กาลกีรตี 78
‘..มี ฤ ข้าจักปล่อยหลุดลอยไป..’
ประโยคในความฝันมันเลือนรางพอๆ กับน้ำเสียง ริมฝีปากหนายกยิ้มแล้วยืนฝ่ามืออันประดับประดาด้วยอักขระแปลกให้ มันไม่ใช่ความหวาดกลัวหากแต่เป็นความไว้ใจ ความกริ่งเกรงคือการสบประมาทอันมาดร้าย เมื่อรู้ทั้งรู้อยู่ในกมลว่า ไม่ว่าจะพาไปยังที่แห่งไหน ผู้เป็นเจ้าของร่างใหญ่กำยำที่อยู่เบื้องหน้าก็จะมีวันปล่อยมือ
“..จะเจอกันอีกไหม?”
อีกครั้งที่ไอเดียร์เผลอเอ่ยปากถาม อ้อมกอดอุ่นนั้นถูกส่งมาให้แทนคำตอบ คำตอบที่ไม่ว่าเมื่อไหร่มันก็จะไม่มีทางแปรเปลี่ยน
“ ‘เรา’ มิเคยจากกัน”
ริมฝีปากนั้นหลุดถ้อยคำในแผ่นอกอันอัดแน่น แรงกอดเพิ่มมากขึ้นพอๆ กับแรงอารมณ์ เสียงสายฟ้าทีวิ่งพาดผ่านเป็นสายสีครามเพียงชั่วเสี้ยว
“เจ็บไหม?”
คำถามดื้อๆ ที่ถามมาพร้อมกับน้ำเสียงสำนึกผิด ไม่ได้มีคำขอโทษต่อจากนั้น หากแต่มีแค่ฝ่ามือลูบอังที่ผิวแก้ม ไอเดียร์ได้แต่สั่นหน้า มันไม่เจ็บหรอกมันแค่ชาจนเกินคำว่าเจ็บ ริมฝีปากอุ่นละเลียดโลมผิวแก้ม ปลายนิ้วแข็งสอดเข้ามาง้างงัดริมฝีปากแล้วบรรจงจูบ ฝ่ามือใหญ่ลูบโลมล้วงแล้วโอบอุ้ม
“บอกกับข้าสิว่าคิดถึง..”
เสียงทุ่มคงอำนาจยังสั่นโสตประสาทแผ่วอยู่เพียงใบหู หากแต่คนฟัง ไม่กล้าตอบอะไร ไม่มีคำตอบใดๆ จะก้าวล่วงถ้อยความในกมลอันลึกล้ำ
“..ไม่ว่าอนาคตกาลจักเป็นเยี่ยงไร เจ้าก็เป็นของๆ ข้าไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะมีไอ้หน้าไหนแลกไปด้วยโกเมนสูงเท่าฟ้าหรือมุกดาทั้งมหาสมุทร ไม่ว่าจักเป็น มนุษย์ นาค ยักษ์ มาร หรือแม้แต่เดรัจฉาน ลมหายใจเจ้าตนข้าก็จะยังปกปักเสมอนิรันดร์ ”
.
.
.
“ข้า..ให้สัตย์สัญญา..”
***
“ภัทร?!”
“ฮะ..”
เสียงไอ้คุณฝรั่งมันมาพร้อมแรงกระชากปลุก เล่นเอาไอเดียร์กระดูกมือลั่นกร๊อบ ! ชั่วเสี้ยวที่ถูกปลุกเหมือนอย่างกับว่าถูกชักปลั๊กความจำ ทุกสิ่งที่เห็นและพบในความฝัน มลายหายไปอย่างกับมันไม่เคยเกิดขึ้น ..
คนเพิ่งตื่นลืมตาขึ้นมาอย่างงงๆ สับสนกับภาพเบื้องหน้า แสงสีครามที่ฟาดผ่านท้องฟ้าเป็นเหมือนเส้นแสงของปีกที่แผ่ขยาย ร่างใหญ่ที่คุ้นชินยืนเหยียบอยู่บนราวระเบียง
“พี่!!”
ไม่ได้สนใจเจ้าของห้อง ไอเดียร์ตะโกนก้องเรียกหาใครคนนั้นแล้วผุดลุกวิ่งไปตามภาพที่เห็น แล้วสายลมก็พัดผ่าน ไม่มี..ไม่มีใครทั้งนั้นนอกจากเงาผ้าม่านผืนใหญ่ ไม่มีใครทั้งนั้นที่ยืนอยู่ ไม่มี และไม่เคยมี..
