(ครึ่งหลังครับ)
...ปฏิเสธไปสิ จะไปยากอะไร มันไม่ใช่อย่างที่ทิมพูดเลย ...ไม่ใช่เลย!
หากแต่ผู้ไล่ล่าไม่เคยรามือ ทิมโน้มใบหน้าของตัวเองลงต่ำตาม
เอาริมฝีปากที่หนานุ่มกดลงบนผิวเนื้อสีเดียวกันเหนือคางของคะน้าแล้วออกแรงช้อนดันขึ้น
คะน้าปัดป้อง แต่ริมฝีปากที่ระอุร้อนยังคงลามไล้คลอเคลียก่อนจะฝังลงบนลำคอของคะน้าอย่างโหยหา
ราวกับถูกไฟฟ้าช็อต ทุกอย่างอื้ออึงจนทำอะไรไม่ถูก
สัมผัสที่ดูแปรปรวนของทิมเป็นสิ่งที่ยากลำบากสำหรับคะน้าที่จะตั้งรับ
“เคยมีสักครั้งไหม ที่ไอ้หมอนั่นมันทำให้พี่รู้สึกคลั่งจนจะเป็นบ้า”ทิมกระซิบถาม กอนจะบดริมฝีปากลงข้างใบหูครั้งแล้วครั้งเล่า
“สักครั้งไหม ที่มันทำให้พี่อึดอัดจนเสียความเป็นตัวของตัวเองได้เท่าผม”ปลายจมูกกดฝังลงบนแก้มแล้วสูดกลิ่นหอมบนผิวหนังอย่างถือดี
“สักครั้งหรือเปล่า ที่มันทำให้พี่รู้สึกเหมือนดิ่งลงนรก และบินอยู่บนท้องฟ้าในเวลาเดียวกันแบบนี้”คะน้าเบือนหน้าหนีไปอีกด้าน หากแค่ไรหนวดสากๆ ยังคงตามเสียดสีคลอเคลีย
“หลับตาก็เห็นหน้า ลืมตาก็นึกถึง และไม่ว่าพยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถสลัดความคิดบ้าๆ นี่ไปได้สักที”ริมฝีปากของทิมบดตัวลงที่ริมฝีปากของคะน้าอีกครั้ง ก่อนจะลากไล้มาหยุดที่มุมปาก
เสียงทุ้มเอื้อนเอ่ยถ้อยคำด้วยน้ำเสียงที่ยากเกินกว่าจะคาดเดาความรู้สึกที่เจือแฝงอยู่ในนั้น
“คนที่ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกมีความสุขสุดๆ เพียงอย่างเดียว แต่เป็นคนที่ทำให้เราทุกข์จนแทบคลั่ง
เพียงคนเดียวที่ทำให้เรารู้สึกปั่นป่วน ทั้งรู้สึกโชคดีที่ได้พบกัน และรู้สึกหวาดกลัวที่จะสูญเสียไป”ใบหน้าของทิมผละตัวออกช้าๆ น้ำเสียงที่ร้อนรนดูจะสงบนิ่งลงบ้างแล้ว
เขาสบตาคะน้านิ่งด้วยสีหน้าแบบนั้นกับความรู้สึกที่ไม่เคยปิดบัง
“เคยถามตัวเองไหม ใครทำให้พี่กลายเป็นคนบ้าได้”คะน้าอึ้งไปกับถ้อยคำแบบตรงไปตรงมาของคนข้างหน้า
ทิมสบตาด้วยแววตาแบบที่คะน้าไม่เคยเห็นมาก่อน
แม้จะแข็งกร้าว หากแต่ลึกๆ มันเต็มไปด้วยความสั่นไหว ไม่มั่นใจ
ในแววตาที่เคยมุ่งมั่นนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวผิดกับทุกๆ ครั้งที่เป็นมา
ถ้าคะน้าเข้าใจไม่ผิด ความรู้สึกของทิมที่มีในตอนนี้... ทิม...
