ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน
ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
*************************************************************************************
ความรัก เวลา นาฬิกาทราย...
http://www.youtube.com/watch?v=t1ucTYFcEl4 (http://www.youtube.com/watch?v=t1ucTYFcEl4)
เพียงแค่มองในตา ก็รู้ว่าเราชอบกัน
แต่เราสองคนต้องเก็บมันไว้
ในเมื่อความเป็นจริง ก็รู้กันในหัวใจ
เรายังเป็นได้แค่เพียงเพื่อนกัน
แม้ใจเราจริงจังเท่าไร ไม่มีใครเต็มใจให้รักกัน
คงยังไม่ถึงเวลาของเรา
อดทนเก็บความในใจ แล้วรอแค่วันเวลา
ให้มันหมุนช้าๆแล้วเดินไปกับมัน
อดทนเก็บความในใจ แล้วเรียนรู้กันและกัน
เพื่อให้เรามีความมั่นใจ
ว่าเรานั้นมีความลึกซึ้งเพียงใด พรุ่งนี้ไม่สายที่จะรักกัน
วันนี้แม้จะเป็นเพียงเพื่อนก็ไม่สำคัญ
เมื่อใจให้กันจะหวั่นอะไร
วันข้างหน้าจะมา จะช้าจะนานเท่าไหร่
คงเป็นอะไรได้มากกว่านั้น
แม้ใจเราจริงจังเท่าไร ไม่มีใครเต็มใจให้รักกัน
คงยังไม่ถึงเวลาของเรา
อดทนเก็บความในใจ แล้วรอแค่วันเวลา
ให้มันหมุนช้าๆแล้วเดินไปกับมัน
อดทนเก็บความในใจ แล้วเรียนรู้กันและกัน
เพื่อให้เรามีความมั่นใจ
ว่าเรานั้นมีความลึกซึ้งเพียงใด พรุ่งนี้ไม่สายที่จะรักกัน
หากว่าเรามีความมั่นใจ หากว่าเรามีความรักแท้ในใจ
พรุ่งนี้ไม่สายที่จะรักกัน
นิมาเอาภาคต่อของรักจัดหนักมาละค่ะ.... นุชกับมู่ แบบเดี่ยวๆ เลย
ยังไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องสั้นหรือยาวแค่ไหน เลยจั่วไว้ว่าเ็ป็นเรื่องสั้นไว้ก่อนค่ะ
ตอนจบแฮปปี้แน่นอนค่อ บอกไว้ก่อนจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเดา
แต่ก่อนจะไปถึงตอนนี้จบนั้น...อันนี้ไม่ทราบได้
ช่วงนี้ลาพักร้อนค่ะ...ฮี่ๆ เหมือนจะว่างเลยอะ
นาฬิกาทราย
“มึงๆ ลูกชิ้นๆ” พูดจบก็เดินตัวปลิว ตรงดิ่งไปร้านขายลูกชิ้นหมูเจ้าอร่อยในตลาดนัด ไม่สนใจว่าทิศทางการเดินจะซ้ายจะขวา หรือตรงไหน รู้แต่ว่า ถ้าอยากไปไหนก็บอก เดี๋ยวนุชพาไป ถ้าหลงก็โทรตามเดี๋ยวนุชตามหา ถ้าเมื่อยก็หยุดเพราะอยากได้อะไรเดี๋ยวนุชก็ตบหัวแต่ก็ไปหาซื้อมาให้
ได้ลูกชิ้นมาหลายไม้ จ่ายเงินเสร็จก็เดินไปดูนั่นดูนี่ เสื้อผ้าแขวนขายสีสันเจ็บๆ แต่เจ้าตัวไม่ชอบเนื้อผ้ามันไม่โดน ลายมันไม่ใช่ แต่สุดท้ายกลับได้เสื้อยืดสกรีนตัวหนังสือกวนๆ มาสองตัว
เดินไปอีกหน่อยเป็นแผงขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่มีอะไรน่าสนใจ เจ้าตัวเดินสวนผู้คนไปเรื่อยๆ มาหยุดที่ร้านขายเสื้อผ้าอีก กางเกงขาสั้นสองสามตัวดูดีไม่น้อย แต่เนื้อผ้ามันหยาบไปนิด เอาเป็นว่าใส่เล่นกับบ้านพอไหว ซื้อเอาไว้ ทั้งหมดจะเอาไว้ที่นี่ เผื่อมาคราวหน้าจะได้ไม่ต้องขนเสื้อผ้ามาด้วย
เดินต่อไปอีกหน่อย ลูกชิ้นหมดไปอีกหนึ่งไม้ เจอร้านขายน้ำแข็งใส สั่งแบบพิเศษเอาเครื่องเยอะๆ น้ำแข็งไม่ต้องมาก ราดด้วยน้ำหวานกลิ่นกล้วยหอมกับราชเบอรี่ นุชบอกว่ามันหอมดี นุชชอบแบบนี้ มู่รู้ และแน่นอนว่า พอหันไปว่าจะชวนใครอีกคนกิน ปรากฏว่า...
