[เรื่องสั้น] ขอโทษที่หลายใจ เทียนเล่มที่ 9 จบแล้วขอรับ (รบกวนย้ายได้เลยขอรับ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] ขอโทษที่หลายใจ เทียนเล่มที่ 9 จบแล้วขอรับ (รบกวนย้ายได้เลยขอรับ)  (อ่าน 16601 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0








๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑




เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อร่วมกิจกรรมกับบอร์ด เป็นเรื่องสั้นขนาดไม่เกิน 50 หน้าขอรับ

ดีหรือไม่อย่างไรรบกวนติชมกันด้วยนะขอรับ :pig4:



ขอโทษที่หลายใจ





เทียนเล่มที่ 1





   เสียงฉิ่ง ฉาบ กลองยาว วงมโหรีไทยที่ดังกังวานด้วยทำนองเพลงสนุกสนาน เสียงมโหรสพที่ส่งเสียงประชันขันแข่งเพื่อเรียกคนดู แสงไฟดวงเล็ก ดวงน้อยที่ประดับอยู่รอบๆ โคมไฟรูปแบบต่างๆกันออกไป ดึงดูดให้ผู้คนต้องเข้าไปถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ซุ้มอาหารที่จัดแต่งแบบง่ายๆด้วยไม้ไผ่ หลังคามุงด้วยจากบ้าง แฝกบ้าง ส่วนคนที่คอยให้บริการก็แต่งตัวแบบไทยด้วยผ้าซิ่น เสื้อแขนกระบอกบ้าง เสื้อลายดอกบ้าง บางซุ้มก็นุ่งโจน คาดสไบ เสียงพลุและดอกไม้ไฟขนาดเล็กถูกจุดเล่นตามจุดที่ระบุเอาไว้อย่างชัดเจน เพื่อความปลอดภัยของผู้เล่นเอง และผู้ที่มาเที่ยวชมงานด้วยกัน

   แสงจันทร์ของคืนเดือนเพ็ญลอยกระจ่างฟ้า ส่องแสงทาบลงมาบนพื้นน้ำเป็นประกายเมื่อลมพัดพลิ้ว ขอบน้ำปริ่มฝั่งสมกับเป็นคืนจันทร์เต็มดวง โคมลอยลอยอ้อยอิ่งอยู่บนพื้นฟ้า และยังมีอีกหลายอันที่กำลังจะถูกปล่อยขึ้นไป จากกลุ่มของผู้คนที่มาท่องเที่ยว แต่กระนั้นก็ยังอยู่ในจุดที่ระบุไว้ว่าสำหรับปล่อยโคม เสียงไฟกลางน้ำจากเรือไฟขนาดใหญ่เด่นสง่ารอให้ผู้คนเก็บภาพ แสงไฟจากเทียนเล่มเล็กประชันแสงแข่งขันกันกลางท้องน้ำ

   น้ำพุที่อยู่ไม่ไกลจากฝั่งมากนัก สลับกันขึ้นลงราวกับจะเต้นตามเสียงเพลง บางครั้งก็กลายเป็นม่านน้ำ บ้างครั้งก็เล่นเป็นลูกคลื่น เสียงไฟสีสดที่ส่องอยู่ด้านล่างยิ่งเน้นให้สายน้ำไหวพลิ้วราวกับมีชีวิต

   “ ต่อจากนี้จะเป็นการปล่อยกระทงสาย แขกผู้มีเกียรติท่านใดสนใจ สามารถติดต่อขอรับกระทงได้จากจุดลอยกระทงค่ะ ” เสียงประชาสัมพันธ์จากส่วนกลางของงานดังขึ้น เป็นการแจ้งกำหนดการของงาน เพื่อจะให้ทุกคนที่เข้าร่วมได้รับทราบ และไม่พลาดหากผู้ใดต้องการเก็บภาพเอาไว้เป็นที่ระลึก แสงไฟจากม่านน้ำดับลง เหลือเพียงสายน้ำเท่านั้นที่ยังพลิ้วไหวอยู่

   มีผู้คนมากมายหลายวัยที่ให้ความสนใจในการร่วมลอยกระทงสาย แต่ด้วยการวางแผนงานมาก่อนหน้า จึงไม่ทำให้วุ่นวายหรือล่าช้าแต่อย่างใด กระทงสายจำนวนมากมายหลายพันถูกปล่อยจากบริเวณริมน้ำ ด้วยความร่วมมือของผู้ที่สนใจต้องการมีส่วนร่วม มองเห็นเป็นแสงไฟด้วยที่ลอยบนผิวเป็นทางยาว แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปสว่างวูบวาบแทบจะไม่ขาดสาย แสงจากกระทงใบจิ๋วกระทบกับม่านน้ำด้านหลัง ที่ดับไฟเอาไว้ก่อนแล้ว ส่องประกายวิบวับ

   “ หลังจากที่หลายท่านมีส่วนร่วมกับการปล่อยกระทงสายและชื่นชมความบนผิวน้ำไปแล้ว ช่วงต่อจากนี้ขอเชิญทุกท่านสัมผัสทางงดงามบนท้องฟ้า กับพลุและดอกไม้ไฟหลากสีค่ะ ” เสียงพิธีกรคนเดิมกล่าวขึ้นเมื่อกำหนดการของงานช่วงต่อไปกำลังจะเริ่มขึ้น

   เสียงพลุที่แตกกระจายบนท้องฟ้ายามค่ำคืน แสงหลากสีที่กระจายราวกับดอกไม้ที่เบ่งบานบนท้องฟ้า แข่งกับแสงจันทร์ดวงกลมโตที่ลอยเด่นอยู่กลางนภา พลุไฟหลายชุดที่จุดต่อเนื่องกันนั้นแม้ว่าเสียงของมันจะดังแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจเทียบกับความงามที่ปรากฏออกมาได้เลย

   เสียงร้องอื้ออึงด้วยความชื่นชมกับความงดงาม ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดตั้งแต่พลุดอกแรกที่จุดออกไปจนกระทั่งดอกสุดท้าย และเมื่อดอกสุดท้ายจางหายไฟกับฟากฟ้ายามราตรี จึงมีเสียงร้องแสดงความผิดหวังที่การแสดงชุดนี้จบลง

   “ เป็นอย่างไงบ้างคะกับพลุและดวงไม้ไฟที่เพิ่งจบลงไป หวังว่าทุกท่านจะชื่นชอบนะคะ ” น้ำเสียงหวานๆของพิธีกรดังขึ้นอีกครั้ง

   “ และต่อจากนี้ขอเชิญแขกผู้มีเกียรติ ชมความงามจากแสงโคมอันน้อยที่จะถูกปล่อยออกไปต่อจากนี้ แขกผู้มีเกียรติท่านใดต้องการเข้าร่วมในการปล่อยโคม สามารถติดต่อรับโคมได้ที่บริเวณที่ทางเราจัดเตรียมไว้สำหรับปล่อยโคมได้เลยค่ะ ” สิ้นเสียงประกาศผู้คนที่เข้าชมงานมากมายก็เดินไปยังจุดปล่อยโคมที่ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนเช่นกัน และก็ด้วยการคาดการณ์เอาไว้แล้วล่วงหน้า ว่าจะต้องวุ่นวายหากไม่มีการจัดการที่ดี จึงมีการวางแผนรับมือเอาไว้แล้ว จึงไม่เกิดความวุ่นวายแต่อย่างไร

   โคมไฟนับร้อย นับพันที่ถูกจุดและปล่อยออกไปนั้นสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมไม่น้อย นอกจากจะมีการปล่อยโคมที่บนฝั่งแล้ว ยังมีการปล่อยที่นอกฝั่งอีกด้วย เมื่อมองจากไกลๆแล้ว คล้ายกับว่าดวงไฟนั้นค่อยๆลอยขึ้นมาจากพื้นน้ำ แสงไฟดวงน้ำล่องลอยไปตามลม ลอยสูงขึ้นต่อๆกันไปเนื่องว่าเป็นการปล่อยที่ต่อเนื่องกัน การปล่อยโคมกินเวลาไม่นานก็จบลง เมื่อโคมใบสุดท้ายปล่อยขึ้นไปเรียบร้อย

   “ จบลงไปแล้วนะคะสำหรับกิจกรรมที่ทางเราจัดไว้สำหรับทุกท่าน แต่จะว่าจบก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เพราะจากนี้ไปก็จะเป็นการแสดงของน้ำพุกลางน้ำ ซึ่งจะมีต่อไปจนจบงาน แต่สำหรับช่วงเวลาต่อจากนี้ ดิฉันคงหมดหน้าที่แต่เพียงเท่านี้ ขอให้ทุกท่านสนุกกับงานวันลอยกระทงในวันนี้ ดิฉันต้องขอตัวออกไปลอยกระทง และร่วมสนุกกับงานนี้เช่นเดียวกับทุกๆท่าน แล้วพบกันค่ะ ” สิ้นเสียงประกาศจากส่วนกลาง ผู้คนก็ให้ความสนใจกับงานที่ยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าการแสดงชุดต่างๆที่ทางเจ้าของงานได้เตรียมไว้จะจบลงแล้วก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าความสนุกของงานจะจบลงตามไปด้วย

   เสียงอึกทึกของดนตรีหลากชนิด เสียงมโหรสพยังคงดังต่อเนื่องจากแสดงหลากหลายที่ส่งเสียงประชันกันเสียงพูดคุยของผู้ที่มาเที่ยวชมภายในงาน ที่ดูจะชื่นชมกันงานที่ตนเองเที่ยวชมอยู่ไม่น้อย เสียงชื่นชมที่แว่วผ่านเรื่องระบบความปลอดภัย การบริหารจัดการฝูงชนจำนวนไม่น้อยให้อยู่ให้เรียบร้อยทำให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี แม้จะมีกิจกรรมให้ผู้เที่ยวชมงานเข้าร่วมด้วยก็ตาม แต่กลับไม่มีความวุ่นวายเกิดขึ้นอย่างที่ผู้ที่เข้าร่วมงานกังวลแต่อย่างไร

   “ เธอๆ งานนี้ฉันนึกว่าจะวุ่นเสียตั้งแต่ประกาศให้พวกเราเข้าร่วมลอยกระทงสายซะอีก ที่ไหนได้ ทุกอย่างผ่านแบบง่ายไม่วุ่นอย่างที่ฉันนึกกลัว ” เสียงหนึ่งดังขึ้นเมื่อทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี และตัวคนพูดเองก็กำลังเดินชมงานอยู่เช่นกัน

   “ อย่าว่าแต่เธอเลย ฉันก็อดหวั่นไม่ได้อยู่เหมือนกัน แต่ก็นะต้องยอมรับล่ะว่า คนที่วางแผนระบบงานนี้เก่งทีเดียว ” อีกเสียงที่เดินมาด้วยกันกับเสียงแรกกล่าวอย่างเห็นพ้องต้องกัน

   “ ฉันได้ยินมาว่าคนที่วางแผนงานวางระบบต่างในงานนี้น่ะเป็นลูกชายของนายหัวกริช ” เสียงแรกพูดขึ้นมา ส่วนคนที่ฟังอยู่ก็พยักหน้าอย่างไม่มีอะไรขัด เพราะเป็นที่รู้กันทั่วว่าลูกชายของนายหัวผู้นั้นมีความสามารถมากจริงๆ



๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑



ฝากด้วยนะขอรับ :3123:









Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-05-2012 12:08:11 โดย Ice_Iris »

ออฟไลน์ owo llยมuมข้u

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0





ขอโทษที่หลายใจ
[/color][/size]


เทียนเล่มที่ 2






   เสียงพูดคุยของหลายๆคนที่ผ่านเข้ามานั้นล้วนแต่ชื่นชมงานที่จัดขึ้นอย่างเรียบง่าย หากแต่ดูงดงาม เลยไปถึงการอำนวยความสะดวกที่ได้รับตลอดงาน

   “ ยังจัดงานได้ดีเหมือนเคยเลยนะครับ ” เสียงที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้ร่างที่หลบอยู่หลังเงาต้นไม้ถึงกับสะดุ้งไปเล็กน้อย ด้วยไม่คิดว่าจะมีใครเข้ามาทักในตอนนี้ ร่างนั้นผินหน้ากลับมา เมื่อเห็นได้ชัดว่าคนที่ทักนั้นเป็นใครจึงระบายลมหายใจออกช้าๆ ก่อนที่เสียงทุ้มนุ่มไม่ห้าวเหมือนเสียงแรกจะตอบกลับ

   “  นายหัวกาหยู1 ขอบคุณมากนะครับที่ให้เกียรติมาเที่ยวงานเล็กๆของเรา ไม่คิดว่านายหัวกาหยูจะมา ไม่ทันต้อนรับต้องขอโทษด้วยนะครับ ” ร่างนั้นค้อมศีรษะเล็กน้อยเป็นการขอโทษผู้ที่ตนคุยด้วย

   “ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นกระมังครับนายน้อยอังสนา2 ผมแค่แวะมาเที่ยวงานตามประสาเท่านั้น อย่าให้ลำบากเลยครับ ว่าแต่งานเล็กอะไรกันครับคุณอังสนา ผมว่านี่มันใหญ่มากต่างหาก ” ที่นายหัวกาหยูว่ามานั้นก็ไม่ผิดเสียทีเดียว เพราะงานที่จัดนั้นใหญ่เกินกว่าจะเป็นแค่งานภายในเท่านั้น และเสียงที่ตอบกลับมาด้วยท่าทางเป็นทางการ สีหน้าเรียบเฉยเสียจนฝ่ายที่ถูกทักก่อนนั้นอดรนทนไม่ไหว ต้องหลุดขำออกมาก่อน คนที่เป็นฝ่ายหัวเราะก่อนจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

   “ พี่กาหยู ไม่เห็นต้องเรียกยิหวา3เต็มยศขนาดนั้นเลยครับ ฟังแล้วมันจักจี้หูยังไงก็ไม่รู้ เรียกเหมือนที่เคยเรียกดีกว่า ส่วนงานวันนี้ยิหวาไม่คิดจะให้มันยิ่งใหญ่อะไรหรอกครับ แค่ต้องการจัดให้ทุกคนที่มางานรู้สึกชื่นชม และก็ชื่นชอบแค่นั้นเอง” คนที่เรียกคนเองว่ายิหวากล่าวยิ้มกับคนที่ยืนอยู่ด้วยกับตน และเช่นเดียวกัน บุคคลที่ที่อยู่ด้วยนั้นก็มีท่าทีต่างไปจากเดิมเช่นกัน เห็นได้ชัดจากรอยยิ้มน้อยๆ

กาหยู1 แปลว่า เม็ดมะม่วงหิมพานต์
อังสนา2 แปลว่า ดอกประดู่
ยิหวา3 แปลว่า ดวงชีวิต, ดวงใจ

   ยิหวาชายหนุ่มร่างเล็ก ไม่บอบบางแบบผู้หญิง แต่ก็เล็กว่าผู้ชายด้วยกันอยู่มาก ความสูงแม้จะไม่สูงอย่างผู้ชายทั่วไป หากมองด้วยสายตาแล้วก็น่าจะเกิน 170 ซม. ใบหน้ารูปไข่ จมูกโด่ง ริมฝีปากบาง คิ้วโก่งสวยได้รูป ดวงตาคมโต แลดูหวาน แต่ก็ออกโศกอยู่นิดหน่อย ผิวเหลือง ไม่คล้ำอย่างถิ่นที่อยู่ เรือนผมรองทรง ไว้รากไทรเคลียบ่า หากจะบอกว่าตาหน้าและผิวพรรณนั้นเข้าตำราผิวพม่า นัยน์ตาแขกก็คงไม่ผิดนัก

   “ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าใครแถวนี้เรียกพี่เต็มยศก่อนกัน พี่ได้ยินอย่างนั้นก็คิดว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพี่คือคุณอังสนา แห่งอังสนกุล เสียอีก ” บุคคลที่โดนเรียกว่านายหัวกาหยูนั้นตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย หากดวงตานั้นมีรอยยิ้มอยู่ และเมื่อบุคคลแรกเปลี่ยนจากคำที่เป็นทางการมาเป็นการสนทนาแบบกันเอง กาหยูจึงไม่ลังเลที่จะเรียกอีกฝ่ายอย่างสนิทสนม เพราะความที่รู้จัก และสนิทสนมกันอยู่พอสมควร

   เหตุที่รู้จักและสนิทสนมกันมาก่อนนั้นเนื่องมาจาก ธุรกิจที่ทำอยู่มีความเอื้ออำนวยต่อกัน ชายหนุ่มนั้นประกอบธุรกิจที่เกี่ยวกับห้องแช่แข็ง และผลิตภัณฑ์แช่แข็ง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จำพวกอาหารสด ซึ่งทางรีสอร์ทของอีกฝ่ายนั้นก็ต้องการอาหารสดเพื่อมาประกอบอาหาร นอกจากนี้ ทั้งพ่อ และแม่ของทั้งคู่ก็รู้จักกันในฐานะเพื่อนร่วมชั้นเรียนกันมาก่อน จึงไม่ใช่เรื่องยากที่รุ่นลูกจะสนิทกัน

