Friend's brother Brother's friend 13
[NET's talk]
วันนี้เป็นวันพุธแรกของการสอบผมเดินออกจากห้องสอบด้วยอาการมึนสุดๆ ข้อสอบมี 5 ข้อ ให้เวลาทำ 3 ชั่วโมง พระเจ้าเหอะครับ ผมเขียนได้ 3 ตกชั่วโมงละข้อนี่ไอ้โชติบอกว่าเมพขริงๆแล้ว ไม่รู้แม่งจะหินไปไหน ตอนออกข้อสอบนี่อาจารย์ท่านขี้ไม่ออกหรือยังไงถึงได้มาลงกับนิสิตตาดำๆไม่เกรงใจกันเลยแบบนี้
"มึงจำทะเบียนรถอาจารย์วันชัยได้ไหม กูจะไปกรีดแม่ง"
"ไอ้เฟิร์น ใจเย็น" ผมหันไปตอบสตรีนางเดียวในกลุ่มที่หงุดหงิดงุ่นง่านตั้งแต่เห็นหน้าตาข้อสอบจนปัจจุบัน มันหันมองผมตาเขียวปั้ดโทษฐานที่ไปขัดอารมณ์มัน
"ใช่สิ มึงทำได้หนิ เห็นแม่งเขียนยิกๆ กูนี่จะนั่งวาดรูปควายให้มันอยู่แล้ว สันดาน ออกข้อสอบไม่ตรงกับที่นักเรียนอ่าน"
อีนี่พาลฉิบหาย ไอ้โชติหันมายักคิ้วเชิงว่า 'ไงล่ะมึง' ให้ผมทีนึง พอเห็นว่าไม่มีประโยชน์จะต่อล้อต่อเถียง ผมเลยเงียบเสียงแต่กระนั้นคนพาลย่อมเป็นคนพาล ไอ้เฟิร์นอารมณ์ไม่ดีฉันใด ไอ้เน็ตผู้ตกเป็นเบี้ยล่างก็ยังคงซวยอยู่ฉันนั้น ช้างตกมันต้องการจะที่ลง ผมเลยกลายเป็นกระโถนชั้นดีให้ชีแขวะเล่นให้สาแก่ใจมัน
"แล้วนี่ผัวมึงไปไหน นึกว่าจะรอรับหลังสอบกูจะได้อานิสงค์แดกฟรีด้วยแม่งก็หายหัว"
"กูบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน มึงเลิกจิ้นได้แล้ว ไม่อยากมีผัวหรือไงถึงได้ยุผู้ชายให้ได้กันเอง"
"ถ้าได้ผัวแบบพี่บีมนี่กูเอานะ แต่อย่างมึงเอาไปก็ไร้บอย เย็xผู้หญิงเป็นปะเหอะ"
โห แรง! ผมหันมองมันขวับ เรื่องนี้ฆ่าได้หยามไม่ได้ครับ "จะลองกับกูปะล่ะ"
"เหออ กูไม่ใช่เลสเบี้ยน"
"เฮ้ย พอเลยพวกมึง ออกจากห้องสอบก็ปวดกบาลฉิบหาย มึงจะกัดกันหาหาพ่อเธอหรือครับ?"
ไอ้โชติคงรำคาญจริงๆมันเลยออกโรง ไอ้เฟิร์นทำหน้าไม่สบอารมณ์แต่สุดท้ายก็ยอมเงียบเสียงไม่เหวี่ยงพาลใส่ผมต่อ
"แล้วเอาไง ไปหาอะไรแดกแล้วอ่านต่อหรือจะกลับไปนอนก่อนค่อยออกมาเย็นๆ" ไอ้โก้นี่ก็ของกินตลอด มันหันมาถามเพื่อนคนอื่นๆที่ลงมติว่าขอกลับไปนอนสงบจิตสงบใจสักพัก พวกนี้มันอยู่หอกันหมดยกเว้นไอ้โชติที่อยู่บ้าน สักแปดชาติมันจะยืมรถป๊ามาได้ดังนั้นช่วงสอบมันเลยทำตัวเป็นสัมพะเวสีมานอนกับผมที่หอสบายแฮ ดีเนอะ บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อ
"เออ แต่จะว่าแปลกมันก็แปลกนะ วันนี้เฮียไปไหนวะ"
"ทำงานทำการบ้างสิวะ ไม่ใช่ปรสิตที่ต้องใช้กูเป็นที่พึ่งในการดำรงชีวิต"
"อ้าว นึกว่าเปิดกองอาทิตย์หน้า"
ไอ้โชติเกาหัวแกรกเมื่อข้อมูลที่มันรู้ผิดเพี้ยนไป ที่จริงมันจำถูกแล้วครับ ก็อาทิตย์หน้าแหละกองถ่ายของเฮียถึงเริ่มบวงสรวง แต่วันนี้ไม่รู้มันไปธุระอะไร ไม่ใช่ไม่บอกนะ บอกแต่ผมก็ลืมๆไม่ได้ตั้งใจฟัง รนครับ จะสอบอยู่รอมร่อแล้วยังอ่านไม่ครบทุกวิชา พอสมองรับข้อมูลนอกจากเรื่องเรียนช่วงนี้มันจะเด้งออกหมด เม็มเต็ม