“ชะมด...มึงอยู่ไหน”
ชิบหายแล้ว พลัดกันจนได้!
ที่สำคัญ...นี่เดินมาถึงไหนแล้ว!
ข้าวของเยอะแยะ ทั้งที่คิดว่าไม่ได้ซื้ออะไรมากมายทำเอาตั้งพยายามรวบๆ มาถือด้วยมือเดียว เอาคล้องไว้กับแขนถ้วยน้ำแข็งใสวางอยู่บนมือ ลวงมือถือออกมายังไม่ทันกดโทรออกเบอร์แปลกๆ โทรเข้ามา...ว่าจะกดทิ้งแต่นึกขึ้นได้ว่า อาจจะเป็นชะมดน้อยตาหวาน เพราะไม่แน่ใจว่าเจ้านั่นมันเอามือถือมาหรือเปล่า
“ฮัล...” ยังไม่ทันจะโหล
“มึงอยู่ที่ไหน!”
“ร้านน้ำแข็งใส”
“มันมีร้านเดียวหรือไง ไอ้เวร!”
“เดี๋ยวกูเดินกลับไปหามึงก็ได้ มึงอยู่ตรงไหน” คนหลงทางบอก แต่คำที่ตอกกลับมาทำเอาอยากยัดหน้าอีกฝ่ายด้วยถ้วยน้ำแข็งใสในมือ
“บอกซ้ายขวาให้ถูกก่อนค่อยคิดจะตามหากู”
“มึงจะเอาไงกับกู! มือซ้ายของกูคือข้างที่ใส่ข้อมือห้อยแหวนที่เหี้ยตัวหนึ่งให้กูมา” คราวนี้มู่บอกไม่ผิดเพราะจำได้ขึ้นใจในวันที่อีกฝ่ายโยนของชิ้นหนึ่งลงหน้าตักบอกให้ใส่ไว้ที่มือซ้าย
แหวนวงเล็กๆ ที่ตอนแรกนึกว่าอีกฝ่ายไปหาซื้อมา แต่พอมาเห็นห้องเก็บของที่ท้ายบ้านแล้วถึงรู้ว่าที่มาของแหวนวงนี้มาจากไหน...
“มึงยืนอยู่ที่เดิมเลยนะ หน้าร้านน้ำแข็งใสใช่มั้ย?”
“กูหาที่นั่งก่อนได้ปะ เมื่อยอะ”
“ไอ้หมู!!!”
“เออๆ ยืนก็ยืน...มึงรีบมาเลย กูเมื่อย” ว่าแล้วก็วางสายจัดของในมือใหม่ ยืนนิ่งอยู่ข้างร้านขายน้ำแข็งใสมองนั่นมองนี่ไปเรื่อย ไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ คิดว่าแค่ว่าเดี๋ยวนุชก็หาเจอแล้ว ค่อยเดินใหม่
..................................................
...........................
..............
ถ้วยน้ำแข็งใสสองถ้วยวางอยู่ใกล้ๆ กัน มันถูกจัดจากไปหมดแล้ว เหลือแค่น้ำหวานที่ละลายบางส่วน ใกล้กันมีถุงพลาสติกที่มีไม้เสียงลูกชิ้นเปล่าๆ หลายอันว่างอยู่ มีเศษถุงของกินที่โดนจัดการแล้ววางสุมๆ กันอยู่ใกล้ๆ ด้วย ก่อนที่นาทีต่อมามันจะเพิ่ม แก้วน้ำพลาสติกมาอีกหนึ่ง
สายลมจากแม่น้ำบางปะกงพัดเข้าปะทะกับใบหน้า คนแก้มป่องพยายามจัดผมของตัวเองอยู่พักใหญ่ แต่ไม่ว่ายังไงมันก็ยุ่งเหยิงเพราะกระแสลมแรงนั้น เพราะอีกคนผมสั้นกว่าเลยไม่เจอปัญหาแบบนี้ สุดท้ายก็เลิกล้มการจัดผมให้เข้าทรง
ไม่มีใครพูดอะไร นุชเหม่อมองแม่น้ำสีทะมึนตรงหน้า สะท้อนแสงไฟ เท้าศอกกับเข่าที่ยกขึ้นมาไขว่ห้าง ปากคาบบุหรี่ไว้ ก่อนจะพ่นควันออกมา
มู่นั่งจิ้มโทรศัพท์เล่น มีเสียงแชะเบาๆ สองสามทีแต่นุชไม่ได้สนใจนักว่าอีกฝ่ายถ่ายรูปอะไร สักพักเสียงซวบซาบก็ดังขึ้น ข้าวของที่ซื้อมาถูกรื้ออกมาดูเอามาทาบกับตัวเองบ้าง คนที่นั่งอยู่ข้างๆ บ้าง ตามด้วยเสียงหัวเราะคิกๆ โดยที่คนที่นั่งสูบบุหรี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสาเหตุมันมาจากอะไร
ไม่นานบุหรี่ก็หมดมวน คนข้างกายก็เบื่อที่จะดูของแล้ว ดูเวลาที่ข้อมือก็เห็นว่ามันดึกพอสมควร พ่อตาหวานก็ลุกขึ้นรวบเอาขยะไปทิ้งลงถัง ปล่อยให้อีกคนเก็บของที่รื้ออกมา เมื่อเดินกลับมาถึงพอดีกับที่อีกฝ่ายรวบถึงไปถือเรียบร้อย
มู่เงยหน้าขึ้นมามองนุชที่ยืนอยู่ ก่อนจะเลิกคิ้ว กำลังจะลุกขึ้นยืนแต่อีกฝ่ายก้มลงมาหา...