   “ พอเถอะครับพี่กาหยู อย่าล้อยิหวามากนักเลย ว่าแต่พี่กาหยูมาเที่ยวคนเดียวหรือครับ ” ยี่หวาเอ่ยถามอย่างแปลกใจเล็กน้อย เพราะปกติแล้ว ข้างกายของนายหัวกาหยูไม่เคยว่างเว้นจากสาวๆที่คอยเดินตามไม่ห่าง

   “ พี่มาคนเดียวแล้วเป็นอย่างไรจ๊ะ มันแปลกนักหรือ ” กาหยูถามอย่างไม่ใคร่สนใจสิ่งที่ถูกถามมากนัก แต่เมื่อเห็นสีหน้าและสายตาของคนตรงหน้าก็พอจะเดาสิ่งที่คนตรงหน้าถามได้

   “ ไม่ต้องมามองพี่แบบนั้นเลยยิหวา ไม่ต้องมาทำเป็นรู้ทันเลย แต่ก็ดี วันนี้พี่ขอควงนายน้อยแห่งอังสนกุล ให้ใครๆแถวนี้อิจฉาเล่นหน่อยแล้วกัน ” ว่าจบก็คว้าข้อมือของคนตรงหน้า แต่ก่อนจะได้ก้าวออกจากที่ยืนอยู่ก็เหมือนกาหยูนั้นจะนึกอะไรได้ขึ้นมา

   “ น้องยิหวา ว่าแต่วันนี้ไอ้เจ้าระเด่นลันได4มันหายไปไหนเสียแล้วล่ะ ปกติจะต้องอยู่ข้างๆเรายังกับจงอางหวงไข่ แต่พี่ดูไปดูมา เจ้านั่นน่ะ เหมือนหมาหวงเจ้าของมากกว่า ” เสียงที่ดังอยู่ในระดับเดิมถูกลดลงมาเป็นเสียงกระซิบเมื่อเอ่ยถึงบุคคลที่สาม กาหยูถามถึงบุคคลที่ปกติแล้วจะคอยตามคนตรงหน้าเขาไม่ให้คลาดสาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงที่มีคนเยอะๆแบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เรียกว่าตามยิ่งกว่าเงาตามตัวเสียอีก

   “ พี่กาหยูพูดอะไรแบบนั้นครับ ถ้าพี่ระเด่นมามาได้ยินเข้า ยิหวาว่า มีวางมวยแน่เลย ” ร่างเล็กนั้นยิ้มน้อยๆ ทำให้เห็นลักยิ้มเล็กๆที่มุมปากทั้งสองข้างอย่างน่ารัก ก่อนจะกล่าวต่อ

   “ จริงๆแล้วพี่ระเด่นก็ไม่อยากให้ยิหวามาอยู่คนเดียวหรอกครับ แต่คุณป๊าเรียกไว้ก่อนน่ะครับ ยิหวาไม่อยากรอ แล้วก็อยากจะออกมาดูความเรียบร้อยด้วยก็เลยหนีออกมาก่อน นี่ถ้ารู้ว่ายิหวาแอบออกมาคนเดียวนะครับ ไม่อยากจะคิดต่อ หูยิหวาแฉะแน่ ” ร่างเล็กพูดเบาๆราวกับกลัวคนที่ตนเองพูดถึงจะได้ยิน แต่ยังไม่ทันที่ยิหวาจะได้ว่าอะไรต่อ เสียงของบุคคลที่สามก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน

   “ พี่ก็ว่าอย่างนั้นนะ ส่วนนายถามหาข้าคิดถึงกันมากขนาดนั้นเชียวหรือไอ้เกลอ ” เสียงที่ดังขึ้นมาจากต้นไม้ด้านหลัง ก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินเข้ามายังบริเวณที่ทั้งคู่ยืนคุยกันอยู่ก่อนแล้ว

   “ พี่ระเด่น/ไอ้ระเด่นลันได ” สองเสียงที่อุทานขึ้นพร้อมๆกัน เพราะเจ้าของชื่อนั้นนึกจะโผล่ ก็โผล่มาเสียอย่างนั้น

ระเด่นลันได4 กลอนบทละคร แต่งโดย พระมหามนตรี (ทรัพย์) เป็นบทล้อสังคมเรื่องแรกในวรรณคดีไทย

   “ เออ!!! ก็ข้าน่ะสิไอ้มะม่วง ส่วนเราเดี๋ยวค่อยชำระความ อ้อ!!! อีกอย่างข้าชื่อระเด่นปาตี5 ดูปากชัดๆ ระเด่นปาตี ไม่ใช่ระเด่นลั่นไดอะไรของแกไอ้มะม่วง แล้วก็ปล่อยมือน้องข้าเลย ” ชายที่ชื่อว่าระเด่นก้าวเข้ามายืนอยู่ในวงสนทนา พลางว่าคนที่เรียกชื่อตนเองผิด พร้อมกันนั้นก็เรียกชื่ออีกฝ่ายแบบผิดๆเช่นกัน

   “ ข้าชื่อกาหยู ไม่ใช่มะม่วงโว้ย ไอ้ระเด่นลันได ” แต่ก็ใช่ว่าคนอย่างกาหยูจะยอมอีกฝ่ายได้ง่ายๆ

   “ แล้วมันต่างกันยังไงไอ้มะม่วง แกชื่อกาหยูก็แปลว่ามะม่วงไม่ใช่หรือไง และข้าขอบอกนะว่า ถ้าจะชื่อข้าเต็มๆ ก็เรียกให้มันถูกหน่อย ข้าชื่อระเด่นปาตี ไม่ใช่ ระเด่นลันไดของแก ดูปากข้า แล้วฟังให้ชัดๆ... ”

   “ พอเถอะครับ ทั้งคู่นั่นล่ะ นี่ถ้าพวกที่ทำงานงานอยู่ด้วยมาเห็นนายหัวทั้งสองทะเลาะกันเป็นเด็กๆ แล้วเด็กที่ไหนมันจะไปเชื่อครับ ” ยิหวาห้ามศึกน้ำลายของเพื่อนพี่ และพี่ชายอย่างปลงๆ สองคนนี้เจอหน้ากันทีไร ต้องมีเรื่องมาทะเลาะกันทุกที แต่ก็ไม่ใช่ทะเลาะเพราะเกลียดกัน แต่ทะเลาะตามประสาเพื่อนรัก

   “ เหอะ!!! ทำมาพูดดีไปไอ้ตัวเล็ก เรายังมีคดีความค้างชำระอยู่นะ อย่าคิดว่าพี่ลืม ” ถึงแม้ว่ายิหวาไม่ห้าม เขาก็ไม่คิดทีจะทะเลาะกับเจ้าเพื่อนปากดีคนนี้ต่ออยู่แล้ว เขาไม่ค่อยเปิดเผยตัวตนด้านนี้สักเท่าไหร่ คนที่ไม่สนิทจะคิดว่าเขาเป็นนายหัวที่เคร่งขรึม และเอาจริงกับงาน ซึ่งก็พอๆกับนายหัวกาหยูแห่งผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็งนั่นล่ะ

   “แต่วันนี้พี่จะยกประโยชน์ให้จำเลย  เพราะถือว่าวันนี้เป็นงานรื่นเริง ว่ามากจะเสียบรรยากาศ ” ระเด่นว่าพลางยกมือยีหัวน้องชายเล่นอย่างมันเขี้ยว

   “ พอเลยพี่ระเด่น หัวยิหวายุ่งหมด ” เขาว่าพลางส่งค้อนให้พี่ชาย แล้วเดินหนีออกมา ทำให้คนเป็นพี่ต้องวิ่งตามมาง้อเด็กขี้งอน

ระเด่นปาตี5  เกิดจาคำสองคำที่ผู้เขียนเอามาต่อกันคือ ระเด่น แปลว่า โอรส หรือธิดา ปาตี แปลว่า ผู้เป็นใหญ่ เมื่อแปลเรียงตามความเข้าใจของผู้เขียนคือ โอรสหรือธิดาผู้เป็นใหญ่

   กาหยูถึงกับส่ายหน้าให้กับคนที่ชอบแกล้งน้องให้งอน แล้วตามง้อ  กับน้องที่งอนให้พี่ง้อ เห็นแล้วมันก็พอกันทั้งคู่ แต่หากมองจากมุมของคนนอกที่ไม่รู้ว่าสองคนนี้เป็นพี่น้องกัน ใครก็คงคิดว่าเป็นคู่รักที่ชอบหยอกล้อกันเป็นแน่

   ห่างออกมาไม่ไกลนัก แม้จะไม่ได้ยินเสียงสนทนาแต่ภาพการหยอกล้อเบื้องหน้านั้นก็ทำให้เท้าที่กำลังจะก้าวเข้าไปนั้นชะงักลง เสี้ยวหน้าที่เห็นผ่านแสงไฟประดับนั้นช่างดูน่ากลัว ดวงตาที่แสดงออกถึงความโกรธแค้นอย่างไม่ปิดบัง หากก่อนที่ร่างนั้นจะหันหลังกลับทางเดิม ประโยคหนึ่งก็ถูกเอื้อนเอ่ยออกมา

   “ ผ่านไปตั้งหลายปี ไม่คิดว่าจะยังร่านเหมือนเดิม ”












Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป
 :L2: :L2:   เปนกำลังใจให้นะค่ะ

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0









ขอโทษที่หลายใจ






เทียนเล่มที่ 3




   เสียงร้องเพลงจังหวะสนุกสนาน เพลงล้อเลียน ดังขึ้นจากซุ้มรับน้องปี 1 นักศึกษาใหม่หน้าตาแปลกๆ เพราะถูกแป้งผสมสีทาเอาไว้ จนดูไม่ออกว่าจริงๆแล้วแต่ละคนหน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง ส่วนทรงผมนั้นก็มาเซ็ทเดียวกัน ไม่มัดแกะ ก็ผูกจุก พอมองแล้วก็เห็นขัน ยิ่งถูกพี่ๆแกล้งให้เต้นด้วยท่าทางประหลาดๆด้วยยิ่งแล้วไปใหญ่

   “ เฮ้อ!!! เซ็งเลยแก ข้าบอกให้มาเร็วๆ มาก่อนที่รุ่นน้องมันจะจับแต่งหน้า แต่พวกแกมัวแต่ไปแหล่สาวปีเดียวกัน แล้วเป็นไง ทีนี้เลยไม่รู้ว่าน้องปี 1 ปีนี้มีใครน่ารัก น่าฟัด เอ้ย!!! น่า ทะนุถนอมบ้าง ” เสียงบ่นไม่จริงจังนัก ดังมาจากนักศึกษาชายกลุ่มหนึ่ง ที่เพิ่งเดินเข้ามา

   “ แกจะบ่นหาวิมานอะไรวะไอ้คุณโจ ถึงยังไงแกก็หลีหญิงได้อยู่ดี ไม่ได้ปี 1 ก็หลีปี 2 เมื่อกี้แกก็ร่วมวงด้วยไม่ใช่รึไง ” เสียงโต้แย้งจากอีกคนว่าขึ้น ซึ่งคนที่โดนว่าก็ใช่ว่าจะใส่ใจ เพราะเขาแค่เพียงไหวไหล่เล็กน้อยเท่านั้น

   “ ก็ยัยนั่นหุ่นมันน่าฟัดจริงๆนี่หว่า อยู่มาตั้งนาน มันเพิ่งจะดูดี สงสัยไปอัพไซต์มาแน่ๆเลยว่ะ แต่วันนี้ที่ข้าเสียดายน่ะ ก็เพราะว่า จากสายข่าวของข้าบอกว่า จะมีน้องปี 1 จากภาคอินเตอร์มาเข้าร่วมกับเราอ่ะดิ ข้าก็เลย.... ”

   “ เอ็งก็เลยอยากจะจิจ๊ะกับเขาอ่ะดิ ไอ้เฒ่าหัวงู แค่อ้าปากก็มองเห็นตูดแล้ว ” ชายหนุ่มคนเดิมว่าขึ้นมาอีกครั้ง

   “ แล้วไงวะไอ้นิน อย่างข้าเขาเรียกเพลย์บอยโว้ย ไม่ใช่เฒ่าหัวงู เรียกให้มันดูดี มีชาติตระกูลหน่อยสิว้า เออ!!! แต่ตอนนี้ข้ามีไอเดียบรรเจิดแล้วว่ะ ” นายโจยังได้ต่อ ไม่มีสะดุดให้เสียดุล

   “ ไอเดียอะไรของแกวะ ” นายนินถามขึ้นบ้าง

   “ นี่ไอ้คุณชายพัทธยา1 แกไม่คิดจะเปิดปากพูดบ้างหรือไง รึกลัวว่าพูดแล้วดอกพิกุลจะร่วงวะ ” โจหันมาว่าเพื่อนอีกคนที่เดินมาด้วยกัน แต่ยังไม่คิดจะพูดอะไรเลยจนถึงตอนนี้

   “ ไม่มีอะไรน่าพูด เพราะข้ารู้ว่าถึงข้าไม่พูดเอ็งก็ต้องคลายออกมาอยู่ดี ” ชายหนุ่มที่เงียบมานานเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรก

   “ เออๆๆ ข้าไม่เถียงสู้กับแกแล้ว ไม่อยากรังแกเด็กว่ะ ส่วนเรื่องไอเดียที่ข้าปิ้งขึ้นมาก็คือ ตอนนี้พวกแกก็เห็นว่าเด็กปี 1 หน้าพิมพ์เดียวกัน ” นายโจว่าพลางเว้นระยะให้น่าติดตาม

   “ แล้วยังไงวะ ช่วยพูดให้มันจบเลยทีเดียวได้มะ ” ซึ่งมันก็ได้ผล เพราะนายนินนั้นต้องการจะรู้ต่อว่าท้ายที่สุดแล้วมันจะเป็นอย่างไร

   “ เออๆๆ คือน้องปี 1 ตอนนี้เราแยกไม่ออกใช่มะว่าใครน่ารัก ใครขี้เหร่ ” นายโจว่า ซึ่งนายนินนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย นายโจจึงพูดต่อ

   “ ก็อย่างนี้ไง มันก็น่าจะตื่นเต้นดี ถ้าเราเลือกใครสักคนออกมา เป็นคนที่มองหลบตาเราคนแรก ไม่ว่าคนๆจะน่ารัก หรือน่าชังขนาดไหน พวกเราก็ต้องคบกับคนๆนั้นให้ได้ 1 เดือน โดยไม่มีข้อแม้ ถ้าใครทำไม่ได้ คนนั้นต้องเป็นลูกไล่ของทุกคน โอป่ะ ” จะว่าไปมันก็น่าสนใจอยู่เหมือนกัน เขาทั้ง 3 คนนั้นได้ชื่อว่าหล่อขั้นเทพ ใครๆก็พร้อมที่เข้าหา เพียงแค่เรียกเท่านั้น

   หลังจากที่ฟังเงื่อนไงของเพื่อนแล้ว เขาก็ไม่ใคร่จะอยากร่วมด้วยนัก แต่ก็ไม่จะแย้งอะไรให้มันมากความ จึงเฉยไว้ แล้วปล่อยให้เจ้าพวกที่ชอบหาเรื่องใส่ตัว หาเหาใส่หัวเล่นกันต่อไป

พัทธยา1 แปลว่า ลมที่พัดมาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือในต้นฤดูฝน

   “ นาย 2 คนเล่นกันเองแล้วกันนะ ฉันไม่อยากหาเหาใส่หัว ” เขาตอบ พลางจะเดินออก แต่ก่อนจะได้ทำเช่นนั้นก็โดนดึงแขนไว้เสียก่อน

   “ อะไรวะ นายป๊อดหรือไง ไม่ต้องเลย ข้าต้องการให้แกเล่นด้วย เข้าใจมั้ย ” ว่าแล้วท่านโจก็ดึงแขนเพื่อนรักผู้ที่ไม่อยากจะร่วมวงด้วยเข้ามาเกี่ยวจนได้

   จนแล้วจนรอด 3 ทหารเสือก็มายืนอยู่ด้านหน้าน้องใหม่จนได้ เด็กปี 1 หน้าตาจิ้มลิ้ม จะว่าไปแล้วตอนนี้ทุกคนมันก็ออกมาเซ็ทเดียวกัน ไม่รู้ว่าน้องปี 2 แต่งตัวให้ดีเกินไปหรือไง ถึงแยกความต่างไม่ออกเลย

   เสียงเพลงสนุกสนานพลันเงียบลง เมื่อมีกลุ่มรุ่นพี่ปีสูงกว่าเดินเข้ามา เสียงทักทายจากน้องปี 2 และเสียงพูดคุยเบาๆ ที่เล็ดรอดออกมาให้ได้ยินจับใจความได้ไม่ยาก เพราะมันค่อนไปทางเดียวกัน คือ ‘ ใครน่ะ ’ กับ ‘ หล่อจัง ’ ซึ่งแน่นอนว่ากว่าครึ่งเป็นเสียงของผู้หญิง ซึ่งทำให้คนที่เพิ่งเดินเข้ายกยิ้มได้ไม่ยาก

