Pretty Boy II
ตอนที่ 31-(2)
The Happy Ending Chapter
เพื่อให้ได้อารมณ์ กรุณาเปิดเพลงคลอไปด้วย หลายๆรอบจากว่าจะจบพาร์ทพี่ครามนะคะ ^_^
http://www.youtube.com/watch?v=r7Yl3AxoEYk[Song-Khram talks]
ผมมองคนที่นั่งอยู่บนรถขำๆ มีรู้ว่าจะเกร็งอะไรนักหนา ทั้งๆที่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาจะไปหาพ่อแม่ผม เสาร์นี้แม่ผมโทรมาหา สั่งให้ผมพาริชไปหา ที่แรกเขาก็เฉยๆ ดีใจด้วยซ้ำที่จะได้ไปเจอแม่ผม เดี๋ยวนี้สองคนนี้เขาสนิทกันครับ โทรคุยกันบ่อยๆ แต่พอเขารู้ว่าพ่อผมก็อยู่บ้านก็ทำหน้าปูเลี่ยนแบบไม่อยากไป
“เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้วน่า” ผมพูดขำ หักพวงมาลัยเลี้ยงรถเข้าบ้าน
“เฮ้อ ผมกลัวอ่ะ” ริชพูดเสียงเบา
“ยังจะกลัวอะไรอีก ไม่ชินอีกเหรอไง” ผมดับเครื่องยนต์ หันหน้าไปมองเด็กข้างๆ
“ไม่มีทางที่จะชินง่ายๆหรอก แล้วทำไมที่บ้านพี่ต้องมีคนชุดดำอยู่เยอะขนาดนี้ด้วย” ริชทำหน้าไม่ชอบใจก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ
ริชคงไม่ชินที่มีลูกน้องพ่ออยู่เต็มบ้านแบบนี้ ผมก็ไม่ชอบเพราะมันไม่มีความเป็นส่วนตัว แต่ไม่มีก็ไม่ได้ ชีวิตของมาเฟียก็เหมือนชีวิตที่ถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย ศัตรูมีอยู่รอบด้าน จึงจำเป็นต้องระวังภัยให้แน่นหนาที่สุด จะประมาทไม่ได้เด็ดขาดแม้จะอยู่ในบ้านตัวเองก็ตาม
ผมเดินเข้าบ้านไปที่หลังริช แม่กับริชนั่งคุยกัน ผมยกมือไหว้แม่ก่อนจะเดินแยกไปหาพ่อที่ห้องทำงาน ผมเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้าไป พ่อที่นั่งอ่านทำงานอยู่เงยหน้ามองผมก่อนจะเอนหลังผิงพนักเก้าอี้ ผมเดินไปนั่งที่โซฟาภายในห้อง
“เด็กนั่นล่ะ” พ่อถาม ผมแปลกใจนิดๆที่อยู่ๆพ่อก็ถามถึงริช
“ทำไม สนใจด้วยเหรอ” ผมย้อนถามหน้าตาย
“อย่ากวน ก็แค่ถาม” พ่อตีหน้านิ่ง ผมแสยะยิ้มมุมปาก
“อยู่กับแม่ที่ห้องนั่งเล่น” ผมบอก พ่อพยักหน้ารับ พ่อเงียบผมเงียบ เหมือนเรากำลังหยั่งเชิงกันอยู่
“ตกลงพ่อจะยอมรับเมียผมไหม” ผมถามและผมต้องได้คำตอบ เพราะผมไม่อยากให้มันเอาชีวิตไปเสี่ยงอะไรอีกแล้ว
“แล้วถ้าฉันบอกว่าไมล่ะ” พ่อถามผมอย่างเป็นต่อ
“ก็ไม่ไง ผมก็แค่จะไม่พามันมาบ้านอีกแค่นั้น มันเรื่องของพ่อไม่ใช่เรื่องของผม แต่ครอบครัวผมพ่ออย่างยุ่งก็แล้วกัน” ผมพูด เพราะนี่เป็นเรื่องของผมชีวิตของผม เรื่องของพ่อ ครอบครัวคู่ครองของพ่อผมไม่เคยเข้าไปยุ่ง เพราะมันไม่ใช่เรื่องของผม เพราะฉะนั้นพ่อก็ไม่ควรมายุ่งเรื่องของผมกับริช
“เออ เอาเถอะ ต่อให้บอกว่าไม่ยอมฉันจะไปห้ามอะไรแกได้ แถมแม่แกก็ยังให้ท้ายอีก ฉันตัวคนเดียวคงสู้ไม่ได้หรอก เฮอะ!” พ่อพูดหน้าตึง ผมฟังนิ่งๆไม่ได้แสดงออกว่าดีใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“ถ้างั้นก็ดี”
“แล้วตกลงว่าเด็กนั่นเป็นเมียแกไปแล้วใช่ไหม” พ่อขมวดคิ้วถามผม ผมมองตอบพ่อก่อนจะพยักหน้า พ่อถอนหายใจออกมาเบาๆ