....
....
ริมฝีปากแตะกันเบาๆ สายลมพัดผ่าน แต่สัมผัสนั้นไม่ได้หายไปด้วย
รอยยิ้มน้อยๆ แต่งแต้มที่ใบหน้าของแต่ละคน
ร่างสองร่างเดินเคียงกันไป ไม่ได้จับมือกัน แต่มือข้างซ้ายของมู่มีมือข้างขวาของนุชช่วยถือของโดยถือถุงพลาสติกคนละหู...
ข้อมือทั้งสองมีสายข้อมือหนังสีน้ำตาลเข้มเหมือนกัน...มีแหวนเงินห้อยติดเหมือนกัน...
.................
................
เป็นแหวนคู่...
เหมือนคนทั้งสอง...ที่คู่กัน
......................................
ยังต้องหวานอีกใช่มั้ยคะ?
เหมือนทำร้ายคู่นี้ไว้เยอะ ชดใชไม่หมดสักที กร้ากกกกก
นิมาสู้ๆ :mc3: :mc3: :mc3:
นาฬิกาทราย
ก็ไม่มีอะไรมากหรอกนะคะ อาจจะไม่ได้ใช้แต่เตรียมทิชชูไว้สักนิดก็ดีค่ะ ^^
บ้านหลังนี้อากาศดี ไม่ต้องเปิดแอร์เปิดพัดลมก็นอนได้สบาย เพราะต้นไม้เยอะ และอยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำ มู่นอนกลิ้งอยู่บนเตียง ก่อนจะค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงเพราะความง่วงนอน
ไม่นานก็ชักเคลิ้ม แต่ก็ยังไม่ได้หลับสนิทเลยรู้ว่าเตียงของตัวเองยวบลงเล็กน้อย รับรู้ถึงร่างของใครบางคนที่มานอนซ้อนกายอยู่จนแผ่นหลังของเขาแนบกับอกแกร่ง
มู่ไม่ได้ขยับกายหนีกลับดิ้นเล็กน้อยให้นอนสบายตัว อมยิ้มเมื่ออีกฝ่ายพาดแขนไว้ที่เอวของตนเองนิ่งๆ นิ่งจริงๆ ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น
ลมหายใจสม่ำเสมอ ขาข้างหนึ่งยกขึ้นมาก่ายกับขาของเขา กอดร่างของเขาไว้
ไม่นานมู่ก็ขยับพลิกกายหันหน้ามาทางคนที่นอนกอดตัวเองอยู่ อีกฝ่ายขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะดึงร่างบางให้เข้าไปซุกในอ้อมกอด
ฝ่ามือยกขึ้นแตะที่แผงอก เลื่อนขึ้นไปที่ลำคอและใบหน้านิ่งค้างไว้ตรงนั้นก่อนจะอมยิ้ม เมื่ออีกฝ่ายเอียงหน้าจูบที่อุ้งมือของเขา
“มึงนอนซะไม่งั้นมึงโดนแน่” มู่ขำเบาๆ ก่อนจะขยับกายเข้าไปชิดอีก ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ จูบที่ริมฝีปากอีกฝ่าย เม้มก่อนจะคลายออก
“ฝันดี”
“เงียบไปเลย ไม่งั้นมึงเจอผีผ้าห่ม” มู่ขำ ซุกกายในอ้อมกอดนั้น ปิดเปลือกตาลงฟังเสียงหัวใจของอีกฝ่ายเต้นเป็นจังหวะที่คล้ายกับของตัวเอง ก่อนจะหลับสนิทไปจริงๆ
...........................................................
.........................................
........................
........
...