ผมกับไอ้โชติแยกกับคนอื่นๆออกมาเพราะหอผมอยู่คนละประตูกับพวกที่เหลือ ยืนรอรถรางที่วิ่งในมหาวิทยาลัยสักพักแต่พอเห็นลางๆว่ามีวิ่งมาเสือกมีครูซสีควันบุหรี่แซงตัดหน้าเสียก่อน ไม่ถึงสามวิหลังจากที่เห็น สมองยังไม่ทันประมวลผลได้ไอ้ครูซที่ว่าก็มาจอดเทียบหน้าผมกับโชติฝั่งตรงข้ามคณะวิศวกรรมศาสตร์แล้ว
ประตูข้างคนขับเปิดออก ไอ้ตี๋เล็กของเฮียในสภาพเยินใช้ได้ค่อยแทรกตัวออกมา มันยิ้มปะแล่มๆให้ผมกับไอ้โชติ ยกมือไหว้ลวกๆแล้ววิ่งตัดถนนสายหลักไปฝั่งคณะหนีคำถามที่จุกอยู่ในคอพี่ๆมัน
"คุณชายยยย"ไอ้โชติตั้งสติได้ ก่อนที่ไอ้'
คุณชาย'มันจะชิ่งอีกคน โชติพงษ์สมองเหี้ยมันก็ไปนอนกอดกระโปรงรถนอกไม่ให้ไอ้ปันหนีไปไหน คนขับมันเลยเร่งเครื่องหวังให้เพื่อนมันตกใจแต่มีหรือที่ไอ้บ้าดีเดือดมันจะยอมลุก ไอ้โชติยิ้มแผล่แล้วหันมาสั่งผม
"ขึ้นรถเลยๆ ให้มันไปส่งที่หอ"
ผมไม่วิ่งไปฝั่งข้างคนขับหรอกครับไม่งั้นไม่ทันมันลอครถ เปิดประตูหลังพอดี๊พอดีกับเสียง กริ๊ก ที่คุณชายมันกดลอคเตรียมทิ้งเพื่อนได้อย่างเลือดเย็น ไอ้ปันส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอคราวนี้ไอ้โชติเลยมานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้สบายใจเฉิบ
"เล่นเหี้ยอะไร เดี๋ยวกูได้เหยียบไส้แตก"
"ทำเป็นเข้มนะ โน่น เอาน้องไอ้บอมไปซ้อมมาหรือไง?"
ไม่ต้องรอหรอกครับ ไอ้โชติขี้เสือกมันถามทันทีที่สอดตัวเองขึ้นรถมาได้ ปันนภยกนิ้วกลางให้เพื่อนรักก่อนเลื่อนเกียร์เคลื่อนรถออกไปยังจุดหมายที่เหมือนมันรู้ดีตั้งแต่แรกช้าๆทั้งๆที่ไม่ได้รู้ห่าอะไรเลย แค่ต้องขับหนีวิถีรถรางที่วิ่งใน ม. ไม่งั้นอาจโดนสาปแช่งจากนิสิตที่กำลังรอรถรางเข้าป้ายก็เป็นได้
"ผัวมันซ้อม" ปันนภตอบหน้านิ่ง เรียกฮือฮาไอ้ตุ๊กตาหน้ารถให้อุทานออกมาหน้าตาตื่นได้ดี
"หือ? ไอ้บูมเป็นเกย์เหรอวะ?"
อ้าว? ไอ้โชติขี้เสือกไม่รู้? เป็นไปได้ไงวะ? ไอ้เอกก็ตามเฝ้าเช้าเฝ้าเย็นเสียขนาดนั้น มันทำหน้าเหรอหราตกใจนิดหน่อยแล้วขำพรืดออกมา
"ไอ้บอมน่าสงสาร ห่วงพี่ว่าจะเป็นเกย์ โน่น น้องชายเสือกมีผัวไปแล้ว"
กูว่าไอ้ปันมันก็คิดแบบมึงแหละโชติพงษ์ ดูมันกดยิ้มที่มุมปากอารมณ์ดีเด่ะ ผมส่ายหัวแล้วรีบปรามเพื่อนร่วมสถาบันไม่ให้ดี๊ด๊าจนเกินไป
"รู้แล้วหุบปากไว้ ให้น้องมันเคลียร์กับบอมกันเอง อย่าสะเออะปากโป้ง มึงไม่ใช่คนในครอบครัวมัน"
"เหมือนที่มึงทำอะนะไอ้เน็ต?"ไอ้เชี่ยนี่แขวะผมเต็มๆ หัวคิ้วที่มีขนหรอมแหรมของผมกระตุกนิดๆ มองไอ้โชติคาดโทษผ่านกระจกหลัง แล้วแสร้งเป็นยื่นหน้าไปถามไอ้ปันด้วยความอยากรู้อยากเห็น กลบเกลื่อนประโยควอนตีนของไอ้โชติเนียนๆ
คิดแล้วก็อดหงุดหงิดขึ้นมาไม่ได้ ก็ไอ้เฮียบีมนี่เสือกพูดไม่รู้เรื่อง บอกไม่ให้ทำตัวแปลกๆต่อหน้าเพื่อนก็ไม่เคยจะฟัง นี่กูช่วยมึงปิดไอ้บอมแท้ๆเสือไม่สำนึกบุญคุณ ลากกูไปเป็นคู่ขาด้วยจนได้ โปรดสัตว์ได้บาปชัดๆ
"มันไปโดนเมื่อไหร่วะ เมื่อสองวันก่อนกูเห็นน้องมันคุยโทรศัพท์กับแฟน ถึงจะทะเลาะกันแต่หน้าตาก็ยังดีๆอยู่นะ"
"ก็ตอนนั้นนั่นแหละ" ปันตอบ
