(ครึ่งหลังครับ)
ในควันสีเทาและกลิ่นไหม้ที่เหม็นจนน่าขยะแขยงคือมัจจุราจสีส้มแดงที่ลุกโชนอย่างไม่ปรานีเหนือตลาด ใจของคะน้าต้นรัวเหมือนถูกอัดไปด้วยระเบิดที่พร้อมจะปลิดชีวิตเขาลงในพริบตา แอร์ปรับอากาศในรถยนต์เหมือนจะพ่นไอร้อนจนเหงื่อเขาซึมแตกออกมาโดยไม่รู้ตัว คะน้าเร่งเครื่องปรับอากาศขึ้นอีกจนสั่นไปกับความหนาว และเมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้า ใจของชายหนุ่มแทบจะกองลงไปอยู่ที่ปลายเท้า นับเป็นครั้งแรกที่คะน้าไม่อยากจะรับรู้ความจริง ...ความจริงที่เขาภาวนาให้เป็นเพียงความฝันที่โหดร้ายในคืนนี้
ผักกาดจอดรถอยู่บริเวณที่ไม่ไกลออกไป ทันที่ที่รถนิ่งสนิท คะน้าก็ทะยานตัวไปที่กลุ่มคนมากมายที่ออล้อมอยู่ทั่วบริเวณด้านนอกของตลาด เจ๊เป็ด จันทู สายใจ พี่ศักดิ์ และใครต่อใครอีกมากมายต่างร่วมด้วยช่วยกันดับเปลวไฟที่กำลังลุกโหม บ้างก็ช่วยย้ายข้าวของที่จำเป็น บ้างก็หาน้ำมากมายมาดับไฟตรงหน้าร่วมกับรถดับเพลิงที่ตระหง่านอยู่กลางถนนแคบๆ
“ขอโทษครับ เราเป็นเจ้าของตลาดครับ ตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ” คะน้าวิ่งเข้าไปหาพนักงานดับเพลิงคนหนึ่งที่กำลังยิงน้ำเข้าไปในเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ ผักกาดวิ่งตามมาสบทบ ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือดด้วยความตกใจ
“น้ำไม่พอ เราต้องการน้ำเพื่อดับไฟอีก คุณครับ มีจุดต่อน้ำได้บ้างไหมครับ” เจ้าหน้าที่คนนั้นตอบกลับมาด้วยความร้อนรน แม้ในเวลาที่ตกใจจนแทบช็อค หากแต่หญิงสาวก็พร้อมจะรับมือได้เป็นอย่างดี ผักกาดตะโกนสู้กับความวุ่นวายและเสียงของกองเพลิงตรงหน้า
“หัวจ่ายมีกระจายทั่วไปค่ะ แต่มันต้องปลดวาล์วก่อน รู้สึกจะอยู่ด้านใน”
“อยู่ตรงไหนครับ”
“ด้านในค่ะ รู้สึกช่วงท้ายตลาด ค่อนข้างหายากสักหน่อย ดิฉันก็ไม่แน่ใจ” เจ้าหน้าที่ดับเพลิงมีสีหน้าวิตก ดูเหมือนเพลิงที่เผาไหม้นั้นจะร้ายแรงกว่าที่คาดคะเน อีกทั้งรถดับเพลิงจากเขตอื่นก็ดูเหมือนจะติดเหตุการณ์อัคคีภัยที่จุดอื่นเช่นกัน
“ด้านในครับ ผมคุ้นเคยดี เดี๋ยวผมเข้าไปเองครับ ไม่นาน”
“ไม่ได้นะ มันอันตรายเกินไป” ผักกาดแทรกเสียงแหลมขึ้นมาทันที คะน้าหันไปมองผู้เป็นพี่สาวแล้วพูดอย่างจริงจัง