ฝนฟ้าในประเทศไทยมันไม่แน่ไม่นอน ทั้งที่ตอนนี้มันฤดูร้อน แต่เวลานี้เขากลับได้ยินเสียงฟ้าร้องฟ้าคำราม สายลมพัดแรงและเสียงเม็ดฝนห่าใหญ่ที่เทลงมาราวกับฟ้ารั่ว
ความจริงแล้วมู่คงไม่ตื่นมาตอนนี้หรอก ฟ้ายังไม่ทันสางด้วยซ้ำ ตีห้า หรือกี่โมง ไม่รู้ ที่รู้สึกตัวมาไม่ใช่เพราะเสียงฝนตกด้วย แต่เป็นเพราะ
“อ่ะ...อาส์....” ร่างบางแอ่นกาย เสียงในลำคอถูกกลบด้วยเสียงภายนอกเสียหมด เขาดิ้นพล่านราวกับโดนของร้อน แต่ความจริงแล้วเป็นเพราะสัมผัสที่เกิดจากอีกคนหนึ่งต่างหาก
เรือนกายของเขาถูกปลุกเร้าอย่างหนัก สุดยอดปลายถูกลิ้นอุ่นโลมเลีย พยายามจะถดกายหนีความหวามซ่านนั้นแต่ก็ไม่ทำกลับหยัดกายรับการปรนเปรอนั้นจนสุดจะกลั้น
“อื้อๆ ...พอแล้ว อึ๊...อื้ออออ” ร่างกายกระตุกค้าง เกร็ง ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนลงและนอนราบกับเตียง เม็ดเหงื่อซึมตามขมับ ดวงตาปรีปรือมองร่างที่คร่อมอยู่เหนือร่างตนเอง อมยิ้มน้อยๆ ทั้งที่หอบหายใจแทบไม่ทันแต่ก็ยังยกแขนทั้งสองข้างอ้ารับคนที่ก้มลงไปหา
“ลักหลับเหรอ”
“เปล่า” เสียงสั่นพร่าตอบข้างหูพร้อมกับซุกไซร้ริมฝีปากกับซอกคอขาวนั้น
เสื้อยืดของมู่ถูกรั้งขึ้นจนแทบถึงคอ ยอดอกแข็งชันถูกริมฝีปากอุ่นครอบครองเอาไว้ ปลายลิ้นตวัดรัวจนต้องแอ่นอกรับ สอดนิ้วจิกเส้นผมสั้นกดศีรษะของนุชให้แนบลงมาอีก
“ตรงนี้พอเถอะ...นะ ใจจะขาด” ใช่แล้วมู่ใจจะขาดให้ได้เพิ่งถึงสุดฝั่งไปเพราะปากของอีกฝ่าย ตอนนี้ปากนั้นก็ทำเอาเขาต้องบิดเร่าๆ อีกแล้ว แต่นุชไม่ได้ใจดีขนาดนั้น ยอดอกอีกข้างมันล่อตาล่อใจเขามากเกินไป ที่สำคัญเห็นอีกฝ่ายแทบแหลกสลายไปตรงนี้ยิ่งชอบใจมันเร้าจนทนไม่ไหว
เสียงครางสั่นเหมือนจะขาดใจเดียวนั้นเมื่อยอดอกถูกขบเม้ม ใช้ฟันครูดเบา จนขนลุกไปทั้งร่าง... ไอ้ที่ว่าเพิ่งจะเสร็จ ตอนนี้อยากจะเสร็จอีกสักรอบ
สองขาเกี่ยวรอบเอวของอีกฝ่ายรั้งให้คนรักขยับกายขึ้นมาเพื่อแลกจูบ ปลายลิ้นเกี่ยวพันกันอย่างดุเดือด ไม่ต่างกับที่สะโพกของทั้งสองที่แนบสนิทกันกำลังขยับเสียดสี
ทั้งสองร่างโรมรันกัน เปลี่ยนให้ร่างบางมาเป็นฝ่ายขึ้นนั่งทับบนเรือนกาย ขยับสะโพกเบียดเข้ามาจนอยากจะกระแทกอีกฝ่ายให้ร้องครางไม่หยุด แต่พอเห็นอีกฝ่ายกำลังมีความสุขกับกายขยับโยกกายยั่วเย้าให้เขาอารมณ์กระเจิงมากขึ้นอีกก็ไม่อยากขัด
ซองสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ร่างบางเอื้อมไปหยิบมาจากที่วางข้างเตียง มุมของมันถูกริมฝีปากกัดเอาไว้ ก่อนที่จะใช้มือข้างหนึ่งฉีกมันออก โดยที่มืออีกข้างไม่ยอมละออกจากกายขืนแข็งของเขา
มันถูกสวมใส่ด้วยมือบางอย่างรวดเร็ว เขาประคองสะโพกสวยของอีกฝ่ายไว้เมื่อร่างบางค่อยลดกายลงมา แสงแปลบปลาบจากด้านนอกทำให้เขาเห็นใบหน้าเหยเกของคนรัก เจอมาหลายครั้งก็คงยังไม่ชินสินะ
กว่าจะแทรกเข้าไปได้ก็ทำให้คนข้างบนหอบน้อยๆ ต้องก้มลงมาขอกำลังใจเป็นจูบหวานหนึ่งที นุชไม่ขัดใจอะไรทั้งนั้น เขาชอบมองมู่ที่อยู่ข้างบนแบบนี้ เมื่อร่างบางที่ค่อยๆ ขยับกายโยก เมื่อริมฝีปากที่แดงเจ๋อเม้มเข้าหากัน มองใบหน้านั้นสะบัดเพราะความเสียวซ่านของจังหวะที่ตัวเองเป็นคนเร่งเอง...