"แรงว่ะ แล้วตอนนี้ไอ้เหี้ยนั่นมันเป็นไงบ้าง"
"กูให้คุณดนุพลจัดการแล้ว ดูจากรูปกว่าจะหายก็2-3เดือนได้ คงดรอปเรียนไปสักเทอมแหละ คุณดนุพลบอกว่าซ้อมแล้วก็เอาเรื่องเหี้ยๆของมันไปบอกที่บ้านมันด้วย คราวนี้คุมประพฤติกันยาวอยู่"
คุณดนุพลที่ไอ้ปันพูดถึงนี่นานๆจะได้ยินชื่อครับ ล่าสุดก็ตอนที่คุณชายมันไปมีเรื่องกับแฟนเก่าของเด็กมันเมื่อปีก่อน ตอนนั้นเห็นว่าเอาปืนจ่อหัวขู่เฉยๆให้เลิกวอแวกับปันเสีย แต่ครั้งนี้ดูเหมือนลงไม้ลงมือกันจริง เห็นจากสภาพไอ้บูมทั้งๆที่เรื่องผ่านมา2วันแล้วยังเยินขนาดนั้นผมก็ว่าแม่งควรตัดจู๋โยนให้หมาแดกมากกว่า
"แล้วยังไง? ที่บ้านน้องมันรู้เรื่องไหม?"
ผมถาม ให้เดาแม่งก็คงไม่รู้แน่ๆ พอไอ้ปันส่ายหน้าผมก็อยากตบฉาดเข้าที่เข่า ซื้อหวยให้มันถูกแบบนี้สิพับผ่า
"มันกลัวพี่มันจะห่วง ช่วงนี้กูเลยให้มาพักที่บ้าน เอารถไปใช้ แต่เสือกโง่ขับรถไม่เป็น ลำบากกูซ้ำซ้อนคอยรับส่งมันเนี่ย"
"เออ ดีแล้ว ดูแลมันดีๆ ไอ้นี่มันไม่เล่าอะไรให้กูฟังเลย งอนว่ะ เป็นพี่รหัสมันแท้ๆ"
ไอ้ปันส่ายหัว มันยิ้มที่มุมปากนิดๆ "กับน้องกับนุ่งมึงก็ยังงอนนะ ไอ้ใจมด แล้วนี่ขึ้นรถกูมาจะไปไหน"
"ไปหอไอ้เน็ต ข้อสอบทำร้ายกู กูจะไปตายที่ห้องมัน" ไอ้โชติบอก ผมเลยยกนิ้วกลางให้มันไป อย่ามาเป็นศพที่ห้องกูเด็ดขาด ไอ้เหี้ย กูกลัวผี ผีเพื่อนกูก็กลัว ไม่มีเว้น!
"แล้วนี่มึงไม่สอบ?" โชติถามไอ้ปัน
"สอบ วันไหนกูสอบตรงกับบูมก็ให้มันนั่งบีทีเอสมาเอง"
"แล้ววันที่ไม่มีสอบมึงไม่อ่านหนังสือเหรอ?"
มันยังซักต่อ ส่วนผมน่ะไม่สงสัยหรอกครับ ไอ้ปันมันเทพ เป็นคนที่โลกสร้างมาด้วยความอยุติธรรม ตั้งแต่สมัยเรียนแล้วที่มันไม่อ่านหนังสือเหี้ยอะไรเลยแต่เสือกได้คะแนนดีตลอด เวลาเรียนก็เห็นทำท่าเหมือนไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ว่างเป็นฟุบ แต่พออาจารย์พูดถึงเรื่องสำคัญๆเสือกลุกขึ้นมาจด แล้วความไม่แฟร์แม่งอยู่ตรงไอ้ที่มันจดนี่ออกข้อสอบตลอด ใช้เวลาทวนเลคเชอร์นิดเดียวก็กวาดแต้มท้อปไปง่ายๆ ผมเห็นมันเรียนแบบนี้แล้วรู้สึกน้อยใจโชคชะตาฉิบหาย กูจะทำบุญด้วยหนังสือสเตร๊งเลยเอ้า เผื่อชาติหน้าได้เรียนวิศวะอีกจะได้ไม่ต้องมานั่งงมอ่านนั่งทำโจทย์เป็นล้านข้อเหมือนชาตินี้
ไม่นานครับ ไอ้ปันก็เอารถมาจอดหน้าหอผม มันยังไม่กลับบ้านเห็นบอกว่าส่งไอ้บูมเข้าห้องสอบ3ชั่วโมงก็ต้องรอรับกลับเลยอ่านเลคเชอร์ที่นี่ต่อเลย ผมเข้าไปอาบน้ำเพราะเมื่อเช้าตื่นสาย แทบจะใส่ชุดนอนเข้าสอบ เปลี่ยนเสื้อผ้าได้มีเวลาแปรงฟันก็บุญถมแล้ว
พอเดินออกมาจากห้องน้ำ ไอ้โชตินอนสวมบ๊อกเซอร์ตัวเดียวบนเตียง ขณะที่ไอ้ปันยึดโต๊ะหนังสือรกๆของผมมานั่งไขว่ห้างเปิดอ่านสมุดโนตของมันเงียบๆ
"เมื่อกี้เฮียโทรมา"
ไอ้ปันบอก ผมสวมบ๊อกเซอร์ตัวเดียวเหมือนไอ้โชติแหละครับ ไม่สวมเสื้อ นั่งลงบนเตียงแล้วหยิบมือถือที่วางใกล้หมอนขึ้นมา ยังไม่ทันกดโทรกลับชื่อคนที่ปันพูดถึงเมื่อครู่ก็เด่นหราขึ้นมาอีกแล้ว