“แล้วนี่ฉันต้องทำอะไรบ้าง ต้องไปสู่ขอลูกเขาให้แกไม่เนี่ย เด็กผู้ชายอีก ต้องจัดการแต่งไหม?” พ่อพูดกับผมเหมือนคนสับสน ผมยิ้มขำกับท่าทางของพ่อในใจ
“พ่อไม่ต้องทำอะไรหรอก แค่ไม่แกล้งมันก็พอแล้ว ส่วนเรื่องแต่งงานคงไว้ก่อนเรื่องนั้นผมจัดการเอง” ผมบอก ที่จริงทุกวันนี้ริชก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในบ้านผมไปแล้วนะ นามสกุลมันก็ใช้ของผม แค่นี้ผมก็ถือว่ามันเป็นของผมเต็มตัวแล้ว
“ฉันเริ่มโครงการคาสิโนที่รัสเซียไว้แล้ว เดี๋ยวฉันจะโอนให้แก่ไปดูแล ฝากด้วย”
“ครับ” โครงการนี้ผมคุยกับพ่อมาก่อนหน้านี้แล้ว
“แล้วก็...ขอโทษแล้วกันที่ทำให้เมียแกเจ็บตัว”
“ไม่เป็นไรครับ”
คุยกับพ่อเสร็จผมก็เดินไปหาที่ริชที่ห้องนั่งเล่นแต่ไม่อยู่ ผมกวักมือเรียกเด็กรับใช้มาถามดูก็รู้ว่าริชกับแม่ผมอยู่หลังบ้าน ผมเลยเดินไปที่หลังบ้าน ริชกับแม่นั่งเล่นกันอยู่บนสนามหญ้าที่มีผ้าผืนใหญ่รอง ข้างๆริชมีหมาพันธุ์ลาบาดอร์อยู่ตัว ตัวนี้เป็นตัวที่ใจดีที่สุดแล้ว ริชพอเห็นผมก็ยิ้มให้ผม เดี๋ยวนี้มันยิ้มบ่อยมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ค่อยจะเชื่อฟังผมเหมือนเดิม
“ไงเรา ไปคุยอะไรกับพ่อมาล่ะ” แม่ถามผมที่ล้มตัวลงนั่ง แม่ผมกำลังนั่งถักนิตติ้งอยู่ ในมือริชก็มี สงสัยจะถูกแม่ผมบังคับให้ทำ
“ก็เรื่อยเปื่อย พ่อจะให้ผมดูงานสร้างคาสิโนแทน” ผมบอกแล้วก็ทิ้งตัวนอนลงบนตักริช ริชเกร็งตัวตกใจอยู่แปบหนึ่งก่อนจะคลายอาการเกร็งลง ผมจ้องตาริชที่ก้มมองผม
“อยากกินองุ่น” ผมบอก ริชทำหน้าเลิกลั่กมองไปทางแม่ผม แต่แม่ผมแค่ยิ้มบางๆแล้วก็ก้มหน้าถักนิตติ้งอยู่ ริชถึงได้เอื้อมมือไปเด็ดองุ่นมาป้อนผม ผมอ้าปากรับก่อนจะเคี้ยวโดยที่ยังคงจ้องเจ้าของตักไม่วางตา หน้าริชแดงขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ป้อนองุ่นผมไม่บ่นสักคำ โธ่ ก็ถ้าไม่อยู่ต่อหน้าแม่ผมคงโดนทุบไปแล้ว
“อะแฮ่ม จะสวีทกันก็เกรงใจแม่บ้าง” แม่ผมพูดขึ้นลอยเหมือนจะบอกเป็นนัยว่าแม่ยังอยู่ตรงนี้นะ
“แม่ก็ไปสวีทกับพ่อสิ” ผมพูดโดยที่ตายังจ้องริชไม่หยุด ผมชอบเวลามันเขินครับ ตลกดี
“ไม่เอาล่ะ น่าเบื่อ” แม่ผมตวัดเสียงพูด ผมส่ายหน้าขำๆ
“แต่พ่อเขารักแม่นะ” อันนี้ริชเป็นคนพูดครับ แม่ผมหยุดถักกิตติ้งแล้วก็เงยหน้ามองคนพูดนิ่งๆ
“จริงๆนะ ผมไม่รู้หรอกว่าพ่อกับแม่ทะเลาะอะไรกัน แต่ถึงผมเป็นคนนอกผมยังดูออกเลย” ริชพูดเนิบๆเหมือนจะไม่กล้าพูด แต่ก็พูดไม่หยุด
“เขาจ้างมาพูดหว่านล้อมแม่เท่าไหร่หืม แม่ให้มากกว่าเลยเอ้า” แม่ผมแหย่ริช ริชส่ายหน้าทันที
“เปล่านะ ผมแค่พูดตามที่เห็นน่ะ ตอนที่พ่อไปซื้อเป็ดให้แม่นะ พ่อไม่ห่วงตัวเองเลยด้วยซ้ำ”
“นั่นเพราะโง่เองไม่ใช่เหรอไง” แม่ผมขึ้นเสียงแบบหมั่นไส้พ่อ ริชได้แต่ยิ้มแหยงๆ ก้มหน้ามองผมเหมือนจะให้ช่วย แต่ผมส่ายหน้าก่อนจะกระดิกนิ้วให้ริชก้มลงมา ริชทำตามผมเลยกระซิบเบาๆ
“ไม่ต้องไปยุ่งเรื่องพ่อกับแม่หรอก เค้าไม่ได้โกรธกัน แค่แหย่กันเฉยๆ” ผมบอก ริชเบิกตาโตทำหน้าไม่เชื่อ
“จริงเหรอ” ริชถามผม