   “ สวัสดีครับน้องๆ พี่ชื่อโจ ส่วนข้างซ้ายพี่ชื่อนิน ด้านขวาชื่อพี่พัทธ พี่ 3 คนขอเป็นตัวแทนเพื่อนๆในชั้นปี 4 กล่าวคำว่า ‘ ยินดีต้อนรับ ’ น้องใหม่ ปี 1 ทุกคนนะครับ ” ทุกสายตาหยุดอยู่ที่เบื้องหน้า

   “ สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ ” เสียตอบรับจากน้องใหม่ปี 1 ที่ตอบกลับมาพร้อมกัน แววตาของนักศึกษาหลายคนนั้นเป็นแววตาเดียวกัน คือออกจะชื่นชมรุ่นพี่ทั้ง 3 อยู่ไม่น้อย ซึ่งปี 2 นั้นบอกให้ปี 1 แนะนำตัวทีละคน

   สองหนุ่มแจกยิ้มหวานที่คิดว่าละลายใจใครได้ไปทั่ว แต่กลับพัทธยานั้น เขาเลือกที่จะยิ้มแบบธรรมดาให้แทน เพราะเขาไม่คิดที่จะเล่นเกมส์นี้กับเพื่อนอยู่แล้ว แต่แล้วก่อนที่เขาจะเบนสายตาออกมาจากกลุ่มน้องปี 1 ก็มีดวงตาคมโตมองมาที่เขาก่อนจะหลุบตาหลบอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาหันมาสบตาเข้าพอดี และนั่นก็ไม่ได้รอดสายตาของสองสหายไปได้ เพราะเจ้าเพื่อนตัวดีนั้นกระทุ้งศอกใส่เขาเสียแล้ว

   “ เอาล่ะครับน้อง พวกพี่ไม่กวนแล้ว ยังไงก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่ปี 2 เขาแล้วกัน ยังพี่ก็ต้องบอกว่ายินดีต้อนรับอีกครั้งนะครับ แล้วเจอกันนะครับ ” นายโจกล่าวลาน้องใหม่  แต่ก่อนที่จะกลับนั้นเขาได้หันมากระซิบกระซาบบางอย่างกับรุ่นน้องปี 2 ก่อนที่เจ้าตัวจะหันไปแจกยิ้มอีกครั้ง แล้วจึงเดินตามเพื่อนๆออกมา

   “ เป็นไงบ้างวะ น้องใหม่ปีนี้ ฉันว่ามีเด็ดเหมือนกันนะ แต่ที่อยากรู้น่ะของใครจะเด็ดกว่ากัน ” นายนินเอ่ยขึ้นหลังจากที่ทั้งสามเดินออกมายังโต๊ะประจำเป็นที่เรียบร้อย

   “ ฉันว่าของฉันน่ะต้องเด็ดอยู่เหมือนกันนะ ถึงจะโดนทาสี แต่ก็ยังดูดีนะโว้ย ” นายโจเอ่ยขึ้นมา เมื่อน้องใหม่ที่หลบตาตนเองเป็นคนแรกตามกฎที่ตั้งไว้นั้นหน้าตาก็พอดูได้ เพราะเจ้าตัวไม่ได้โดนแป้งสีมากมัก ทำให้พอเห็นใบหน้าได้บ้าง

   “ ทำเป็นพูดดีไป ของฉันก็ใช่ย่อยนะโว้ย หล่อ น่ารัก น่าฟัดอยู่ ” นายนินกล่าวขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าเด็กของตนเองนั้นจะไม่ใช่ผู้หญิง แต่สำหรับพวกเขาแล้วมันไม่ใช่ปัญหา

   “ จะว่าไปแล้ว เด็กนายน่ะ ฉันว่านะหน้าตาคงดูไม่ได้แน่ๆเลยว่ะ ไม่งั้นไม่โดนโบ๊ะจนเละซะขนาดนั้นหรอก ฉันว่าคราวนี้เห็นแววคนแพ้มารำไรแล้วว่ะ ”

   “ ฉันก็ว่างั้นแหละ ” นายนินว่าพลางหัวเราะคนที่นั่งเงียบอยู่ ซึ่งนายโจเองก็เห็นพ้องอย่างไม่มีเงื่อนไข ทั้งคู่จึงหัวเราะเยาะเพื่อนอย่างสบายใจ

   บ่ายคล้อยเสียงเพลงตามซุ้มต่างๆเงียบเสียงลง เสียงพูดคุยหยอกล้อจึงดังขึ้น เวลาที่ทั้งสามหนุ่มรอจึงใกล้มาถึง ก่อนกลับออกมาเมื่อตอนเช้านั้น นายโจได้กระซิบบอกน้องปี 2 ว่าต้องการพบน้องปี 1 ที่โต๊ะประจำ น้องคนที่รับเรื่องไว้นั้นก็ดูจะเข้าใจโดยพลัน เพราะยอดชายนายโจมักจะหาอะไรมาเล่นแก้เซ็งเสมอ และเมื่อเรียกน้องปี 1 ไปหาก็คงต้องเรื่องเล่นอะไรอีกเป็นแน่

   นักศึกษาหน้าใหม่ที่เห็นเดินอยู่ไม่ไกลนั้นเรียกสัญชาตญาณความอยากรู้ให้เพิ่มขึ้นว่าแต่ละคนที่ตนได้เลือกนั้นจะหน้าเป็นไปตามที่คิดหรือเปล่า และแล้วน้องใหม่ทั้ง 3 ก็มายืนอยู่ตรงหน้า

   “ เป็นยังไงบ้างครับน้อง รับน้องวันแรก ” นายโจเปิดประเด็นถามขึ้นก่อน ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับแผ่วเบาประมาณว่า ‘ ดี ’

   “ และหากว่าตอนนี้น้องๆกำลังสงสัยว่าทำไมต้องมาพบพี่ๆหลังเลิกซุ้ม พวกพี่จะช่วยเฉลยให้ดังนี้ ” นายนินพูดขึ้นมาเมื่อเห็นว่านายโจไม่มีทีท่าว่าจะพูดต่อ

   “ ครับน้องๆไม่ต้องตกใจไปนะครับ พวกพี่แค่อยากจะพาน้องๆไปเลี้ยงข้าวสักมื้อเป็นการรับน้องไปในตัว ถือซะว่าเป็นรางวัลพิเศษที่น้องทั้ง 3 คนในความร่วมมือกับกิจกรรมเป็นอย่างดีแล้วกัน ” นายโจบอกจุดประสงค์เมื่อเห็นสีหน้าแปลกใจระคนสงสัยของน้องปี 1

   “ แต่ตอนนี้น้องช่วยแนะนำตัวกับพวกพี่อีกรอบแล้วกันนะครับว่าใครชื่ออะไรกันบ้าง ” ยังคงเป็นนายโจอีกเช่นเคยที่พูดขึ้นมา แต่ก็ทำให้น้องใหม่ที่ยืนก้มหน้าอายๆนั้นเอ่ยบอกชื่อตนเองเบา โดยคนที่ยืนอยู่ซ้ายสุดเป็นเด็กที่นายโจเลือกได้ แว่วว่าชื่อน้องพิม ส่วนเด็กหนุ่มตัวโย่งผิวเหลืองตรงกลางนั้นเป็นเด็กที่นายนินเลือกได้ชื่อว่ากันต์ และคนสุดท้ายนั้นเป็นของคุณชายที่นั่งเงียบมาตลอดรายการ เด็กหนุ่มตัวไม่ใหญ่มากที่ยืนก้มหน้าไม่กล้าสบตาคนที่มองอยู่นั้นเอ่ยแนะนำตนเองเบาๆว่า ‘ ยิหวา ’

   “ น้องๆก็แนะนำตัวกันไปแล้ว พี่ขอแนะนำตัวเองอีกครั้งนะครับ พี่ชื่อโจ ส่วนขวามือพี่ชื่อนิน และซ้ายสุดที่นั่งอยู่อมพะนำไม่พูดไม่จาอยู่นั่นชื่อพัทธ ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะครับ แต่ตอนนี้ก่อนที่พวกเราจะไปหาอะไรทานกัน  พี่ว่าน้องๆไปล้างหน้า ล้างตากันก่อนดีกว่านะครับ ” นายโจว่าพลางเดินนำน้องไปยังห้องน้ำที่อยู่ภายในอาคารเรียน โดยมีนายนินที่กำลังดึงให้คุณชายเงียบสนิทอย่างพัทธยาเดินตาม หรือจะเรียกฉุดกระชากให้เดินตามก็คงไม่ผิดนัก เพราะเจ้าตัวดูจะไม่ค่อยกระตือรือร้นเลยแม้แต่น้อย

   “ เป็นอะไรไปวะไอ้คุณชายพัทธยา ถึงกลับรับไม่ได้ตั้งแต่ตอนนี้เลยเหรอวะ เอาน่าทนๆไปเถอะ แค่เดือนเดียวเอง หรือไม่แกก็คิดเสียว่าทำบุญให้กับคนยากไร้ก็ได้วะ เพราะฉันว่านะหน้าตาแบบของเด็กแกน่ะ คงจะหาแฟนไม่ได้ว่ะ ” นายโจว่าเมื่อส่งเด็กของแต่ละคนเข้าห้องน้ำไปแล้ว

   “ นั่นสินะ ฉันว่าได้บุญดีนา ” นายนินเห็นพ้องต้องกันกับนายโจ ส่วนพัทธยานั้นเขารู้สึกเฉยๆ เขาไม่ได้ต้องการจะเล่นแบบนี้อยู่แล้ว

   หลังจากที่เด็กปี 1 หายไปพักใหญ่แล้วจึงกลับออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าที่ดูดีกว่าเดิมมาก แต่กระนั้นแล้ว คนที่ยังไม่เสร็จออกมาคงจะเป็นน้องใหม่ที่ชื่อยิหวาคนนั้น

   “ เฮ้ย!!! พัทธฉันว่าน้องแกโดนห้องน้ำกินตับไปแล้วมั้ง ” นายโจว่า เพราะเด็กของตนเองที่เข้าไปพร้อมกันนั้นออกมาตั้งนานแล้ว

   “ ฉันก็ว่างั้น นายเข้าดูหน่อยดิ ” นายนินว่าขึ้นบ้าง ซึ่งพัทธยาเองก็ออกจะเห็นใจน้องคนนั้นอยู่ไม่น้อย โดนละเลงแป้งเสียเต็มหน้า เต็มตัวขนาดนั้น เขาจึงไม่ว่าอะไร เพราะเขาก็คิดว่าจะเขาไปดูอยู่พอดี แต่ก่อนที่จะได้ก้าวเท้าไปเสียงที่หน้าห้องน้ำก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน

   “ ขอโทษที่ให้รอครับ ” น้ำเสียงที่แสดงความเสียใจอย่างที่พูด บวกกับดวงตาที่ลุแก่โทษก็ทำให้คนอ้าปากจะว่าต้องหุบฉับทันที

   “ โอ้!!! เงาะถอดรูปหรือไงวะ ” นายนินอุทานขึ้นเมื่อเห็นดวงหน้าที่ปราศจากแป้งสีนั้นชัดเจน

   “ ก็ว่าอยู่ ตอนนี้ฉันเริ่มอิจฉาไอ้คุณชายพัทธซะแล้ว ” นายโจยืนกระซิบกับนายนิน

   “ เอ่อ...ขอโทษที่ให้รอนานนะครับ พอดีว่าแป้งมันเปื้อนเยอะน่ะครับ ต้องขอโทษจริงๆ ” ยิหวาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่ารุ่นพี่สองคนยืนกระซิบอะไรกันอยู่

   “ เรียบร้อยแล้วก็ดีแล้วล่ะ เราไปทานข้าวกันเถอะ เดี๋ยวคนที่ร้านจะเยอะ ” พัทธยาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนอีกสองคนของตนเองนั้นกลายเป็นใบ้ไปเสียแล้ว เขาแตะศอกยิหวาเบาๆให้ออกเดินไปด้วยกัน พร้อมกับหันไปพยักหน้าให้น้องปี 1 อีกสองคนออกเดินเช่นกัน

   ครั้งนั้นนับว่าเป็นการทำความรู้จักกันครั้งแรกในฐานะของรุ่นพี่รุ่นน้อง เวลาหนึ่งเดือนกับนายโจกำหนดไว้ดูจะไม่มีความหมายอะไรเลย เพราะเขายังคงไปมาหาสู่ยิหวาเหมือนเดิม ผิดกับอีกสองคนนั้นที่คบได้ไม่ถึงอาทิตย์ก็โบกมือลากันเสียแล้ว

   น้องพิมของนายนินนั้นเห็นเรียบร้อยน่ารัก แต่กับหว่านเสน่ห์ให้หนุ่มๆอีกมากมาย เรียกว่าต่างคนต่างแฟร์ ไม่มีพันธะต่อกัน ซึ่งก็เข้าทางนายนินอยู่ไม่น้อย ส่วนนายโจนั้นกับน้องกันต์เหมือนจะไปได้ดีแต่สุดท้ายนายโจก็ออกลาย เพราะไม่ชอบที่จะคบกับใครนานๆ

   ส่วนตัวเขาเองนั้นถึงจะเป็นเพลย์บอยตัวเอ้ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องแพ้ใจให้กับเด็กอย่างยิหวา ยิหวาไม่เคยมาวุ่นวายในเรื่องส่วนตัวของเขา ไม่เคยก้าวก่ายในเรื่องที่เขาไม่บอก ไม่เคยเซ้าซี้ มีเพียงรอยยิ้มเท่านั้นที่ยิหวามีให้เขาตลอด เขาไม่เคยคบกับใครโดยที่ไม่มีอะไรกับคนๆได้นานเท่ายิหวา ทุกคนที่เขาหาเขานั้นต่างก็มีข้อแลกเปลี่ยนที่สมน้ำ สมเนื้อ แต่กับยิหวามันไม่ใช่ ยิหวาทำให้เขารู้สึกอย่างปกป้อง ให้เกียรติ ไม่อยากที่จะเกินเลย ยิหวาเป็นคนแรกที่ทำให้เขารู้สึกว่าการรอคอยเป็นสิ่งที่ไม่น่าเบื่อ แต่เขากับรู้สึกเป็นสุขที่ได้รอ รอให้ทุกอย่างพร้อม

   ยิหวาเป็นคนแรกและเขาคิดว่าจะเป็นคนสุดท้ายที่เขาจะพาเข้าบ้าน แม้ว่าพ่อกับแม่จะรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นพวกเสือไบ แต่ท่านก็คงไม่คิดว่าเขาจะจริงจังกับผู้ชายได้มากขนาดนี้ แรกๆนั้นพ่อของเขาไม่ยอมจะคุยด้วย ด้วยซ้ำไป แต่ตอนนี้ยิหวากลายเป็นลูกรักแทนเขาไปเสียแล้ว ส่วนคุณแม่กับน้องสาวของเขานั้นยังเงียบๆอยู่ ประมาณว่าไม่ได้สนับสนุน แต่ก็ไม่ขัดขวาง ทุกอย่างตอนนี้ระหว่างเขากับยิหวาจึงดูราบรื่น

   เพื่อนๆในคณะที่รู้จักชื่อเสียงของเขานั้น โดยเฉพาะนายโจ และนายนิน ไม่มีใครอยากจะเชื่อว่าเขาจะทิ้งลายคาสโนว่าให้กับเด็กอย่างยิหวาได้ ต้องบอกว่ายิหวานั้นเด็กก็จริง แต่ความคิดและการแสดงออกไม่ได้เด็กตามอายุเลย

   ยิหวาเข้าเรียนก่อนวัยเขาจึงเด็กกว่าเพื่อนในชั้นปีเดียวกันเกือบสามปี แต่ยิหวากับเข้าเพื่อนๆและรุ่นพี่ได้เป็นอย่างดี ด้วยการวางตัว การพูด การมีสัมมาคารวะ การช่วยเหลือทุกครั้งที่สามารถทำได้  ยิหวานั้นถือเป็นขวัญใจของของทุกคนเลยก็ว่าได้ ทุกอย่างกำลังไปได้ดี ถ้าหากว่าไม่เหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นเสียก่อน




ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0






ขอโทษที่หลายใจ





เทียนเล่มที่ 4






   เสียงโห่ร้องแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่ดังไม่ขาดระยะ ว่าที่บัณฑิตใหม่รวมทั้งบรรดาญาติเดินสวนกันไปมาทำให้ตาลายได้เป็นอย่างดี เขาเป็นคนหนึ่งที่สำเร็จการศึกษาในปีนี้ และมีแพลนว่าจะเรียนต่อที่เดิมเพราะต้องการจะดูแลคนที่ครองหัวใจของตน ยิหวาโดดเด่นเสมอแม้จะอยู่ในฝูงชน แต่ยิหวาก็ยังเด่นกว่าคนอื่น ไม่ใช่ว่ายิหวาทำตัวเป็นจุดเด่น แต่ความโดดเด่นของยิหวานั้นเกิดขึ้นเองโดยที่เจ้าตัวคงไม่รู้