**ไอ้ปันไปที่ห้องอีกแล้วเหรอ**โอะ.. ยังไม่ทันได้พูดอะไรปลายสายก็ถามเสียงนิ่ง "อืม เฮียเสร็จธุระแล้วเหรอ?"
**ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง มันไปทำไม**
"โอ๊ย เตี่ยเป็นนกเหรอเฮีย จิกอยู่ได้ มีอะไรหรือเปล่าผมง่วง เครียดด้วยสมองบวมจะระเบิดแล้ว ข้อสอบโคตรหิน"
**ง่วงหรือเงี่ยx อยู่กับไอ้ปันน่ะ**
"เออ จะสวิงกิ้งเลย ไอ้โชตินอนอ้าขารอแล้วเนี่ย"
มันอ้าขาจริงๆครับ ไอ้ห่านี่นอนคว่ำหน้าน้ำลายย้อยอุจาดตาสุดๆ แหกแข้งแหกขาเหมือนห้องนี้เป็นของมันคนเดียว ไอ้ไร้มารยาท ไอ้ไม่มีสมบัติผู้ดี พอพูดถึงบุคคลที่3 ปลายสายที่สะบัดเสียงมันเลยอ่อนลงนิดๆ
**แล้วทำไมทำข้อสอบไม่ได้ เห็นอ่านตั้งหลายวัน**
"ก็ยากอะ แต่คะแนนอิงกลุ่ม ผมคงเกินมีนอยู่แหละ"
**เออ ก็ดี ไปนอนเถอะ ตื่นแล้วโทรหากูด้วย**
"เรื่อง? อยากคุยก็โทรมาเอง"
**มึงไม่อยากคุยกับกูบ้างหรือไง**
"เกรียนว่ะ ไม่คุยแล้ว จะไปนอน ทำธุระไปเถอะ เสร็จช้าเย็นนี้ไม่รอกินข้าวด้วยนะ"
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร คุณเคยได้ยินทฤษฎีหมากับกระดิ่งไหมครับ คือถ้าคนเราสั่นกระดิ่งตอนให้อาหารหมาทุกวัน หมามันก็จะวิ่งมาหาทุกครั้งที่ได้ยินเสียง ต่อไปถึงไม่ได้มีอาหารให้แต่ถ้าได้ยินเสียงกระดิ่ง หมามันก็จะยังวิ่งมาหาเสียงอยู่ดี
ผมก็เหมือนกัน เหมือนการรอเฮียมาพาไปกินข้าวกลายเป็นเสียงกระดิ่ง ถึงวันไหนเฮียไม่ได้มา สุดท้าย ผมก็รอเฮียมากินมื้อเย็นด้วยความเคยชินจนได้ คิดแล้วปวดกบาล อะไรทำให้กูกลายเป็นหมาของเฮียมันวะ
ปลายสายเงียบเสียงไปแล้วหลังจากตอบ
"เออ รู้แล้ว" เบาๆ แต่ยังไม่ยอมกดวาง นี่เป็นอีกนิสัยประหลาดของมันครับว่าจะไม่วางสายก่อนผมเด็ดขาด คือไม่รู้ว่าแม่งได้โปรโทรฟรีมาจากไหน ผมเคยแกล้งไม่วางสายมันยันเช้าแล้วหนีไปหลับก่อน ตื่นมามันก็ยังไม่วาง ไม่ใช่ว่ามันไม่นอนนะครับ แม่งก็นอนแล้วเหมือนกันแต่ไม่วาง มันบอกว่ารู้สึกไม่ดีถ้าไม่ได้ยินว่าผมตัดสายไปก่อน เป็นความรู้สึกเหมือนเวลาพาสาวไปเดทแล้วส่งเขาไม่ถึงบ้านยังไงอย่างงั้น
เลี่ยนมาก แต่เออ ผมก็ว่ามันน่ารักดีนะสุดท้าย ผมก็ตัดสายมันไปก่อนเหมือนเคย พอจะล้มตัวลงนอนบนเตียงไอ้ปันก็ถามทั้งๆที่ไล่สายตาอ่านหนังสือของมันอยู่
"มึงคบกับเฮียอยู่จริงๆใช่ไหม?"