“อืม” ผมยักคิ้วใส่
“นี่ นินทาอะไรแม่กันสองคนนี้” แม่ผมนี่หูดีจริงๆ ผมหลับตาลงไม่สนใจ ปล่อยให้ริชรับมือแม่ผมเอาเอง
ผมอาบน้ำเสร็จออกมาก็เห็นริชนั่งเสียบหูฟังอยู่หน้าคอมนิ่ง ผมเดินไปใส่เสื้อผ้า ตอนนี้กลับมาที่บ้านผมแล้วครับหลังจากกินข้าวที่บ้านนู้นเสร็จ ทีแรกแม่ผมจะให้นอนค้างที่นู่น แต่ผมไม่อยาก และริชเองก็คงไม่ชินที่จะนอนที่นู่นเท่าไหร่ ถึงริชไม่พูดผมก็พอเดาได้
ผมแต่งตัวเสร็จก็เดินลงไปข้างล่างไปตรวจเช็คความเรียบร้อยข้างล่าง เค้กกำลังซ้อมเปียโนอยู่ในห้องซ้อม ที่แต่ก่อนเป็นห้องเก็บของ แต่ผมสั่งให้ช่างมาทำใหม่ให้เป็นห้องซ้อมเก็บเสียงโดยเฉพาะ ครั้งนี้เค้กดูตั้งใจฝึกฝนมากกว่าเดิมเยอะ ไอ้ทราฟที่นอนเฝ้าเค้ก
เมื่อดูแลไม่มีอะไรผมก็เดินขึ้นห้อง ริชยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ผมเดินไปยืนข้างๆ ริชเงยหน้ามองผมด้วยสภาพที่น้ำตานองหน้า แล้วเขาก็หมุนเก้าอี้หันมากอดเอวผมที่กำลังตกใจอยู่
“ฮึก ฮืออ” ผมกอดตอบ ไม่รู้ว่าริชเป็นอะไร
“เป็นไร” ผมถามเสียงนุ่ม ริชส่ายหน้ากับหน้าท้องผมแต่ก็ยังไม่หยุดร้องไห้ ผมดึงตัวริชออกก่อนจะนั่งยองๆตรงหน้ามัน ริชปาดน้ำตาออก ตาแดงจมูกแดงไปหมด ผมว่าเค้กขี้แยแล้วนะ เด็กนี่ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก
“ร้องทำไม” ผมถามอีกครั้ง แต่ริชก็ยังคงส่ายหน้าจนผมเริ่มหงุดหงิด
“ผมไม่ได้เป็นอะไร”
“ไม่ได้เป็นอะไรแล้วร้องไห้ทำไม” ผมใช้เสียงแข็งนิดๆ ริชนั่งเงียบ หยาดน้ำตาไหลลงมาหนึ่งหยด
“ผม...ขอบคุณนะ” เขายิ้มทั้งน้ำตา ผมงงไปหมดไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร
“ขอบคุณ...ขอบคุณ ฮือ ที่พี่อยู่กับผมตรงนี้ ฮึก” ริชสะอื้นหนัก ผมดึงตัวมันให้ลงมานั่งบนตักผม ถึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผมไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่มันร้องไห้ปริ่มจะขาดใจแบบนี้
“ขอบคุณ ฮึก ที่พี่ให้ชีวิตใหม่แก่ผม” ริชพยายามที่จะหยุดร้องเพื่อที่จะพูดให้จบ ผมตั้งใจฟังสิ่งที่มันกำลังพูด
“ถ้าขาดพี่ไปแล้วผมคงไม่เหลืออะไร พี่จะไม่ทิ้งผมใช่ไหม” คำพูดท้ายประโยคดังแผ่วเหมือนมันเองก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก
“ฉันจะไม่ทิ้งนาย ไม่ทิ้งหรอก เลิกร้องได้แล้ว” ผมพูดจริงจัง สิ่งที่ริชถามอาจจะดูงี่เง่าไปเสียหน่อย แต่สำหรับคนบางคน คนที่ขาดความมั่นใจไปทุกเรื่องอย่างริช ผมรู้ว่าเขาต้องการความมั่นใจมากกว่าคนอื่นหลายเท่า
“จริงๆนะ อย่าหลอกผมนะ”
“อืม ทำไม คิดว่าฉันจะทิ้งนายเหรอ” ผมถามกลับ อยากรู้ว่าอะไรทำให้มันเป็นแบบนี้
“เปล่าหรอก” ริชตอบอ้อมแอ้มอยู่กับไหล่ผม
“แล้วร้องไห้ทำไม” ผมยังคงซักไซ้ถามเอาความจริง
“ผม...คือ....” ริชอึกอักเหมือนไม่อยากพูด
“พูดมาเร็วๆ” ผมใส่เสียงเข้มเข้าขู่ ริชขยับหนั่งตรงๆแทน
“ผมก็แค่ฟังเพลงแล้ว...เพลงมันซึ้งอ่ะ” ริชตอบเสียงเบาๆ
“แล้วนายก็เลยร้องไห้” ผมพูดตา ริชพยักหน้ารับ โธ่ ไอ้เราก็คิดว่าเป็นอะไร ว่าแล้วก็ดีดหน้าผากมันไปทีด้วยความหมั่นเขี้ยว