“ตอนนี้ยังพอคุมไฟไว้ได้ แต่ถ้าช้ากว่านี้ มันจะยิ่งแย่ และถ้าเกิดลุกลามไปบ้านเรือนหรือเขตก่อสร้างใกล้ๆ มันจะยิ่งไปกว่านี้ ละแวกนี้ไม่มีคลองให้สูบน้ำมาช่วย เราไม่มีตัวเลือกอื่น” ชายหนุ่มตะโกนสู้กับเสียงระเบิดและข้าวของที่ตกลงมา
“เจ้... ตอนนี้ปัญหาคือน้ำไม่พอ เราต้องการน้ำ และคนก็ไม่พอ แค่นี้ ผมพอทำได้ ผมคุ้นเคยดี” ชายหนุ่มหันมาพูดกับเจ้าหน้าที่ที่พยายามควบคุมเปลวไฟอยู่ “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมทำเอง ไม่เกินสิบนาที รบกวนคุมเพลิงให้ได้นะครับ”
“แต่มันอันตรายเกินไปนะครับ”
“ถ้าผมไม่ทำ ผมมองไม่เห็นว่าใครจะทำได้ในตอนนี้ เรามีคนไม่พอ” เสียงของคะน้ากร้าวแกร่งและเข้มแข็ง พนักงานดับเพลิงหันไปมองเจ้าหน้าที่คนอื่นที่ทำหน้าที่อยู่ ต่างคนก็ต่างอยู่ในสภาวะที่ไม่ต่างกัน
“น้ำพร่องลงไปเรื่อยๆ แล้วก็ไม่รู้ว่ารถเสริมจะมาถึงตอนไหน ก่อนที่น้ำจะหมด และก่อนที่มันจะลุกลาม ต้องมีใครสักคนเปิดวาล์ว และในที่นี้ นอกจากผู้หญิงกับคนที่เป็นผู้ใหญ่มากๆ ผมคุ้นเคยกับที่นี่ดีที่สุด” เจ้าหน้าที่มีสีหน้าที่หนักใจ
“เราแข่งกับเวลาอยู่นะครับ!” คะน้าตะโกนย้ำอีกครั้ง เพลิงค่อยๆ ลุกลามมากขึ้นด้วยกำลังน้ำที่อ่อนกำลังลง เจ้าหน้าที่มีสีหน้าลำบากใจ ครุ่นคิดอย่างหนักถึงสถานการณ์ตรงหน้า เสี้ยววินาทีแห่งความเป็นความตาย สุดท้ายก็ตัดสินใจ
“รบกวนด้วยครับ!”
สิ้นเสียงร่างสูงของคะน้าก็ฝ่าเข้ากองเพลิงที่ลุกโชนตรงหน้าทันที เสียงผักกาดหวีดร้องจากด้านหลัง หากแต่เขาก็ยังวิ่งตรงไปข้างหน้าไม่หยุด ไม่ใช่ว่าไม่ห่วงใย แต่สิ่งนี้ ในเวลานี้ มีทางเลือกไม่มากสำหรับทุกคน ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง เจ๊เป็ด สายใจ เฮียตี๋ พี่หมู คนในตลาดที่คุ้นตาจนไล่ชื่อไม่หมด ใครต่อใครต่างก็พยายามตักน้ำมาสาด หรือแม้แต่ช่วยย้ายข้าวของที่พอจะทำได้ แม้กระทั่งจันทู หญิงสาววิ่งไปตักน้ำจากบ้านข้างๆ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มือที่วันๆ พลิกอ่านหนังสือดาราด้วยความเกียจคร้าน ในตอนนี้กลับทรงพลังจนน่าเกรงขาม คนอื่นๆ ก็เช่นกัน
ในภาพที่เห็น ดวงตาของทุกคนที่นี่ พวกเขาทุกคนล้วนมีน้ำตาไหลมาอย่างไม่ขาดสาย และภายใต้หยดน้ำใสๆ นั้น กลับมีสิ่งหนึ่งที่ลุกโชนยิ่งกว่าเปลวไฟตรงหน้า สิ่งนั้นคือความมุ่งมั่น สิ่งนั้นคือความรู้สึกที่จะไม่ยอมแพ้ ถ้าที่นี่พัง เราทุกคนก็พร้อมจะพังไปด้วยกัน!