"ถามแบบนี้เดี๋ยวกูถามกลับว่ามึงคบกับบูมอยู่รึเปล่าแม่งเลย"
ผมถามมันยิ้มๆ ไม่อยากหงุดหงิดครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าอารมณ์ดีมาจากไหน
"สัตว์! ถ้ากูคิดจะคบกับผู้ชายนะ มึงคนแรกเลยที่กูจะเอาเป็นแฟน" มันตอบ ผมหัวเราะเบาๆไอ้นี่กวนตีนซะแล้ว คิดเหรอว่าผมจะยอมให้มันข่ม
"พูดแบบนี้กูคิดจริงนะเนี่ย"ไอ้ปันเงียบไป เหมือนมันอ่านหนังสือในมือต่อแต่ก็พึมพำเสียงเบา
"ให้จริงเถอะไอ้สัตว์"ผมนอนมองเสี้ยวหน้ามันครู่หนึ่ง เหมือนมีอะไรอยากจะรู้แต่ไม่อยากถาม มีอะไรอยากจะถามแต่ก็ไม่อยากรู้
อันที่จริงผมเคยคิดนะครับว่าถ้าผมเดินเข้าไปหามันจริงๆ หรือมันเป็นฝ่ายเดินมาหาผมระหว่างเราจะเป็นยังไง
ผลลัพธ์คือ 0
ทั้งผมและมันมีนิสัยอย่างหนึ่งที่เหมือนกันเกินไปจนทำให้ความเป็นไปได้ของผมกับปันไม่มีทางเกิดขึ้นคือเราต่างไม่เคยเดินเข้าไปหาความรักก่อน ไอ้ปันเป็นคนเจ้าชู้ จัดว่าโคตรพ่อโคตรแม่เจ้าชู้เลย ผมไม่อยากเป็นเหมือนเด็กในคลังมันที่เดินเข้าไปหา วิ่งไล่ และถูกฟันก่อนโดนทิ้งตามวงจรอุบาทว์ อยากให้มันเป็นฝ่ายสนใจผมก่อน อยากให้มันเดินมาหา ให้มันมองมาที่ผม แต่
ปันนภก็เป็นปันนภปันนภผู้สมบูรณ์เกินกว่าจะเข้าไปยุ่งกับใครก่อนเพราะแบบนี้แหละมั้ง ผมถึงคิดว่าอยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว มีมันให้มองในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง เก็บความอิ่มเอมใจอยู่ห่างๆ อย่างน้อยตำแหน่งตรงนี้ของผมก็จะไม่มีวันหายไปไหน
ขณะที่ผมมองเสี้ยวหน้าที่ถูกจัดวางกันลงตัวของคุณชาย ไอ้ปันก็เรียกชื่อผมเสียงเบา
"ไอ้เน็ต"
ผมที่กำลังจะหลับแล้วปรือตาขึ้นมองมันนิดๆ
"กับเฮีย มึงสับสนบ้างปะวะ"
"สับสนอะไร?"
"สับสนว่ามึงชอบผู้ชายหรือเปล่า? ทั้งๆที่มึงก็พูดมาตลอดว่ามึงไม่ใช่เกย์ แต่ก็ดูเหมือนมึงกับเฮียน่ะ.. ไม่รู้สิ สนิทกันแปลกๆ"
ผมไม่รู้ว่าไอ้ปันมันถามทำไม ในสมองมันคิดอะไร แล้วก็ไม่ใส่ใจจะรู้ด้วย พอความง่วงกำลังครอบงำก็ตั้งหน้าตั้งตาจะหลับ ไอ้ห่านี่ก็นิสัยเสีย ชอบจริงๆนิสัยชวนคุยตอนกูไม่อารมณ์ซักที ไม่อยากคุย อยากนอนแล้ว
"มึงสับสนกับไอ้บูมเหรอ? โถ รักแท้แพ้ใกล้ชิด"
ผมแกล้งแซวส่งๆ ไม่อยากลุกมาเถียงเรื่องเฮียคอเป็นเอ็น กว่าจะบิ๊วอารมณ์ให้ง่วงขนาดนี้ไม่ง่ายเลยนะครับ แต่ก็ต้องปรือตาเปิดขึ้นมาเมื่อมีเสียง
‘ฟุบ’ ของหมอนยุบใกล้ๆ ตามมาด้วยกลิ่นตุใกล้จมูก เต็มๆเลยครับ ไอ้ปันวางตีนห่างจากหน้าผมไป 2 เซ็นติเมตร ไม่รู้ว่าจงใจให้ดมกลิ่น หรือบังเอิญพลาดจากตำแหน่งที่เล็งอย่างเช่นคอผมอันนี้ก็มิอาจทราบได้
"กูถามดีๆ อย่ากวนตีน ตอบมา"
"โหด! แต่ไม่รู้ว่ะ แค่ปล่อยไปเรื่อยๆ กูไม่มีความจำเป็นต้องบีบคั้นหาความหมายให้ความรู้สึกที่กูมีกะเฮียงั้นก็ปล่อยแม่งไปแบบนี้แหละ วันนึงนะ ถ้ากูรู้สึกอะไรกับเฮียขั้นมามากๆจริงๆ วันนั้นกูก็จะหาคำตอบเองแหละว่าสิ่งที่กูคิดมันเป็นอะไร"