“เจ็บนะ พี่ไม่เข้าใจความรู้สึกของผมหรอก” ริชพูดหน้างอ ผมยิ้มกับท่าทางงอนๆของริช
“เข้าใจสิ ทำไมฉันจะไม่เข้าใจ” ผมพูด ริชช้อนตาขึ้นมองผม
“พี่รักผมไหม”
“รักสิ”
“ผมก็รักพี่ รักมากเลย พี่อย่าเบื่อผมนะ ต่อให้ผมดื้อพี่ก็ห้ามเบื่อผมนะ”
“อืม ไม่เบื่อหรอก”
ริชหลับไปแล้วครับหลังจากที่ร้องไห้หนัก ผมนั่งพิงหัวเตียงลูบผมคนที่นอนหลับสนิท ถ้าผมไม่เจอมันก่อนที่มันจะรู้เรื่องพ่อแม่ มันจะเป็นยังไง จะอยู่ยังไง จะมีใครดูแลไหม แต่วันนี้มันอยู่กับผมแล้ว ผมก็จะดูแลมันให้ดีที่สุด ผมเองก็ไม่คิดหรอกว่าจะรักเด็กคนนี้ได้ ทั้งดื้อทั้งเถียงเก่ง ไม่เคยที่จะเชื่อฟัง แต่อีกด้านของความแข็งกระด้างผมมองเห็นความอ่อนแอ ชอบแสร้งว่าไม่เป็นอะไรทั้งที่ข้างในกำลังทุกข์มากแท้ๆ ผมรู้นะว่ามันชอบไปแอบร้องไห้คนเดียว ผมจึงบอกกับตัวเองไว้ว่า ถ้ามันอยู่กับผม มันจะไม่มีวันได้ไปแอบร้องไห้อีกแล้ว ถ้าริชร้องไห้ มันก็จะมีผมคอยปลอบเสมอ
จุ๊บ ~
ผมก้มลงจูบที่หน้าผากเหม่งๆของริชเบาๆ ยิ้มนิดๆให้กับความน่ารักของมัน เบื่องั้นเหรอ...คงไม่มีทางหรอก มีแต่มันนั่นแหละที่ชอบทำหน้าเบื่อผมเวลาที่ผมสั่งหรือขัดใจมัน
ผมลุกขึ้นจากเตียงว่าจะเดินไปปิดคอมที่ริชเปิดทิ้งไว้ แต่หน้าเว็ปที่เปิดอยู่ทำให้ผมต้องนั่งลง หยิบหูฟังขึ้นมาเสียบใส่หัว ก่อนจะกดให้เพลงที่ริชฟังไปก่อนหน้านี้เล่น เพลงที่ทำให้มันร้องไห้ได้ขนาดนั้น
ในโลกที่มี ความวกวน
ในโลกที่ทุกคนต้องดิ้นรน
ที่สับสน ร้อนรนจนใจ นั้นแสนเหนื่อย
ในโลกที่ความทุกข์ท้อใจ
ได้เดินผ่านเข้ามาเรื่อยๆ
จนบางครั้งไม่รู้จะข้ามไปเช่นไร
แต่ยิ่งชีวิต ยิ่งผ่าน ยิ่งได้พบ ยิ่งเจอ
กลับทำให้ฉันยิ่งคิด ในใจ
ฉันดีใจทีมีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ
เธอคือกำลังใจเดียวที่มี ไม่ว่านาทีไหนๆ
ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะต้องพบ อะไร
และฉันรู้และฉันอุ่นใจ
ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่ ตรงนี้
ฉันก็รู้ และฉันอุ่นใจ
ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่กับฉัน
หึหึ ไม่ได้มีแค่มันคนเดียวหรอกครับที่ดีใจ ผมเองก็ดีใจเหมือนกันที่มีมัน
“รักนะเด็กดื้อ”
# ปิดเพลงเก่าแล้วเปิดเพลงใหม่ เพื่ออรรธรสในการอ่าน ^_^
http://www.youtube.com/watch?v=wTv0R6yPKTo[Traf talks]
“มึงจะออกไปไหนวะ” ไอ้เจถามผมที่กำลังใส่รองเท้าเตรียมออกจากบ้าน
“ไปซื้อของมาบำรุงเค้ก เดี๋ยวกูมา ฝากดูด้วย” ผมบอกมันแล้วก็รีบกระโดดขึ้นรถขับไปที่ห้าง
ช่วงนี้เค้กเครียดมาก เอาแต่อ่านหนังสือกับซ้อมเปียโน นอกจากสองอย่างนี้เค้กแทบจะไม่กระดิกตัวทำอะไรเลย ผมบอกให้พักบ้างก็ไม่ฟัง ยิ่งถ้าผมออกไปสอนหรือไปทำงานที่อู่นะ ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะเค้กจะเอาแต่ซ้อมเปียโนจนลืมทานข้าว ช่วงนี้ล่นปวดท้องบ่อย พอจะพาไปหาหมอก็ไม่ยอมไป เค้กเป็นโรคกลัวโรงพยาบาลครับ น้องบอกว่าเพราะแม่ตายที่โรงพยาบาลและเขาก็ตาบอดที่โรงพยาบาลเขาเลยไม่ชอบ เหมือนว่าถ้าเขาไปแล้วจะต้องเสียของรักไป ผมฟังแล้วก็อึ้ง ไม่คิดว่าเค้กจะมีอคติกับโรงพยาบาลมากขนาดนี้