“ตอบสิ”
จู่ๆ หัวใจที่แห้งโหยก็ลุกไหม้จนรู้สึกร้อนวาบ เสียงสั่นๆ และแววตาแบบนั้นของทิม
มันก็แค่เรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอ ...ไม่หรอก มันก็แค่เรื่องล้อเล่น
แค่ตลกร้ายแบบทุกครั้งที่หยอกล้อกันในหมู่เพื่อน ทิมแค่ต้องการเอาชนะ
แค่ต้องการจะเป็นที่หนึ่งตามนิสัยเอาแต่ใจนั่น ...อย่าหวั่นไหว มันไม่มีอะไร ...มันก็แค่นั้น ...ไม่มีอะไร
“อย่าคิดว่าผมไม่รู้จักพี่ บางเรื่อง อาจจะรู้จักดีกว่าพี่รู้จักตัวเองด้วยซ้ำ”ทั้งๆ ที่พยายามอย่างหนักในการให้สมองและความคิดทำงานแทนความรู้สึก
แต่แล้วทุกอย่างมันก็ดูเหมือนจะพังไม่เป็นท่าเพราะคำพูดง่ายๆ พวกนี้
“ไม่รู้จริงๆ น่ะเหรอ ...พี่รักใคร”“พอ... พอเถอะทิม หยุดเถอะ ไม่ว่าสิ่งที่ทิมทำอยู่มันคืออะไร
หยุดล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นได้แล้ว มันไม่สนุกเลย”
คะน้าหายใจหอบ ตั้งสติอย่างหนักกับทุกถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยออกมา
“ล้อเล่นอย่างนั้นเหรอ” ทิมหัวเราะขื่น
“จริงสิ ใครจะไปเหมือนไอ้เทวดานั่น เจ้าชู้ยังไงก็ยังดูดี อะไรก็ดูดีไปหมด”
คะน้ารู้สึกแปลบขึ้นมาทันที จริงอย่างที่ทิมพูด ตุลดูเป็นคนเจ้าชู้
มีเรื่องมีราวพวกนี้โดยตลอด แต่นั่น... เป็นเพราะตุลหรือใคร?
“เพราะนายเล่นไม่ซื่อ”
“แล้วเรื่องที่ทำให้แจ้นขึ้นมานี่ล่ะ เพราะซื่อใช่ไหม”
“พอเถอะทิม” คะน้าถอนหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน “นายต้องการอะไร”
“เลิกกัน”
“...เพื่ออะไร”
คะน้าเงยหน้าขึ้นมองทิมด้วยความไม่เข้าใจ หากแต่อีกฝ่ายกลับหลบตา
และไม่มีคำตอบใดๆ ในถ้อยคำที่เอ่ยถามนั่น ทุกอย่างนิ่งเงียบจนน่าอึดอัด
กระทั่งทิมผ่อนลมหายใจแรงๆ ด้วยความไม่ชอบใจ
คะน้ามองดูท่าทางทุกอย่างของคนที่ยืนอยู่อย่างกระสับกระส่าย
“นาย... นายชอบผู้ชายเหรอทิม”คะน้าพยายามสบตาของทิม หากแต่ครั้งนี้แปลกกว่าทุกครั้ง ชายหนุ่มเลือกที่จะเบือนสายตาไปทางอื่น
และใช้ความเงียบแทนคำถามกลับที่เรียกว่าคำตอบแบบทุกๆ ครั้ง คะน้าข่นเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอ
เข้าใจทุกอย่างเป็นอย่างดี ...คำตอบในนั้นชัดเจนมากพอแล้ว
“พี่ไม่เคยคิดว่านายชอบอะไรแบบนี้เลย คนแบบนายเพียบพร้อมไปทุกอย่าง
รูปร่างหน้าตา การศึกษา หรือฐานะ คนแบบนายไม่มีวันเข้าใจคนธรรมดาแบบพี่หรอก
คนแบบพี่เกิดมาไม่เคยได้สัมผัสกับสิ่งที่นายคุ้นเคย ไม่เคยเป็นที่หนึ่ง
ไม่เคยมีคนมาสนใจ ชอบใครสักคนก็ได้แต่แอบชอบ เรียกว่าฝันก็ยังไม่มีสิทธิ์จะฝัน
พี่ไม่เคยเกิดมาเพื่อเป็นผู้เลือก และไม่เคยมีค่าพอจะเป็นตัวเลือกให้ใคร
ถ้านายคิดว่านี่คือการแข่งขันเพื่อแย่งชิงอะไรสักอย่าง”
คะน้ายิ้มน้อยๆ ด้วยความรู้สึกเจ็บปวดในใจลึกๆ ยอมรับความเป็นจริงที่ไม่อาจหลีกหนีมาได้แต่ไหนแต่ไรแล้ว