“นุช...อื้อออออ นุช” เสียงร้องเรียกดังกระเส่า สั่นสะท้านจนอยากจัดหนัก แต่เหมือนร่างบางนั้นจะจัดให้ตัวเองแล้ว สองแขนเท้าลงมาที่หน้าท้องแข็งแรง สะโพกขยับถี่ๆ ไม่หนักนักแต่ก็ทำเอาเสียวซ่านทั้งสองคน
นุชจับสะโพกงามนั้นไว้ขยับเอวสวนขึ้นมาทำเอาร่างบางผวาเฮือก ร้องไม่ออกตอดรัดจนปวดไปหมดนิ่งเกร็งอยู่ตรงนั้น เขาจึงทำซ้ำอีกสองสามครั้ง ร่างบางก็สะท้าน ก่อนจะปลดปล่อยออกมา ทรุดกายทาบทับกับอกคนรัก
“นิสัยนะมึง”
“กูรู้ว่ามึงชอบ” นุชตอบขยับสะโพกเบาๆ ค่อยพลิกให้คนรักเป็นฝ่ายนอนอยู่ด้านล่าง จับสองขาแยกออกให้กว้างกว่าเดิม ขยับหมุนเอวช้าๆ
ร่างบางขยับไปตามจังหวะที่เริ่มกระแทกเข้ามา ปรือตามองร่างของคนรัก สองมือยกขึ้นจับไหล่หนาก่อนจะเพยอริมฝีปากน้อยๆ ส่งเสียงที่อยู่ในลำคออกมา จังหวะเสียดสีเข้าออกนั้นทำให้ร่างกายของเขาตอบสนองการเรียกร้องนั้นอีกแล้ว แต่เขาแทบไม่มีแรงทำอะไรนอกจากนอนรองรับความเสียวซ่านนั้นไว้
ดูเหมือนนุชจะเข้าใจ ไม่เร่งรีบเอาแต่ใจ แต่กลับกระตุ้นจนร่างบางดิ้นพล่านอีกครั้ง หยัดสะโพก แอ่นหรับทุกจังหวะหนักเบา รัวเร็ว ยิ่งเมื่อด้านหน้าของตัวเองโดนคนที่กำลังกดกระแทกกอบกุมไว้ด้วยมืออีกข้างทำเอาร้องไห้ออกมาเพราะความซาบซ่านที่ปั่นป่วนไปทั่วร่าง
ไอ้คนใจร้าย...กำลังจะทำให้เขาขาดใจตายเพราะสัมผัสพวกนี้...
มู่สะบัดหน้าไปมา ร่างกายเริ่มเกร็งอีกครั้ง พร้อมกับที่คนด้านบนเริ่มเร่งเร้าจังหวะหนักเร็วขึ้นอีก เสียงครางระงมแข่งกับสายฝนจนไม่รู้ของใครเป็นของใครบ่งบอกถึงอารมณ์ที่กำลังพุ่งขึ้นสูงจนยั้งไม่อยู่
เป็นอีกครั้งที่ในหัวขาวโพลน ร่างบางหมดแรงนอนหอบหายใจสะอึกน้อยๆ เมื่ออีกฝ่ายถอนหายออกไป ไม่นานร่างของคนรักก็ขยับเข้ามานอนตะกองกอดตัวเองไว้
“ให้พาไปห้องน้ำมั้ย” เสียงพร่านั้นเบาอยู่ข้างหู
ไม่ใช่ว่านุชจะใจดีเฉพาะตอนแบบนี้หรอกนะ แต่อีกฝ่ายเป็นห่วงเขาจริงๆ ทุกครั้งมีคำถามแบบนี้เสมอ...ไม่ก็...
“ไหวนะ”
“รู้ว่ากูหมดแรงอย่างนี้แล้วยังจะทำขนาดนั้น”
“ใครบอกมึงเซ็กส์” แค่นั้นแหละมู่ก็ไม่อยากจะเถียงแล้ว ไม่ใช่อะไรเพราะนุชมักทำให้เขายิ้มน้อยๆ ทุกครั้งด้วยการจูบซับเบาๆ ตามใบหน้า ปลายจมูก ริมฝีปาก
ไม่มีคำพูดหวานๆ ไม่มีคำเอ่ยเอาใจ จะมีก็แต่เพียงสัมผัสที่แสดงออกถึงความรักที่มีให้เท่านั้น...
แค่...เท่านั้น...
แต่กลับเติมเต็มทุกอณู
..............................................
.....................................
..........................
.............
....