พอมาถึงห้าง อะไรที่เค้กชอบกินทั้งขนมนมเนยผมซื้อหมด แทบจะเหมาทั้งห้าง แค่สองอาทิตย์ที่ผ่านมาเค้กก็ผอมลงไปมากจนผมใจหาย ผมไม่อยากให้น้องเครียดมากขนาดนี้ เพราะร่างกายจะแย่ก่อนที่จะถึงวันสอบ
ก่อนกลับบ้านผมก็แวะร้านขายยาซื้ออาหารเสริมและยาบำรุงไปให้เค้ก เรียกวว่าบำรุงกันชุดใหญ่เลยครับ ซื้อของเสร็จผมก็กลับบ้าน เมื่อวานแม่กับพ่อผมก็มาเยี่ยมถึงที่บ้านเพราะเป็นห่วงเค้ก คุณธัชชัยพ่อของเค้กยิ่งแล้วใหญ่ มาแทบจะวันเว้นวันอยู่แล้ว
กลับมาถึงบ้านก็เห็นรถพ่อเค้กจอดอยู่ สงสัยมาเยี่ยมลูกชายตัวน้อยอีกแล้ว ผมเดินเอาของเข้าไปเก็บในครัว ไอ้สองที่นั่งดูหนังกับไอ้เจหันมาเห็นผมก็รีบวิ่งเข้ามา
“ของนอก ห้ามกิน” ผมห้ามมัน ไอ้สองทำหน้าหงอยผมเลยส่งถุงขนมที่ซื้อมาฝากพวกมันไปให้ แม่ชอบแย้งขนมเค้กกิน ผมเลยต้องเสียเงินซื้อผ้าเผื่อมันทุกครั้ง ไม่รู้ว่านี่เป็นแผนของมันหรือเปล่า
ผมเดินไปดูเค้กกับพ่อเขาที่ข้างบ้าน เค้กกับพ่อนั่งคุยกันหน้าเครียดอยู่ที่ม้าหิน พอเค้กหันมาเห็นผมก็ทำหน้าโล่งใจอะไรสักอย่าง ผมเดินไปนั่งข้างๆเค้ก
“มีอะไรครับพ่อ” ผมถาม
“พ่อดุเค้ก” แต่เค้กชิงฟ้องผมก่อน พ่อเลยมองเค้กแบบปรามๆ
“จะไม่ให้ดุได้ไง พ่อบอกแล้วไงว่าให้ดูแลตัวเองมาก ยิ่งมาหาก็ยิ่งผอมยิ่งโทรม” พ่อดุเค้กหน้าหงอยแล้วหงอยอีก ก้มหน้าจนแทบจะชิดติดหน้าอกอยู่แล้ว น้องเหล่ตามองผมเหมือนจะขอความช่วยเหลือ แต่ผมนั่งนิ่ง เพราะบางทีผมก็อยากจะดุเหมือนกันนั่นแหละ แต่เห็นว่าเค้กเครียดมากพออยู่แล้วเลยไม่ตัดใจไม่ดุ
“ก็เค้กเครียดนี่นา” เค้กพูดเสียงอ่อยเหมือนเด็กทำความผิด
“แล้วเค้กจะเครียดทำไมครับ ทำให้ดีที่สุดก็พอ เค้กคิดว่าพ่อจะดีใจเหรอถ้าเค้กสอบติดแต่ล้มป่วยนะ คิดบ้างไหมว่าพ่อกับทราฟจะรู้สึกยังไงที่เห็นเค้กเป็นแบบนี้” คุณพ่อพูดเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นว่าลูกชายคนเก่งกำลังจะร้องไห้ เค้กเงยหน้ามองพ่อตัวเองก่อนจะมองมาที่ผม ดวงตาของเค้กมีน้ำตาคลอแต่ยังไม่ไหลลงมา
“เค้กขอโทษ แต่เค้กกลัวสอบไม่ติด” เค้กพูดเสียงสั่น ผมเอื้อมมือไปกุมมือเค้กไว้แล้วบีบเบาๆอย่างให้กำลังใจ
“พ่อรู้ แต่พ่อไม่ชอบที่เค้กเอาแต่หมกตัวอ่านหนังสือและซ้อมเปียโน เค้กทำได้ เค้กขยันซ้อมนั่นเป็นเรื่องที่ดีนะลูก แต่ไม่ใช่ว่าทำจนเกินพอดีแบบนี้ แล้วทราฟบอกพ่อว่าช่วงนี้บ่นปวดท้องบ่อยเพราะไม่กินข้าว จริงหรือเปล่า” พ่อกดเสียงถามเค้กดุๆ เค้กเหล่ตามามองผมที่นั่งอมยิ้มนิดๆก่อนจะหันไปยิ้มแหยะกับพ่อตัวเอง
“ก็ ปวดนิดหน่อย อืม...ก็ไม่หน่อย ปวดมากอยู่” เค้กตอบครึ่งเสียง พ่อเมื่อได้ฟังก็ทำหน้าเครียดขึ้นทันที
“พรุ่งนี้พาน้องไปหาหมอด้วยทราฟ ยังไงก็ต้องพาไป ห้ามบิดพริ้ว”
“พ่ออ่า แต่เค้ก...”เค้กโอดครวญทันที บอกแล้วครับว่าเค้กเป็นโรคกลัวโรงพยาบาล
