ขอโทษนะครับที่มาต่อให้ช้า
ตอนนี้ทุกอย่างลงตัวแร้วววววววววววว ดีใจมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ทั้งเรื่องงานเรื่องเรียน
เกรดเทอมที่แล้วก็ออกมาดีมาก ๆ จนน่าตกใจ ทีนี่ก็ต้องมุ่งมั่นกับการปั่นวิทยานิพนธ์ให้เสร็จภายในอีกหนึ่งเทอม เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคร้าบบบบบบบ
+++++++++++++
หลังจากนั้นผมก็ออกจะบ้านไอ้แป๋มเพื่อจะกลับหอ พอถึงหน้าหอพักก็เจอกัสนั่งรออยู่ก่อนแล้ว คิดอยู่แล้วว่าต้องเจอกัสที่นี่ เพราะตลอดทางกัสได้โทรหาผมตลอด พอกัสเห็นผมก็รีบวิ่งเข้ามาหาทันที
“บิว ๆ หายไปไหนมา
แล้วทำไมไม่รับสายกัส
แล้ว..แล้ว นี่ทำไมรีบออกจากบ้านมา..
.แล้วทำไมไม่บอกกัสก่อนหละ”
กัสละล่ำละลักถามผมด้วยหน้าตาตื่น ผมเห็นแล้วเกือบจะใจอ่อน แต่ไม่ได้หรอก ผมตัดสินใจแล้ว จึงไม่ตอบคำถามกัสใด ๆ ทั้งสิ้น และเลี่ยงเดินขึ้นห้องไป โดยมีกัสเดินตามมาติด ๆ
พอขึ้นมาถึงห้อง กัสก็ยังตามเข้ามาถามผมด้วยความเป็นห่วง ผมเข้าใจความรู้สึกกัสดีว่าคงเป็นห่วงผมจริง ๆ
“บิว ๆ บิวเป็นอะไรไป แล้วนี้หายไปไหนมาหรอ แล้วทำไมไม่รับสายกัส แล้ว...”
“เราเลิกกันเถอะ” ผมสวนแทรกกลับไป ก่อนที่กัสจะถามผมต่อ
“..........................................บะ...บิว” กัสครางออกมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“เรา เลิก กัน เถอะ” ผมเน้นทีละคำเพื่อตอกย้ำให้กัสได้ยินชัด ๆ อีกครั้ง
“ทะ...ทำไม...ไม่จะ...จริงใช่ไหม”เสียงสั่น ๆ พร้อมกับสีหน้าของกัสทำให้ผมต้องหันหลังให้เพราะเกรงว่าจะร้องไห้ออกมา รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่คออยู่ในขณะนี้
ตอนนี้กัสเงียบไปแล้ว ได้ยินแต่เสียงสะอื้นเบา ๆ ของกัสพร้อมกับเสียงครางเบา ๆ ว่าไม่จริง ๆ ซ้ำไปซ้ำมา ผมอยากจะหันกลับไปขอโทษใจจะขาด แต่ถ้าผมทำอย่างนั้น เรื่องก็คงไม่จบสักที ต้องใจแข็ง ผมต้องใจแข็งให้ได้
“เพราะนายพัดนั่นใช่ไหมที่ทำให้บิวเปลี่ยนไป” คำถามที่กัสถามผม ทำเอาผมตกใจ คิดไม่ถึงว่ากัสจะคิดว่าสาเหตุที่ผมเลิกกับเขาเพราะพัด แต่ในเมื่อกัสเขาเอ่ยมาอย่างนี้แล้ว ผมก็เลยตามน้ำไปเลย อย่างน้อยมันก็ทำให้เขาคิดว่าผมเป็นคนที่แย่ ๆ ดีกว่าที่จะให้กัสเขาโทษตัวเองว่าเป็นความผิดขอบเขา