นาฬิกาทราย
กว่าที่ทั้งนุชและมู่จะได้เดินทางออกจากบ้านก็เล่นเอาหูชากันไปคนละข้าง เมื่อแม่ๆ ต่างพากันบ่นเรื่องที่นุชอาจหาญจะเอามอเตอร์ไซค์ดัดแปลงที่ทำเองกับมือเข้ากรุงเทพ แม้ว่าจะจดทะเบียนอะไรเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่วายโดยแม่แม่บ่น
มอตอร์ไซค์ปี70 ที่นุชทำเอาเครื่องเก่ามาโมใหม่ปรับแต่งเสียจนใครเห็นก็อิจฉาพ่นสีได้สวยสุดยอด ไหนจะเครื่องที่ทำออกมาได้คลาสสิกไม่รกถนนอย่างพวกเด็กแว้น มู่เองก็ชอบอยากจะลองขี่สักครั้งแต่ก็เจอไปประโยคเดียวว่า...
มึงปั่นจักรยานคล่องหรือยัง ถ้ายังก็ฝันรอไปก่อน
น่ารักมั้ย...ปากชะมดน้อยน่ะ
นุชขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เร็วนัก เขาขี่แบบเรื่อยๆ มากกว่า หมวกกันน็อกสีเลือดนกแบบครึ่งศีรษะเพ้นลายกราฟิกสีดำ ลายเดียวกับหมวกกันน็อคของมู่แต่ต่างกันที่ของมู่สีเหลืองอ่อนลายเพ้นสีน้ำตาลเข้ม ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อแต่เจ้ารถปี70 พ่อชะมดตาหวานทำสีชมพูหวานกว่าหน้าตัวเองเสียอีก
รสนิยม...ประหลาด
มู่ชวนนุชคุยตลอดทาง เขาชี้มือชี้ไม้กับพวกแพงลอยตามทาง บางทีนุชก็แวะให้บ้าง แต่ส่วนมากจะไม่แวะ เพราะมู่มันแค่อยากเห็นตามประสาคนชอบเลือกของ แต่ไม่ซื้อ
เพราะออกมาบ่ายแก่แล้ว ตอนนี้ก็เย็นเลยไม่จำเป็นต้องเร่งรีบไปไหน แม้จะอีกไกลกว่าจะถึงกรุงเทพ แต่ทั้งนุชและมู่ก็คุยกันสนุกไปตลอดทาง
“มึง...กูอยากขี่มั้งอะ นะ” นี่คือครั้งที่ร้อยพอดิบพอดีที่มู่ร้องขอ และคำตอบก็คือ
“ไปหัดปั่นจักรยานให้คล่อง”
“ไอ้งก” นุชส่ายหน้า
“กูไม่ได้กลัวมึงจะขี่ไม่ได้ แต่กูกลัวมึงจะเอาไปล้ม”
“เป็นห่วงกูล่ะซี่...ใช่ม้า” ไม่พูดเปล่ากอดเอวอีกฝ่ายไว้แน่น ข้อหาเป็นห่วงแฟนแต่ไม่แสดงออก
“กูกลัวลูกกูจะพัง” ไอ้... ไม่ไหวจะสรรหาคำมาด่า มู่ลี่เลยได้แต่ตบไปที่หมวกกันน็อคของอีกฝ่ายแรงๆ
“อู้ยยยย” แล้วก็ร้องเจ็บเสียเอง...
“ควาย... สมน้ำหน้า”
......
รถมอเตอร์ไซค์หวานแหววจอดหน้าร้านขายอาหารข้างทาง อีกไม่กี่กิโลก็จะเข้ากรุงเทพแล้ว ทั้งสองบ่นหิวเลยแวะหาอะไรทาน เพราะคิดว่ากว่าจะถึงบ้านคงอีกเป็นชั่วโมง เนื่องจากทั้งสองขี่ชมวิวไม่รีบ
“คะน้าหมูกรอบไข่ดาวไม่สุกมากครับ” มู่ร้องสั่ง
“หมูทอดกระเทียมพิเศษครับ” นุชสั่ง โค้กหนึ่งขวดถูกเปิดมาบริการตามคำสั่งก่อนหน้า แต่นุชไม่ได้สนใจเขาเปิดน้ำเปล่าเทใส่แก้วของตัวเองและอีกฝ่าย ก่อนจะเอาหลอดเสียบในขวดโค้กนั่น
“ตั้งชื่อลูกของมึงกันเถอะ”
“ไม่ล่ะ”
“ทำไมล่ะมึง เจ๋งดีออก”
“ปัญญาอ่อน” โคตรน่ารักเลยว่ามั้ย แฟนของเขาน่ะ
“ชื่อหวานเย็นดีมะ สีมันเหมือนนมเย็น” มู่เอ่ยแล้วหัวเราะคิกคัก ข้าวหมูกระเทียมมาเสิร์ฟแล้ว นุชดันมันมาวางไว้ตรงหน้าของมู่ ก่อนจะยกน้ำเปล่าของตัวเองขึ้นดื่ม
“ไม่เอาหวานตาไปเลยล่ะ สะบึ้มดี”
“บึ้มกลางหัวมึงสิ พ่องเอ้ย!” เอื้อมมือไปผลักหัวอีกฝ่าย ตักพริกน้ำปลาราดข้าวของตัวเอง มองอีกฝ่ายตาเขียว เด็กเสิร์ฟยกข้าคะน้าหมูกรอบไข่ดาวมาวาง ตอนแรกงงเล็กน้อยเพราะคนที่สั่งกำลังกินจานที่อีกคนสั่ง แต่พอนุชพยักหน้ารับก็เป็นอันเข้าใจ
ต่างฝ่ายต่างสั่งของที่อีกคนชอบ?