ไอ้ปันเงียบไปแล้ว อา... ผมผู้รับบทนักสืบโมริ โคโคโร่หาเบาะแสคร่าวๆให้แล้ว คราวนี้กูนอนได้แล้วสินะ หน้าที่ที่เหลือก็เชิญแต่โคนันคุงจะดำเนินการต่อไปเถอะ ผมเอื้อมมือมาจับข้อเท้ามันที่อยู่บนหมอนเบาๆ แล้วค่อยๆปล่อยน้ำหนักเปลือกตาให้ปรือลงหลับ
"มึงไม่ต้องรีบหรอก ถึงเวลาก็จะรู้เองว่าทางออกของมึงคืออะไร"++++++++++++++++++++++++++
เอาจริงๆ กูไม่รู้หรอกเฟร่ยว่าที่พูดไปหมายถึงอะไรและหมายความว่าไง คือคนมันง่วงแม่งก็เพ้อไปเรื่อย คิดว่าเรื่องไหนเกี่ยวๆกันได้แม่งจับมายำหมด โคนันควายนันจากไหนกูยังเอามาเพ้อเจ้อในสมองได้เลย
ผมปะติดปะต่อเรื่องที่คุยกับไอ้ปันไม่ได้ทั้งหมด ตื่นมาอีกทีก็ไม่ได้นอนกอดข้อเท้าเพื่อนไว้แล้ว ไอ้ปันทิ้งโน้ตว่าไปรับบูมส่วนตัวผมเองโน่น นอนกอดแขนไอ้โชติที่ยังหลับเป็นตายอยู่
ครีดด ครืดดดดน้องไอสีขาวสั่น ผมควานหาโทรศัพท์ใต้หมอนแล้วกดเลื่อนรับสาย โชคดีของปลายสายที่โทรมาตอนผมตื่นแล้วไม่งั้นได้มีหงุดหงิดใส่กันบ้างแหละ
**ตื่นรึยัง?**
"ยัง"
**เฮ้ย ไหนว่าจะนอนแป๊บเดียวแล้วตื่นมาอ่านหนังสือ ลุกได้แล้วจะถึงหน้าห้องแล้วเนี่ย**
แล้วจะถามทำซากอะไรครับว่ากระผมตื่นหรือยัง ตัดสายไปไม่ถึงนาทีดีเสียงเคาะประตูห้องก็ดังแล้ว ระบบความปลอดภัยหอผมห่วยบรมครับ อาศัยซี้กับยาม ยามแม่งก็ติ๊ดคีย์การ์ดให้เข้ามาง่ายๆ ถามจริงเถอะแม่งมียามมีคียการ์ดไว้ทำหอกอะไร
"สวมบ๊อกเซอร์ตัวเดียวอีกแล้ว เดี๋ยวไอ้โชติก็จับปล้ำหรอก"
นั่นไง มาถึงก็บ่น อย่างงี้แหละคนแก่ ผมยักไหล่ไม่แคร์เหลือบมองถุงที่เฮียถือติดมือมาด้วย
"ซื้ออะไรมาน่ะ"
ดูแล้วคงไม่พ้นของกินแน่ๆ บอกตรงๆครับตั้งแต่มันตามตูดผมเป็นขี้ปลาทองเนี่ยน้ำหนักตัวเองขึ้นมาเกือบ 5 โล ทั้งๆที่เป็นคนอ้วนยากนะผมล่ะทึ่งเจ้ทรายจริงๆ คบกับเฮียแล้วหุ่นยังเป๊ะไม่มีเปลี่ยน แม่งเจ๋ง ทำได้ไงไม่รู้
"ข้าวหมูแดง แปะก๊วยนมสดแล้วก็ฝรั่ง ไอ้ปันกลับไปแล้วเหรอ? นี่กูซื้อมาฝากมันด้วย"
ผมเกือบหลุดปากไปว่าออกไปรับน้องเฮียนั่นแหละ โชคดีที่เฮียเดินเข้ามาในห้องไม่สนใจคำตอบเท่าไร เหลือบมองไอ้โชติที่นอนตายอยู่แล้วไปจัดแจงเทข้าวใส่จานผมเลยไม่ได้ตอบมันไป ปล่อยให้อาคันตุกะบริการเจ้าบ้านเต็มที่ส่วนตัวเองก็ไปล้างหน้าแปรงฟันเตรียมตัวกินมื้อบ่าย
"เสร็จธุระแล้วเหรอ ไหนว่าไปทั้งวัน"
เฮียพยักหน้าหงึกหงักตอบ ผมทำท่าจะเดินไปปลุกศพบนเตียงเฮียมันถึงส่งเสียง ชู่วว ให้ผมชะงัก
"ปล่อยมันนอนไปเถอะ"
มันทำตาเยิ้มใส่ผม หือ? เวลามึงทำท่าแบบนี้นี่น่ากลัวนะ ผมหยิบแตงกวาในจานขึ้นมากิน กะเนียนเดินหนีมันสักหน่อยแต่อยู่ๆก็ถูกมันกอด ฟุบ จากด้านหลังจนได้
"เฮ้ย!! อะไร!อย่าทะลึ่งนะ กูต่อยจริงๆด้วย!!"