“ใช่แล้ว บิวชอบพัด เราเลิกกันเถอะ อย่างน้อย ๆ จุดเริ่มต้นของเรามันก็ไม่ได้เกิดจากความรักไม่ใช่หรอ แค่นี้คงไม่ทำให้กัสตายหรอก จริงไหม” ผมพูดได้แค่นั้น น้ำตาผมก็ไหลออกมาแบบสุดจะกลั้น ผมพยายามกลั้นเสียงสะอื้นไว้สุดฤทธิ์ และจะไม่ยอมให้กัสเห็นน้ำตาของผมเด็ดขาด
“บิวคิดอย่างนั้นหรอ.............โธ่เว้ยยยยยยยยยยยยย!” กัสระเบิดอารมณ์ออกมาพร้อมกับหยิบของใกล้ตัวอะไรสักอย่างปาลงพื้นอย่างแรง คงจะเป็นแจกันแถว ๆ นั้น ทำเอาผมต้องย่นคอเพราะความกลัว แต่ก็ยังไม่กล้าหันไปเผชิญหน้ากับกัสอยู่ดี
“บิวจำเอาไว้นะ บิวเป็นของกัสแล้ว กัสจะไม่ยอมให้ใครได้บิวไปหรอก บิวจำเอาไว้นะ” แล้วกัสก็กระแทกกระทั้นออกจากห้องไป
จนผมมั่นใจกัสออกจากห้องผมไปแล้ว ผมจึงไม่กลั้นอะไรอีกแล้ว ปล่อยทั้งน้ำตา ปล่อยทั้งเสียงร้องไห้ออกมาแบบไม่กลัวว่าใครจะได้ยิน ผมอยากจะวิ่งตามกัสไปขอโทษพร้อมกับบอกรักเขาใจจะขาด ตอนนี้สิ่งที่ผมกลัวก็คือคำพูดสุดท้ายที่กัสพูดทิ้งท้ายเอาไว้ ผมไม่รู้ว่ากัสจะทำอะไรแผลง ๆ หรือเปล่า
“กัส บิวขอโทษ ๆๆๆ” ผมพูดซ้ำไปซ้ำมา แต่ถึงแม้ว่าพูดออกมาดังขนาดไหน กัสก็คงไม่ได้ยินอีกแล้ว
ตอนนี้ในสายตาของกัส ผมคงเป็นคนเลวไปแล้ว
หลังจากนั่งสงบสติอารมณ์สักพักใหญ่ ก็ลุกขึ้นมาเก็บเศษกระเบื้องที่กัสปาลงพื้นเมื่อกี้นี้ ระหว่างที่เก็บอยู่นั้น ความคิด ๆ หนึ่งก็แว๊บขึ้นมาในสมอง ผมค่อย ๆ หยิบเศษแจกันขึ้นมาชิ้นหนึ่งและมองมันพร้อมตัดสินใจบางอย่าง
ผมค่อย ๆ กดเศษกระเบื้องแจกันลงบนข้อมือช้า ๆ ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกเจ็บหลังจากเศษกระเบื้องสัมผัสลงผิวหนัง แต่หลังจากนั้นความเจ็บก็เปลี่ยนมาเป็นความชา น้ำสีแดงค่อย ๆ ไหลซืมออกมาจากผิวหนัง พร้อมกับน้ำตาของผมที่ไหลออกมาด้วยความเสียใจเหมือนกัน
เสียใจที่ไม่มีใครรัก
เสียใจที่รักใครไม่ได้
เสียใจทีเกิดมาเป็นแบบนี้
และเสียใจ...ที่ไม่มีสิทธิ์รักใคร
ผมนั่งร้องไห้ค่อย ๆ มองเลือดไหลออกมาจากรอยกรีดอย่างช้า ๆ เลื่อดสีแดงสดไหลนองเต็มพื้น แต่ผมยังรู้สึกว่ามันช้าไป เลยค่อย ๆ กรีดเพิ่มอีกหนึ่งรอยเหนือรอยเก่า เลื่อดที่ไหนออกมาเยอะจนผมอดคิดไม่ได้ว่าถ้าออกมาหมดตัว มันคงท่วมห้องแน่ ๆ ทำให้ผมรู้สึกหน้ามืด อาจจะเป็นเพราะอาการเสียเลือดก็เป็นได้ ความรู้สึกและภาพตรงหน้า ค่อย ๆ พร่าเลือนและดับมืดลงในที่สุด
ลาก่อนนะกัส
ลาก่อนนะแป๋ม
ลาก่อนนะไอ้ฟิล์ม
ลาก่อน..................