   วันนี้เขาได้เขาได้ช่อดอกไม้ไม่น้อย แต่ก็มียิหวาที่ช่วยถือ เดินตามเขาถ่ายรูปกับครอบครัว ไม่บ่นว่าร้อนหรือเหนื่อย เขาอยากจะถ่ายรูปคู่กับคนที่ตนรักมากๆ แต่คุณแม่และน้องสาวเขาซึ่งวันนี้กับทำตัวแปลกๆ กันเขาออกจากยิหวาตลอด จนเขาไม่มีโอกาสที่จะถ่ายรูปคู่กับเขาแม้แต่ใบเดียว แต่ยิหวาก็ยังยิ้ม และบอกกับเขาว่าไม่เป็นไร เอาไว้ค่อยออกมาถ่ายตอนออกจากหอประชุมก็ได้ แต่สุดท้ายแล้ววันนั้นเขาก็ไม่ได้ถ่ายรูปกับยิหวา เพราะทันทีที่เขาออกจากหอประชุม คุณแม่กับน้องสาวก็ดึงเขากลับบ้านทันที ไม่ทันที่จะได้บอกยิหวาแม้แต่คำเดียว แต่ยิหวาก็ยังคงยิ้มให้เขาอยู่เหมือนเคย

   ทันทีที่ถึงบ้าน ยังไม่ทันเขาจะได้เปลี่ยนเสื้อผ้า ซองสีน้ำตาลขนาดกลางก็ถูกโยนมาตรงหน้า พร้อมกับคำพูดของมารดรที่ว่า ‘ ดูซะ ตาแกจะได้สว่างเสียที ’ ภาพถ่ายจำนวนไม่น้อยที่ร่วงออกมาจากซอง มันเป็นภาพของคนที่เขารู้จักดี คนที่เขาไมคิดว่าจะทำอย่างที่เห็นในภาพ แต่สิ่งที่เห็นมันกลับตอกย้ำว่าเขาคิดผิดมาตลอด

   คนในรูปนั้นเป็นยิหวาแน่ไม่ผิด แม้ว่าบางรูปจะถ่ายจากระยะไกล แต่ก็เห็นหน้าชัดพอจะดูออกว่าใครเป็นใคร แต่ผู้ชายอีกคนที่อยู่ในภาพนั้นเป็นใคร ทำไมเขาไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วทำไมยิหวาถึงยอมใกล้ชิดด้วยจนถึงขนาดเข้ามาส่งถึงในห้อง แล้วหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นอีกบ้างก็ไม่รู้ ภาพที่เห็นนั้นเกินกว่าจะคิดว่าเป็นคนที่อยู่ในภาพนั้นรู้จักกันแค่ผิวเผิน แต่ความสนิทสนมนั้นมันเกินเลยไปมาก

   เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคนที่เขามั่นใจว่าเป็นคนดี มั่นคงจะกลายเป็นอย่างนี้ เพราะนอกจากผู้ชายคนนั้นที่มีรูปอยู่หลายใบแล้ว ยังมีชายคนอื่นอีก เขาไม่คิดว่า คนที่เขามองว่าดีพร้อมนั้นจะกลายเป็นคนหน้าอย่าง หลังอย่างเช่นนี้

   เท่านั้นยังไม่พอ สิ่งที่เขาได้รับรู้จากน้องสาวของเขาซึ่งเรียนอยู่ปีเดียวกับยิหวาก็เป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน ไม่คิดว่าสิ่งที่น้องสาวเขาจะพูดเรื่องจริง หากไม่ได้เห็นภาพเหล่านั้น

   ‘ นี่พี่พัทธไม่รู้จริงๆเหรอคะว่า น้องยิหวาตัวดีของพี่น่ะ เป็นพวกเก็บแต้ม หาเงินมาปรนเปรอชายชู้ของมัน ’

   สิ่งที่ได้ฟังจากน้องในวันนั้นเหมือนสายฟ้าที่ฟาดลงมากลางใจ ส่วนมารดาของเขาไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแต่บอกว่า ไม่ต้องการให้โสเภณีเข้าบ้าน นั่นก็เป็นการตอกย้ำถึงความตาบอดของเขาได้เป็นอย่างดี

   หลังจากช่วงรับปริญญาข่าวคาวของยิหวาก็แพร่สะพัดอย่างรวดเร็ว เขาไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอารูปบางส่วนมาติดที่บอร์ดข่าวสารของคณะ รวมถึงข้อความมากมายที่บรรยายไว้ใต้รูป แต่น้องสาวของเขาจะต้องมีส่วนรู้เห็นอย่างแน่นอน เขาไม่พูดกับยิหวาอีกเลยนับตั้งแต่วันที่เห็นรูปพวกนั้น ไม่รับโทรศัพท์ที่โทรมาเป็นประจำตามเวลาเดิม ตอนนี้ทุกอย่างที่เขาเคยคิดไว้มันพังไม่เป็นท่า ความไว้ใจที่เขาให้ ความรักที่เขามี มันแปรเปลี่ยนเป็นความชัง ความแค้น อย่างช่วยไม่ได้ เมื่อรู้ว่าคนเองโดนสวมเขา

   เมื่อข่าวและรูปต่างๆนั้นแพร่ออกไป ใบหน้าที่มีรอยยิ้มอยู่เป็นนิจก็เหมือนจะเศร้าลงไปมาก ดวงตาคมนั้นแดงเรื่ออย่างคนที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก หากเป็นเมื่อก่อนนั้นเขาคงรีบเขาไปปลอบ ถามไถ่ให้ได้ความ แต่ตอนนี้เขาตาสว่างแล้ว เขากับเห็นว่ามันเป็นเพียงละครเรียกความสงสารเท่านั้น

   คุณพ่อของเขาหลังจากที่ทราบเมื่อตอนกลับมาจากการเจรจาธุรกิจ ท่านพูดเพียงสั้นๆว่า ‘ ไตร่ตรองให้ดี ’ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น

   และวันนี้เขาตั้งใจที่จะมาถามหาความจริงจากเจ้าตัว แต่สิ่งที่เขาเห็นนั้นตอบคำถามเขาได้เป็นอย่างดี ชายคนหนึ่งที่อยู่ในรูป ยืนเช็ดน้ำตาให้กับยิหวา ยังไม่พอชายคนนั้นยังดึงยิหวามากอด ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ขัดขืนยอมให้คนๆกอดแต่โดยดี เมื่อทุกอย่างประจวบเหมาะกันเช่นนี้ เขาคงไม่จำเป็นต้องไตร่ตรองอะไรอีกอย่างที่คุณพ่อบอกแล้วกระมัง ตอนนี้เขาจึงได้แต่รอให้ชายคนนั้นออกจากห้องนี้ไป แล้วค่อยเขามาชำระความกับตัวตนเหตุทีหลัง

   “ ยิ้มระรื่นเชียวนะ ได้มาเท่าไหร่ล่ะค่าปลอบขวัญน่ะ ” เขาเอ่ยถามเสียงเย็น สิ่งที่ได้เห็นกับตานั้นไม่จำเป็นต้องฟังคำแก้ตัวอะไรอีก เขาต้องทำให้อีกฝ่ายเจ็บ เหมือนที่เขาเจ็บ ทำให้อีกฝ่ายทรมานมากกว่าที่เขาเป็น ให้สมกับความรัก ความไว้ใจที่เข้ามีให้ เมื่อมันแปรเปลี่ยนเป็นความแค้น

   “ พี่พัทธ ” เสียงเรียกด้วยความดีใจ รอยยิ้มที่ส่งมานั้นค่อยๆจางลงไปเมื่อเห็นหน้าของผู้ที่ตนเองเรียกอย่างชัดเจน

   “ ทำไม ตกใจนักหรือไงที่เห็นฉัน คราวนี้ได้มาเท่าไหร่ล่ะ มากพอหรือยัง ยังมีแรงพอที่จะบริการฉันอีกคนมั้ย ฉันให้คุ้มราคานะ แต่... ” ไม่ทันที่เขาจะพูดจนจบความรู้สึกเจ็บจี๊ดบนใบหน้า กลิ่นความเลือด และรสเค็มปร่า ทำให้เขาต้องหยุด และเปิดโอกาสให้อีกคนพูดขึ้นมาแทน

   “ ยิหวาไม่ใช่คนแบบนั้น อย่ามากล่าวหากันแบบนี้นะครับ ยิหวาไม่เคยทำอย่างที่พี่พัทธพูด ” หยาดน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสงสารคนตรงหน้าแม้แต่น้อย แต่มันยิ่งทำให้เขารู้สึกรังเกียจการแสดงตรงหน้าเข้าไปอีก

   “ เธอกล้าตบฉันเหรอยิหวา เธอต้องจ่ายราคาครั้งนี่มากกว่าที่เธอคิดได้แน่ เธอรู้ไหมว่าความรักมันทำให้คนเปลี่ยนไปได้มากมาย และเมื่อมันเปลี่ยนจากรักเป็นแค้น มันก็รุนแรงไม่แพ้กัน ” พัทธยากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบต่ำ แววตาคุกคามจนยิหวาต้องก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งแผ่นหลังชนขอบเคาน์เตอร์บาร์กลางห้อง

   “ ถ้ายังไงคืนนี้ช่วยบริการฉันให้ถึงใจหน่อยแล้วกันนะครับน้องยิหวา ” คำพูดเสียดสีที่เขาจงใจ ทำให้สีเลือดบนหน้าของคนตรงหน้าจางหายไปอย่างรวดเร็ว และไม่ทันที่อีกฝ่ายจะขัดขืน เขาก็ลากตัวยิหวาเข้ามาในห้องนอนของเจ้าตัวอย่างรวดเร็ว ห้องนอนที่เขามาบ่อย แต่ก็ไม่เคยทำอะไรไปมากกว่านอนกอดร่างเล็กนั้นแล้วหลับไปด้วยกัน เพราะต้องการรอให้อีกฝ่ายพร้อม และเพื่อให้เวลาพิสูจน์ความจริงใจของเขา เพื่อลบภาพเพลย์บอยในวันก่อน แต่วันนี้มันคงจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว เมื่อเจ้าของห้องใช้ห้องนี้รับแขกมากหน้า เขาก็จะทำในนี้เหมือนกัน บนเตียงที่เขาเคยตระครองกอดอย่างทะนุถนอม แต่หลังจากนี้มันจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว เขาจะเรียกสิ่งที่เขาเสียไปคืนจากคนตรงหน้าให้สาสมกับความมักมาก และการหลอกลวง





๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑






ถึงไม่มีคนอ่าน แต่เราก็ยังมุ่งมั่นที่จะลงต่อ :call:











Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป
 :z10: เราอ่าน นะ เปนกำลังใจให้ค่ะ  :L2:                           

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
สู้ๆเป็นกำลังใจให้

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0








ขอโทษที่หลายใจ




เทียนเล่มที่ 5






   เสียงพูดคุย แสงแฟลช เสียงเพลงที่เปิดคลออยู่เบาในห้องบอลรูมใหญ่ภายในโรงแรม แขกที่มีมาร่วมงานส่วนใหญ่เป็นผู้ที่อยู่ในวงการธุรกิจ หรือไม่ก็ลูกหลานของนักธุรกิจ อีกส่วนหนึ่งคือนักข่าวสายงานต่างๆที่เข้ามาหาเพื่อนำไปเขียนให้กับสำนักงานของคนเอง หลายคนแต่งตัวเพื่อมาแข่งกันว่าใครจะเด่นกว่าใคร การพูดคุยที่เหมือนใส่หน้ากากเข้าหากัน หวานนอก แต่ภายในนั้นกลับแสบสันต์ วงการธุรกิจไม่มีใครที่เป็นมิตรแท้ หรือศัตรูถาวรมากนัก มีเพียงผลประโยชน์ต่อกันเท่านั้น

   “ ขอเชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านด้านใน บริเวณเวทีการแสดงค่ะ การแสดงโชว์การกำลังจะเริ่มค่ะ ” น้ำเสียงนุ่มหูของพิธีกรกล่าวเชิญชวนแขก เพื่อชมการแสดงแฟชั่นโชว์

   “ ว๊าย!!! / ขอโทษครับ ” เสียงอุทานอย่างมีจริตดังขึ้นไม่ดังมากนักพร้อมๆกับเสียงทุ้มนุ่ม แต่ก็พอที่จะทำให้หลายคนบริเวณนั้นหันมามองได้เมื่อร่างในชุดสูทสีอ่อนที่กำลังเดินเข้างานอย่างเร่งรีบชนเข้าด้านหลังของคนที่หยุดเดินกะทันหัน เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นบางอย่างเข้า

   “นึกว่าใคร ที่แท้ก็พวกเด็กขายนี้เอง อี๋!!! ฉันต้องไปเช็ดน้ำยาฆ่าเชื้อไหมเนี่ยะ จะรีบไปไหนเหรอ หรือว่ากลัวจะหาเหยื่อรายใหม่ไม่ได้ ” น้ำเสียงเหยียดๆกับสีหน้าขยะแขยงเหมือนต้องของสกปรก ความดังของเสียงที่ต้องการให้มีคนหันมาสนใจก็ทำให้หลายคนหยุดยืนมองตามประสาคนที่ชอบรู้เรื่องคนอื่น

   “ ต้องขอโทษจริงครับผมไม่ทันมอง ” คนที่เดินมาชนนั้นกล่าวขอโทษพร้อมกับก้มศีรษะให้อีกฝ่ายเป็นการแสดงการขอโทษจริงๆ แต่กระนั้นมันก็ยังไม่เพียงพอเพราะหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆกันพูดขึ้นมาแทน

   “ ก็อย่างว่าล่ะนะ คนที่ไม่เคยเข้าสังคมชั้นสูงก็ต้องมองสิ่งที่ไม่เคยเห็นเป็นธรรมดา ก็อย่างนี้ล่ะค่ะลูกแพท หนูอย่าไปถือสาคนแบบนี้เลยนะลูก ” คำพูดที่เหมือนจะดีนั้น แต่ใจความที่แท้จริงมันไม่ใช่เลย

   “ ก็ได้ค่ะคุณแม่ แพทก็ว่าอย่างนั้นล่ะ พวกที่ไม่เคยเข้าสังคมก็ต้องประหม่าเป็นธรรมดา แพทว่าแพทไม่หาน้ำยาฆ่าเชื้อโรคดีกว่าที่จะลดตัวมาคุยกับ... ช่างเถอะค่ะเราไปกันดีกว่าเดี๋ยวจะไม่ทันงานเริ่ม ป่านนี้พี่พัทธคงรออยู่ที่ด้านหน้าแล้วมั้ง ส่วนแกน่ะขอให้โชคดีนะ งานนี้พวกเศรษฐีกระเป๋าหนักคงจะเยอะอยู่ ขอให้หาที่เกาะใหม่ได้นะ พวกไอ้ตัว ” แพทหรือภักดิ์สุดาเดินออกไปพร้อมกับผู้ที่เป็นมารดาของตน แต่ไม่วายที่จะกล่าวทิ้งท้ายให้คนที่ยังยืนอยู่กลายเป็นเป้าสายตาและหัวข้อสนทนาของใครหลายคนกับสิ่งที่พวกเขาได้ยิน

   อีกด้านหนึ่งของห้องบอลรูมซึ่งเป็นประตูเล็กทำเอาไว้เฉพาะผู้ที่มีหน้าที่ในส่วนนี้เท่านั้น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ที่ที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่
 
   “ งานนี้ดูเรียบง่าย แต่หรูหราใช่เล่นเลยนะว่าไหม ” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินก้าวไปด้านหน้าเวที กล้องดิจิตอลขนาดไม่ใหญ่จนเกินไปคล้องไว้ที่คอ พร้อมกับบัตรแสดงหน้าที่ของตนเองเอ่ยคุยกับคนที่เดินมาข้างๆ

   “ ก็แหงแหละเธอ ฉันน่ะได้ยินชื่อเจ้าของงานมานานแล้วเหมือนกันนะ ว่าจัดงานได้สุดยอด ไม่ได้โอเวอร์แบบอลังการ เป็นแบบเรียบๆแต่มีสไตล์ ก็นะยังไม่เคยเห็นตัวจริงสักที ส่วนใหญ่แล้วข่าวที่ได้มาน่ะ มักจะเป็นผู้ที่ออกงานแทนเสียมากกว่า จนนักข่าวสายธุรกิจอย่างพวกฉันแอบตั้งฉายาให้เชียวนะ ” ผู้หญิงที่เดินมากับคนแรกตอบกลับไป ด้วยการแต่งตัวแล้วก็คงเป็นคนที่ทำงานด้านข่าวเหมือนกัน

   “ ฉายาอะไรเหรอ ” เสียงแรกถามขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ทั้งคู่เดินเข้ามาถึงจุดที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นบริเวณสำหรับคนทำข่าวและผู้สังเกตการณ์ ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ขอบเวทีการแสดง แต่ก็อยู่ด้านหน้ากระจายออกรอบระยะของเวที ด้านขอบของเวทีนั้นกั้นผ้าห่างจากขอบเวทีพอสมควร เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่จะมาแสดงโชว์ และกันแขกบางส่วนที่ปะปนเข้ามาทำอะไรที่ไม่ดี ไม่งาม