"อย่าโวยวายสิ เดี๋ยวไอ้โชติก็ตื่นมาเห็นหรอก จะวัดเอวดูเฉยๆว่าผอมลงหรือเปล่า เห็นเครียดๆเรื่องเรียน"
"ไม่ใช่ปอบนะครับ ดูที่เฮียยัดให้ผมแดกแต่ละวันดิ พอเลยๆอย่ามาเนียน"
ผมดิ้นขลุกขลักอยู่ในแขนมัน แต่ยิ่งดิ้นเฮียก็ยิ่งกอดเอาไว้แน่น มิหนำซ้ำยังเอาคางมาเกยบ่าล็อคไม่ให้ผมขยับตัวไปไหนอีก
ออกแรงมากกว่านี้อีกนิดเดียว จมูกสันคมแม่งต้องฉวยกดเอาที่แก้มแน่ๆ โดนบ่อยจนจับไต๋มันได้แล้วครับ
"สอบเสร็จเมื่อไหร่จะพาไปเที่ยวที่กองถ่าย" เฮียพูดเสียงเบาชิด ลมหายใจอุ่นเป่ารดที่ใบหูจนขนลุกเกรียว สยิวกิ้วแปลกๆ
"สองสัปดาห์ พูดห่างๆหน่อยได้มั้ย เหม็นปากว่ะ"
ที่จริงมันคงไม่อยากได้คำตอบหรอก แต่ผมไม่อยากเป็นนางเอกตาหวานทำเขินอายในอ้อมกอดชายหนุ่มนี่หว่า แล้วอย่าคิดนะว่าเฮียมันจะเสียเซลพ์ที่ผมพูดแบบนั้น เพราะมันยังหัวเราะซ้ำยิ่งกระซิบเข้าใกล้กว่าเดิม "รังเกียจหรือไง?"
"มากด้วยเหอะ! ปล่อยได้แล้ว กอดนานไปนะไอ้สัตว์"
"พูดจาไม่น่ารักเลยว่ะ ไหนเอาปากมานี่เลย สั่งสอนสักหน่อยเดี๋ยวนี้ใจดีแล้วชักเหิมเกริม"
มันจับผมพลิกหน้ามาหา อย่านะเว้ย! ไอ้โชติก็นอนอยู่ข้างๆเนี่ยขืนตื่นมาเจอกูเสียหมาหมด ผมรวบรวมลมปราณทั้งผมจากกระเพาะ ไล่ขึ้นมาตอนเฮียบีมเชยคาง พอจะก้มลงจูบลงโทษ ผมก็เรอ
"เอิ้กกก" ออกมาเสียงดัง
"โหย ไอ้ทุเรศ! เรอใส่หน้ามาได้ ไอ้ห่า! หมดอารมณ์เลย" มันบ่นอุบ ยีผมที่เซ็ทเป็นทรงกระเซอะกระเซิงเดินหนีให้ผมหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่ตรงนั้น
"ทำไม ทำไม อะโด่ แค่นี้ทำรังเกียจ ไหนว่าชอบเน็ตไงเล่า แค่นี้รับไม่ได้"
"มึงแม่งจัญไรจริงๆไอ้เน็ต หัดทำนิสัยให้มันเข้ากับหน้าตาบ้างได้ไหม?"
ผมแลบลิ้นปลิ้นตา หยิบจานข้าวหมูแดงที่ราดน้ำเรียบร้อยแล้วมานั่งกินปลายเตียง เปิดโทรทัศน์เสียงเบานั่งอยู่เงียบๆให้ไอ้เฮียเดินวนหัวเสียเหมือนหนูติดจั่น มันคงชอคครับ ไม่คิดว่าผมจะเล่นอะไรอุบาทว์ๆแบบนี้
พอคนเราเริ่มสนิทกันมากขึ้น ความเกรงใจก็จะมีน้อยลง
ผมไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าผมกับเฮียเริ่มสนิทขนาดเรอใส่หน้ากันได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ช่วงแรกๆผมยังเกร็งกับมันในฐานะพี่ชายเพื่อน สักพักผมก็กลัวมันในฐานะผู้ชายที่จะเข้ามาจีบ รู้ตัวอีกที พอมันเทียวไล้เทียวขื่อได้สักพัก ก็กลายเป็นคนที่ผมกล้าทำตัวแย่ๆใส่มันได้แบบไม่ต้องเกรงใจได้แล้ว
ความสนิทสนมนี่ข่างน่ากลัว
เสียงโทรทัศน์ที่ผมเปิดคงเสียงดังไป ไอ้คนที่นอนอุตุอยู่บนเตียงถึงค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นมา โชติมองผมสลับกับเฮียแล้วปิดขี้เกียจจนได้ยินเสียงกระดูกลั่นกรอบ ทำจมูกฟุดฟิดได้กลิ่นของกินเหมือนหมา
"ข้าวหมูแดงเรอะ?"