“ไม่มีแต่ทั้งนั้น ถ้าพ่อรู้ว่าเค้กไม่ยอมไปหาหมอนะ โดนดีแน่ๆ” พ่อคาดโทษลูกชายตัวดี เค้กเบ้หน้าไปพอใจ แต่ก็ยอมพยักหน้ารับคำแต่โดยดี
“ก็ได้ เค้กไปหาหมอก็ได้!” เค้กกระชากเสียงห้วนเบาๆ พ่อได้แต่ส่ายหน้าให้ความดื้อรั้นของเด็กน้อย
“พ่อต้องกลับแล้ว ฝากดูด้วยนะทราฟ ดุบ้างก็ได้ อย่าตามใจนักเลย เดี๋ยวจะเคยตัวไปกันใหญ่” พ่อหันมาพูดกับผม ผมยิ้มรับนิดๆ
“หึ เคยตัวไปแล้วต่างหาก” เค้กบ่นงุบงิบคนเดียว ผมได้ยินเพราะนั่งใกล้ แต่พ่อคงไม่ได้ยิน
หลังจากพ่อกลับไปเค้กก็ยังหน้าหงอยอยู่ที่เดิม ผมเดินถือจานเค้กกับแก้วเครื่องดื่มมาให้น้อง พอเห็นเค้กเท่านั้นแหละยิ้มออกทันที
“อร่อย” เค้กยิ้มตาหยี ผมเอื้อมมือไปเช็ดครีมเค้กที่มุมปากเค้กให้ก่อนจะเอาเข้าปากตัวเอง เค้กมองอึ้งๆก่อนจะก้มหน้าเขิน
“ได้กินเค้กแล้ววันนี้ต้องกินข้าวสองจานนะครับ” ผมบอก เค้กนิ่งคิดก่อนจะตอบตกลง
“ก็ได้ครับ ที่จริงเค้กก็กินเยอะนะ เพียงแต่ช่วงนี้มันไม่ค่อยอยากอ่ะ”
“เพราะเค้กเครียดเกินไปต่างหาก” ผมบอก เค้กถอนหายใจออกมาแรงๆ
“เอาเถอะ ต่อไปเค้กจะไม่เครียดแล้ว เค้กขอโทศนะที่ทำให้พี่ทราฟเป็นห่วง” เค้กทำหน้าสำนึกผิด
“ไม่เป็นไรครับ”
วันต่อมาผมพาเค้กไปหาหมอ แล้วก็จริงครับ สุดท้ายเจ้าตัวดีของผมก็เป็นโรคกระเพาะจนได้ เค้กหน้าเสียเมื่อหมดบอกก่อนจะหันมามองหน้าผมอย่างขอกำลังใจ
“เค้กไม่อยากกินยาเลยอ่ะ” เค้กบ่นหน้าหงิกหน้างอ โบกถุงยาในมือไปมาราวกับว่ารำคาญมันเต็มทน ถ้าผมเผลอเค้กอาจจะเหวี่ยงถุงยานั่นลงถังขยะได้
“ช่วยไม่ได้นะ เค้กอยากไม่กินข้าวเอง” ผมแกล้งประชดเขา เค้กมองค้อมผมก่อนจะรีบเดินจ้ำอ้าวไปที่รถ ผมมองตามยิ้มๆ
“พี่ทราฟ พาเค้กไปที่หนึ่งหน่อยสิครับ” เค้กบอกผม ผมหันไปเลิกคิ้วถาม
“ที่ไหนครับ” ผมดึงเข็มขัดมาคาดก่อนจะเอื้อมไปคาดให้เค้กบ้าง เค้กชอบไม่คาดเข็มขัดบอกว่าอึดอัด ผมเข้าใจแต่ความปลอดภัยต้องมาก่อน
“เค้กอยากไปที่หอเก่านะครับ”
“ได้สิครับ”
ผมขับรถพาเค้กไปที่หอเก่าที่น้องเคยอยู่ สงสัยคงจะคิดถึง ก่อนถึงเค้กให้ผมจอดข้างทางให้เขาแวะซื้อของไปฝากเจ้าของหอและคนแถวนั้น ผมหาที่จอดรถได้ก็เดินตามไปช่วยคนตัวเล็กถือของ เสร็จแล้วก็ขึ้นรถขับตรงไปที่ห้อง เค้กลงจากรถแล้วก็วิ่งไปหาพี่ยาม ยามที่เฝ้าหอดูจะตกใจไม่น้อยที่เห็นหน้าเค้ก ยิ่งพอรู้ว่าเค้กมองเห็นแล้วก็ตกใตมากขึ้นไปอีก ทีนี้พี่ยามก็ตะโกนเรียกคนที่อยู่ใกล้ๆ หลายคนที่รู้จักเค้กก็เค้ามาถามไถ่ ส่วนมากจะเป็นพวกพี่ๆป้า เค้กหัวเราะเล่านู่นเล่านี้ให้ทุกคนฟังด้วยใบหน้าเปรี่ยมสุข
ผมไปหาที่นั่งรอเค้กที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ปล่อยให้เขาได้พูดคุยกับคนแถวนั้นอย่างสบายใจ เค้กมองหาผมก่อนจะส่งยิ้มให้ ผมเลยยิ้มตอบ พอพูดคุยกับคนแถวนั้นเสร็จเค้กก็เดินเข้าไปในหอสักพัก คงไปหาเจ้าของหอ แต่ตอนออกมาเค้กไม่ได้ออกมาคนเดียว มีเด็กผู้ชายที่ผมเคยเจอมาแล้วเดินตามออกมาด้วย แถมทั้งคู่ยังคุยกับอย่างสนุกสนาน เด็กนั่นมันชื่อบิ๊กผมจำได้ และผมรู้ด้วยว่ามันชอบเค้ก ผู้ชายด้วยกันผมมองออกครับ