   “ ก็ไม่อะไรหรอกเธอ ก็แค่ฉายาที่ตั้งกันเล่นๆตามประสานักข่าวนั่นล่ะ อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้ เออๆบอกให้ก็ได้ นักข่าวสายฉันเขาตั้งฉายาให้คุณอังสนาว่า ‘ ผู้บริหารหลังม่าน ’ สาวคนที่ตอบบอกออกมาในที่สุด แม้ตอนแรกจะไม่อยากตอบ เพราะฉายานี้รู้กันในวงกว้างทีเดียว เพราะคุณอังสนาเป็นผู้บริหารที่มักจะอยู่เบื้องหลังเสียส่วนใหญ่ไม่ค่อยออกงาน จนเรียกว่าไม่ออกเลยก็ว่าได้ แม้นักข่าวด้วยกันเองยังไม่รู้เลยว่าใครคือคุณอังสนา รู้เพียงว่าเป็นลูกชายของท่านประธาน และอายุยังน้อยเท่านั้น ส่วนเรื่องหน้าตาเป็นอย่างไร หากว่าเดินสวนกันในงานก็คงไม่รู้

   “ ฉันก็ว่างั้นแหละ นี่ถ้าคุณอังสนามายืนอยู่ข้างๆ ฉันก็คงไม่รู้หรอก ” หญิงสาวคนแรกว่า เพราะแม้แต่ในวงการข่าวบันเทิงที่มีเรื่องซุบซิบกันมากมาย แต่กับไม่มีใครได้รู้จักหน้าคร่าตาของผู้บริหารคนนี้แม้แต่น้อย

   “ ก็จริงนะ แต่ก็แปลกไม่มีนักข่าวคนไหนเลยที่ไม่ชอบคุณอังสนานะ อาจจะเป็นเพราะว่าการมาทำข่าวทุกครั้งจะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่ต้องวิ่งหาที่ทำข่าว ไม่ต้องวิ่งตาม แต่ทางนี้เขาจะมีจุดระบุเอาไว้อย่างชัดเจน ดูอย่างวันนี้สิ เขาวางระบบไว้อย่างดี ไม่ต้องเสียเวลาหาจุดทำข่าวเลย

   “ ก็จริง เห็นได้ชัดว่ามีการป้องกันพวกเฒ่าหัวงูที่ชอบลวนลามทางสายตาด้วย เขาดูแลใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ เดี๋ยวค่อยคุยต่อแล้วกันนะ เขาปิดไฟแล้วน่ะ ” นักข่าวสาวคนแรกสนับสนุนเป็นอย่างดี เพราะหลายอย่างนั้นทำขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกต่อทุกฝ่ายจริงๆ ก่อนที่จะหยุดการสนทนาเมื่อไฟในห้องจัดเลี้ยงค่อยดับลง เป็นสัญญาณที่บอกว่าการแสดงกำลังจะเริ่มขึ้น

   การแสดงโชว์เครื่องประดับ เสื้อผ้าจากทางบริษัทของผู้จัดงาน บริษัทในเครือ และจากผู้ที่เข้ามาเปิดร้านใหม่ภายในโรงแรมจบลงไปอย่างงดงาม ซึ่งหากใครที่ดูไม่ทันหรือต้องการที่จะชมเครื่องประดับ เสื้อผ้านั้นอย่างใกล้ชิดกว่านี้ก็สามารถไปชมได้หลังจากการแสดงบนเวทีจบลง เพราะเครื่องประทุกชิ้น รวมถึงเสื้อผ้าที่ใช้ในการแสดงชุดนี้จะจัดแสดงอยู่บริเวณด้านส่วนจัดแสดง เพื่อให้ผู้ที่เข้าร่วมสามารถเลือกชมใจชอบ

   “ จบลงไปแล้วนะคะสำหรับการแสดงแฟชั่นโชว์เครื่องประดับ เสื้อผ้าจากทางร้านของอังสนา และจากผู้ประกอบการที่ร่วมงานกัน แต่งานในวันนี้ยังมิได้จบลงแต่อย่างไร เพราะต่อจากนี้จะเป็นการลงนามร่วมทุนกันระหว่างเกียรติการและอังสนากรุ๊ปค่ะ ” เสียงประกาศของพิธีกรทำให้สายตาทุกคู่หันมาจับจ้องอยู่บนเวที ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนจากเวทีการแสดงแฟชั่น เป็นเวทีสำหรับใช้เซ็นสัญญา โต๊ะและเก้าอี้ถูกนำมาจัดเรียงได้อย่างรวดเร็วและกลมกลืน

   แสงไฟจากสปอร์ตไลท์ส่องมาที่ผู้ร่วมทุนคนแรกซึ่งเป็นชายวัยกลางคน แต่งตัวด้วยเสื้อชุดสูทสีเข้ม ส่งให้บุคลิกน่าเชื่อถือขึ้นอีกมาก แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาเกือบจะทุกคู่ไปนั้นก็คือแสงจากสปอร์ตไลท์อีกดวงที่ส่องไปที่คู่สัญญาที่ร่วมลงนามในวันนี้ ผู้บริหารที่ยังคงเป็นปริศนาจนกระทั่งถึงตอนนี้ที่กำลังจะเปิดเผย

   “ สวัสดีครับ ” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีอ่อน ส่งให้ใบหน้าของผู้ใส่ดูอ่อนละมุนลงไปอีกมาก กล่าวทักทายพร้อมทั้งยกมือไหว้คู่สัญญาที่มากอาวุโสกว่า

   การทักทายถามไถ่เล็กน้อยพอเป็นพิธี ก่อนที่ทั้งสองบริษัทจะเซ็นสัญญาลงนานร่วมกัน หลังจากนั้นจึงเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนซักถามข้อสงสัย

   “ ไม่ทราบว่าเพราะอะไรครับทางอังสนากรุ๊ป และเกียรติการจึงมาร่วมธุรกิจกันได้ ” นักข่าวชายผู้หนึ่งถามขึ้นเมื่อได้รับสัญญาณ

   “ จะว่าอย่างไรดีล่ะครับ ทุกท่านคงคิดว่าธุรกิจของผมที่เป็นห้างสรรพสินค้า กลับโรงแรมมันจะไปด้วยกันได้อย่างไร แต่มันก็ไปด้วยกันดีพอตัวเลยทีเดียว ” เจ้าของเกียรติการเป็นคนที่ตอบ ก่อนที่จะมีอีกเสียงช่วยสนับสนุน

   “ ผมมีความคิดว่างานในด้านที่พักเพื่อผ่อนคลาย กับห้างสรรพสินค้านั้นมันมีความเกื้อหนุนกันอยู่ คนที่มาพักนั้นก็ต้องการที่จะคลายเครียดจากการทำงาน การเดินชมและเลือกชื้อสินค้าก็เป็นส่วนหนึ่งของการพัก นอกจากนั้นจากเราก็มีสินค้าอีกหลายตัวที่ต้องการที่จะทำตลาด ห้างสรรพสินค้าจึงเป็นคำตอบที่ใช่น่ะครับ ” ผู้บริหารฝ่ายอังสนากรุ๊ปเป็นผู้ตอบอย่างยืดยาว แต่ก็ไม่ได้ไร้สาระ

   เมื่อจากคำถามนี้ก็มีอีกมากมายหลายคำถามที่ส่งมาถามไม่ขาดระยะ แต่คนตอบก็ตอบแต่ละคำถามอย่างใจเย็น แม้ว่าบางคำถามนั้นจะไม่ได้เกี่ยวกับงานแม้แต่น้อย

   โรงแรมในเครือของอังสนากรุ๊ปแห่งนี้เป็นโรงแรมที่เพิ่งเปิดตัวแม้ว่าจะไม่ใช่ใจกลางเมือง แต่ทำเลนั้นก็ถือว่าดีทีเดียว  การจัดแต่งเป็นแบบรีสอร์ทเน้นความเป็นส่วนตัว และอยู่กับธรรมชาติจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นโรงแรมที่สร้างขึ้นภายในเมืองหลวง การออกแบบที่ลงตัวกลมกลืนกันเป็นอย่างดีนั้นทำให้ผู้ที่ต้องการพักสมอง แต่ไม่มีเวลามากพอที่จะเดินทางไปต่างจังหวัดมีทางเลือกเพิ่มขึ้น อีกครั้งราคาห้องพักก็ไม่ได้แพงจนเกินไป คือราคาที่จัดแสดงเอาไว้นั้นมีตั้งแต่คืนละหลักร้อย ไปจนถึงหลักพัน แต่ที่แพงสุดนั้นก็ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่ถึงหมื่น คำตอบเมื่อได้ฟังคำถามจากสื่อมวลชนที่ว่า ‘ ทำไมราคาค่าที่พักจึงถูกอย่างเหลือเชื่อ ’ คำตอบที่ได้นั้นก็คือ ‘ เพราะต้องการให้คนทุกสาขาชีพสามารถเข้าพักได้อย่างเท่าเทียมกัน ’

   ยิ่งกว่านั้นสำหรับสื่อมวลชนที่มาทำข่าวในวันนี้จากมารับสิทธิส่วนลดพิเศษเมื่อมาพักกับครอบครัว เพียงแค่นำบัตรไปแสดงที่จุดรับลงทะเบียน และเช่นเดียวกับทุกคนที่มาในงานก็ได้รับสิทธินั้น และเลยไปถึงกลุ่มคนที่จะเข้าพักเป็นครอบครัวด้วย ซึ่งคำพูดที่ไขข้อข้องใจจากผู้บริหารหลังม่านนั้นก็คือว่า เพราะต้องการให้ทุกคนหาโอกาสพาครอบครัวมาพักผ่อนเพื่อเป็นการเชื่อมสัมพันธ์กันให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่ใช่ว่าจะเฉพาะโรงแรมนี้เท่านั้น เพราะทุกโรงแรมในเครืออังสนากรุ๊ปก็ได้รับสิทธินี้เช่นกัน และจากการสัมภาษณ์ของสื่อมวลชนทำให้ทราบว่าคนที่ออกแบบโครงสร้างภายนอกและภายในทั้งหมดคือคนๆเดียวกัน นั่นก็คือผู้บริหารหลังม่านแห่งอังสนากรุ๊ปนั่นเอง

   ส่วนที่ด้านล่างของเวทีการเซ็นสัญญาร่วมทุนนั้นก็มีเสียงอุทานที่ดังขึ้นจากหลายจุด หลายเสียงแปลกใจเพราะไม่คิดว่าคนที่บริหารจัดการหลายๆจะเป็นเพียงชายหนุ่มที่อายุไม่น่าจะเกิน 25 จากความแปลกใจก็เปลี่ยนเป็นความชื่นชม เมื่อได้ฟังการตอบคำถามของเจ้าตัว แต่ก็มีอีกส่วนหนึ่งที่มีปฏิกิริยาต่างออกไป

   “ ไม่น่าเชื่อ แม่ตาฝาดไปใช่ไหมคะลูกแพท ” หญิงสาววัยกลางคนที่ยืนอึ้งกับสิ่งที่ได้รับรู้ เอ่ยกับลูกสาวของตนซึ่งมีอาการไม่ต่างกัน แต่ยังมีอีกคนที่มีปฏิกิริยาต่างออกไปอีก

   “ ไม่คิดว่าจะได้เจอเร็วขนาดนี้ ” เสียงห้าวเอ่ยกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับแววตาวาววับเป็นประกายกล้า

   เมื่อให้สัมภาษณ์จนเป็นที่พอใจแก่ทุกฝ่ายผู้บริหารหนุ่มก็ขอตัวออกไปดูแลความเรียบร้อยของงานต่อ และเอ่ยเชิญชวนให้ทุกท่านเข้าชมชิ้นที่แสดงโชว์ได้ในจุดจัดแสดง และสามารถสอบถามข้อสงสัยต่างๆได้ที่พนักงานที่คอยให้บริการอยู่ได้ทุกคน

   “ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เปลี่ยนไปเยอะเลยนี่ หรือว่าไอ้นั่นมันเลี้ยงดี ” เสียงทักที่คุ้นหูดังขึ้นอยู่ในมุมอับแสงที่เสาต้นหนึ่งบังแสงอยู่ ก่อนที่เจ้าของแสงจะเดินออกมาเผชิญหน้ากับคนที่ตนเองทัก

   “ พะ...พี่พัทธ ” เสียงอุทานอย่างตกใจพร้อมกลับสีเลือดที่จากไปจากดวงหน้างามอย่างรวดเร็ว เขาไม่คิดว่าจะได้เจอกับพัทธยาในตอนนี้ ทั้งๆที่รู้ว่าในงานนี้พัทธยาต้องมาด้วย แต่เขาก็พยายามเลี่ยงการพบเจอให้ได้มากที่สุด

   “ ไง...ดีนะที่ยังอุตส่าห์จำกัน แหมช่างน่าดีใจจริงๆ แต่ผมคิดว่าผมไม่เคยมีน้องชาย....แบบนี้ ผมไม่ใช่พี่คุณกรุณาอย่างมีตีสนิท แค่นอนด้วยไม่จำเป็นต้องผูกมัด เพราะผมจ่ายค่าตัวให้คุณแล้ว ” คำพูดที่แสนจะทำร้ายจิตใจคนตรงหน้า ทำให้ใบหน้านวลนั้นซีดเผือดลงไปอีก แต่ใช่ว่าพัทธยาจะไม่รู้สึกอะไร คนๆนี้เข้ามีอิทธิพลกับเขาอย่างมากมายทั้งที่อยากจะลืมแต่กลับทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นคนที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เขารู้สึกแบบนี้ต้องรับผิดชอบ มือที่จับยึดข้อมือเล็กของอีกฝ่ายไว้นั้นเพิ่มแรงบีบขึ้นอีกเมื่อเห็นสีหน้าเจ็บปวดของคนตรงหน้า เขาต้องเพียงจะทำอย่างไรให้คนๆนี้เจ็บที่มาทำให้เขารู้สึกแบบนี้

   น้ำเสียงดุดันพร้อมกับฝ่ามือหนาที่จับข้อมือเล็กกว่านั้นอย่างต้องการจะหักมันเสียอย่างนั้น ทำให้คนที่โดนกระทำนั้นนิ่วหน้าด้วยความเจ็บแต่ก็ไม่ได้ร้องออกไป เพียงแต่พยายามที่จะแกะฝ่ามือนั้นออก คำถามที่ถามราวกับเยาะเย้ยนั้นเรียกความทรงจำที่พยายามจะลืมแต่ไม่เคยลืมได้ให้ย้อนคืนมาอีกครั้ง







CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0









ขอโทษที่หลายใจ





เทียนเล่มที่ 6




   หลังจากที่งานรับปริญญาของพัทธยาเสร็จสิ้นในตอนเย็น แม้ยิหวาจะได้เจอกับพัทธยาอีกครั้ง แต่ก็ไม่ทันได้พูดอะไรกัน เพราะน้องสาวและคุณแม่ของเขานั้นดึงให้พัทธยาออกไปจากจุดที่นัดพบอย่างรวดเร็ว เขาโทรไปหาพัทธยาในคืนนั้นตามเวลาที่เคยโทรคุยกันเป็นประจำ แต่ก็ไม่มีใครรับสายเหมือนอย่างเคย แต่เขาก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะคิดว่าพัทธยาคงเหนื่อยและต้องการพักผ่อนเขาจึงไม่ได้โทรไปอีก

   รุ่งเช้าของวันเปิดเรียนหลังจากวันหยุดยาว ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามหาวิทยาลัยที่มีแต่คนที่มองเขาด้วยสายตาแปลกๆ ก่อนจะหันไปซุบซิบกันเอง แต่ก็มีบางคนที่พอเห็นก็ชี้หน้าแล้วพูดกับคนที่เดินมาด้วยกันพอให้เขาที่เดินสวนมาได้ยินว่า ‘ นี่ไงเธอคนที่ขายตัว ’ สิ่งที่ได้ยินนั้นทำให้ร่างกายนั้นชาไปแทบจะทันที และมันก็ทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าสายตาที่เห็นตอนแรกๆนั้นมันคืออะไร

   เมื่อเดินมาถึงคณะสิ่งที่เห็นก็คือคนกลุ่มใหญ่ที่กำลังมุงดูป้ายประกาศของมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ด้านหน้า พอเขามาถึงทุกคนก็พร้อมใจกันเปิดทาง พร้อมกับหันไปพูดคุยกันเอง บ้างก็ชี้มือมาที่เขาและหันไปป้องปากคุยกันอย่างสนุกสนาน สิ่งที่เห็นจากกระดานประกาศข่าวก็คือ รูปถ่ายของเขาเอง รูปที่มีเขาและผู้ชายอีกคนหนึ่งกำลังเดินจูงมือกันในห้างสรรพสินค้า ทุกรูปจะมีเขาทำกิจกรรมที่ต่างกันออกไปกับผู้ชายคนเดิม มีบ้างบางครั้งที่จะเปลี่ยนไปเป็นผู้ชายอีกสองคนที่เดินมาส่งเขาที่ห้องพัก หรือไม่ก็รูปที่เขาออกมาส่งผู้ชายที่หน้าประตูห้อง ซึ่งก็เป็นชายกลุ่มเดิม ทุกรูปจะมีคำบรรยายใต้รูปอย่างเสียหาย แต่รูปขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางของทุกรูปนั้นคือภาพการร่วมสัมพันธ์ของผู้ชายกลุ่มหนึ่ง ซึ่งคนที่เป็นฝ่ายรับนั้นคือใบหน้าของเขา พร้อมกับคำบรรยายใต้ภาพที่ว่า ‘ ขายถูก ’  นั่นทำให้เรี่ยวแรงที่มีหายไปอย่างรวดเร็ว และเขาก็ไม่รู้เหตุการณ์ต่อจากนั้น