...เพราะที่นี่คือบ้าน
...และที่นี่ ...ก็คือชีวิตของเรา!คะน้าหันกลับไปมองภาพที่จากมา ผักกาดค่อยๆ ปาดน้ำตาแล้วลุกขึ้นยืนอย่างเข้มแข็ง หญิงสาววิ่งออกไปปะปนกับฝูงชนในท้องตลาดจนกลายเป็นหนึ่งหนึ่งเดียวกับทุกคน
...คนที่เราเรียกกันว่าเป็นครอบครัวมือเล็กๆ ที่จับแต่ปากกาและพิมพ์คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ บัดนี้ จับกระป๋องน้ำหนักๆ และสายยางเข้าสู้กับเปลวไฟตรงหน้า เสียงตะโกนส่งแรงของทุกคนดังลั่นราวกับจะประกาศกร้าวในสงครามที่เผชิญอยู่
ให้ไอ้ไฟบ้าๆ นี่มันมันรู้ว่า... ถ้าชาวตลาดเราลุกขึ้นสู้ เราจะไม่มีวันแพ้ใคร!คะน้ากำหมัดแน่นแล้วส่งเสียงคำรามก้อง สองขาวิ่งไปด้านหน้าตามทางด้วยความแคล่วคล่อง กลิ่นไหม้ฉุนกึกในจมูก และเปลวไฟก็รุนแรงขึ้นทุกที หากแต่คนที่คุ้นเคยในสถานที่แบบเขานั้นถือว่าไม่หนักหนา กำลังใจที่เต็มเปี่ยมจากความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันปลุกอะดรีนาลีนและลูกบ้าให้หลั่งไหลไปทั่วร่างกาย ชายหนุ่มกระโจนไปข้างหน้าเหมือนกันเสือที่วิ่งอยู่ในป่าที่คุ้นเคย
ทางที่เดินตรงไปที่วาล์วนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรคและสิ่งกีดขวาง แม้จะพยายามฝ่าเข้าไปให้ถึงด้านใน แต่เปลวเพลิงที่ร้อนแรงนั้นขวางกั้นราวกับกำแพงสูง ความลึกจากด้านนอกทำให้สายน้ำจากที่ฉีดส่งมาไม่ถึง ยิ่งเข้าด้านใน เปลวไฟก็ยิ่งโหมแรง ทางออกที่ดีที่สุดในเวลาอันจำกัดคือการเลี่ยงไปใช้เส้นทางอีกด้าน ไกลกว่า อ้อมกว่า แต่สิ่งที่กีดขวางน้อยกว่า และน่าจะปลอดภัยกว่า
ไวเท่าความคิด คะน้าชักฝีเท้ากลับแล้วเบี่ยงไปอีกทางทันที ทางคดเคี้ยวนั้นเต็มไปด้วยเปลวไฟที่ร่วงหล่นเช่นกัน หากแต่เทียบกันแล้วนับว่าง่ายกว่าทางเดิมอยู่มาก แต่แล้วจังหวะหนึ่งที่ไม่ทันระวังตัวก็เกิดเสียงแก้วระเบิดจนเศษกระจกปลิวไปในอากาศ และวินาทีต่อมาแก้วน้ำที่เก็บเรียงอยู่ในแผงใกล้ๆ ก็ล้มระเนระนาดและแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ท้อถอย แม้จะต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยในการเลี่ยงเศษแก้วที่มากมายบนพื้นซีเมนต์ร้อน