เค้กเดินตรงมาหาผมก่อนจะหันไปหาบิ๊ก เด็กนั่นเมื่อเห็นผมก็ชะงักเท้าเล็กน้อย จากที่ยิ้มก็ตีหน้าเรียบ
“บิ๊ก นี่พี่ทราฟเป็น...แฟนพี่” เค้กพูดเขินๆ แต่ไอ้เด็กนั้นตาโตอ้าปากค้างไปเป็นทีเรียบร้อย โทษทีนะน้อง แค่คนนี้ของพี่วะ
“อ่า ครับ สวัสดีครับ” ไอ้บิ๊กยกมือไว้ผม แต่เชื่อเถอะว่ามันไม่เต็มใจหรอก แต่มันเกรงใจเค้กมากกว่า สายตาของมันมองผมแบบไม่พอใจเล็กๆ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกอะไรมาก
“พี่ทราฟ เดี๋ยวเค้กมานะ เอาขนมไปให้เจ้าของร้านขายปลาก่อน” เค้กบอก
“ขึ้นรถสิครับ เดี๋ยวพี่พาไป” ผมบอก แต่เค้กส่ายหน้าไม่ยอม
“ไม่เอา เค้กอยากเดินไปเหมือนเมื่อก่อน” เค้กบอก
“งั้นพี่ไปด้วย” ผมบอก เค้กยิ้มแล้วก็เดินนำ โดยที่ผมและไอ้เด็กบิ๊กเดินตาม เค้กเดินทักคนโน่นคนนี้ตลอดทาง ผมเดินตามก็ยิ้มให้กับความน่ารักของคนข้างหน้า ผมชอบรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเค้ก มันกังวาลใสราวกับกระดิ่งโต้ลม เค้กหันมายิ้มให้ผมอย่างสดใส ผมอยากเขายิ้มแบบนี้ไปเรื่อยๆ และผมก็อยากจะเป็นคนที่ทำให้เขามีความสุขที่สุด
“คุณคงรักพี่เค้กมาก” บิ๊กพูดเบาๆเพียงพอให้เราสองคนได้ยิน
“อืม” ผมตอบแค่นั้น บิ๊กเงียบไป
“ผมชอบพี่เค้ก ชอบตั้งแต่ที่พี่เขายังตาบอด” บิ๊กพูดเบาๆ ผมรับฟังไว้
“ขอบคุณที่ทำให้พี่เค้กมองเห็นอีกครั้ง” บิ๊กพูด ผมหันไปมอง เขามองไปทางเค้ก แววตาที่ทั้งดีใจและเสียใจของเขาทำให้ผมซึ้งในน้ำใจของเด็กคนนี้
“ฉันก็ต้องขอบใจเหมือนกันที่นายช่วยดูแลเค้กก่อนหน้านี้”
“วางใจเถอะ ผมไม่ได้ทำเพื่อคุณ”
“หึหึ เหมือนกัน”
เพราะเราทั้งคู่ต่างทำเพื่อนคนที่รัก
3 เดือนผ่านไป
“พี่ทราฟฟฟฟฟฟ!!!!” เสียงของเค้กดังทั่วบริเวณ ผมและเด็กคนอื่นๆในโรงฝึกต่างหยุดทำหน้าที่ของตัวเองและจับจ้องไปที่ประตูทางเข้า แปบเดียวเค้กก็วิ่งตรงเข้ามาหาผม เค้กร้องไห้น้ำตานองหน้า แล้วเขาก็กระโจนเข้ากอดผมเต็มๆ ผมรีบรับร่างเค้กไม่ให้ล่วงลงไปกับพื้น
“อะไรครับ” ผมถามเค้ก ตกใจนิดๆที่อยู่เค้กก็วิ่งเข้ามาหาแบบนี้
“เค้กสอบติดแล้ว ฮืออ เค้กสอบติดแล้ว เค้กทำได้แล้วพี่ทราฟ เค้กทำได้แล้ว!!” เค้กตะโกนลั่น เด็กในโรงฝึกปรบมือให้เค้กพร้อมกับตะโกนแสดงความดีใจกับเค้กยกใหญ่
“เก่งมากครับคนเก่ง” ผมเอ่ยชม เค้กร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความดีใจ ผมจึงต้องเลิกสอนแล้วพาเค้กกลับบ้าน ผมอุ้มเค้กมานั่งที่ม้านั่งข้างบ้าน ตรงนี้เป็นมุมโปรดของเค้ก
“เค้กดีใจอ่ะเค้กทำได้แล้ว” เค้กยิ้มหน้าบาน มือก็เช็ดน้ำตาไปด้วย ผมยิ้มกว้างรับความสำเร็จของเค้ก เขาทุ่มเทมาก ผมเห็นความพยายามของเค้กตั้งแต่ต้นและผมก็ดีใจที่เขาทำได้
“เก่งที่สุดเลยครับ” ผมดึงเค้กเข้ามากอดแล้วก็หอมแก้มเค้กเบาๆ
“รอแปบนะพี่ทราฟ เดี๋ยวเค้กมา” เค้กลุกขึ้นวิ่งเข้าบ้าน ผมมองตามอย่างสงสัย จนกระทั้งเค้กวิ่งกลับบ้านมาพร้อมกับกีตาร์โปร่งของผม
