตานุช!”
“มันไม่ตายหรอกครับ!”
“อ้ากกกก” มู่ลี่ร้อง ลุกขึ้นกระโดดแหย่งๆ แต่นุชตะครุบตัวไว้ได้ แล้วถูลู่ถูกังพากันลงเรือนไป
“โอ้ย...ฉันจะเป็นลม!” แม่ใหญ่เอามือทาบอก หายใจแรงๆ แต่ก็อดยิ้มไม่ได้จริงๆเมื่อได้เห็นภาพอะไรแบบนี้
“ไม่เคยเห็นตานุชมีความสุขแบบนี้เลยนะคะ” แม่ขวัญว่าพร้อมกับนั่งลงใกล้ๆ หยิบดอกบัวขึ้นมาพับกลีบบ้าง
“เล่นอะไรกันพิเรนท์ ใครเห็นจะว่าไม่เหมาะเอา” คำพูดนั้นทำเอาคนเป็นน้องขำ หันไปมองสองหนุ่มที่ยังตีกันไม่เลิกที่ลานหญ้าหน้าบ้าน ก่อนที่คนแก้มป่องจะวิ่งหนีหายไปทางด้านกลังเรือน แน่นอนล่ะว่าคนที่โดนถีบจนหงายวิ่งตามไป(กระทืบ)ไม่ลดละแน่นอน
“เด็กผู้ชายก็อย่างนี้และค่ะ”
“โอ้ย!!! ไอ้ควายนุช! กูจะฆ่ามึง!” เจอประโยคลั่นบ้านนี่เข้าไปทำเอาทุกคนที่ได้ยินสะดุ้งเฮือก
“อยากตายมึงเข้ามาเลยไอ้หมู!”
“อ้ากกกก”
รักกัน...เกินไปหรือเปล่า?
.....................................
.....................
..........
....
...
.
วันนี้ทั้งวันเขียนอะไรหวานๆ ไม่ได้เลย จะหน่วงท่าเดียว
แต่คาดว่าถ้านิมาพาหน่วงอีก รับรองนิมาโดนเชือดคอแน่เลย...
อิอิ