และเมื่อพ้นไปได้ แผงไม้อื่นๆ ก็ประทุแตกกระเด็นปลิวมาในอากาศ คะน้าพยายามเบี่ยงตัวหลบ แต่ก็มีบ้างที่ปะทะเข้ากับผิวหนังเขาโดยตรง ร่างสูงสะบัดมือลวกๆ เหมือนไม่กลัวเจ็บปวด กระทั่งถึงเป้าหมาย เปลวไฟที่ชั่วร้ายลุกโพลงขึ้นอีกระลอกที่หน้าวาล์วน้ำ ชายหนุ่มปาดเหงื่อที่ซึมขึ้นมาตามไรผมจนเปียกชื้น เสื้อผ้าเปียกไปด้วยวงเหงื่อที่ซึมผ่านเป็นวงกว้าง คะน้าพยายามตั้งสติ ครุ่นคิดหาทางฝ่าเข้าไปเพื่อเป้าหมายที่อยู่ตรงหน้าเพียงไม่กี่เมตร
เหลือบมองไปรอบข้างเพื่อหาวิธี ไม่ช้าชายหนุ่มก็ย้อนกลับไปที่แผงไม้ที่เริ่มแตก ออกแรงกระทืบถีบท่อนไม้เก่าๆ เต็มแรง ไม่กี่ครั้งก็แตกเป็นชิ้นระแนง คะน้าควานหาท่อนที่กระชับมือขึ้นมาแล้ววิ่งตรงไปที่วาล์ว เปลวเพลิงสีส้มตรงหน้ายังคงสาดแสง ชายหนุ่มเหวี่ยงไม้ในมือไปที่ต้นเชื้อซึ่งเป็นไม้เก่าๆ ให้กระเด็นออกไปคนละทิศทางกระทั่งเปลวไฟใหญ่นั้นจึงลดขนาดลง และเมื่อจังหวะนั้นมาถึง ชายหนุ่มก็ไม่ลังเลที่จะวิ่งตรงเข้าไปที่วาล์วน้ำแล้วออกแรงบิดสุดกำลัง
ทันทีที่มือสัมผัสกับโลหะเป็นวงกลมนั้นก็ต้องสะดุ้งสุดขีดกับด้วยความร้อนที่สุมมานาน คะน้าสะบัดมือไปมาในอากาศด้วยความแสบร้อน และเมื่อฝืนพยายามจับอีกครั้งก็ไม่ไหวที่จะออกแรง ชายหนุ่มนิ่งหอบแล้วทุบกำปั้นลงกับพื้นด้วยความโมโห สู้บุกฝ่ามาถึงที่หมายแต่กลับพ่ายแพ้ให้กับการบิดหัววาล์วง่ายๆ แบบนี้ ความปวดแสบกัดกินในดวงตาพร้อมกับหยดเหงื่อเอ่อขึ้นจนสองมือเปียกชื้น ชายหนุ่มจึงยกฝ่ามือขึ้นถูกกับเสื้อที่ตนสวมใส่อย่างลวกๆ ก่อนที่เขาจะชะงัก
...รอยยิ้มระบายขึ้นบนใบหน้า
คะน้าถอดเสื้อตัวเองออกแล้วคลุมทับวาล์ว ในครั้งนี้เขาออกแรงบิดเต็มกำลัง หากแต่ความฝืดเคืองด้วยไม่ได้ใช้บ่อยเท่าที่ควรทำให้หัววาล์วน้ำนั้นหนักอึ้งจนไม่เคลื่อนที่ คะน้านั่งหอบจนตัวโยน เหงื่อซึมออกจนหยดเป็นน้ำ มือทั้งสองข้างทั้งปวดร้อนและอ่อนล้า ...แต่เขาจะไม่ยอมแพ้กับเรื่องแค่นี้ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก ออกแรงบิดหัววาล์วอย่างเต็มแรงราวกับไม่รู้สึกปวดแสบ บิด... และบิดอย่างเต็มที่ ท่อนแขนทั้งสองข้างเกร็งตัวขึ้นจนเป็นมัดกล้าม ...ออกแรง และออกแรงขึ้น ...มากกว่านี้ ...มากขึ้นกว่านี้อีก