“เค้กอยากเล่นเพลงๆหนึ่งให้พี่ทราฟ” เค้กบอก
“เล่นให้พี่เนี่ยนะ” ผมถามกลับ
“ครับ ตั้งใจฟังนะ ผมอยากให้พี่ทราฟรู้ความรู้สึกของเค้ก” เค้กพูดเสียงจริงจัง ผมยิ้มตอบก่อนจะพยักหน้าเบาๆ ถึงไม่บอกผมก็ตั้งใจฟังอยู่แล้ว
เมื่อไหร่ที่ฉันนั้นอ่อนล้า และเหมือนต้องยืนลำพัง
สิ่งหนึ่งที่เหลือเป็นความหวัง คือเธอคนเดียวรู้ไหม
ก็เพราะเธอคือลมหายใจ ให้ฉันได้มีชีวิตอยู่
อยู่เพื่อรักเธอและจะรักอย่างนี้เรื่อยไป
เสียงใจๆของเค้กสะกดให้หัวใจผมหยุดยิ่ง ทำน้ำเสียงและเนื้อหาของเพลง แม้กระทั้งแววตาที่น้องมองผม เหมือนเขาต้องการสื่อความรู้สึกทั้งผ่านบทเพลงแสนหวานนี้ให้ผมคนเดียว
จะห่างกันแสนไกลสุดฟ้า ฉันนั้นก็พร้อมจะไป
ไม่ว่าจะแสนนานแค่ไหน เฝ้ารอแต่เธอเสมอ
ก็เพราะเธอคือใจทั้งใจ และฉันไม่มีเธอไม่ได้
อยู่เพื่อรักเธอและจะรักอย่างนี้เรื่อยๆไป
เธอคนเดียวที่ทำให้วันทุกวันมีความหมาย
สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต คือการได้พบเธอ และเราได้รักกัน
ถ้าหากวันไหนเธออ่อนล้า ฉันนั้นจะคอยดูแล
จะอยู่เป็นเพื่อนเธอเมื่อแพ้ ไม่ห่างจากกันจำไว้
ก็เพราะเธอคือใจทั้งใจ และฉันไม่มีเธอไม่ได้
อยู่เพื่อรักเธอและจะรักอย่างนี้เรื่อยๆไป
อยู่เพื่อรักเธอและจะรักอย่างนี้เรื่อยๆไป
เพลงจบลงแล้ว เค้กวางกีตาร์ลงกับพื้นก่อนจะขยับเข้ามานั่งข้างๆผม แววตาสั่นระริกของเค้กมีน้ำตาคลอน้อยๆ ผมยกมือจับที่ใบหน้าเค้กเบาๆ หยดน้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมา ผมเช็ดออกให้อย่างเบามือ
“ขอบคุณนะครับ ไม่มีพี่ทราฟ เค้กก็คงไม่มีวันนี้”
“ด้วยความยินดีครับ”
“เค้กรักพี่นะ”
“พี่ก็รักเค้ก รักมาก และจะรักอย่างนี้เรื่อยๆไป”
แล้วผมก็โน้มหน้าหาใบหน้าหวานตรงหน้าเพื่อจุมพิต เค้กหลับตาลงก่อนจะตอบรับทุกความรักของผมที่ส่งผ่านไปถึงเขา ไม่ว่าจะเป็นเพราะโชคชะตาหรือผมลิขิต หรือจะเป็นปลาทองของไอ้เจที่ตายไปแล้ว หรือบางทีอาจจะเป็นไอเจก็ได้ที่ทำให้ผมได้เจอกับเค้ก แต่ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้ผมได้เจอเขา ผมบอกจากใจเลยว่าผมขอบคุณมาก และผมสัญญาว่าผมจะดูแลเขาให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะดูแลคนที่รักได้ ผมจะทำ ผมสัญญา
จบบริบูรณ์
..............................................................
จบลงแล้วอย่างสวยงามสำหรับเรื่องราวความรักของทั้งสี่คนสองคู่ แต่งไปร้องไห้ไป
น้ำตานองหน้านองหน้าจอคอม ใจหายอย่างสุดซึ้งที่ต้องจบเรื่องนี้ลง แต่เป้นธรรมดามีพบต้องมีจาก มีเริ่มต้องมีจบ
ริริขอขอบคุณคนอ่านที่น่ารักทุกคนที่ติดตามกันมาตั้งแต่ภาคแรกและถึงตอนนี้ ริริซึ้งใจมากจนไม่สามารถกลั่นกรองออกมาเป็นคำพูดได้ แต่รู้ไหมค่ะ เพราะนักอ่านทุกคน นิยายเรื่องนี้ถึงได้จบลงอย่างสมบูรณ์ คุณคือส่วนหนึ่งของนิยายเรื่องนี้ค่ะ ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากจริงๆ
P.S. ยังจองหนังสือได้อยู่นะคะ เข้าไปในแฟจเพจเลยค่ะ