   เขารู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในห้องของโรงพยาบาลเสียแล้ว ซึ่งคนที่พาเขามาส่งก็คือเพื่อนร่วมชั้นของเรานั่นเอง เธอชื่อปาน เป็นสาวห้าว แต่ไม่ใช่ทอม กอบ และ ปอง ยังดีที่เพื่อนสามคนนี้เชื่อใจเขา เชื่อว่าเขาไม่ได้เป็นอย่างในรูปพวกนั้น นอกเหนือจากนั้นยังช่วยกันเก็บรูปที่ติดอยู่ตามบอร์ดต่างๆจนหมด

   สิ่งที่เขาได้รับรู้อีกอยางก็คือ เขาไม่ได้หลับไปแค่ชั่วโมงหรือสองชั่วโมง แต่เขาหลับไปสองวันเต็มๆ ทำให้ทั้งสามต้องพาเขามาโรงพยาบาลแทนที่นอนอยู่ที่ห้อง แต่ดีนิดหนึ่งที่ทั้งสามคนไม่ได้บอกทางบ้านของเขา และการเข้าโรงพยาบาลครั้งนี้ทำให้เขาได้ตรวจสุขภาพอย่างละเอียดทำให้เขารู้รายละเอียดในด้านของสุขภาพตัวเองมากขึ้น และยังได้พักยาวต่ออีก เพราะเขาถูกสั่งพักการเรียนเป็นการชั่วคราวจนกว่าเรื่องราวต่างๆจะกระจ่าง

   หลังจากที่คุณหมออนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้เขาก็พยายามติดต่อกับพัทธยา เพื่อจะอธิบายเรื่องต่าง เพราะคิดว่าพัทธยาคงรู้เรื่องนี้แล้ว แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่สามารถติดต่อได้ พอไปหาที่บ้านก็ไม่พบ แถมยังโดนไล่ออกมาเสียด้วยซ้ำ ไม่เพียงเท่านั้นคุณแม่และน้องสาวของพัทธยายังให้สาวใช้เอาน้ำร้อนราดใส่เสียอีก แม้ว่าจะไม่โดนทั้งตัวแต่ก็โดนไปไม่น้อยเช่นกัน เขาพยายามไปหาอีกหลายครั้ง แต่ก็โดนไล่กลับมาทุกครั้ง จนกระทั่งถึงคืนนั้น

   พัทธยาเข้ามาหาเขาในห้องทำให้เขาดีใจมากที่สุดท้ายพัทธยาก็ยอมมาเจอเขาสักที แต่ความดีใจนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็วเมื่อฟังคำพูดจากคนที่ตนเองรัก คำพูดที่กล่าวหากัน คำพูดที่ดูถูก ไม่ยอมจะฟังคำอธิบาย มันทำให้เขาพลั้งมือตบหน้าชายหนุ่มไปโดยไม่ตั้งใจ และไม่ทันที่จะได้ขอโทษพัทธยาก็โกรธจนไม่ยอมฟังอะไรเลย

   อ้อมกอดที่เคยอุ่นตอนนี้กลับเย็นเสียจนเสียดเข้าไปในกระดูก พายุอารมณ์ของพัทธยาไม่ยอมที่จะสงบลงง่ายๆ เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าความรักของเขาจะต้องลงเอยแบบนี้

   เสื้อผ้าที่สวมติดกายอยู่นั้นดูจะเป็นตัวเกะกะสำหรับชายหนุ่มเสียแล้ว เขาฉีกกระชากมันออกด้วยแรงอารมณ์ที่มี ไม่สนว่าคนใต้ร่างจะร้องด้วยความเจ็บสักเท่าใด ร่างกายเหลืองนวลผิวเนียนละเอียดที่เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ความคิดว่าว่าจะอ่อนโอน ทะนุถนอมนั้นปลิวหายไปในทันทีเมื่อนึกถึงภาพบาดตาพวกนั้น มือที่พยายามผลักไสกลายเป็นสิ่งน่ารำคาญ แต่ไม่ใช่ปัญหาเมื่อขนาดรูปร่างของเขาให้ต่างจากร่างเพียวบางด้านใต้อย่างสิ้นเชิง เพียงมือข้างเดียวของเขาก็สามารถจับข้อมือเล็กทั้งสองข้างนั้นได้ เศษเสื้อขาดกลายเป็นสิ่งที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ เขาจับมือที่ผลักไสนั้นไพล่หลังก่อนจะมัดไว้ด้วยเสื้อที่ขาดของเจ้าตัวเอง จากคนที่คิดว่าจะร่วมชีวิตด้วยกลายเป็นคนที่ทำลายความเชื่อใจ เขาก็จะทำลายคนๆนี้ให้จำเขาไปจนตาย

   ลิ้นอุ่นร้อนที่ละเลงอยู่บนยอดอก และเมื่อมือที่ไม่สามารถใช้ผลักได้ ยิหวาจึงเลือกที่จะใช้ฟัดกัดไหล่ของชายหนุ่มแทน แม้ว่ามันไม่ได้แรงด้วยกลัวว่าชายหนุ่มจะเจ็บแต่ก็แรงพอที่จะทำให้อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมา ทำให้ยิหวามีโอกาสที่จะสูดลมหายใจเข้าปอดได้ หากยังไม่ทันจะหายใจทั่วท้อง ความรู้สึกชาบนแก้มก่อนที่จะเจ็บจนน้ำตาไหลเมื่อฝ่ามือหนากระทบกับซีกหน้าอย่างไม่คิดจะออมแรง ทำให้หยดเลือดซึมออกมาจากปากและจมูกได้ไม่น้อย ก่อนที่น้ำตาจะไหลไปรวม น้ำใสๆที่ไหลออกมาแต่ไร้ซึ่งเสียง มีเพียงแรงสะอื้นเท่านั้น

   เมื่อมือตบหน้ายิหวาไปแล้วพัทธยาก็ไม่หยุดเพียงแค่นั้น แม้ว่าแววตาจะไหววูบเมื่อดวงตาคมนั้นตัดพ้อ แต่สิ่งที่คนตรงหน้าทำมันเลวร้ายยิ่งกว่า น้ำตาหรือแรงสะอื้นไห้นี้ก็คงเป็นเพียงละครเรียกความสงสารเท่านั้น คนๆนี้คงแสดงมานักต่อนัก ไม่เพียงพอที่จะให้ความสงสาร

   การต่อต้านทุกอย่างคล้ายจะหายไปกับความเจ็บที่ได้บนแก้ม มือและแขนที่ถูกมัดอยู่นั้นเจ็บจนชาไปแล้วเมื่อต้องรับน้ำหนักของตัวเอง และคนที่ทาบทับอยู่ ยิหวาไม่คิดที่จะขัดขืนอยู่แล้วหากพัทธยาต้องการตัวเขา เพราะเขารัก และก็พร้อมที่จะให้ หากแต่มันไม่ใช่แบบนี้ ถึงกระนั้นหากพัทธยาต้องการเขาก็จะให้ ขอเพียงยอมฟังเขาอธิบายบ้างเท่านั้น

   เมื่อร่างข้างใต้ไร้แรงขัดขืนพัทธยาก็ไม่คิดที่จะยั้งแรง เพราะคำพูดของน้องสาวและมารดายังลอยเข้ามาในหูอยู่ตลอด คำพูดที่ว่า เขามันโง่ที่ยอมโดนสวมเขาอยู่ตั้งนาน และยิหวาก็เป็นพวกเจนจัด แค่เล่นละครโก่งค่าตัวคงไม่ยากเกินไปหรอก

   รอยแดง รอยซ้ำปรากฏทุกที่ที่ริมฝีปากและมือของเขาลากผ่าน บางรอยนั้นก็มีเลือดซึม ร่างเล็กนั้นสะดุ้งทุกครั้งที่เขาย้ำรอยฟันลงไป แต่ก็ไม่มีเสียงร้อง มีเพียงแรงสะอื้นเท่านั้น และนั่นก็ยิ่งทำให้เขาร้อนขึ้นกว่าเดิม เมื่อคิดไปว่า ยิหวาคงจะไม่ยี่หระกับอะไรแค่นี้หรอก เพราะขนาดเล่นกับผู้ชายทั้งกลุ่มก็ยังเคยมาแล้ว นับประสาอะไรกับรองรับเขาแค่คนเดียว เมื่อคิดเช่นนี้แรงที่บีบเค้นจึงเพิ่มขึ้น
 
   ร่องรอยสีกุหลาบเกิดขึ้นเต็มตัว กุหลาบสีเลือดมันช่างสวยงามเสียจริง เขาเงยหน้าขึ้นดูผลงานของตัวเอง ใบหน้านวลที่คงคงมีน้ำตาเปื้อนอยู่นั้นไม่ทำให้เขาสนใจได้แม้แต่น้อย

   ทุกครั้งที่ฝ่ามือ และริมฝีปากร้อนลากผ่านแต่ละส่วนของร่างกาย แรงที่มือนั้นจับ คมฟันที่ขบกัดอย่างยั้งก็ทำในร่างกายนั้นสะอื้นไห้ได้ทุกครั้ง ยิหวาเลือกที่จะกัดปากตนเองกลั้นเสียงร้อง เพราะหากมันทำให้ชายหนุ่มอารมณ์เย็นและยอมฟังเขาบ้างมันก็เพียงพอแล้ว

   เมื่อเล่นและทิ้งร่องรอยความรุนแรงกับร่างกายทั้งด้านหน้าและด้านหลังจนพอใจแล้วเขาจึงเปลี่ยนลงไปที่ด้านล่าง เขาดึงเรียวขาที่พยายามเกร็งขืนเอาไว้ แรงที่มีเท่าไหร่ก็เอามาลงกับร่างเล็กบางนี้จนหมด มือที่ขยำนั้นเขาจากจะฉีกเนื้อนั้นออกมาเสียด้วยซ้ำจนสามารถแยกขาออกจากกันได้สำเร็จ ช่องทางด้านหลังที่ยังคงปิดสนิท เขาจงใจที่จะละเลยและมองข้ามไปทั้งที่รู้เห็นเห็นว่าร่างเล็กที่เขาทาบทับอยู่นั้นยังมิได้มีอารมณ์ร่วมไปกับเขาแม้แต่น้อย แต่เขาจะต้องไปสนใจทำไมก็ในเมื่อเขาไม่ใช่คนแรก มันไม่จำเป็นต้องเล้าโลม ไม่จำเป็นต้องมีตัวช่วย

   แรงมือที่บีบบนต้นขา และเนินเนื้อทั้งสองข้างนั้นแทบจะฉีกมันออกจากกันถ้าทำได้ หยาดน้ำใสจึงไหลออกมาโดยที่ยิหวาไม่รู้ตัว รอยฟันที่เด่นอยู่บนริมฝีปากนั้นชัดขึ้นเมื่อมันกัดลงที่เดิมซ้ำๆ และเมื่อฝ่ามือหนานั้นแยกขาเขาออกกว้าง เอาร่างตนเองขวางไม่ให้เขาหุบขา เขาก็พอจะรู้ว่าจักเกิดอะไรขึ้นต่อไป

   เจ็บ ความรู้สึกของยิหวาในตอนนี้นี้มีเพียงอย่างเดียว เจ็บเหมือนใครเอามีดมากรีดเนื้อแล้วดึงเนื้อให้แยกออกจากกัน เจ็บเหมือนโดนแท่งเหล็กลนไฟร้อนแดงทิ่มแทงเข้ามาในร่าง เจ็บเหมือนใครมาดึงแยกร่างออกเป็นชิ้น แต่เสียงร้องของเขาดูเหมือนจะดังไปไม่ถึงคนที่กำลังมอบความเจ็บปวดนี้ให้เขา ทั้งที่อยู่ใกล้กันเพียงลมหายใจ แต่ก็เหมือนไกลจนไม่อาจจะไขว่คว้าได้

   เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นนั้นทำให้เขาชะงัก ความฝืดฝืนของช่องทาง ก็ทำให้เขาแปลกใจ แต่มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะลบภาพที่ยอมในคนอื่นกอดได้ เขาฝืนตัวดันร่างของตนเองให้ลึกเข้ามา อาการเกร็งร่างของอีกคนไม่ทำให้เขาละความพยายาม แม้การเกร็งตัวของอีกคนนั้นจะทำให้เขาเจ็บ แต่คนที่เจ็บกว่าต้องไม่ใช่เขา

   เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดที่ดังขึ้นนั้นแม้ยิหวาเองก็ยังไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นเสียงของตนเอง เขาร้องออกมาอย่างที่ไม่เคยทำ เมื่อร่างของชายหนุ่มตรงหน้าถอนตัวออกไป ทำให้เขาถอนหายเบาๆเมื่อความเจ็บนั้นลดลง แม้จะแค่น้อยนิดก็ยังดี แต่มันเร็วไปที่เขาจะดีใจ เพราะเมื่อถอนออกไปจนสุด ชายหนุ่มก็ใส่เข้ามาเต็มแรง อย่างต้องการจะให้ฆ่าเขาเสีย ความรู้สึกถึงหยดน้ำอุ่นที่ไหลเปื้อนต้นขานั้นบอกให้เขารู้ว่าเขาคงได้แผลใหญ่เป็นแน่

   เสียงร้องด้วยความเจ็บของยิหวาทำให้เขาชะงักไปเล็กน้อย ด้วยไม่คิดว่าคนที่ผ่านมือชายมามากมายจะยังดูเหมือนไม่เคยต้องมือใครมาก่อนเช่นนี้ ความรู้สึกถึงของเหลวที่ชโลมกายของเขาอยู่นั้นบอกว่าเขาทำให้ร่างเล็กนี้เจ็บได้อย่างที่ต้องการแล้ว เขาหยุดตัวเองเพื่อปรับลมหายใจ ก่อนที่โจนทะยานใส่ร่างเล็กนั้นเต็มแรง ไม่สนใจเสียงร้องที่ขอให้เขาหยุด หรือหยดน้ำใสที่รินออกจากดวงตาคู่สวยนั้นหยดแล้วหยดเล่า เขาตั้งใจที่จะตักตวงจากร่างนี้ให้สาสมกับสิ่งที่คนๆนี้ทำ

   เมื่อเสียงร้องขอของตนไม่สามารถส่งผ่านไปถึงอีกคนได้ ยิหวาจึงทำได้เพียงกัดฟันทนแรงอารมณ์ที่เพิ่มขึ้นสูงของชายที่คนเองรัก เพื่อรอให้อารมณ์บางเบาลง จากที่เจ็บมันก็เจ็บจนชา และเมื่อมันชามันก็มีความรู้สึกอื่นเข้า ความรู้สึกที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน ความรู้สึกที่เหมือนตัวเบาๆ กำลังจะก้าวผ่านปุยเมฆที่ลอยอยู่ตรงหน้า แต่แล้วก้อนเมฆก้อนนั้นกับสลายหายไปต่อหน้า คงเหลือแต่ความเจ็บจากการตกลงมา และความเจ็บนั้นก็มามือใหญ่ที่กำความสุขที่กำลังเบ่งบานเหมือนดอกไม้ของเขาไว้แน่น กระชากเขาให้หลุดจากเส้นชัยที่เห็นอยู่ข้างหน้า หากชายหนุ่มกลับไม่ยอมหยุดที่นำตนเองเข้าสู่จุดหมาย

   เขาไม่ยอมที่จะให้ยิหวาถึงจุดนั้นเป็นแน่ คนที่ถึงจุดนั้นต้องไม่ใช่ยิหวา เขาจะทำให้ยิหวาทรมานจากการร่วมรัก แต่ไปไม่ถึงฝั่งฝัน เพราะไม่ถึงจากเขาคนอื่นก็ทำให้ยิหวาถึงได้ มันจึงไม่จำเป็นเลยที่เขาจะให้ยิหวาถึงเส้นชัยเหมือนกับเขา แม้เขาจะร่วมรักกับยิหวา ถึงเขาจะขบกัดร่างกายนี้อย่างไรแต่เขาก็ไม่คิดที่จะจูบคนตรงหน้าเลย ทั้งที่เมื่อก่อนนั้นเขาอยากจะทำเป็นที่สุด แต่ต้องห้ามใจ หากว่ามาถึงตอนนี้เขารู้สึกขยะแขยงริมฝีปากนี้เกินทน และจูบของเขาก็มีไว้เพื่อคนที่เขารักเท่านั้น