“มึงอยากได้ยัยชะนีตูดบานนั่นใช่มะ” นั่นๆ มาแล้วๆ
“กูก็กวนตีนมึงไปอย่างนั้นแหละ” นุชตักข้าวใส่ปาก พยายามไม่สนใจคนที่นั่งกินข้าวพร้อมกับส่งสายตาหงุดหงิดให้เขาเป็นระยะ
อาหารไม่ถูกปากเท่าไหร่ แต่ก็ไม่รู้จะเติมน้ำปลาพริกแค่ไหน หรือต้องราดที่ไข่? คือไม่ได้จะโง่นะ แต่กะไม่เป็น เหมือนก๋วยเตี๋ยวถ้าปรุงไปครั้งหนึ่งไม่ถูกใจจะกลายเป็นว่านุชต้องเติมนั้นเติมนี่จนอิ่มไปเองนั่นแหละ
“มึงอย่าให้กูรู้นะว่ามึงมีลับลมคมในกับใคร กูเอามึงตายแน่” ปากข่มขู่ แต่มือตักพริกน้ำปลาติดปลายช้อนนิดหน่อยราดที่ไข่ดาว ก่อนจะเอื้อมไปตักอาหารของอีกฝ่ายมาชิมเลยเติมน้ำปลาให้อีกหน่อย
“สองปีนี่มึงไปเอาใครมาบ้าง กูจะตามไปถล่มให้จมเลย”
“กูจะมีใคร วันๆ ก็เห็นอยู่” นุชตอบ ก็เขาไม่มีใครจริงๆ นี่
“กูเห็นเด็กคณะอื่นวิ่งตามมึงให้ควัก” ยังไม่จบๆ ไม่มีทางจบ
“กูก็เลี่ยงแล้วไง” นุชตอบ
“กู...” ก่อนจะได้เอ่ยอะไรอีก นุชตักข้าวมาจ่อปากอีกฝ่ายจะชิด จำเป็นต้องอ้าปากรับไปเคี้ยว รู้เลยว่าอีกฝ่ายตัดรำคาญแต่บ่นอะไรไม่ได้
“พูดมากเดี๋ยวปากห้อยนะมึง”
สันดานมั้ยล่ะ!
ทั้งสองทานจนอิ่มแล้วเดินมาที่มอเตอร์ไซค์นุชขึ้นคร่อมมันสวมหมวกของตัวเอง หันมาอีกทีมู่ยังวุ่นวายอยู่กับการรัดสายใต้คางอยู่ เขาเอื้อมไปจัดการให้อย่างรวดเร็วแล้วหันมาสตาร์ทรถ
“แค่สวมหมวกยังผิดๆ ถูกๆ เลย” นุชว่า มู่ที่กำลังขึ้นซ้อนท้ายทุบอักเข้าที่ไหล่
“อย่ามาว่ากู ตกลงลูกมึงชื่ออะไร”
“ไม่ตั้ง”
“กูจะตั้ง” แล้วจากนั้นตลอดทางจนถึงบ้านทั้งสองก็เถียงกันเรื่องชื่อรถของนุช แน่นอนว่าไม่ว่ายังไงมู่ก็จะตั้งชื่อมัน เหมือนที่เขาตั้งชื่อบรรดาของใช้ของตัวเอง
ไอแพด ไอโฟน ไอพอด โน้ตบุค กระเป๋า ยันแปลงสีฟัน ไอ้มู่ตั้งชื่อหมดและตอนนี้ก็เริ่มลุกลามมาถึงของของนุชแล้วด้วย
“เดี๋ยวกูนั่งคิดให้นะ รับรองเริ่ด” มู่เอ่ยเมื่อมอเตอร์ไซค์สีหวานมาจอดที่หน้าบ้านของตัวเองในเวลามืดค่ำมากแล้ว
“มึงเอาเวลาไปเตรียมตัวฝึกงานดีกว่าไป ลูกกูมันเท่ห์ของมันอยู่ละไม่ต้องเสือก”
“ลูกของมึง? ถ้างั้นมันจะไม่ใช่ลูกของกูได้ยังไง กูมีสิทธ์ครึ่งนึง” โมเมเห็นๆ
ไอ้นุชอยากตาย!