ครืดดดด...หัววาล์วคลายตัวออกช้าๆ แต่ก็เล่นเอานั่งหอบอยู่กับที่ ตั้งสติได้ คะน้าก็อ้าปากตะโกนบอกเจ้าหน้าที่ดับเพลิงคนที่อยู่ใกล้ที่สุดว่าวาล์วน้ำได้ถูกปลดเรียบร้อยแล้ว และให้ต่อสายแล้วใช้ได้ทันที หากลมหายใจแรกที่สูดเข้าไปนั้นมีแต่ความร้อนและไอควัน ชายหนุ่มจึงสำลักจนตัวโยน เสียงที่ออกไปแหบแห้งจนแม้แต่ตัวเขาเองยังไม่ได้ยิน แต่คะน้ายังไม่เลิกพยายาม
ชายหนุ่มจ้องมองอีกครั้งแล้วหาจังหวะที่พอเหมาะ หากแต่เสียงตะโกนข้างนอกนั้นดังสนั่นจนเขาสู้ไม่ไหว และจะฝืนรออยู่แบบนี้คงไม่ได้เช่นกัน ทางเดียวที่มีคือการย้อนกลับทางเดิมออกไปบอกทีมเจ้าหน้าที่ต่างๆ ให้เร็วที่สุด คะน้าจุ่มเสื้อที่ถอดออกลงที่น้ำก็อกใกล้ๆ ที่ระอุจนเกือบเดือด ความร้อนทำให้สะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อเอาผืนผ้าเปียกๆ นั้นปิดจมูกตัวเองให้พ้นจากควันไฟ เขาไม่ลืมที่จะเอาน้ำร้อนๆ พวกนั้นราดลงบนตัว จะพุจะพองช่างมัน เมื่อผิวกายเขายังทนไหว
...ขอเพียงให้ตลาดแห่งนี้อยู่ต่อไปได้ แค่นี้ถือว่าเล็กน้อยกึ่งคลานกึ่งวิ่งต่ำๆ อ้อมกองไฟ เอามือปัดไฟที่ร่วงหล่นลงมา มือเปล่าๆ ของเขานี่ล่ะที่ตบละอองไฟให้พ้นจากตัว ทว่าจังหวะที่พลาดนั้นทำให้เสื้อที่ถอดมาจุมน้ำปิดจมูกหลุดมือ ผ้าเปียกๆ ตกลงไปในเปลวเพลิงขนาดใหญ่ ไม่ช้ามันก็กลายเป็นธุลีเถ้าไปคาตาให้เจ็บใจ เปลวควันและความร้อนจู่โจมร่างกายทันที มันกัดกร่อนและทำให้ชายหนุ่มสำลักจนน้ำตาไหล เขาไอตัวโยนจนของเหลวเหนียวๆ ในปากบีบเกร็งออกมาด้วยความทรมาน
สิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้นซ้ำสองเมื่อในจังหวะที่ไม่ได้เคลื่อนไหวนั้น ปิ๊บน้ำมันที่ซุกตัวอยู่ในแผงใกล้ๆ ก็ระเบิดตัวจนเกิดเสียงดังก้อง แต่นั่นคงเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสะเก็ดน้ำมันที่ร้อนจัดกระจายทั่วทั้งบริเวณ คะน้าเอี้ยวตัวหลบตามสัญชาตญาณ แต่น้ำมันร้อนๆ ก็ราดเข้าที่กลางหลัง ซ้ำการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้ายังทำให้ชายหนุ่มไม่อาจหลบท่อนเหล็กร้อนๆ ซึ่งเป็นโครงสร้างหลังคาที่ร่วงหล่นลงมาในนาทีถัดไปพ้น เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เมื่อเสียงนั้นสิ้นสุด คะน้าก็ทรุดลงท่ามกลางเปลวไฟที่โหมเข้ามาอย่างไร้ความปรานีด้วยน้ำมันที่ระเบิดเมื่อครู่