   ร่างที่ถอนตัวออกไปนั้นทำให้ยิหวาถอนหายใจยาว ความเจ็บระบมไปทุกส่วนยังคงฝังแน่นอยู่ไม่หาย แต่สิ่งที่คิดว่าจบลงไปแล้วนั้นมันไม่ใช่เลย มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อชายหนุ่มอีกคนแทรกลึกโดยไม่คิดจะถนอมร่างที่ซ้ำระบม ทุกครั้งที่ร่างนั้นแทรกสอดเข้ามาไม่มีคำว่าออมแรง และทุกครั้งก็มีเพียงชายหนุ่มเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ถึงจุดหมายปลายทาง การกระทำรุนแรงนี้ยาวจนข้ามมาอีกวัน หลายครั้งที่ยิหวาคิดว่าตนเองกำลังจะหมดสติ ก็มีคำกระซิบข้างหูให้เขาได้เจ็บช้ำลงไปอีก ‘ อย่างเพิ่งหลับล่ะ บริการฉันให้ถึงใจกว่านี้ ฉันจ่ายให้เธอคุ้มราคาแน่ ’

   การร่วมรักที่ยาวนานเกินที่ยิหวาจะทนได้ ทุกครั้งที่เขาหมดสติไปก็จะถูกปลุกขึ้นมาด้วยน้ำเย็น แม้ว่าการได้แช่น้ำจะทำให้สบายตัวขึ้น แต่มันก็ต้องไม่ใช่น้ำเย็นจัดขนาดนี้ ตลอดระยะเวลาที่ชายหนุ่มหมกตัวอยู่ในห้องก็ไม่ทำอะไรนอกจากสั่งอาหารขึ้นมาทาน นอนพัก และร่วมสัมพันธ์กับยิหวา ไม่กิจกรรมอะไรนอกเหนือจากนั้น

   ตลอดระยะเวลาสองวันเต็มที่ชายหนุ่มทำเช่นนี้ แต่มีเพียงเขาคนเดียวที่อิ่มหนำทั้งจากเรื่องบนเตียง และอาหารทางกาย แต่สำหรับยิหวาแล้ว เขายังไม่ได้ทานข้าวหรือแม้แต่น้ำสักนิดเลยตั้งแต่วันที่ชายหนุ่มเข้ามาในห้องนี้

   พัทธยารับรู้ถึงอุณหภูมิที่สูงขึ้นของร่างเล็กนั้น แต่เขาเลือกที่จะไม่สนใจ และมองข้ามมันไป เขาไม่จำเป็นต้องสนใจสุขภาพหรือร่างกายของคนที่เขาจ่ายเงินเพื่อนอนด้วยอยู่แล้ว จ่ายเงินแล้วก็ต่างคนต่างไป เพราะเขาคิดว่าเขาให้เกินคุ้มอยู่แล้ว

   วันนี้เข้าวันที่สามแล้วที่เป็นเช่นนี้ แต่มีบางอย่างทีต่างออกไป ภายในห้องเงียบสนิทไม่มีวี่แววของชายหนุ่มอีกคน ยิหวาพยายามลืมตาที่หนักอึ้งความรู้สึกเจ็บไปทั้งตัว ลำคอที่แห้งผาก ริมฝีปากที่เริ่มแตกเพราะไม่ได้รับน้ำมาเป็นเวลานาน ดวงตาคมที่ล้าแรงกวาดมองไปรอบๆก่อนจะสะดุดที่กระดาษโน้ตซึ่งวางทับอยู่บนซองใส่เอกสารสีน้ำตาลบนโต๊ะหัวเตียง เขาพยายามที่เอื้อมหยิบมันมา สิ่งที่อ่านได้นั้น ตอกย้ำให้เจ็บเพิ่มขึ้นไปอีก เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจ จบสิ้นกันแล้วรักครั้งนี้ของเขา ร่างกายที่อ่อนล้าพาให้ใจนึกถึงคนที่ตนเองพอจะพึ่งได้ และจะช่วยไม่ให้เรื่องที่เกิดขึ้นขึ้นล่วงรู้ถึงหูของบิดาตนเร็วเกินไปนัก

   “ พี่ระเด่น ยิหวาเจ็บ... ” ยิหวาพูดได้เพียงเท่านี้แรงเฮือกสุดท้ายก็หมดลง แต่กระนั้นข้อความที่เขียนเอาไว้ในกระดาษแผ่นเล็กก็ยังย้ำให้เจ็บไม่หาย แม้ว่าจะได้อ่านเพียงครั้งเดียว แต่มันกลับฝังอยู่ในใจรู้ไม่ลืม

   ‘ เงินสำหรับค่าตัวของเธอ หวังว่ามันคงพอนะ แต่ถ้าอยากได้เพิ่มก็บอกคู่ขาคนอีกของเธอให้ทิปเธอให้หนักหน่อยแล้วกัน เพราะฉันจ่ายให้เธอเต็มที่ได้เท่านี้ สำหรับของที่มั่วไม่เลือกอย่างเธอ’








เมื่อวานเข้าล็อกอินไม่ได้ไม่รู้ว่าทำไม วันนี้ข้าเจ้าเลยลงชดเชยเมื่อมที่ไม่ได้ลงเป็น 2 บท เรื่องนี้ใกล้จะจบแล้วขอรับ



ขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจเข้ามานะขอรับ ข้าเจ้าจะสู้ต่อไป :pig4:





ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
พัธเลวมาก ไม่คิดจะฟังหรือถามอะไรน้องเลย
คิดเองเออเองอยู่คนเดียว

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
ข้าเจ้า+1 ทุกคนที่เข้ามาเป็นแรงใจนะขอรับ :L2:

ขอบคุณมากมายขอรับ :pig4:

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
แพทมันต้องเป็นคนวางแผนแน่ๆ

Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8

ออฟไลน์ coon_all

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
เข้ามาอ่านรวดเดียวเลย
ส่งสารน้องยี่หวามากๆเลยอ่ะ
ทำไมถึงใจร้ายกับน้องขนาดนี้หนออ
ปล.พอแม่น้องยิหวาต้องชอบอิเหนาแน่เลยชื่อลูกถึงได้เป็นแนวๆนี้

khalwfarng

  • บุคคลทั่วไป
ชอบค่ะ  :L2:
คือตอนเปิดเรื่องนั้นเป็นตอนปัจจุบัน
แล้วที่อ่านอยู่นี่คืออดีตใช่มั้ยคะ ....อ่า  น่าจะใช่
พัทธโง่เนอะ ไม่ยิหวาตายก็ทิ้งพัทธมันไปเลย  :angry2:
เอาให้ทรมานอย่างถึงที่สุด...พัทธต้องจมกับความรู้สึกตายทั้งเป็นแบบที่ยิหวาเคยทุกข์


 :z3:

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
ใกล้จะจบแล้ว ยังไม่ได้ขอบคุณทุกท่านเลย วันนี้ถือฤกษ์งามยาม(ร้อน)ดี ขอบคุณทุกท่านขอรับ


ขอบคุณท่าน owo llยมuมข้u ที่เข้ามาเม้นต์ให้เป็นคนแรก  :กอด1:

ขอบคุณท่าน gupalz ที่ยังรอตอนต่อไป  :pig4: ข้าเจ้าจะสู้ต่อไปเช่นกันขอรับ แอบกระซิบว่า...... แพทไม่ได้วางแผน(คนเดียว)หรอกขอรับ



ขอบคุณท่านTiamo_jamsai  ที่เข้ามาเป็นกำลังใจให้ขอรับ และขอบคุณสำหรับดอกไม้ขอรับ  :L2:




ขอบคุณท่าน k00_eng^^  ที่ช่วยน้องยิหวาว่านายพัทธนะขอรับ o13 แต่ว่าหลังจากนี้นายพัทธอาจจะรับรู้อะไรเพิ่มขอรับ


ขอบคุณท่าน iamnan  ที่ช่วยว่านายพัทธอีกแรง  :impress2:มันไม่ฉลาดจริงล่ะขอรับ



ขอบคุณท่านcoon_all  ที่เข้ามานะขอรับ :pig4: นายพัทธมัรใจร้ายจริงๆ แต่เดี๋ยวมันก็ต้องชดใช้กรรม

ปล. พ่อแม่ยิหวาชอบอิเหนารึเปล่านั้น ไม่ใช่เสียที่เดียวหรอกขอรับ เพียงแต่ตั้งชื่อลูกตามท้องถิ่นที่อยู่น่ะขอรับ



ขอบคุณท่าน ●kawfahng● สำหรับดอกไม้ขอรับ  :L2:ตอบคำถามขอรับ ท่านเข้าใจไม่ผิดขอรับ เทียนเล่มที่ 6 เป็นเล่าความย้อนอดีตขอรับ แอบสปอยรึเปล่า ยิหวายังไม่ตายแน่นอนขอรับ (นายเอกพันธุ์อึดตายยาก) และขอบคุณที่ช่วยว่านายพัทธอีกแรง นายพัทธมันต้องเจอบทเรียนแน่ๆขอรับ

ปล.แอบสปอย(จริงๆ)น้องยิหวามีคนรัก(ที่ไม่ใช่นายพัทธแล้วขอรับ) เหลืออยู่ว่าตอจากนี้นายพัทธจะได้เป็นพระเอกต่อ หรือพระเอกต้องเปลี่ยน ฝากติดตามต่อด้วยนะขอรับ :call:


ปล.2 ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งขอรับ :pig4: +1ให้กับทุกเมนต์ขอรับ




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2012 20:44:34 โดย Ice_Iris »

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
เข้ามาอ่านยาวโลด
น่าสงสารยิหวาจัง อ่านแล้วเฮิร์ทแทน
หวังว่าฟ้าหลังฝนคงสดใสนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ IRIS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 434
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
สงสารยิหวาจังเลย..
คบกันมาตั้งนานไม่ไว้ใจกันบ้างรึไงนะ..
ก็เข้าใจว่าเห็นหลักฐานขนาดนั้นก็ต้องโกรธเป็นธรรมดา..แต่น่าจะสอบถามกันก่อนที่จะทำอะไรรุนแรงลงไป..

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
พึ่งเจอเรื่องนี้ค่ะ  พลาดไปได้ยังไงเนี่ยเรา

สงสารยิหวา ภัทรควรใจเย็นและฟังคำอธิบายจากคนที่รักนะ แค่รูปเอง ถึงแม้ว่าจะมีหลักฐาน ว่ายิหวาไปทำอะไรกับใคร แต่มันก็แค่นั้นแหละ ภาพตัดต่อก็ได้ หรือมีใครคิดอยากแกล้ง
 :เฮ้อ:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-04-2012 00:01:13 โดย berlyn »

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
พระเอกหูเบาและไม่ฉลาด

Loveyoujung

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วนอยนิดหน่อย ที่คนบางคนก็หูเบาเกินไป...ไม่ตรวจสอบอะไรให้แน่ใจก่อน
บางทีสิ่งที่คนอื่นพูดอาจไม่เป็นจิงเสมอไป เพราะว่าถ้าเป็นเราต่อให้รู้สำนึกแล้วกลับมาขอโทษ
เราก็คงไม่ยกโทษให้หรอก แต่ถ้าเป็นยิหวา..ก็ไม่แน่...คนดีๆ ก็เป็นแบบนี้แหละ
น่าสงสารจิงๆ

มาต่อเร็วๆนะคะ แต่อยากให้จบแบบ...สะใจนิดหน่อยอ่าาาา อยากให้พระเอกมันรู้ว่ามันคิดไปเองฝ่ายเดียว
อยากให้นังตัวร้ายยมันได้รับบทเรียนอย่างสาสม...

ปล. ห้าห้าห้า ไม่เครียดๆ

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0





ขอโทษที่หลายใจ





เทียนเล่มที่ 7






   เหตุการณ์ในครั้งนั้นแม้ว่ามันจะผ่านมาแล้ว แต่ยิหวาไม่เคยลืม วันนั้นพี่ระเด่นมาถึงตอนไหนเขาไม่รู้ เพราะเขาฟื้นขึ้นมาหลังจากผ่านวันนั้นมาเกือบอาทิตย์ สิ่งที่เขารับรู้ตอนนั้นก็คือ ทางมหาวิทยาลัยให้เขากลับไปเรียนได้อีกครั้ง เพราะพี่ระเด่นเข้าไปจัดการชี้แจงทุกอย่างเป็นจนที่กระจ่างแล้วว่า ผู้ชายในรูปนั้นคือตัวของพี่ระเด่นเอง และอีกสองคนนั้นก็คือคนสนิทของพี่ระเด่นที่ให้มาส่งแทนในวันที่พี่ระเด่นติดงาน ส่วนรูปใบใหญ่ตรงกลางนั้นก็พิสูจน์ได้ว่าเป็นเพียงภาพที่เกิดจากการตัดต่อเท่านั้น เรื่องทุกอย่างจึงลงเอยด้วยดี

   เพื่อนในคณะที่ทราบเรื่องจากบอร์ดประกาศแล้วนั้น ก็แวะเวียนมาเยี่ยมพร้อมกับขอโทษที่เคยต่อว่าเขาไปก่อนหน้า ส่วนเรื่องที่เขาเข้าโรงพยาบาลในครั้งนี้ก็ได้ปาน กอบ และปองช่วยกันเก็บความลับไว้ และบอกทุกคนว่าเขาเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้นจนต้องเข้าโรงพยาบาลนั่นเอง และที่ทั้งสามคนนี้รู้เรื่องนี้ก็เพราะว่า ทั้งสามไม่สามารถติดต่อเขาได้เลยจึงมาหาที่ห้อง และได้พบกับพี่ระเด่นที่กำลังจะพาเขาไปโรงพยาบาล เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นจึงถูกถ่ายถอดจากปากของแต่ละคนไปสู่พี่ระเด่น

   เมื่อทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดีแล้วก็จริง แต่คนๆหนึ่งที่เขาอยากให้รู้ความจริงนั้นกลับไม่อยู่ เขาทราบมาจากเพื่อนสามคนว่า พี่พัทธไม่เรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเดิมแล้ว และเลือกที่จะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ซึ่งน่าจะเดินทางไปในวันสุดท้ายที่อยู่ที่ห้องของเขา ก่อนที่จะทิ้งเขาไว้ตามลำพัง

   ส่วนพี่ระเด่นหลังจากที่จัดการเรื่องต่างๆให้เขาแล้ว ก็พยายามที่จะตามหาตัวคนที่ทำกับเขาเช่นนี้ แต่เขาไม่ต้องการให้คิดแค้นต่อกัน เขาอยากให้เรื่องมันจบลงไปด้วยดี ไม่อยากให้โกรธ ให้แค้นจนต้องตามเอาคืน พี่ระเด่นแม้จะไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ขัดต่อคำขอของเขาเช่นทุกครั้งที่เขาเอ่ยขอ ก็มักจะได้เสมอ

   ถึงแม้ว่าเขาไม่อยากให้บิดารู้เรื่องสักเท่าใด แต่สุดท้ายเขาก็ต้องเป็นคนบอกด้วยตนเอง เขาไม่เคยปิดบังสิ่งที่เกิดขึ้น คุณป๊ารู้ตั้งแต่เขาเริ่มทำความรู้จัก เริ่มรักพี่พัทธแล้ว คุณป๊าไม่ได้ห้าม แต่ให้สิทธิเขาในการตัดสินใจได้เอง แต่ก็คอยดูอยู่ห่างๆ หากเมื่อรู้แล้วคุณป๊าก็เหมือนคลื่นใต้น้ำที่ยังเงียบ หากก็ยังน่ากลัว จนเขามารู้ที่หลังว่าคุณป๊าตามสืบจนรู้ว่าพี่พัทธนั้นเป็นลูกของเพื่อนเก่า และได้พูดคุยกับคุณพ่อของพี่พัทธแล้ว ซึ่งก็ได้ข้อตกลงเป็นที่น่าพอใจ คลื่นใต้น้ำอย่างคุณป๊าจึงอ่อนกำลังลง จะมีก็แต่พี่ระเด่นที่ตามดูแลเขาแทบไม่ให้คลาดสายตา

   วันนี้พี่ระเด่นก็น่าจะมาด้วย เพราะเขาคงต้องเจออีกฝ่ายเป็นแน่ แต่เพราะติดลูกค้าสำคัญทำให้ไม่สามารถมาได้ จึงส่งให้พี่กล้ากับพี่กิตมาเป็นแทน และหากเขาไม่รีบร้อนเดินออกมาโดยไม่รอพี่กล้ากับพี่กิต เขาก็คงไม่ต้องอยู่กับชายหนุ่มตามลำพังเช่นนี้

   ดวงตาที่ฉายแววตื่นตระหนก อาการตื่นกลัวเมื่อเจอหน้าเขาทำให้พัทธยายิ้มเหยียด เพราะคนตัวเล็กตรงหน้านี้ช่างเล่นละครได้ดีไม่มีที่ติเช่นเคย เขายอมรับว่า ครั้งแรกที่เจอคนตัวเล็กนี้ แม้จะเห็นในระยะห่าง และไม่สว่างมากนัก แต่คนๆนี้โดดเด่นท่ามกลางคนอื่นๆเสมอ เสน่ห์ที่มีนั้นไม่เคยหายไปเลย ไม่ว่าร่างกายจะแปดเปื้อนมาเท่าไหร่ มันก็ยังคงน่าหลงใหลเสมอ และน่าหลงใหลยิ่งกว่าเมื่อหลายปีที่แล้วเสียอีกเมื่อได้พบเจอให้ระยะประชิดเช่นนี้