ถ้าให้มู่ลี่ตั้งชื่อให้มอเตอร์ไซค์ของเขานะ รับรองงานนี้มีอายไปตลอดชาติ ไม่หรอก ต่อให้ตั้งชื่อโคตรแมนยังไงนุชก็ไม่เอา เขาไม่ได้จะจ๊ะจ๋าอะไรขนาดนั้น
“มึงไม่ยักบอกว่าอยากมีลูกกับกู”
“ความจริงประจำเดือนกูไม่มาเดือนกว่าๆละ”
“เพิ่งกลับมาเอากันไม่ถึงอาทิตย์ มึงท้องเป็นเดือน นี่ท้องกับใครแล้วมายัดให้กูเนี่ย”
“สงสัยราฟาเอล นาดาล ช่วงนี้ฮ๊อตละเกิน”
“ชอบของนอกไม่บอก” ต่อมุกกันไปต่อมุกกันมา กลายเป็นว่าต่างคนต่างกลั้นขำกันเอาไว้สุดกู่ จนแล้วจนรอดก็เอาแต่โม้กันไปคนละเรื่องละราว แต่อย่างนี้ดีแล้วล่ะ เพราะมู่ลี่มันจะได้ลืมว่าต้องตั้งชื่อให้ลูกของเขา
“กูกลับหอแล้ว พรุ่งนี้ต้องเตรียมตัวอีก”
“กูไปหาได้ปะ?” นุชเปิดกุญแจมอเตอร์ไซค์หันมามองหน้าคนถามแล้วก็ถอนหายใจ
“มึงจะถามทำไมในเมื่อคำตอบมึงมีในใจแล้ว” มู่ลี่หัวเราะขำ มองซ้ายมองขวาไม่เห็นมีใครก็เลยก้มลงไปกดปลายจมูกกับแก้มของอีกฝ่าย
นุชหันมายิ้มเอื้อมมือไปรั้งต้นคอของร่างบางให้ก้มลงมาอีก คราวนี้จูบกันเบาๆ ที่ริมฝีปาก ก่อนจะผละออกจากกัน
“กูดีใจนะที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้” นุชยิ้มและพยักหน้า สวมหมวกกันน็อค
“เราต้องเจออะไรอีกเยอะ” เขาพูด ชีวิตนี้ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ เสมอไปหรอก ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม สำหรับนุชต้องพยายาม และพยายาม...
“อือ...” นุชสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ แต่พอจะขี่ออกไปมู่ก็มารั้งเสื้อเอาไว้
“อะไร?” อีกฝ่ายไม่ตอบมองซ้ายมองขวา มองหน้าคนรักทำปากยู่อย่างที่ชอบทำเป็นนิสัย นุชเลยมองตามก็ไม่เห็นมีอะไรเลยขมวดคิ้ว
“อีกทีได้ปะ?”
ดูทำ!
นุชสะอึกหัวเราะ ก่อนจะมองอีกฝ่ายด้วยแววตาเจ้าชู้กรุ่มกริมพร้อมกับยิ้มหวานได้ใจ ขยับยืดตัวเข้าไปใกล้แล้วรั้งให้อีกฝ่ายเข้ามาหา
ริมฝีปากแตะกันเบาๆ เย้ายวนกันหน่อยๆ ให้ชุ่มชื่นหัวใจนิดๆ ก่อนจะถอยห่างออกมา สองนิ้วหยิกแก้มยุ้ยๆ นั้นแยกเขี้ยวอยากจะกัดให้จมเลย
“เจ็บอะ”
“เข้าบ้านไป”
“มึงกลับไปก่อนดิ” นุชยิ้ม เข้าเกียร์โบกมือให้อีกฝ่ายง่ายๆ แล้วบิดคันเร่งออกไป
ร่างบางยืนมองแผ่นหลังของคนรักพร้อมรอยยิ้ม จนหายลับไปกับตา หมุนตัวเข้าไปในบ้าน ปิดเทอมนี้ต้องเหนื่อยกับฝึกงาน แต่ไม่เป็นไร...เพราะ...
ได้แฟนสุดที่รักกลับมาอยู่ข้างกันแถมด้วยหมวกกันน็อคประจำตำแหน่งมาอีกหนึ่ง
ว่าแต่..เขาลืมอะไรไปนะ????
เอ่อ...ใช่!
“แม่ครับ! ตั้งชื่อหลานของแม่ให้หน่อยสิครับ ผมมีลูกแล้วนะ!”
ไม่ได้นึกเลยว่าคุณแม่ที่นั่งจิบน้ำส้มอยู่ได้ยินจะสำลักหรือเปล่า...
เฮ่ออออ... ไอ้บู้บี้ของชะมดน้อย!
จบ
จบแล้วค้าาาา ไม่มีต่อแล้วน้าาาาา ถ้าอยากให้ต่อก้ได้นะคะ แต่เป็นหน่วงแบบก่อนหน้า เอาปะ ๆ ๆ ๆ ๆ
นำเสนอมากเลยยยยย ขอบคุณที่อ่านจนมาถึงตรงนี้นะคะ
ไม่รู้จะพูดยังไงดี... รู้สึกดีทุกครั้งเลนที่มีคนอ่านมาเม้นต์ให้ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย แต่มีกำลังใจมากๆ เลย
ไม่รู้จะพูดอะไรดี...มีความสุขมากๆ นะคะ
เจอกันเรื่องหน้าค่ะ (ถ้ามีโอกาส อิอิ)