ร้อนจนเหมือนร่างกายจะเผาไหม้เป็นจุล แต่เขาไม่มีแรงพอจะขยับหนี คะน้าเอามือบีบหน้าแข้งและข้อเท้าที่ชาจนไร้ความรู้สึก เขาสำลักอีกครั้ง และไม่นานความชานั้นก็เริ่มแปรสภาพเป็นความเจ็บปวดทรมาน ท่อนขาข้างซ้ายปวดหนึบและหนักอึ้งจนขยับเคลื่อนไม่ไหว แม้แต่แรงแขนที่จะยกท่อนเหล็กออก ชายหนุ่มก็ยังทำไม่ได้ แม้จะออกแรงจนสุดกำลังก็ทำได้เพียงปลายนิ้วที่สั่นระริก ...โลหะนั้นร้อนจัด ...ร้อนระอุจนเหมือนจะเผาขาเขาให้ขาด
ตาของเขาเริ่มมองไม่เห็น จมูกเริ่มแสบ แขนขาเริ่มอ่อนกำลังจนชายหนุ่มไม่มั่นใจว่าจะพาตัวเองให้กลับออกไปหาเจ้าหน้าที่ด้านนอกได้หรือไม่ คะน้าได้แต่นั่งอยู่นิ่งๆ ความหวังในใจที่มีนั้นพอๆ กันกับความหวาดกลัวจนไม่กล้าลืมตา
...เจ๊เป็ด จันทู สายใจ บังอร พี่ศักดิ์ เฮียตี๋ พี่หมู พี่น้องทุกคนของเรา
...ป๋า แม่ เจ้ผักกาด
...ทิมท่ามกลางความวุ่นวาย ความร้อนที่เหมือนกับเปลวไฟจากนรก เสียงตะโกนที่ดังกึกก้องและเสียงกรีดร้องที่โหยหวนที่ดังตลอดเวลา ในควันหนาทึบ ทุกอย่างนิ่งสนิท คะน้าหลับตา ต้านความร้อนด้วยความหวังและความเชื่อมั่นอันแรงกล้าที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในใจอีกครั้ง
ทุกๆ คน...
ผมจะไม่ยอม...
ผมจะไม่ยอมตายอยู่ที่นี่!แขนขาจะหนักอึ้งก็ช่างปะไร เดินไม่ไหวก็ไม่ใช่จะจำนน ลำคอที่แห้งผากราวกับถูกเผาจนไหม้นั้นค่อยๆ รวบรวมพลังขึ้นทีละน้อย ...ทีละนิดจนมากขึ้น ...และมากขึ้น คะน้าสูดลมหายใจเข้าลึก ตะโกน ...ตะโกนจนสุดเสียง สุดแรง และสุดพลังที่เขามี
[b’“ต่อน้ำ... ฉีดน้ำได้!!!”[/b]
เสียงร้องหวือดังกึกก้องในหูของตัวเอง ไม่รู้ว่าเสียงมนุษย์หรือปีศาจ เสียงพระเพลิงหรือเสียงอะไร ไม่รู้ว่าเป็นเสียงภายนอกหรือเสียงตัวเอง ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเป็นเพียงแค่เสียงในหัวหรือเปล่า แต่ไม่ว่ามันจะเป็นสิ่งไหน ...เขาจะไม่ยอมแพ้
“ต่อน้ำ! ...ฉีด! ฉีดเลย! น้ำใช้ได้แล้ว!!!”เสียงที่เคยคิดว่าสุดลมหายใจแล้วกลับยังคงดังต่อไป แหบโหยและยาวนานอย่างไม่น่าเชื่อ กังวานและท่วมท้น เป็นเสียงสุดท้ายที่ดังไร้ขอบเขต เสียงที่จะดังลั่นเหมือนจะสนั่นไปทั่วทั้งโลก
...แล้วเสียงนั้นก็จางหายไป เหลือเพียงเสียงคำรามแห่งเปลวเพลิง