“...ที่นี่ ต่อให้นายชนะ รางวัลมันก็ไม่มีคุณค่าอะไรสำหรับนายเลย”ใบหน้าที่แห้งโหยยิ้มเศร้าๆ ด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นในใจ
“ก็จริง” จู่ๆ ทิมก็พูดขึ้นมา “ผมไม่ได้ชอบผู้ชายแบบนั้น เกลียดเลยก็ว่าได้”
ทิมพูดด้วยเสียงที่ราบเรียบ คะน้ายิ้มเศร้าๆ กับคำตอบนั้น
“นายเกิดมาเพื่อเป็นผู้เลือกจริงๆ ถ้าไม่ใช่ดวงดาวบนท้องฟ้า อะไรที่นายอยากได้
ไม่มีหรอกที่นายจะไม่ได้มันมา นานมีทั้งเงิน มีทั้งหน้าตา ฐานะ
บางทียังคิดเลยว่าต่อให้เป็นดาวบนฟ้าจริง คนแบบนายก็อาจคว้ามันมาในมือก็ได้”
“อย่างนั้นเลยเหรอ”
ทิมหัวเราะเยาะ เป็นเสียงหัวเราะที่ไม่ได้แสดงออกถึงความตลกขบขันใดๆ สักนิด
คะน้าเหลือบไปมองดู วูบหนึ่งในใบหน้าที่ดูเหมือนมีความสุขนั้น กลับดูเศร้าหมองจนน่าใจหาย
“พี่เชื่อแบบนั้นจริงๆ”
“ถ้าผมได้ในทุกอย่างที่ผมต้องการจริง ...และถ้าผมเกิดมาเพื่อเป็นผู้เลือกจริง”
ทิมผ่อนลมหายใจแผ่วเบา เขาเงยหน้าขึ้นแล้วสบตาคนๆ เดียวที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความจริงใจ
ชูมือทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นช้าๆ ในมือมีแต่ความว่างเปล่า
“รู้ไหม? ...ผมเลือกแล้ว เลือกไปนานแล้ว”ความแน่วแน่ในดวงตานั้นเหมือนกับพระอาทิตย์ที่เจิดจ้าร้อนแรง
คะน้าเบือนสายตาหลบไปอีกทางด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ
มันค่อยๆ ก่อตัวสะสมจนเป็นรูปเป็นร่างขึ้นทีละน้อย บางสิ่งบางอย่างที่เหมือนกับค้นหามานาน
เพียงแต่น้ำหนักของความหมายนั้นมันช่างมากมาย มากจนคะน้าไม่แน่ใจว่าจะแบกรับกับสิ่งเหล่านี้ไหว
“ดึกแล้ว ผมขอตัวก่อนแล้วกัน”
คะน้ากดปุ่มเรียกลิฟต์ และเพียงเสี้ยววินาที มันก็เปิดออก อาจเพราะว่ามันค้างอยู่ที่นั่นมานานแล้วก็ได้
ชายหนุ่มรีบเดินเข้าลิฟต์ไป พร้อมกับคำตอบของคำถามมากมายที่เริ่มผุดขึ้นมาในใจ
ราวกับจิ๊กซอว์ผืนใหญ่ที่ค่อยๆ ประกอบร่างจนภาพทุกอย่างดูชัดเจน ประตูลิฟต์ค่อยๆ ปิดลง
หากแต่ดวงตาของทิมยังคงจ้องมองอย่างแน่วแน่มาที่คะน้า ไม่มีแม้แต่เสี้ยววินาทีที่มันจะหลุดความสนใจไปที่อื่น
ทันใดนั้นทิมก็รุดก้าวเข้ามา สองมือยกขึ้นแล้วง้างประตูลิฟต์ให้ดีดตัวออกอีกครั้ง
“ตอบคำถามผม”
คะน้าสะดุ้ง ขาข้างหนึ่งถอยกรูดไปด้านหลังโดยไม่รู้ตัว เมื่อไหร่ที่วินาทีที่ยากลำบากเหล่านี้จะสิ้นสุดลง
“ไอ้หมอนั่น เคยมีสักครั้งไหมที่แค่อยู่ใกล้ๆ ก็ทำพี่รู้สึกหลงจนหมดหัวใจ
สักครั้ง ที่ทำให้พี่รู้สึกไม่มั่นใจ แม้ในสิ่งที่ตัวพี่มั่นใจกว่าสิ่งไหนๆ
เคยไหม ที่มันทำให้พี่รู้สึกไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่เข้าใจแม้ตัวของพี่เอง”
คะน้าเบี่ยงสายตาไปอีกด้าน พยายามนิ่งเฉยกับคำถามที่ถูกเร่งเร้าทั้งๆ ที่ในใจสั่นไหวจนทำอะไรไม่ถูก
...อดทนไว้ก่อน อีกนิดเดียว แค่เพียงอีกนิดเดียว แค่ไม่นาน แล้วทุกๆ อย่างก็จะผ่านพ้นไป
“ลืมเรื่องเหตุผลได้ไหม หัวใจของพี่รู้สึกยังไง”“ทิม...”