“เป็นอะไร ?”
อ้อมกอดที่รัดแน่นโอบรวบทั้งตัวไอเดียร์ไว้ แล้วยกขึ้นเหนือพื้นคล้ายดั่งจะไม่ปล่อยให้สองขาก้าวกระโจนตามสายลมที่พัดลิ่ว ไอ้คุณฝรั่งใช้แผ่นอกกว้างของตัวเองดั่งปราการที่ตอกยึดร่างของไอเดียร์ไว้
“แค่ฝันร้าย..แค่ฝันร้ายเท่านั้นล่ะภัทร ..ยูแค่ฝันร้าย”
น้ำเสียงกระซิบแผ่วคล้ายดั่งพรำมนต์ ไอเดียร์หมดหนทางขัดขืนอะไร ดวงตาเหมือนเริ่มพร่า ความง่วงที่ถาโถมเข้ามาอย่างกับคลื่นสูง ไม่มี ไม่มีอะไรทั้งนั้นไม่มีปัจจุบันหรืออนาคต ไม่มีกระทั่งหนทางที่จะหลุดพ้นจากแรงรัดของงูใหญ่ ..
“แค่ฝันร้าย...”
เสียงเบายังคงกระซิบร่ายมนต์ไป ..พร้อมๆ กับฝ่ามือที่เอื้อมลงมาหลุบปิดเปลือกตา ในวสันต์อันชุมฉ่ำ ค่ำคืนแห่งพิรุณที่โปรยกระหน่ำ ทุกสิ่งมีเพียงเวทย์มนต์ของนาคาเท่านั้นที่เรืองอำนาจหาใช่ ไฟอันอุกอาจแห่งปักษิน..
เสียงกระหึ่มของแสงฟ้าที่ฟาดสายก้องสะท้อน ท่อนหางใหญ่ยาวขนานไปกับพื้นพรม เกี่ยวกระวัดและรัดแน่น บิดเป็นเกลียวเกี่ยวไล่แล้วคายไอพิษแห่งแรงกระสัน ข้ามน้ำข้ามทะเล เฝ้ารอเพียงพานพบทุกคืนทุกวัน อเล็กซ์ ในเวลานี้แยกเขี้ยวขู่คำรามลั่นไปพร้อมๆ กับประกาศผ่านเสียงฟ้า
“ไม่มีทางที่ข้าจะปล่อยตนรักไป! ไม่มีทาง!!”
***
...ไม่เน้นโลดโผนครับ ชีวิตผมกับไอ้ฝรั่งหน้ามึนยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็หยุด ช่วงนี้ผมเข้านอนไว เหมือนเหนื่อยๆ ยังไงๆ ก็ไม่รู้ เพราะนอนแล้วก็หลับเป็นตาย ตื่นมาอีกทีถึงได้เจอหน้าไอ้ฝรั่งมังคาที่นอนอยู่ใกล้ๆ เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว พานปวดระบมไปถึงหัวไหล่ สงสัยคงอาจจะนอนผิดท่า ผมคิดว่าตัวเองนอนดิ้นนะ หรือไม่ก็อาจจะหลับแต่ไม่ลึก เพราะทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาช่วงนี้เหมือนจะนอนไม่พอยังไงไม่รู้สิ
“EL ดื่มอะไรหน่อยไหม?”
อืมส์..ลืมตาบิดขี้เกียจแล้วถามไอ้ฝรั่งที่นอนก้มหน้า มองช่วงไหล่หนาๆ ของมันแล้วผมอดอิจฉาไม่ได้ อ้าส์..ไอ้กล้ามเนื้อนี่มันสร้างกันยังไงวะถึงได้เข้ารูปเข้ารอยอย่างนี้?
“น้ำเต้าหู้นะ เดี๋ยวลงไปซื้อให้ ”
ไม่ได้รอคำตอบอะไรหรอก เมื่อคืน EL มันคงกลับดึกมั้งผมถึงไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยตอนมันกลับมา ช่วงนี้เห็นมันยุ่งๆ อยู่แต่กับเอกสารส่งออก จะถามก็ไม่กล้าเดี๋ยวจะหาว่ากวนมัน ภาษาอังกฤษผมยังไม่กระดิก นี้ภาษาอิตาเลี่ยนถ้าจะให้ช่วยคิดช่วยอะไรผมคงต้องขอบายครับ เรื่องเอกสารผมไม่สู้ ไว้ค่อยมากู้ศักดิ์ศรีกำลังใจกันบนเตียงแล้วกัน
“เอ๋?”