คะน้านั่งหอบ ...หอบจนสั่น เขาหมดแรง หมดแล้วซึ่งกำลัง แม้แต่ความหวัง แม้แต่ความเชื่อมั่น กำลังใจ ...ทุกๆ อย่างที่เขามี มันค่อยๆ ถูกเปลวไฟแผดเผาจนเลือนหาย ตาที่พร่าเลือนมองความฝันต่างๆ ผุพังลงตรงหน้า แม้ทุกอย่างรอบตัวจะวุ่นวายอึกทึก หากแต่ในใจกับเงียบงัน โลกกำลังหยุดหมุนและค่อยๆ มืดลง
ภาพความทรงจำในวัยเด็กค่อยๆ ชัดขึ้น เด็กชายตัวน้อยที่เคยวิ่งเล่นไปตามทางที่เลี้ยวลดในตลาด เสียงหัวเราะ ดังพอๆ กับเสียงตะโกนด่าไล่ด้วยความเอ็นดู เสียงปรบมือ รอยยิ้ม และน้ำตา กระทั่งวันแรกที่กลับมาที่นี่อีกครั้งในฐานะพ่อค้า ความไม่ประสา ความเหนื่อยล้าและหยาดเหงื่อที่ตกตะกอนลงเป็นความสุขที่โรยตัวอยู่รอบข้างเขาตลอดเวลา ความทรงจำเหล่านี้หล่อหลอมให้เขาเติบใหญ่ขึ้นมา ...มันกำลังพังทลายลง ...ต่อหน้า ...ตรงนี้ ...ตอนนี้ ...และเขาทำอะไรไม่ได้เลย
ผิวหนังลวกพองกลับเริ่มไร้ความรู้สึก อากาศเบาบางจนเหมือนไม่มีเหลือ คะน้าไอจนไม่เหลือเสียง น้ำลายเหนียวๆ เกร็งและบีบตัวออกจากปากอย่างที่เขาไม่ได้ตั้งใจ ทรมาน ...ทรมานเหมือนจะขาดใจ ตาที่เคยแสบจากไอควันเริ่มไร้ความเจ็บปวด และภาพที่เห็นเบื้องหน้าก็เป็นเพียงแค่สีเทา ไม่สว่าง ไม่มืด ไม่ขาว และไม่ดำ
“น้ำ... น้ำ...”
เสียงสุดท้ายแผ่วลงก่อนที่เสียงฝีเท้าที่วุ่นวายพร้อมเสียงตะโกนเรียกอะไรสักอย่างจะเข้ามาแทนที่ นาทีต่อมา ท่อนขาที่โดนเหล็กทับรู้สึกเบาโล่ง สักครู่ก็มีแรงกระชากทำให้ชายหนุ่มประคับประคองสติที่เหลือเพียงน้อยนิดจ้องมองภาพตรงหน้า
“น..น้ำ ...ใช้ได้แล้ว”
ผมสำลักจนหายใจไม่ออกและไม่มีเสียงอีกแล้ว สีเทานั้นทำให้มองไม่เห็น มันแสบตา ร้อนเคืองจนต้องปิดตาลง แรงเขย่าเหมือนจะเรียกชื่อผมซ้ำๆ มันเป็นเหมือนเสียงก้องที่กลับกลายเป็นเพียงเสียงแว่วๆ ในหู ที่พอจะรับรู้ได้คงเหลือเพียงสัมผัส ...สัมผัสนั้น อบอุ่น และเป็นสัมผัสที่คุ้นเคย
“ต..ต่อน้ำ... บอกให้ฉีดได้เลย ..ผ..ผมไม่เป็นไร”
เสียงก้องดังขึ้นแต่มันอื้ออึง แรงเขย่านั้นกระชากจนตัวโยนแต่ผมไม่รู้สึกเจ็บ ในความร้อน ผมกลับสัมผัสถึงหยดน้ำบนหน้า มันเล็กน้อย ...น้อยมากๆ แต่ก็อุ่น หนึ่งหยด ...สองหยด ...แล้วก็อีกหยด และเพียงไม่นานก็ระเหยกลายเป็นไอ ผมเอื้อมมือขึ้น ใช้แรงเกือบทั้งหมดที่เหลือในการสัมผัสใบหน้าคนตรงหน้า และอีกน้อยนิดสำหรับรอยยิ้ม
“บอกทีว่าผมทำได้ มันยังทันใช่ไหม? ยังไม่พังทั้งหมดใช่หรือเปล่า?”