“ตอบ”
ทิมเร่งเร้า คะน้าพยายามตั้งสติ สูดลมหายใจเข้าลึก เมื่อความจริงมันแน่ชัด
ไม่ว่าจะอย่างไร คงไม่มีคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน
“ตุลทำให้พี่รู้สึกแบบนั้น”
“นี่มันล้อเล่นแน่ๆ”
เสียงของทิมสั่นไหวจนฟังแทบไม่เป็นภาษา
ทุกสิ่งทุกอย่างดูเงียบสงบลง ราวกับพิ้นที่กว้างใหญ่นั้นว่างเปล่าปราศจากผู้คน
เป็นเวลาเนิ่นนานจนมีเสียงถอนหายใจเบาๆ ของผู้เป็นเจ้าของห้องขึ้นมา คะน้าเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมอง
รอยยิ้มน้อยๆ พยายามซุกซ่อนทุกความรู้สึกที่วุ่นวายจนแทบระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ข้างใน
ทิมข่มรอยยิ้มขึ้นมาอย่างยากลำบาก ดูเหมือนคำตอบนั้น จะเหนือความคาดหมายในสิ่งที่ชายหนุ่มเชื่อมั่นมาตลอด
ลงท้าย มันก็เพียงเท่านี้ ...สุดท้าย ทุกๆ อย่างก็กำลังจะสิ้นสุดลงไป
ไม่มีเอ่ยคำร่ำลาแบบทุกๆ ครั้ง ทิมไม่ได้เดินหนีไปไหน ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่เปลี่ยนแปลง
และก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดตัวลง ชายหนุ่มก็เพียงแค่พูดประโยคสั้นๆ ออกมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
“จะวิ่งหนีไปก็เท่านั้น ความรักมันไม่ได้จบลงเพียงเพราะไม่ได้พบกันหรอก”ทันที่ที่ประตูปิดสนิท คะน้าถึงกับทิ้งตัวเองกับพื้นผนังของลิฟต์ทันที
ร่างกายเหมือนจะหมดแรงสู้ต่อ หัวใจสั่นไหวกับคำตอบมากมายที่บัดนี้ แน่ชัดในใจเหลือเกิน
ตุลเป็นคนที่ดีเหลือเกิน ดีจนไม่คิดว่าคนอย่างตุลจะมารู้สึกดีๆ กับผมได้
รอยยิ้มของตุลสดใสและบ่งบอกถึงความสุขเสมอ ทุกๆ ครั้งที่ได้อยู่ใกล้
เพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มนั้น ตัวผมก็รู้สึกเป็นสุขมากมายแล้ว
มันเหมือนกับความฝันที่ไม่อยากจะเชื่อว่าเกิดขึ้นกับตัวผมคนนี้ได้จริงๆ
และผมสัญญากับตัวเองแล้ว ไม่ว่าอย่างไร ผมจะรักษารอยยิ้มแบบนั้น
ให้อยู่กับตุลตลอดกาล และผมจะไม่มีวันผิดคำสัญญา
ทิม... ผมอยากขอโทษที่ทำให้คุณรู้สึกผิดหวัง เสียใจ
แต่คนโง่แบบผม มันคงทำได้เพียงเท่านี้
ดวงตากลมใสเอ่อชื้นขึ้นเพียงเสียววินาที คะน้ายกมือของตัวเองขึ้นปาดน้ำตา
แต่ก็เหมือนความอดทนที่แบกมามันถึงที่สิ้นสุด ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น
ปล่อยให้หยดน้ำใสๆ ระบายทุกสิ่งทุกอย่างที่อัดแน่นในใจ
แม้ว่า... คุณคือคนที่ผมรักก็ตามคะน้าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา พยายามกดเลื่อนดูกล่องข้อความที่ว่างเปล่า
หากแต่ไม่มีข้อความใดๆ ข้างในนั้น หน้าจอจึงได้แต่ตีกลับซ้ำๆ
กระนั้นชายหนุ่มก็ยังคงกดย้ำอยู่ที่เมนูเดิมอย่างนั้นซ้ำไปซ้ำมา
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คงเป็นอีกตอนที่คอมเมนต์ยากแน่ๆ แต่ช้าหรือเร็วก็คงต้องมีฉากอารมณ์ประเภทนี้ล่ะนะ
ดังนั้น รีบๆ มา รีบๆ ไปน่าจะดีกว่านะครับ เดี๋ยวช่วงนี้จะอัพไวๆ นิดนึงนะครับ
จะได้พ้นช่วงอ่านแล้วอึดอัดกันไปซะที สัปดาห์นี้จะลงอีกตอนครับ ^ ^