"เออ ร้านอร่อยด้วย ถ้ามึงช้าอีก5นาทีกูจะแดกส่วนของมึง ไอ้โชติ" ตัวโตเบ้ปาก
"เฮียเลี้ยงดีจะตายห่ายังจะมางกใส่เพื่อน"
ผมหันมองมันควับ คือไม่ชินจริงๆเวลาถูกแซว ผมไม่เข้าใจเฮียเลยครับว่าทำไมมันยังยิ้มหน้าระรื่นอยู่ได้ ไม่เขิน ไม่อาย ไม่เสียเซลพ์บ้างหรือไง คนที่ถูกแซวคู่กับมันนี่ผู้ชายนะครับ ไม่ได้เอวกิ่ว นมโต สะโพกผายเหมือนเจ้ทรายที่เดินไปทางไหนหนุ่มๆก็น้ำลายหก แต่แม่งเป็นผม คือไม่ได้คิดจะดูถูกตัวเองหรอกนะ แต่ผู้ชายแกร็นๆเนี่ยมันน่าควงเชิดหน้าชูตาตรงไหนวะ ทั้งตัวนี่ก็ตรงทื่อเหมือนท่อนไม้ ส่วนเว้าส่วนโค้งก็ไม่มี ที่แย่กว่านั้นคือก็มีปิก้าจูเหมือนๆมันเนี่ย...
เอ่อ.. จะว่าไปผมที่ชอบไอ้ปันก็ไม่เคยนึกถึงเรื่องนั้นเหมือนกันนะ
โวะ โลกนี้แม่งอยู่ยากใจคนมันยากแท้จะหยั่งถึงจริงๆครับ"เน็ต กินข้าวเสร็จกินแบรนด์ด้วยนะ"
ผมกำลังเถียงเหี้ยอะไรอยู่ในใจก็ไม่รู้ มันอาจเป็นความสับสนอะไรซักอย่างแบบที่ไอ้ปันมันถาม แต่ก็หลุดออกจากภวังค์เพราะเสียงทุ้มต่ำของเฮียบีม มันชูขวดเครื่องดื่มซุปไก่สกัดขึ้นแกว่ง ไอ้ยาพิษน้ำดำนั่นแค่เห็นก็จะอ้วกแตก เมื่อกี้มันว่าอะไรนะ ? กินข้าวเสร็จให้กินแบรนด์ตามงั้นเหรอ? ประสาทไปแล้ว
"แดกไปได้ตายๆแน่ๆ"
"กินไปเหอะ อะไรที่มีประโยชน์ ช่วงนี้มึงนอนน้อยใช้สมองเยอะ"
"ลิโพเด่ะ แบรนด์เนี่ยไว้หลอกเด็กมัธยมเตรียมสอบเอ็นท์ แล้วนี่ซื้อมาทำไมเยอะแยะ ไม่ถามก่อนวะว่ากินเป็นมั้ย"
ผมบ่นมันหนักขึ้นพอลุกไปกินน้ำแล้วเปิดเจอตู้เย็นล้นๆ ทั้งแบรนด์รสกลมกล่อมกล่องสีเหลือง ผลไม้กับนม มิหนำซ้ำมันยังซื้อข้าวกล่องอีซี่โกมายัดใส่ช่องฟรีซผมจนเต็มอีกด้วย แม่งไปซื้อมาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย
"เออ ตุนไว้เหอะน่า สัปดาห์หน้ากูไม่ว่างขนเสบียงมาให้แล้วนะ"
"มีมือมีตีนหากินเองได้ เฮียจะทำให้เน็ตเป็นง่อยนะ"
มันห่วงอันนี้ก็รู้ แต่แม่งดูเกินไปหน่อยมั้ง ผมส่ายหัวระอากับความเยอะของมัน เคยคิดว่าตัวเองเป็นน้องชายคนเล็กสุดของมันหรือเปล่าตอนนี้เปลี่ยนแล้วครับ กูเป็นลูกมันชัดๆเลย
"เฮียเขาห่วง มึงก็อย่าไปขัดศรัทธาเด้"
ไอ้เปรตขอส่วนบุญมันโวยกลัวผมคืนของกินให้เฮีย ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่ไอ้โชตินิดๆแล้วหันมามองเฮียที่ยิ้มกว้าง ยิ้มเรี่ยราด ยิ้มห่ายิ้มเหวอะไรอยู่ได้
"อือ ก็ห่วง"สัตว์! อย่ามาหยอดกู! ผมยกนิ้วกลางให้มันทั้งดุ้นแต่แทนที่จะสลดมันกลับคว้านิ้วผมเอาไว้ หลอกจับมือกันเนียนๆ ไอ้โชติแทบสำลักน้ำซุป คือมันรู้ครับว่าเฮียตามหม้อผมอยู่แต่ไม่เคยเห็นจริงๆไอ้ตาหวานๆของนายที่ใช้กับผู้ชายเนี่ย! ผมดึงมือออกไอ้เฮียที่ผมอยากผันเสียงวรรณยุกต์เหลือเกินก็หัวเราะในลำคอ
"ให้กูออกไปแดกนอกระเบียงไหม? รู้สึกอยู่ผิดที่ผิดทางยังไงก็ไม่รู้ว่ะ"ไอ้โชติสมองเหี้ยถามหน้าซื่อ ผมเลยสะบัดหน้าหนีมันทั้งสองคนดูจอทีวี หวังว่าโฆษณาลอลีเอะในโทรทัศน์จะช่วยบรรเทาอาการร้อนผ่าวบนหน้าได้ ไอ้ห่า ไอ้เพื่อนทรยศ แซวอยู่ได้
ตอนแรกกูว่าจะไม่เขินแล้วนะ สัตว์!
------------------------------------------
COMPLETE Friend's brother Brother's friend 13
16/06/12
:ped144:สวัสดีค่ำๆวันหวยออก
Nothing to say but THANKS for your comment and tracking
See you again on Wed. ka : )