มีเสียงตอบกลับอะไรบางอย่างที่ผมฟังไม่รู้เรื่อง แล้วร่างของผมลอยหวือเหมือนถูกเหวี่ยงขึ้นฟ้าก่อนจะตกลงมาบนแผ่นหลังที่ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัย ปลายเท้าที่แกว่งเพราะไร้เรี่ยวแรงลอยอยู่บนเปลวเพลิงร้อน ผมค่อยๆ เคลื่อนตัวสู่ทางออกช้าๆ ด้วยจังหวะที่มั่นคง แล้วสติการรับรู้ก็ขาดห้วง
รู้สึกตัวอีกทีเมื่อกลิ้งตัวเองไปบนพื้นซีเมนต์เปียกๆ ฝนกำลังตก หรือบางทีมันอาจจะเป็นน้ำจากรถดับเพลิง เสื้อผ้าที่ร้อนคลายอุณหภูมิลง ผิวหนังที่ลวกพองก็เช่นกัน ผมอ้าปาก กว้างที่สุดเท่าที่จะกว้างได้ ตักตวงหยดน้ำที่พร่างพรมลงบนผิวหน้า จมูกเริ่มได้กลิ่นไหม้ที่น่ารังเกียจทั่วบริเวณ สายตาที่มองทุกอย่างเป็นสีเทากลับเห็นภาพได้อีกครั้ง แม้ว่ามันจะเป็นภาพที่ไม่อยากจะเห็นก็ตาม ดูเหมือนสถานการณ์เพลิงจะถูกควบคุมไว้ได้ในที่สุด ประสาทสัมผัสต่างๆ ของผมเริ่มกลับมา ได้สติและรับรู้ถึงมือที่เกาะกุมแน่นอยู่ตลอดเวลาและไม่ปล่อยไปไหน
เสียงหอบสะท้านของคนที่นอนพังพาบอยู่ข้างๆ ตัวนั้นดังเป็นจังหวะแทบไม่ต่างอะไรกับตัวคะน้า เสื้อสกปรกและฉีกขาด เผยให้เห็นผิวหนังที่เป็นรอยถลอกพองเปรอะเปื้อนด้วยคราบเขม่าไหม้จนเป็นสีดำสลับกับริ้วแดงจากความร้อนที่กร่อนผิว คะน้าค่อยๆ ปรับภาพตรงหน้าที่พร่าเลือนให้แจ่มชัดขึ้นทีละน้อย
เปลวไฟสีแสดถูกดับลงไปพร้อมกับเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นซึ่งจบลงไป หากแต่ในใจของคะน้ากลับยังรู้สึกสั่นรัวราวกับเผชิญกับสิ่งที่ไม่คาดฝันซึ่งให้ความรู้สึกไม่ต่างกัน
“หวัดดี”
ผมจำเสียงที่อ่อนโยนนั้นได้ ดวงตาคู่นั้นก็เช่นกัน แม้มันจะเปื้อนคราบเขม่าจนมัว แต่ผมก็ยังจำกรอบแว่นพลาสติกสีดำนั้นได้ และที่จำได้ดีที่สุดคือรอยยิ้มนั้น ...ยิ้มที่ดูเหมือนจะดับได้ทุกเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจ
“...ผมกลับมาแล้ว”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เอาล่ะครับ คนแต่งพร้อมให้ด่าและรุมประนามแล้ว กร๊ากกกกกกกกกกกกกก...
แต่คนแต่งชอบนะ รู้สึกช่วงแอ็คชั่นมันสนุกดี ถึงแม้จะมีบางช่วงแอบสงสารต่ายน้อยก็ตาม
ตอนนี้เลยไม่ใช่ผักบุ้ง แต่เป็นคะน้าไฟแดงเสิร์ฟทุกคนกลางดึกให้อกสั่นขวัญแขวนเล่น
ส่วนท้ายตอนจะว่ายังไงดีล่ะ 555555 กลับมาให้หายคิดถึงกันแล้วสำหรับคุณหมอนะครับ
นับจากตอนนี้ไป เนื้อเรื่องเข้มข้นขึ้น เอาเป็นว่าจะเริ่มมันส์ในอารมณ์ขึ้นทีละน้อยพะยะค่ะ
ช่วงนี้จะพยายามอัพเร็วนะครับ เข้าใจว่ามันอาจค้างคา ถ้านานอารมณ์เสียได้ 555
พบกันใหม่ตอนหน้าครับ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ครับ +1 ให้ทุกคนนะ จุ๊บุๆๆ