กำลังจะลงไปข้างล่าง..มันก็ต้องล้างหน้าแปรงฟันกันเสียหน่อย ตอนนี้ผมมาหยุดอยู่ที่หน้ากระจก ตอนบ้วนปากแปรงฟันมันก็ปกตินะ แต่พอล้างหน้าล้างตาผมถึงได้สังเกตว่ามันผิดปกติ
สีม่านตาผมเปลี่ยนเป็นสีเขียว..
ไม่จริงน่า..ไม่จริงมั้ง ? อีกครั้งที่ผมกลั้นใจมองจ้องเข้าไปในแววตาตัวเองในกระจก ไม่ผิดแน่ แววตามันมันเป็นสีเขียววาวสว่าง หัวใจผมเหมือนกับถูกกระชากในตอนที่เห็นว่าหลังม่านตามันมีอะไรบางอย่างขยับเคลื่อนเหมือนมันกำลังเลื้อย ..
ความสะอิดสะเอียนที่เอ่อล้นออกมาพาให้ต้องก้มหน้าอ้วก ทุกอย่าง ทุกอย่างมันกำลังจะบอกอะไร ? เมื่อสิ่งที่ผมอ้วกออกมามันไม่ใช่เศษอาหารเมื่อคืน หากแต่เป็นเมือกลื่นๆ ที่ไม่ว่าจะอ้วกออกมาเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมหมด ..ผมกลัว..เริ่มจะกลัว..กลัวตัวเอง กลัวอะไรบางสิ่งที่เคลื่อนไว้อยู่ใต้ผิวหนังนี้..
ผมอ้วก..และเริ่มอ้วกไปเก็บเสียงไป..ไม่อยากให้ EL รู้ ไม่อยากให้ EL รังเกียจ ผมอ้วก..อ้วกจนเมือกในกระเพาะเปลี่ยนเป็นของเหลวสีดำ..ผมจ้องมองตัวเองในกระจกอีกครั้งก่อนจะปิดปากไม่ให้มันหลุดเสียงหัวเราะออกมา ..เมื่อภาพของคนในกระจกมันสะท้อนว่า ช่วงลำคอของผมเริ่มเป็นวงกรีดควั่นรอบลำคอของเหลวสีเขียวใส มันเริ่มไหลออกมาจากรอยปรินั่น..
ใครก็ได้ ..
ช่วยบอกผมทีว่าผมแค่ฝันไป มัน..ไม่ใช่ความจริง..
“พี่..ช่วยผมด้วย..ไอ้ฝิ่น..ช่วยกูที”
ผมปิดปากกลั้นเสียงที่ร้องเรียก..ผมเรียกพี่ที่ไม่รู้ว่าพี่ห่าเหวอะไร เรียกไปแล้วถึงคิดได้ว่ายังมีไอ้ฝิ่น..ไอ้ฝิ่นที่ไม่เคยทิ้งผมไปไม่ว่าผมจะเลวร้ายแค่ไหน ไม่หรอกไม่เป็นไร ในตอนนี้สมองผมแค่คิดว่า มันอาจจะเป็นโรคอะไรแค่โรคหนึ่ง โรคที่พอผมไปหาหมอหมอก็จะบอกว่า คุณไอเดียร์รอฉีดยา พร้อมกับฉีดวัคซีนตัวนี้นะครับ ..แล้วพอรักษาจบคอสของหมอผมก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม..
“อ้วกกกก...”
เหมือนไอ้อะไรบางอย่างที่อยู่ในหัวและอกมันประท้วงผม กลิ่นหอมเอียนที่ผสมมากับของเหลวสีดำ มันฟุ้งขึ้นจมูก สีเขียวเหมือนยางไม้ยังคงไหลออกมาจากรอยปริที่ลำคอ ในตอนนี้ผมคงทำอะไรไม่ได้หรอก นอกจากเปิดน้ำในก๊อกให้มันรดราด ไอ้อะไรก็ตามที่ผมแสนรังเกียจ ..
ครั้งแรกที่ผมยกมือสวดภาวนา อย่านะ..อย่าให้ EL มันรู้เลยว่าผมเป็นอะไร อย่าให้มันเห็นผมในสภาพนี้เลย พระเจ้า พระเจ้า อย่าให้ไอ้ฝรั่งที่นอนอยู่ด้านนอกนั้นรังเกียจผมเลย ..