   “ อ้าว!!! หนูยิหวาทำไมรีบร้อนออกมาล่ะ มีอะไรหรือเปล่า ” เสียงของบุคคลที่สามดังขึ้นด้านหลัง ทำให้มือที่กำลังจะฉุดดึงข้อมือเล็กเดินตามตนเองไปต้องชะงัก

   “ คะ...คุณลุง ยิหวาต้องขอโทษที่รีบร้อนออกมา ยิหวาจะออกไปดูความเรียบร้อยที่จุดจัดแสดงน่ะครับ ” คำตอบนี้ไม่มีการกล่าวเท็จแต่อย่างไร เพราะเขาต้องการไปที่จุดจัดแสดงจริงๆ

   “ อ้อ...อย่างนั้นรึ งั้นก็ตามสบายเลย แต่ลุงขอตัวเจ้าลูกชายไปดูงานทางนั้นหน่อยแล้วกัน โน่นนายกล้ากับนายกิตมาพอดีเลย ลุงไปเลยแล้วกันนะ ส่วนเราน่ะระวังตัวไว้บ้างนะ เปิดตัวแบบนี้แล้ว เราก็กลายเป็นเป้าสายตาของฝ่ายตรงข้ามได้เป็นอย่างดีเชียว ระวังตัวไว้บ้างก็ดี ” บุคคลที่เข้ามาทักนั้น คือคนที่เพิ่งเซ็นสัญญาร่วมทุนกับยิหวาไปก่อนหน้า คุณพร้อมบุญหรือก็คือบิดาของพัทธยานั่นเอง

   เมื่อโดนคุณพ่อของตนเองเข้ามาขัดจังหวะพัทธยาจึงได้แต่ส่งสายตาเย็นชามาให้ แต่เมื่ออีกสองคนที่บิดาของคนพูดถึงเดินเข้ามาอยู่ข้างกายของยิหวาทำให้ความทรงจำบางอย่างหวนคืน แต่ไม่ทันที่จะได้ถามอะไร คุณพ่อของเขาก็ดึงเขาออกมาเสียก่อน

   “ คุณพ่อลากผมออกมาทำไมเนี่ยะ ” พัทธยาเอ่ยขึ้นหลังจากที่ต้องเดินตามบิดามายังห้องรับรองแขก VIP ซึ่งตอนนี้มีเพียงเขากับบิดาแค่สองคนเท่านั้น

   “ แล้วแกคิดจะทำอะไรหนูยิหวาเขากันแน่ล่ะ ” คำถามของบิดาดูจะไม่มีความหมายอะไรเลย เขาเพียงแค่ยักไหล่ไม่ใคร่จะสนใจ เพราะมีเรื่องที่น่าสนใจกว่าต้องทำ

   “ แล้วนั่นแกจะไปไหนเจ้าพัทธ ” คุณพ่อของเขาเรียกเอาไว้เมื่อเห็นเขากำลังจะเดินไปเปิดประตู แต่ใช่ว่าเขาสนใจจะตอบ ความเป็นลูกที่ดีของเขาหายไปพร้อมกับความรักครั้งแรกที่มีให้คนๆนั้นๆไปแล้ว เขาไปเรียนต่อก็จริง แต่ก็กลับไปทำตัวเป็นเพลย์บอยเช่นเดิม หรืออาจจะมากกว่าก็ได้ เพราะต่างประเทศนั้นเสรีกว่า

   “ ถ้าแกออกไป แกจะไม่มีวันได้รู้ว่าผู้ชายสองคนที่เดินอยู่ด้านหลังยิหวาเป็นใคร ” คำพูดที่เอ่ยขึ้นมาของบิดาทำให้มือที่กำลังจะหมุนลูกบิดชะงักค้างก่อนจะหันกลับมาอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ หากก็ยอมนั่งลงแต่โดยดี

   “ แกกำลังสงสัยใช่ไหมว่าเคยเห็นผู้ชายสองคนนั้นที่ไหน พ่อจะช่วยสงเคราะห์ให้ ” รูปถ่ายที่เขาเคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่ง รูปถ่ายที่ทำให้ความรักของเขาต้องจบสิ้นลง กลับมาย้อนความทรงจำของเขาอีกครั้ง

   “ รูปพวกนี้... ” เมื่อเขาได้เห็น เขาก็จำได้ทันทีว่าเคยเห็นผู้ชายสองคนนั้นที่ไหน แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดหรือทำอะไร น้ำเสียงทรงอำนาจของบิดาก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน ทำให้เขาที่กำลังจะลุกออกไปต้องนั่งลงอีกครั้ง เพราะเมื่อใดที่บิดาใช้น้ำเสียงเช่นนี้ก็แสดงว่าต้องการให้ฟัง

   “ คนซ้ายชื่อกล้า ส่วนคนขวาชื่อกิต ยังไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น ฟังพ่อพูดให้จบเสียก่อน ” พ่อของเขาพูดขัดขึ้นก่อนที่เขาจะได้ถาม ทำให้เขาต้องนิ่งฟังต่อ แม้ใจนั้นจะร้อนจนอยู่ไม่สุข

   “ ส่วนคนนี้ชื่อระเด่น ” รูปของชายคนหนึ่งที่มีมากกว่าอีกสองคนก่อนหน้านั้นมาก และก็คือคนๆเดียวกับคนที่ยิหวายอมให้กอดโดยไม่ขัดขืน แต่เขาก็ยังนิ่งฟังพ่อพูดต่อ เพราะพ่อส่งสายตามาประมาณว่า ‘ แกต้องฟังให้จบ ’

   “ สองคนแรกเป็นคนสนิทของระเด่น ที่ระเด่นไว้ใจให้ดูแลคนสำคัญ หรือก็ประมาณบอดี้การ์ดนั่นล่ะ ส่วนระเด่นนั้นก็คือพี่ชายของหนูยิหวาเอง ที่นี้แกพอจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างหรือยัง ว่าทำไมสามคนนี้ถึงมีรูปถ่ายคู่กับหนูยิหวา หรือแม้กระทั่งเข้าออกห้องของหนูยิหวาได้ ” ประโยคยืดยาวที่คุณพ่อของเขาบอกเหมือนค้อนที่ทุบลงมากลางศีรษะทำให้มึนยิ่งกว่ามึน งงยิ่งกว่างง มันสับสนปนเปกันไปหมด คำบอกกล่าวของแม่และน้องสาวในตอนนั้น กับคำพูดของพ่อให้ตอนนี้มันช่างต่างกันอย่างสิ้นเชิง

   “ และรูปสุดท้าย แกดูให้ดี อย่าดูด้วยอารมณ์ ดูด้วยดวงตาที่เป็นธรรมแล้วแกจะเห็น ” รูปสุดท้ายนั้นก็คือภาพการร่วมรักของยิหวากับชายกลุ่มหนึ่ง แล้วอะไรที่พ่อเขาต้องการให้เขาดูให้ดี

   “ ภาพนี้เกิดจากการตัดต่อ หนูยิหวาเป็นคนผิวเหลือง และแกเองก็น่าจะรู้ว่าสีผิวหน้ากับสีผิวตัวมันไม่น่าจะต่างกันมาก แต่นี่... ” คุณพ่อของเขาชี้ให้เห็นจุดที่เขามองข้ามไปให้ชัดเจนขึ้น

   “ ถึงสีผิวมันต่างกันได้ แต่มันก็ไม่น่าจะกระด่าง กระดำอย่างนี้ ” ใช่จุดที่คุณพ่อของเขาชี้ให้ดูก็คือสีผิวหน้าที่เหลืองกว่าผิวกายที่ออกจะคล้ำไป และสีผิวกายก็ไม่เรียบเสมอกัน

   “ ภาพตัดต่อ.... ” เสียงของเขาเองที่พูดออกมาอย่างไม่ใคร่จะรู้ตัวนัก เมื่อทุกอย่างเหมือนจิ๊กซอร์ที่ต่อกันได้พอดี เรื่องราวทุกอย่างจึงกระจ่างกับตา แจ้งกับใจก็วันนี้ คำพูดของบิดาที่ว่า ‘ ไตร่ตรองให้ดี ’ แท้จริงแล้วคืออย่างนี้นี่เอง

   “ เป็นไงล่ะไอ้เสือ โหวกเหวกโวยวายว่าเขานอกใจ ทำร้าย ทำเลวกับเขาไว้มาก แท้จริงแล้วเป็นยังไง พ่อเตือนแกแล้ว แต่แกให้อารมณ์ตัดสินทุกอย่าง เชื่อคนรอบข้างมากกว่าจะเชื่อคนที่ตนเองรัก และหาความจริงก่อนจะทำ ” มือที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ตบไหล่ลูกชายเบาๆเพื่อปลอบประโลม แค่นี้ลูกชายของเขาก็น่าจะมีบทเรียนบ้างแล้ว หลายปีที่กลับไปทำตัวเหลวไหล ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าลูกชายของตนกำลังหนีอะไรอยู่ แต่ในเมื่อเขารับปากกับพ่อของยิหวาไปแล้วเขาจึงต้องปล่อย หากว่าวันนี้มันอยู่นอกเหนือข้อตกลง เขาไม่ได้ผิดคำพูด เพราะยิหวาเปิดตัวให้เจ้าลูกชายของเขาเจอเอง

   “ พ่อ... ผมจะทำอย่างไรดี ” หยดน้ำใสๆที่ซึมออกมานั้นเขาไม่ได้ตั้งใจให้มันไหลออกมา แต่พอเขานึกถึงสิ่งที่เขาเคยทำไว้กับยิหวา ทำให้เขาเกลียดตัวเองขึ้นมาจับใจ

   “ ถ้าแกคิดว่าแกสำนึกผิดแล้วจริงๆ แกก็ต้องยอมรับสิ่งที่แกก่อเอาไว้ให้ได้ ” เสียงของพ่อยิ่งทำให้เขารู้เสียใจกับสิ่งที่เขาเคยทำลงไป การกระทำร้ายกาจครั้งนั้น สภาพครั้งสุดท้ายของยิหวาก่อนที่เขาจะเดินออกมา กระดาษที่เขียนข้อความร้ายๆที่เขาทิ้งเอาไว้ ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดมากขึ้น

   “ สิ่งที่แกทำมันเกินให้อภัยจริงๆ แกอาจจะยังไม่รู้เงินที่แกวางไว้ให้ยิหวานั้น ยิหวาเขาส่งคืนมาทั้งหมด และมีข้อความเขียนไว้ว่า เขาไม่ใช่เด็กขาย แต่แม่แกกับยัยแพทไม่เคยบอกแกใช่ไหม นั่นเป็นบุคคลต่อไปที่ต้องจัดการ ” สิ่งที่บิดาบอกนั้นยิ่งตอกย้ำเขาให้รู้สึกผิดยิ่งขึ้นไปอีก

   “ พ่อผมขอโทษ ” เขากล่าวขอโทษพ่อ น้ำตาลูกผู้ชายไหลอย่างไม่อายใคร

   “ คนที่แกควรจะขอโทษไม่ใช่พ่อ แต่เป็นหนูยิหวานู่น ” พ่อของเขาว่า ในน้ำเสียงนั้นไม่มีแววประชดแต่อย่างใด ติดจะเห็นใจด้วยช้ำ

   “แกอยากขอโทษหนูยิหวาจริงๆหรือเปล่า ” พ่อของเขาถามอีกครั้ง ซึ่งเขาก็รีบพยักหน้ารับอย่างไม่ลังเล

   “ แต่การไปขอโทษหนูยิหวาครั้งนี้แกต้องรับศึกหนักนะ และพ่อก็ต้องบอกก่อนว่าพ่อช่วยแกไม่ได้อีกแล้ว แกต้องรับมันเองเพียงคนเดียว ” พ่อว่าพร้อมกับถอนหายใจยาว

   “ ได้ครับ ไม่ว่าอย่างไรผมก็ทำได้ ขอแค่ยิหวาฟังคำขอโทษของผมก็พอ ” ไม่ว่าจะอย่างไร แม้ยิหวาจะเกลียด จะแค้นเขา หรืออยากจะทำอะไรกับเขาก็ได้ เขายอมทั้งนั้น ขอเพียงแค่ยิหวายอมฟังคำขอโทษจากผู้ชายร้ายๆหูเบา ที่ไม่คิดจะฟังคำอธิบายใดๆ ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรเขาก็ยอม การที่อยู่โดยมีภาพของยิหวาเคียงคู่กับคนอื่นในใจ มันทำให้เขาแทบบ้าตายมาหลายปี แต่มาวันนี้เขาคงจะเกลียดตัวเองจนตายหากไม่ได้ขอโทษยิหวาแม้สักคำ





**************************************************************************************





สายัณห์สวัสดิ์ขอรับ เข้ามาทักมายตอนค่ำๆ ขอบคุณทุกท่านที่เมนต์ให้ข้าเจ้าขอรับ +1 ในทุกท่านขอรับ

ตอนนี้นี้ใกล้จะจบเรื่องเต็มที เหลืออีกแค่ 2 ตอนเท่านั้นขอรับ

บทนี้เป็นการเฉลยเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้น ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร นายพัทธหูเบาแค่ไหน

บทต่อไปนายพัทธจะต้องรับโทษที่เคยก่อเอาไว้ แต่จะสาสมหรือไม่ต้องติดตามตอนต่อไปขอรับ :o12:




ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0







ขอบคุณท่าน yeyong ขอรับ ยิหวามีแม่(พ่อ)ยกเพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว ฟ้าหลังฝนจะสดใสหรือไม่  :o8:ขอเชิญติดตามตอนต่อไปเลยขอรับ หากบอกไปเดี๋ยวจะไม่สนุก


ขอบคุณท่าน IRIS นี่ก็แม่(พ่อ)ยกหนูยิหวา คบมานานแต่ไม่ไว้ใจกันนี้ มันน่านจริงๆขอรับ ขอบคุณที่เข้ามาขอรับ  :pig4:


ขอบคุณท่าน berlyn แม้ท่านจะเพิ่งเข้ามา แต่ก็ใช่ว่าจะช้าไปขอรับ ยังทันอยู่ ท่านเป็นคนแรกเลยที่เดาว่าเป็นภาพตัดต่อ ซึ่งในเทียนเล่มที่ 7 ได้เฉลยไว้แล้วขอรับว่ามันเป็นภาพอะไรกันแน่ ขอเชิญท่านตามต่อเลยว่าที่ท่านคิดไว้นั้นเป็นเช่นไร
 :a5:

ขอบคุณท่าน iforgive ที่ช่วยกันรุมนายพัทธอีกคน แต่เดี๋ยวนายพัทธก็ได้รับบทเรียนต่อจากนี้ :beat:


ขอบคุณท่าน Loveyoujung ขอรับที่เข้ามาร่วมกันว่านายพัทธ เทียนเล่มที่ 7นี้นายพัทธมันสำนึกผิดแล้วขอรับ แต่น้องยิหวาจะยกโทษให้หรือไม่นั้นต้องติดตามต่อขอรับ ขอบคุณที่รออ่านต่อขอรับ :กอด1:




ปล ไม่ตั้งใจจะปั่นกระทู้ตัวเองนะขอรับ แค่อยากจะแยกตอบคอมเมนต์ออกจากเนื้อเรื่องเท่านั้นเอง :call:






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-04-2012 21:11:31 โดย Ice_Iris »

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
ที่แน่ๆพัทธคงได้ขอโทษ  และยิหวาคงให้อภัย :เฮ้อ:
แต่จะกลับมาเป็นคนรักกันอีกหรือไม่ต้องแล้วแต่คนแต่งอ่ะ

Loveyoujung

  • บุคคลทั่วไป
ยกโทษให้กับคนที่สำนึกผิดก็เป็นสิ่งที่ดี
แต่กับคนที่ทำเรื่องแบบนี้ แม่กับน้องสาวของพัทธยา สมควรจะได้รับการลงโทษ
ให้รู้ว่าไม่ควรไปทำร้ายใครก่อน....

่ขอบคุณคนแต่งสำหรับเรื่องดีๆอย่างนี้...

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0

yeyong ท่านมาเร็วจริงขอรับ

ท่านเดาได้เหมือนตาเห็นมากขอรับ

แต่ขอสปอยสักนิด ใครที่คิดว่านายพัทธเป็นพระเอกนั้น นายพัทธอาจจะไม่ใช่พระเอกที่คู่กับน้องยิหวาคนเดียวก็ได้ เพราะน้องยิหวามีคนรักอยู่แล้ว.......




Loveyoujung

  • บุคคลทั่วไป
อืมม....หรือว่าพระเอกคือ...ที่ปรากฎในตอนแรก?????
ทำให้อยากแล้วจากไปนะคะ คนแต่งเนี้ยยยยย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด